“แจง”
“ใครคือแจงวะ” ผมพยายามคิดในแง่ดีเอาไว้ ว่าคงจะเป็นเพื่อนผู้หญิง คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง สักพัก กัสก็ออกมาจากห้องน้ำออกมาพอดี
“กัส เมื่อกี้มีโทรศัพท์มานะ โทรมาสองครั้ง” บอกเสร็จ กัสมันก็หยิบโทรศัพท์บนโต๊ะออกมาดูชื่อคนที่โทรมา
“อืม ขอบใจนะ งั้นเรากลับก่อนนะ แล้วคืนนี้จะโทรหา” พูดเสร็จกัสก็ออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมยืนคิดอะไรเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในห้อง ตาก็จ้องมองระหว่างประตูที่กัสเพิ่งเดินออกไปกับหมีที่อยู่บนหัวที่นอน
“กัสจะให้เราฝันถึงกัสหรอ...แล้วกัสหละ จะฝันถึงเราบ้างหรือเปล่า” ผมก็ได้แต่ถามตัวเองเบา ๆ แหละครับ
“บิวน่ารัก บิวน่ารัก” ผมไม่รู้ว่าตัวเองยืนเหม่อนานเท่าไหร่ จนได้ยินเสียงเจ้าปลาทองร้อง จึงสะดุ้ง
“ตายละหว่า ลืมให้อาหารปลาทองนิหว่า” แต่พอหันไปหาเจ้าปลาทอง อ้าว อาหารยังอยู่เต็มนิหว่า มีแต่น้ำที่พร่องไปนิดหน่อย ทำไมไม่ยอมกินอะไรเลย ไม่สบายหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เลยตัดสินใจโทรหาแป๋มทันที
“ฮัลโหล แป๋มหรอ ที่บิวนะ”
“อืมว่าไงจะ”
“แป๋ม แกรู้ปะว่าทำไมเจ้าปลาทองไม่กินข้าววะ”
“อ้าว ก็มันอยู่กับแก ฉันจะรู้ไหมหละ ลองพามันไปหาหมอดิ”
“หมอที่ไหนวะ เห็นมีแต่หมอหมา แต่หมอนกแก้วไม่เคยเห็นวะ”
“อืม ไม่รู้เหมือนกันวะ เอางี้ เดี๋ยวกรูถามเพื่อนให้ละกัน” ดีมากเมิง
“ได้ ๆ ขอบใจมากนะเว้ย” พูดเสร็จผมก็วางสายทันที เพราะตอนนั้นกังวลใจมาก ๆ ว่าเจ้าปลาทองมันจะเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะเพิ่งจะสังเกตุเห็นว่าพักนี้ไม่ค่อยกินอาหาร เสียงเจื้อยแจ้วที่เคยดังก็ไม่ค่อยได้ยิน ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมรีบรับสายทันที ต้องเป็นแป๋มแน่ ๆ
“ฮัลโหล แป๋มหรอ เป็นไงบ้าง”
“อะไรเป็นไงหรอ” อ้าวไม่ใช่ไอ้แป๋มนิหว่า ไอ้กัสนี่เอง
“อ้อ .....เออ เปล่าไม่มีไรหรอก พอดีว่าเจ้าปลาทองไม่ยอมกินข้าวนะ ก็เลยโทรหาแป๋มให้ถามเพื่อนให้หน่อยว่ามันเป็นอะไร นี่ก็กำลังรอโทรศัพท์แป๋มอยู่”
“เราโทรมารบกวนหรือเปล่า”
“อ้อ เปล่า ๆ ไม่รบกวน คุยได้ มีไรหรอ”
“โทรหาบิวต้องมีอะไรด้วยหรอ ถึงจะโทรได้” ไรวะ แค่นี้ทำเป็นงอน
“เปล่า ๆ นะ คือว่า ยังไม่ชินอะ”
“55555 ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ล้อเล่น” ไอ้นี่ กรกูกำลังเครียด
“..................................”
“โกรธหรอ” มันเห็นผมเงียบไป มันก็เลยถามกลับมา ดูจากน้ำเสียงแล้วคงสลด
“เปล่า ใครจะกล้าโกรธกัสหละคับ” อิอิ หยอดมันไปหน่อย กลัวมันทิ้ง
“งั้นเราคุยได้ไช่ปะ”
“อืม คุยได้สิ”
“คือ เรื่องโทรศัพท์อะ” ว่าแล้ว กรูจะลืมได้อยู่แล้วเชียว
“อืม มีไรหรอ” ต้องแกล้งทำโง่เข้าไว้
“คือ............บิวเห็นแล้วใช่ปะว่าใครโทรเข้ามา”
“อืม เห็นแล้ว” เอาให้เคลียร์มาเลยดีกว่า
“เออ........จริง ๆ แล้วเขาเป็น...เป็น.. เออ.......เป็นแฟนเก่ากัสเองนะ”
“แล้วไง”
“ก็แค่อยากจะบอกว่ากัสเลิกกับแจงเขาไปแล้ว”
“อืม”
“บิวเชื่อกัสใช่ปะ”
“อืม บิวเชื่อกัส” ครับ ผมเชื่อกัสจริง ๆ ถ้าเราไม่เชื่อใจคนที่เรารัก แล้วจะให้ไปเชื่อใจใครละจริงไหมครับ ถ้าจะถามว่าผมหึงไหม ใช่ครับผมหึงนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ค่อยกล้าแสดงออกอะไรมาก กลัวกัสมันรำคาญครับ ก็ดีครับที่เรารู้จากปากของกัสแทนที่จะไปรู้จากคนอื่น
“ขอบใจมากนะ ที่เชื่อใจกัส”
“อืม”
“งั้นพรุ้งนี้เราไปเที่ยวบ้านบิวได้ปล่าว”
“อืมได้สิ ทำไมจะไม่ได้หละ”
“ดีจัง แล้วเดี๋ยวกัสไปหานะ”
“คร้าบบบบ”
พอวางสายจากกัสเสร็จ ผมก็นึกถึงเจ้าปลาทองขึ้นมาได้ เลยรีบกดโทรศัพท์หาแป๋มอีกทีหนึ่งเพื่อที่จะถามว่าเป็นไงบ้าง พอไอ้แป๋มรับสายเท่านั้นแหละ เสียงแหลม ๆ ของมันก็ด่าสวนขึ้นมาทันที
“นี่แก ฉันโทรไปตั้งหลายรอบ ทำไมสายไม่ว่างเลยวะ” ดูท่าทางมันคงโมโหมาก ๆ
“เออ พอดีเพื่อนโทรมานะ” จะให้บอกได้ไงละว่าเป็นกัส มันยังไม่รู้เรื่องนี้ซักหน่อย
“แน่ใจหรอเมิง ไม่ใช่คุยกับผู้ชายหรอ” อีนี่ทำเป็นรู้ดีนะเมิง
“แล้วเรื่องเจ้าปลาทองกรูหละ ว่าไง” อิอิ ต้องเปลี่ยนเรื่อง
“เออ กรูเกือบลืม เมิงชอบชวนกรูเสียอยู่เลย กรูจะบอกว่า กรูมีเพื่อนเป็นสัตวแพทย์ เดี๋ยวพรุ้งนี้กรูจะพาเขาเข้าไปดูเจ้าปลาทองให้ พอดีมันว่างพรุ้งนี้พอดี วันอื่นคิวเต็มเอียด”
“เออ ๆ ดี ขอบใจมาก ๆนะ กรูกลัวว่ามันจะตายวะ”
“ปากหมา มันไม่ตายหรอกนะเว้ย”
“เออ ๆ ขอบใจ แค่นี้ใช่ปะ บาย”
“เออแค่นี้แหละ แหมรีบเชียวนะเมิง จะไปคุยกับผู้ชายต่ออะดิ”
“อีนี่ ไม่มีไร ง่วงนอนโว้ย จะนอน”
“เออ ก็ได้ แล้วพรุ้งนี้เจอกันนะโว้ย”
“อืมบาย” วางสายเสร็จก็กำลังจะหันหลังเพื่อที่จะล้มตัวลงนอน
“ตายละหว่า ตายแน่ๆๆ” จะไม่ให้ตายได้ไงละครับ ก็ไอ้แป๋มมันบอกว่าพรุ้งนี้มันจะพาเพื่อนมันมาดูเจ้าปลาทอง ส่วนไอ้กัสมันก็บอกว่ามันจะมาพรุ้งนี้ ชิบแล้วไงกรู ทำไงดีวะเนี่ย เฮ้ยกลุ้ม ถ้าไอ้แป๋มรู้เรื่องละก็ มันจะว่าไงบ้างวะเนี้ย
ผมก็นอนคิดไม่ตก คิดไปคิดมาก็คิดไม่ออก
“ปล่อยไปตามเวรตามกรรมละกันกรู”
เช้าวันรุ้งขึ้นไอ้แป๋มมาถึงห้องก่อนครับ มันมาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง
“นี่ พัด นี่เพื่อนแป๋ม ชื่อบิวนะ แล้วบิวนี่พัดที่เป็นสัตวแพทย์ จะมาดูเจ้าปลาทองให้”
“หวัดดีคับ พี่พัด” ผมเรียกพี่ครับ เพราะเห็นเขาอายุมากกว่า
“ไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้ เรียกพัดเฉย ๆ ก็พอครับ” แหมเสียงนุ้มจังเลย แหะๆๆ
“ไหนๆๆ เจ้าปลาทองของบิวอยู่ไหน พามาให้พัดดูหน่อยสิครับ”
“อ้อ เดี๋ยวนะครับ” ผมตอบเสร็จก็วิ่งปร๋อไปตรงระเบียง หยิบกรงนกเจ้าปลาทองเข้ามาในห้อง พร้อมกับปิดประตู และหน้าต่างทั้งหมด เผื่อว่าต้องเอาออกมาจากกรง ระหว่างที่คุณหมอพัดก้มลงพิจารณา เจ้าปลาทองของผม ผมสังเกตเห็นว่าหมอพัดนั้นเป็นคนที่หน้าตาดีมาก ๆ สูงเชียว ขาว ตี๋ ใส่แว่นอีกต่างหาก
“นี่ไอ้บิว เพื่อนฉันถามแกว่าเจ้าปลาทองเป็นยังงี้นานยัง ไม่ได้ยินหรือไง มัวแต่จ้องหน้าเพื่อนฉันอยู่นั่นแหละ” อ้าว นี่กรูนั่งจ้องหน้าเพื่อนเมิงอยู่หรอวะเนี่ย
“อ้าว....อ้อ ก็น่าจะได้สักอาทิตย์แล้วหละครับ” พูดจบก่อนจะหันไปมองค้อนเจ้าแป๋ม 1 ที นังนี้รู้ทันอีก
แล้วหมอพัดก็หยิบเจ้าปลาทองออกมาดู พร้อมกับตรวจ
“เออ พัดครับ มันเป็นอะไรหรอครับ”
“อืม...จากที่ดู ๆ จากภายนอก ท่าทางคงจะเป็นโรค ซิททาโซซิล นะ”
“หา...โรคอะไรซิทๆๆ นะครับ” โรคอะไรวะ ไม่เคยเห็นรู้จักเลย
“อ้อ โรคซิททาโซซิลนะครับ หรือเรียกง่ายๆ ว่าโรคนกแก้ว คืออาการของมันก็จะเบื่ออาหาร ซืม ขนฟู และตาก็จะหม่น ๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะส่งยามาให้นะครับ แล้วคลุกกับอาหารให้มันกินนะครับ”
“โห พัดนี่เก่งจังเลยนะคับ” พัดไม่ตอบครับ แต่ยิ้มตาหยีส่งมาให้
“เรียบร้อยแล้ว งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีมีธุระ”
“อ้อ ครับ แล้วกลับยังไงละครับเนี่ย”
“ไม่เป็นไรยะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งเพื่อนฉันเอง แกไม่ต้องไปส่งหรอก พอดีว่าจะกลับอยู่เหมือนกัน” แป๋มครับ พูดแทรกขึ้นมาเลย คงกลัวว่าผมจะไปทำอะไรเพื่อนมัน แหม ผมมีกัสอยู่แล้วทั้งคน
ระหว่างที่พัดกำลังเก็บอุปกรณ์อยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง
“บิว กัสมาแล้วคร้าบบบ คิดถึงบิว..........จังเลย”
“....................................................”
