Friend's brother Brother's friend 25, Dramatic
[NET's talk]
ผมเคยสงสัยในวันแรกที่มาฝึกงานว่า ซากปรักหักพังของขวดเบียร์ที่กองเป็นอนุสรณ์สง่าผ่าเผย ณ ใต้ถุนบ้านพักนายช่างต้องใช้เวลาสถาปนามันนานเท่าไหร่แต่ไม่เคยคิดจะหาคำตอบเป็นจริงเป็นจังสักครั้ง กระทั่งเข้าสัปดาห์ที่ 5 ของการฝึกงานถึงได้ประจักษ์ชัดว่าอันที่จริงแล้วพี่จอมก็ขายขวดที่ว่าให้ซาเล้งทุกวันอาทิตย์นั่นแหละ ดังนั้นสิริรวมอายุก่อตั้งฝูง เสือ สิงห์ ช้าง ม้า (ลีโอ สิงห์ ช้าง อาชา) แล้ว ก็แค่ 6 วันทำการเท่านั้น ถ้าช่วงไหนงานไม่เร่งก็จะทยอยกินกันพอเป็นกระษัยวันละลัง ถ้างานหนักเป็นบ้าแบบช่วงเดือนแรกที่ผมมาถึงก็โน่น ว่างเมื่อไหร่ได้ขนมันยกโรงเบียร์มาดื่มให้ตายกันไปข้างเหมือนเสาร์แรกที่เฮียมาหา
เสียงโคร้งเคร้งของขวดแก้วกระทบกันดังขึ้นในช่วงเช้า ผมกวาดซากอารยธรรมไปกองรวมกันไว้มุมประจำจากที่เมื่อคืนกินเบียร์ก่อนนอนกันราวๆ20ขวด รอเจ้าของแมงกะไสสีน้ำเงินคร่ำครึลงจากบ้านไปทำงาน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเงียบฉี่จนต้องขึ้นบันไดไปตาม
“พี่จอม ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?”
“เดี๋ยวดิ กูกำลังติดต่างหูอยู่เนี่ย”
“ต่างหูอะไรพี่?” ปกติพี่จอมไม่ใส่ต่างหู ซึ่งผมก็ว่าดีรวมๆกับนิสัยส่วนตัวแล้วจะได้ไม่แว้นมาก
“ต่างหูแม่เหล็ก
โดมเจาะแล้วแม่งเท่ห์ดี กูอยากเอาบ้าง”
พี่จอมชะเง้อคอส่องกระจก จับต่างหูแม่เหล็กสีดำขยับไปมาเหมือนไม่พอใจตำแหน่งมันแล้วมุ่ยหน้า
“มันเบี้ยวว่ะเน็ต”
“ทำไมไม่เจาะหูไปเลยล่ะพี่ ไม่ต้องมานั่งเล็งแบบนี้” ถามส่งๆ เห็นแล้วรำคาญลูกตาอยู่เหมือนกัน
“ไม่เอา กลัวเจ็บ”
คนอยากเท่ห์เหมือนปกรณ์ ลัม พูดหน้าตาเฉย ผมเลยได้แต่แค่นยิ้ม กอดอกมองพี่จอมพยายามหล่อต่อไปโดยไม่เร่งเร้า แต่ไม่วายมีเสียงบ่นพาล “เหี้ย อย่ากดดันกู”
“ผมกดดันอะไรพี่ ก็ติดไปดิ”
“แล้วมึงจะจ้องทำซากอะไร”
“ก็ ...แปลกใจว่าทำไมวันนี้ถึงอยากหล่อเหมือนโดม”
พี่จอมยิ้มหน้าบาน ในที่สุดก็ติดต่างหูหล่อขั้นเทพเรียบร้อย ควักแว้กสีดำมาเสยผมตัดสั้นกุดอีกรอบให้ตั้งพอเป็นหนามทุเรียน
“วันนี้ไอ้ขี้เก็กมารับมึงกลับกรุงเทพใช่ไหมล่ะ?”
ผมขมวดคิ้วสงสัย แล้วตอบรับ “ครับ”
“กูจะติดรถเข้ากรุงเทพด้วย คิดถึงเหมยลี่”
ตัวที่พิงกรอบบานประตูถึงกับเซทรุด พี่จอมเดินส่องกระจกเอียงซ้ายทีขวาทีแล้วหันมาทำตาวิบวับให้ก่อนถาม “เหมือนโดมรึยัง” ให้ผมอึกอัก สุดท้ายก็ไม่ตอบได้แต่ยิ้มแหยเพราะกลัวฝึกงานไม่ผ่านกับคำตอบในใจ ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายก็เหมือนมั่นใจเกินรอฟังคำตอบตั้งแต่แรกอยู่แล้วเพราะหลังจากคำถามมันก็เดินลิ่วลงจากบ้านทันที
ติดรถเฮียกลับกรุงเทพ.. นอกจากจะบอกให้เฮียเอาวีออสของบอมมาแล้ว กูต้องฝากเฮียซื้อที่อุดหูหรือยากล่อมประสาทด้วยหรือเปล่าวะครับ!วันนี้พี่จอมไม่ได้ลากผมออกหน้างานเหมือนทุกที แต่กลับสอนผมขลุกปล้ำกับเอกสารเบิกงบทั้งหลายแหล่ที่ทำเรื่องไปแต่ไม่ได้รับการอนุมัติตั้งแต่เช้ายันเย็น งานที่ไซต์มีหลายอย่างแตกต่างกันไป ผมอยู่ที่นี่ในฐานะเด็กฝึกงานก็ทำแทบทุกอย่างที่ถูกใช้ บ้างก็เป็นงานด้านวิศวกรรมจำพวกถอดแบบนั่งร้าน บ้างก็ช่วยพี่ดราฟแมนเขียนแบบออโต้แคด บ้างก็ช่วยแอดมินรื้อเอกสารไปซีรอกซ์ แม้กระทั่งปอกมะม่วงสุก ถ้าพี่ๆท่านเกิดอยากรับประทานขึ้นมาก็ต้องทำ
ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นยังไงบ้างในเวลานี้ ไม่ได้โทรคุยกับบอม ไม่ได้โทรเชคโชติพงษ์ ไม่ได้รับสายจากต่างประเทศของปันนภ ส่วนหมาโต๊ด นั่นก็คงขึ้นอ่านหนังสือเตรียมสอบปีหน้าตามประสาหมอๆของมัน คนที่ผมยังรู้เรื่องราวเรื่อยๆก็มีแค่แม่ กับเฮียที่ในแต่ละวันผมต้องเวียนรับโทรศัพท์อยู่เรื่อย อ้อ นอกจากนั้นยังมีพี่เนยที่นานๆโทรมาทีตามประสาคนมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้วไม่ให้เครื่องมือสื่อสารเงียบเหงา
ห้าโมงตรงเป็น เวลาเลิกงานตามกฎบริษัท หากแต่ถ้าเป็นวันตามปกติธรรมชาติแล้วกว่าเราจะเยื้องระยาตรกันออกจากออฟฟิศไซต์ได้ก็ปาไปหกโมงกว่าเสมอๆ ทว่าวันนี้นายช่างกลับดูรีบร้อนปิดคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สี่โมงห้าสิบให้คนอื่นยิ้มล้อ พี่บิ๊กถึงขั้นโบกหัวพี่จอมไปโขกจอคอมเบาๆด้วยความหมั่นไส้ด้วยซ้ำ
รถโตโยต้า วีออสเลขทะเบียนคุ้นแล่นมาจอดหน้าไซต์งานรอก่อนเลิกงาน พอได้เวลาแสกนบัตรออกนายช่างก็วิ่งปรู๊ดปร๊าดไปแตะบัตรคนแรก ผมเดินเอาสัมภาระที่จำเป็นพาดหลังเดินตามห่างๆกระทั่งเห็นว่าพี่จอมวิ่งไปเปิดประตูข้างคนขับแล้วสวมตัวเข้านั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเฮียก็ชะงักขากึก นึกอยากจะเป็นลมอีกสักสามล้านรอบ มองคนในรถที่รออยู่ก่อนทำหน้าเหวอปิดไม่มิดก็อดขำไม่ได้
“ไอ้เน็ต เร็วๆ เดินเป็นเต่าเลยสาดดด”
พี่จอมเปิดกระจกเร่ง ผมพยักหัวหงึกหงักรับแล้วเร่งฝีเท้าไปนั่งเบาะหลัง ไอ้ห่า กูทวนความจำดีไหมครับพี่เลี้ยงว่ามึงน่ะ ตัวอาศัยแปะรถติดกลับกรุงเทพด้วยแล้วยังมาสาดใส่เต็มหน้าแบบนี้แล้วอยากยันโครมจริงๆ พูดไปงั้นแหละครับ ผมยอมรับว่าตัวเองก็เหมือนคนอื่นๆที่ชอบนิสัยหลุดๆของพี่จอมมากกว่าเก็บมาถือสาหาความ ส่วนไอ้คนอยากยันโครมพี่เลี้ยงผมเป็นจริงเป็นจังมากน่ะมีอยู่ ก็ไอ้คนที่สบตากับผมผ่านกระจกด้วยทีท่าไม่ชอบใจนี่แหละ ซึ่งเวลานั้นผมก็ได้แต่ผงกหัวยิ้มๆสื่อให้เข้าใจว่ารู้แล้วน่า เบาๆเผื่อเฮียจะใจเย็นลงบ้าง
รถส่วนตัวแล่นเข้าสู่เมืองหลวงของประเทศด้วยเวลาแค่ชั่วโมงนิดๆ พี่จอมชวนเฮียคุยไม่หยุดปากเหมือนก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อน แต่ดูจากท่าทางแล้วเฮียคงฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะเวลาพี่จอมขอความเห็นมันก็ได้แต่ตอบปัดๆไม่ใส่ใจ กระทั่งถึงที่หมายคนขอติดรถมาด้วยจึงลงโดยที่ผมต้องลุกมานั่งข้างหน้าแทนที่พี่จอม
“พี่เลี้ยงมึงพูดมากฉิบหาย โคตรน่ารำคาญ”
“น่ารักดีออก กวนตีนดี”
“มึงอย่าเอานิสัยแบบนั้นมานะเน็ต กูอนุญาตให้มึงเกรียนได้แค่นั้น อย่ากวนตีน ไม่อยากมาระวังแฟนตัวเองไม่ให้ไปโดนตีนใครเข้า”
ผมหัวเราะ ไม่ใช่ไม่สะดุดนะไอ้ที่เฮียซี้ซั้วต่าว่า’แฟนตัวเอง’ แต่ก็ไม่รู้จะไปเถียงกับมันไปทำไมให้มากความ นั่งยิ้มๆมองรถราที่ติดกันเป็นแพอยู่บนท้องถนนไม่โต้ตอบ
“ถามจริง พ่อแม่มันตั้งชื่อว่าจอมยุ่ง จอมกวน จอมเสือกอะไรเทือกๆนี้หรือเปล่าวะ”
ผมไหวไหล ถ้าชื่อแบบนั้นจริงผมคงไม่ชอคตาตั้งตอนที่เห็นบัตรพนักงาน
‘แก้วเจ้าจอม แก้วสุวรรณ’หรอก มันไช่เหรอ?? คนแบบนั้นจะชื่อเป็นดอกไม้ทรงปลูก บ้าแล้ว!!
“แล้วนี่จะไปไหนเฮีย ไม่ขึ้นทางด่วนกลับบ้านผมเหรอ?”
เฮียหัวเราะหึ ขับรถด้วยมือข้างเดียวแล้วยกอีกข้างขึ้นใช้ศอกท้าวประตูรถไว้
“เดี๋ยวไปส่งดึกๆ ตอนนี้ไปคอนโดก่อน ที่บ้านจะกอดจะหอมมันไม่สะดวก เกรงใจแม่”
ผมเบะปาก แต่ก็ไม่เถียง
อันที่จริงผมก็คิดถึงแม่..
แต่ไปให้เฮียกอดเฮียหอมสักชั่วโมงสองชั่วโมง ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวหรอกมั้ง...เปล่าเลย... อันที่จริงเมื่อเราพากันมาถึงหน้าห้องแล้วผมถึงเพิ่งระลึกว่ามันไม่ใช่ความคิดที่เลวธรรมดา แต่เป็นความคิดและการตัดสินใจที่เลวร้ายเหี้ยๆครั้งหนึงเลยทีเดียว
รูปร่างผอมสูงชะลูด เนินอกอิ่มใต้เสื้อกล้ามสีขาวของผู้หญิงผิวเนียนละเอียดใต้แว่นสีดำที่ครอบไปเกือบครึ่งหน้ายืนรออยู่หน้าประตูทำให้ฝีเท้าทั้งสี่ ของผมกับเฮียชะงัก ทั้งๆที่ภาวนาโง่ๆขอให้ผู้หญิงคนดังกล่าวไม่ใช่คนที่คิดไว้แต่พอถอดแว่นออกมาผมก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า ใครบางคนซึ่งผมอยากเจอน้อยที่สุดกำลังส่งยิ้มละไมให้ผู้ชายตัวสูงใหญ่ซึงยืนเยื้องหน้าผมไปเล็กน้อย
“เค้าไปหาตัวเองที่บ้านแต่ม้าบอกตัวเองไม่อยู่ เลยแวะมาดูที่คอนโด.. แล้วก็เจอจริงๆด้วย”
“ทรายไม่ควรมาที่นี่..”
“เค้าแค่คิดว่าครั้งก่อนตัวเองยอมคุยกับเค้าดีๆแล้ว เลยมาหา.. บีม เรายังเจอกันได้ไม่ใช่เหรอ?”
ผมรู้สึกเหมือนประโยคเหล่านั้นมาจากหนังสักเรื่องที่ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่กลับอินไปด้วย หัวใจเล็กลีบส่งผลให้ตัวลีบเล็กลงจนคิดว่าอาจไม่มีใครมองเห็น ผมกับเฮียไม่ได้จับมือกันอยู่เลยไม่รู้ว่าถ้าเป็นแบบนั้นในเวลานี้มันจะปล่อยมือผมไปล้วงกระเป๋าเหมือนในละครที่นางเอกเจอพระเอกกับชู้รักหรือเปล่า
คิดแล้วก็น่าสมเพช โอ้... ใครส่งบทให้กูเป็นชู้รักนักแสดงชายกันวะ..?
บางทีก็ไอ้น้องพระเอกนั่นแหละ“ถ้าไม่มีธุระจำเป็นมันก็ไม่สมควร ทราย”
เสียงพูดของเฮียดึงผมให้กลับมาสู่ละครดราม่าหลังข่าว แกล้งเบือนหน้าเฉไฉเหมือนไม่ได้ยิน ไม่ได้รับฟังแต่ก็เหมือนเวลาที่แม่เปิดรายการเพลงลูกทุ่งแล้วผมก็เสือกร้องตามได้เสียทุกทีนั่นแหละ ปิดประสาทการรับรู้แค่ไหนก็ไม่อาจหนีความจริงได้ว่า กำลังมีฉากเรียกน้ำตากันต่อหน้าผมตอนนี้ เจ้ทรายเม้มปากเข้าหากัน มองเฮียด้วยสายตาเว้าวอนเหมือนจะร้องแหล่มิร้องแหล่
“ตัวเองก็รู้ว่าเค้ารักตัวเอง..บอกมาสิว่าตัวเองโกรธเค้าเรื่องอะไร เค้าพร้อมจะเปลี่ยนให้อยู่แล้ว.. กลับมาดีกันใหม่ได้ไหม”
“มันไม่มีประโยชน์ที่จะต้องรู้หรอกทรายว่าเราเลิกกันเพราะอะไร ในเมื่อผมก็ไม่คิดจะแก้ไขอะไรเพื่อให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ผมไม่ได้รักทรายแล้ว กลับไปเถอะ”
เฮียเดินเบี่ยงตัวไปไขกุญแจ นางแบบสาวหันมาสบตาผมแค่แวบเดียวเท่านั้น ตามมารยาทผมยกมือไหว้หากแต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบรับ หันกลับไปมองเฮียแล้วปล่อยให้น้ำตาร่วงผล็อย
“เน็ตเข้าห้อง”
พอถูกเรียกชื่อก็เผลอสะดุ้งตัว ผมเดินห่อไหล่ค้อมตัวผ่านเจ้โดยที่อีกฝ่ายหลบให้แล้วหลุบสายตาลงต่ำ ความรู้สึกผิดแล่นริ้วขึ้นมาจุกกลางอก เหมือนจะย้ำให้ชัดว่าเพราะอะไรที่ทำให้ตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้กับเฮียได้
“เจ้...ผม......”
ถึงอยากจะขอโทษ แต่ก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร หญิงสาวคนเดิมพลิกตัวหันหลังแล้วเดินลิ่วไปขึ้นลิฟท์โดยไม่มองหน้าผมอีก กระทั่งสัมผัสอุ่นแตะที่ข้อมือเรียกให้ผมเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว จึงยอมละสายตาแล้วเดินตามเฮียเข้าไปเงียบๆ
“ปล่อยไปแบบนั้นจะดีเหรอ?”
“หรือมึงอยากให้กูกลับไปหาทราย?”
พอถูกพูดแบบนี้ผมกลับรู้สึกแน่นขึ้นมาในหน้าอก ส่ายหัวสั่นระวิง ปฏิเสธท่าเดียว เฮียเลยดึงผมเข้าไปกอดไว้แนบอก
“งั้นก็ปล่อยไปแบบนั้นถูกแล้ว...”
“หมายความว่า.. ถ้าผมบอกให้กลับ เฮียจะกลับไปหาเจ้เหรอ?”
ผมหลุบตาลงมองปลายเท้าตัวเอง ขืนตัวออกจากแขนที่รัดรึงไว้ ความน้อยใจแล่นปราดขึ้นมาเลเวลสิบ แต่ก่อนความเจ็บหนืดที่อกจะแปรสภาพเป็นเกี่ยงงอนเฮียก็ชิงตอบทันผมที่จะย่นหน้าเข้าหากันยับ
“ลองบอกให้ไปสิ จะจับกดให้ครางหงิงเรียกหาแต่กูไม่กล้าไล่อีกเลย”
ตากลมตวัดค้อนขวับมองคนตัวใหญ่ มันยิ้มเจ้าเล่ห์ยั่วหมัดให้ผมทุบอั่กลงบนอกล่ำ ก่อนจะถูกรวบแขนไว้ยกให้ชูสูงขึ้นเพื่อความสะดวกแก่เจ้าของห้องให้ปล้นจูบเอาหน้าด้านๆ หืม? ถ้าคิดจะตักตวงจากปากกูฝ่ายเดียวล่ะผิดถนัด ผมสตั๊นท์ไปแค่ชั่ววินาทีแรกเท่านั้นครับ พอตั้งตัวได้ก็จูบมันคืนในรูปแบบเดียวกันให้เรียกได้ว่าหนักหน่วง มือที่จับกำรอบข้อมือเหนือหัวผมปล่อยลงมา ลูบสะโพกแล้วกดเข้าหาให้ทั้งตัวแนบชิด ปากก็ยังปล้ำจูบไม่ปล่อยไปไหนจนสาแก่ใจมันนั่นแหละถึงยอมผละออก
“คิดถึง”อาทิตย์ที่แล้วมันก็ยังไปหาผมที่ยุธ’ยาแท้ๆ แต่ยังบอกคิดถึงหน้าด้านๆ ผมพยักหน้าหงึกหงักเชิงรับรู้แล้วผละหนีไปหาของกินในครัวแต่กลับเซถอยหลังเมื่อคนที่ผมกะชิ่งมันดึงคอเสื้อไว้ไม่ให้ไปไหน
“อะไร จะไปหาของกิน”
“มึงยังไม่บอกคิดถึงกูเลย”
“ต้องบอกด้วยเหรอ?”
ผมแกล้งตีมึนถาม เฮียจิ๊ปากขัดใจนิดๆแต่ไม่ยอมปล่อยมือจากปกเสื้อผมจนมันจะย้วย สุดท้ายต้องหันหน้ามาหามันแล้วหลิ่วตาถาม
“
จูบขนาดนั้นยังไม่รู้อีกเหรอว่าคิดถึงแค่ไหน อะ ปล่อยได้หรือยังเนี่ย”
แกล้งทำท่าว่ารำคาญนิดๆ พอเฮียฉีกยิ้มกว้างขวางเปล่งออร่าก็เผลอหลุดขำออกมาด้วย แขนใหญ่ดึงผมเข้าไปกอดแล้วใช้จมูกฟัดแก้มกับหูผมไปมา แต่พอปากนิ่มงับหูผมอย่างหมั่นเขี้ยวเท่านั้นก็หดคอหนีแทบไม่ทัน ยิ่งตอนมันทะลึ่งใช้ลิ้นเลียผมยิ่งจิกบ่าเฮียแรงแล้วหัวเราะคิกคัก แม่งรู้ว่าผมบ้าจี้ที่หูก็ชอบเหลือเกินนะพับผ่าสิ
“ไปเล่นในห้องกัน”ฟังดูเหมือนเป็นประโยคเชิญชวนใช่ไหมครับ แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นแค่ประโยคบอกเล่าเสือกเข้าหูหมาธรรมดาๆ เพราะทันทีที่เสียงทุ้มพูดจบมันก็ตวัดรวบขาผมให้ลอยหวือขึ้นจากพื้น เดินตุ้มปัดตุ้มเป๋เข้าประตูห้องนอนอย่างยากลำบากก่อนโยนโครมผมลงเตียงแบบให้จุกไปถึงม้าม
“อุ้ก! สัตว์! โยนมาได้ กูหลังหักทำไงวะ”
“ก็มึงหนัก ไม่รีบโยนลงเตียงเดี๋ยวก็พากันจับกบที่พื้นแข็งๆ”
“อุ้มไม่ไหวแล้วจะอุ้มทำห่าอะไร”
เฮียโคลงหัวไปมาไม่ตอบ แต่พอผมยันตัวเองมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเท่านั้นเจ้าของห้องมันก็ขยับมาคร่อมผมไว้แล้วกดลงนอนกับพื้นด้วยปาก
เอะอะจูบๆ จูบขนาดนี้ปากกูไม่เบินไปหมดแล้วเหรอ? ได้แต่ทักท้วงในใจครับ ในเมื่อไอ้คนที่กุมบังเหียนอยู่ไม่ปล่อยให้ปากผมเป็นอิสระสักนิด มือไม้ราวปลาหมึกพอลก็จับวางนวดเฟ้นผิวลื่นได้ถูกจุด ไม่นานอารมณ์คุกรุ่นก็แล่นปราดมาปลุกเร้า
’อะไรๆ’ ที่เคยสงบนิ่งใต้อันเดอร์แวร์ให้ตื่นขึ้น ปลายลิ้นและริมฝีปากของเฮียยังดูดดึงกลีบปากผมไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ขณะที่มือเริ่มจับล้วงแงะเอาเข็มขัดผมหลุดติดมือไปด้วย
ครับ เมื่อมี1 ก็ต้องมี 2
หลังจากคืนก่อนสอบที่ผมกับเฮีย
’ช่วยกัน’ จัดการอารมณ์ดิบไปเรียบร้อย ครั้งที่2ที่เราร่วมกันใช้ฝ่ามืออรหันต์ให้อีกฝ่ายก็เกิดขึ้นที่โรงแรมซึ่งผมบัญชาสั่งเอาจูบจากมันนั่นแหละ ยอมรับนะว่าความรู้สึกประหม่าอายนี่ยังไม่หายไปไหน ถึงตอนนี้ที่ดูท่าทีแล้วจะหนีครั้งที่ 3 ไม่พ้นเลือดก็ยังพล่านสูบฉีดทั่วใบหน้า ทว่าเวลาที่เฮียใช้ปลายนิ้วแตะสัมผัสก็เผลอเด้งเอวขึ้นรับอย่างน่าไม่อายอยู่ดี ถึงใจจะบอกว่า
’ไม่เอาน่า เน็ต มึงจะเปลืองตัวไปหน่อยไหม’ แต่สภาพร่างกายมันดันเรียกร้องบอกเฮียว่า
’เอาเลย เอาเลย’ ด้วยความดื้อรั้น ผมเลื่อนมือที่กอดหลังกว้างของเฮียลงต่ำ หลับตาพริ้มรับจูบทว่ามือไม้ก็สามารถเดาตำแหน่งและแตะต้องร่างกายของเฮียได้อย่างรู้งาน เสียงหายใจหอบกระชั้นติดใบหู ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกจั๊กจี้เหมือนในทีแรก แต่กลับกระตุ้นอุณหภูมิในร่างกายให้มันวิ่งพล่านสูงขึ้นสูงขึ้นแบบไร้ขีดจำกัด
“....ได้ไหม...?”เฮียถามชิดหู ตอนนี้มันปล่อยให้ปากผมสามารถร้องครวญดั่งใจ ผมปรือตาฉ่ำน้ำเปิดต่ำ ขมวดคิ้วถามว่ามันหมายถึงอะไร แต่ไม่ทันที่จะได้เอ่ยออกมาเป็นคำ เฮียก็ถอยตัวออกจากมือผมที่กอบกุมมันอยู่แล้วคว้าเอาหมอนมารองสะโพก จับขาผมแยกออกจากกันพลันวางพาดเรือนกายร้อนระอุมาถูไถให้เกิดแรงเสียดสี
เฮ้ย! กางเกงกะชั้นในกูหลุดไปตอนไหนวะครับ!!
“ฮะ..เฮีย!!! มะ...ไม่เอาเฮีย!! เน็ตยัง....”
พอมันจับส่วนหัวจิ้มๆประตูชัย ผมก็รีบตาลีตาเหลือกร้องห้ามเสียงหลง อย่าเพิ่งครับพี่ชาย กูยังไม่ได้เตรียมใจมา ไอ้บ้ากามเงยหน้ามองผมด้วยสายตาเว้าวอนสุดๆแต่ ณ จุดนั้นผมได้แต่ส่ายหัวดิก ไอ้ตรงนั้นเคยแต่เอาออกครับ ไม่เคยยัดอะไรเข้ามา เฮียเองก็เถอะถึงมันจะเป็นปรมาจารย์ด้านกามๆกับผู้หญิงดีกรีนางแบบFHM แต่ใช่ว่าจะมีประสบการณ์กับผู้ชายด้วยกัน ยิ่งมาเกิดอารมณ์แบบไม่ได้วางแผนแบบนี้ล่ะก็แม่งหาข้อมูลมามากน้อยขนาดไหนก็ไม่รู้ เจลก็ไม่มี น้ำอุ่นให้กูแช่ก่อนสักหน่อยก็ไม่ได้ อย่างใจดีๆถุยน้ำลายลงนิ้วแล้วแหย่เข้ามาให้ผมทำความคุ้นเคยสักนิดยังไม่ทำเลย โถ.. พ่อคุณ นี่กะกระซวกกูอย่างเดียวเลยหรือไง
เฮ้ย! อย่ามองแบบนั้น ผมไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องแบบนี้จริงจริ๊ง แค่พอหลังจากคืนนั้นที่เฮียมันรุกไล่ผมจนอ่อนเปลี้ยเป็นผักเหี่ยวก็เผลอหาข้อมูลเรื่องพรรค์นี้มาโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่ผมใฝ่รู้หรอกถึงได้เบรคเฮียไว้ทัน ไม่งั้นพรุ่งนี้ได้นอนโด้ปยาแก้อักเสบฉลองวันหยุดแน่ๆ ก็ดูของมันสิ ลำขนาดนั้นจะให้ผมทำใจง่ายๆมันก็กระไรอยู่
“อยากกอดแน่นๆ..”
นั่น อ้อนกูเป็นนางเอกการ์ตูนตาหวานเชียวมึง ผมยังส่ายหัวปฏิเสธแสดงความไม่พร้อมอย่างมาก เฮียถอนใจยาวแล้วดึงมือผมมาโอ๋น้องชายมันเบาๆ
“...แล้ว ถ้าแค่ภายนอก ได้ไหม?”
“ภะ...ภายนอกยังไง?”
“ถูกับร่องเฉยๆ... นะ ไม่ยัดเข้าไปหรอก”
ผมแทบเลือดกำเดาพุ่งกับคำตอบของมันแต่ก็ไม่ทั้งตอบรับและปฏิเสธ เฮียโน้มตัวลงมาจูบทำให้ไอ้นั่นวางพาดผมตลอดความยาว ถ้าหน้าผมเป็นปรอทป่านนี้แตกกระจุยไปแล้วครับ ความรู้สึกร้อนผะผ่าวแล่นริ้วจนต้องแสร้งเบือนสายตาหนี
คนตัวโตใช้มือข้างหนึ่งบังคับร่างกายตัวเองให้ถูไถกับผมพอเป็นพิธี ส่วนอีกข้างเลื่อนมาจับผมสานต่ออารมณ์ที่คั่งค้างให้ปลดปล่อยสบายตัว
เสียงหอบหายใจยังดังระงม แรงเสียดสีจากด้านหลังต่อให้เป็นแค่ภายนอกก็ทำให้ผมรู้สึกได้เล็กน้อย หลับตาลงด้วยความเขินอาย ทว่าแขนทั้งสองข้างกลับยกขึ้นคล้องคนเบื้องบนไม่ให้หนีไปไหน
“...ฮืม... อา....”
ไม่นานนัก ปลายนิ้วชาญฉลาดของเฮียก็กระหวัดเร่งให้ผมล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ปารมีขยับปลายนิ้วถี่แล้วครางเครือเสียงต่ำ สัมผัสจากของเหลวอุ่นร้อนของเฮียเปียกแฉะอยู่ด้านหลัง ขณะที่ของตัวเองฉีดพุ่งจากหน้าท้องขึ้นมาถึงแก้มและสันคาง เฮียใช้มือข้างหนึ่งยันตัวเองไว้กับเตียง ไม่ทิ้งน้ำหนักตัวลงมาเต็มที่ ส่วนอีกข้างยกมาเช็ดน้ำสีขาวขุ่นข้นเหนียวออกจากหน้าผมแล้วมองยิ้มๆ
“โคตรน่าเย็x”มันส่ายหัวแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ ทิ้งผมนอนอ้าปากหวอเบิกตาค้าง เกิดมาทั้งชีวิตเพิ่งเคยถูกบอกว่าเป็นสื่อปลุกเร้าอารมณ์ครั้งแรก แต่แม่งคนบอกเสือกเป็นผู้ชายนี่สิ! นี่ถ้าแม่งเป็นคนอื่นนอกจากเฮียมาพูดแบบนี้นะ ตัวเล็กตัวโตก็เหอะ ไอ้เน็ตโดดกัดหูแหว่งเป็นไมค์ ไทสันแน่ๆ
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกอีกครั้งพร้อมไอ้คะตะไลท์เร่งปฏิกิริยาจังหวะหัวใจ เฮียทรุดตัวลงข้างเบาะขณะที่ผมยังนอนอ้าซ่าหอบแฮ่ก มันยังส่งยิ้มล้อเหมือนเดิมแล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นที่ถือติดมือมาด้วยเช็ดคราบที่เลอะเทอะบนตัวผมเบาๆ จับพลิกคว่ำพลิกหงายพอสะอาดสะอ้านก็ล้มตัวลงดึงผมเข้าไปกอดแน่นจนแทบได้ยินเสียงกระดุกลั่นกร๊อบถ้าไม่ติดว่าเสียงอย่างอื่นมันดังกว่า..
โครก~ทั้งห้องเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนเฮียจะหัวเราะต่ำ
"เหี้ยไร! ก็บอกว่าจะไปหาของกินๆก็ชวนเล่นบ้าอะไรไม่รู้อยู่ได้! ตั้งแต่เที่ยงยังไม่กินอะไรเลย นี่มันก็เลยเวลาเลยมื้อเย็นแล้วนี่หว่า!"
เคยเป็นไหมครับพอหน้าแตกก็จะรีบโวยวายกลบความผิด หัวหูแดงก่ำแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้ร้อนรนไปด้วยก็ยิ่งเขินแทบมุดแผ่นดินหนี มือใหญ่เอื้อมมายีหัวผมให้สมกับความหมั่นเขี้ยวก่อนย้ายเป็นบีบปลายจมูกล้อๆ
"ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ไปแต่งตัวไป เดี๋ยวพาออกไปหาอะไรอร่อยๆกิน"
-------------------------------------
พาดหัวข่าวเรื่องนางแบบสาวบุกเดี่ยวถึงคอนโดอดีตแฟนถูกพิมพ์ด้วยฟร้อนท์ใหญ่ในวันถัดมาของหนังสือพิมพ์บันเทิงชื่อดัง ปกติผมไม่ได้ใส้ใจข่าวหยุมหยิมเขียนเอามันส์หรอกครับแต่เพราะไอ้คนตาดีแบบพี่เลี้ยงสุดสวาทมันดันไปเจอตอนเข้ามินิมาร์ทในปั๊มระหว่างทางกลับจากกรุงเทพไปอยุธยา ทำเอาเฮียนั่งหน้ามุ่ยตอนเห็นมันกางหราอ่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอๆกับผมที่ท้าวแขนกับกระจกรถมองเหม่อไปด้านนอกที่พระอาทิตย์ของวันสุดสัปดาห์ลับขอบฟ้าไปอย่างไร้เหตุผล
ถึงแม้จะรู้เรื่องราวทั้งหมดดีแก่ใจแต่ก็ไม่วายคันยุบยิบตอนเห็นเนื้อข่าวเขียนว่า '...เห็นทีจะมีลุ้นรักรีเทิร์น เพราะก่อนหน้านี้ยังมีมือดีของเราจับภาพสาวเจ้าไปหาอดีตแฟนถึงบ้าน ตามเฝ้าที่ทำงาน และยังมีมื้อเย็นที่ร้านอาหารฝรั่งเศสซึงเป็นที่โปรดปรานของทรายแก้ว...'
เรื่องที่บ้านน่ะรู้ แต่ไปตามเฝ้าถึงออฟฟิศกับไปดินเนอร์นี่มันอะไรกันวะครับ ถ้าในชั่วโมงนี้ยังนั่งอมพะนำทำหน้ายุ่งเพราะไม่พอใจพี่จอมอย่างเดียวมึงได้ง้อกูยาวแน่ ปารมี
"บีม มึงโคตรโง่เลยว่ะ ทิ้งทรายแก้วมาหาไอ้เตี้ยนี่ได้"
พี่จอมชะเง้อคอจากเบาะหลังผ่ากระแสเปรี๊ยะๆที่ผมแผ่เป็นปิกาจู เฮียส่ายหัวพลางเลื่อนมือมาบีบมือผมให้ผ่อนคลายทว่ายังไม่มีคำพูดใดหลุดจากปาก ผมจึงดึงมือออกจากมันด้วยความรู้สึกหลากหลายแต่มันก็ยังรั้นเอื้อมมาฉวยไว้เอาแต่ใจ
"ก็บอกไปแล้วว่าไม่มีอะไร ไว้ใจกันหน่อยสิ”
อ๋อ นี่คือกู กูใช่ไหมที่งี่เง่าไปเอง! ผมเม้มปากเข้าหากันแล้วพยายามดึงมือออก เฮียยิ่งบีบแน่นไม่ให้หลุดไปไหนจนพี่จอมร้อง
“โอ๊ะโอ... ดราม่า” ออกมา
“ทรายไปใช้สตูที่ออฟฟิศถ่ายปกนิตยสาร ไม่ได้ไปเฝ้า..”
“แล้วดินเนอร์สุดโรแมนติก?” อันนี้พี่จอมเสือกเป็นคนถามแทน เฮียขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจยาว
“ไม่ได้ไปกัน 2 คน เลิกงานแล้วเจอกับทีมงานของทราย เคยร่วมงานกันเขาเลยชวนไปกินข้าวด้วย”
“ไม่เห็นจะเล่า..” ผมบ่นกระเง้ากระงอด
“ปกติกูก็ไม่ได้เล่าว่าไปทำงานแล้วเจอใครบ้างอยู่แล้วนี่ ทรายแก้วไม่ได้สำคัญขนาดที่กูใส่ใจทุกรายละเอียดจนต้องบอกความเป็นไปของกูกับอดีตเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งให้มึงฟังให้ไม่สบายใจเล่นสักหน่อย"
“ใครจะไปรู้วะว่าเป็นยังไง ไม่ได้อยู่ใกล้ๆกันเหมือนเมื่อก่อน..ทีเฮียยังอยากรู้ทุกเรื่องของเน็ตเลย”
“โอเคๆ กูยอมแล้ว งั้นทีหลังจะรายงาน ทุกเรื่องเลย นะครับ ไม่ทำหน้าแบบนั้นสิ..”
เฮียใช้นิ้วหัวแม่มือลูบที่หลังมือผมไปมา ผมยังไม่หันหน้าไปสบตากับมันเพราะกลัวว่าจะร้องไห้ งี่เง่าจริงทำไมต่อมน้ำตากูมันตื้นขนาดนี้วะ ฮืออ ณัฏฐนิช มึงใจตุ๊ดไปแล้ว
“เฮ้อ... ที่จริงนะ”
บุคคลที่สามผู้ก่อเหตุในรถถอนหายใจยืดยาว หนังสือพิมพ์ที่กางอยู่ถูกขยำๆแล้วโยนลงบนพื้นไม่ใส่ใจ พี่จอมชะโงกหน้าเอาคางเกยพนักพิงผมให้หน้ามันอยู่ห่างจากผมไม่กี่คืบ
“พี่เลี้ยง ถอยออกมาหน่อย” เฮียเตือนเสียงขรม คนถูกขัดจังหวะเลยบ่น “โวะ กูจะช่วยมึงนะไอ้ขี้เก็ก” กระทั้นเสียงแล้วหันมาพูดกับผมต่อ
“กูแค่อยากลองแหย่พวกมึงดูเฉยๆ ถึงซื้อหนังสือพิมพ์โง่ๆอะไรนี่มาเหอะ ไอ้บีม ค่าหนังสือพิมพ์กูเบิกกับมึงนะ แล้วเน็ต กูเคยพูดใช่ไหมว่าอยู่ไกลกันมีปัญหาแน่ๆ สองเดือนที่มึงฝึกงานกับกู กูไม่อยากให้มึงได้ไปแค่ความรู้วิชาชีพหรอกนะ แต่ชีวิตคู่น่ะเวลาห่างกันนอกจากมึงต้องควบคุมใจตัวเองดีๆแล้ว ต้องรู้จักวางใจอีกคนด้วย หรือมึงสงสัยอะไรในความรักของไอ้ขี้เก็กนี่?”
นาทีนั้นนอกจากผมก็มีเฮียที่เงียบ พี่จอมเลยพูดต่อพลางเต๊ะท่าเท่ห์ๆ “...กูก็ไม่เห็นว่ามีอะไรน่าสงสัย เฮียมึงเลือกมึงทั้งๆที่มีของดีรออยู่นี่แม่งโคตรโง่ คนที่ปิดหูปิดตาไม่ฟังเหตุผลเพื่อความรักได้ขนาดนี้เน็ตรู้ไหม มึงน่ะโชคดีแล้ว เพราะงั้นไว้ใจมันหน่อย”
ผมรับฟังพลางทบทวนไปด้วย พอหันหน้ามามองคู่กรณีซึ่งกำลังจรดจ้องผมไม่วางตาอยู่ก็เอ่ยวลีสั้นๆที่ทำให้มันยิ้มแผล่แบบไม่วางท่าอีก
“ขอโทษ....”
เฮียสบตากับพี่จอม ก่อนแซว “พูดจาดีๆกับเขาก็เป็นนี่” ทำเอาคนนั่งเบาะหลังเอนตัวพิงพนัก ยกขาขั้นไขว่ห้างกระดิกตอบ “พอดีว่าเมียสอนมาดีว่ะ” ยิ้มๆ
------------------------------------------
COMPLETE Friend's brother Brother's friend 25
29/08/12
อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบินจ้ะ
ซอรี่เวรี่มัชทูมัชไรท์นาว ปกติจะลงเที่ยงคืนวันพุธเป๊ะ แต่ตามที่บอกอาทิตย์ที่แล้วว่างานท่วมหัวมาก พอกลับจากออฟฟิศได้ก็ดิ่งเฝ้าพระอินทร์เลย แต่วันนี้เค้าก็ตื่นมาต่อให้แต่เช้าแล้วนะ!!
ที่จริงพาร์ทนี้ชื่อดรามาติก แต่มันไม่ค่อยดราม่าเนอะ มีสะบัดงอนกันนิดๆหน่อยๆเอ๊ง ของจริงอาจจะต่อจากนี้ ตามพล๊อต(ที่หายไป)คิดว่าจะมีดราม่าซักพักจ้ะ แอบกลัวคนอ่านหายเหมือนกัน เลยมาชะแว้บบอกไว้ก่อน (ซึ่งไม่รู้ว่าบอกแล้วจะช่วยรั้งไว้ได้หรือเปล่า) แหะๆ
สายแล้ววว วันนี้ทอล์คแค่นี้เนาะ ซียูวอะเกนออนเวนซ์เดย์สเปเชียลค่ะ รักคนอ่าน จุ๊บุจุ๊บุ