..
.
ภาควิชาปิโตรเคมีเป็นหนึ่งในภาควิชาขนาดใหญ่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์
แต่บัดนี้สภาพหน้าห้องภาควิชาที่แสนภูมิใจไม่ต่างอะไรไปจากสนามรบ
เพราะล้อมรอบไปด้วยข้าวของระเกะระกะทั้งกระดานแผ่นไม้อัด กระป๋องสี อุปกรณ์ช่าง
และเครื่องมือต่าง ๆ สารพัดที่ขนเอามาเพื่อเตรียมจัดงานโอเพ้นเฮาท์
โดยมีหัวเรี่ยวหัวแรงคือหนุ่มตาคม หน้าโหด คนจิตอาสา
ซึ่งกำลังลุยงานระบายสีน้ำมันลงบนแผ่นไม้ป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างทุ่มเท
ชนิดไม่สนใจจะพักทั้ง ๆ ที่ตัวเองเพิ่งฟื้นไข้
จนคนที่เห็นต้องเดินเข้ามาเป็นฝ่ายเรียกเสียแทน
“อ่ะ ข้าวเที่ยง”
คำพูดสั้น ๆ มาพร้อมกับถุงหมูปิ้งของเพื่อนที่ฝากซื้อ
ส่งผลให้ดวงตาคมเงยหน้าขึ้นมามองแวบหนึ่ง
ก่อนพูดพลางพยักหน้าไปทางโต๊ะใกล้ ๆ
“ขอบใจ วางไว้ตรงนั้นแหละ”
หนุ่มหล่อถอนหายใจทำตามคำสั่ง
เดินเอาของไปวางแล้วนั่งลงมองคนที่ยังจดจ่ออยู่กับการระบายสี
ไม่ยอมลุกขึ้นมากินข้าวกินปลาให้สมกับเป็นคนป่วย
...เห็นลูกบ้าของเพื่อนแบบนี้
เลยอดไม่ได้ที่จะแกล้งพูดแหย่ตามประสาคนเจ้าเล่ห์
“เออ..จริงสิ...เมื่อกี๊กูไปเจอบอลล่ากับปลายมา”
ดิวสังเกตเห็นมือที่จับแปรงชะงักไปเล็กน้อย
แต่คนตัวโตก็ยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง
พูดตอบสั้น ๆ เหมือนไม่สนใจ
“แล้วไง”
“เปล๊า ก็เผื่ออยากรู้ เขาฝากบอกมาว่าให้มึงหายป่วยเร็ว ๆ”
ระเบิดลูกที่สองถูกวางลงไปอีกครั้ง
แล้วก็ทันได้เห็นว่าคราวนี้มือที่จับแปรงไม่ใช่แค่สะดุด
แต่นิ่งสนิทเหมือนคนฟังกำลังอึ้ง
ดิวอมยิ้มขำอยู่ในใจ
ไม่ได้บอกคมมันหรอกว่า‘เขา’ น่ะคือบอลล่า ไม่ใช่ปลาย
แต่แค่นี้ก็พอจะเห็นผลแล้ว
แถมยังรู้สาเหตุที่เมื่อวานมันดูหงอย ๆ ซึม ๆ แปลก ๆ
ตอนแรกเขานึกว่าเป็นเพราะคมไม่สบาย
พอวันนี้มันดันฮึดมาช่วยงานอาจารย์ตั้งแต่เช้าไม่ยอมหยุดเลยสงสัย
ปกติไอ้เพื่อนจิตอาสาของเขามันก็บ้าช่วยคนอื่นอยู่แล้ว
แต่นี่มันดูบ้าผิดปกติเข้าไปใหญ่
สาเหตุหลัก ๆ น่ะไม่ต้องสืบให้ยาก
...ถ้าไม่ใช่เพราะสมองกระทบกระเทือน
...ก็คงเป็นเรื่องที่ ‘หัวใจ’ โดนกระทบกระเทือนเสียแทน
ไอ้คมไม่ใช่คนที่มีนิสัยช่างพูดอยู่แล้วด้วย
ต่อให้ง้างปากมันก็คงไม่ยอมบอกหรอก
แต่โชคดีที่ท่าทางมันแสดงออกง่าย
ถ้าเป็นเพื่อนที่คบกันมานานอย่างเขามองแป๊บเดียวก็รู้แล้ว
อีกอย่างเขาเองก็ไม่คิดจะเข้าไปแก้ด้วย
ปัญหาใครก็จัดการกันเอาเอง
โดยเฉพาะไอ้เรื่อง ‘ความรัก’
เขาแค่ช่วยสะกิดให้รู้ตัว
ส่วนจะไปเคลียร์กันยังไง
...งานนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับคนสองคนแล้วล่ะ
ดิวมองดูผลงานของตัวเองที่คล้ายแรงสะกิดจะได้ผลอยู่ไม่น้อย
เพราะตอนนี้นายคมสันก็ยังคงนั่งเหม่อ
มือหยุดนิ่งค้างไม่ขยับทำงานเพิ่ม
สาเหตุจากสมองดันเต็มไปด้วยใบหน้าของคนคนหนึ่ง
...คนที่พยายามจะไม่เข้าไปอยากยุ่ง
....แต่ในใจกลับยังคง ‘คิดถึง’
ใครจะรู้ว่าผู้ชายจิตอาสาอย่างคมสัน
คนซึ่งคอยช่วยเหลือผู้อื่นมาตลอด
แต่พอถึงคราวปัญหาของตัวเองกลับไม่รู้ต้องช่วยแก้ยังไง
เขาเลยต้องกลบเกลื่อนแกล้งทำตัวให้ยุ่ง ๆ ไว้
เผื่อจะได้ไม่ต้องไปจำความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นลึก ๆ ในใจ
ทว่าต่อให้พยายามมากเท่าไร ความรู้สึกนั้นก็ยังคงตอกย้ำไม่เคยหาย
ซ้ำยังมีแต่จะมากขึ้น...มากขึ้น...
...ความรู้สึกที่เขาอยากจะอยู่ใกล้กับ ‘ปลายฟ้า’ อีกครั้ง
...ป่านนี้ปลายจะเป็นยังไงบ้าง
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาลองคิดดูแล้ว
เขาไม่น่าพูดว่าจะไม่ยุ่งกับปลายแบบนั้นเลย
ถึงปลายจะไม่ชอบให้เขามาช่วยเพราะรำคาญ
แต่จะให้ไม่ให้เข้าไปยุ่งอีกเขาคงทำไม่ได้
เพราะพอเผลอตัวทีไร...
...เขาก็เอาแต่มองหาปลายทุกที
ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกที่มีนี้มันเรียกว่าอะไร
จะเรียกว่า ‘รัก’ หรือ ‘ชอบ’ ได้มั้ย
ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็เป็นผู้ชายและปลายเองก็เป็นผู้ชาย
แต่พออยู่ใกล้แล้วเขากลับรู้สึกดี
...อยากเข้าไปช่วยดูแล
...อยากเห็นปลายยิ้ม
...อยากเป็นที่ปรึกษาให้ปลาย
...อยากอยู่เคียงข้างปลายไปเรื่อย ๆ
ที่ผ่านมาถึงจะเจอคนอื่นมากมาย
แต่เขาไม่เคยคิดกับใครแบบนี้มาก่อน
...สำหรับเขาแล้วปลายถือเป็น ‘คนพิเศษ’
น่าเสียดายที่เขาเองคงไม่ใช่คนพิเศษสำหรับปลาย
เขาไม่กล้าหวังสูงเพราะดันไปทำให้ปลายรำคาญ
แถมยังเคยโดนพูดตอกหน้าว่าเสือกมาแล้ว
จะโดนอีกครั้งก็ไม่เห็นแปลกอะไร
ปลายอาจมองว่าเขาไม่ใช่คนที่ดีที่สุดที่ปลายจะเลือกก็ได้
แล้วอย่างนี้เขาต้องทำยังไงถึงจะใกล้เคียงคนคนนั้น
ต้องทำดีสักแค่ไหน....
...ปลายถึงจะยอมเปิดใจหันมามองกัน
TRRRRRRRRRR!!!!!
เสียงโทรศัพท์จากมือถือดังขัดจังหวะความคิด
คมสันเรียกสติกลับเข้ามาอีกครั้ง
รับรู้ถึงแรงสั่นจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
ใจอยากจะรับ แต่ตอนนี้มือกำลังเลอะสีน้ำมันไม่แห้ง
เลยปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นตั้งใจว่าเดี๋ยวค่อยโทรกลับ
ทว่าเสียงโทรศัพท์กลับยังดังแผดดังซ้ำ ๆ ไม่เลิก
จนดิวที่นั่งข้าง ๆ รำคาญต้องเป็นฝ่ายเดินเข้ามาถามเสียเอง
“กูรับให้มั้ย”
คนถูกช่วยพยักหน้ายืดตัวให้เพื่อนล้วงมือถือออกมาจากระเป๋ากางเกง
ก่อนจะหันไปจัดการกับภาพบนกระดานที่ระบายสีค้างไว้
หูรอฟังเพื่อนรับสาย แต่อีกคนกลับยังคงไม่รีบกดรับสักที
จนเขาต้องขมวดคิ้วหันไปถามด้วยความสงสัย
“ใครโทรมา”
ใบหน้าหล่อยิ้ม ๆ ก่อนอ่านชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอสั้น ๆ
หากแต่มีอานุภาพมากพอให้คนฟังเงยหน้าขึ้นมองทันควัน
“ปลายฟ้า”
จบคำ ไม่ต้องรอให้ดิวพูดอะไรเพิ่มต่อ
เพราะเจ้าของมือถือกลับดึงโทรศัพท์มาไว้เอง
ไม่สนแล้วว่าตอนนี้สีจะเลอะเทอะแค่ไหน
คมสันรีบกดรับก่อนกรอกเสียงลงไปอย่างร้อนรน
“ฮัลโหล”
((อ่ะ...เออ...ฮัลโหล))
เขาได้ยินปลายสายตอบกลับมาแค่นั้น
แล้วก็เงียบลงไปอีกครั้งเหมือนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
บรรยากาศนิ่งไปแปลก ๆ จนทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายถาม
“มีอะไรรึเปล่า”
((คะ..คือ...ยะ...เย็นนี้คมว่างมั้ย
...ระ...เรามีเรื่องอยากคุยด้วย))
คำชวนตะกุกตะกักที่ฟังทำให้คมต้องเผลอขมวดคิ้วงงอย่างแปลกใจ
ทว่าลึก ๆ ก็ยังอดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่ปลายยังอยากจะเจอหน้ากัน
เขาเหลือบมองงานที่กองระเกะระกะอยู่ตรงหน้า
ก่อนคิดคำนวณเวลาแล้วบอกไปตามจริง
“เย็นนี้เราต้องช่วยงานอาจารย์คงเลิกช้าหน่อย”
((มะ..ไม่เป็นไร...เรารอได้...
...ถะ..ถ้าเลิกแล้ว โทรหาเรานะ))
“อืม”
คมตอบรับสั้น ๆ ก่อนคู่สนทนาจะวางสายไป
เหลือไว้เพียงความสงสัยในใจของเขาเพียงลำพัง
...ปลายจะคุยเรื่องอะไรเขาไม่รู้
แต่ตอนนี้สิ่งที่เขารู้ คือ เขาดีใจที่ได้มีโอกาสคุยกับปลายอีกครั้ง
...และเขาจะขอใช้โอกาสนี้พยายามให้ดีที่สุด
เพื่อให้ตัวเองจะได้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของปลาย
...แม้เพียงสักนิดก็ยังดี
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
สวัสดีปีใหม่ค่า!!! 
กลับมาแล้วจ้า คลานกลับมาด้วยสภาพสะบักสะบอมเล็กน้อย
เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมามีเรื่องหนักหน่วง
สาเหตุเกิดจากทะเลาะกับสุขภาพตัวเอง 
ป่วยรับสิ้นปีเลย โดนไวรัส นอนซมไข้ขึ้นสูง
เลยทำให้ไม่สามารถมาต่อเรื่องได้ เพราะต้องต่อชีวิตตัวเองให้รอดก่อน
แต่ตอนนี้กลับมาแข็งแรงแล้ว เย้!! 
มาสปีดอัพแบบเต่า ๆ แต่เนื้อหาแอบจัดเต็มให้จุใจกันนะเออ
ยังไงแม้จะมาเลทนิดหน่อย
แต่ก็ยังไม่สายที่จะขออวยพร 
"ในปี 2556 นี้ก็ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง
อย่าได้เจ็บได้ป่วยได้ไข้เหมือนคนเขียนเลย..มันทรมาน
ขอให้มีความสุขสมหวังทุกประการ
เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของทุกคนนะคะ"
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกัน เป็นกำลังใจให้กันมาตลอด ดีใจจริง ๆ ค่ะ 
สำหรับปีนี้ 'ซีรีย์หวานอมขม' ก็ขอฝากตัวอีกปีหนึ่ง
รักเสมอจ้า
BitterSweet