โทษทีคับที่มาต่อช้า พอดีมีเรื่องให้คิดเยอะแยะคับ แต่คิดไม่ตก+++++++
+++++++++++++++++
คืนนั้นทั้งคืนเราสนุกกันมากเลยครับ จนเวลาล่วงเลยไปได้เกือบ 4 ทุ่มแล้ว ตอนนั้นวงบาร์บีคิวถูกเปลี่ยนมาเป็นวงเหล้า (คออ่อนอีกแล้วกรู) ระหว่างที่เราหัวเราะคิกคักกันอยู่นั่นเอง ตอนนี้ไอ้แป๋มจิตหลุดไปแล้ว ไอ้ฟิล์มต้องคอยดุว่าให้กินเบา ๆ หน่อย ส่วนผมก็สะลืมสะลือแต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง
“บิว พาแป๋มไปนอนให้หน่อยดิ” ไอ้ฟิล์มครับถือโอกาสใช้กรูเลยนะ
“เออ ก็ได้ เดี๋ยวกรูพาไปเอง” ตอนนั้นผมกลัวว่าไอ้ฟิล์มมันจะทำอะไรไอ้แป๋มมันถ้าปล่อยให้มันไปกันสองคน ถ้าผมเป็นคนพาไอ้แป๋มไปนอน น่าจะปลอดภัยกว่า
“แป๋ม ปะ เมิงอะเมาแล้วนะเว้ย”
“กรูไม่มาวววววววววว เอิ๊ก” แน่เมิง ยังปากดี
“แฟนกรูหรอวะเนี่ย” ผมได้ยินไอ้ฟิล์มแอบบ่น
“เมิงพูดอะไร ไอ้ฟิล์ม” เสียงไอ้แป๋มอ้อแอ้ดังขึ้น แน๊ หูดันดีอีกนะเมิง ไอ้แป๋ม
“ป่าวคร้าบบบบบบบบ ใครจะกล้าพูดอะไรละคร้าบบบบบบบ” น้าน เพิ่งเคยเห็นไอ้ฟิล์มอ้อนแฟน
“ดีมาก ฟิล์ม” ไอ้แป๋มครับพูดขึ้นพร้อมกับเอามือลูบหัวไอ้ฟิล์ม ผมละขำเลยละครับ กับท่าทีของมันตอนนี้ ผมประคองไอ้แป๋มที่ตอนนี้ไม่มีสติให้ลุกขึ้น ส่วนตัวผมนะหรอ ยังพอไหวครับ
แต่ทุลักทุเลน่าดู มือข้างหนึ่งก็เจ็บ แถมมึน ๆ อีกต่างหาก ไอ้กัสเลยรับอาสาช่วยประคองไอ้แป๋มด้วยอีกคน พอถึงห้องผมก็วางไอ้แป๋มลงบนเตียงและห่มผ้าให้มัน ก่อนจะออกจากห้องยังไม่ลืมที่จะล็อกประตูให้ด้วย ปลอดภัยไว้ก่อนเนอะ
ระหว่างที่ผมกับกัสกำลังเดินผ่านล็อบบี้ของคอนโดเพื่อที่จะกลับไปร่วมวงกับฟิล์มนั้น ก็มีเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังครับ
“กัส”
ผมกับกัสหันไปมองถึงที่มาของเสียงนั้น........
+
+
+
+
+
+
“แจง” กัสพูดขึ้นมาเบา ๆ ส่วนผมนะหรอ ตอนนี้เหวอแดกแล้วครับ มองหน้าแจงที มองหน้ากัสที ใช่ครับ คน ๆ นี้แหละครับที่ผมเห็นพร้อมกับกัสในครั้งแรก
“แจงมาได้ไงครับเนี่ย”
“โห มาเที่ยวกันแล้วก็ไม่ชวนแจงมาด้วยเนี่ยนะ” แจงทำท่ากระเง้ากระงอดได้น่าถีบมาก ๆครับ และไหนเมิงบอกว่าไม่ได้มีอะไรกันแล้วไง
“แล้วแจงรู้ได้ไงครับเนี่ยว่าผมอยู่ที่นี่” กัสมันถามแจง แต่ตามันกลับมองมาทางผม หน้ามันไม่มีสีแล้วครับ ซีดไปหมด
“อ้อ พอดีแจงโทรไปที่บ้านกัสมานะ แล้วพอดีเจอม๊าของฟิล์มว่าพวกฟิล์มและกัสมาเที่ยวที่นี่กัน ก็เลยตามมานะ”
“อ้อ” ไอ้กัสมันตอบได้แค่นั้นครับ และก็ยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูก
“และนี่จะไปไหนกันหรอ” แจงถามกัส พร้อมกับมองหน้าผมกับกัสสองคนไปมา
“เออ...พอดีเรามีปาร์ตี้กันนิดหน่อยครับ เออ แจงนี้บิว เป็น...เพื่อนกัสครับ”
“หวัดดีคับ” ผมทักทายแจง พร้อมก้มหน้านิ่ง ตอนนั้นมีคำถามมากมายอยู่ในหัว
“หวัดดีค่ะ แจงจำได้ละ เราเคยเจอกันครั้งหนึ่งแล้วใช่ไหมค่ะ” ยิ้มหวานเลยนะเมิง
“อ้อ คิดว่าน่าจะใช้นะครับ” ผมส่งยิ้มที่คิดว่าจริงใจที่สุดแล้วกลับไป
“งั้น แจงขอไปสนุกด้วยได้ไหมค่ะ”
“ได้สิครับ ทำไมจะไมได้ละ” ผมรีบตอบสวนกลับไปทันทีเมื่อเห็นกัสทำท่าทางอึกอัก อยากจะรู้นักว่าไอ้กัสมันจะทำยังไง
“ระหว่างที่เดินไปชายหาด แจงก็เกาะแขนไอ้กัสแจ ไม่ยอมปล่อย เดินตีคู่นำหน้ากันไป ไอ้ผมก็เลยต้องเดินรั้งท้าย
เมื่อเดินไปถึงพอไอ้ฟิล์มมันหันมาเห็นหน้าแจงเท่านั้น อาการของมันก็ออกเหมือนไอ้กัสไม่ผิดเพี้ยน ทำไมมันจะต้องตกใจอะไรกันนักกันหนาเนี่ย วันนี้มีเรื่องเซอร์ไพสร์กรูเยอะเหลือเกิน
“หวัดดีจ่ะฟิล์ม” แจงทักฟิล์มอย่างสนิทสนม
“หวัดดีแจง แล้วนี่...เอออ...แจงมาได้ไงเนี่ย”
“แจงเขาตามกัสมานะ เขาจะมาเที่ยวด้วย” ผมตอบแทนครับ ทั้งไอ้กัสและไอ้ฟิล์มหันมามองผมเป็นตาเดียวเลย ส่วนผมก็ลอยหน้าลอยตาทำเฉย ๆ ไป
“เออ แล้วคืนนี้แจงพักที่ไหนหรอ” กัสถามไอ้แจงขึ้น
“อ้อ ก็กะว่าจะมานอนคอนโดฟิล์มเนี่ยแหละ ได้ไหมฟิล์ม” แจงพูดขึ้น แต่คำหลังหันไปขออนุญาตไอ้ฟิล์มมัน แหมพูดขึ้นมาซะขนาดนี้แล้วใครจะกล้าไม่ให้มันนอนวะ
“อืม ได้สิ แต่นอนห้องเดียวกับแป๋มนะ”
“อืม ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” แจงพูดขึ้นแล้วก็ยิ้มตาหวานเลยครับ แจงนี่ดู ๆ แล้วดูเป็นคนสวยที่ครบเครื่องจริง ๆ และท่าทางคงจะไม่มีพิษมีภัย
และหลังจากนั้น ดูเหมือนว่าแจงจะสนุกอยู่คนเดียว กัสกับฟิล์มก็ได้แต่หัวเราะเออออไปกับแจงด้วย ส่วนผมตอนนี้นั่นเล่นเขี่ยทรายไปเรื่อยเปื่อย จนเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ หันไปดูคลื่นในทะเล แต่ก็ไม่เห็นอะไรเพราะว่ามันมืดมาก ไม่ได้ยินแม้เสียงคลื่น ท่าทางคลื่นลมคงจะสงบ แต่ทำไมตอนนี้ใจผมไม่เห็นสงบเหมือนคลื่นเลย
ไหนบอกว่าเลิกกันแล้ว แต่ทำไมสนิทสนมกันจัง
หรือว่าเขาจะเป็นแค่เพื่อนกันเฉย ๆ
แต่เพื่อนกันเขาคงไม่ตามกันมาถึงนี้หรอกนะ
เอ๊ะ หรือว่าแค่อยากมาเที่ยวด้วย
แต่ทำไมต้องกอดแขนกันซะขนาดนั้น
นั่งห่าง ๆ กันหน่อยได้ไหมนะ
โอ้ยยยยยยยยย ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยย
“กัส..............................” ตอนนี้สายตาทั้ง 3 คู่จ้องมองมาทางผมครับ
“..................................ไปนอนก่อนนะ” และก็สะบัดตูดลุกขึ้นจากตรงนั้นเดินขึ้นห้องทันที
อยากจะลุกขึ้นโวยวาย แต่ไม่กล้า
ไม่รู้ว่าจะโวยวายในฐานะอะไร
ไม่อยากเห็น...........ก็ไม่ต้องมอง
ไม่อยากสนใจ........ก็ไม่ต้องรู้
ขึ้นห้องได้ก็นอนคลุมโปง ข่มใจให้หลับ แต่มันหลับไม่ลง คิดไปต่าง ๆ นานา ตอนนี้ในหัวใจมีหลายอารมณ์เหลือเกิน
น้อยใจ.................
โกรธ.................
เกลียด..................
เจียมตัว.................
โมโห ................
ทุกอารมณ์ต่างแย่งกันที่จะเด่นออกมา
พอเข้ามาก็อดที่จะกลัวไม่ได้ว่าข้างนอกจะเป็นยังไงบ้าง
คงสนุกกันใหญ่เลยสินะ
ป่านนี้คงนั่งซบ ชวนกันดูดาวกันแล้วสินะ
คิดไปคิดมาน้ำตาดันไหลอาบแก้ม
อ่อนแอจริงนะ....ไอ้บิว
“ปัง!!!”
เสียงประตูนิหว่า กลับกันมาแล้วหรอวะ ทำไมเร็วจัง
“เดี๋ยวแจงนอนห้องนี้นะ” เสียงไอ้ฟิล์มนิ มันคงบอกให้แจงนอนห้องเดียวกับไอ้แป๋มนิ
“จ๊ะ ราตรีสวัสด์นะจ๊ะ”
พอสิ้นเสียงห้องนอนแจงกับแป๋มปิดลง ทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“มันทำอะไรกันอยู่วะ”
“ปัง!!!” มันเข้ามาในห้องนอนแล้ววววววววว จังหวะนั้นผมนอนคลุมโป่งแน่น แต่หูยังคงพึงฟังความเคลื่อนไหว
“ไอ้ฟิล์ม เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เอ๊ะ เสียงไอ้กัสนิหว่า มันทะเลาะกันหรือไงวะ ท่าทางไอ้กัสหัวเสียน่าดู
“เมิงพูดเบา ๆ สิวะ อยากให้ไอ้บิวได้ยินหรอ” มีชื่อกรูด้วย แล้วอะไรหรอวะที่มันกลัวว่ากรูจะได้ยิน
“งั้นเมิงตามกรูออกมานี่” เป็นเสียงไอ้กัสครับ แล้วสักพักทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ได้ยินแต่เสียงเปิดประตูระเบียงออกไป ผมเลยค่อย ๆ เคลื่อนหัวออกมาจากผ้าห่ม โดยลอดออกมาเพียงแค่ตามองเห็น ภาพที่ผมเห็นตรงระเบียงนอกห้องก็คือ ไอ้กัสกับฟิล์มกำลังพูดอะไรกันอยู่ไม่รู้ แต่ดูแล้วเหมือนไอ้กัสจะหัวเสียมาก คงกำลังขึ้นเสียงใส่ไอ้ฟิล์มอยู่ ซึ่งดูจากท่าทีแล้วไอ้ฟิล์มมันเหมือนจะกำลังคอยปลอบ หรืออะไรซักอย่าง เถียงกันไปมา ไอ้กัสคงกำลังคิดไม่ตกเกี่ยวกับอะไรซักอย่าง เพราะเห็นมันเดินไปเดินมาตรงระเบียง ส่วนไอ้ฟิล์มก็ยืนกัดเล็บ หลังพิงราวระเบียงอยู่ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกัน
ผ่านไปราว 5 นาทีได้มั้งไอ้กัสมันก็เดินเข้ามาในห้อง ส่วนผมก็รีบคลุมโปงเหมือนเดิมแทบไม่ทัน ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับว่าไอ้กัสมันเดินมาตรงเตียงผม สักพักเตียงผมก็ยวบลง คงเป็นเพราะว่ามันนั่งลงนั่นเอง หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ ผมก็สัมผัสได้ถึงมือของไอ้กัสที่กำลังลูบหัวผมไปมานอกผ้าห่ม
“ขอโทษ”
“ขอโทษ”
นี่เมิงทำอะไรผิดหรอ เมิงถึงมาขอโทษกรูเนี่ย ผมทำได้แค่เพียงหลับตาปี๋ รอว่ามันจะพูดอะไรต่อ แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากคำว่าขอโทษ
“กรูว่าเมิงนอนเหอะว่ะ ไอ้กัส มันคงไม่มีอะไรอย่างที่เมิงคิดก็ได้” เสียงไอ้ฟิล์มครับ ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นมันมีเรื่องอะไรที่กำลังปิดบังผมอยู่หรือเปล่า กลับกรุงเทพฯแล้ว คงต้องมีเรื่องต้องเคลียร์กันหลายเรื่อง แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว หลังจากที่ผ่านการร้องไห้มาพอสมควร เหนื่อยเหลือเกิน ทำไมตาหนักอย่างนี้เนี่ย และระหว่างที่ผมใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทรา ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของคนข้าง ๆ ก็เกิดขึ้น แม้จะเป็นการกอดนอกผ้าห่ม แต่ความอบอุ่นมันแผ่ซ่านเข้ามาถึงข้างในใจ ผมอดไม่ได้ที่จะกระแซะเข้าหาอ้อมกอดนั้นให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่ความรู้สึกจะดับวูบลง...