HEARTBREAKER
40
(70%)
เสียงประตูรั้วแบบอัลลอยด์เลื่อนเปิดดึงความสนใจพร้อมกับหยุดเหตุการณ์ร้อนระอุลงชั่วขณะ ต้าร์หันไปมอง เห็นรถเบนซ์สีดำมันปลาบแล่นเข้ามา นัยน์ตากลมเบนกลับมามองเมเปิ้ล จับมือบางไว้แน่นแล้วเอ่ยบอกน้ำเสียงอ่อนโยน
“เรากลับกันเถอะ”
ขืนอยู่ต่อไปก็มีแต่จะเจ็บตัวเปล่าๆ
“จะไปไหน คิดว่าตบหน้ากูแล้วจะกลับไปง่ายๆเหรอ” แซทกดเสียงต่ำพลางก้าวเข้าหา
ต้าร์ถอยหลังตามสัญชาตญาณระวังภัย ตาก็จ้องนัยน์ตาดุคมเขม็งอย่างจะบอกปรามผ่านสายตาให้ชายหนุ่มตรงหน้าหยุดพฤติกรรมคุกคามนั้นเสียที
ทำผิดขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึกอีก
“พี่ไม่ละอายใจบ้างหรือไง” ต้าร์ถามเสียงเข้ม
เสียงร้องไห้ของคนที่กุมมืออยู่ยังดังให้ได้ยิน
“ทำไมกูต้องละอาย ในเมื่อกูไม่ได้ทำมันท้อง”
แซทตอบเสียงเรียบ ไม่สนว่าเด็กหนุ่มจะมองตนด้วยสายตาตำหนิมากแค่ไหน ขายาวก้าวเข้าหาราวราชสีห์เยื่องย่างเข้าตระครุบเหยื่อ
“พี่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ” บอกพลางส่ายหน้าเบาๆ ตาก็มองร่างสูงทั้งสองคนด้วยความผิดหวัง
“กูต่างหากที่ต้องพูดคำนั้น” แซทเค้นเสียงบอก มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูนนูนขึ้นอย่างน่ากลัว
ต้าร์หน้าบึ้ง ยิ่งฟังเขาพูด ความรู้สึกดีดีก็ยิ่งลดทอนลงเรื่อยๆ ขาที่ก้าวถอยหลังตั้งท่าจะหันกลับ แต่แซทคว้าหมับเข้าที่แขนดึงจนตัวเซมาปะทะอกพร้อมกับร่างของอีกคน ต้าร์เบิกตากว้างกำลังจะเปิดปากว่าแต่เสียงทุ้มนุ่มของผู้หญิงดังขึ้นซะก่อน
“มีเรื่องอะไรกัน แซทจะทำอะไร”
ร่างแบบบางในชุดสูททำงานสีครีมเดินเข้ามาหาลูกชาย นัยน์ตาสีเดียวกันมองเด็กหนุ่มกับเด็กสาวตรงหน้าอย่างแปลกใจระคนสงสัย
“ไม่ใช่เรื่องของแม่ อย่ามายุ่ง” แซทบอกเสียงแข็งโดยไม่หันไปมอง
คนเป็นแม่หน้าเสีย แม้ไม่อยากยุ่ง แต่เห็นท่าทางคุกคามของลูกชายแล้ว เธอก็ไม่อาจอยู่เฉยได้
“มีเรื่องอะไรกันเหรอจ๊ะ” หันไปยิ้มถามเด็กหนุ่มหน้าหวาน
“บอกว่าอย่ายุ่ง!” แซทหันไปตวาดใส่มารดาอย่างหงุดหงิด
คนที่ถูกจับแขนไว้แน่นจนเจ็บนิ่วหน้าแสดงอาการ หันไปมองผู้หญิงสวยสูงวัยอย่างขอความช่วยเหลือ
“แซท นี่แม่นะ”
คนเป็นแม่เริ่มเสียงดุ มองลูกชายอย่างตำหนิ ยิ่งเห็นแววตาขอร้องของเด็กหนุ่มหน้าหวานส่งมาให้ก็ยิ่งรู้สึกร้อนใจอยากเข้าไปช่วยเหลือ แต่ติดที่นัยน์ตาขวางของลูกชายนี่แหละที่ทำให้เธอไม่กล้า รู้ว่าลูกไม่มีทางทำร้ายแม่ แต่เธอกลัวว่าลูกจะพูดจาทำร้ายจิตใจกันมากกว่า
“นี่มันเรื่องของผม แม่ไม่ต้องยุ่ง เข้าบ้านไป”
แซทไล่มารดาอย่างไม่ไว้หน้า รู้ว่าไม่ควรทำ แต่อารมณ์เดือนพล่านในตอนนี้มันทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่
“คุณป้าเข้าบ้านไปเถอะครับ ปล่อยให้พวกผมจัดการเองดีกว่า”
ควินที่ยืนมองอยู่นานเอ่ยขึ้น ขายาวเดินมาหยุดข้างมารดาของเพื่อนพลางโอบประคองเอวบางตั้งใจจะพาเข้าไปส่งในบ้านหากแต่ท่านไม่ยอม ขืนตัวออก
“นี่มันเรื่องอะไรกันควิน บอกป้าสิ”
“คุณป้าครับ ช่วยผมกับเพื่อนด้วย”
ต้าร์ร้องขึ้นพลางออกแรงสะบัดแขนหวังให้หลุดจากมือใหญ่ แต่เพราะมืออีกข้างยังจับมือของเมเปิ้ลไว้อยู่ แรงต่อต้านเลยอ่อนกำลังทำให้ไม่สามารถขัดขืนร่างสูงได้เต็มที่
“แซท ปล่อยน้องก่อน” คนสูงวัยในที่นี้เอ่ยสั่งลูกชาย “ควิน ไปห้ามเพื่อนเราสิ” หันมาบอกเพื่อนสนิทลูกชายต่อ
“คุณป้าอย่ายุ่งเรื่องนี้ดีกว่าครับ” ควินบอกเสียงเรียบ เริ่มจะหงุดหงิดแล้วเช่นกัน
“ปล่อยผม พี่แซท! ปล่อย!” ต้าร์ร้องสั่ง เจ็บตรงที่มือใหญ่จับแน่นจนลึกถึงกระดูก
“พวกมึงยืนเฉยอยู่ทำไม! มาพาแม่กูเข้าบ้าน เร็วๆ!” แซทหันไปตะคอกใส่บรรดาบอดี้การ์ดของพ่อเลี้ยงที่ยืนรักษาความปลอดภัยของนายหญิงอยู่ข้างหลัง
“แม่เข้าบ้านก็ได้ แต่แซทต้องปล่อยน้องก่อน เห็นมั้ยว่าน้องเจ็บ” คนเป็นแม่ทอดเสียงอ่อน
แซทยอมฟังทั้งที่ใจยังร้อนรุ่มด้วยโทสะ มือใหญ่ผละห่างจากแขนเล็ก นัยน์ตาคมสั่นไหววูบนึงเมื่อเห็นริมฝีปากบางเผยอครางด้วยความเจ็บ
พอเห็นว่าลูกชายปล่อยแขนเด็กหนุ่มแล้ว คนเป็นแม่ก็ยิ้มออก
“คุยกันดีดีนะลูก แซทพาน้องเข้าไปคุยในบ้านก็ได้”
บอกก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน เพราะถ้าเธอยังยืนอยู่แล้วเข้าไปยุ่งต่ออีก ลูกชายเธอได้อาละวาดหนักแน่ๆ
ต้าร์มองตามหลังอย่างเสียดายโอกาสแล้วหันมาตวัดสายตาขุ่นเคืองมองร่างสูง
“เอะอะก็ใช้กำลัง พวกพี่เป็นอันธพาลหรือไง”
“เออ! แล้วมึงจะทำไม!” แซทขึ้นเสียง เดินเข้าหาอีก
“หยุดนะ! หยุดอยู่ตรงนั้นเลย อย่าเข้ามา” ต้าร์สั่งเสียงแข็ง
แซทแสยะยิ้ม ยอมหยุด แต่ไม่ใช่เพราะคำสั่งของเด็กหนุ่ม ที่หยุด เพราะอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อไป
“เม เดี๋ยวต้าร์โทรเรียกให้เฟียซนั่งแท็กซี่มารับนะ เมกลับบ้านกับเฟียซได้มั้ย ทางนี้ ต้าร์จะจัดการเอง” หันไปบอกหญิงสาวที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่ข้างหลัง
“ม…ไม่เป็นไร เม…เมกลับเองได้ ไม่ต้องรบกวนเฟียซหรอก”
ตอบกลับเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัวสองหนุ่มร่างสูง รีบหนีเอาตัวรอดคือทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ส่วนไอ้หน้าโง่นี่ จะเป็นจะตายก็ช่างหัวมัน!
“กลับคนเดียวได้จริงๆเหรอ” ต้าร์ถามย้ำอย่างเป็นห่วง
“ได้ เมกลับเองได้ งั้น…เมกลับก่อนนะ” บอกแล้วก็รีบดึงมือออกแล้วเดินเร็วออกไป
ต้าร์มองตามหลังจนเมเปิ้ลเดินหายไปจากสายตา ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันกลับมามองสองหนุ่ม พวกเขายังยืนนิ่งมองอยู่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่สายตาแข็งกร้าวบอกให้รู้ว่าพวกเขากำลังโกรธ
“แค่พี่ยอมรับผิดชอบเมเปิ้ล เรื่องมันก็จบ”
ต้าร์ว่าพลางก้มลงหยิบแผ่นเอกสารผลตรวจร่างกายของเมเปิ้ลที่ปลิวมาติดรองเท้า
“กูบอกมึงแล้วไง กูไม่ได้ทำมันท้อง” แซทยืนยันคำเดิม
“พี่ไม่ยอมดูผลตรวจแล้วเอาแต่บอกปัด ทำอย่างนี้ หนีปัญหาชัดๆ”
“กูไม่ได้หนีปัญหา!” แซทตวาดอย่างหมดความอดทน
ต้าร์สะดุ้งตกใจ เม้มปากแน่นอย่างไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ตอนนี้เหลืออยู่ตัวคนเดียวแล้ว ซ้ำยังเผชิญหน้ากับพวกเขาพร้อมกันอีก
“มึงถามผู้หญิงคนนั้นหรือยัง ว่านอนกับใครมาบ้าง มั่วมากี่คนแล้ว มาถึงมึงก็เอาแต่พูดว่าไอ้แซททำมันท้อง แค่กระดาษแผ่นเดียว มึงก็ตัดสินเพื่อนกูไปแล้ว” ควินว่าเสียงเรียบ รู้ดีว่าเพื่อนซี้ข่มกลั้นอารมณ์ไม่ไหวแล้ว ถ้าเขาไม่พูดอะไร มันได้กระโจนเข้าใส่ต้าร์แน่ๆ
“เมเปิ้ลไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น”
ต้าร์ตอบกลับเสียงแข็งอย่างไม่เชื่อคำกล่าวหาของอีกฝ่าย ก็เขาเป็นเพื่อนกันนี่ เขาก็ต้องปกป้องเพื่อนของเขาสิ ต่อให้เพื่อนเขาผิด เขาก็บอกว่าไม่ผิดแล้วโยนความผิดให้คนอื่น!
“กูจะบอกให้มึงหายโง่! ผู้หญิงคนนั้นมันขายตัว! มันนอนกับพวกกูแล้วยังไปนอนกับคนอื่น ได้ยินชัดมั้ย!” ควินว้ากใส่อย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
ทำไมต้องปกป้องคนอื่น ทั้งๆที่พวกกูทำดีกับมึงมาตลอด ทำไมต้าร์?
ต้าร์นิ่งไป คำว่าขายตัวเหมือนค้อนปอนด์ทุบใส่หน้าอย่างจัง แต่พอเสียงร้องไห้และหยดน้ำตาของเมเปิ้ลแวบผ่านเข้ามาในความคิดเจ้าตัวก็ส่ายหน้า อย่าไปเชื่อ…พี่ควินโกหก!
“ไม่จริง พี่บอกผมเองว่าพี่เป็นคนปล่อยข่าวลือนั่น” โต้กลับอย่างไม่ยอมหลงเชื่อ
“โธ่เว้ย! เมื่อไหร่มึงจะหยุดงี่เง่าสักที!” แซทที่ยืนฟังอยู่ตวาดกร้าว
“พวกพี่สิงี่เง่า! ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด คนเห็นแก่ตัว!” ต้าร์ตะโกนใส่หน้าทั้งตัวที่สั่นเทา
“เห็นแก่ตัวเหรอ” แซทว่าลอดไรฟัน “ได้…กูจะทำให้มึงรู้ ว่าคนเห็นแก่ตัวเขาทำกันยังไง!”
สิ้นประโยคเหยียบเย็นนั้น แซทก็พุ่งเข้าหาร่างบางรวบเอวเล็กเข้าประชิดแล้วยกตัวขึ้นพาดบ่าก่อนหันหลังเดินดุ่มๆตรงเข้าบ้าน ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะแหกปากร้องโวยวาย ไม่สนแรงที่ทุบตีลงบนแผ่นหลัง ไม่สนอะไรทั้งนั้น!
ควินมองตามหลังเพื่อนอย่างเจ็บปวด เจ็บที่เด็กหนุ่มไม่คิดจะฟังกัน เจ็บที่ทุกอย่างต้องกลายเป็นแบบนี้
“กูคิดว่ามึงจะยอมฟังกูบ้าง แต่กูคงหวังมากไปใช่มั้ยต้าร์”
เสียงร้องโวยวายดังลั่นคฤหาสน์หรู นายหญิงของบ้านได้ยินเสียงก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาหลุยส์ในห้องนั่งเล่น เดินออกไปตามหาเสียงก็พบว่าลูกชายกำลังแบกตัวเด็กหนุ่มหน้าหวาดเดินขึ้นบันได เธอเบิกตากว้างอย่างตกใจ ยกมือขึ้นทาบอกก่อนเดินปรี่ตามไปด้วยความเป็นห่วง
“แซท จะทำอะไรน้อง”
“คุณป้าครับ ช่วยผมด้วย พี่แซทบ้าไปแล้ว!”
ต้าร์ร้องขอความช่วยเหลือ มือก็ทุบลงบนแผ่นหลังกว้างอย่างไม่ออมแรง
“แซท แม่ขอร้อง ปล่อยน้องลง มีเรื่องอะไรก็พูดกันดีดีสิ”
“ปล่อยผม! พี่แซท ผมบอกให้ปล่อย ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้!”
ขึ้นมาถึงชั้นสองแซทก็ยอมปล่อยร่างบางลงแต่มือยังจับยึดไหล่เล็กไว้แน่น นัยน์ตาที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะจ้องมองนัยน์ตากลมใสนิ่งงันจนคนถูกมองตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม
“แซท”
คนเป็นแม่เดินตามขึ้นมาหยุดยืนข้างๆลูกชาย เธอมองหน้าเด็กหนุ่มที่เริ่มจะซีดลงแล้วใจคอไม่ดี
“ใจเย็นๆนะลูก ค่อยๆพูดจากัน”
“จะต้องพูดอะไรอีก ในเมื่อมึงไม่คิดจะฟังกู”
แซทบอกเสียงเรียบ มองคนตรงหน้าไม่ละสายตา ทั้งๆที่พวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อยับยั้งไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นเอาเรื่องความสัมพันธ์ไปบอก กลัวไปสารพัดว่าคนตรงหน้าจะเข้าใจผิดถ้ารู้ความจริง แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิด แต่ที่ผิดคาดคืออีกฝ่ายไม่คิดจะฟังความจริงจากปากพวกเขา ไม่แม้แต่จะถามด้วยซ้ำ โดนฝ่ายนั้นบีบน้ำตาใส่เข้าหน่อยก็ใจอ่อนโง่ให้มันหลอก!
“มึงด่าว่ากูสารเลว ทั้งๆที่อีแพศยานั้นก็เลวไม่ต่างจากกู แต่มึงก็ยังอยู่ข้างมัน!”
แซทพ่นถ้อยคำหยาบคายใส่เด็กหนุ่มอย่างไม่สนใจว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง
“พี่แซท”
ต้าร์ครางด้วยความช็อค ตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาดื้อๆ ดีที่มือใหญ่ยึดไหล่ไว้แน่น ไม่อย่างนั้นคงทรุดลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้นแล้ว
“ไม่ต้องมาเรียกกูว่าพี่! กูไม่ใช่พี่มึง!!!”
“แซท”
คนเป็นแม่ยื่นมือออกไปจับแขนลูก เธอมองหน้าลูกชายกับเด็กหนุ่มตรงหน้าสลับกันแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่านัยน์ตาดุคมของลูกสั่นไหวรุนแรงส่วนอีกคนนั้น…ร้องไห้
“ต้าร์”
ควินเรียกเสียงเบา ตามองไปที่ใบหน้าหวานของคนที่ตนหลงรัก เห็นหยดน้ำตาใสไหลลงเปื้อนแก้มขาวเนียนทั้งยังตัวสั่นอย่างคนขวัญเสียก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดที่ใจ ไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันบานปลายมาถึงจุดนี้ ไม่คิดจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาพัวพันกับเรื่องโสมมที่พวกเขาทำกันเป็นเรื่องปกติ แต่เพราะเป็นห่วง เพราะแคร์ความรู้สึก ถึงได้ทำลงไปแบบนั้น ถ้าเพียงแต่อีกฝ่ายจะยอมฟังกันบ้าง…
“มึงจำไว้เลยนะ วันนี้มึงด่ากูไว้ยังไง คนสารเลวอย่างกูจะทำให้มึงจำไปจนวันตาย!”
แซทตะโกนใส่หน้าเด็กหนุ่มแล้วปล่อยมือออกจากไหล่ก่อนหันหน้าหนีแล้วเดินตรงไปที่ห้องตัวเอง
ปัง!!!
เสียงปิดประตูกระแทกดังทำให้คนร้องไห้เงียบๆสะดุ้งเฮือก ตัวสั่นหนักขึ้นจนต้องยกมือกอดตัวเองไว้แน่น ทั้งยังพยายามข่มกลั้นก้อนสะอื้นลงคอไม่ให้เสียงหลุดลอดออกไป
“โธ่…ไม่ร้องนะลูกนะ”
นายหญิงของบ้านกอดปลอบเด็กหนุ่มด้วยความสงสารจับใจ มือนุ่มลูบแผ่นหลังที่สั่นไหวเพราะแรงสะอื้นไห้
“ไว้ให้พี่แซทใจเย็นลงแล้วค่อยคุยกัน อย่าร้องไห้นะครับ นิ่งซะ”
“ฮึก! ผม…ผมอยากกลับบ้าน”
ต้าร์บอกเสียงสั่นพร่าพลางผละจากอ้อมกอดอบอุ่นทั้งน้ำตานองหน้า
“เดี๋ยวป้าให้คนขับรถไปส่ง”
ต้าร์ส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง ปฏิเสธในความหวังดีของท่าน
“ขอบคุณครับ แต่ผม…ผมกลับเองได้”
“เอางั้นเหรอ”
ต้าร์พยักหน้า ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาพร้อมสูดน้ำมูกเหมือนเด็กน้อยตัวเล็กๆ
“เดี๋ยวกูไปส่ง”
ควินพูดขึ้นพลางเดินเข้าหาแต่ต้าร์ผวาเกาะแขนนายหญิงของบ้านไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว ควินแสยะยิ้มเหยียดให้กับตัวเอง สายตาที่เคยมองกันอย่างเป็นมิตรกลับแทนที่ด้วยความหมางเมินคล้ายกับคนไม่รู้จักกัน
ในที่สุด…ต้าร์ก็เกลียดเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวป้าเดินไปส่งขึ้นแท็กซี่”
บอกแล้วก็หันไปยิ้มให้กำลังใจเพื่อนลูกชายก่อนโอบไหล่เด็กหนุ่มพาเดินลงบันไดไป ควินกันฟันแน่น ได้แต่ยืนมองตามหลังจนคนทั้งคู่เดินหายไปจากสายตา ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ห้องเพื่อน เห็นว่าประตูไมได้ล็อคก็เปิดเข้าไป เจ้าของห้องกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ปลายเตียงด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ความรู้สึกในใจคงไม่ต่างกัน
“กลับไปแล้ว แม่มึงเดินไปส่งขึ้นแท็กซี่” ควินบอกก่อนแม้เพื่อนไม่ได้เอ่ยถาม
“ต้าร์สอบเสร็จวันไหน”
แซทถามเพื่อนเสียงนิ่งโดยไม่หันมามอง ชายหนุ่มดูดสารพิษเข้าสู่ร่างกายก่อนปล่อยควันสีขาวขุ่นออกมาช้าๆแล้วมองกลุ่มควันค่อยๆจางหายไป
“ทำไม มึงจะทำอะไร”
ควินถามกลับ เดินไปหยิบมวนบุหรี่พร้อมไฟแชคของเพื่อนมาจุดสูบบ้าง ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนบนเตียงยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก มองฝ่าเพดานห้องอย่างเลื่อนลอย
“วันที่มันเรียนจบ กูจะจบเรื่องเหี้ยนี่”
แซทแสยะยิ้มกับตัวเอง พ่นควันพิษออกมาทั้งทางจมูกและปาก
ควินลุกขึ้นนั่ง ขยับไปเอนหลังพิงหัวเตียงถามกลับเสียงนิ่ง
“จบยังไง”
“เอามัน”
คนฟังนิ่งเงียบไปกับคำตอบตรงๆของเพื่อน ไมได้ตกใจกับคำตอบนั้น แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วกว่าที่คาด
“ต่อให้มึงไม่เห็นด้วยกูก็จะทำ” แซทบอกต่อ
“เห็นด้วยสิวะ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่มึงก็รู้” ควินแค่นยิ้มจืดจาง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้บอกให้รู้ว่า ต้าร์…ไม่เคยคิดจะมองพวกเขานอกเหนือไปจากฐานะเพื่อนพี่ชาย ไม่เคยเลย!
“ไอ้เหี้ยเนสคลั่งตายห่าแน่” แซทบอก แสยะยิ้มร้าย
“มึงสนด้วยเหรอ” ควินถามกลั้วหัวเราะ
“สนทำไม ที่กูสนคือน้องมัน”
ควินแสยะยิ้มกับคำตอบของเพื่อน เดาะลิ้นแล้วพ่นควันพิษออกมา
“กูจะรอดู ถึงวันนั้น ต้าร์มันยังปากเก่งอยู่อีกมั้ย”
แซทกำมือแน่นพยายามบอกตัวเองให้ใจแข็งถึงวันที่ตัดสินใจทำสิ่งที่พูดออกไป
“ถึงวันนั้น มันคงร้องครางได้อย่างเดียว”
ควินตอบพลางหันไปยิ้มร้ายให้เพื่อนทั้งที่ในใจวูบโหวง
…อย่าโทษว่าพวกกูใจร้าย ให้โทษโชคชะตากับตัวมึงที่ใจร้ายกับพวกกู!…
--------------------------------------------------------------------
ตอนนี้มี 150% นะคะ
(ยาวอลังการ
)
คือ...บอกตามตรง 'ฉากนั้น' ยังไม่แน่ใจว่าจะยัดให้จบในตอนนี้ได้เลยมั้ย
ถ้าไม่ได้ก็เป็นตอนต่อไปนะคะ (โดนนักอ่านกระโดดถีบรัวๆ
)
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และการติดตาม
เจอกันอีก 80% ที่เหลือค่ะ