กาลกีรตี บทที่ 38
[นับถอยหลังวันสุดท้าย]
[ไอเดียร์...]
…
.
.
"...ภัทร...เพื่อ ไอ....ยู..... ยอมตายได้ไหม?"
สำเนียงของประโยคที่ผมเหมือนจะคุ้นชิน เอ่ยออกมาเรียบๆระดับเดียวกับ เสียงลมที่พัดโกรกเข้ามา.....
หัวผมเย็นวาบ พอๆกับสมองที่โล่งๆเบลอๆ
..
.ทุกอย่างมันดูลอยๆ ฝันๆ ...
ผมไม่เข้าใจที่มันพูด.... แปลประโยคมันไม่ออก....
...หมายความว่าไง ? มันไม่ได้หมายความว่า ผมต้องตายจริงๆใช่ไหม?
หรือมันเป็นสำนวน..ที่หมายความว่า
..
.
‘ผมกำลังจะถูกบอกเลิก.....’
…
.
...ทำอะไรไม่ถูก ผมพยายาม มองหน้ามันเพื่อขอคำยืนยัน .....แต่มันกลับหันหนี ซะอย่างนั้น ...ทุกอย่างมันเงียบไปหมด อากาศเย็น....แต่หน้าผมทั้งชาทั้งร้อน ...
...
.
ยิ่งมันเงียบ ผมก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก .....
..
.
.
จะต้องจารึกไว้ไหม? ว่าผมถูกขอเป็นแฟน และถูกบอกเลิกในสามวันจากนั้น ....
โรแมนติคโคตร ....
มันบอกรักผมทางโทรศัพท์ แต่กลับหาที่บอกเลิกผมบนตึกสูง.....
วิวสวย... อากาศดี.... แล้วไง?
ถ้าตกลงเลิกกับมันตอนนี้ มันจะให้ผมซ้อนมอ’ไซค์กลับลงไปกับมันด้วยไหม?
แล้วถ้าผมไม่เลิกกับมัน มันจะปล่อยผมไว้บนดาดฟ้ารึเปล่า?
สมองผมมันเย็นวาบๆ จากฤทธิ์ยา ...ยาเหี้ยอะไรบ้างนะที่ผมเทคเข้าไป ล้วงกระเป๋าดู ฟอยด์แผงยา ยังอยู่ในกระเป๋าเลยนี่น่า ....
’SONERIPER M ‘
ผมหยิบแผงฟอยด์ ออกมาพิจารณา ...ลืมเรื่อง ไอ้เอลไปแล้ว ....เหมือนมันเป็นกลไกป้องกันตัวเอง..
....สมองผม... ไม่ค่อยรับอะไรหนักๆหรอก....ผมไม่เข้าใจ....
ชีวิตทำไมมันต้องยากขนาดนั้น......
เงยหน้าจากแผงฟอยด์ ขึ้นมา ....ผมเห็นแต่แผ่นหลังกว้างๆ แค่ชั่วเสี้ยวนาที ชื่อเจ้าของแผ่นหลังนั่น มันก็หายไปจากสมองผมแล้ว......
มันเงียบทำไม? มันรออะไร? รอคำว่า ‘จบ’ จากผมงั้นหรอ?
ถ้าอย่างนั้น....ทำไมไม่หันมาถามกันดีๆ ... แม่งจะเงียบทำเหี้ยอะไร?!
ไม่รู้จะรออะไร ผมหันหลังเดินห่างออกมา ย้อนกลับไปที่ลานรูปปั้น อารมณ์เหมือนมาเที่ยวมั้ง...รูปปั้นสวยดีการวางรูปแบบเท่ดี... ออกแนวบาหลี อินโดฯ สบายใจกว่าที่จะคิดและเก็บรายละเอียดของรูปปั้นพวกนี้ แทนเรื่องอื่นที่รกสมอง.....
....ช่างแม่งมัน.....
...
.
..เดินเพลิน รู้สึกตัวอีกทีผมก็ลงจากดาดฟ้ามา หน้าลิฟต์แล้ว....งงกับตัวเองว่าผมเดินลงมาทางไหน กำลังคิดว่าเอาไง ลิฟต์มันก็ เปิดตรงหน้าผม ....
...
.
.
กลับบ้านแล้วกัน....ไม่เห็นยาก...
..
.
.
ออกมาจากลิฟต์ เดินลงมา มีแต่คนมอง ...แถมไอ้ที่มองยังเป็นฝรั่งตัวโตๆอีก ....
....
บริษัทเหี้ยอะไรเนี้ย?
ช่างแม่งเหอะ ผมเดินผ่าฝูงฝรั่งออกมาโดยไม่สนใจอะไร ...มันคงมีนินทาผมบ้างล่ะ แต่จะสนหรอ? ฟังไม่เข้าใจสักหน่อย...
ออกมาจากประตูบริษัทได้... ถึงถนนผมก็โบกแท็กซี่ล่ะ นี่ถ้าก่อนขึ้นรถแล้วฝนตกนะ โห่...มันจะเข้าบรรยากาศมาก ... คนโดนทิ้งมันต้องมีสายฝนเป็นฉากหลัง....หรือไม่จริง?
“Don't leave me alone!!”
เสียงมันมาพร้อมสัมผัสเลย ไอ้มังคุดมันกระชากแขนผมแล้วดึงเข้าบริษัท ที่ผมเพิ่งเดินออกมา สายตาฝรั่งนับสิบคู่หันมามองเรา แต่ไอ้มังคุดมันไม่สนใจอะไรเลย มันจ้ำเอาๆ แถมลากผมปลิวติดมือมันไปด้วย จนมาถึงห้องใหญ่ที่ มีโซฟาสีดำ มันถึงได้ปล่อยมือผมแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน หยิบเอกสารบนโต๊ะปึกใหญ่ส่งให้ผม...
“อย่า....เดินไปอย่างนี้อีก...”
เสียงมันเค้นลอดจากริมฝีปากออกมา ....
...
.
..
.สมองผมไม่มีแล้วมั้ง? ผมไม่เข้าใจ มันต้องการสื่ออะไรกันแน่??
จะให้เลิกกัน ? จะให้ผมหายไปจากชีวิตมัน? หรือจะให้ผมตายให้มันดู??
..
“Non capisco. ”
ลิ้นผมได้ใช้แล้วล่ะ สำหรับคำที่ผมคิดว่าผมใช้กับมันบ่อยที่สุด
“Do you love me?”
“Si,ma e tu? ”
“Si, Molto… ‘’
เสียงเบากระซิบข้างหูผม วงแขนใหญ่ดึงผมเข้าไปกอด....หลังจากนั้นก็ตามมาด้วย สัมผัสจากริมฝีปากชื้น.....ผมเม้มปากตัวเองแน่น ...ไม่ให้มันสอดลิ้นเข้ามา
...
..
คิดถึงเรื่องบนดาดฟ้า....คิดถึงตอนที่ผมจูบมัน แล้วมันเองที่เป็นคนผลักผมออก....
...
.
.
ผมชักไม่ชอบจูบแล้วสิ...
...
.
ยิ่งตอนนี้จูบของไอ้เหี้ยนี้ยิ่งทำให้ผมขยะแขยง....
‘มึงจะเอายังไงกับกูแน่? จะให้กูไป หรือจะให้กูอยู่ ‘
วันก่อนผมยังลำพองใจ ที่คิดว่าผมแปลภาษากายมันออก โดยที่มันไม่ต้องพูด แต่มาวันนี้ ผมกลับไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้จริงๆว่ามันต้องการสื่ออะไร...ไม่รู้จริงๆว่ามันเป็นเหี้ยอะไร
“Ti amo..capito?…Ti amo molto,e te ? ”
“Ti amo? Si?...”
ผมถามประโยคเดิมๆย้ำกับมัน.... คำตอบเดิมๆที่ออกมาจากปากมันก็เป็นคำเดิมๆ
‘ใช่...รัก...รักมาก...’
….
.
..
....เรายังเป็นแฟนกันอยู่.....เรายังรักกัน...
รักกันมากเสียด้วย....
...
..
.
แล้วท่าทางก่อนหน้านี้ของมันล่ะ ? มันหมายถึงอะไร?
….
..
.
ความสงสัยของผมตอนนี้เหมือนกำลังถ่วงอยู่บนตราชั่ง...ผมสังหรณ์ใจแปลกๆกับท่าทางของมันก่อนหน้านี้ ..เหมือนทุกอย่างจะยากขึ้น...ความมั่นใจของผมเคยมีเต็มร้อยเกินพัน...ในวันที่มันขอคบกัน ในวันที่มันบอกว่ามันรักผม....มันถล่มฮวบลงไป
...
.สายตาที่แปลกไปของมัน...กำลัง
.ถ่วงให้คำว่ารักของมัน ...
..
...น้อยลงกว่าเดิม....
...แต่ถึงอย่างนั้น ....
ผมก็ห้ามตัวเองไม่ได้ ...ห้ามไม่ให้เลิกรักมันไม่ได้ ...
“เรารักกัน....เราเป็นแฟนกัน...ภัทร..เป็นของผม...”
มันย้ำประโยคนั้นเป็นรอบที่ ร้อยแล้วมั้ง ย้ำเหมือนสะกดให้ผมรับรู้....ว่า ‘เรายังรักกัน ....’
...