ซีรีย์หวานอมขม : ภาค จูปาจุ๊บ กับ ซิกาแร๊ต
แท่งที่ 9
ถ้าจะถามว่าตอนนี้นายซีเกมส์กำลังทำอะไร
เขาจะตอบว่ากำลังตีพระอาทิตย์
...อ่านไม่ผิดหรอกครับ
...เพราะตอนนี้เขากำลังตั้งท่า ‘ตีพระอาทิตย์’ จริง ๆ
“เฮ้ย! ไอ้ปลายเร็ว ๆ สิโว้ย กูเมื่อยยย!!”
คนยกไม้แบดมินตันกางแขนตบพระอาทิตย์
โดยติต่างว่าเป็นลูกขนไก่รีบร้องโวยวายบอกเพื่อน
ซึ่งกำลังหามุมกล้องที่จะเห็นท่าได้พอเหมาะ
ก่อนจะกดชัตเตอร์บันทึกลงในโทรศัพท์มือถือ
ท่ามกลางเสียงบ่นอย่างระอาใจจากกระเทยหนึ่งเดียวประจำกลุ่ม
“นี่ฉันชวนแกมาตีแบดออกกำลังกายเพื่อสุขภาพนะยะ ไอ้เกมส์
ไม่ใช่ถ่ายรูปเล่น แล้วดูทำท่าเข้า โอยย...คิดไปได้ยังไง”
“ก็เพราะคิดแล้วนี่แหละเจ๊
ดูดิเห็นป่ะ ภาพโคตรอาร์ตเลย
เดี๋ยวขอกดส่งรูปแป๊บหนึ่งนะ”
คนกวนตอบกลับตามนิสัย
แล้วหันไปให้ความสนใจกับโทรศัพท์ต่อเหมือนเดิม
จนบอลล่าต้องเบ้หน้าใส่อย่างนึกเบื่อก่อนตั้งข้อสงสัย
“จะส่งไปหาใครยะ เออ...ช่วงนี้แกแปลก ๆ นะไอ้เกมส์
เมื่อวานก็คุยโทรศัพท์เมาส์แตกน้ำท่วมทุ่ง
แล้วพอวันนี้ก็บ้ากล้องถ่ายรูปอะไรไม่รู้ตั้งแต่เช้า
อย่าบอกนะว่าส่งไปให้คนที่คุยด้วยคนนั้น มีซัมติงรองกันใช่มั้ย”
คนโดนทักสะดุ้ง เมื่อถูกเจ้าแม่ข่าวตาไวเริ่มปฏิบัติการจับผิดอีกรอบ
หากแต่เจ้าตัวก็ยังทำทีบอกปัด แม้ปลายเสียงจะตะกุกตะกัก
“อะไร๊...มะ...ไม่มีสักหน่อยก็แค่เพื่อนธรรมดา”
“อ่ะหรอออ เพื่อนธรรมดา เชื่อตายล่ะ
สวีตหวานเวอร์ยังกับคู่ข้าวใหม่ปลามัน”
และแน่นอนว่าพฤติกรรมลับ ๆ ล่อ ๆ คงไม่พ้นสายตาเป็นสับปะรดของเจ๊แกไปได้
ขืนไม่เปลี่ยนเรื่องมีหวังโดนซักตายยิ่งกว่านักโทษค้ายาแน่
นายซีเกมส์ผู้เห็นท่าไม่ดีจึงรีบหันเหเฉประเด็น
“โห...เลิกจับผิดเถอะเจ๊ไหนบอกว่าจะตีแบดไง เอ๊าก็ตีดิพร้อมแล้วเนี่ย”
ซึ่งก็ได้ผลเพราะคนอยากเล่นกลับตวาดแวดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“พร้อมบ้าอะไรย่ะ! แหกตาดูสิฟ้าจะมืดอยู่แล้วเนี่ย
อุตส่าห์มาคลายเครียดก่อนสอบควิซสักหน่อย
โอย...เซ็ง!! พอ ๆ เลิก ๆ กลับไปนอนอ่านแนวข้อสอบดีกว่า”
บอลล่าบ่นงึมงำเตรียมเก็บไม้แบดที่ตั้งใจจะมาตีเล่นในสวน
ซึ่งมักจะเป็นที่ออกกำลังกายยอดนิยมข้างมหาลัย
โดยเฉพาะพวกหนุ่ม ๆ ที่ชอบมาวิ่งเพื่อสุขภาพเห็นแล้วยั่วน้ำลายยิ่ง
แต่ไอ้หนุ่มเหนือปัญญาอ่อนนี่กลับทำเสียฤกษ์
เพราะตีไปได้ไม่เท่าไรก็มัวไปบ้ากล้องอะไรอยู่ได้ก็ไม่รู้
กระนั้นแทนทีตัวปัญหาจะสำนักผิด
กลับรีบย้อนถามในคำที่เผลอหลุดออกมาก่อนหน้า
“แนวข้อสอบอะไรมีด้วยเหรอ”
“อุ๊ยต๊าย! ลืมบอก เมื่อตอนกลางวันฉันกับพ่อเต่าน้อยไปเจอของดีที่ห้องสมุดมาย่ะ”
คนถือไพ่เหนือกว่ารีบแสร้งทำท่ามีลับลมจนคนฟังชักอยากรู้
เพราะตอนกลางวันเขาต้องแวะไปให้ข้าวไอ้จั๊ดง่าวที่หอเลยไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ซึ่งเขาก็รีบหันไปถามปลายฟ้าหรือฉายาคือพ่อเต่าน้อยเนื่องจากนิสัยชักช้าของมัน
“เจออะไรวะ”
“ก็จำที่มึงเอาแลกเชอร์มาคืนกูได้ป่ะ
ตรงที่มึงสงสัยแล้วอาจารย์ไม่ได้อธิบายอ่ะ
กูไปเจอเนื้อหามาเหมือนที่แกว่าจะออกสอบวันจันทร์นี่เปี๊ยบ”
“เฮ้ย!! จริงอ่ะ!! เอามาให้ยืมบ้างดิ”
คนเห็นแสงสว่างที่ปลายทางรีบร้องบอกอย่างดีใจ
เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขาง่วง ๆ เลยไม่ค่อยได้ฟังที่อาจารย์สอน
แล้วพออ่านชีสซีลอกซ์จากปลายก็มีบางจุดที่ไม่เข้าใจ
แต่อาจารย์กลับกั๊กไว้ไม่ยอมสอน ดันบอกว่าให้ไปหาเอาเอง
เขาก็อุตส่าห์ตามหาในเน็ตแต่ไม่เจอคำอธิบายชัด ๆ
จนมาได้ยินว่าเพื่อนหาเจอเนี่ยแหละ โป๊ะเช๊ะ! ที่นี่ก็ไม่ต้องห่วงคะแนนสอบแล้ว
...เห็นมั้ย คนอย่างนายซีเกมส์เรียนชิล ๆ อย่าไปเครียดให้มากเลยครับ
เขานึกกระหยิ่มยิ้มหย่องในใจ
ทว่าความหวังที่มีกลับดับวูบเมื่อได้ยินประโยคที่ตามมา
“เสียใจย่ะ! เพราะเนื้อหามันอยู่ในวิทยานิพนธ์
เขาไม่ให้ยืมออกมาข้างนอก อยากได้ต้องไปจดเอาเอง
อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องไปยืมพ่อเต่าน้อยนะ ฉันขอสั่งห้าม!
ตอนเรียนแกก็ไม่สนใจเรียน ตอนสอบก็หัดขวนขวายเอาเองบ้างแล้วกัน
แล้วถ้าขืนแกตุกติก ฉันจะไปฟ้องคุณหญิงแม่!”
คำสั่งประกาศิตเด็ดขาดจากเจ๊บอลล่า
โดยเฉพาะคำขู่ข้างหลังซึ่งอ้างชื่อคุณนายสายสมรทำเอาเกมส์ชาวาบ
ต้องโทษแม่ของเขาเลยที่ดันอยากได้เบอร์ของเพื่อนสนิทเขาทุกคน
เผื่อเวลาฉุกเฉินจะได้โทรเช็คตาม เขาก็เลยต้องจำใจให้
แถมว่าง ๆ คุณนายยังโทรมาสอบถามข่าวคราวเป็นระยะ
และไม่ต้องถามนะว่าคุณนายโทรมาหาใครบ่อยสุด
ก็หน่วยข่าวประจำกลุ่มนั่นแหละ
คุยกันสนิทสนมจนนับถือเป็นแม่คนที่สองได้อยู่แล้ว
ซึ่งเขาจะไม่ว่าอะไรเลยสักนิดถ้าแม่จะไปสนิทกับใคร
ยกเว้นก็เพียงแต่บอลล่ามันชอบแกล้งฟ้องเวลามันเถียงแพ้ทางเขาเท่านั้น
แล้วเขาก็จะโดนเอ็ดจนหูชาซวยตามมาทุกที
นายซีเกมส์จึงทำหน้าเจื่อนเถียงไม่ออก ได้แต่คอตกยอมรับชะตากรรม
ทว่ายังดีที่ไอ้ปลายมันสงสารกระซิบบอกว่าหนังสือชื่ออะไรอยู่ตรงไหน
พรุ่งนี้วันเสาร์ไปตัดไหมเสร็จ แล้วเขาค่อยแวะเอาก็ได้วะ
พลพรรคนักตีแบตจึงพากันไปกินข้าวเย็นก่อนแยกย้ายกันกลับหอ
เพื่อเตรียมท่องตำรา ท่องหนังสือตามประสาเด็กเภสัชที่ดี
เขาอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้วก็มานั่งดูหนังสือไปพลาง
เล่นกับไอ้จั๊ดง่าวไปพลางจนเกือบสี่ทุ่มตาก็ชักจะงัวเงีย
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะปิดไฟเตรียมนอนเสียงสั่นเตือนว่ามีข้อความเข้าก็ดังขึ้น
เขากดเปิดโปรแกรมไลน์
ก่อนจะเห็นภาพจากใครบางคนซึ่งชี้นิ้วไปโทรศัพท์
คล้ายถ่ายตัวเองสะท้อนในกระจก โดยมีข้อความสั้น ๆ
‘Could I Call you now?’
และพอตอบรับไปว่า ‘ได้’
เสียงโทรศัพท์ร้องเตือนว่ามีสายเข้าก็ตามมาทันที
เกมส์กดรับก่อนได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้น
“สวัสดีครับเกมส์ วันนี้ไปตีแบดมาเหรอครับ”
...ใช่แล้ว ไอ้คนที่เขาส่งรูปไปหาก็คือ ‘ดิว’ เนี่ยแหละ
พอเมื่อวานตกลงว่าจะลองส่งรูปที่เห็นหน้าของแต่ละคน
หลังจากนั้นทั้งเช้า กลางวัน เย็น เขาก็จะได้ยินเสียงเตือนข้อความเข้า
ซึ่งเขาก็จะส่งรูปตัวเองที่ส่วนใหญ่จะทำท่าฮา ๆ ตอบกลับไปเหมือนกัน
แต่ภาพเหล่านั้นมันจะมีเรื่องราวในตัวเองว่าเขากำลังทำอะไรที่ไหนไปเจออะไรมาบ้าง
อย่างวันนี้นับได้เจ็ดแปดรูปจนพัฒนามาส่งต่อกันในไลน์แทนเพื่อเซฟตังค์
กระนั้นแม้ภาพหนึ่งภาพจะอธิบายแทนคำได้ล้านคำ แต่มันก็ยังสู้คุยกันตรง ๆ ไม่ได้
ซึ่งเขาก็เผลอเล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ดิวฟังจนยาวเหมือนเคย กระทั่งดิวเอ่ยคำทัก
((จริงสิ พรุ่งนี้เกมส์นัดตัดไหมใช่มั้ยครับ))
“อืม แล้วก็ต้องไปให้หมอตรวจฟันคุดซี่ที่เหลือด้วย
ไม่รู้จะขึ้นมาทำไมเยอะแยะ ผ่าแต่ละทีเจ็บจะตายชัก!
((ยิ่งฟังเกมส์พูดแบบนี้แล้ว
ผมยิ่งอยากจะไปเป็นเพื่อนเกมส์จริง ๆ นะครับ
แต่ผมรู้ว่าคงทำไม่ได้))
ประโยคที่ได้ยินคล้ายปะปนด้วยความรู้สึกเหมือนกึ่งน้อยใจ
ซึ่งสะดุดหูคนฟังจนต้องนิ่งเงียบ
...มันก็จริงอยู่หรอกที่เขาเป็นโรคกลัวผู้ชายจีบ
แต่พอมาคุยด้วยกันกับดิวแล้ว ตลอดห้าวันที่ผ่านมา
เขาเชื่อว่าดิวไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
ซึ่งเขารับรู้ได้ผ่านจากนิสัยและเรื่องราวที่เขาสัมผัส
ดิวเป็นคนที่ชอบเทคแคร์คนอื่น
คอยใส่ใจและสังเกตในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
อย่างตอนที่เขาไม่สบายแล้วดิวเอาขนมที่เขาชอบมาฝากนั่นก็เหมือนกัน
กับครั้งนี้ดิวเองก็คงอยากจะไปหาหมอฟันเป็นเพื่อนเขาจริง ๆ
และเขาไม่ปฏิเสธหรอกว่าการหนีบเพื่อนไปด้วยมันอุ่นใจกว่าไปตัวคนเดียวเยอะ
ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะกล้าพอเผชิญหน้ากับความกลัวได้รึเปล่า
แต่การที่ต้องมาปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นแบบนี้
มันทำให้เขาอดที่จะรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ ไม่ได้
เขาจึงเผลอหลุดคำพูดออกไปสั้น ๆ
“ขอโทษนะ”
และเป็นไปตามคาดเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างงง ๆ
((ขอโทษทำไมครับ))
“ก็เรายังไม่พร้อมเจอหน้าดิว”
คล้ายปลายสายจะเงียบไปเล็กน้อย
ไม่มั่นใจว่าจะอึ้งหรือคิดอะไร
หากท้ายที่สุดก็มีเสียงตอบกลับเป็นถ้อยคำยาว
((ไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่ครับ เกมส์ไม่ได้ผิดอะไร
...ผมเข้าใจ...เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาค่อย ๆ ปรับตัว
แล้วผมจะรอจนกว่าวันที่เกมส์พร้อมมาเจอหน้าผมเองนะครับ))
ประโยคที่เหมือนจะฟังดูหวาน
แต่เขาไม่ได้นึกหวั่นเพราะความกลัว
ตรงข้ามกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด
...อ้าว...เอ๊ะ ทำไมกันวะ?
ยังไม่ทันที่คนสงสัยได้คิดอะไรเพิ่มเติม
เสียงจากคู่สนทนากลับดังขึ้นขัด
((งั้นผมว่าเกมส์ไปนอนเถอะครับ
พักผ่อนเยอะ ๆ พรุ่งนี้จะได้มีแรง เดี๋ยวจะไม่สบายอีก))
คนถูกเตือนเหลือบมองเวลาจากนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้ไปใกล้เลขสิบสอง
...เฮ้ย! นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วเหรอ
เหมือนเขาเพิ่งคุยกับดิวได้แป๊บเดียวเอง
ทั้ง ๆ ที่ความจริงมันผ่านไปตั้งสองชั่วโมง
“อืมก็ได้ งั้นแค่นี้นะ”
เกมส์ฟังอีกคนหนึ่งตอบรับก่อนวางสายลง
...บทสนทนาจบไปแล้ว
แต่ความคิดของเขาไม่จบลงตาม
เพราะยังคงวนเวียนถึงความสงสัยที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
...ทำไมเขาถึงต้องขอโทษเหมือนห่วงว่าดิวจะรู้สึกยังไง
ไหนจะไอ้ความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นอีก
หลังจากดิวบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องขอโทษเพราะไม่ใช่ความผิดเขา
...มันคล้ายกับความรู้สึกโล่งอก และสบายใจไปพร้อมกัน
อาจเพราะส่วนหนึ่งดิวไม่เคยมองว่าโรคกลัวผู้ชายจีบของเขามันพิลึก
แต่มาคุยด้วยกันดี ๆ แล้วยังบอกอีกว่าอยากเป็น ‘เพื่อน’ กันกับเขา
...หรือจะเพราะเหตุผลนี่รึเปล่า
...เหตุผลที่เขาเริ่มยอมรับว่าดิวคือเพื่อนที่สนิทอีกคนหนึ่งของเขาจริง ๆ
ตี๊ด! ตี๊ด!
เสียงเรียกข้อความเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นเตือน
เจ้าของจึงเอื้อมมือไปหยิบอุปกรณ์สื่อสารบนหัวเตียงแล้วกดเปิดดู
ก่อนพบรูปของดิวกำลังหลับตาคล้ายเตรียมนอนพร้อมกับประโยคอธิบาย
‘ฝันดีครับ แล้วผมจะเข้าไปเจอหน้าเกมส์ในฝันแทนนะครับ’
คนอ่านหัวเราะเบา ๆ ให้กับคำแกล้งหยอกเสี่ยว ๆ
แต่คิดอีกที...ถ้ายังเจอหน้ากันตรง ๆ ในชีวิตจริงไม่ได้
ไม่แน่ในฝันอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่า
....ระหว่างมิตรภาพของเขากับดิว
เกมส์จึงเปลี่ยนโปรแกรมเป็นโหมดกล้อง
แล้วหันโทรศัพท์มาถ่ายรูปตัวเองตอนกำลังนอนบ้าง
โดยไม่ลืมที่จะพิมพ์ตัวอักษรส่งตอบไปเป็นข้อความสุดท้ายในวันนี้
‘งั้นเราจะรอนะ Good Night’
...
..