ลงมาหลายตอนแล้ว ยังไม่ได้ทักทายกันเลย ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับสำหรับทุกคอมเม้นต์ที่จะทำให้ผมมีกำลังใจแต่งต่อ
ด้วยจิตคารวะ
แบงก์
++++++++++++++++++++++++++++
ระหว่างที่เดินเล่นกับไอ้แป๋มอยู่นั้น ผมก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่ผมทำให้ไอ้แป๋มฟังทันที
“เมิงว่าเรื่องอะไรวะ ที่มันกำลังปิดกรูอยู่” ผมถามไอ้แป๋มขณะที่มันกำลังเลือกซื้อ
กางเกงเลสวย ๆ อยู่
ไอ้แป๋มมันทำท่าคิดแป็บหนึ่ง
“กรูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ”
“เมิงว่ามันแปลกไหมวะแป๋ม”
“แปลกอะไรวะ” ปากมันถาม แต่มือมันยังคงเลือกกางเกงอยู่
“ไอ้กัสมันบอกว่าเลิกกับแจงแล้ว”
“อืม ใช่……ป้าๆๆ ตัวนี้เท่าไหร่ค่ะ” มันตอบผม พร้อมกับถามราคาด้วย
“ถ้าเมิงเป็นแจง เมิงจะกล้ามาหากัสไหมวะ ถ้าเมิงเลิกกันแล้วอะ” ผมยังคงถามต่อ
“เออวะ……ป้าๆๆๆ ลดไม่ได้หรอ” มันยังคงทำเหมือนเดิม
“แล้วเมิงว่ากรูจะเอาไงดีวะ”
“ถ้าเป็นกรูนะ................กรูเอาสองตัวเลย.............ป้า ๆๆ ใส่ถุงเอาสองตัวนี่แหละ”
“ไอ้เชี่ย เมิงฟังกรูป่าวเนี่ย”
“ฟังดิ เอางี้ เมิงก็ทำเฉย ๆ ไปก่อน รอให้ถึงกรุงเทพก่อน แล้วค่อยถามมัน ไม่งั้นหมดสนุกกันพอดี ส่วนกรูจะถามไอ้ฟิล์มให้ โอเค๊??”
“อืม...เอางั้นก็ได้”
ผมกับแป๋มเดินหาซื้อของกินเพื่อเอาไปฝาก 3 คนบนห้องด้วย ระหว่างที่เดินซื้อของอยู่นั้นก็บังเอิญไปเจอพัดครับ ว่าที่สัตวแพทย์สุดหล่อนั่นเอง
“อ้าวพัด มาได้ไงเนี่ย” เสียงไอ้แป๋มมันทักขึ้นก่อนครับ
“อ้าว หวัดดีแป๋ม หวัดดีบิว พอดีมาเที่ยวกับพ่อแม่อะ” อิอิ เสียงหล่อเหมือนเดิม
“บิว ปลาทองเป็นไงบ้าง”
“อ้อ ก็เรื่อย ๆ อะ ท่าทางมันจะแก่แล้วมั้ง ดูหงอย ๆ พิกล”
“อืมมมม แล้วว่าง ๆ จะเข้าไปดูให้อีกทีนะ”
“อืม ขอบใจนะ”
“แหมมมมมมมมม พัด แกสมกับเป็นหมดสัตว์จริง ๆ เจอหน้ากันดันถามถึงไอ้ปลาทอง”
“ก็มันชินแล้วนิ” พัดพูดจบก็เอามือเอาหัวอย่างเขินๆๆ แฮะๆๆๆ น่ารักดีแฮะ
“เออ แล้วนี่พักที่ไหนหรอ” พัดถามขึ้นครับ
“อ้อ มาพักคอนโดฟิล์มนะ อยู่แถวนี้เอง จะไปกินข้าวที่คอนโดเราก่อนไหม”
“อืมมม” พัดคิดอยู่พักหนึ่ง มองหน้าเราที มองหน้าแป๋มที
“ก็ได้”
เมื่อพัดตอบตกลงแล้ว เราสามคนก็เดินกลับคอนโด เมื่อมาถึงหน้าห้อง ผมเหมือนได้ยินเสียงคนกำลังทะเลาะกันอยู่ข้างใน เรา 3 คนสบตากันทันที ผมทำสัญญาณให้ทุกคนเงียบ ๆ และคอยเงี่ยหูฟังอยู่หน้าห้อง
“กัส แจงถามจริง ๆ เหอะ กัสกับบิวเป็นอะไรกัน” เสียงแจงดังลั่นห้องเลยครับ ตอนนี้ผมกับแป๋มมองหน้ากันทันที ส่วนพัดก็เหวอไปนิดนึงเหมือนกัน
“...........................”
“ตอบมาสิ กัสตอบแจงมาสิ ฮือๆๆๆๆ” เสียงแจงร้องไห้นิ
“เออ............คือ”
“แล้วแจงละ กัสเอาแจงไปไว้ไหน” ตอนนี้เราสามคนมองหน้ากันไปมอง แล้วไหนไอ้กัสบอกว่ามันกับแจงเลิกกันแล้วไง
“..........................”
“กัสไม่ต้องตอบแล้ว แจงพอจะรู้อะไรแล้ว แจงไม่น่าไว้ใจคนอย่างกัสเลย แล้วต่อจากนี้ แจงถือว่าแจงไม่เคยรู้จักกัส” สักพักใหญ่ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง เป็นแจงนั่นเองครับ ตอนนี้สภาพแจงนั้นน่าสงสารมาก น้ำตาเปื้อนเต็มหน้าไปหมด แจงมองหน้าเรา 3 คนนิ่ง ๆ ซึ่งยากจะเดาว่ารู้สึกอย่างไร พร้อมกับค่อย ๆ เดินหายไปตามทางเดิน
“โถ่ เว้ย!!!” ผมได้ยินเสียงไอ้กัสสบถออกมาดังลั่นเลยครับ
“ฟิล์ม............กรูว่ากรูจะบอกบิววะ”
“เออ.......ก็แล้วแต่เมิงละกัน มาถึงขั้นนี้แล้วนิ” เสียงไอ้ฟิล์มครับ ตอนแรกนึกว่ามันไม่ได้อยู่ในห้อง
“เออ............แล้วเรื่องพนันละ ว่าไง” เอ๊ะ พนัน!!!!!!
“เลิกเล่นเหอะ กรู........”
ผมพอจะเดาอะไรออกแล้วครับ และผมคงทนโง่ที่จะยืนฟังความจริงต่อไปไม่ไหว ผมเลือกที่จะวิ่งออกมาจากตรงนั้น วิ่งออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อหนีความจริง หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นควายอยู่ตอนนี้
“บิว ๆๆๆ “ เสียงแป๋มดังอยู่ข้างหลัง แต่ผมไม่สนใจครับ ตอนนี้ผมอาย อายทั้งไอ้แป๋ม อายทั้งพัด ผมลงมาใต้คอนโดได้ แต่ไม่รู้ว่าจะไปไหน เลยนั่งมันตรงล๊อบบี้นั่นแหละครับ น้ำตาก็ไม่รู้มาจากไหน ไหลไม่ยอมหยุด ทั้งเช็ด ทั้งถู น้ำตาเจ้ากรรมก็ยังไหลอยู่ได้ ผมโกรธตัวเองมากว่าทำไมเราต้องเสียใจกับเรื่องงี่เง่าแบบนี้ด้วย ผมพยายามหลอกตัวเองว่า เราไม่ได้เสียใจ เราไม่ได้เสียใจ จนเผลอเอามือทั้งสองข้างปิดลูกตาไว้เพื่อกั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอีก
“อยากร้องก็ร้องออกมาเหอะครับ” มีเสียงพูดอยู่ข้างหลังผมครับ ผมอยากให้เสียงนั้นเป็นของกัสเหลือเกิน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ครับ ทุกอย่างเป็นแค่เกม แค่เกมสนุก ๆ เท่านั้น
เมื่อผมหันไปเห็นเป็นพัด ผมพยายามซ่อนรอยน้ำตาแห่งความเสียใจให้มิดชิดที่สุด
พยายามเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อข่มความรู้สึกเจ็บปวด
มือก็จิกหน้าขาไว้ไม่ให้มันสั่น
“ไม่เป็นไรแล้ว….ไม่เป็นไรแล้ว” ไม่รู้ว่าเสียงผมสั่นไปหรือเปล่า แต่พัดก็พยักหน้าเพื่อยืนยันว่าเขาเข้าใจผม
ระหว่างที่ผมกับพัดนั่งกันเงียบ ๆ นั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่ามันจะไม่นาน แต่ผมก็ยอมรับว่าผมมีความสุขมาก คนอย่างผมนั้น น้อยนักที่จะมีโอกาสได้เจอกับความรัก ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม แต่เมื่อวันที่ผมเจอกัส ผมกลับคิดว่า นี่คงเป็นโอกาสของผมแล้วสินะที่ให้ผมได้มีโอกาสรู้จักกับความรัก แต่ผมไม่คิดว่าความรักของผมนั้นจะสั้นนัก ...มันสั้นนัก เปรียบเสมือนแค่ความฝันเท่านั้น ผมยังจำภาพของตัวเองตอนมีความสุขได้ไม่ชัดเจนเลย มันก็หายไปแล้ว.....หายไปหมดแล้ว ภาพจิ๊กซอว์แห่งความรักที่ผมคิดว่าผมจะตั้งใจต่อมันด้วยมือของผมกับกัส ตอนนี้มันกลับถูกขยี้ทิ้งด้วยมือของคนที่ผมคิดว่าผมจะต่อภาพจิ๊กซอว์นี้ด้วยกัน
มันเจ็บมากทีเดียวเลยแหละครับ
“บิว.....บางทีมันอาจจะไม่ใช่ที่บิวคิดก็ได้นะ” นี่เป็นคำพูดปลอบคำพูดแรกของพัดครับที่ปลอบผม
“บิวก็ยังได้ยินอะไรไม่ชัดไม่ใช่หรอ” อืมจริงสินะ เพราะผมดันวิ่งออกมาก่อน แต่ผมว่าผมก็พอจับใจความได้นะว่ามันคืออะไร
“บิวไม่เชื่อใจคนที่...เออ...คนที่บิวรักหรอ” ท่าทางพัดคงหนักใจที่จะพูดออกมาว่ากัสคือคนที่ผมรัก นี่พัดคงช็อกสินะที่ผมกับกัสเป็นแฟนกัน
“พัด.....................บิวอยากกลับบ้าน”
“ได้สิ............เดียวพัดพาบิวกลับบ้านเองนะ แต่สัญญาก่อนว่าจะไม่ร้องไห้............นะครับคนเก่ง”
“ผมไม่ตอบครับ ปล่อยให้พัดเดินจูงมือเหมือนเด็ก ๆเดินออกไปจากคอนโด ผมเดินตามพัดไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน หรือเดินไปทางไหน มารู้สึกตัวอีกทีก็มาหยุดที่รถของพัด
“ปะ ขึ้นรถเหอะ เดี๋ยวพัดไปส่งที่บ้านนะ”
“แล้ว พ่อกับแม่พัดหละ” ผมถามพัดครับ เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพัดเขามากับพ่อแม่
“ไม่เป็นไร เรามารถคนละคัน เดี๋ยวพัดโทรบอกพ่อกับแม่เอง ว่าแต่บิวเหอะ แล้วพวกกระเป๋าเสื้อผ้าหละ จะทำไง”
เออลืมไปเลยครับ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของอยู่ที่ ห้องไอ้ฟิล์มหมดเลย เลยตัดสินใจโทรไปหาไอ้แป๋ม พอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู โอ้โห สายเข้า 20 กว่าสาย เป็นของไอ้แป๋มมากที่สุด รองลงมาก็ไอ้กัส
“ฮัลโหล แป๋ม”
“บิว แกอยู่ไหนวะ ฉันโทรหาแกมือจะหงิกอยู่แล้วเนี่ย”
“......................กรูกำลังจะกลับกรุงเทพวะ เมิงช่วยเอากระเป๋ากลับให้กรูด้วยนะ”
“เดี๋ยวๆๆๆ แล้วเมิงกลับกับใคร กรูเป็นห่วงนะเว้ย” ตอนนี้ผมนึกโกรธตัวเองแล้วครับ ที่ทำให้เพื่อนดี ๆ อย่างไอ้แป๋มเป็นห่วง
“เออ กรูจะกลับกับพัดอะ อย่าเพิ่งถามอะไรกรูตอนนี้ ถึงกรุงเทพแล้วกรูจะโทรหานะ”
“เออ ได้ แล้วเมิงรู้ไหมว่าไอ้กัสนะ มัน...................”
“ปิ๊ด” ผมตัดสายมันก่อนที่ไอ้แป๋มจะพูดอะไรครับ ผมไม่อยากฟังอะไรตอนนี้
“เรียบร้อยแล้วหละพัด เราไปกันเถอะ”
“อืม” แล้วพัดก็ขับรถพาผมจากหัวหินบึ่งกลับกรุงเทพทันที ระหว่างทางเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันเลย ผมนั่งเหมอมองออกไปทางหน้าต่าง ในใจมันสับสนไปหมด ส่วนพัดนั้นก็แอบชำเลืองมองผมเป็นระยะ ๆ ด้วยความเป็นห่วง
เรากลับมาถึงกรุงเทพกันประมาณบ่ายโมง โดยพัดขับมาส่งผมถึงหน้าหอพักเลยครับ วันนี้ตอนเย็นผมคงจะต้องไปทำงานพิเศษด้วย แม้ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรก็ตาม แต่ก็คงขัดไม่ได้ เพราะว่าโดดมาหลายวันแล้ว
“ขอบใจมากนะพัด” ผมเอ่ยขอบคุณพัด เมื่อรถมาจอดที่หน้าหอครับ
“เออ....บิวอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม ให้พัดไปอยู่เป็นเพื่อนไหม” ท่าทางพัดคงเป็นห่วงผมจริง ๆ ครับ
“ไม่เป็นหรอก บิวอยากอยู่คนเดียวนะ ไปนะ” ก่อนที่พัดจะทันพูดอะไร ผมชิงพูดตัดหน้าก่อน เพราะว่าตอนนี้อยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวมากกว่า
พอขึ้นมาถึงห้อง ผมก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง ก่อนที่จะเดินไปในครัวเพื่อเปิดตู้เย็นหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม แต่ช่วงจังหวะนั้น ผมรู้สึกแปลก ๆ ที่ห้องเงียบผิดปกติ นึกขึ้นได้หันกลับไปตรงระเบียง
“เพล้ง!!!!” ...................................................................