ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ยอดสะเดา กับ ข้าวโพดต้มต้นที่ 21“...พ่อเต่าน้อย ...พ่อเต่าน้อย
โอยย!! ....นี่พ่อเต่าน้อยยย!!
จะนั่งจ้องมือถือหาเลขเหรอไงย่ะ ฟังชั้นอยู่รึเปล่า!!”
เสียงเรียกพร้อมแรกสะกิดจากเพื่อนร่างแมนใจสาว
ทำเอาเจ้าของฉายาที่กำลังเหม่อถึงกับสะดุ้งรีบเงยหน้าขึ้นมองคนในกลุ่ม
ซึ่งทุกคนก็ต่างส่งสายตาแสดงความสงสัยตอบกลับมา
จนคนถูกจ้องต้องตั้งสติเอ่ยคำแก้ตัวตะกุกตะกัก
“ทะ...โทษที เมื่อกี๊ว่าไงนะ”
“ก็รายงานที่จะพรีเซนต์วันมะรืนอ่ะ
จะให้พ่อเต่าน้อยพูดส่วนที่เหลือจากไอ้เกมส์
แล้วเดี๋ยวเค้าจะพูดสรุปจบตอนท้ายให้เองโอเคมั้ย”
“อ้อ...โอเค”
คนฟังพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจในคำอธิบาย
หากแต่ยังไม่ทันที่ใครจะเริ่มคุยเรื่องถัดไป
ไอ้คนที่ทำเหมือนจะรู้เรื่องเมื่อกี๊ดันส่งเสียงถามซ้ำ
“เออ....ละ...แล้วส่วนที่เหลือของไอ้เกมส์มันคืออะไรอ่ะ”
...สายตาอีกห้าคู่จ้องตรงมายังปลายฟ้าเป็นรอบที่สอง
ทว่าคราวนี้กลับตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยหน่ายจากบอลล่า
“เฮ้ออออ!! นี่ถ้าพ่อเต่าน้อยไม่ใช่ผู้ชาย
ชั้นจะนึกว่าเธอเครียดที่เมนส์ไม่มาแล้วท้อง
ถึงได้นั่งใจลอยจ้องโทรศัพท์เหมือนคนกล้า ๆ กลัว ๆ
ลังเลจะบอกแฟนตัวเองให้รู้อย่างงั้นแหละ”
โห...เจ๊ช่างเปรียบเทียบไปได้
แต่ถึงพฤติกรรมไม่ใช่ก็นับว่าใกล้เคียง
เพราะตอนนี้เขากำลังนั่งในโรงอาหารกับกลุ่มเด็กเภสัชเพื่อประชุมแบ่งงานกันอยู่
แค่ตัวเองดันสติกระเจิงแทบไม่ได้ฟังเนื้อหาจากกองชีทด้วยซ้ำ
เพราะใจมันดันจดจ่อไปให้ความสำคัญกับตัวเลขสิบหลักที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์
ซึ่งต่อท้ายชื่อของใครคนหนึ่ง...
...คนที่ทำให้เขาลังเลว่าควรจะโทรหาดีมั้ย
ผ่านมาสองวันแล้ว นับตั้งแต่ที่เขานัดเลี้ยงบัดดี้
และเป็นการนัดเลี้ยงที่จบลงด้วยทำให้บัดดี้ตัวเองโกรธซะอย่างนั้น
...ก็รู้อยู่หรอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดที่ชักช้า
สมควรจะรีบขอโทษแล้วพูดคุยแก้ความเข้าใจเสียใหม่
เบอร์โทรคมก็มีแล้ว แค่กดโทรไปอธิบายซะให้เรียบร้อย
แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่กล้าที่จะทำ
เพราะในใจมันดันเกิดคำถามว่า...
...ถ้าโทรไปแล้วเขาจะเริ่มต้นคุยยังไงดี
เอ้า...นี่มันเรื่องซีเรียสนะครับ ทำเป็นเล่นไป...
เรื่องพวกนี้มันต้องคิดให้รอบคอบ
ขืนอยู่ ๆ จะให้เขาบอกไปโต้ง ๆ ว่า...
“ขอโทษนะ เราไม่ได้รำคาญคมเลย คมจะยุ่งกับเราก็ได้”...มันจะไม่ดูแปลกไปหน่อยเหรอ
พูดแบบนี้เหมือนเป็นคนโรคจิตมากกว่า
ยิ่งฟังยิ่งทำให้เข้าใจผิดกันเข้าไปใหญ่
แถมประโยคมันดูสั้นพิลึกเกินไป
หรือจะให้เปลี่ยนเป็นอธิบายยาว ๆ ไปเลยว่า...
“เราไม่ชอบให้คมช่วย เรากลัวคมจะเดือดร้อน
แต่ถ้าคมเต็มใจช่วย เราก็ไม่ว่าอะไรหรอก
แต่จริง ๆ แล้วเราก็ไม่อยากจะไปรบกวนคม
ดังนั้นเราว่าคมอย่าช่วยเราเลยดีกว่า”...เฮ้ยย!! ไม่ได้ ไม่ได้!
ถ้าพูดแบบไปนี้พาลจะทำให้โกรธนักกว่าเดิมแน่
ถึงใจความสำคัญจะอยู่ตรงที่ว่าเขาเกรงใจคม
แต่ให้บอกตรงดิ่งเป็นขวานผ่าซาก มันก็ฟังตัดรอนน้ำใจเกินไป
จากเคลียร์กันจะกลายเป็นชวนให้ทะเลาะกันเปล่า ๆ
ถ้างั้นลองเปลี่ยนไปพูดชมแทนล่ะ? ทำนองว่า...
“คือ...เราไม่ได้ไม่ชอบคมนะ
ที่คมมาช่วยเรา เราก็รู้สึกดีใจ
เราไม่ได้รำคาญคมเลย
คมอย่าไปจากเราได้มั้ย”...บ้า!!!!!
ตกลงจะขอโทษหรือจะสารภาพรัก
ใครที่ไหนมันจะกล้าพูด
ทำตัวเป็นนางเอกซีรีย์เกาหลีไปได้
อย่าลืมสิว่าเขาเป็นผู้ชายแล้วคมมันก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน
จะให้เขาพูดประโยคเลี่ยน ๆ ออกไปได้ยังไง
...โอยยย!! ไอ้นั้นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ดี
เขาเลยได้แต่ปล่อยให้มันคาราคาซังอยู่จนถึงวันนี้ไงเล่า!!
ปลายฟ้านึกปวดหัวกับนิสัยช่างเลือกสุดชักช้าของตัวเอง
เมื่อวานนั่งคิดนอนคิดทั้งวันก็ยังไม่เห็นได้คำตอบ
แถมพอเห็นต้นสะเดาตรงระเบียงทีไร
ก็พาลนึกวนเวียนไปถึงหน้าคนคนนั้นทุกที
จนเขาแทบไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำอย่างอื่น
มิหนำซ้ำมันยังตามมาหลอกหลอนกระทั่งเวลาไปเรียน
รวมถึงตอนนี้ที่เขากำลังนั่งคุยกับกลุ่มเพื่อนประชุมเคร่งเครียด
แต่ตัวเองดันใจลอยสติหลุดจนคนอื่นชักจะสงสัยในพฤติกรรมเหม่อผิดปกติ
กระทั่งบอลล่าต้องเริ่มเปิดประเด็นถามด้วยความเป็นห่วง
“นี่พ่อเต่าน้อยมีอะไรก็เล่าให้ฟังได้นะ”
“ปะ..เปล่า ไม่มีอะไร”
เขาพูดปฏิเสธหากแต่ยังโดนสายตาจ้องจิกตอบกลับมาเหมือนไม่อยากเชื่อ
“เหรอ ไม่ใช่ว่าไปทะเลาะกับใครมานะ
เมื่อวันเสาร์ตอนอยู่กับคมยังเห็นดี ๆ อยู่เลย
เอ๊ะ! หรือว่าไปทะเลาะกับคมมาใช่รึเปล่าเนี่ย”
คำคาดเดาถูกเผงราวกับตาเห็นแทบทำเอาคนฟังแทบหน้าทิ่ม
โห...อะไรจะแม่นขนาดนั้นครับเจ๊
ไปเชิญเทพธิดาพยากรณ์มาสิงร่างกันตอนไหน
แต่ถึงอย่างนั้นคนคิดปิดบังก็ยังคงพยายามบอกปัดเสียงหลง
“เฮ้ยย!! เปล๊า ไม่ได้ทะเลาะ เออ..ก็แค่...แค่...”
ประโยคเริ่มอึกอักเพราะหัวสมองกลับตื้อ
คิดหาข้อแก้ตัวไม่ออกขึ้นมาดื้อ ๆ
จนบอลล่าเริ่มถามคาดคั้น
“แค่อะไร”
“เออ...คะ...แค่...เรา...
...เราแค่อยากกินหมูปิ้ง
เดี๋ยวไปซื้อก่อนนะ”
...ไม่ไหวแล้วครับ
ตอนนี้เลี่ยงได้ก็เลี่ยง
บอกอะไรส่ง ๆ ไปก่อน
โห...ก็ใครมันจะไปกล้าพูดต่อหน้าคนทั้งกลุ่ม
พวกมันเล่นจ้องเขาเหมือนตำรวจเค้นคอนักโทษอย่างนั้น
สู้ให้เขาหายไปที่อื่นสักพักเดี๋ยวพวกมันก็คงลืมไปเอง
แต่ดูเหมือนคนถามจะไม่ยอมปล่อย
เพราะทันทีที่เขาลุกจากโต๊ะ
บอลล่ากลับร้องตามลุกขึ้นมาทันทีราวกับรู้ทัน
“อุ๊ย! ไม่ต้องหนีเลย พ่อเต่าน้อย
ชั้นไปด้วย บังเอิญอยากกินเหมือนกัน”
ทั้ง ๆ ที่ปกติถ้าเต่าอย่างปลายฟ้าจะไปซื้ออะไรมักจะไม่มีใครอยากตามมาแท้ ๆ
เนื่องจากเจ้าตัวขึ้นชื่อลื่อชาเรื่องความช้าเหนือกว่าชาวบ้าน
ทว่าคราวนี้ทั้งกลุ่มคงอยากจะรู้จริง ๆ
ถึงได้ส่งบอลล่ามาตามประกบชนิดไม่กลัวเสียเวลา
แม้ร้านขายหมูปิ้งคนจะเยอะต้องต่อคิวรอแค่ไหน
บอลล่าก็ยังตามมาร้องสั่งหมูปิ้งสิบไม้ข้าง ๆ
ก่อนจะเริ่มต้นลากเข้าสู่ประเด็นสำคัญอีกรอบ
“ตกลงมันเรื่องอะไร”
...ท้ายที่สุดก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
ปลายฟ้าจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง
โดยเฉพาะประเด็นที่โยงไปสู่สาเหตุของการทะเลาะ
จนทำให้เขากังวลไม่กล้าโทรไปเคลียร์กับคมตลอดทั้งวัน
...และแน่นอนว่าพอฟังจบ
เสียงหวีดร้องของบอลล่าก็ดังตามขึ้นมาทันที
พร้อมคอมเมนต์ประหนึ่งตัวเองสวมวิญญาณให้คำปรึกษาเป็นพี่อ้อยพี่ฉอด
“ต๊ายยย!!! โถ่ๆๆ พ่อเต่าน้อยของชั้น
เห็นมั้ยมันผิดจากที่ชั้นพูดเมื่อไรล่ะ
บอกแล้วไงว่าขืนชักช้าอย่างนี้
เกิดไปรักไปชอบใครขึ้นมาไม่ทันกินเข้าพอดี”
...เออ...เขาจำได้ลาง ๆ นะว่าเจ๊พูด
แต่ไม่ได้บอกเขาทำนองนี้นี่หว่า
แล้วที่สำคัญคือไอ้การที่เขาจะไปรักไปชอบใครมันเกี่ยวอะไรตรงไหนวะ
ทำไมต้องเอามาโยงถึงเรื่องที่เขาทะเลาะกับคมด้วย
คนปรึกษากลายเป็นฝ่ายงงเกาหัวแกรก
อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าเราไปชอบใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยอ่ะ”
“อูยยย...ก็ไปเดทกันตอนเช้า
เสร็จแล้วก็มางอนกันตอนเย็น
เหมือนคู่รักเด๊ะ ๆ แบบนี้จะไม่ให้เกี่ยวได้ยังไง”
คำอธิบายที่มาพร้อมแววตาล้อเลียน
ทำเอาปลายฟ้าหน้าร้อนวูบต้องรีบร้องแก้ตัวพัลวัน
“เฮ้ยยย!! มะ...ไม่ได้ไปเดทก็บอกว่าแค่ไปเลี้ยงบัดดี้
เราทะเลาะกับคมเหมือนเพื่อนทะเลาะกันเฉย ๆ
ละ...แล้วเราแค่อยากขอโทษที่พูดไม่ดีกับเขาแค่เนี่ยเอ๊งง”
“หรอออ....เพื่อนกันคิดมากขนาดนี้เชี่ยะ...”
คำล้อยังตามมาอีกหนึ่งกระบวนจนดวงตากลมต้องก้มหลบ
ไอ้อาการเดิม ๆ ชักจะกลับมาอีกรอบ
พอโดนทักมาก ๆ ก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน
ปกติถ้าไปทะเลาะกับใคร เขาก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้
โดยเฉพาะไอ้อาการหน้าร้อนแปลก ๆ
ทั้ง ๆ ที่รู้ชัดอยู่แล้วว่าเขากับคมเป็นแค่ ‘เพื่อน’ กันแท้ ๆ
ถึงเมื่อวันเสาร์จะไปกินข้าว ดูหนัง เหมือนคนไปเดท
...แต่เขาสองคนไม่ได้เป็น ‘คู่รัก’ อะไรอย่างที่บอลล่าบอกเลยสักนิดจริง ๆ นะเว้ย!!
“...อ่ะ ก็ได้ ๆ ไม่แซว ๆ ล่ะ
งั้นเอาเป็นว่าตามที่ชั้นคิดนะ....
ถ้าพ่อเต่าน้อยอยากจะปรับความเข้าใจกับคม
มันก็ต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าเราไม่เข้าใจกันตรงจุดไหน
สมมตินะ....ถ้าพ่อเต่าน้อยขอโทษคมเสร็จแล้วจะทำยังไงต่อล่ะ
...จะยอมให้คมเข้ามาช่วยอีกรึเปล่า”
ท้ายประโยคบอลล่าเปลี่ยนประเด็นมาเข้าเรื่อง
ชักสงสารเพื่อนตัวเองที่หน้าแดงแปร๊ดอาการหนัก
จนกลัวว่าจะทำอะไรไม่ถูกไปมากกว่านี้
คำถามซีเรียสที่ได้ยินทำให้ปลายฟ้าต้องตั้งสติหยุดทบทวน
ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธตอบด้วยประโยคเดิม ๆ เหมือนที่เคยคิดไว้
“เราไม่อยากให้คมช่วย เราเกรงใจเขา”
“ก็คมบอกไม่ใช่เหรอว่าเขาเต็มใจ”
“แต่ว่าเรามะ...”
“จะบอกว่า ‘ไม่ชอบ’ อีกใช่มั้ยล่ะ?”
คนโดนดักคอถึงกับชะงัก
เมื่อคำตอบที่กำลังจะอ้าปากพูดกลับหลุดออกมาจากอีกฝ่ายแทน
แถมยังเป็นประโยคที่เขาเคยใช้บอกกับคม
จนกลายมาเป็นฉนวนต้นเหตุที่ทะเลาะกันด้วย
อ้าว...งั้นไอ้สถานการณ์แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากเดิมเลยน่ะสิ
แล้วจะไปมีประโยชน์อะไรถ้าเขาจะหาคำอธิบายไม่ได้
ขืนคุยกับคมก็เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง
อย่าว่าแต่เคลียร์ปรับความเข้าใจกันเลย
คงได้ทะเลาะกันหนักมากกว่าเก่าแน่ ๆ
และดูเหมือนบอลล่าจะคิดไม่ต่างกัน
หนุ่มหน้าสวยจึงได้แต่มองคนที่เพิ่งรู้สึกตัว
พลางถอนหายใจออกมาเสียงดัง
“เฮ้อออ...แล้วแบบนี้คมจะไปรู้เรื่องได้ยังไงล่ะ
...นี่จะบอกอะไรให้นะ ก่อนจะไปเคลียร์ความเข้าใจกับคนอื่น
พ่อเต่าน้อยต้องทำความเข้าใจกับเองก่อนมั้ย
ไปลองคิดให้ดีนะว่าทำไมเราถึงไม่อยากให้เขาช่วย
...แล้วที่เราบอกไม่ชอบน่ะ...มันไม่ชอบเพราะอะไร...”
ปลายฟ้านิ่งฟังประโยคแนะแนวทางจากบอลล่าเงียบ ๆ
ค่อย ๆ ซึมซับทุกคำพูดให้ลงลึกในความทรงจำ
จริงด้วย...เขาจะไปเคลียร์กับคมรู้เรื่องได้ยังไง
ในเมื่อเขาไม่เคยเข้าใจตัวเองเลย
และไม่แน่ว่าจริง ๆ แล้ว
...นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาไม่กล้าโทรไปหาคมก็ได้
เพราะเขายังไม่รู้....
...ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ชอบให้คมมาช่วย
คำว่า ‘ไม่ชอบ’ สำหรับเขามันดูคลุมเครือ
ทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองไม่ชอบตรงไหน
เขายอมรับว่าคมเป็นคนดีมีน้ำใจ
พออยู่ใกล้กันคมก็มักมาคอยห่วงใยเอาใจใส่
จนเขาเผลอพึ่งพาคมอยู่เรื่อย
...ก็นี่ไง...
...อาจเป็นเพราะการที่เขาเอาแต่คอยให้คมช่วย
มันคล้ายกับเขาอ่อนแอจนทำอะไรเองไม่เป็น...
แต่ถึงอย่างนั้น...พอมาคิด ๆ ดูดี ๆ ...
คมกลับไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาอย่างดูถูกเลยสักนิด
คมแค่มองอยู่ห่าง ๆ พอเจอปัญหาจริง ๆ ถึงค่อยเข้ามาช่วย
เหมือนอย่างเมื่อวันเสาร์ที่คมไปช่วยน้องผู้หญิงที่ยางรถรั่วคนนั้น
...คมเป็นคนนิสัยแบบนี้
เป็นคนจิตอาสา มีน้ำใจกับคนอื่นเสมอ
...แล้วกับเขาเองก็ไม่ต่างกัน
คมก็คงแค่มีน้ำใจถึงได้เข้ามาช่วยเหลือเขาเหมือน ๆ กันกับคนอื่น
มาทำดีให้เหมือนใครหลายต่อหลายคนที่อยู่รอบตัวคม
เพราะแบบนี้ไง...
...เขาเลยไม่ชอบ
เอ๊ะ?...
มะ...เมื่อกี๊เขาพูด ‘ไม่ชอบ’ เหรอ?
อะ...อ้าว...แล้วทำไมถึงไม่ชอบล่ะ
มันเป็นคนดีมีน้ำใจก็สมควรแล้ว
มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่ชอบขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ยังนึกชมมันอยู่เลย
แต่พอบอลล่าถามอะไรแปลก ๆ
เขาเลยดันคิดมากออกมาเป็นอะไรก็ไม่รู้
แถมยังไม่เห็นจะเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นเลยสักอย่าง
...โธ่เว้ย!!...จะชอบไม่ชอบอะไรก็ไม่รู้
โอยยย!! ทำไมมันถึงยุ่งยากอย่างนี้วะ!!!
...ปวดหัวโว้ยยย!!
ปลายฟ้าพยายามใคร่ครวญความคิดของตัวเอง
แต่สิ่งที่ได้รับกลับยิ่งเพิ่มความสับสนมากขึ้น
ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะตั้งสติเรียบเรียงลำดับใหม่
กลับมีเสียงจากด้านหลังดังทักขัดจังหวะ
“หมูปิ้งยี่สิบไม้ที่สั่งได้รึยังครับ
...อ้าว...บอลล่ากับปลาย
มาซื้อหมูปิ้งเหมือนกันเหรอครับ”
เจ้าของชื่อหันกลับไปหาคนพูด
ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหนุ่มหล่อประจำวิศวะเจ้าเก่า
ที่ยืนยิ้มโปรยเสน่ห์มาให้ด้วยความเป็นมิตร
จนบอลล่าต้องร้องลั่นทักทายกลับอย่างดีใจ
“ว๊ายยย!! นึกว่าใคร ดิวนี่เอง
แหม..มาสั่งหมูปิ้งตั้งเยอะแยะหิวเหรอคะ
แล้วนี่มีที่นั่งรึยัง? มานั่งกับพวกเรามั้ย”
“อ้อ...ผมทานเรียบร้อยแล้วครับ
แต่นี่ซื้อไปฝากไอ้คมมัน”
คนถูกถามชูข้าวเหนียวหมูปิ้งพร้อมห่อข้าวเหนียว
ที่เพิ่งรับมาไว้ในมือสด ๆ ร้อน ๆ ประกอบคำพูด
ทว่าชื่อในท้ายประโยคที่ห้อยมากลับดึงความสนใจจากคนฟัง
ซึ่งเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าวันนี้หนุ่มหล่อฉายเดี่ยว
ไม่มีเพื่อนตาคมแถมมาด้วยเหมือนอย่างเคย
“อ้าว...แล้วทำไมคมไม่มาด้วยล่ะ”
“มันช่วยงานอาจารย์อยู่ที่ภาคน่ะครับ
จริง ๆ มันไม่สบายอยู่แท้ ๆ แต่ก็ยังฝืน
ผมเลยต้องมาซื้ออะไรที่กินง่าย ๆ ไปให้”
ปลายฟ้ารีบเงยหน้าขึ้นมองทันทีหลังฟังคำอธิบายที่ไม่คาดคิด
เช่นเดียวกับบอลล่าที่ทำตาโตร้องถามอย่างเป็นห่วง
“เอ๋!! คมไม่สบายแล้วเป็นอะไรมากมั้ย”
“เห็นว่าไปตากฝนมาน่ะครับ
เมื่อวานมีไข้นิดหน่อยแต่วันนี้ไข้ลงแล้ว
ผมบอกให้พักแต่มันก็ยังฝืนมาเรียน
อ้างว่าต้องมาช่วยอาจารย์ทำงาน...คือ...
อาทิตย์หน้าที่คณะผมจะจัดงานโอเพ่นเฮ้าท์น่ะครับช่วงนี้เลยค่อนข้างยุ่ง”
“อุ๊ย! อย่างนี้ก็เหนื่อยแย่เลยสิ ฝากบอกคมด้วยนะว่าให้หายเร็ว ๆ
แต่ทำงานหนักขนาดนี้ชักอยากเห็นแล้ว
ถ้าเปิดงานเมื่อไร บอลล่าจะขอพาเพื่อนมาเที่ยวบ้างได้มั้ยเอย”
หนุ่มหน้าสวยไม่ลืมแถมท้ายที่จะหยอดเล็ก ๆ
พร้อมส่งสายตาวิบวับอย่างมีเล่ห์นัย
ซึ่งดิวก็ยิ้มรับซ้ำยังเอ่ยชวนออกลายคาสโน่ว่าไม่แพ้กัน
“ได้สิครับ พาเพื่อน ๆ มาเยอะ ๆ เลยเดี๋ยวผมพาทัวร์เอง
เออ...ถ้ายังไงตอนนี้ผมต้องขอตัวก่อน
แล้วว่าง ๆ ผมจะขอมานั่งกินข้าวด้วยกันนะครับ”
ดิวโบกมือลา ก่อนเดินกลับไปยังทิศทางตรงข้าม
ทิ้งให้สองหนุ่มเภสัชยืนรอหมูปิ้งอยู่ที่เดิม
หากแต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือความคิดของปลายฟ้า
ซึ่งยังคงวนเวียนอยู่กับข่าวล่าสุดที่เพิ่งได้ยินซ้ำ ๆ
..คมไม่สบายมีไข้นิดหน่อยเห็นว่าไปตากฝนมา...ตากฝนเหรอ?
เขาจำได้ว่าฝนมันตกครั้งสุดท้ายเมื่อเย็นวันเสาร์นี่นา
...ใช่ ๆ เขายังห่วงต้นสะเดาอยู่เลย
ดีที่ว่าคมขี่มอเตอร์ไซต์เร็วเลยกลับมาถึงห้องทัน
...เฮ้ยย!! หรือว่าหลังจากคมส่งเขาแล้ว
มันดันขี่ตากฝนกลับหอเลยทำให้ไม่สบาย
แบบนี้เขายิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่น่ะสิ
แล้วแทนที่จะนอนพักมันดันมีน้ำใจไปช่วยงานอาจารย์อีก
...โธ่เว้ย!!
ทำไมถึงไม่ยอมช่วยดูแลตัวเองบ้างมัวแต่ไปช่วยคนอื่นทุกที
...คนอื่นอีกแล้ว
น่าแปลก...ที่ไม่รู้ทำไมพอคิดถึงตรงนี้
อยู่ ๆ เขาก็ดันรู้สึกอึดอัดใจแปลก ๆ
คำว่า ‘ไม่ชอบ’ ผุดขึ้นมาซ้ำ ๆ ในสมอง
เหมือนจะตอกย้ำว่าเหตุผลที่เขาตามหามันคืออะไร
...หรือจริง ๆ แล้วที่เขาไม่ชอบให้คมคอยช่วยเขา
มันจะเป็นเพราะว่า...
“...พ่อเต่าน้อย ...พ่อเต่าน้อย
โอยย!! ใจลอยอีกแล้วนะ
จะเอามั้ยหมูปิ้งเนี่ย”
เสียงเรียกชื่อทำให้คนจมอยู่กับความคิดหลุดออกจากภวังค์
เขารีบหันไปหาบอลล่าซึ่งพยักเพยิดไปยังคุณป้าที่ยืนถุงหมูปิ้งมาให้
“ขะ...ขอโทษครับ เท่าไรนะครับ”
ปลายฟ้าถามย้ำฟังป้าคนขายบอกราคาก่อนยื่นแบงค์ส่งไปให้
ท่ามกลางสายตาคนข้างตัวซึ่งส่ายศีรษะอย่างระอากับพฤติกรรมผิดปกติของเพื่อน
อดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำพูดแซวขึ้นมาอีกรอบ
หากแต่เป็นถ้อยคำที่ทำให้คนฟังถึงกับสะดุ้ง
“ห่วงคมเขาเหรอไง”
คนถูกถามจี้ใจแทบทำเงินทอนหลุดจากมือ
รีบหันไปปฏิเสธเสียงตะกุกตะกัก
“เฮ้ยย!! ....มะ..ไม่ใช่...
คะ...คือว่า...เราแค่กำลังคิดว่าจะเลือกอะไรนิดหน่อย”
...ก็มันจริงนี่ครับ
เขากำลังเลือกเหตุผลมาตอบตัวเองให้ได้อยู่
เพราะบอลล่าดันมาถามอะไรแปลก ๆ ขึ้นมานั้นแหละ
เขาเลยต้องมานั่งปวดหัวสับสนอยู่นี่ไงเล่า!
คู่สนทนาส่งสายตากลับมามองอย่างไม่เชื่อ
นึกอยากจะอ้าปากแซวแต่กลัวจะเห็นคนหน้าแดงอีกรอบ
จึงเปลี่ยนมาถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างปลง ๆ
ก่อนจะตัดสินใจฝากคำแนะนำไว้เป็นครั้งสุดท้ายให้กับคนช่างเลือก
“เฮ้อออ...!! เอาเถอะ...จะทำอะไรก็ทำ...
พ่อเต่าน้อยอยากจะค่อย ๆ ละเลียดใช้เวลาพิจารณาเลือกให้ดีที่สุดก็ตามใจ
แต่ถ้าขืนชักช้ามาก ๆ ระวังเถอะจะไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง
แล้วที่สำคัญพ่อเต่าน้อยอย่าลืมนะว่า...
เราน่ะเลือกได้...
...แต่เขาล่ะจะอยู่ ‘รอ’ ให้เราเลือกด้วยรึเปล่า”
จบคำ บอลล่าจึงเดินหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะของกลุ่มซึ่งเริ่มประชุมงานต่อ
โดยมีปลายฟ้าก้าวตามไปนั่งข้าง ๆ โดยไม่ปริปากพูดอะไร
เพราะในสมอง...ยังคงทบทวนข้อความที่กระทบลงตรงกลางใจ...
...รอ
นั้นสิ...เขาลืมไปได้ยังไงว่า
ไม่ใช่มีแค่เขาคนเดียวที่ใช้เวลาเลือก
อีกคนหนึ่งก็ต้องเลือกเหมือนกัน
แล้วจะมีใครที่ไหนใจเย็นอดทนรอคนช้าเป็นเต่าอย่างเขาได้นานพอบ้าง
...และถ้าเกิดเขาเลือกแล้วมันสายเกินไป
...เขาจะทำยังไง
“เดี๋ยวเราไปซื้อน้ำแป๊บหนึ่งนะ”
ปลายฟ้าลุกพรวดขึ้นมาอีกครั้งทั้ง ๆ ที่เพิ่งนั่งลงยังไม่ถึงนาที
จนไอ้เกมส์ที่รอประชุมเคลียร์งานอยู่นานแล้วถึงกับต้องร้องโวยวายดังลั่น
“อะไรวะไอ้ปลาย!! จะหิวอะไรหนักหนา
แล้วเมื่อไรงานจะเสร็จวะเนี่ยห่ะ!!”
“เออ..ปล่อยพ่อเต่าน้อยไปเถอะ
เดี๋ยวชั้นแบ่งงานให้เอง”
บอลล่ารีบพูดห้ามทัพแอบขยิบตากับคนลุกขึ้นยืนเหมือนให้กำลังใจ
แล้วจึงหันไปจัดการคุยเรื่องงานกับไอ้เกมส์แทน
ปล่อยให้ปลายฟ้าเดินออกห่างมาจากโต๊ะ
แต่เขาไม่ได้ตรงไปซื้อน้ำอย่างที่บอก
แค่เลี่ยงออกมาให้ห่างจากกลุ่มเพราะอยากจะตั้งสมาธิ
ล้วงซัมซุงกาแล็กซีขึ้นมาจากกระเป๋า
กดไล่มองดูชื่อที่จ้องมันมาตลอดสองวัน
สูดลมหายใจลึกก่อนลงมือทำสิ่งที่สมควรทำ
หลังจากที่เสียเวลาเลือกมานานเกินพอ
...ใช่
....ตอนนี้เขาควรจะตัดสินใจเลือกได้สักที
...
..
.
ยังไม่จบนะคะ ต่ออีกนิดที่ความเห็น 2028
บังเอิญคนเขียนแก้คำผิดแล้วมือดันเผลอไปกดลบทิ้ง
(นี่แหนะ!! ตีมือตัวเอง มันน่านักเชียว) 
ดังนั้น ขอเชิญไปอ่านต่อได้เลยจ้า 