ตอบแล้วก็ชะเง้อชะแง้มองถนนหวังว่าจะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์สักคนขับราชรถมีโอมาโปรดไอ้นิค
“พี่วิน ? พี่วินไหนอีกล่ะวะ นี่นอกจากมรึงจะกิ๊กกะน้องไม้แล้วยังมีพี่วินอีกคนหรือเนี่ย”
“ไอ้ควายน้อย กุหมายถึงพี่วินมอเตอร์ไซค์ มรึงอย่ามากวนแต่เช้าป่ะ กุยิ่งหงุดหงิดอยู่ด้วยเนี่ย แล้วจะไปเรียนมั้ย ติดรถไปด้วยคนดิ๊”
“ร่ายยาวเลยนะมรึง จะไปกับกุก็ตามมา”
ไอ้นิคเลยสะพายเป้ขึ้นหลัง ลักไก่ปีนรั้วบ้านข้ามไปหาไอ้แซ็คเพราะขี้เกียจเดินอ้อม แต่พอโดดตุ๊บลงบนพื้นหญ้าก็ไม่เห็นมีรถจอดในบ้านมันสักคันนอกจากจักรยานคุณป้าแม่บ้านสำหรับจ่ายตลาดที่ไม่รู้ว่าใครเอามาจอดทิ้งไว้ใต้ต้นมะม่วง นี่อย่าบอกนะว่า...
“ไหนอ่ะรถมรึง”
“ไปเช็คสายตาประจำปีมารึยังเนี่ย ก็จอดอยู่ทนโท่ยังมองไม่เห็นอีก”
มันเดินไปลากจักรยานแม่บ้านออกมาแล้วขึ้นประจำที่ แต่ดันเป็นที่คนซ้อน ฮ่วย นิคว่าแล้ววว
“ไอ้แซ็ค นี่มรึงไปขโมยจักรยานแม่มาใช้รึไงวะ ฮึ้ย ห้ามจับเอวกุนะ ยิ่งบ้าจี้อยู่ด้วย”
“ลดโลกร้อนพร้อมช่วยชาติประหยัดว้อย จะไปไม่ไป ไม่ไปกุไปคนเดียวนะ ไม่ได้ง้อ 55”
กวนได้คงเส้นคงวาจริงๆ
ไอ้นิคเลยจำใจก้มหน้ายอมรับชะตากรรมกับตำแหน่งสารถีให้ไอ้เจ้าของสโลแกนรณรงค์ลดภาวะโลกร้อน ปั่นไปถึงหน้าหมู่บ้านก็แทบลมจับพาลไม่อยากนึกถึงเส้นทางข้างหน้า ทั้งที่ความจริงจากหมู่บ้านไปมหาลัยก็ไม่ไกลหรอกครับ แต่อากาศร้อนเมืองไทยก็รู้ๆกันอยู่ว่ามันร้อนบรรลัยตับระเบิดแค่ไหน ไอ้ผู้โดยสารก็หนักอย่างกับกินควายเข้าไปทั้งตัว จะให้ผมปั่นจักรยานกินลมชมวิววี้ดวิ่วอารมณ์ดีเป็นหนังเกาหลีคงต้องรอให้ประเทศไทยหิมะตกเสียก่อนนั่นล่ะ
“เปลี่ยนๆ ตามรึงบ้าง เอาเปรียบกันนี่หว่า คนละครึ่งทางเลย”
ปั่นมาจนถึงตลาดโต้รุ่งให้เหงื่อท่วม ลิ้นห้อย ไอ้นิคก็เริ่มเรียกร้องสิทธิมนุษยชน
“ได้ไง รถก็รถกุ มรึงนั่นแหละชายนิค ถีบเข้าไป ไม่ต้องพูดมาก”
“มรึงกินแรง กุจะไปกะพี่วิน”
ผมจะโบกเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างแต่ถูกไอ้แซ็คดึงคอเสื้อจากทางด้านหลังไว้ ไอ้เวง กุหายใจไม่ออกว้อย
“ได้ไงวะ ทิ้งกันนี่หว่า ถีบต่อเลยมรึง อย่าบ่นๆ”
“กุเปลี่ยนมาถีบหน้ามรึงแทนดีมั้ย” อากาศร้อนทำให้คนเป็นบ้าได้ง่ายๆนะครับไอ้แซ็ค
“อ้าว เจอพี่วินพอดีเลย มรึงจะไปกับพี่วินใช่มั้ย นั่นไง ลงไปเลย”
จู่ๆไอ้แซคมันก็เปลี่ยนท่าที สลับจากตำแหน่งเดิมไปประจำที่สารถี ส่วนไอ้นิคก็โดนผลักลงมายืนทำหน้าควายงงอยู่ข้างทาง อะไรของมัน ก็เมื่อกี้มันยังไม่ยอมให้ผมเรียกพี่วินถึงขั้นฉุดกระชากลากคอเสื้อกันกระดูกข้อต่อคอแทบหัก แต่ไหงมันเปลี่ยนใจง่ายงี้
ผมหันไปมองทิศทางที่ไอ้แซ็คมันชี้โบ้ชี้เบ้แล้วทั้งเหวอทั้งดีใจปนกันมั่วไปหมด ไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้ ไอ้เชนมันจอดรถแวะซื้อของอยู่พอดีเลยครับ ว่าแต่ไหนวะ พี่วินมอเตอร์ไซค์ที่ไอ้แซ็คจอมกวนมันว่า
“ไหนวะ กุไม่เห็นพี่วินสักคัน”
“ก็นั่นไง ยืนอยู่นั่นน่ะ ไอ้เชน พี่ไอ้วิน เพื่อนไอ้แซ็ค แฟนเก่าไอ้คุณนิค 555”
ไอ้แซ็คหัวเราะเสียงดังสะใจที่ได้แกล้งไอ้ตัวแสบข้างบ้าน ก่อนจะรีบออกแรงสองเท้าปั่นจักรยานไปซุบซิบอะไรไม่รู้กับไอ้เชนพลางชี้ๆไอ้ชายนิคที่เตรียมจะถอดรองเท้าขว้างมาแล้ว
เสียงหัวเราะของไอ้แซ็คกับเสียงตะโกนด่ามันของผมคงจะดังไปหน่อย คนทั้งตลาดเลยหันมามองเป็นจุดเดียว ทั้งๆที่อีกไม่ไกลก็ถึงมหาลัยแล้ว แต่ไอ้แซ็คมันดันลอยแพทิ้งให้ผมยืนลังเลอยู่ว่าจะเอายังไงดี จะเรียกพี่วิน ที่ไม่ใช่พี่ไอ้วินแบบที่ไอ้แซ็คมันเล่นมุขควาย หรือจะจู่โจมไอ้เชนที่เป็นพี่ไอ้วินตอนนี้เลยดีนะ พอละๆ มุขพี่วินเนี่ย เล่นแล้วปวดหัว -*-
“ไอ้แซ็คมันลืมของ บอกให้กุรับมรึงไปคณะด้วย”
ไอ้นิคกำลังมึนหัวกับมุขพี่วินแทบสะดุ้งเมื่อจู่ๆเสียงไอ้เชนก็ดังขึ้นข้างหลังพร้อมกับแรงคว้ามือผมดึงไปขึ้นรถแบบไม่รอคำตอบ
ทั้งๆที่ยังคึกจัดตอนที่แกล้งทำไอ้เชนรถเสียเพื่อจะได้เดินแผนฮีโร่ แต่พอแผนล่มไอ้นิคก็เหมือนจะหมดความกระตือรือร้นไปหลายถัง มาเจอกันจังๆแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้ผมเลยได้แต่นาวโหลดดิ้ง เดินตามมันไปขึ้นรถเงียบๆงงๆ เอาไงดีวะ ลุยเลยมั้ย ว่าแต่จะชวนคุยเรื่องอะไรก่อนดี
“รู้สึกจะมีตัวเลือกเพิ่มมาอีกหนึ่งแล้วนะ เบื่อไม้แล้วรึว่าไงถึงได้เพิ่มไอ้แซ็คมาอีกหนึ่งอย่างนี้ แต่จะว่าเบื่อไม้ก็ไม่น่าใช่นะ เพราะเมื่อกี้ยังเห็นยืนกอดกันกลมอยู่หน้าบ้านนี่”
อืม ใช่ๆ คุยเรื่องตัวเลือกก็ดีเหมือนกัน เฮ้ย ไม่ใช่ละ ผมหันไปมองหน้าไอ้แฟนเก่าแบบระอาจัด ได้ยินประโยคประชดเพราะความหึงครั้งแรกหลังจากเลิกกันที่ร้านหมูจุ่มตอนนั้นผมดีใจสุดๆ รู้แล้วล่ะว่ามันยังหึงก็แสดงว่ายังรักกันอยู่ แต่พอมาได้ยินครั้งนี้เป็นรอบที่สองและอาจจะมีรอบที่สามสี่ห้าตามมาอีก ผมเลยรู้สึกเซ็งเป็ดเซ็งห่าน เซ็งไปถึงสัตว์ปีกทุกสปีชีส์ทั้งหลายในสากลโลก นี่มรึงจะให้กุเป็นพวกหลายใจมั่วแหลกให้ได้เลยใช่มั้ย
“ไม้มันก็เหมือนน้องกุ แล้วไอ้แซ็คมันเพื่อนมรึง คิดแบบนี้ได้ไง”
เสียงมีน้ำโหเต็มที่ มรึงจะอะไรนักหนาวะ ต่อยกะกุเลยมั้ย
“รู้เหมือนกันเหรอ แต่ก็นั่นล่ะ ขนาดรู้ว่าเป็นเพื่อนกุ มรึงยังไม่เว้นเลย”
ถ้ามีมีดผมคงจิ้มพุงทะลุซี่โครงมันไปแล้วล่ะ เอาไงดี คว้าพวงมาลัยรถแล้วหักเข้าข้างทางเลยดีมั้ย โมโหว้อยยยย อย่ากฆ่าคน
“จอดรถ กุจะลง” ตะโกนลั่นรถให้แก้วหูมันแตกไปเลยยิ่งดี
“กุไม่น่าเสียเวลาเลยจริงๆ”
ไอ้เชนแค่นยิ้ม เหยียบเบรครถพรืดเดียวจนหัวไอ้นิคแทบจะโหม่งกระจก หนอยยย มันบอกว่าไม่น่าเสียเวลา ดูมันพูด แค้น แค้นสุดๆ นี่ถ้าเป็นหนังจีนผมคงกระอักเลือดไปแล้วแน่ๆ ไอ้เชนมันว่าผมหลายใจขนาดกับเพื่อนกับน้องมันก็ไม่เว้น ไอ้เวร ไอ้โง่ ไอ้ตาถั่ว ไอ้เต่าถุย ไอ้สันขวาน
“มรึงไม่ต้องกลัวจะเสียเวลาเพราะยังไงมรึงก็ได้เสียต่ออีกนานแน่ คิดเหรอว่ากุจะปล่อยมรึงไปง่ายๆ”
ประกาศกร้าวพร้อมคว้าคอเสื้อไอ้เชนกระชากเข้ากะจะเขย่าๆให้คอมันหลุดเอาแบบซาดิสต์เป็นหนังพิศาล แต่ไม่รู้ผมพลาดตรงไหน ไอ้เชนมันคว้ามือผมที่จับคอเสื้อมันอยู่แล้วลากตัวไอ้นิคเข้าไปจูบแรงๆ เอาสิวะ กุก็หนึ่งในตองอูเหมือนกันว้อย จูบมาก็จูบตอบสิ ไม่ใช่นางเอกน้ำเน่าจะได้สบัดหน้าหนีแล้วทำร้องไห้สู้แรงไม่ไหว กุถึกนะว้อย
ไอ้นิคจูบตอบแบบไม่ยอมแพ้ ระหว่างเราสองคนคราวนี้ไม่ใช่จูบง้อหรือจูบเพราะคิดถึง แต่มันเป็นจูบประกาศสงคราม !!! จิตนาการว่าหลังจากนั้นผมจะสวมวิญญาณหมาบ้ากัดปากเรียกเลือดไอ้เชนแล้วผลักมันออก ก่อนยิ้มเย้ยเช็ดเลือดที่มุมปากแบบสะใจใส่เป็นพระเอกตบจูบ 555 ใครจะว่าดูหนังมากไปก็ช่าง
ผมจูบตอบโต้สงครามและผลักมันออกสำเร็จได้ภายในห้าวินาที จะผิดแผนไปเล็กน้อยก็ตรงที่ไม่มีเลือดให้ได้แสดงเป็นพระเอกตบจูบเช็ดเลือดมุมปากแบบซาดิสต์เท่ๆ แต่ไม่เป็นไรไม่ได้เลือดก็ไม่เป็นไร กำลังจะยิ้มทำเท่สะใจใส่แต่กลับต้องร้องเฮ้ยแทน เมื่อไอ้เชนไม่ให้ผมทันตั้งตัวลากเอวไอ้นิคเข้าไปหาอีก
ทำไมมันไม่เหมือนที่คิดไว้ กุพลาดตรงไหนเนี่ย โธ่เว้ย กุพลาดอีกแล้วววว
“ไอ้เชน ปล่อยกุ ปล่อยโว้ยยย”
ไม่รู้ผู้กำกับสั่งเปลี่ยนพระเอกตบจูบตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้ไอ้นิคเลยกลับเป็นฝ่ายเสียเกม ตั้งตัวไม่ติดกับจูบของไอ้เชนที่บอกว่ากำลังโกรธมากแค่ไหน ผมพยายามก้มหน้าหลบ อีกฝ่ายเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ซอกคอแทน คนกำลังโกรธนี่ทำไมแรงมันเยอะอย่างนี้วะ อย่ามากัดคอกุ ผับผ่าเซ่ !!! ป๊ามรึงเป็นท่านเค้าท์แดร๊กฯหรือไงฟระ
“ไอ้เชน ปล่อย กุบอกให้ปล่อย”
“กุไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะนิค”
ทำเสียงเหี้ยมพร้อมเลิกชายเสื้อผมขึ้น ไอ้หื่น นี่มันข้างทางนะโว้ย ไอ้นิคโมโหเลือดขึ้นหน้า ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด สองมือก็โดนไอ้เชนมันรวบไว้แน่น ทำไมมันแรงเยอะงี้วะ เอาซี่ มาลองกันสักตั้ง งานนี้มีได้เสีย
“ไม่ปล่อยใช่มั้ย” แค้น งานนี้แค้นจัด
เพราะไม่เคยถือคติหมากัดอย่ากัดตอบ พอไอ้เชนมันกัดมาไอ้นิคเลยต้องกัดตอบโต้ไปสิครับ ผมอ้าปากงับหัวไหล่มันจนจมเขี้ยว นึกแน่ใจว่าแผลนี้จะต้องทำให้ไอ้โย่งยอมปล่อยมือแน่ๆ แต่ที่ไหนได้
“ชอบกัดใช่มั้ย เอาเลย”
สงสัยไอ้เชนมันจะถือคติเดียวกัน เลยกัดตอบมาซะเต็มแรง ไอ้บ้าาาาา กุเจ็บนะ ฮือๆ มากัดคอกุทำมายยย
“เจ็บ ไอ้เชน กุเจ็บ”
“เจ็บสิดี จะได้รู้สึกบ้าง”
จากจูบก็เปลี่ยนเป็นกัดแบบไม่กลัวผมเจ็บ งานนี้เลยสมใจมันสิครับ ไอ้นิคเจ็บจนน้ำตาร่วงแสบต้นคอไปหมด หยุดกิจกรรมทุกอย่าง ไม่ดิ้น ไม่กัด ไม่ด่า ตอนนี้ทำอยู่อย่างเดียวคือน้ำตาไหลเป็นท่อรั่ว ฮือๆ เพราะมรึงคนเดียว เพราะมรึงแท้ๆ น้ำตากุเลยไม่ขลังแล้ว
ทั้งที่ไอ้นิคไม่เคยหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายให้ใครเห็นง่ายๆแท้ๆ
ไม่เอาแล้ว เลิกแล้ว ไอ้เชนของผมไม่ใช่แบบนี้ ไอ้เชนไม่เคยทำผมเจ็บ ไอ้เชนคนเก่ามันทั้งเอาใจทั้งตามใจผมทุกอย่าง ไม่ใช่ไอ้เชนที่แกล้งผมแรงๆแบบนี้ มรึงไม่ใช่ไอ้เชนของกุแล้ว
ไอ้นิคยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา แต่ไม่มีอาการร้องฮือๆ หรือสะอื้นใดๆให้เห็น ยังคงรักษาหน้ารักษาฟอร์มยิ่งชีพเหมือนเคย เรื่องอะไรจะคร่ำครวญเสียงดังให้โดนหัวเราะเยาะ แค่น้ำตาไหลให้เห็นอย่างนี้ก็เสียหน้าสุดๆแล้ว
เชนปล่อยมือจากแขนคุณชายข้างบ้านพร้อมกระแทกลมหายใจอย่างหงุดหงิดปนอ่อนใจ ก่อนจะสตาร์ทรถขับไปต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนไอ้นิคก็เหมือนกรรมตามสนองเพราะเคยว่าไอ้คินเป็นนางเอกบ่อน้ำตาตื้นไว้เยอะ แมร่ง เมื่อไหร่จะหยุดวะ ต่อมน้ำตาแตกแบบควบคุมไม่ได้ ความแค้นมันจุกอกจนต้องร้องไห้เพราะความเจ็บใจ
“เลิกเรียนแล้วรออยู่ที่ซุ้มด้วย”
สั่งเสียงโหดเมื่อเลี้ยวรถเข้าจอดในลานจอดรถคณะเรียบร้อยแล้ว แต่อย่าหาว่าไม่เคารพสถานที่เลย รถติดฟิล์มกรองแสงแบบดำมืด ตรงลานจอดรถก็เป็นป่าต้นราชพฤกษ์ห่างจากตึกเรียนไกลโขอยู่ ก็เห็นแก้มแดงๆเปรอะน้ำตาของไอ้ตัวแสบที่ไม่ได้เห็นง่ายๆ แล้วมันอดไม่ได้จริงๆ เชนก้มลงจูบแก้มอีกฝ่ายหนักๆแล้วสั่งย้ำสำทับอีกรอบเหมือนจะขู่
“อย่าให้รู้ว่าหนีกลับบ้านไปก่อนล่ะ”
มันขู่ผม มันกล้าขู่คนอย่างไอ้นิค เจ็บใจๆๆๆๆๆ
คนโดนขู่เช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ พยายามกำจัดหลักฐานความพ่ายแพ้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์การใช้ชีวิตแสบๆของตนด้วยความแค้น
---------------------
ค้างมั้ย เตือนแล้วไม่เชื่อเองหนิ 555
**********************************
ขอให้ทุกคนสนุกกะตอนนี้นะ