ซีรีย์หวานอมขม : ภาค Sex on the Beach กับ Whisky on the Rocksช็อตที่ 9สิ่งแรกที่ได้เห็น...
...หลอดไฟ
ส่วนเสียงแรกที่ได้ยินคือ..
...เสียงกวน ๆ ของใครคนหนึ่ง
“ไง ตื่นได้สักทีนะมึง
กูกะเตรียมกินข้าวต้มปลางานมึงเต็มที่แล้วนะเนี่ย”
คนที่พูดจาชวนกระทืบแบบนี้ไม่ใช่ใครอื่น
นอกจากไอ้เผือกเพื่อนรักปากหมา
บินหันมองคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เตียงพลางร้องถามอย่างงง ๆ
“ที่นี่ที่ไหนวะ”
“โรงบาล มึงเป็นไข้เลือดออก”
...ชัดแจ้ง
ยิ่งเห็นสายน้ำเกลือระโยงรยางค์กับแขนขวา
ก็ยิ่งเป็นหลักฐานประกอบคำพูดโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่ม
...เป็นไข้เลือดออกเหรอ
มิน่าล่ะถึงปวดหัวตั้งแต่เช้า
นึกว่าเป็นเพราะนอนตากน้ำค้างซะอีก
แม่งเมื่อคืนกูอุตส่าห์บริจาคเลือดให้เผ่าพันธุ์มึงไปตั้งเยอะตอบแทนกันมาแบบนี้เหรอวะ
เซ็งฉิบหาย!
แต่จะไปคิดโทษยุงบนดาดฟ้าหออย่างเดียวก็ไม่ได้
ไอ้ไข้เลือดออกมันต้องใช้เวลาเพาะเชื้อ
กว่าจะแสดงอาการก็ต้องสามสี่วัน
...สรุปแล้วเวรกรรมของกูเอง
เฮ้อ...มันอะไรกันหนักหนาวะ
เบญจเพสก็ยังอีกตั้งสองปี
แต่ดวงดันรีบส่งให้กูซวยล่วงหน้ามาก่อนเลย
ไหนจะต้องรับเคราะห์เจ็บป่วย
แล้วยังจะต้องมาปวดหัวจากเรื่องบ้าบอก่อนหน้านี่อีก
เออ พูดถึงเรื่องบ้า ๆ แล้วก็นึกขึ้นได้
ไอ้ยักษ์หน้ามึนมันหายหัวไปไหนวะ
จำได้ว่าครั้งสุดท้ายก็อยู่ด้วยกันนี่หว่า
“เฮ้ย เผือก เห็นไอ้พี่ศรบ้างเปล่าวะ”
คนสงสัยหลุดปากถามออกไปอย่างยั้งไม่ทัน
แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองจะถามไปทำไม
แต่ไม่ทันแล้ว
เพราะคนฟังส่งเสียงเป่าปากกิ๊วก๊าวพร้อมคำแซว
“โห...ตื่นมาก็คิดถึงแฟนเลยนะมึง”
“เหี้ย!! ไม่ใช่โว้ยย!!
กูแค่จำได้ว่าก่อนวูบไปกูอยู่กับเขา
แล้วตอนนี้กูมานอนอยู่ในโรงบาลได้ไง”
คนถูกแหย่รีบอธิบายแถมคำสบถด่าไปด้วย
ซึ่งพอเพื่อนรักได้ยินคำถาม
เจ้าตัวก็ไม่รอช้ารีบพรั่งพรูเรื่องราวทั้งหมดออกมาด้วยน้ำเสียงตื้นเต้น
กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ
“โหยยย...มึงเอ้ยยย...
กูไม่อยากจะเล่า
มึงรู้มั้ยพี่ศรโคตรทำกูตกใจตอนอุ้มมึงลงมา
พี่แกโวยวายซะเหมือนมึงโดนยิง
พอรู้ว่ามึงตัวร้อนจนเป็นลม
กูเลยรีบตามออกไปช่วยพามึงขึ้นรถด้วย
แล้วกูก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละว่าพี่ศรโคตรรวยฉิบหาย
รถบีเอ็มแม่งอย่างหรู แต่เหยียบเร็วซะกูหัวใจจะวายตาย
ไม่พอนะมึง มาถึงโรงบาลปุ๊บ
พี่แกก็อุ้มมึงตรงดิ่งเข้าห้องฉุกเฉิน
ไม่ฟังหมอพยาบาลอะไรเลย
บอกอย่างเดียวว่ามึงตัวร้อนมากกลัวมึงช็อค
หมอเลยให้น้ำเกลือฉีดยาลดไข้
แล้วก็เจาะเลือดมึงไปตรวจ พอรู้ว่ามึงเป็นไข้เลือดออก
พี่ศรเลยจัดการแอดมินเข้าห้องพิเศษ
นี่ก็เพิ่งออกไปเคลียร์ค่ารักษาให้มึง
อีกสักพักก็คงกลับมาแล้วมั้ง
แต่แม่งกูไม่อยากจะคุยเลยวะ
ว่าตอนที่พี่ศรเขาอุ้มมึงไปร้องโวยวายกับหมอ
โคตรเท่อ่ะ เขาตามดูมึงไม่ห่างเลยนะ
แล้วก็ยังจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย
กูเนี่ยดิ ยืนเอ๋อ ยังงงกับมึงอยู่เลย
เห็นแล้วอิจฉาวะ มึงได้แฟนดีจริง ๆ ”
บินได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ
ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อหู
ก็แน่ล่ะ...
บินคงไม่รู้หรอกว่า
ไกรศรเป็นถึงประธานคณะสมัยเรียนมหาลัย
ถนัดกับการจัดการเรื่องพวกนี้ได้รวดเร็วแค่ไหน
มีสปิริตภาวะความเป็นผู้นำสูงลิ่ว
จนเป็นที่เคารพชื่นชมของน้อง ๆ ทุก ๆ คน
ก็คงมีแต่เรื่องความรักเรื่องเดียวเท่านั้น
ที่ดูเหมือนลูกผู้ชายอย่างไกรศรจะสอบตกทุกที
แอ๊ดดด...
เสียงเปิดประตูห้องพร้อมกับที่ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเดินเข้ามา
และเมื่อเห็นว่าคนนอนอยู่ฟื้นแล้ว
ไกรศรจึงรีบพุ่งตรงมาดูอาการพลางเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“บินตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง
ยังมีไข้อยู่มั้ย ปวดหัวรึเปล่า
เดี๋ยวพี่เรียกพยาบาลมาให้นะ”
ยังไม่ทันที่คนป่วยจะได้พูดตอบอะไร
ร่างใหญ่ก็จัดการกดปุ่มเรียกพยาบาลให้มาวัดความดันและวัดไข้เสร็จสรรพ
ซึ่งผลปรากฏว่ายังมีไข้สูงอยู่เกือบ 40 องศา
เป็นไปตามอาการของโรคไข้เลือดออกที่จะยังต้องทรง ๆ อยู่แบบนี้อีกสามสี่วัน
โดยระหว่างนี้เขาจำเป็นจะต้องนอนในโรงพยาบาลเพื่อคอยเช็คดูอาการตลอด
เพราะโรคนี้ไม่มียารักษานอกจากปล่อยให้หายเอง
นี่หมายความว่าเขาจะต้องนอนง่าวอยู่เฉย ๆ ในโรงพยาบาลเกือบอาทิตย์เลยเหรอวะ!
“งั้นกูกลับไปร้านก่อนนะ”
เผือกร้องบอกหลังจากที่นางพยาบาลเช็คร่างกายให้บินเรียบร้อย
และเห็นว่าเพื่อนตัวเองมีคนมาดูแลแทนแล้ว
ลูกชายเจ้าของร้านดนตรีจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่
แถมยังต้องกลับไปเคลียร์ตารางสอนแทนคลาสที่คุณครูป่วยด้วย
“ให้พี่ไปส่งมั้ย”
ไกรศรรีบถามขึ้นด้วยความหวังดี
แต่หนุ่มตี๋กลับปฏิเสธเพราะไม่อยากขัดเวลาของคนเป็นแฟนกัน
“ไม่ต้องหรอกครับ
เดี๋ยวผมนั่งวินกลับเองก็ได้
เฮ้ย! เดี๋ยวตอนเย็น ๆ กูมาหาอีกรอบนะ”
ท้ายประโยคตะโกนบอกคนนอนบนเตียง
ก่อนจะเดินออกนอกห้องไป
โดยทิ้งคนอีกสองคนไว้ตามลำพัง
...สิ้นเสียงปิดประตูห้อง
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ
บรรยากาศความอึดอัดเริ่มครอบคลุม
บินตะแคงพลิกตัวหันหน้าหนีไปอีกทาง
บอกไม่ถูกว่าควรจะทำตัวยังไง
ก็ดันไปเสียฟอร์มเป็นลมต่อหน้าคนที่กำลังโกรธอยู่ซะได้
จะว่าโมโหก็โมโหอยู่หรอก
แต่มันอุตส่าห์พาเขามาโรงพยาบาล
ไม่รู้ว่าทำไปเพราะสำนึกผิดหรือเพราะอะไร
แต่จะไม่ขอบคุณเลยเดี๋ยวจะหาว่าแล้งน้ำใจอีก
ไอ้ครั้นจะพูดก็กระดากปากยังไงไม่รู้
เอาไงดีวะ ไข้แดกแบบนี้หัวตันไปหมด
แม่งคิดไม่ออกโว้ยยย!!
กูนอนเลยล่ะกัน
คนสับสนรีบปิดเปลือกตาลงหลังได้ข้อสรุปกับตัวเอง
ทว่า ยังไม่ทันได้นอนสมใจเขากลับได้ยินเสียงเรียกเบา ๆ
“บิน...”
“บิน...หลับแล้วเหรอ”
เจ้าของชื่อยังคงนอนนิ่งไม่หือไม่อือ
กระนั้น คนมองคงจะพอเดาได้ถึงอาการแกล้งทำเป็นหลับปุบปับของเขา
จึงส่งเสียงถามคำออกมาอีกเรื่อย ๆ
“บินคุยกันก่อนได้มั้ย อย่าเงียบแบบนี้เลย
พี่ขอโทษจริง ๆ ยังไม่หายโกรธพี่อีกเหรอ”
“..............”
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
คนป่วยยังคงหลับตานอนตะแคงหันข้างนิ่งไม่กระดุกกระดิก
กระทั้งได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจเบา ๆ
ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ออกห่าง
และเสียงปิดประตูห้องตามมาอย่างเงียบ ๆ
จนทำให้คนแกล้งหลับต้องรีบยันตัวหันไปมอง
ก่อนจะพบแค่เพียงความว่างเปล่าในห้อง
อ้าว...
ไหงออกไปเร็วจังวะ
นึกว่าจะง้อนานกว่านี้อีกหน่อย
คนอะไรแม่งไม่มีความอดทนเลย
เอ๊ะ แล้วนี่กูจะไปสนใจมันทำไม
ไปได้ซะก็ดี กูรำคาญจะแย่อยู่แล้ว
คนอย่างมันก็แบบนี้แหละ
นึกอยากทำอะไรก็ทำ
พอเบื่อปุ๊บแม่งก็เลิก
ไม่สนว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง
หึ เอากูมาแทนที่แฟนเก่า
คงไม่มีใครบ้าคิดได้เหมือนมันแล้ว
ทำแบบนี้แล้วหวังว่าจะช่วยบรรเทาอาการอกหัก
ประสาทรึเปล่า!
ขนาดกูยังไม่มีแฟนยังรู้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้
เฮ้อ...ไม่รู้จะสงสารหรือสมเพชมันดี
แต่ตอนนี้สมเพชตัวเองว่ะ
ที่เสือกต้องไปพัวพันกับเรื่องบ้า ๆ ของมันซะได้
เพราะฉะนั้นตอนนี้มันจะหายหัวไปไหนก็ช่างมันเหอะ
กูจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรกับปัญหาของมันอีกต่อไปละ...แล้ว...
แอ๊ดดด...
เสียงเปิดประตูขัดความคิดของคนที่ยังคงนั่งพิงหัวเตียง
และเมื่อมองเห็นว่าใครเดินเข้ามา
เจ้าตัวก็ต้องรีบล้มตัวนอนหันตะแคงข้างในท่าเดิมก่อนหน้าทันที
เพราะไม่คาดคิดว่าอยู่ ๆ คนที่เพิ่งเดินออกไปจะกลับเข้ามาอย่างรวดเร็วขนาดนี้
บินแกล้งทำเป็นนอนหลับตานิ่ง
แม้จะรู้ดีว่าตัวเองแอบพลาดให้อีกฝ่ายเห็น
แต่ก็นั้นแหละ
ตราบใดที่เขาไม่คุยด้วย มันจะไปทำอะไรได้
เขาตัดสินใจนอนอยู่แบบนั้น
ปล่อยให้เสียงลากเก้าอี้มาใกล้ ๆ เตียงดังผ่านเข้าหู
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงบางอย่าง...
...เสียงที่ทำให้ความคิดของเขาต้องสะดุดนิ่ง
...กีตาร์
...และคำร้อง
“บอกตรงๆ ว่าฉันก็เสียใจ
ที่ทำให้เราต้องทะเลาะกัน
ไม่ว่าด้วยเหตุผลนั้นคืออะไร
คนผิดคือฉันไม่ใช่เธอ
อย่าร้อง... อย่าร้องไห้เลยเธอ
หันหน้ามาคุยกันก่อน ดีไหม
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
ไม่ตั้งใจจะ ทำร้ายเธอ
แต่ก็เผลอทำเธอร้องไห้
ฉันไม่ได้ความจริงๆ ที่รัก
คนผิดคือฉันไม่ใช่เธอ
อย่าร้อง... อย่าร้องไห้เลยเธอ
หันหน้ามาคุยกันก่อน ดีไหม
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
...ฉันขอโทษ”
เสียงกีตาร์และเสียงร้องเพลงทุ้ม ๆ หยุดลงเมื่อบรรเลงจนถึงคอร์ดสุดท้าย
และคล้ายจะเป็นจุดสิ้นสุดความอดทนของคนฟัง
ซึ่งรีบยันกายลุกขึ้นหันมาถามคนที่นั่งถือกีตาร์โปร่งข้าง ๆ เตียงอย่างเอาเรื่อง
“มึงทำอะไรเนี่ย”
“ง้อบินไง”
“ง้อเหี้ยอะไร
นี่โรงบาลนะ เสียงดังแบบนี้เดี๋ยวก็โดนด่าหรอก”
บินโวยวายกลับอย่างหัวเสีย
แม่ง ใช้มุขกีตาร์เล่นเพลงง้อ
เท่ตายห่าล่ะมึง แต่หัดดูกาลเทศะบ้างสิวะ
นี่อยู่ในโรงพยาบาลนะโว้ย
ถึงจะเป็นห้องเดี่ยวก็เถอะ
เดี๋ยวเสียงกีตาร์ไปรบกวนคนอื่นขึ้นมาจะทำยังไง
ชอบทำตามใจตัวเองอยู่เรื่อง
แล้วเมื่อไรจะหัดนึกถึงใจคนอื่นเขาสักทีวะ!!
ในใจด่าไปเป็นกระบวน
แต่คู่สนทนากลับยังตีสีหน้าระรื่นร้องถามแบบเหมารวม
“งั้นหมายความว่าบินหายโกรธแล้วเหรอ”
อ้าว...ยังไม่สำนึกอีก
“มันคนละเรื่องกันโว้ย!”
บินตวาดกลับหงุดหงิด
เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาจี๊ด ๆ
ไข้แดกไม่พอ ยังต้องมารับมือกับปัญหาบ้า ๆ อีก
ไม่เอาแล้ว แม่งนอนเลยดีกว่า
คนคิดตัดบทจึงล้มตัวล้มนอนหันหลังให้อีกฝ่าย
ทว่า ดูเหมือนคนง้อจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ
เพราะยังไม่ทันจะได้หลับตา
เสียงกีตาร์พร้อมกับเนื้อเพลงก็ดังประสานขึ้นอีก
“ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานด้วยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน...”
“เฮ้ยแล้วจะร้องอีกทำไมวะเนี่ย!!”
คนกำลังจะนอนผุดลุกขึ้นนั่งตะโกนขัดทำนองเพลง
แต่ร่างสูงกลับอธิบายตอบสั้น ๆ
“ก็จะร้องจนกว่าบินจะหายโกรธนั้นแหละ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
ต้องทำยังไง...”
“โว้ยย!! พอแล้ว!!”
บินรีบตะโกนห้ามเมื่อเพลงทำท่าจะวนลูปซ้ำ ๆ ไม่จบสิ้น
ก่อนจะตัดสินใจยอมความเพื่อจบปัญหา
“เออ กูยกโทษให้ก็ได้
แต่มึงต้องรับปากกูว่าจะไม่ทำอะไรเหี้ย ๆ อย่างนั้นอีก”
คนได้ยินคำยกโทษยิ้มกว้างรีบพยักหน้ารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“อืม พี่สัญญา ต่อจากนี้พี่จะทำตัวเป็นแฟนที่ดีของบิน”
ไอ้เริ่มต้นเหมือนจะดี
แต่ประโยคลงท้ายนี่พาลจะเป็นชนวนให้เปิดศึกอีกรอบ
“มึงเลิกพูดเรื่องแฟนบ้าบออะไรนี่สักทีได้มั้ยวะ”
“ไม่ได้!
ก็พี่เคยบอกแล้วไงว่าเราข้ามขั้นเป็นแฟนกันแล้ว
มันย้อนกลับไปไม่ได้”
ไกรศรปฏิเสธเสียงแข็ง
ยิ่งทำให้อารมณ์ของคนฟังเริ่มขึ้น
มาอีกแล้วไอ้ตรรกะบ้า ๆ บอ ๆ
คิดว่ากูยังจะเชื่ออีกเหรอ
เหตุผลก็รู้กันอยู่แล้วแท้ ๆ
“ย้อนไม่ได้เหี้ยอะไรกัน
มึงทำแบบนี้เพราะว่ามึงจะเอากูแทนที่แฟนเก่าไม่ใช่เหรอไง”
ร่างสูงชะงัก แต่ก็เพียงครู่เดียว
ก่อนจะยืนยันกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มันไม่เกี่ยวกับเอมมี่แล้ว
แต่พี่อยากคบบินเป็นแฟนจริง ๆ”
คำตอบที่ได้ยินไม่ช่วยอะไร
ซ้ำยังเป็นเชื้อไฟเร่งความหงุดหงิดของบินให้ทะยานขึ้นสูง
จนกลายมาเป็นการโต้เถียงเสียงดังลั่น
“มึงบ้าเปล่า!!
จะให้คบเป็นแฟนกัน
ผู้ชายทั้งคู่นะโว้ยย!!”
“ได้สิ ความรักมันไม่มีแบ่งแยกเพศหรอก”
“แล้วมึงรักกูรึไง”
...สิ้นคำถามต่างคนต่างนิ่ง
นัยน์ตาคมของคนบนเตียง
สบมองคนที่ยังคงนั่งอยู่ใกล้อย่างคาดคั้น
ก่อนจะได้ยินคำพูดหลุดออกมาแผ่วๆ
“ไม่รู้...”
หึ เห็นมั้ย
มึงยังไม่รู้ตัวเองเลย
บินนึกเยาะในใจ
กำลังจะอ้าปากด่าซ้ำ
ทว่าเสียงของอีกคนก็กลับดังขึ้นต่อประโยคที่เหลือ
“แต่...
แต่ตอนนี้พี่คิดถึงแต่เรื่องบิน
พี่อยากอยู่ใกล้บิน
อยากเป็นคนดูแลบิน
เห็นบินเจ็บพี่ก็เจ็บไปด้วย
พี่ไม่อยากให้บินโกรธพี่
พี่อยากเห็นบินยิ้ม
อยากฟังเพลงที่บินร้อง
แล้วพี่ก็เชื่อว่า..
สักวันหนึ่งบินจะทำให้พี่รักบินได้”
อะ....
อะ...ไอ้หน้ามึน
แม่งพูดอะไรชวนงงอีกแล้ว
‘สักวันหนึ่งบินจะทำให้พี่รักบินได้’กูเนี่ยนะจะทำให้มึงรัก
ตรงไหนกันวะ
กูอยู่เฉย ๆ ของกูทุกวัน
มีแต่มึงนั้นแหละเข้ามาวุ่นวายกับกู
แล้วยังมีหน้ามาบอกแบบนี้อีก
ถ้ากูกระโดดถีบมึงตอนนี้
มึงยังจะเชื่อว่ากูจะทำให้มึงรักได้อีกมั้ย
อยากจะรู้จริง ๆ ว่ะ
แต่ถึงจะคิดมากไปเท่าไรก็คงไม่ได้คำตอบ
ท้ายที่สุดเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างระอาด้วยความปลง
“เฮ้อ...กูว่ามึงคงกำลังสับสนอยู่
กูเข้าใจ คนอกหักมันก็เป็นแบบนี้แหละ
เดี๋ยวสักพักมึงก็จะคิดได้เอง”
ทว่า คนได้รับคำแนะนำกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“พี่ไม่ได้สับสน
ถ้าบินไม่เชื่อตอนนี้ก็ไม่เป็นไร
แล้วพี่จะพิสูจน์ให้บินเห็นเอง”
คำยืนยันพร้อมแววตาที่มองตรงมาอย่างจริงจัง
ทำให้คนถูกจ้องรู้สึกแปลก ๆ
ทำไมหน้ามันร้อน ๆ วะ สงสัยไข้ขึ้นอีกรอบแน่ ๆ
ขืนคุยกับมันเรื่อย ๆ มีหวังได้ปวดหัวตาย
เอาเถอะ มันอยากทำอะไรก็ทำ
ขี้เกียจจะคุยด้วยแล้วโว้ย!!
“กูง่วงจะนอนแล้ว”
ตัดสินใจบอกพลางล้มตัวลงนอน
คราวนี้ไม่ได้หันตะแคงข้าง
แต่นอนหงายตรงๆ อย่างคนหมดแรงจะต่อความ
“อืม งั้นบินนอนเถอะ
นอนเยอะ ๆ จะได้หายไว ๆ
เดี๋ยวพี่จะอยู่ข้าง ๆ บินเอง”
...อยู่ข้าง ๆ
คำนี้ฟังมากี่รอบแล้วก็ไม่รู้
ตั้งแต่ได้เจอไอ้หน้ามึนไม่เคยมีสักครั้งที่มันคิดจะไปจากเขา
จะด้วยเหตุผลเพราะอะไรก็ยังไม่เข้าใจ
แต่ตอนนี้ไม่ไหว...
ชักเบลอไปหมดแล้ว...
บินหลาค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง
ปล่อยให้คำถามยังคงค้างคาในส่วนลึกของหัวใจ
ก่อนความง่วงงุนจะเข้าครอบงำทีละน้อย
...จนกระทั่งหลับไปในที่สุด
------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
http://www.youtube.com/v/6_L6jJkTzSU?
แปะเพลง I am sorry ของ AB Normal
ถือเป็นคำขอโทษจากคนเขียนด้วยเลยนะคะ
ต้องขออภัยจริง ๆ ที่หายไปเสียนาน

ต้นเหตุเพราะน้องโน้ตบุ๊คเสียกะทันหันค่ะ
ไม่รู้ติดไข้เลือดออกมาจากน้องบินด้วยรึเปล่า
กว่าจะศูนย์จะซ้อมเสร็จก็กินเวลานาน
ไอ้เราก็ลุ้น ๆ กลัวข้อมูลในเครื่องหายแทบแย่
แต่ปรากฏว่าซ้อมเรียบร้อย
น้องโน้ตกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้วค่ะ
จากนี้ไปก็(คง)จะค่อย ๆ ทยอยอัพอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม
ขอบคุณสำหรับทุก ๆ กำลังใจที่ยัง
ร่วมอ่าน ร่วมเมา ร่วมมึน
ไปกับซีรีย์นี้อยู่เหมือนเดิมนะคะ
*กอดดดดด*

แล้วเจอกันใหม่ค่า
BitterSweet