ตอนที่ 19กัสเสียงรายการโทรทัศน์ที่ดังมาจากปลายเตียงไม่ได้รับความสนใจจากผมมากนัก แค่เปิดให้มีเสียงคลอเบาๆเพื่อไม่ให้ห้องนั้นเงียบจนเกินไป ด้วยความสนใจตอนนี้ของผมอยู่ที่โน้ตบุ๊คบนตักจากการท่องโลกอินเตอร์เน็ตเว็บไซด์ยอดฮิตที่สามารถพูดคุยกับเพื่อนผ่านหน้าจอแค่เสี้ยววินาที จวบจนรับรู้ถึงสัมผัสเย็นชื้นที่ผิวแก้มผมจึงเงยหน้ามองต้นเหตุที่มายืนอยู่ใกล้เตียงในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวพันท่อนล่างไว้ ‘ชิ น่าหมั่นไส้ทำมายิ้มกว้างตาเยิ้มโชว์กล้ามใส่’ วินจะรู้มั้ยว่าการที่ผมส่งค้อนให้นั้นเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตัวเองอยู่ จะไม่ให้อายได้ยังไงครับ กับการที่มีคนรู้สึกดีด้วยมากๆมาโชว์ซิกแพคแน่นๆกับรอยยิ้มเชิญชวนใส่กันขนาดนี้
“คนน่าไม่อาย รีบไปแต่งตัวเลยไป” แอบดุร่างเกือบเปลือยตรงหน้าให้ออกไปจากสายตาด้วยรู้ว่าใบหน้าผมเกือบจะไหม้แล้ว
วินหัวเราะในคอตาพราวอย่างถูกใจคงรู้ว่าผมอายที่ได้เห็นหุ่นของวิน ก่อนเจ้าของซิกแพคแน่นๆจะเดินออกไปแต่งตัว ไอ้ตาผมนี่ก็เป็นอะไรไม่รู้คอยแต่แอบชำเลืองดูร่างแกร่งที่หันหลังให้ ไม่อยากให้พ่อตัวดีรู้เลยเดี๋ยวจะได้ใจว่าผมหลงหุ่นวิน แค่นี้ผมก็โดนเอาเปรียบขาดทุนจนย่อยยับไปหมดแล้ว
“นั่นแน่ แอบมองวินเหรอ กัสอยากดูอะไรบอกวินสิครับที่รักเดี๋ยววินจัดให้” อยู่ๆเจ้าของร่างสูงก็หันกลับมาอย่างรวดเร็วและล้อเลียนให้ผมได้อายวินคงรู้ว่าผมแอบดูอยู่ ผมที่หลบไม่ทันได้แต่อ้าปากหวอด้วยไม่ทันตั้งตัวว่าจะถูกจับได้ วินที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วด้วยเสื้อกล้ามและบอกเซอร์พร้อมนอนก็เดินมาถึงตัวผมก่อนยื่นหน้ายื่นตามาใกล้อย่างยียวน
“ฮึ ใครอยากดูกันก็แค่....นั่นแหละ วินอาบน้ำเสร็จก็นอนนะ เดี๋ยวกัสไปนอนห้องมิคแล้ว” ผมยังไม่ทันได้ลุกจากเตียงวินก็แกล้งล้มทับมากอดผมไว้ทั้งตัว
“ฮือ วินไม่เอานะอย่าแกล้งกัสสิ” ผมพยายามผลักอกหนาออกจากตัวแต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากพ่อตัวดีเลย วินกระชับร่างผมแน่นขึ้นก่อนลมอุ่นๆจะถูกพ่นมาโดนแถวซอกคอจนผมขนลุกซู่
“วินไม่ได้แกล้งซะหน่อย แค่ขอกอดหน่อยเดียวนะ / จุ๊บ” ปากยังพูดไม่ทันจบดีวินก็ขโมยจุ๊บที่ปากผมแล้ว แบบนี้มันน่าเชื่อถือได้ตรงไหนกัน
“อ๊ะ ไหนบอกแค่กอดไง ขี้โกงอ่ะ” จะไม่ให้ผมโวยได้ยังไงกันไอ้คนเจ้าเล่ห์ปากว่าอย่างทำอีกอย่างชัดๆ ผมรีบเบือนหน้าหนีเมื่อคนข้างบนที่ทำท่าจะก้มลงมาอีก
“ฮึๆๆ ครับวินไม่แกล้งแล้ว ขอนอนกอดกัสหน่อยนะคิดถึงจัง เดี๋ยวค่อยไปหามิคนะครับ นะ” เสียงออดอ้อนของวินส่งมาทำผมใจอ่อน วินคงรู้ว่าผมแพ้เสียงอ้อนของเจ้าตัวจึงขยันอ้อนให้ผมใจอ่อนซะเรื่อยเลย ซึ่งผมก็ไม่อยากขัดใจสิ่งที่เป็นความสุขเล็กๆของวินและของตัวเอง จึงยอมให้พ่อคนเจ้าเล่ห์ได้กอดไปมันก็อุ่นดีนะครับ ‘อุ่นทั้งตัวอุ่นทั้งใจ’ วินซุกหน้ามาที่อกผมนิ่งๆจนได้ยินแต่เสียงโทรทัศน์ที่ปลายเตียง
“กัสครับวินรักกัสนะ วินขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา” ผมสัมผัสได้ถึงความอุ่นชื้นที่กลางอกทำเอาตกใจ เมื่อได้รู้ว่าคนตัวโตที่ซบอกผมอยู่นั้น ‘ร้องไห้’ ผมพยายามพลิกหน้าวินออกจากอกแต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อวินฝืนตัวไว้คงไม่อยากให้ผมเห็นน้ำตา
“วิน” ผมเรียกชื่อคนตัวโตแต่ขี้แยอย่างอ่อนโยนพร้อมลูบผมนุ่มไปมาเพื่อปลอบใจ ด้วยรู้ว่าวินอยากขอโทษผมเพราะรู้สึกผิดจริงๆ
“วินอยากเจอหน้ากัส อยากขอโทษ อยากแก้ตัวกับสิ่งที่ทำโดยไม่ตั้งใจ แต่วินรู้ว่าวินเลวจนกัสไม่อยากเจอวินอีก รู้ทั้งรู้ว่ากัสอยู่ไหนแต่ไม่กล้าไปหา ได้แต่รอให้กัสคลายความโกรธยอมเจอวินให้โอกาสวินได้แก้ตัว จนวันนั้นที่วินได้รับโอกาสจากกัส วินดีใจมากรู้มั้ยครับ ตอนนี้วินมีความสุขมากจนภาวนาขออย่าได้เป็นแค่ฝันที่มีกัสอยู่ข้างกัน ได้กอดกันสัมผัสได้ถึงไออุ่นของกัส กลิ่นหอมๆจากตัวกัส วินขอแค่นี้ขอมีแค่กัสเท่านั้น”
คนตัวโตที่ซบอกผมอยู่พูดความรู้สึกที่เจ้าตัวคงอัดอั้นมานาน ต้นเหตุก็คงมาจากผมที่ทำให้วินเป็นทุกข์แต่เราก็ทุกข์กันมาทั้งคู่ และผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะให้โอกาสวินและตัวผมเองอีกครั้งให้เราได้มีความสุขร่วมกัน ในรักครั้งนี้ที่เราจะค่อยๆสร้างให้มั่นคงและแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อน ที่แค่มีคนมาสะกิดก็พังครืนไม่เป็นท่า แต่รักครั้งนี้แม้มีพายุใหญ่เราจะจับมือกันและฝ่าฟันมันไปให้ได้ ผมสอดมือเข้าสางผมนุ่มพร้อมพูด
“วินครับ เราจะเริ่มกันใหม่เรามาลืมเรื่องเก่ากันนะ เพราะครั้งนั้นไม่ใช่แค่วินที่ผิด กัสก็ผิดที่ไม่ยอมฟังความจากวินและเราก็เจ็บกันทั้งคู่ เพราะงั้นกัสให้สัญญากับวินว่าเราจะคุยกันทุกเรื่องมีอะไรก็จะถามไม่เก็บให้คาใจ วินเตรียมโดนซักได้เลยน้า คิกๆ”
“ฮึๆ วินก็ให้สัญญาว่าจะรักกัสคนเดียวและให้กัสเชื่อใจวินด้วยนะครับ” วินเงยหน้าเมื่อเอ่ยปากสัญญากับผมแววตาที่สบมานั้นจริงจังและผมก็จะเชื่อในคำสัญญาที่วินให้ไว้
วินก้มหน้าเข้าหาริมฝีปากเราสัมผัสกันแผ่วเบาเนิ่นนาน จูบนี้ไม่ได้ลึกซึ้งแต่ให้ความรู้สึกอ่อนหวานและมั่นคงที่วินคงอยากสื่อมาให้ผมรับรู้ เราผละออกจากกันและต่างส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้อีกฝ่าย ‘ผมมีความสุขจัง’ เราสบตากันเนิ่นนานก่อนวินจะเอนตัวลงมาอีกครั้งและดึงผมเข้าไปซบอกกว้างที่อุ่นและคุ้นเคย ผมนอนอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของวินอยู่นานและไม่มีเสียงพูดระหว่างกัน แค่ซึมซับความสุขระหว่างกันไม่ต้องมีบทสนทนาก็สามารถสื่อถึงความรักที่เรามีให้กันได้
“กัสครับ หมอพจน์นี่มาจีบกัสเหรอ หืม” อยู่ๆวินก็ส่งคำถามที่ทำเอาผมแปลกใจจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง แววตาคาดคั้นถูกส่งมาให้แต่ผมก็ไม่นึกโกรธเพราะรู้ว่าวินกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเมื่อเย็นที่วินและหมอพจน์เจอกันวินทำตัวหาเรื่องมากและแสดงความเป็นเจ้าของผมอย่างออกนอกหน้า ด้วยคงจับสังเกตพฤติกรรมของหมอพจน์ได้มั้งว่าคิดอะไรกับผมอยู่
“ฮึๆๆๆ แล้ววินคิดว่าไงล่ะ” ผมส่งคำถามแทนคำตอบที่วินต้องการ แค่อยากจะแกล้งพ่อตัวดีดูบ้างด้วยอยากจะรู้อารมณ์คนขี้แกล้งว่าจะรู้สึกยังไง และผมก็ได้รู้ว่ามัน ‘สนุก’ ที่ได้เห็นคนหน้าหล่อคิ้วขมวดมุ่นอย่างคนไม่ได้ดั่งใจแต่ทำอะไรไม่ได้
“หมอพจน์นั่นมาชอบกัสแน่ๆ ส่งสายตามาให้กัสซะหวานขนาดนั้นไม่รู้ก็แย่แล้ว” วินกระแทกเสียงใส่ในประโยคพร้อมจ้องตาผมอย่างจริงจังออกแนวหวงแหน ทำเอาผมนึกหมั่นไส้ปนขำในพฤติกรรมที่ไม่เคยเปลี่ยนนี้ของวินเลย
“วินก็รู้แล้วนี่ แต่ไม่ต้องแสดงออกมากเหมือนเมื่อเย็นนี้ก็ได้สงสารหมอพจน์เค้า” หลังคำพูดผมวินหน้าบึ้งหนักกว่าเดิมและรัดร่างผมซะแน่นจนหายใจแทบไม่ออก ก่อนจะก้มมาฟัดแก้มผมหลายฟอดอย่างต้องการลงโทษกัน
“โห ก็วินหวงกัสนี่มีไอ้หนุ่มตี๋มาแอบจีบด้วย ตอนที่ไม่มีวินอยู่ใกล้นี่ห้ามใจอ่อนนะรู้มั้ย กัสเป็นของวินคนเดียวและวินก็รักกัสมากกว่าใครๆนะครับ” แววตาขี้เล่นหายไปเหลือแต่แววตาแน่วแน่จริงจัง จนผมต้องยิ้มกว้างให้กับคำบอกรักของคนรักที่ขยันบอกกันเหลือเกิน
“รู้แล้วครับว่าวินน่ะหวง แล้วรู้ไว้ซะถ้ากัสจะใจอ่อนนะ ป่านนี้วินไม่ได้มาอยู่ตรงนี้หรอกรู้มั้ย” หลังคำพูดของผมที่แฝงความในใจออกไป ผมก็โดนวินคว้าตัวไปกอดแถมโดนฟัดหัวหอมแก้มอีกหลายรอบจนช้ำไปหมด ผมโวยวายจนเหนื่อยสุดท้ายก็ไม่รอดอยู่ดี หลังเรานอนกอดกันเงียบๆพักหนึ่งผมก็นึกสงสัยขึ้นมา
“วิน พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานเหรอ หยุดมานี่ที่ทำงานไม่วุ่นรึไง” วินระบายยิ้มให้และเกลี่ยเส้นผมของผมให้พ้นหน้าผาก
“ไม่หรอกครับที่รัก มีระบบงานไว้อยู่แล้วแต่ถ้ามีปัญหาเร่งด่วนก็คงโทรมาปรึกษาเอง” ผมแอบเขินเล็กๆให้กับคำว่า ‘ที่รัก’ จึงเสหลบตาแวววาวตรงหน้า ก่อนพูดกับอกแกร่งแทนหน้าเจ้าของมัน
“แล้วจะอยู่ถึงวันไหนล่ะ” เสียงผมแผ่วปลายอย่างไม่รู้ตัว เพราะแอบใจหายเมื่อคิดว่าจะต้องห่างจากเจ้าของอ้อมกอดอุ่นนี้
“นี่ยังไม่ได้ค้างสักคืนก็โดนถามวันกลับแล้ว กัสไม่อยากให้วินอยู่ใกล้ๆเหรอ” เสียงน้อยใจที่ได้ยินทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นสบตาวินที่มีแววน้อยใจไม่ต่างจากน้ำเสียงนัก
“แหมวินก็ กัสห่วงงานแทนวินนะ เจ้าของไม่อยู่เดี๋ยวบริษัทเจ๊งพอดี” วินฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจก่อนรวบตัวผมขึ้นมานอนทับบนตัววินทั้งตัว
“งั้นกัสกลับไปอยู่กับวินที่โน่นนะ วินจะตั้งใจทำงานหาเงินมาได้เท่าไหร่ให้กัสหมดเลย นะครับนะ” เสียงออดอ้อนแววตากระตือรือร้นของวินทำผมปลื้มใจ ที่รู้ว่าพ่อตัวดีเค้าทุ่มเทให้ผมแค่ไหนถึงกับเอ่ยปากยกเงินให้ทั้งหมดเลย จนผมอดที่จะหยอกเย้าพ่อบุญทุ่มไม่ได้
“ให้กัสหมดเลยเหรอแล้ววินจะเอาอะไรกินล่ะ” ผมเอามือมาประสานวางทับกันบนอกวินก่อนวางคางลงไป และจ้องตารอคำตอบของพ่อคนรูปหล่อด้วยรอย
ยิ้มกว้าง
“ก็ให้กัสเลี้ยงวินสิครับ วินเลี้ยงง่ายนะขอแค่กัสไปอยู่กับวิน วินอะไรก็ได้อยู่แล้ว” พูดมาอย่างนี้จะให้ผมทำหน้ายังไงกันนอกจากอายจนหน้าร้อบวูบ ที่วินพูดมันเหมือนการขอแต่งงานเลยนี่หน่าไอ้ประโยคที่ชวนไปอยู่ด้วยกันเนี่ย
“วินครับ ตอนนี้กัสยังไปไม่ได้ต้องทำงานใช้ทุนที่นี่ก่อน แต่วินห้ามมาพูดนะว่าจะใช้เงินแทนกัสแล้วพากัสไปอยู่ด้วยน่ะ เพราะกัสตั้งใจทำงานที่นี่ก่อน อีกหนึ่งปีค่อยลาเรียนต่อไปอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะกัสชอบและรักที่นี่มากยังไม่อยากย้ายไปไหน” วินมีสีหน้าผิดหวังนิดหน่อยก่อนจะคลี่ยิ้มด้วยแววตาเข้าใจส่งมาให้ผม
“ก็ได้ครับวินตามใจกัส แต่อีกหนึ่งปีกัสต้องไปอยู่กับวินนะ เฮ้อออ แล้ววิน จะอยู่ยังไงเนี่ยห่างกัสขนาดนี้ แถมมีหมอหน้าตี๋จ้องจีบกัสอีก” วินแกล้งถอนใจยาวด้วยใบหน้าล้อเลียน นี่วินคิดว่าจะทำเนียนรวบรัดกับผมได้เหรอ
“คิกๆๆๆ วินขี้ตู่มากใครบอกว่ากัสจะไปอยู่กับวิน กัสบอกว่าจะกลับไปเรียนที่กรุงเทพฯต่างหาก แล้วอย่าไปเรียกหมอพจน์ว่าหมอตี๋สิน่าเกลียดออก” ผมแกล้งดุคนขี้ตู่ไปแบบนั้นเองครับเพราะรู้ว่าวินไม่กลัวผมหรอก
“ไม่รู้ล่ะอีกหนึ่งปี วินจะเอากัสไปอยู่กับวินด้วยแน่ๆ และวินสัญญาจะอดทนรอกัสนะครับ” วินผนึกสัญญาด้วยการกดจมูกมาที่หน้าผากผม จนผมต้องหัวเราะแก้เขินให้คนขี้ตู่ที่ชอบทำหวานให้ใจสั่นอยู่เรื่อย
“คนขี้ตู่เอ๊ย ฮิๆๆ เราอยู่ไกลกันวินจะอดทนได้ซักกี่น้ำน้า” คำถามหยอกเย้าแต่แฝงคำท้าทายของผมทำวินชะงัก เราจ้องตากันนิ่งๆอย่างวัดใจก่อนวินจะค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา
“รอดูได้เลยครับที่รัก และวินจะมาหากัสให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยคอยดู เพราะวินต้องมากันท่าหมอพจน์นั่น ให้รู้ว่าอย่ามาใกล้กัสเพราะกัสน่ะมีเจ้าของแล้ว และเจ้าของก็หวงคนน่ารักคนนี้มากๆ”
“แล้วกัสจะคอยดู ว่าวินจอมเจ้าเล่ห์จะทำได้อย่างปากว่ารึเปล่า” เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเราสองคนดังกลบเสียงอื่นๆไปหมด
ผมจะคอยดูสิว่าคนที่ให้สัญญากันไว้จะทำได้อย่างที่พูดมั้ย ถ้าทำไม่ได้นะผมจะโวยทวงสัญญากลับไปแน่ๆจะไม่ยอมนิ่งเฉยหรอก และต่อไปนี้อย่าได้หวังว่าผมจะปล่อยวินหลุดมือหรือหายหน้าไปจากผมได้อีก ผมจะทำให้วินหลงจนไม่เหลียวมองใครอีกเลย จะว่าผมเจ้าเล่ห์หรือเห็นแก่ตัวกับคนรักก็ว่าไปเถอะ เพราะผมถือว่าวินให้สัญญาและเอ่ยปากบอกรักกันแล้วและยึดผมไปเป็นคนของตัวเอง ดังนั้นผมจึงถือว่าวินก็เป็นคนของผมเหมือนกัน การที่ผมหวงแหนคนรักก็ถือว่าไม่ผิด
“คืนนี้กัสนอนกับวินนะครับ วินสัญญาว่าแค่กอดตอนนี้วินรู้ว่ากัสยังไม่พร้อม วินไม่บังคับขอแค่กอดเท่านั้นเอง นะครับ”
จะเอายังไงดีน้อคนที่กอดอยู่ก็อ้อนซะทำเอาผมใจอ่อนไปกว่าครึ่งแล้ว แต่ถ้ายอมนอนให้วินกอดกลัวว่าเราจะไปกันไกลกว่านั้น ผมไม่ได้กลัวว่าวินจะบังคับหรอกแต่กลัวใจตัวเองมากกว่า ดูอย่างเมื่อเย็นแค่วินจูบผมก็เตลิดไปไกลแล้วถ้าวินไม่หยุดผมก็ไม่มีแรงต้านทานหรอก แต่ใจผมนี่สิตอบรับไปก่อนปากแล้ว เอาน่าเมื่อใจเรียกร้องก็ทำตามใจแล้วกันเพราะฝืนใจตัวเองมานานแล้ว ผมจึงพยักหน้าตอบรับกับอกกว้างไป แหมใครจะกล้ามองหน้ากันแค่นี้ผมก็อายจะแย่แล้วครับ
“ไชโย ขอบคุณครับกัส คืนนี้วินคงนอนหลับสนิทและมีความสุขมากที่สุดเลย” วินพูดจบก็ลุกไปปิดไฟและโทรทัศน์ ก่อนกลับมานอนและรวบกอดผมเข้าหาอก
“ฝันดีนะครับที่รัก”
ผมสัมผัสได้ถึงริมฝีปากหยุ่นที่หน้าผากตัวเองหลังวินเอ่ยอวยพรให้หลับฝันดี คืนนี้ก็คงเป็นคืนที่ผมจะหลับได้อย่างมีความสุขมากที่สุดตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เสียงหัวใจของวินเต้นใกล้หูดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอทำเอาผมเคลิ้มหลับไปพร้อมอ้อมกอดอุ่นที่โหยหา
.........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
ในที่สุดกัสก็ใจอ่อนให้วินนอนกอดจนได้
แต่ก็รักนี่เนอะ จะเล่นตัวไปทำไม เสียเวลามานานแหละ

+1และเป็ดให้ทุกเม้นท์นะคะ ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ
ฝากการรวมเล่มชุด "เสน่ห์รัก" ด้วยนะคะ ติดตามหน้าแรกค่ะhttp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.msg2026832#msg2026832