Dormitory Boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง“รัก...ติดดิน”
CHAPTER 19 – น้ำเมาในกระแสเลือด ผืนฟ้ากว้างมองจากระเบียงเวลานี้เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพรายเหมือนกำมะหยี่สีน้ำเงินที่มีเพชรเม็ดเล็ก ๆ ประดับอยู่วิบวับ พระจันทร์เกือบเต็มดวงทอแสงสีเงินยวงสะท้อนลงบนผิวน้ำ ทะเลยามค่ำคืนให้ความรู้สึกลึบลับและเย้ายวนผิดแผกไปจากตอนกลางวัน
นั่นเป็นภาพที่เขาจะเห็น.....ถ้าได้ไปนั่งอยู่ตรงนั้นนะบนเตียงสี่เสาสีขาวหลังใหญ่ในห้อง...ปิ่นหยกยังนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ไม่หยุด และอาทิตย์ก็หันไปโอบไหล่คนที่กำลังสะอึกสะอื้นให้ขยับเข้ามาใกล้ ๆ
“ร้องหาพ่อเหรอ”อืม...นั่นเสียงเขาเอง
“.......ไอ้เวร...พ่อตายแล้วเว้ย.....ฮึก!....เมื่อไหร่เมิงจะเลิกด่ากรูซะที!”
แล้วปิ่นหยกก็ปล่อยโฮออกมาลั่นห้อง
“คร่ำครวญเป็นควายถูกเชือดเลย”
นั่นก็เสียงเขาอีกแล้ว“เลวววววว!!!!! ฮืออออออออออออ...”มันเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ.........................................................
..............................
“เอาปูมาอีกไอ้น้องชาย”
“พี่แววอย่าแย่งดิ!”
“เป็นผู้ชายต้องเสียสละให้สาวน้อยบอบบางสิคะคุณน้อง~!”
“กินเท่าจับกังนี่ไม่เรียกสาวน้อยบอบบางแล้วพี่”
“เด็กบ้านี่! เดี๋ยวเจ้เอาขวดแบล็กตบสมองไหลเลย!”
มวยคู่แรก.... แวววัน โสดไม่สร่าง ปะทะ คิม กิมจิ“อาทิตย์!! อันนั้นฉันแกะไว้กินเองว้อย!”
“...งั้นคืนให้ก็ได้”
“เลว!! ในปากไม่เอา!”
“เอาแต่ใจจริง ๆ”
มาว่ากรูอีก “แกะใช้คืนเดี๋ยวนี้เลย!”
“อะ..งั้นให้อันนี้”
“ซากหางกุ้งก็ไม่เอาเว้ยยยย!!!”มวยคู่ที่สอง อาทิตย์ ศิษย์แม่ไก่ ปะทะ ปิ่นหยก งกเงินกลุ่มเด็กหนุ่มและหนึ่งสาวที่ท่าทางเริ่มจะแมนพอกับหนุ่ม ๆ เข้าไปทุกทีตั้งวงทะเลเผากันริมหาดเสียงดังลั่น โชคดีที่ไม่มีใครอื่นอยู่แถวนั้น ชายหาดจึงเสมือนหนึ่งเป็นของพวกเขาไปโดยปริยาย ซึ่งประโยชน์ข้อนี้ก็ถูกใช้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม แต่ละคนส่งเสียงโหวกเหวกกันสนั่นลั่นหาดแบบที่ถ้าไปทำแถวหอคงต้องมีเพื่อนข้างห้องปาถ้วยถังกะละมังไหใส่กันบ้าง
เวลาล่วงเลยไปจนค่ำมืดดึกดื่น ลมทะเลซึ่งโชยเข้าหาหาดทรายเปลี่ยนเป็นลมบกพัดออกจากฝั่ง อาหารทะเลที่ปิ้งย่างกันตรงนั้นพร่องลงไปจนเกือบหมดทิ้งเพียงซากไว้เป็นหลักฐาน เตาไฟเหลือถ่านไม้แค่บางส่วนยังติดเห็นควันลอยขึ้นกรุ่น ๆ ในความเย็นเยียบของราตรี และพวกเขายังคงปักหลักกันอยู่ที่เดิมอย่างเหนียวแน่น
อุ่นใจหลังจากอิ่มหนำสำราญและดื่มไปพอสมควรก็แวบไปนั่งกดโทรศัพท์มือถือยุกยิกบนพื้นทรายไม่ไกลนัก เอมจิตครึ้มอกครึ้มใจหยิบกีตาร์ขึ้นมาดีด และคิมซึ่งเริ่มจะกรึ่ม ๆ แต่ยังสติดีอยู่ก็โหยหวนครวญเพลงสีหน้าล่องลอย ไม่มีใครสนใจกริชที่นั่งจืดจางสงบนิ่งแกว่งก้อนน้ำแข็งในแก้วเล่นไปมาอยู่ตรงนั้น และท่าทางเจ้าตัวก็ไม่ได้มีทีท่าต้องการความสนใจมากมายนัก
“ไอ้ปิ่น แกพอเหอะ” คิมหันมาเตือน หลังจากแหกปากร้องจบไปอีกสามเพลงรวด
“เยอะละ เดี๋ยวเมา”
เจ้าของชื่อเลิกคิ้ว ถึงจะดื่มแบบผสมมิกซ์เซอร์แต่เล่นกระดกตั้งแต่เย็นก็ทำเอาหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อ
“ไม่ต้องห่วงว่ะ ไม่เอาจนเมาหรอก”
“ไม่ได้ห่วงแก ฉันห่วงตัวเองเว้ย” เขาเบ้ปาก ยังจำประสบการณ์เมื่อครั้งที่ปิ่นหยกดื่มจนเมาได้ดี ที่แย่คือใช่ว่าจะเป็นพวกคอแข็ง ปากบอกไม่เมา ๆ รู้ตัวอีกทีก็ไปเสียแล้ว
“เอาให้ดีเหอะ แกเมาแล้วสภาพทุเรศรับไม่ได้”
ปิ่นหยกยักไหล่ คิมพูดอย่างกับตัวเองคอแข็งตาย มันก็พอกันล่ะว้า
บทสนทนานั้นทำให้อาทิตย์สนใจนิดหน่อยด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ครู่เดียวเขาก็เดินเข้าไปยื่นแก้วใหม่ให้ปิ่นหยกแทนแก้วเดิมซึ่งเหลือแต่น้ำแข็งอยู่ในนั้น น้ำสีอำพันที่ผสมโซดาเพิ่มไปเพียงนิดเดียวถูกรับไปจากมือแล้วกระดกพรวดเข้าปากทันที
“ขอบใจ”
“เฮ่ย ๆ” คิมส่งเสียงปราม “บอกแล้วว่าอย่าให้มันเยอะ”
“งกว่ะไอ้คิม”
ถูกคนอย่างปิ่นหยกว่า
‘งก’ ถือเป็นเรื่องเจ็บปวดมากทีเดียว ในเมื่อมันนั่นแหละไอ้ตัวงกที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล!
ช่างหัวมันแล้ว ไม่ได้นอนห้องเดียวกันคงไม่เดือดร้อนมาถึงเขา และดูท่าก็ไม่ได้เมามายอะไรถึงขั้นนั้น
คงไม่เมามายถึงขั้นนั้นแน่ถ้าอาทิตย์ไม่เสิร์ฟเอา ๆ อย่างนี้....................................................
.............................
คนอื่นไม่รู้แยกย้ายหายไปตั้งแต่เมื่อไร คิมที่เดินไปเข้าห้องน้ำกลับมาก็เห็นเหลือแค่คุณชายกับไอ้งกนั่งก๊งกันสองคนริมทะเล ถึงอยากจะอยู่ดูอะไรอีกสักนิดแต่เขาเองก็ทั้งง่วงทั้งมึนอยากเอาหัวไถกับหมอนเต็มแก่จนตัดสินใจว่าช่างมันเถอะ แค่นี้เขาก็แน่ใจอะไรต่อมิอะไรเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ตั้งใจว่าแวะไปทักอีกทีก่อนหนีไปนอน
“ยังไหวใช่ไหมพวกแก” เขาตะโกนถามมาแต่ไกล
ในความมืดสลัวนั้น..
ปิ่นหยกเงยขึ้นมาสภาพน้ำตานองหน้า..บอกให้รู้ว่าไม่น่าไหวฉิบหาย...เอาแล้วไง“.....ฮึก.........!” เสียงสะอื้นดังแทรกขึ้นกลางวง คิมหันขวับไปหาอาทิตย์ทันที
“แกมอมเหล้ามันเรอะ!!?”
“ก็นิดเดียวเอง...ไม่คิดว่าจะคออ่อน”
“เวร! พูดไม่ฟัง”
“แล้วเสือกอะไร”คิมอ้าปากค้าง...นี่มันอะไรวะเนี่ย ปิ่นหยกเหมือนจะโดนมอม แต่ไอ้คุณชายนี่ปากมอม! ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยเห็นมันพูดจาอย่างนี้มาก่อน
“.....ฮือออออออออ.....ฮึกกก.......ฮื้อออออ....ออออ.....”
ไอ้เพื่อนบ้านี่ก็เมาแล้วแหกปากร้องไห้ไม่หยุดอีก
“ไม่รู้ด้วยแล้วเว้ย! กรูไม่ชอบเสือก” เขาจงใจพูดประชด “เอาไปดูแลกันเองก็ละกัน”
“ดูแลตัวเองได้ว้อย...ไม่ต้องโยนไปโยนมา......ฮืออออออออออ...โฮวว.....วว...ว....ว.......”
“หุบปากก่อนได้ปะ” อาทิตย์หันไปออกคำสั่งเสียงนิ่ง ปิ่นหยกชะงักไปเพียงอึดใจเดียวแล้วก็ยิ่งน้ำมูกน้ำตาไหลเป็นเขื่อนแตกทำเอาคิมถึงกับอึ้งอีกที
ลูกเจี๊ยบของไอ้ปิ่นก่อกบฏแล้วไง สรุปว่าพวกมันเมาทั้งคู่ใช่ไหม
“ทุเรศลูกตาฉิบหาย” คิมกุมหน้าผาก “ถ้าจะเมาแล้วแหกปากคร่ำครวญอย่างงี้ช่วยเปลี่ยนเป็นอ้วกหัวทิ่มออกมาเลยเหอะ”
เขายกมืออุดหูแล้วเอาเท้าเตะทรายบนพื้นไปกลบกองไฟ
“เอามันกลับบ้านไปโอ๋ให้เงียบไป ร้องอยู่ได้หนวกหู...ห้องติดกันเดี๋ยวคืนนี้ไม่ได้นอนกันพอดี”
“สั่งเหรอไอ้เตี้ย”
คิมอยากโดดตีลังกาแล้วก้านคอมันสักที ทำไมปากหมางี้วะ เขาก็ใช่ว่าจะเตี้ย ส่วนสูงก็พอ ๆ กับปิ่นหยกนั่นแหละ มันเองที่สูงไปไม่ใช่รึไง
“หรือเมิงจะเก็บของดับไฟที่นี่แล้วให้กรูหิ้วไอ้ปิ่นไป!”
“ฮือออออ....ออออ.....เตี้ยแล้วหนักหัวใครวะ.....แงงงงงงงง”
อีกคนที่ร้อนตัวโวยวายขึ้นคลอเสียงสะอื้นแทรกด้วยอาการฟูมฟายไปด้วยอย่างน่าตบกะโหลก ถ้าไม่ติดว่าตบกะโหลกมันแล้วเขาจะโดนสั่งเก็บจากไอ้คุณชายซึ่งกลายเป็นมนุษย์ปากไม่มีหูรูดที่รีบไปกอดเอวคนข้าง ๆ แน่นแทบจะทันทีที่ได้ยินเขาขู่ว่าจะหิ้วปิ่นหยกไปเองล่ะก็นะ..
....................................................................
.................................................
เด็กหนุ่มสองคนพยายามลากถูลู่ถังกันกลับบ้านพัก ซึ่งมันควรจะง่ายดายเหมือนขาไปตอนวิ่งลงทะเล ถ้าไม่ติดว่าปิ่นหยกต้องหยุดเดินเป็นระยะเพื่อแหกปากร้องไห้ราวกับชาตินี้ไม่เคยร้องไห้มาก่อนเลยต้องเอาให้คุ้ม และอาทิตย์ที่ดูสติสตางค์จะไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไรก็ปลอบไปด่าไปจนมาได้ครึ่งทาง..
“หนวกหูโคตร ใครเหยียบหางรึไง”
“....ฮืออออออ...อออ....ออ....อ........!!!”
“แหกปากร้องไห้ก็ไม่รวยขึ้นหรอก”
“เมิงไม่ต้องย้ำก็ได้!!!....โฮรวววววววววว....วววว....ววว..........แค่นี้ก็เสียใจจะตายแล้วแสรด!”
“เจ้าหนี้ยังไม่เห็นมีมาทวง จะเสียอกเสียใจอะไรนักหนา”
“......แงงงง.....กรูไม่รู้เสียใจเรื่องอะไร แต่มันหยุดร้องไม่ได้จบปะ.....ฮึกกก....!!”
บทสนทนาของคนเมาช่างหาสาระไม่ได้เลยเดิน ๆ หยุด ๆ กันอยู่ครู่ใหญ่ยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงที่หมาย เหมือนเห็นคิมเดินแซงเข้าบ้านไปแล้วแว้บ ๆ สติเศษเสี้ยวส่วนที่ยังเหลืออยู่ของอาทิตย์เริ่มเสียใจที่ชวนปิ่นหยกดื่มเหล้า(หรือจะพูดให้ถูกคือมอมเหล้า) นี่ผิดจากที่คิดไว้มากทีเดียว... มันควรจะเป็นเมาแล้วยั่ว...เมาแล้วเซ็กซี่....หรืออะไรแบบนั้นไม่ใช่หรือจากที่เคยเห็นในละคร แล้วไอ้เด็กขี้แยในร่างหนุ่มมัธยมปลายที่ร้องไห้ไม่หยุดข้าง ๆ เขานี่คืออะไร?
“หยุด!”
“หยุดอยู่นี่ไง!” อีกฝ่ายตอบเสียงเครือ
“หยุดร้องไม่ใช่หยุดเดิน”
“.....ก็....ก็อยากหยุด....แต่.....ฮือออออออออออออ เข้าใจหน่อยสิวะไอ้โง่!!.....แงงง”
พูดบ้าอะไรไม่รู้เรื่องใครจะไปเข้าใจวะ...
“ไม่หยุดร้องเดี๋ยวปล้ำแม่งเลย!”ปิ่นหยกเบิกตากว้าง แล้วน้ำตาก็พร่างพรูเป็นสาย
“เป็นเกย์จริง ๆ ใช่ไหม!! สารภาพออกมาแล้วสินะ....ฮึกก....เทพเจ้าแห่งเงินตราช่วยผมด้วย...ชีวิตบัดซบพอแล้ว...ผมไม่เอาเมียเป็นผู้ชายนะ...อะฮือออ....” เด็กหนุ่มคร่ำครวญถึงชีวิตอาภัพอยู่อีกสองสามประโยค ก่อนที่ทั้งร่างจะลอยหวือขึ้นจากพื้น ทั้งหัวโคลงเคลงไปหมดจนอยากคายของเก่า ภาพที่เห็นตรงหน้าดูกลับทิศแปลก ๆ กว่าจะรู้ตัวว่าโดนแบกขึ้นพาดอยู่ที่ไหล่ของคนเมาอีกคนก็เมื่อเดินมาถึงบ้านแล้ว ทิ้งน้ำตาหกเรี่ยหกราดมาตลอดทาง
“ปล่อยเว้ยยยย!!! ฮืออออ...”
“ดิ้นอยู่ได้ เป็นไส้เดือนเหรอ” อาทิตย์เอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับสาวเท้ายาว ๆ เข้าตัวบ้าน “อยู่นิ่ง ๆ เดี๋ยวปล่อย”
เขาเหลือบตามองผ่านห้องนั่งเล่นซึ่งเปิดไฟทิ้งไว้แต่ไม่มีใครอยู่ หรือบางทีอาจมีแต่เขาไม่เห็น เด็กหนุ่มเดินเลยเข้าห้องนอนตามที่ตกลงกันไว้เมื่อกลางวันแล้วใช้เท้าเตะประตูปิดตามหลัง และปิ่นหยกก็ยิ่งแหกปากโหยหวน
“....แงงงงงง...ปล๊อยยยยย.....!”
“ปล่อยแน่แหละ” เขาเดินตรงไปกลางห้อง หยุดอยู่หน้าเตียงสี่เสาหลังใหญ่...
“แต่ปล่อยบนเตียงนะ”“ห๊ะ!?”สิ้นเสียงอุทาน เด็กหนุ่มก็ดึงร่างอีกฝ่ายลงจากไหล่แล้วเหวี่ยงหล่นตุบลงบนฟูกทันที
“ฮือออ...ให้ปล่อยแล้วทำไมต้องรุนแรงด้วยวะ...!”
“งั้นชอบแบบนุ่มนวล?”
อาทิตย์ย้อนสีหน้ายียวนแล้วทิ้งตัวตามลงมา สองมือกดไว้ที่ข้อมือคนข้างล่างแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้
“ไม่ชอบทั้งนั้นว้อย...ฮึก..! ....อ....เอาจมูกไปห่าง ๆ”
“แม่งเรื่องมากว่ะ!”
เขาสบถและทำสิ่งตรงกันข้ามด้วยการฝังใบหน้าเขาหาซอกคออีกฝ่ายแทนที่จะถอยออกมา
....กลิ่นแอลกอฮอล์.......กลิ่นเกลือ.....และกลิ่นเหงื่อที่อ้อยอิ่งอยู่ตามผิวหนังกำลังรุมเร้าเขาให้อารมณ์กระเจิดกระเจิง....
ความรู้สึกปวดหนึบตรงท้องน้อยดูจะยิ่งชัดเจนขึ้นทุกครั้งที่ฟันของเขาขบลงไปบนผิวเนื้อเนียนละเอียดบริเวณลำคอนั่นและได้รับเสียงครางปนสะอื้นของปิ่นหยกตอบสนองกลับมา.. เข่าของเขาดันแทรกไปที่หว่างขาอีกฝ่ายเรียกให้ร่างซึ่งถูกคร่อมอยู่กระตุกเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยห้ามเสียงแหบพร่า
“...อ...อา...ทิตย์.....อืออ.....ไม่....ฮืออออ....”ข้อมือถูกยึดตรึงไว้ทั้งสองข้างแต่ก็ยังสะบัดเร่าพยายามให้หลุดออกจากมือใหญ่ซึ่งบีบเค้นเอาไว้แน่นจนเป็นรอยจ้ำแต่ไม่เป็นผล ปิ่นหยกส่ายศีรษะไปมา ภาพตรงหน้าพร่าเลือนด้วยน้ำตาแล้วถูกแทนที่ด้วยภาพความทรงจำบางอย่างที่อยากลืมแต่ไม่เคยทำได้...
“...ยะ....อย่า....!! ไม่..............”"ไม่!!!!!!!!! ปล่อยผม!!!....ฮือออออ"อาทิตย์ชะงัก
สรรพนามที่ปิ่นหยกใช้เรียกตัวเองเปลี่ยนไป...?
แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่ใช่แบบเดียวกับเสียงโหวกเหวกเหมือนอย่างก่อนหน้านี้
“ปิ่นหยก?”
“.........ปล่อยผม..............ฮึก...............!....ด.....ได้โปรด........”และนัยน์ตาเหม่อลอยก็บ่งบอกว่านั่นไม่ได้กำลังพูดกับเขา “ปิ่นหยก!” เขาคว้าไหล่อีกฝ่ายที่สั่นเหมือนลูกนกซึ่งกำลังหวาดกลัวเอาไว้มั่นด้วยมือทั้งสองข้างแล้วเขย่าจนร่างนั้นโงนเงนทั้งที่แววตายังไหวระริก
“ได้ยินไหม?....ยังอยู่กับฉันตรงนี้รึเปล่า?....ปิ่นหยก”"......."
เจ้าของชื่อสะอื้นออกมาแล้วหอบหายใจทางปาก ใบหน้าแดงก่ำที่ไม่รู้ว่าเมาหรือมีอย่างอื่นปนด้วยเหม่อมองตรงมาทางเขาอยู่ครู่ใหญ่ แต่ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นดูราวกับเป็นคนอื่น..
เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนทรมานราวกับเข็มนาฬิกาหยุดเดินไปแล้ว กว่าปิ่นหยกจะกระพริบตาสองสามครั้งแล้วมองเห็นตัวเขาจริง ๆ ที่อยู่ตรงนี้
".....ปิ่นหยก..."
แพขนตาเปียกชื้นขยับไล่น้ำตาให้ไหลลงข้างแก้ม และเขาใช้นิ้วหัวแม่มือปาดมันออกแผ่วเบา
“....อาทิตย์....?”
เด็กหนุ่มร่างสูงถอนหายใจโล่งอก
ท่าทางของปิ่นหยกเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกใจไม่ดีอย่างอธิบายไม่ถูก
...มันเป็นอาการดิ้นรนอย่างสิ้นหวังที่เขาเห็นแล้วแทบจะขาดใจตาม เขาถึงกับปฏิญาณกับตัวเองในใจว่าต่อไปนี้จะไม่ให้อีกฝ่ายแตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกแล้ว...
“.....แกอย่าทำให้ฉันกลัว.....” คำกระซิบของปิ่นหยกขาด ๆ หาย ๆ แต่ในความเงียบก็ยังได้ยินชัดเจน เขาก้มลงกดจูบแผ่วเบาที่ขมับชื้นเหงื่อทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อนเลยสักนิด..
“ป๊อดว่ะ!”แต่ฤทธิ์สุรายังไม่ซา...ความปากหมาก็ยังอยู่..คือเขาก็ทั้งห่วงทั้งกลัวว่าคนตรงหน้าจะเป็นอะไรไปนะ..ทว่าปากมันไปก่อนแล้ว
"ฮึก...!!"....และปิ่นหยกก็หนีไปนั่งร้องห่มร้องไห้ต่อที่อีกมุมหนึ่งของเตียง…
.........................................
.....................
อาทิตย์ขยับตามเข้าไปใกล้ “ร้องหาพ่อเหรอ”
“.......ไอ้เวร...พ่อตายแล้วเว้ย.....ฮึก!....เมื่อไหร่เมิงจะเลิกด่ากรูซะที!”
“คร่ำครวญเป็นควายถูกเชือดเลย”
“เลวววววว!!!!! ฮืออออออออออออ...”ความทรงจำรางเลือนของเขาบอกว่ามันเริ่มต้นประมาณนี้เอง...To be continued…====================================
คุยกันท้ายเรื่องไม่รั่วไม่ใช่เรื่องนี้...(?) สงสารปิ่นหยกนะ ในหลาย ๆ ความหมาย.. เหมือนจะเครียดยังไงหนูก็รั่วอะลูก 555 รู้สึกเหมือนคนเขียนนี่แหละที่คอยกลั่นแกล้ง แต่อย่าเพิ่งดราม่าเลยมันยังไม่ถึงเวลา *หัวเราะ*
ขอบคุณงาม ๆ สำหรับทุกคอมเม้นต์จริง ๆ ค่ะ อ่านแล้วชอบเราก็ดีใจที่สุดเลย =////=
อนึ่ง เห็นบางท่านบอกว่าไม่ค่อยได้เข้า fb ไม่ได้เล่นทวิตเตอร์(ปกติเราอัพรูปประกอบและรูปวาดเล่นของเรื่องนี้ไว้ที่นั่น) เลยเอามาแปะนิดนึง
อันนี้หมีกริชจากตอนที่แล้ว แต่ดันลืมวาดรอยปูดที่แก้ม...หงึกกก... สมมติว่าเป็นมุมกล้องละกัน ฮาา
แล้วพบกันตอนหน้าค่าาา