ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ยอดสะเดา กับ ข้าวโพดต้มต้นที่ 17“เฮ้ย! คะแนนจริยศาสตร์ออกแล้วเว้ย!!”
ไอ้เกมส์ร้องเสียงดังอย่างตื้นเต้น
เรียกให้คนในกลุ่มที่กำลังงมอยู่กับข้าวมื้อกลางวัน
เงยหน้าขึ้นมาจ้องไอแพดสามของมันทันที
...ตอนนี้เปิดเรียนเทอมสองมาได้สองอาทิตย์แล้วครับ
คะแนนเกรดวิชาอื่นออกไปจนครบหมดแล้ว
เหลือก็แต่วิชาพิเศษนี้ที่ยังคงติดตัว I ให้เสียประวัติ
จนคนในกลุ่มต้องคอยไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามอาจารย์ชลิดาตั้งแต่เปิดภาคเรียน
ว่าทำไมถึงไม่ปลดล็อกเกรดวิชาจริยศาสตร์เสียที
ไม่ใช่อะไรหรอกครับ...
ขืนรอนานกลัวอาจารย์อาจส่งเกรดไม่ทันกำหนดเวลาของมหาวิทยาลัย
ไอ้ที่เห็น I อยู่หลัด ๆ จะกลายเป็น F ไปเสียก่อน
แต่พอได้ยินว่าเกรดออก
นายปลายฟ้าจึงต้องละมือที่กำลังคีบเส้นเล็กต้มยำของตัวเอง
หันมาให้ความสนใจกับคนที่กำลังรอโหลดตารางเรียนออนไลน์
เช่นเดียวกับบอลล่ารีบชะโงกตัวมองข้ามหน้าจออย่างลุ้น ๆ
“ไหน ๆ แกได้เกรดอะไรย่ะ”
คำถามคำเดียวที่ทุกคนอยากรู้
เพราะอย่างที่เคยบอกว่าวิชาจริยศาสตร์นั่นไม่ได้เป็นวิชายากเย็นอะไร
ข้อสอบทฤษฏีห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ออกตามหนังสือเป๊ะๆ เรียกว่าใครอ่านมาก็ทำได้
แต่ไอ้ที่มันน่าลุ้นคือข้อสอบวิชาปฏิบัติหรือโปรเจคอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือเนี่ยแหละ
ไปถามคนเรียนกลุ่มอื่นเขาได้ A กันเป็นทิวแถว
แต่สำหรับกลุ่มที่ไปส่งโปรเจคช้าแถมโดนจับยัดให้ทำค่ายวิศวะอาสาเอาดื้อ ๆ แบบนี้
ไม่รู้ว่าอาจารย์จะตัดเกรดพวกเขาลงไปอีกรึเปล่า
ปลายฟ้าจึงพยายามตั้งใจเงี่ยหูฟังคำตอบ
จากคนที่มองตารางผลการเรียนซึ่งพูดเพียงสั้น ๆ
แต่เป็นถ้อยคำที่สร้างความลิงโลดให้ทุกคนที่ได้ยิน
“A”
“กรี๊ดดด!! เริ่ดมากกกกก!!
ฉันจะได้ไม่ต้องมาทนเรียนซ้ำกับแกอีกปี
เบื่อขี้หน้าแกจะแย่แล้ว!”
บอลล่ากรีดร้องอย่างตื้นเต้นดีใจ
เพราะถ้าหากไอ้เกมส์ได้ A แล้ว
แสดงว่าคะแนนโปรเจคที่ทำอาจารย์ไม่ได้ตัดเกรดลง
ทุกคนในกลุ่มก็น่าจะได้คะแนนเท่า ๆ กันหมด
ปลายฟ้าถอนหายใจอย่างโล่งอก
ความจริงเขาไม่กล้าหวังว่าตัวเองจะได้ A หรอก
แค่ไม่ตกก็บุญหัวขนาดไหนแล้ว
แต่ที่ได้คะแนนสูงขนาดนี้คงเป็นเพราะอาจารย์เห็นว่า
พวกเขาทำผลงานค่ายวิศวะอาสาออกมาได้ดีจริง ๆ
...ถึงอย่างนั้นส่วนหนึ่งที่มันสำเร็จได้
คงไม่ใช่เพราะฝีมือพวกเขาอย่างเดียว
“นี่ต้องขอบคุณพวกเด็กวิศวะด้วยนะเนี่ย
ถ้าไม่ได้พวกเขาช่วยล่ะก็แย่แน่เลย
ดีที่ตอนทะเลาะกันไม่ได้มีเรื่องมีราวใหญ่โต
ไม่งั้นนะชั้นชวด A แหง ๆ
เฮ้อ...พูดไปแล้วก็คิดถึงเนอะ”
เสียงหวานกึ่งแมนบอกแทนความในใจที่ปลายฟ้ากำลังคิดอยู่
จริงด้วย...
นึก ๆ ไปแล้วตั้งแต่เปิดเทอมมายังไม่ได้เจอพวกนั้นอีกเลย
แต่ก็แน่ล่ะครับ เรียนกันคนละคณะมันจะไปเจอกันได้ง่าย ๆ ที่ไหน
ปกติถ้าไม่ใช่เพราะต้องติดต่อธุระเรื่องค่ายก็ไม่เคยเจอหน้ากันอยู่แล้ว
เลยคล้ายกับว่าอีกฝ่ายหายกันไปจากกันและกันในชีวิต
น่าเสียดายทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะได้เจอเพื่อนใหม่ ๆ แล้วแท้ ๆ ฮึก....
คนบ่อน้ำตาตื้นสูดน้ำมูกสะอื้น
มือวางตะเกียบชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเอง
เหมือนคนหมดอารมณ์กินเพราะกำลังเศร้า
...แต่ไม่ใช่ครับ
ไอ้ที่วางตะเกียบทำท่าคล้ายจะร้องไห้เนี่ย
...เพราะแม่งกูเผ็ด!
เล็กต้มยำบ้าอะไรวะ!!
...เผ็ดฉิบหายเลยครับ
เมื่อกี๊ตั้งใจจะไปซื้อน้ำแต่คนมันเยอะ
เลยกะว่าจะรอกินเสร็จก่อน
แต่ตอนนี้คงรอไม่ไหวแล้ว
เผ็ดจนน้ำมูกไหล แสบคอไปหมดแล้ว
...แม่ค้าแม่งเอาโคตรพริกนรกทองแดงอะไรมาใส่วะเนี่ยย!!
“ไปซื้อน้ำก่อนนะ”
คนเผ็ดลิ้นชาลุกขึ้นบอกคนบนโต๊ะ
ซึ่งได้รับคำตอบมาเป็นการพยักหน้าส่ง ๆ
แต่ไม่มีใครคิดจะลุกไปเป็นเพื่อนอย่างเช่นทุกที
ด้วยรู้ดีอยู่แล้วว่าขืนรอให้พ่อเต่าน้อยประจำกลุ่มเลือกซื้อน้ำเสร็จคงไม่ต้องกินข้าวกันพอดี
อีกอย่างตอนนี้ทุกคนกำลังสาละวนอยู่กับการเช็คเกรดวิชาจริยศาสตร์ของตัวเองด้วย
นายปลายฟ้าจึงเดินแยกออกมาต่อแถวซื้อน้ำเพียงลำพัง
และก็แบบเดิม...
ด้วยนิสัยเดิม ๆ ที่เจ้าตัวจะต้องมายืนต่อแถว
พลางมองโหลน้ำหลากสีอย่างลังเล
...เอาอะไรดีวะ
น้ำแบบไหนที่มันใช้แก้เผ็ดได้
...น้ำเปล่าไงดีมั้ย?
ง่าย ๆ เบสิก ไม่ต้องคิดมาก
เฮ้ย... แต่จะดีเหรอวะ
อุตส่าห์มาต่อคิวซื้อทั้งที่อยากได้น้ำอะไรที่มีรสมีชาติหน่อย
...งั้นกาแฟล่ะ?
มีรสชาติแน่ทั้งหวานทั้งขม
เออ...แล้วมันจะเข้ากับไอ้เล็กต้มยำที่เหลืออยู่รึเปล่า
กินด้วยกันรสไม่ตีกันมัวเหรอ
เขาอยากได้อะไรหวาน ๆ ซ่า ๆ มากกว่า
...ถ้าแบบนี้ก็ต้อง est เลยดิ ซ่าสะใจแน่
เดี๋ยว... แต่ว่ามันไม่หวานเลยนี่หว่า
คราวก่อนแย่งไอ้เกมส์มาดูดที
ซ่าบาดคอสำลักจนขึ้นจมูกเลยจำไม่ได้เหรอ
อืม... ถ้างั้น....
คนช่างเลือกยังคงเถียงตัวเองไปมาในใจ
กระทั่งกระเถิบมายืนสถิตกลายเป็นหัวแถว
ทว่าปลายฟ้ากลับไม่ละความพยายาม
ยืนนิ่งคิดอีกหลายวินาทีโดยยังไม่ร้องสั่ง
...หรือว่าจะกินโค้กดี
ซ่าเหมือนกัน หวานหน่อย ๆ ด้วย
แก้เผ็ดได้ดีเลย แถมเข้ากับเล็กต้มยำอีกต่างหาก
เออ...งั้นเอานี่แหละ
ในที่สุด คนช่างเลือกก็คล้ายจะตัดใจได้
จึงรีบเงยหน้าขึ้นบอกไปตามความคิดทันที
“ป้าครับผมขอ...”
“ป้าผมขอเขียวโซดา แล้วเอาให้คนนี้เหมือนผมด้วยนะครับ”
ห่ะ...
อะไรวะ...
ใครสั่งเขียวโซดา
เขาไม่ได้สั่งนะ
...แต่เดี๋ยว
...ไอ้เหตุการณ์แบบนี้มันคุ้น ๆ
เหมือนเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
และไอ้คนที่ชอบสั่งตัดหน้า
เป็นตัวเสือกเขาอยู่เรื่อย
...มีเพียงคนเดียว
ปลายฟ้ารีบหันไปมองคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังตัวเองทันที
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวแทน ใส่ช็อปวิศวะ ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉยไม่บอกอารมณ์
มีเพียงแววตาคมดุที่คล้ายจะอ่อนลงเหมือนรู้สึกยินดีที่ได้พบกับคนคุ้นเคย
“อ่ะ ของปลาย เงินไม่ต้อง เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”
คมสันถือแก้วยื่นส่งให้อีกฝ่ายซึ่งกำลังมีท่าทีงง ๆ
ก่อนจะดันหลังให้เดินออกไปนอกแถว
พร้อมกับคำอธิบายถึงที่มาที่ไป
“เห็นมองอยู่นานไม่ซื้อ
กลัวคนต่อแถวคนอื่นข้างหลังจะว่าปลาย
เราเลยเลือกให้ก่อน”
อ๋อ...แบบนี้นี่เอง
คนฟังพยักหน้าเข้าใจ
พลางเหลือบตาไปมองแถวซื้อน้ำยาวเหยียดที่ตัวเองเพิ่งเดินผละจากมา
โดยมีใครหลายคนแอบส่งสายตาตำหนิมาให้เล็กน้อย
...เออว่ะ เขาก็ลืมไปเลยว่าตัวเองมีคนต่อแถวอยู่ข้างหลังอีกเยอะ
มัวแต่คิดช้าคิดนาน จนไม่ทันรู้ตัว
ถ้าไม่ใช่เพราะโดนทักแล้วดึงออกจากแถวก่อน
มีหวังต้องมีใครสักคนตะโกนด่ามาแน่
นึกแล้วก็โทษความชักช้าอืดอาดของตัวเอง
ที่บางครั้งมันดันสร้างความลำบากให้กับคนอื่นเหมือนกัน
ดีที่ได้คมมาช่วยเตือนไว้ก่อน
...ช่วยเตือน?
น่าแปลก...
ที่คราวนี้เขาคิดว่าความหวังดีจากคมไม่ใช่การ ‘เสือก’
แต่มันมาเพื่อ ‘ช่วย’ เขาจริง ๆ ต่างหาก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้จักกันมากขึ้นหรือเพราะเหตุผลอะไร
แต่ที่แน่ ๆ ปลายฟ้านึกแปลกใจกับความคิดที่เปลี่ยนไปของตัวเอง
กระนั้นสิ่งเหล่านี้กลับเป็นเรื่องที่อยู่ในใจโดยที่ใครอีกคนไม่รับรู้
จึงทำให้ร่างสูงเริ่มอึกอักเดาไปเองว่าคนนิ่งเงียบอยู่นานจะไม่พอใจ
คมสันเลยตัดสินใจเอ่ยถามทำลายความเงียบ
“คือ...เรามาเสือกอีกรึเปล่า
ปลายไม่ชอบเขียวโซดาเหรอ
เราไปซื้อให้ใหม่ก็ได้นะ”
ปลายฟ้าสะดุ้งก้มลงมองแก้วน้ำในมือ
เพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่ถืออยู่ไม่ใช่โค้กอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ว่าอยากกิน
แต่อย่างน้อยเขียวโซดา มันก็ทั้งหวาน ทั้งซ่า คงพอแทนกันได้
เขาเลยตอบคำกลับไปตะกุกตะกัก
“มะ...ไม่ต้องหรอก เรากินได้...
เออ...ขอบใจนะ”
...คำพูดจบลงพร้อมกับที่ต่างคนต่างเงียบ
ปล่อยบทสนทนาให้ว่างเปล่าเหมือนต่อประโยคไปไม่ถูก
...ก็แล้วจะให้คุยอะไรล่ะวะ
คนไม่ได้สนิทกันมากมาย
แถมไม่เจอหน้ากันมาเป็นเดือน ๆ
ไอ้เขาก็ไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว
ทักทายพอเป็นพิธีแค่นี้ก็ควรจะจบแยกย้ายกันไป
แค่นั้น...
แค่นั้น...
ละ...แล้วทำไมมันถึงไม่ไปสักทีล่ะวะ
ละ...
และที่สำคัญ....
...มันยังจะมายืนจ้องเขาอยู่ได้
เฮ้ยยย...บ้ารึเปล่า จะจ้องทำไมเนี่ย
เขามีอะไรให้น่ามองรึไง
เอ้า! ยังไม่เลิกมองอีก
...มะ...มาจ้องนาน ๆ บะ...แบบนี้
กะ...
...กูก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะโว้ยยยย!!
เป็นครั้งแรกที่ปลายฟ้ายอมแพ้
เบือนหลบหันหนีนัยน์ตาคมไปดื้อ ๆ
พร้อมกับอาการหน้าร้อนวูบ ๆ
ซึ่งแม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร
รู้แต่ว่ามันทำตัวไม่ถูกขัด ๆ เขิน ๆ แปลก ๆ
และก่อนที่ความเงียบจะปกคลุมคนสองคนไปมากกว่านี้
กลับมีเจ้าชายขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์
ด้วยเสียงตะโกนถามพร้อมกับหน้าหล่อ ๆ ที่เดินนำเข้ามา
“เฮ้ย! ไอ้คม กูหาแล้วไม่มีที่นั่งเลยว่ะ
อ้าว...ปลายไม่ใช่เหรอครับเนี่ย
เป็นไงบ้างครับไม่ได้เจอตั้งนาน”
พ่อเทพบุตรเดือนคณะวิศวะเปลี่ยนเป็นโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์ทันที
เมื่อเห็นเพื่อนซี้ตัวเองยืนอยู่กับคนคุ้นตา
ซึ่งปลายฟ้าก็รีบหันไปตอบคำทัก
“เราสบายดี ดิวล่ะ”
“ผมน่ะดีอยู่แล้วครับ แต่ตอนนี้ท่าจะแย่
ว่าจะมากินข้าวเที่ยงแล้วรีบไปเรียนสักหน่อย
แต่ยังหาที่นั่งไม่ได้เลย”
เขามองคนพูดบ่นที่ถือจานข้าวไว้สองจาน
เดาว่าจานหนึ่งคงเป็นของคนที่เพิ่งซื้อน้ำมาให้
แต่เจ้าตัวคงจะยังหาที่นั่งทานไม่ได้
ก็ไม่น่าแปลกหรอก...
ตอนเที่ยงตรงแบบนี้ใคร ๆ ก็แห่มากินข้าว
คนหลายร้อยจากต่างคณะ ถูกปล่อยจากคลาสพร้อมกันด้วยความหิว
ทำให้โต๊ะโรงอาหารมหาลัยไม่เคยเพียงพอต่อจำนวนนักศึกษาเสียที
โชคดีที่วันนี้ชั้นเรียนเด็กเภสัชปล่อยเร็วกว่ากำหนดห้านาที
กลุ่มของปลายฟ้าจึงสามารถจับจองโต๊ะอาหารได้ก่อนมันจะเต็ม
เออ นั้นสิ...
ถ้างั้นไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว
ทำไมไม่มานั่งโต๊ะเดียวกันกับพวกเขาเลยล่ะ
...สมองคิดไปปากก็พูดเอ่ยชวนอัตโนมัติ
“มานั่งกับเรามั้ย
พอดีกลุ่มเรานั่งเป็นโต๊ะยาว
คงพอเบียด ๆ กันได้”
คนฟังรีบหันมาทำตาโต
แต่ก็ยังไม่วายถามอย่างลังเล
“จริงเหรอครับ เออ...แต่เดี๋ยวผมมีเพื่อนอีกสองคนตามมาด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร ก็ยังดีกว่าให้พวกดิวยืนกินข้าวกัน”
แค่นึกภาพผู้ชายตัวโตสี่คนยืนกินข้าวโดยไม่มีที่นั่งมันคงตลกพิลึก
คนชวนเลยเดินถือแก้วเขียวโซดากลับมายังโต๊ะไม้ยาวที่อยู่เกือบท้ายสุดของโรงอาหาร
ซึ่งมีสมาชิกเภสัชนั่งกันอยู่แล้วหกคน
และพอสาวสวยสุดในกลุ่มเห็นว่าผู้ติดสอยหอยตามเพื่อนเป็นใคร
ก็รีบส่งเสียงทักหวานหูขึ้นมาทันที
“ว๊ายย!! นึกว่าหนุ่มหล่อที่ไหนเดินตามพ่อเต่าน้อยมา
ที่แท้ดิวกับคมนี่เอง แหม...เมื่อกี๊ยังบ่นคิดถึงอยู่เลย
แสดงว่าแรงคิดถึงของบอลล่าเยอะจริงไรจริงถึงออกมาเจอกันตัวเป็น ๆ”
คำทักทายอย่างเป็นมิตรเรียกให้ทุกคนเงยหน้ามองผู้มาเยือน
ซึ่งหนุ่มหล่อก็ส่งยิ้มตอบกลับพร้อมด้วยคำหยอด
“ผมเองก็คิดถึงเหมือนกัน
เลยว่าจะมาขอนั่งทานข้าวด้วยคนได้มั้ยครับ”
ไม่ต้องรอฟังคำอนุญาต
เพราะคนพูดจริงคิดทำจริง
ทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามไอ้เกมส์ไปเรียบร้อย
เล่นเอาคนที่กำลังกินข้าวมันไก่อยู่ถึงกับสะดุ้ง
ชนิดไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคำพูด ‘คิดถึง’ ดิวตั้งใจส่งมันถึงใคร
“แล้วนี่เกรดวิชาที่ไปเข้าค่ายออกกันรึยังครับ”
พ่อเทพบุตรถามคนตรงข้ามต่อ
แต่ดูเหมือนอาการเดิมของไอ้เกมส์จะกำเริบ
เพราะมันดันปิดปากเงียบใบ้แดกไปแล้ว
ได้แต่ก้มหน้าเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ โดยไม่สนใจจะตอบรับกลับใด ๆ
จนทำให้บอลล่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันต้องเปิดฝ่ายต่อบทสนทนาเอง
“อุ๊ย! เกรดเพิ่งออกเมื่อกี๊นี่เองค่ะ
ได้เอแอนด์มดกันครบเลย
นี่ต้องขอบคุณพวกดิวด้วยนะเนี่ย
ถ้าไม่งั้นมีหวังได้ปลาไปเลี้ยงกันทั้งฝูง”
“ไม่เห็นต้องขอบคุณเลย พวกผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย
ถ้าจะขอบคุณต้องเป็นฝ่ายพวกผมต่างหากที่ได้กลุ่มเภสัชมาช่วย
เออ...จริงด้วย พูดถึงคณะเภสัช
เพื่อนผมมีเรื่องจะคุยด้วยพอดี
เฮ้ย!!...ไอ้บีม ทางนี้ ๆ”
ดิวตะโกนโบกมือเรียกให้เพื่อนอีกสองคน
ที่เดินถือชามก๋วยเตี๋ยวเหมือนกำลังมองหาที่นั่ง
ปลายฟ้าจำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือเหรัญญิกประจำค่ายคนที่เคยเกือบจะมีเรื่อง
ส่วนอีกคนก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นคนที่เคยไปค่ายวิศวะอาสาด้วยกัน
ทุกคนจึงพยายามขยับเบียดเข้าหากันเพื่อเว้นที่ว่าง
ให้ผู้ชายตัวใหญ่ ๆ เกือบสิบคนได้นั่งบนโต๊ะเดียวกัน
ก่อนดิวจะเป็นคนเริ่มต้นแนะนำคนมาใหม่
“นี่ ‘บีม’ กับ ‘ไปป์’ ที่เคยไปเข้าค่ายด้วยกันจำกันได้ใช่มั้ยครับ”
...จำไม่ได้ก็แปลกแล้ว
โดยเฉพาะปลายฟ้าที่โดนสีทาบ้านสาดใส่ขนาดนั้น
แต่ในเมื่อเรื่องมันจบด้วยดีเขาก็ไม่อยากรื้อฟื้น
ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังคงติดใจในความผิด
จึงทำให้ดิวหันไปสะกิดเรียกความจำจากเพื่อนที่เคยบ่นไว้
“คือ...ไอ้บีมมันเคยพูดก่อนหน้านี้น่ะครับ
เรื่องที่เคยทะเลาะกัน มันอยากจะขอโอกาสเคลียร์ความเข้าใจ”
“หืม ไม่ต้องเคลียร์อะไรกันก็ได้นี่
เรื่องนั้นมันต่างคนต่างเข้าใจผิด
แต่ตอนนี้เราทุกคนโอเคกันหมดแล้ว”
บอลล่าขมวดคิ้วตอบอย่างงง ๆ เช่นเดียวกับปลายฟ้า
...ก็นึกว่าไม่ติดใจเอาความกันตั้งแต่จบเรื่องคราวนั้น
นี่ค่ายผ่านมาตั้งนานแล้วยังจะมาอยากเคลียร์อะไรอีก
แต่บีมกลับเป็นฝ่ายตั้งต้นอธิบายเสียเอง
“คืองี้ ตั้งแต่มีเรื่อง เราเคยมาคิด ๆ ดูว่า
คณะเภสัชกับวิศวะมันไม่ค่อยได้สนิทกันเท่าไรจริงมั้ย
เราเลยอยากชวนพวกนายมาทำกิจกรรมกระชับมิตรด้วยกัน
แบบเตะบอลอะไรเงี้ย เอาเฉพาะปีสามรุ่นเดียวกันนี่แหละ แข่งกันเองง่าย ๆ
พวกนายว่าไง พอจะว่างชวนคนมาได้บ้างมั้ย”
อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง
เออ จะว่าไปไอ้กิจกรรมกระชับมิตรระหว่างคณะมันก็น่าสนใจดี
ถือเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของศิษย์มหาลัยเดียวกัน
แถมยังเป็นการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่
เหมือนตอนที่พวกเขาได้ไปเข้าค่ายอาสาด้วย
ทุกคนในกลุ่มเด็กเภสัชหันมองหน้ากันคล้ายถามความเห็น
ก่อนบอลล่าจะพยักหน้ารับเป็นคนออกปากตกลง
“โอเคได้ค่า เดี๋ยวบอลล่ารับเป็นแม่งานเอง
ไว้จะชวนสาว ๆ เภสัชมาให้เพียบเลย
แล้วดิวอย่าลืมชวนหนุ่มวิศวะมาให้เยอะๆ นะจ๊ะ คิกคิก”
เออ...นี่เจ๊เค้าเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า
มันงานเตะบอลนะครับ ไม่ใช่งานนัดบอด
ถึงได้หัวเราะคิกคักเหมือนชวนกันออกมาหาคู่ชู้ชื่นอย่างนั้น
แต่ยังไม่ทันที่ใครจะแย้งอะไรออกมา
ไอ้เกมส์มันกลับรีบลุกพรวด
รีบเก็บจานชามแก้วน้ำพลางพูดส่ง ๆ
“เฮ้ย...กูไปก่อนนะ ต้องรีบไปช่วยอาจารย์เตรียมของเข้าแล๊บกับไอ้ปลาย”
อ้าว...เตรียมไรวะกูไม่เห็นรู้เรื่อง
คนถูกเอาชื่อไปเอี่ยวทำหน้ามึน แต่คนชักช้าก็ยังคงเป็นคนชักช้า
เพราะกว่าจะรู้ตัวเพื่อนรักมันดันกวาดชามเล็กต้มยำของเขาที่กินยังไม่หมดเก็บไปด้วย
เหลือแต่แก้วน้ำเขียวโซดาที่ถือติดมือมาทัน
ก่อนไอ้เกมส์จะจัดการลากแขนเขาออกไปให้พ้นวงข้าวที่กำลังนั่งกินกันอย่างงง ๆ
“เอ๊ะ! อาจารย์ให้มันไปช่วยเตรียมของเข้าแล๊บด้วยเหรอ
ไม่เห็นเคยได้ยินเลยอ่ะ ชั้นพลาดอะไรไปรึเปล่าเนี่ย”
บอลล่ากระพริบตาปริบหันไปถามเพื่อนในกลุ่ม
ซึ่งทุกคนก็ได้แต่ส่ายหน้าทำนองไม่รู้ไม่เห็น
ยกเว้นแต่ดิวที่อมยิ้มบางเหมือนคนรู้ทัน
กับคมสันที่ได้แต่จ้องมองคนที่ถูกลากออกไปดื้อ ๆ
พลางหวนคิดถึงการกระทำของตนเองก่อนหน้านี้
...ไม่รู้ว่าปลายฟ้าจะโกรธเขารึเปล่า
เห็นเงียบ ๆ ไม่ค่อยหันมามองเขาเท่าไร
อย่างตอนซื้อน้ำให้ก็เหมือนกัน
ทุกทีถ้าเขาพูดอะไรออกไป
อีกฝ่ายก็ต้องจ้องตอบกลับมาตรง ๆ
แต่คราวนี้ดวงตากลมโตใสแจ๋วนั้นกลับหลบมอง
แถมยังทำท่าทางอึกอักแปลก ๆ
...แล้วถ้าสังเกตไม่ผิด
เขาเห็นว่าใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นขึ้นสีแดงเรื่อหน่อย ๆ ด้วย
ตกลงเลยไม่รู้ว่าปลายฟ้าโกรธที่เขาไปช่วยเลือกน้ำให้
หรือจะรู้สึกยังไงกันแน่เพราะไม่มีโอกาสได้ถาม
แต่ถ้ามันเป็นอาการโกรธจริง ๆ
จะผิดมั้ยถ้าเขาอยากบอกว่า
...ปลายฟ้าช่างโกรธได้ ‘น่ารัก’
ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็อยากจะทำให้โกรธอีกบ่อย ๆ
อยากจะเห็นสีหน้าท่าทางหลาย ๆ อย่างของคนคนนี้
คนที่ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นเดือน
แต่พอเจอกันแป๊บเดียว
กลับวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดจนเต็มสมอง
นึกไปแล้วก็ให้ประหลาดใจตัวเอง
เออ...สงสัยเขาคงกำลังเมา
...เมาไอ้น้ำที่กินอยู่เนี่ยแหละ
ไม่รู้ว่าคนที่ได้รับไปอีกแก้วจะเมาเหมือนกันมั้ย
วันหลังจะได้เลี่ยงสั่งน้ำอย่างอื่นให้แทน
จะได้ไม่ต้องมามัวคิดถึงกันจนฟุ้งซ่าน
เหมือนอย่างตอนนี้ที่เขากำลังเมา...
...เมาน้ำเขียวโซดา
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
กลับมาแล้วจ้า คิดถึงกันบ้างมั้ย (กริบ...) 
มาเสิร์ฟตอนหวาน ๆ ให้พอยิ้ม ๆ
เดี๋ยวนี้เต่าน้อยเขาเริ่มพัฒนาแล้วนะเฟร้ยย!! 
แม้จะเป็นไปด้วยสปีดเต่า ๆ เหมือนเช่นเคยก็ตาม
ยังไงก็มาช่วยกันเชียร์ ช่วยกันดันพ่อเต่าน้อยให้ไปถึงเส้นชัยกันด้วยนะจ๊ะ
แล้วเจอกันตอนหน้าจ้า จุ๊บ ๆ
BitterSweet