ซีรีย์หวานอมขม : ภาค จูปาจุ๊บ กับ ซิกาแร๊ตแท่งที่ 10...ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
ข้อความซ้ำ ๆ ที่ได้ยินไม่ส่งผลต่อความพยายามสำหรับดิว
ซึ่งกดหมายเลขโทรออกอีกครั้งในเบอร์โทรเบอร์เดิมที่แทบจำขึ้นใจ
ปกติเขาไม่ใช่เป็นคนช่างตื้อและไม่ได้เป็นคนใจร้อน
แต่ตอนนี้ทุกสิ่งกลับตรงกันข้าม
เพราะเขายิ่งเร่งสองขาให้ก้าวเดินขึ้นบันไดไปยังหอพัก
ก่อนหยุดลงตรงบานประตูสุดทางเดิน
แล้วลงมือเคาะเรียกใครบางคนด้วยความร้อนรน
“เกมส์ครับ...เกมส์ออกมาคุยก่อนได้มั้ย...เกมส์...อยู่รึเปล่าครับ”
ไร้เสียงตอบรับเช่นเดียวกับสัญญาณโทรศัพท์
และแม้จะร้องเรียกกี่ครั้งก็ไม่มีสิ่งใดหลังบานประตูตอบสนอง
....ไม่น่าแปลกเลย
เขาควรจะเดาได้อยู่แล้วว่าเกมส์ต้องโกรธ
แต่เขาอยากบอกกับเกมส์ว่าสิ่งที่ทำลงไปไม่ใช่เพื่อแกล้งเล่น
เขาอยากช่วยรักษาโรคอาการกลัวผู้ชายจีบของเกมส์จริง ๆ
ถึงได้พยายามชวนคุย ถึงได้ทำทุกวิธีที่จะได้เข้าใกล้
แต่แผนทุกอย่างมันกลับพังทลายจนทำให้เกมส์ต้องเจ็บ
...เจ็บเพราะความหวังดีของเขา
พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจมันกลับหน่วงแปล๊บขึ้นมา
...ไม่ใช่ไม่รู้ว่าถ้าวันหนึ่งแผนการทุกอย่างแตกขึ้นมาเกมส์จะรู้สึกยังไง
แต่เขากลับเลือกที่จะทำ เพราะคิดว่ามันน่าท้าทาย
ยิ่งหนีก็ยิ่งอยากเข้าใกล้ ยิ่งอยากเอาชนะใจให้สำเร็จ
ทว่าพอเวลาผ่านไปกลับเป็นเขาเองที่เริ่มลืมเลือนจุดประสงค์
รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้คุยกัน พอเห็นรูปของเกมส์ก็ทำให้เขายิ้มออก
อยากเป็นคนคอยดูแล อยากฟังเสียงหัวเราะ อยากเห็นหน้าเกมส์ใกล้ ๆ
เคยคิดไว้ว่าถ้าได้เกมส์เป็น ‘คนรู้ใจ’ ก็คงดี
หรือถ้าไม่ไปไกลกว่านั้นก็ยังอยากเป็น ‘เพื่อน’
แต่ตอนนี้สถานะของเขาคงเป็นได้แค่ ‘คนทรยศหักหลัง’
แล้วเขายังมีสิทธิ์มาตามตื้อ
หวังจะเจอหน้าเกมส์อีกครั้งทำไม
...มันเป็นความเห็นแก่ตัวของเขาเกินไปรึเปล่า
TRRRRRRRR!!เสียงไอโฟนเรียกสติของคนในภวังค์
เขาหยิบมันขึ้นมากดรับก่อนได้ยินเสียงเพื่อนตัวเองดังตามมา
“ฮัลโหล ไอ้ดิวโว้ย! ทำไมมึงไม่มางานวันเกิดแพรวะ”
“กูมีธุระ”
ตอบไอ้บีมกลับไปสั้น ๆ โดยไม่อยากอธิบาย
แต่ดูเหมือนกลับยิ่งไปสร้างความหงุดหงิดให้อีกฝ่ายจนต้องถามย้อน
“ธุระอะไรวะ เมื่อตอนกลางวันแม่งก็ชิงหนีกูไปก่อน
ทิ้งกูอยู่ห้องสมุดคนเดียว มึงต้องขอโทษกูในงานนี้เลย
แล้วรู้ป่ะ แพรเขาหน้าเศร้าโคตร
นางเอกของงานไม่มีพระเอกมาอยู่ด้วยน่าสงสารนะเว้ย”
คำบอกเล่าของคนในสถานการณ์ทำให้ดิวเริ่มคิดหนัก
...เขารู้ว่าตัวเองอาจเป็นสาเหตุทำให้แพรเป็นแบบนั้น
เพราะพักหลัง ๆ เขาไม่ได้ติดต่อกับแพรเลย
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าคอยดูแลรับส่งแพรอย่างดี
แล้วแพรเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรด้วย
มีแต่เขาที่ออกห่างทิ้งแพรไว้โดยไม่บอกเหตุผล
ถึงอย่างนั้นใจมันก็ยังนึกพะวงกับคนที่ยังไม่ได้เคลียร์ความเข้าใจ
“แต่ว่ากู...”
“อ่ะ..เดี๋ยวกูให้คุยกับแพร
...แพร...แพร...ดิวจะคุยด้วย”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดปฏิเสธ
ไอ้บีมกลับโยนสายไปให้เจ้าของงานรับ
ซึ่งไม่นานก็ได้ยินเสียงหวานตามมา
“ดิวเหรอคะ เออ...ขอโทษนะคะที่รบกวน
ทั้ง ๆ ที่ดิวบอกแล้วว่าจะไม่มางานวันเกิดแพร
แต่ว่าแพรก็ยังอยากให้ดิวมาจริง ๆ นะคะ”
ยิ่งฟังคำขอ ก็ยิ่งทำให้ดิวรู้สึกผิด
เพราะเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากความลังเลไม่แน่นอนของเขา
ร่างสูงมองตรงไปยังประตูซึ่งยังคงเงียบเฉียบ
...หรือมันควรจะถึงเวลาที่เขาต้องปล่อยเกมส์ไปเสียที
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะแวะไป”
“จริงเหรอค่ะ! ขอบคุณมากค่ะดิว แล้วแพรจะรอนะคะ”
เสียงหวานพูดตื้นเต้นดีใจก่อนจะขอตัววางสายลง
ส่วนเขาหันหลังเดินลงบันไดมาจากหอพัก
ถึงจะอยากขอโทษ
อยากอธิบายให้เกมส์เข้าใจมากแค่ไหน
แต่เขาก็ควรจะคิดได้เหมือนกันว่า...
...เกมส์อาจไม่มีวันอภัยให้เขาอีกแล้ว
...
..
.
...นอนตาค้างแน่ครับคืนนี้
ไม่ใช่เพราะคนอย่างนายซีเกมส์มีเรื่องให้คิดมาก
แต่เพราะเขากำลังนั่งดื่มคาปูชิโน่เป็นแก้วที่สามแล้วต่างหาก!
แม้จะมีสายตาจากพี่หน้าตี๋เจ้าของร้านมองด้วยความเป็นห่วงในสุขภาพ
ว่าทำไมเขาถึงต้องการคาเฟอีนในร่างกายมากมายนัก
แต่จะให้เขานั่งเฉย ๆ ในร้านพี่เขาห้าชั่วโมงโดยไม่สั่งอะไรมากินเลยก็เกรงใจไป
...ใช่แล้วครับ ห้าชั่วโมงเต็มจากบ่ายสองถึงหนึ่งทุ่ม!
เขาปิดโทรศัพท์มือถือ และช่องการติดต่อทุกชนิด
มานั่งรากงอกอยู่ในร้านกาแฟ แทนที่จะกลับห้อง
เพราะเขาไม่แน่ใจว่าใครบางคนนั้นจะมาดักรอเจอรึเปล่า
...ใครบางคนที่เมื่อก่อนเขานับเป็นเพื่อน
แต่ตอนนี้แม้แต่ชื่อเขาก็ยังไม่อยากจะได้ยิน
ถามว่าโกรธมั้ย ...แน่นอนว่าต้องโกรธ
ถามว่าเจ็บใจมั้ย ...มันยิ่งกว่าเจ็บใจ
การถูกหักหลังจากคนที่เราเชื่อใจ
มันเหมือนกับการเอามีดมากรีด เอาเหล็กร้อนมานาบ
เจ็บปวดทรมาน จนอยากจะเข้าไปซัดหมัดใส่หน้าคนทรยศ
ทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์ไว้ใจกัน แต่สิ่งที่ได้รับตอบแทนคือการเอาความรู้สึกเขามาเล่นตลก
...ไอ้ดิวชั่ว!! สารเลว!! เฮงซวย!!
เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมดิวถึงมาทำกับเขาได้ขนาดนี้
แต่ตอนนี้สิ่งที่เขารู้คือเขาจะไม่มีวันเข้าไปใกล้อีก
คนเจ้าเล่ห์อย่างดิว...
...ยิ่งอยู่ให้ห่างให้ไกลมากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
แต่ถึงจะใจอยากย้ายหนีไปสุดขอบโลก
กระนั้นท้ายที่สุดเขาก็วิ่งพ้นความจริงไม่ได้ว่าต้องกลับไปนอนที่ห้อง
ไม่ใช่ปักหลักนอนในร้านกาแฟ เพราะนี่มันได้เวลาปิดร้านของพี่เจ้าของแล้ว
อีกอย่างเขาก็ชักเป็นห่วงไอ้จั๊ดง่าวด้วย
แม้จะให้ข้าวเช้าไปค่อนข้างเยอะพอกินเหลือถึงเย็น
แต่การทิ้งลูกแมวซึ่งเลี้ยงอย่างทะนุทนอมไว้ตัวเดียวมันก็อดเป็นห่วงไม่ได้
นายซีเกมส์จึงลุกขึ้นจ่ายเงินก่อนเดินออกจากร้าน
ขึ้นขี่มอเตอร์ไซต์กลับหอด้วยใจที่นึกหวั่น
ภาวนาว่าหน้าห้องของเขาจะไม่มีใครดักรออยู่
พอถึงหอเรียบร้อยก็เดิยขึ้นบันไดไปยังห้อง
กระนั้นก็ยังหยุดตัวเองไว้ที่ขั้นบันไดชั้นสอง
แอบชะโงกหน้าออกมาดูเพื่อสำรวจความแน่ใจ
ก่อนจะพบกับ...
...ความว่างเปล่า
เฮ้อ....รอดตัวไป
ดีแล้วที่ไม่เจอดิวมาดักรอ
แต่คนคิดอีกทีคนอย่างดิวอาจจะไม่มาหาเขาก็ได้
เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
มันก็อาจเป็นแค่เกมสนุกเกมหนึ่งของพวกคนเจ้าชู้เท่านั้น
เขาเคยรู้จักเพื่อนที่มีนิสัยหน้าหม้อควงหญิงไม่ซ้ำคล้ายดิว
มันบอกว่าผู้ชายคาสโนว่ามองทุกอย่างเหมือนเกมพนัน
พอจบเกมโอเวอร์ ต่างคนต่างก็แยกย้าย
ไม่จำเป็นต้องเหลือความรู้สึกอะไรต่อกันอีก
...หึ รู้แบบนี้สู้กลับหอตั้งแต่แรกดีกว่า
ไม่น่าหลบไปที่อื่นเลย
ในเมื่อเรื่องของเขากับดิวมันตัดขาดกันไปแล้ว
เกมส์จึงไขประตูห้องเปิดออก
พลางร้องเรียกลูกแมวที่นึกห่วงเพราะทิ้งไว้เพียงลำพัง
“จั๊ดง่าว ป้อปิ๊กห้องแล้วเน้อ หิวยังก้อ เดี๋ยวป้อจะยะอะหยังให้กิ๋น”
ปกติเรียกแค่นี้เจ้าตัวเล็กมันต้องมาคลอเคลียอยู่กับขาเขาแล้ว
แต่ทุกสิ่งในห้องกลับยังคงเงียบไร้ความเคลื่อนไหว
“ไอ้จั๊ดง่าว ได้ยินก้อ?”
เขาส่งเสียงเรียกอีกครั้ง
พร้อมกวาดสายตาไปทั่วห้องเผื่อไอ้ลูกแมวจอมซื้อบื้อจะแอบมุดหลับอยู่ที่ไหน
แต่ก็เปล่า...
ทั่วทั้งห้องยังคงไร้ร่องรอยของสัตว์เลี้ยงตัวเล็ก
ความหวาดหวั่นเริ่มเกาะกุมจิตใจของคนหา
...ไอ้จั๊ดง่าวหายไปไหน
เมื่อเช้าเขายังเอาข้าวให้มันกินอยู่เลย
ตอนออกมาตากผ้าที่ระเบียงมันก็อยู่ด้วย
หรือว่า...
เขารีบเปิดผ้าม่านที่กั้นประตูกระจกระเบียงออก
ดวงตาเบิกกว้างเมื่อพบว่ามีช่องเล็ก ๆ ซึ่งเลื่อนปิดไม่สนิท
เพราะเมื่อเช้าเขามัวแต่รีบร้อนออกไปด้วยกลัวจะไม่ทันนัดหมอฟัน
...ไม่จริงหรอก ไอ้จั๊ดง่าวมันคงไม่ได้ออกไปทางนี้ใช่มั้ย
เกมส์รีบชะโงกหน้าออกไปตรงระเบียงห้อง
หากแต่ความมืดในเวลาสองทุ่มกลับเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็น
เขาคว้ากุญแจล็อกห้องแล้ววิ่งลงมาชั้นล่างทันที
พยายามก้มดูตรวจตราทุกซอกทุกมุมจากบริเวณใต้หอ
ทว่าก็ยังไม่พบลูกแมวตัวเล็กใด ๆ
จนต้องลามเลยออกมาหาต่อยังถนนด้านหน้า
ปากตะโกนเรียกชื่อไปตลอดโดยไม่หยุด
“ไอ้จั๊ดง่าว! จั๊ดง่าว!”
“มาอู้ว่าคนอื่นบ่ดีเน้อ”
พี่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเดินผ่านตรงหน้าหอเอ่ยทัก
ทำให้เกมส์สะดุ้งเมื่อรู้ตัวว่าเผลอใช้ภาษาเหนือเรียก
แถมแปลออกมายังกลายเป็นคำด่าอีก
จนเขาต้องรีบอธิบายแก้ไขความเข้าใจ
“บ่ไจ้เจ้า บ่ได้อู้ว่าปี้จะใด
ชื่อแมวของเปิ้ลเองเจ้า มันหายไป๋ เปิ้ลหามันบ่เจอ
ปี้เห็นมันบ้างก้อ ตัวเล็ก ๆ สีน้ำตาลมีหางสีขาวเจ้า”
คนฟังมีท่าทีลังเลเล็กน้อยเมื่อได้ฟังลักษณะท่าทาง
ก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้าลำบากใจ
“เออ...จะว่าเห็นก็เห็นอยู่ แต่ปี้ก็บ่แน่ใจว่าจะใช่ตัวนั้นก้อ
ยังไงน้องลองไป๋ดูตรงหัวมุมนั้นแล้วกั๋นเน้อ”
“ขอบคุณเจ้า”
เกมส์ยิ้มกว้างทันทีที่พบเบาะแส
รีบเดินย้อนกลับไปยังหัวมุมปากซอยที่พี่ผู้หญิงคนนั้นชี้
ซึ่งเป็นที่ว่างพวกถังขยะใกล้โคนเสาไฟฟ้า
สงสัยไอ้จั๊ดง่าวคงหิวแล้วมาหาไรกิน
เขาอุตส่าห์เลี้ยงซะไฮโซดันมาคุ้ยขยะเฉยเลย
..นั่นไง...เห็นหางสีขาวมันแล้ว อยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย
คนโล่งอกจึงส่งเสียงเรียกขณะเดินเข้าไปใกล้
“ไอ้จั๊ดง่าว มายะอะหยังอยู่นี่ ป่ะปิ๊กบ้านกับป้อกะ....”
ประโยคขาดหายไปเมื่อเขาพบเห็นร่างของลูกแมวที่ตามเจอ
มันไม่ได้กำลังคุ้นขยะ ไม่ได้กำลังกิน ไม่ได้ยืนด้วยซ้ำ
แต่กลับนอนหลับตานิ่งเงียบ
...เงียบราวกับหมดลมหายใจ
“ไอ้จั๊ดง่าว! ไอ้จั๊ดง่าวเป็นจะใด!”
เกมส์ส่งเสียงร้องอย่างตกใจรีบช้อนตัวอุ้มลูกแมวไว้ในอ้อมกอด
สัมผัสถึงเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลช้ำมากมาย
จากเนื้อตัวแข็งทื่อและเย็นเฉียบ ไร้การตอบสนองใด ๆ
เช่นเดียวกับหัวใจของเขาซึ่งแทบหยุดเต้นด้วยความหวาดกลัว
...ไม่จริงใช่มั้ย
...ใครก็ได้ช่วยบอกเขาทีว่ามันไม่จริง
...ใครก็ได้บอกเขาทีว่าต้องทำยังไง
ใครก็ได้...
เกมส์เอื้อมมือสั่น ๆ ของตัวเอง
หยิบมือถือจากในกระเป๋ากางเกงมาเปิดเครื่อง
กดโทรหาเบอร์ของใครคนหนึ่งซึ่งคุ้นเคย
...ลืมความโกรธ
...ลืมความเกลียดที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
เพราะตอนนี้สิ่งที่เขารับรู้มีเพียงว่า...
...เขาไม่อาจทนอยู่คนเดียวตามลำพังได้อีกแล้ว
...
..
.
“ดิวไม่เอาเหล้าหน่อยเหรอวะ
มาถึงก็สูบบุหรี่อย่างเดียวมันจะไปอิ่มได้ยังไง”
เสียงไอ้บีมทักคนกำลังจุดมาโบโร่มินต์เป็นมวนที่สาม
แต่คนฟังกลับนิ่งเฉยไม่สนใจในคำเตือน
...ปกติเขาไม่ใช่คนสูบบุหรี่จัด
ส่วนใหญ่ก็วันละสามมวนถึงครึ่งซอง
พอให้ผ่อนคลายอารมณ์ไปได้บ้าง
ทว่าตอนนี้แม้จะสูบบุหรี่กี่มวนก็คล้ายกับไม่ช่วยอะไรมาก
เพราะความเครียดซึ่งยังคงตกค้างอยู่ในใจ
...มันไม่ได้จางหายไปเช่นเดียวกับควัน
ดิวสูดบุหรี่เข้าปอดอีกเฮือกใหญ่
หูฟังเสียงอึกทึกของเพลงซึ่งแผดดังจากลำโพงเป็นจังหวะเร้าใจ
ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะสนุกและชินในบรรยากาศแบบนี้
แต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ผิดที่ผิดทาง
“เดี๋ยวสักพักกูคงไปแล้ว”
คำเอ่ยขอตัวของคนหมดอารมณ์
ทำให้เพื่อนซึ่งกำลังส่งแก้วเหล้าต้องรีบร้องห้ามเสียงหลง
“เฮ้ย! ไม่ได้ ๆ มึงต้องยกเค้กไปให้เซอร์ไพรส์แพร
มาเลย ๆ เตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ข้างหลังโน้น”
จบประโยค ไอ้บีมก็จัดการลากพระเอกของงานไปมุมในสุดของร้าน
ซึ่งมีเค้กก้อนใหญ่เกือบสามปอนด์เตรียมไว้อยู่แล้ว
โดยมีเพื่อนผู้หญิงของแพรกำลังจุดเทียนปักไว้โดยรอบ
แม้ตอนนี้อารมณ์ของเขาจะสวนทางกับงานรื่นเริง
แต่เขาก็ยังไม่ลืมว่าวันนี้เป็นวันเกิดของแพร
และมันควรเป็นวันที่แพรมีความสุขที่สุด
ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องไม่ทำมันล้ม
ด้วยเพราะเรื่องส่วนตัวเป็นตะกอนในใจ
ดิวจึงปรับเปลี่ยนท่าทีให้ผ่อนลง
กระนั้นเสียงบางอย่างในกระเป๋ากางเกงกลับดังขัด
ในจังหวะเดียวกับที่เขากำลังรับเค้กก้อนใหญ่มาจากเพื่อน
“เอ๊าถือไป กูจะบอกให้ร้านดับไฟแล้วนะ”
“เฮ้ย! กูรับโทรศัพท์แป๊บ”
“เดี๋ยวมึงค่อยโทรกลับก็ได้”
ไอ้บีมบอกปัดไม่สนแล้วเดินหนีไปอีกทาง
ทิ้งให้เขาอยู่เพียงคนเดียวเพื่อเตรียมเซอร์ไพรส์
หากแต่แรงสั่นจากกระเป๋าก็ยังคงไม่หยุดจนเขาชักจะร้อนใจ
ดิวจึงประคองเค้กไว้ในมือเพียงข้างเดียว
ก่อนจะล้วงหยิบไอโฟนขึ้นมาดู
และทันทีที่เห็นรายชื่อบนหน้าจอ
ดวงตาเขาก็เบิกกว้างรีบกดรับพร้อมกรอกเสียงพูดอย่างร้อนรน
“ฮัลโหลครับเกมส์”
“...จะ...จั๊ด...”
เสียงแผ่ว ๆ ซึ่งดังลอดมาปะปนกับเสียงดนตรีในผับ
ทำให้ดิวต้องถามซ้ำอย่างไม่แน่ใจอีกครั้ง
“ฮัลโหล เกมส์ อะไรน่ะครับ”
โชคดีที่เสียงดนตรีเริ่มเงียบลงคล้ายจบเพลงพอดี
เขาจึงพยายามเงี่ยหูฟังถ้อยคำจากปลายสายอย่างตั้งใจ
ซึ่งอีกฝ่ายก็เอ่ยประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนก่อนหน้า
...หากทว่าคราวนี้มันกลับเป็นเสียงที่ดังสะท้อนก้องในใจของคนฟัง
“...จั๊ดง่าวตายแล้ว”
...จั๊ดง่าว ชื่อแมวที่เกมส์เลี้ยง
เจ้าตัวเล็กที่ชอบมาคลอเคลียเขา
เจ้าตัวเล็กที่เกมส์ชอบกอดไว้อย่างหวนแหน
เจ้าตัวเล็กที่เกมส์คอยดูแลไม่เคยห่าง
มัน...
ปลายสายตัดสัญญาณลงพร้อมกับแสงไฟดับพรึ่บ
เหลือแค่แสงจากเทียนบนเค้กที่ร่างสูงถืออยู่
ทุกสายตามุ่งตรงมาหา หากแต่เขากลับนิ่งไม่ขยับ
จนไอ้บีมต้องรีบเดินมากระซิบบอกคนลืมบท
“เฮ้ย! ไอ้ดิวทำอะไรอยู่วะ ยกเค้กไปสิโว้ย!”
“โทษที กูต้องไปแล้ว”
ดิวยัดเค้กใส่มือบีม แล้ววิ่งออกไปนอกประตูทันที
แม้จะรู้ว่าตัวเองทำไม่ดีที่ทิ้งงานออกมาในช่วงเวลาสำคัญ
แต่ตอนนี้เขามีบางสิ่งซึ่งสำคัญมากกว่าการจะมารักษาน้ำใจใคร
ร่างสูงขึ้นรถเหยียบแทบมิด
มุ่งตรงไปยังหอพักที่เพิ่งออกมาก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมง
แล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสอง
หยุดหอบเคาะประตูตรงห้องสุดทางเดิน
“เกมส์ครับ เกมส์ ผมดิวนะ”
ดิวตะโกนเรียกชื่อคนข้างใน
กระนั้นกลับไม่มีเสียงใดตอบรับ
เขาร้อนรนจนต้องตัดสินใจลองหมุนลูกบิด
ซึ่งพบว่ามันเปิดออกอย่างง่ายดาย
คนเร่งรีบผลักบานประตู ก้าวเข้าไป
และก็ได้เห็นร่างของคนที่อยากพบมาตลอดวันนั่งนิ่งอยู่กลางพื้นห้อง
ตรงหน้ามีลูกแมวตัวเล็กนอนหลับตาอยู่บนผ้าซึ่งปูรองไว้
ท่ามกลางกองกระดาษทิชชู่ซึ่งเลอะเลือดบางส่วน
เหมือนเจ้าของพยายามจะเช็ดเลือดให้มัน
“เกมส์”
ร่างสูงเรียกชื่อคนที่ยังนั่งหันหลังมองลูกแมวอยู่อย่างนั้น
แม้เขาจะขยับไปใกล้แต่เกมส์ก็ไม่คิดจะหันมามองกัน
กระทั่งเขาต้องเอื้อมมือแตะตัวเกมส์
จึงทำให้ร่างนั้นสะดุ้งเงยหน้าขึ้นสบดวงตา
และนั่นจึงทำให้เขาเห็นสิ่งที่สะท้อนในแววตาเกมส์ครั้งแรก
...มันเป็นแววตายิ่งกว่าตอนเมื่อครั้งสุดท้ายที่เขาสองคนเจอกัน
เพราะไม่ใช่แค่ความเจ็บปวด แต่มันกลับว่างเปล่า
...ว่างเปล่าจนไม่อาจคาดเดาได้ว่าเกมส์จะรู้สึกยังไง
“ไปกันเถอะครับเกมส์”
ดิวจับมือหนึ่งของคนนั่งให้ลุกขึ้น
โดยส่งลูกแมวให้เกมส์ประคองแมวไว้
แล้วพาลงบันไดมา เปิดประตูให้เกมส์ขึ้นไปนั่งในรถ
ส่วนเขาอ้อมไปนั่งด้านคนขับสตาร์ทรถ
เตรียมมุ่งตรงสู่ถนนเพื่อหาที่ฝังศพลูกแมว
และสถานที่เดียวซึ่งเขานึกออกตอนนี้
จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก...วัด
เขาเปิดไฟเลี้ยวเข้าซุ้มประตูวัดที่อยู่ไม่ไกลตอนเกือบสามทุ่ม
บอกให้เกมส์คอยอยู่ในรถ ส่วนตัวเองเดินไปขออนุญาตหลวงพ่อ
โชคดีที่ท่านเข้าใจและมีเมตตา
เลยไม่ถือสาแม้พวกเขาจะมาในยามวิกาล
แถมให้พลั่วขุดดินไว้สำหรับฝังลูกแมวอีกด้วย
ดิวจึงพาเกมส์มาหยุดตรงใต้ต้นชมพูพันทิพย์ซึ่งกำลังออกดอกสวยบานสะพรั่ง
แล้วลงมือถลกแขนเสื้อเชิ้ตขุดดินให้ลึกประมาณห้าสิบเซ็น
ก่อนจะให้เกมส์ค่อย ๆ หย่อนร่างของลูกแมวลงไป
พร้อมกับช่วยกันกลบฝังให้เรียบร้อย
เมื่อเสร็จแล้วจึงพากันไปล้างไม้ล้างมือ
เอาพลั่วไปคืนบอกขอบคุณหลวงพ่อ
แล้วขับรถกลับมาส่งยังหอ
โดยที่เกมส์นิ่งเงียบตลอดทางไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ
แม้กระทั่งตอนที่เขาเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกันก็ตาม
“เกมส์เข้าไปอาบน้ำเถอะครับ ตัวเลอะหมดแล้ว”
เจ้าของชื่อทำตามคำสั่งง่าย ๆ เดินคว้าเสื้อผ้าใหม่ไปอาบน้ำ
ส่วนเขามาจัดการล้างหน้าล้างตาที่ซิงค์อ่างตรงระเบียง
รอเกมส์อาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกมา ตั้งใจจะถามว่ามีอะไรให้ช่วย
หากแต่ยังไม่ทันพูด เสียงไอโฟนของเขากลับดังเตือนจนต้องกดรับ
“ฮัลโหลครับ...แพรเหรอครับ ขอโทษครับที่ผมออกมาก่อน
...ครับ...ผมขอโทษจริง ๆ ครับทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันเกิดแพร
...คือว่าตอนนี้ผมติดธุระสำคัญอยู่ คงจะไปไม่ได้จริง ๆ”
“ดิวไปเถอะ”
เสียงซึ่งดังขัดประโยคสนทนาทำให้ร่างสูงต้องหยุดมองคนพูด
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบของเกมส์เฉยเมยเป็นปกติ
ก่อนเจ้าตัวจะขยับหมอนผ้าห่มบนเตียงเตรียมนอน
โดยไม่สนใจคนที่ยังคุยโทรศัพท์ค้างจนโดนปลายสายเร่ง
“ครับแพร เออ...ถ้าอย่างนั้นอีกสักพักผมจะไปหา”
ดิวตัดสินใจพูดตอบรับไป ตามความต้องการของเกมส์
...ถึงจะนึกห่วง แต่ตอนนี้อาจจะดีกว่าถ้าให้เกมส์นอนพัก
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันมากมายเกินกว่าที่ใครจะรับไหว
อีกอย่างเขายังไม่แน่ใจว่าเกมส์จะยังคงโกรธเขามั้ย
แถมกับแพรเขาก็ยังรู้สึกผิดที่ทิ้งงานวันเกิดมากลางคัน
“งั้นเดี๋ยวผมปิดไฟให้ แล้วถ้าเกมส์มีอะไรโทรเรียนผมได้ตลอดเลยนะครับ”
“อืม”
เกมส์พยักหน้า ล้มตัวนอนนอนห่มผ้าหันหลัง
ปล่อยให้ร่างสูงเดินไปปิดไฟดับลง
แล้วปิดประตูตามอย่างเงียบ ๆ
ก่อนเดินขึ้นรถขับออกไปหาแพร
...ใช่...เขาควรจะทำอย่างนั้น
ทว่าสองขาของเขากลับไม่ทำตามคำสั่ง
มันหยุดนิ่งอยู่หน้าห้องไม่ขยับไปไหน
เพราะหัวสมองกำลังวนเวียนอยู่กับความคิดในใจ
...รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์ เพราะเขาทำเกมส์โกรธขนาดนั้น
...รู้อยู่แล้วว่าเกมส์คงกลัว และอาจจะหนีเขาไปอีก
แต่จะให้เขาทิ้งเกมส์ไว้แบบนี้...
...จะทำได้จริง ๆ เหรอ
เพียงเสี้ยววินาทีนั้นร่างสูงตัดสินใจเปิดประตู
ก้าวเข้าไปในห้องท่ามกลางความมืด
แล้วดึงร่างของคนซึ่งนอนนิ่งบนเตียงมากอดไว้
คนหลับตาสะดุ้งเฮือก
เมื่อรับรู้ถึงแรงจากด้านหลังจับให้พลิกตัวหันกลับมาปะทะอกกว้าง
กำลังจะโวยวายด้วยความตกใจ
แต่เสียงของคนกอดกลับหยุดทุกอย่างเอาไว้
“อยากจะร้องไห้ก็ร้องเถอะครับเกมส์ อย่าเก็บมันไว้เลย”
ประโยคเพียงสั้น ๆ
ไม่ใช่คำสั่ง แต่มันคล้ายเป็นการขอร้อง
...คำขอซึ่งคนพูดรู้ดีว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดกำลังซ่อนอะไรไว้ในใจ
ทุกอย่างเงียบลงไปสักพักหนึ่ง
ก่อนดิวจะรู้สึกถึงแรงขยับของอีกฝ่าย
มันเป็นแรงสั่นเบา ๆ ที่ไหล่
โดยไม่มีเสียงสะอื้นใด ๆ หลุดรอดออกมา
หากเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากน้ำตา
ตรงบริเวณที่ใบหน้าของอีกคนแนบอกเขาไว้
...ความจริงของเหตุผลซึ่งเขาไม่อาจจากไปไหน
เขาเข้าใจนับตั้งแต่วินาทีที่ได้เห็นแววตานั้นของเกมส์แล้ว
แววตาที่เศร้าที่สุดของเกมส์....
...ไม่ใช่แววตาของความเจ็บปวดเพราะความโกรธ
...ไม่ใช่แววตาของความว่างเปล่าจากการสูญเสีย
แต่เป็นแววตาซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า...
...เกมส์ไม่อาจอยู่คนเดียวตามลำพังในค่ำคืนนี้
...โดยไม่มีเขา
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
สวัสดีในวันที่อากาศร้อนจนเกิดจุดที่เรียกว่าร้อนมากไปแล้ว
แต่วันนี้แอบแวะมาแจ้งข่าวร้อน ๆ ไม่แพ้อากาศเหมือนกัน
...นั่นคือ BitterSweet มีแฟนเพจแล้วจ้า!! 
BitterSweet Fanpage
เปิดไว้เพื่อสำหรับรองรับข้อมูลและอีเวนต์ต่าง ๆ ในอนาคต
มาพูดคุยทักทาย ไถ่ถาม ตามจิกตัวเวลานักเขียนหาย
หรือใครอยากรีเควซอะไร ไปเจออะไรฟิน ๆ ก็มาร่วมแชร์กันได้ค่ะ
ยินดีต้อนรับทุก ๆ คนสู่บ้านหลังใหม่
แล้วพบกันในหน้าแฟนเพจนะคะ
BitterSweet