Friend's brother Brother's friend 11, ต้องเข้มแข็ง ต้องเสียสละ
[NET's talk]
ผมลืมตาตื่นขึ้นวันถัดมาเพราะแสงอาทิตย์ทะลุผ่านผ้าม่านที่เปิดแง้มไว้สาดส่องเข้าตา เหลือบมองเข็มนาฬิกาซึ่งแขวนไว้ปลายเท้าแล้วต้องสะดุ้งลุกขึ้นมาสุดตัว
9.45 !!ฉิบหาย! อีก 15 นาทีเฮียจะมารอรับที่หน้าหอ!!
ผ้านวมหนาถูกถกขึ้นไปวางพาดสิ่งมีชีวิตข้างๆ ผมแจ้นลุกเข้าห้องน้ำอาบน้ำแปรงฟันด้วยความเร็วสูงกว่าปกติทั้งๆที่เดิมก็เป็นคนอาบน้ำเร็วอยู่แล้ว ก่อนออกมาเตรียมหนังสือที่จะหยิบไปติวกับพวกไอ้โชติใส่กระเป๋าทั้งๆที่ยังไม่แต่งตัว เหลือบหางตาไปเห็นอาคันตุกะไม่รับเชิญยังหลับสนิทบนเตียงแล้วก็หยิบหมอนฟาดให้เต็มๆ
"ตื่น! กูจะออกไปข้างนอก"
คุณชายทำเสียงงัวเงียเล็กน้อย หมอนที่ใช้ประทุษร้ายมันเมื่อครู่ถูกดึงไปกอด นั่นไง สบายเลยนะไอ้สัส! จะไม่ทันแล้ว เหลืออีก7 นาที ปันนภมันยิ่งอาบน้ำนานๆอยู่ด้วย เมื่อคืนแค่ผมลีลาโอ้เอให้ SLK ที่ไม่ได้มีใครจุดธูปอัญเชิญสถิตรออยู่หน้าหอสมุดเกือบ20นาที เฮียแม่งก็หัวฟัดหัวเหวี่ยง พอมุดตัวเข้าไปในรถ ไอ้สารถีหน้าหล่อมันก็ยื่นปากยาวๆมาจูบแก้มตอนเผลอแล้วพูดหน้าตาเฉยว่า'ลงโทษที่ให้รอ'จนผมหงุดหงิดค้างแล้ว นี่ถ้าวันนี้เลททั้งๆที่ตัวเองไม่ได้เอ่ยปากรบเร้าให้มันมารับไม่รู้ว่าจะถูกฉวยโอกาสอะไรอีกบ้าง
ใครกลัว! เปล่าเว่ย!! ผมแค่ไม่อยากถูกเอาเปรียบก็เท่านั้นแหละ อย่างผมน่ะเหรอจะกลัวไอ้เฮียบีมจนขี้หดตดหาย!! ฝันไปเหอะ!
"ไอ้ปัน ตื่น"
พอเห็นคุณชายท่านหลับสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเลยเดินไปเขย่าตัวอีกครั้ง คิ้วหนาของเพื่อนมัธยมขมวดเข้าหากันเหมือนรำคาญ กว่าจะปรือเปิดดูยากลำบาก มันนิ่งไปพักหนึ่งเมื่อเห็นว่าผมก้มลงไปปลุกมันจนหน้าอยู่ใกล้ขนาดลมหายใจเป่ายังรู้สึก
"อืม...." ปันนภรับในลำคอ มันเบี่ยงตัวไปอีกทางให้ไกลจากผม เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันซึ่งดูท่าแล้วคงไม่อาบน้ำ แปรงที่สิงสถิตอยู่ในห้องน้ำมีเกือบๆล้านโชคดีที่คละสีคละแบบ หนึ่งในนั้นก็เป็นของมัน ปันเคยมาค้างที่ห้องผมครั้งเดียวตอนที่ย้ายออกจากบ้านแรกๆพร้อมพวกไอ้บอม ตอนนั้นหลอนครับ เขาว่าตามหอพักนี่ผีชุมนัก จนถึงตอนนี้เกือบๆ3ปีแล้วที่มันไม่ได้มาค้างกันอีกแต่ผมก็ยังเก็บทุกอย่างไว้ที่เดิมเหมือนเมื่อก่อน
ลมหายใจร้อนพ่นผ่านโพรงจมูก ผมถอนใจ นั่งทรุดลงบนเตียงที่ยังอุ่นด้วยอุณหภูมิของมันแล้วหลับตาลง
บางทีก็คิดไม่ออกจริงๆว่ามันกำลังทำอะไรของมันอยู่
นึกจะมาก็มาหา พูดเรื่องบ้าบอของผมกับเฮีย ซักไซ้เอาความและแววตาตัดพ้อนั่น
ไม่เคยเห็นผมในสายตาแท้ๆ แต่กลับสนใจความรู้สึกของผมขึ้นมาว่าชอบเฮียหรือเปล่า
สนก็สนให้มันสุดสิวะ ยึกยักหาเตี่ยมึงหรือไง กูก็น้อยใจเป็นนะไอ้สัตว์!มันมาแล้วครับ ผมเดินออกจากลิฟท์ก็เห็นSLKคันเดิมจอดทำหล่ออยู่หน้าหอพัก เจ้าของมันกำลังฉอเลาะกับลุงยามเหมือนทุกทีที่มาส่ง ในมือเหี่ยวกร้านของชายในเครื่องแบบถือถุงขนมที่มีโลโก้ร้านแถวๆคอนโดเฮียอยู่ด้วย เอามาประจบฝากลุงแกเป็นหูเป็นตาให้อีกแหง กระทั่งผมเดินออกจากประตูกระจกพร้อมใครอีกคน เสียงคุยเย้ากันเลยค่อยๆเงียบเสียงเบือนสายตามาทางผมช้าๆ
ไอ้ปันพุ่มมือไหว้เฮียบีมลวกๆ ผิดกับผมที่เจอมันบ่อยเสียจนไม่อยากไหว้ให้มีพิธีรีตองอะไร สีหน้าคนรอเรียบสนิทพยักหน้ารับไหว้ปันแล้วเบนสายตามาทางผมนิ่ง
"สายนะเรา"
"แค่สิบนาที"
"เดี๋ยวจะโดน ปัน ไปกินข้าวด้วยกันไหม?"
ประโยคแรกเฮียพูดกับผม ถัดมามันหันไปถามเพื่อนน้องชายอีกคน ไอ้ปันส่ายหัวปฏิเสธแล้วเดินเลี่ยงไปทางที่รถมันจอด แต่ระหว่างที่เฮียบีมเดินเข้ามาหาผมซึ่งสวนกับปันพอดี ทั้งสองคนเหลือบมองกันครู่หนึ่ง ซึ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียง ชิ้ง เบาๆผ่านสายตา
มึงเป็นโงกุนกับเบจิต้ากันหรือยังไง ?
แต่ไม่ทันให้ผมตีระฆังดัง
เป๊ง! เฮียก็หันมายิ้มเย็นให้ผม
"ไม่เห็นบอกเฮียว่าเพื่อนจะมาค้าง หืม?"
เออ มันก็ไม่ได้บอกกูล่วงหน้าเหมือนกันครับเฮีย แต่ถึงอยากพูดแบบนั้นผมก็ได้แต่เบ้ปากบ่นงุบงิบ มือนุ่มใหญ่เท่าหน้าผมวางแหมะลงบนหัว ลูบเบาๆเหมือนเจ้าของเอ็นดูลูกหมาตัวเล็ก แต่ตาคมที่ไม่สวมแว่นกันแดดมันกลับกำลังเฉือนกันนิ่มๆให้ผมต้องหลบตา
ไม่พอใจก็พูดเด่ะ ใช้สงครามเย็นผ่านสายตากระผมไม่รับรู้ด้วยนะคร้าบบบ
เฮียบีมถอนหายใจพอผมทำไม่รู้ไม่ชี้ มันสอดตัวเข้าไปบนเบาะนั่งประจำของสารถี เราต่างเงียบกันอยู่พักหนึ่งก่อนเฮียจะสตาร์ทรถ ความกดดันที่ไม่รู้อยู่ๆโผล่มาจากไหนกำลังเค้นให้ผมไม่กล้ากระดิกตัวไปเปิดวิทยุ ไม่กล้าสบตามันในกระจก ไม่กล้าทักถามมันก่อนว่ามารอก่อนเวลาเหมือนอย่างเคยหรือเปล่าทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เสียงเงียบกังวาฬก้องระหว่างคนสองคนจนหนวกหู เหมือนจะประชันความอดทนว่าใครจะอยู่ในสถานการณ์ปั้นปึ่งได้นานกว่ากัน
"ปันมันมาค้างด้วยทำไม?"
ฮ่าๆ มึงแพ้! เฮียถามทำลายความเงียบ ผมเผลอสบตามันครู่หนึ่งแล้วตอบแบบไว้ฟอร์มนิดๆว่า "ไม่รู้"
ไม่ต้องมาตวัดหางตา! ก็ไม่รู้จริงๆอะ ถ้าจะกรุณาเฮียช่วยไปถามมันให้ผมทีนะครับผมก็อยากรู้เหมือนกัน พอไม่ได้คำตอบคนขับก็เงียบอีกครั้งขณะหมุนพวงมาลัยไปตามทางคนเคี้ยวที่ไม่ค่อยมีรถจอแจ ไม่เกินสิบนาทีบนSLKคันเล็ก ล้อยางก็หยุดหมุนหน้าร้านอาหารที่ถูกตบแต่งสไตล์เมดิเตอริเนียนซึ่งอยู่ห่างจากปากซอยราว800เมตร
"เน็ต" เฮียเรียก ผมหันกลับไปมองมันที่นั่งตัวตรง สายตาคมดุจ้องมองไปนอกกระจกขณะที่มือมันเอื้อมมาบีบมือผมแน่น
"คนที่เคยบอกว่าชอบ คือปันจริงๆใช่ไหม?"เสียงแอร์รถดังน้อยเกินไป มันไม่อาจกลบเสียงกลืนน้ำลายของผมได้ เฮียหันหน้ากลับมาหาผมที่ยังทำตาตื่นตกใจ ก่อนจะโน้มตัวลงมาช้าๆ ปลายจมูกเฉี่ยวชนกันแค่ตรงนี้ ผมได้กลิ่นลมหายใจอ่อนๆที่ให้ความรู้สึกหวานๆเย็นๆของอดีตนายแบบ ตากลมของตัวเองหลับลง ยังไม่ทันได้ตอบก็คิดว่าต้องถูกจูบอีกแล้วแน่ๆทว่านานเกือบนาทีที่กลีบปากไม่ถูกสัมผัสแต่กลับอุ่นด้วยลมหายใจระยะประชิดแบบนั้นผมจึงลืมตาขึ้นมา
เฮียไม่ได้ก้มลงมาจูบ และผมกำลังหน้าแดงซ่านด้วยความอาย ไอ้ฉิบหาย ทำแบบนี้กูก็หน้าแตกสิครับ
"อย่าให้กูเป็นตัวตลก ถ้ามึงกับมันรักกันก็บอกกูมาตรงๆ อย่าให้กูรู้ทีหลังเหมือนเรื่องไอ้บอม"
ตาสีนิลคู่นั้นนิ่ง จ้องลึก ผมเห็นหน้าตัวเองสะท้อนออกมาจากดวงตาที่เจ็บปวดของเฮีย ไม่มีอารมณ์เขินอายกับความคิดสัปดนๆของตัวเองอีกแล้วเพราะสีหน้าเฮียบีมไม่ได้ยิ้มหยันหรือตลกไปด้วย ดวงตาดำขลับจริงจังจนผมต้องรับสารภาพเรื่องที่ปิดไว้ออกมา
"ปันมันไม่ได้ชอบเน็ต..."พูดจบก็หลบสายตา ในที่สุดก็ยอมรับว่า
'มัน' ที่เคยเล่าให้เฮียฟังว่าชื่นชมนักหนาคือปันนภ ผู้ชายที่บางทีก็เย็นเหมือนน้ำแข็ง บางครั้งก็ร้อนเป็นไฟ
ปันไม่ใช่คนหล่อ มันออกแนวถูกจัดว่าดูดีในทุกมุม มีสเน่ห์เหมือนชวนให้ค้นหา แต่ยิ่งค้นกลับยิ่งยากจะถอนตัว ผมหลงรักสเน่ห์ลึกลับๆของมันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็เผลอร้องไห้ตอนที่มันเริ่มติดสาว มีเวลาให้เพื่อนๆและดอทเอน้อยลงเสียแล้ว
"กูยุ่งกับคนที่มีพันธะทางใจไปแล้วสินะ"
เฮียยังคงมองผมนิ่ง ตามันอ่อนแสงลงเล็กน้อยก่อนจะแค่นยิ้มราวสมเพชตัวเอง
"ถ้าอย่างนั้นมึงบอกกูเลยดีกว่า ว่ากูมีหวังไหม? ถ้าไม่ กูจะได้ช่วยมึงจีบไอ้ปัน"
ผมขมวดคิ้ว เฮียทำแบบนี้อีกแล้ว
"...ไหนๆก็จะมีคนเจ็บ ให้เป็นกูแค่คนเดียวก็พอ"
"พอสักทีเถอะนิสัยแบบนี้น่ะ! เห็นแล้วแม่งหงุดหงิด!!"
ผมกระแทกตัวลงบนเบาะหนังด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว มันคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกหรือไง เที่ยวช่วยคนโน้นคนนี้ไปทั่ว
กูไม่เป็นไรๆ คิดแต่ว่า
กูไม่เป็นไร ยินดีรับความเจ็บปวดนี้ไปเองให้หมด สุดท้ายก็ช้ำในหน้าระรื่น แล้วไง ผลของการตัดสินใจของมันทำให้ใครดีขึ้นไหมหรือก็เปล่า ไอ้บอมกับเจ้ทรายสุขสมอารมณ์หมายหรือก็ไม่ ทางที่มันเลือกให้คนอื่นโดยคิดว่าดีว่าแน่ จริงๆก็แค่มันไม่อยากจะสู้ก็เท่านั้น สำคัญห่าอะไร ไม่มีหรอก ถ้าสำคัญจริงๆ มันจะปล่อยมือง่ายๆได้ยังไง หน้าอย่างเฮียแม่งก็ไอ้ขี้แพ้ตัวนึงก็เท่านั้น
"ทำเป็นหลีกทางให้ เฮอะ! กลัวจนหัวหดล่ะสิไม่ว่า"
"ทำเป็นพูดดี แล้วทีมึงกับปันล่ะ? กล้าหาญชาญชัยกันที่สุดในโลกเลยใช่ไหม?" แหม! ทำทีพูดจาประชดประชัน ผมจิ๊ปากสะบัดหน้าไปมองมัน
"กูกับปันมันมีความเป็นเพื่อนมาเดิมพันโว้ย! แต่มึงอะบีม ถ้าจีบกูไม่ติดแล้วไง มึงมีอะไรต้องเสียวะ?"พอหงุดหงิดไม่นับถงนับถือแม่งแล้ว อันที่จริงก็ไม่ได้เชิดชูมันเท่าไหร่หรอกไอ้พี่ชายเพื่อนคนนี้น่ะ กระทั่งมันค่อยๆเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมเลยหุบปาก นั่งหน้าซีด
ฉิบหาย! นี่กูพูดอ่อยมันไปใช่ไหม?"มึงพูดแบบนี้เองนะ จากนี้กูสู้ขาดใจจริงๆด้วย"
จบประโยคมันก็ใช้นิ้วดีดเป๊าะลงบนหน้าผากผมที่ยังนั่งกระพริบตาปริบๆ อ... ไอ้เหี้ยบีม กูไม่ได้หมายความเชิญชวนแบบนั้นนะ ฟังก่อน ฟังเสียงในหัวกูที่กำลังกู่ร้องก่อนได้ไหม อย่าเพิ่งปายยยยย T^T ไม่ทันแล้วครับ! เฮียเดินลงไปจากรถอ้อมมาเปิดประตูฝั่งผมแถมยังผายมือล้อๆเข้าอีก
เดี๋ยวนะ.. มึงกลายเป็นคนแบบนี้เมื่อไหร่ ไอ้พี่ชายขี้เก๊กของบอมหายไปไหน เอามันคืนมา เอามันคืนมาเดี๋ยวนี้เลยย!!
"เอ้...."เสียงหมาในปากไอ้โชติลอยมาตั้งแต่ผมยังไม่ถึงโต๊ะครับ ตาหลุกหลิกๆหันมองผมที อดีตนายแบบพี่ชายเพื่อนมันที แล้วหันไปคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นๆต่อ โต๊ะในหอสมุดเป็นโต๊ะกลมครับ ที่จริงมันไม่ได้มีไว้รองรับนิสิตราวๆสิบกว่าคนแบบนี้แต่เพราะช่วงสอบคนมันถึงแน่นขนัด ตามพื้นยังมีนักศึกษานั่งเรี่ยราดใช้ไฮไลท์แต้มหนังสืออยู่ด้วยซ้ำพอจองโต๊ะว่างได้ตัวนึงเข้าหน่อยสัมพะเวสีที่เหลือเลยกรูกันมารุมสกรำเหมือนอีแร้งแย่งศพเน่า
"เฮ้ย วันนี้พาผัวมาเฝ้าด้วยเหรอวะอีเน็ต?"
คนพูดชื่อเฟิร์นครับ หน้าตามันก็เหมือนผู้หญิงวิศวะทั่วไป กากๆ เกรียนๆ ซกมกๆ ถึงจะพยายามปัดแก้มกรีดตา แต่ฟันเฟืองเป็นยังไง หน้าตามันก็เป็นแบบนั้นอยู่ดี ถ้าบวกกับนิสัยเถือนๆผู้ชายไม่รับเลี้ยงล่ะก็ เชื่อผมเถอะครับไม่มีใครเอามันทำเมียแน่ๆ
"ครวย" อย่าบอกว่าผมไม่สุภาพกับผู้หญิงนะครับ สิ่งมีชีวิตในวิศวะทุกประเภทถูกจัดว่าเป็นผู้ชายหมด ไอ้เฟิร์นก็ไม่พ้น แรกๆมันก็ดูใสๆโนเนะๆอยู่ สงสัยความเป็นsotusคงหล่อหลอมมันให้กลายสภาพมาเป็นแบบนี้แน่ๆ
"โถะ ทำเขิน มาเลย มึงจดเอสี่ยัง"
วิชาแรกที่เราสอบอนุญาตให้เอากระดาษเอสี่เข้าหนึ่งแผ่นสำหรับจดโน๊ตสั้นๆด้วยลายมือของตัวเอง แต่ขอโทษเถอะครับ พวกเราเยาวชนมักจะใช้ทรัพยากรคุ้มค่าเสมอ ไหนๆก็ได้หนึ่งA4 แล้วขอยัดตัวหนังสือขนาด1มิลลิเมตรลงพื้นที่ว่าง บรรจงกรอกทุกรายละเอียดที่เรียนเข้าไปให้ได้มากที่สุดเสียหน่อยเถอะ
"ยัง แต่กูไฮไลท์ไว้แล้ว ทำไม? จะรอลอก?"
"กูว่าจะซีรอกซ์สีของมึงเข้าไปเลย เพ็ญนภาโง่ ไม่รู้หรอกว่าไม่ใช่ลายมือกู"ดูมันพูดถึงครูบาอาจารย์
"กูขอให้คะแนนมึงห่วย ให้ติดเอฟแม่ง" ผมแช่ง ไอ้เฟิร์นยิ้มรับคำสรรเสริญ "กูดรอป" สาบานครับว่าคนที่พูดนี่เป็นผู้หญิง
โถ... โลกนี้อยู่ยากเฮียเลื่อนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่มานั่งใกล้ผม หยิบไอแพดขึ้นมาเช็คกราฟราคาทองนั่งหล่อเงียบๆไม่พูดไม่จา ไม่แนะนำตัวเองให้ใครรู้จัก เหมือนกับผมที่ไม่ได้บอกว่ามันเป็นใครมาจากไหน อยู่ๆก็นั่งเตะตาสาวๆให้เหลียวมองไม่เป็นอันอ่านหนังสือหนังหากันเป็นแถบ
"หิวว่ะ" อยู่ๆเฟิร์นก็พูดขึ้นมา มันอ่านไปได้ไม่ถึง15นาทีไอ้โชติเลยฟาดเท็กซ์ลงบนผมหยักศกของเพื่อนสาวเบาๆ
"เพิ่งแดกสุกี้โรงอาหารวิทยามาไม่ใช่เหรอ?"
"อีเหี้ย สุกี้มันจะอิ่มอะไร อยากกินยำหน้าหอสมุดอะ อีโก้ไปกับกูหน่อย" มันหันไปชวนเพื่อนตัวอ้วน ไอ้โก้เบ้ปากแต่ก็ยอมลุกขึ้นโดยดี มิหนำซ้ำยังคว้าเสื้อชอปไปสวมอีกด้วย
"เดี๋ยวก็โดนไล่ออกจากหอสมุด ไอ้ห่า"
มุกนี้ไม่รู้ว่าเริ่มมาจากใครแต่เป็นที่รู้กันในหมู่นิสิตวิศวะว่าถ้าออกไปหาอะไรกินแต่หยิบชอปไปด้วยเนี่ยแม่งต้องแอบเอาของกินซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามของสำนักหอสมุดยัดมาแน่ๆ ไอ้โก้ยักคิ้ว เฟิร์นก็ไม่ห้ามอะไร
"พี่บีมเอาอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวเฟิร์นซื้อมาฝาก"
หืม?? มึงรู้จักมันด้วย? ผมคงทำตาโตเท่าไข่ห่าน ไอ้เฟิร์นเลยหันมาแหว "แฟนมึงเขาเป็นนายแบบ ทำไมกูจะไม่รู้จัก บ้านกูไฟฟ้าถึง มีทีวี!"
"เกลียดมึงว่ะเฟิร์น มันไม่ใช่แฟน พูดไม่รู้เรื่อง"
ผมบ่น ไอ้บีมยิ้มรับ แล้วหันไปหาเฟิร์น " แค่จีบๆอยู่น่ะครับ เฟิร์นอย่าแซวมากสิเน็ตเขินหมดแล้ว" คนพูดเอื้อมมือหยิกแก้มผมแถมยังบิดด้วยนะไอ้สัตว์! เอาไปเลยกูยกนิ้วกลางให้เต็มๆหน้า ต้นเรื่องหัวเราะแล้วลุกไปกับไอ้โก้ทิ้งให้ผมนั่งหน้าหงิกท่ามกลางสายตาล้อๆของพวกที่ยังนั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน
"เอาจริงเหรอเฮีย ผมว่าคิดใหม่ดีกว่ามั้ง"ไอ้เหี้ยโชติหลิ่วตามองยิ้มๆ โมโหแม่ง โลกกำลังเล่นตลกอะไรกับกูมิทราบ ช่วยส่งแบ็คอัพมาให้กูบ้างสิโดนรุมแบบนี้แม่งไม่ยุติธรรมเลย ไปขี้ให้สบายใจดีกว่า ผมผุดลุกจากเก้าอี้ เดินดุ่มๆไปทางห้องน้ำแต่แทนที่มันจะรู้สึกผิด กลับมีเสียงหัวเราะล้อๆดังอยู่เบื้องหลังโต๊ะที่ผมเดินจากมา ทีใครทีมันนะพวกมึง!
"ก็บอกว่าอ่านหนังสือยู่หอสมุดกับเพื่อน จะตามมาทำไม"เสียงง๊องแง๊งๆนั่นทำให้ผมที่เดินสาวเท้าถี่ๆหยุด ตัวผอมสูงของน้องรหัสพิงตัวกับกำแพงสีหน้ามันฉายแววหงุดหงิดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"ก็กลุ่มเดิม ไม่ต้องมา! อ่านจบเดี๋ยวเราไปหาที่หอ โอเคไหม?"
ปลายนิ้วบางของบูมกำจิกเข้าหากันแน่น พอจบประโยคปากก็เม้มเป็นเส้นตรงจนผมคิดว่ามันน่าจะเจ็บ ตาตี่เพ่งมองทะลุกระจกใสไปด้านนอกทำให้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกจับจ้องอยู่จากคนมาใหม่
"ไม่ค้าง.. ไม่อยากโกหกป๊ากับม้า ก็จะไปให้เอาแล้วนี่ไงอย่าเยอะได้ไหม? งั้นไม่ไปหา"
ผมไม่เคยได้ยินบูมพูดน้ำเสียงห้วนแบบนี้ อารมณ์กระแทกกระทั้นเหมือนมันคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ หน้าไอ้บูมแดงจัดซึ่งผมคิดว่าเพราะโมโหมากกว่าเขินอายจากประโยคที่ฟังผ่านๆเมื่อครู่ กระทั่งประโยคสุดท้ายหลุดออกจากปากก่อนมันกระแทกสายด้วยความหงุดหงิด
"โอ๊ย เลิกเอาคลิปมาอ้างได้แล้ว! มันทุเรศ!"
คลิป?บูมหายใจฟืดฟาดหลับตานิ่ง ผมให้เวลามันปรับอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินไปแตะที่บ่าลาด ไอ้ตัวบางสะดุ้งหน่อยๆแล้วยิ้มจนตาปิดให้ผมเหมือนเมื่อครู่ไม่มีเรื่องน่าหงุดหงิดเกิดขึ้น
“โห มาได้จังหวะพอดี บูมกำลังหาคนติวฟลูอิดให้เลย”
เลิกเหอะว่ะรอยยิ้มแบบนี้ ผมถอนใจละเหี่ย มือขาวเหลืองรุ่นน้องเลยเลื่อนมาแตะหน้าผากผมไว้เบาๆ
“สีหน้าไม่ดีเลย ไม่สบายเหรอครับ?”
“เปล่า เรานั่นแหละ เมื่อกี้คุยกับเอกเหรอ?”
เด็กเศรษฐศาสตร์ที่มารับบูมบ่อยๆ ถึงปันไม่บอกว่าแฟนน้องรหัสผมไม่ใช่คนดี เรื่องนี้ผมก็รู้โดยสัญชาตญาณ บ่อยครั้งทั้งๆที่มันยื้อกระเป๋าจากบูมไปช่วยถือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ดวงตามันปลาบเหมือนสัตว์ร้ายมักจะเหลือบมองผมที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะแสดงแววตาเจ้าชู้ออกมาอย่างเห็นได้ชัด นี่ยังไม่รวมกับที่มันพยายามชวนผมคุยก่อนไอ้บูมเลิกเรียนด้วยนะ
คนแบบนั้นเมื่อไหร่จะสูญพันธุ์ไปจากโลกเสียที!น่ารังเกียจ กลิ่นลมหายใจก็ชวนคลื่นเหียน ตอนที่มันพยายามชะเง้อหน้ามาชวนคุยผมนี่แทบเอาตีนลูบสันดั้งพลาสติกของมันเสียจริงๆ ไม่อยากนึกเลยว่าไปรักกันกับไอ้บูมได้ยังไง
“อ้อ ครับ.. บูมไปอ่านหนังสือต่อแล้ว ออกมานานเดี๋ยวพวกไอ้หยกมันบ่น”
“อย่าหนีสิ”
ผมเรียก สองเท้าหนีบแตะของรุ่นน้องจึงชะงักงัน บูมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตอนที่ผมดึงไหล่ให้หันกลับมาหา
“....พี่ไม่อยากยุ่งหรอกนะ แต่บูมกำลังมีปัญหาใช่ไหม?”
“เปล่า...”
“บูม ไม่เห็นว่าพี่เป็นพี่รหัส ก็เห็นว่าพี่เป็นเพื่อนสนิทพี่ชายที่มันฝากฝังน้องรักให้ดูแลหน่อยได้ไหม?”
ตาตี่ของคู่สนทนาคงเล็กเกินไปมันถึงขับน้ำตาออกมาไม่ได้ ผมเลื่อนมือไปกุมบ่าทั้งสองข้างของคนตัวสูงผอมเอาไว้ก่อนดึงเข้าหาตัว
เป็นพี่แท้ๆ แต่ดันตัวเล็กกว่าน้องเสียได้ ถึงแบบนั้นผมก็กอดร่างบอบบางของไอ้บูมที่สั่นไว้ทั้งตัวนิ่ง รอยยิ้มฉาบหน้ามันยังยิ้มเหมือนเดิมตอนผมตบเบาๆที่หลัง แต่พอถูกปลอบประโลม คนที่คล้ายหมดแรงก็แสดงความในที่แท้จริงออกมา
“ป๊าบอกว่า เป็นผู้ชายต้องเข้มแข็งและเสียสละ”
“อืม กูรู้..”
ป๊าคงสอนกันมาตั้งแต่ลูกชายคนแรกนั่นแหละ เฮียบีม ไอ้บอม รวมถึงมันถึงได้แย่งกันเข้มแข็งแย่งกันเสียสละนัก ป๊ามึงคงสอนไม่ละเอียดเลยไม่ได้บอกเตือนว่าควรแบ่งแยกบ้างว่าเรื่องไหนควรเอาแต่ใจ เรื่องไหนควรผ่อนผัน ไอ้บูมกอดผมตอบแน่นจนคนปลอบแทบจมไปกับตัวมัน ทั้งๆที่คิดว่าน้องชายคนเล็กของเฮียตัวบางปลิวลมแล้ว แต่พอเทียบกับผม ตัวเองกลับเป็นมดแดงตัวจิ๋วไปเลย
“บูมไม่เล่าได้ไหม..”
มันถามเสียงเบา ไอ้ครั้นผมถึงอยากรู้เรื่องจนตัวสั่นพอถูกงอแงใส่แบบนี้ก็ได้แต่เตือนตัวเองในใจ อย่าเสือก เน็ต มึงอย่าเสือก จนสุดท้ายต้องพยักหน้ารับเพื่อความสบายใจของมัน
“อย่าลืมว่ามีกูอยู่ข้างๆมึงแล้วกัน” มันพยักหน้าติดกับไหล่ ไม่นานก็ผละออกแล้วยิ้มให้ผมทั้งๆที่จมูกกขาวจัดยังแดงก่ำ
“ขอบคุณครับ” ไอ้บูมพูดผมอยากจะลูบหัวมันจริงๆ ผิดก็ตรงที่กูเตี้ยนี่แหละ คร้านจะเขย่งกระโดดไปลูบแม่งก็อุบาทว์ตัวเอง เลยได้แต่ยิ้มๆพยักหน้าให้มันพร้อมๆกันกับพี่ชายในสายเลือดของมันโผล่ตามออกมา
“อ้าว เฮีย?”
“เห็นว่าเน็ตออกมานานแล้วเลยมาตาม แล้วนี่เป็นไร ตาจมูกแดงหมด”
ไอ้เฮียถามน้องมัน บูมทำตาเล็กตาน้อยมองผมสลับกับปารมี ยิ้มเจ้าเล่ห์ ห๊ะ? มึงเปลี่ยนอารมณ์เป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีเลยนะครับคุณน้อง
“จามน่ะเฮีย แล้วนี่มา ม.บูมแต่ไม่โทรบอกกันเลยนะ”
“ก็เฮียไม่ได้มาหาบูม” อย่าหยอดกู! ไม่ต้องเดินมาโอบไหล่ด้วย ชิ่ว!! ผมพยายามสะบัดมือที่เกาะแกะอยู่ให้หลุด แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นไอ้เฮียที่ผมอยากผันเสียงก็ยิ่งดึงผมเข้าอ้อมแขนให้ใกล้กว่าเดิม
“หมั่นไส้ว่ะ ไปอ่านหนังสือต่อแล้ว” ไอ้ตี๋หันมาขยิบตาให้พี่ชายมันแล้วเดินหนี ปล่อยให้ผมยืนเคว้งอยู่กับไอ้หล่อเจ้าเล่ห์ เสียงหัวเราะของเฮียเหี้ยมาก มันดังในลำคอตอนที่ผมพะงาบปากเรียกไอ้บูมไว้แบบไม่มีเสียง
ไอ้บูม มึงกลับมาเป็นไม้กันหมาให้กู บัดเดี๋ยวนี้!!!------------------------------------------
COMPLETE Friend's brother Brother's friend 11
06/06/12สวัสดีวันพุธจ้า
:ped144:หายไป1week missเค้ามั้ย ย ย ย ย (เอคโค่) คิดถึงคนอ่านจังเลยค่ะ จับกอด

พาร์ทนี้ดราม่าน้อยลงกันบ้างรึยังคะ
ตอนนี้คนแต่งออกแนวเครียด เริ่มโลเลว่าจะเอาใครมาเป็นพระเอกให้นังเน็ตของเรา รักพี่เสียดายเพื่อน อารมณ์นั้น
แอบทำโพลนิดส์นึง หาคู่ให้เน็ตดีกว่า เลือกได้แล้วจะได้ลดดีกรีดราม่าลงหน่อย เอิ๊กส์
ขอบคุณนักอ่านที่ยังรอและติดตามกันเรื่อยๆนะคะ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นเลย มีเขียนผิดตรงไหนเตือนกันได้เน่อ
บางทีดึกๆเค้าก็เบลอจริงอะไรจริง โชว์เป๋อเป็นระยะๆ แหะๆ
See you again on Sunday สำหรับคืนนี้ ฝันดีราตรีสวัสดิ์ค๊าบบ 