ซีรีย์หวานอมขม : ภาค Sex on the Beach กับ Whisky on the Rocksช็อตที่ 4รถมอเตอร์ไซต์จอดนิ่งอยู่หน้าตึกอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่สี่ชั้น
ไกรศรก้าวลงจากรถ ดวงตาอ่านป้ายที่แปะเด่นหราอยู่หน้าตึก
‘ดนตรีนิยม สถาบันสอนดนตรีและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ดนตรีทุกชนิด’
ยืนงง ๆ อยู่หน้าร้าน แต่คนที่นำหน้ากลับเปิดประตูกระจกเข้าไป
ไกรศรรีบเดินตาม วูบแรกสัมผัสได้ถึงเครื่องปรับอากาศจากแอร์เย็นฉ่ำ
ภายในร้านมีอุปกรณ์ดนตรีหลายชนิด
ทั้งกีตาร์ เบส กลอง เปียโน วางโชว์อยู่อย่างเป็นระเบียบ
ยังไม่ทันสำรวจร้านได้ทั่ว เสียงของใครคนหนึ่งก็ร้องทัก
“มาแล้วเหรอมึง ล่อซะเกือบสายเชียว
กระเทยควายเมื่อคืนเล่นหนักเหรอวะ”
คำแซวกวน ๆ ดังขึ้นจากชายหนุ่มหน้าตี๋ ผิวขาวจั๊วะที่ยืนอยู่หลังเคาท์เตอร์
ผู้พ่วงดีกรีลูกชายเจ้าของร้านดนตรีประจำจังหวัด
แถมด้วยมือกีตาร์ประจำวง และเพื่อนสนิทของบินหลา
แต่เมื่อคนแซวเห็นว่าคนที่เดินตามเพื่อนของตัวเองเป็นใคร
ดวงตาตี่ก็เบิกกว้าง หลุดคำอุทานอย่างห้ามปากไม่ได้ด้วยความตกใจ
“เฮ้ย! นี่มันคนที่มึงลากไปไม่ใช่เหรอวะ”
พูดออกไป แล้วคนพูดก็แอบเสียววาบขึ้นมา
เมื่อพิจารณาเห็นว่า ‘กะเทยควาย’ ที่ตัวเองเผลอเรียกมีร่างสูงใหญ่ขนาดไหน
แต่เจ้าของสรรพนามกลับไม่ถือสาเอ่ยแนะนำตัวยิ้ม ๆ
“สวัสดีครับ พี่ชื่อ ไกรศร เรียก ‘พี่ศร’ เฉย ๆ ก็ได้
น้องเป็นเพื่อนบินเหรอครับ ชื่ออะไรครับ”
พฤติกรรมสุภาพเรียบร้อย แตกต่างจากคนที่เมาหาเรื่องเมื่อคืนลิบลับ
ทำให้มือกีตาร์ที่อยู่ในเหตุการณ์ทำหน้างง ๆ แต่ก็ยังคงตอบกลับ
ตามประสาคนอัธยาศัยดีผูกมิตรกับคนอื่นได้ง่าย
“อา ครับ ๆ หวัดดีครับพี่ศร
ผมชื่อ เผือก เป็นเพื่อนซี้ย้ำปึกกับไอ้บินตั้งแต่มัธยมจนจบมหาลัยเลยพี่”
จบมหาลัย?
นี่บินจบมหาลัยแล้วหรอ
นึกว่าเป็นเด็กแว้นเล่นดนตรียังเรียนไม่จบซะอีก
งั้นอายุก็คงห่างจากเขาแค่ไม่กี่ปีสินะ
ไกรศรนึกใคร่ครวญเก็บข้อมูลของแฟนใหม่เข้าสมอง
เขาจะต้องเรียนรู้เรื่องราวของบินให้เยอะ ๆ
คนเป็นแฟนกันต้องรู้จักเอาใจใส่
กลุ่มเพื่อนของบินก็เหมือนกันต้องทำความรู้จักกันไว้บ้าง
เผื่อมีปัญหาจะได้ช่วยเหลือกันได้
“แล้วนี่พี่รู้จักกับบินมาก่อนเหรอครับ”
คำถามดังขึ้นจากปากของเผือกที่คันหยิบ ๆ อย่างสงสัย
...เมื่อคืนยังเห็นไอ้บินโวยวายทำหน้าจะเป็นจะตายตอนให้ลากกลับหออยู่เลย
แล้วทำไมเช้าวันนี้ถึงได้มาด้วยกันได้วะ
“เปล่า กูไม่รู้จักเขา แล้วก็ไม่อยากรู้จักด้วย”
คำตอบไม่ได้มาจากคนถูกถาม
แต่กลับมาจากคนที่มีส่วนเอี่ยวเข้าเต็ม ๆ
ยิ่งสร้างความมึนงงให้กับไอ้เผือกเป็นยิ่งนัก
“อ้าว...แล้วพี่เขามาอยู่กับมึงได้ไง”
...อันนั้นกูก็อยากรู้เหมือนกันว่ะ
คิดในใจแต่ยังไม่ทันจะอ้าปาก
คราวนี้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับเป็นคนเอ่ยคำตอบขึ้นมาแทน
...และเป็นคำตอบที่ทำให้วงสนทนาถึงกับช็อค
“อ๋อ...คือ พี่เป็นแฟนบินนะ”
...เงียบ
เงียบกันทั้งหมด
เผือกเบิกตาตี่ ๆ กว้างขึ้นเหมือนเห็นผี
ก่อนจะอ้าปากตะโกนโวยวายดังลั่นร้าน
“เหี้ยยย!!! บินมึงเสร็จเขาแล้วเหรอวะ
กูไม่อยากจะเชื่อ!!
ไหนมึงบอกว่าจะไม่คั่วเกย์กะเทยไง
โอยยย!! แม่งข่าวใหญ่โว้ยยย!!
เดี๋ยวกูส่งไลน์ไปหาไอ้ต้น ไอ้แมนก่อน”
“ไม่ใช่โว้ยยย!! กูยังไม่ได้เป็นอะไรกับมันทั้งนั้น
ไอ้เวรนี่มันบ้า มึงอย่าไปเชื่อมันสิวะ
เฮ้ยยย!! มึงไม่ต้องหยิบไอโฟนมึงขึ้นมาเลยนะ
หยุดเลยมึง ไอ้ควายเผือกกกก!!!”
“มึงนั้นแหละหยุด น้องฝ้ายเขามารอมึงที่ห้องฝึกนานแล้ว
ไปสักทีสิวะ เดี๋ยวกูตัดเงินเดือนนะโว้ยย!!
คำสุดท้ายที่ได้ยินทำเอาคนที่กำลังเอื้อมมือไปแย่งไอโฟนจากเพื่อนตัวดีต้องหยุดชะงัก
บินยืนนิ่ง ดวงตายังคงมองคนสั่งด้วยความเคือง
ก่อนตัดสินใจกระแทกเสียงใส่สั้น ๆ อย่างเอาเรื่อง
“เดี๋ยวเสร็จเมื่อไรมึงมีเคลียร์กับกู!!”
เอ่ยจบเจ้าตัวก็รีบเดินลิ่วขึ้นบันไดไปชั้นสองทันที
ไกรศรทำท่าจะเดินตามขึ้นไปด้วย
ทว่ากลับถูกเสียงจากด้านหลังรั้งไว้ก่อน
“เดี๋ยวครับพี่ ส่วนนั้นเข้าไม่ได้นะครับ ถ้าไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้อง”
ร่างใหญ่หยุดก้าว หมุนตัวหันกลับมาถามเจ้าของร้านอย่างลังเล
“เออ บินเขาไปไหนเหรอ”
“ไปสอนกีตาร์ครับ
เห็นพวกผมแบบนี้แต่ก็เรียนจบคณะดุริยางค์มานะพี่
ไอ้บินมันสอนเด็กจบไปหลายคอร์สแล้ว
ฝีมือดีนะ แต่สู้ผมไม่ได้ ฮ่า ๆ ๆ
มันก็เลยได้ตำแหน่งร้องนำในวงไปแทน”
เรื่องราวมากมายของใครอีกคนทำให้ไกรศรต้องรีบบันทึกไว้ในสมอง
ยิ่งเห็นบินมีความสามารถแบบนี้ เขาก็ยิ่งนึกทึ้ง
ดูเหมือนว่าแฟนใหม่ของเขาจะมีอะไรให้น่าค้นหา
และทำให้ประหลาดใจได้เสมอ
...เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
เผื่อจะทำให้เขาตัดใจจากน้องเอมมี่ได้เร็ว ๆ
“ว่าแต่...พี่เป็นแฟนกับบินจริงอ่ะ”
คำถามดังขึ้นจากคนขี้สงสัย
เรียกความคิดของไกรศรให้กลับมาตรงหน้า
“ใช่ เพิ่งตกลงเป็นกันเมื่อเช้า”
เขาตอบกลับไปตามความจริง
อีกฝ่ายผิวปากหวือในคำพูดตรงไปตรงมา
แต่ก็ยังขมวดคิ้วตั้งข้อสังเกต
ตามประสาคนที่รู้จักกับเพื่อนคนนี้กันมานาน
“แปลกว่ะ บินมันยอมด้วยเหรอ
ปกติมันติสต์จะตายพี่ โลกส่วนตัวโคตรสูง
ไม่เคยมีใครทนคบมันเป็นแฟนได้สักคน
แต่ก็อย่างว่า มันก็ไม่เอาใครด้วย”
ทว่าไกรศรกลับไม่ทุกข์ร้อนอะไรในคำแฉของเพื่อน
แถมยังกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคงจริงจัง
“พี่เลือกบินเป็นแฟนแล้ว
ยังไงพี่ก็ต้องยอมรับในตัวของบินให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
คนฟังนิ่งงันไปกับคำพูดสุดแสนเท่ห์
เหมือนมีพระเอกหนังจากทีวีหลุดออกมายืนตรงหน้า
โอ้โห...แมนโคตร ๆ เลยเว้ย
ไอ้บินได้แฟนดีฉิบหาย ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ
หน้าตาดีซะด้วย ท่าทางคงจะรวยไม่ใช่เล่นเหมือนกัน
...น่าอิจฉาว่ะ!
“งั้นผมอวยพรให้โชคดีล่ะกัน
แต่ขอเตือนไว้อย่าง
เป็นแฟนนักดนตรีมันเหนื่อยนะพี่”
ไกรศรพยักหน้ารับ
...จะเหนื่อยกว่าคบน้องเอมมี่มั้ยไม่รู้
รู้แต่ตอนนี้คบบินแล้ว
ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น
ตัดสินใจได้ก็ต้องเอาให้เด็ดขาด
ยังไงเขาก็จะขอดูแลบินตามหน้าที่ของแฟนที่ดีคนหนึ่งเท่าที่จะทำได้
“เออ...แล้วมีใบสมัครคอร์สกีตาร์ที่บินสอนมั้ย”
ร่างสูงถามขึ้นอย่างคนต้องการหาทางดูแลแฟนใหม่อย่างใกล้ชิด
ซึ่งเจ้าของร้านเมื่อได้ฟังก็ยิ้มกว้าง
ขยิบตาให้อย่างเจ้าเล่ห์ ตกปากรับคำสั้น ๆ
“จัดให้เลยครับพี่”
------------------------------------------------------------------------------------------------------
“โอเค วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ
น้องฝ้ายหัดเล่นเพลงที่สอนไปให้คล่องก่อน
แล้วอาทิตย์หน้าค่อยมาดูกัน
อย่าลืมระวังนิ้วช่วงเปลี่ยนคอร์ดด้วยนะครับ
บินร้องบอกลูกศิษย์สาวหน้าใสวัยมัธยมต้น
ซึ่งยกมือไหว้ลาเขาก่อนจะเก็บข้าวของเดินออกไป
หลังเสียงปิดประตูห้อง...
หนุ่มศิลปินเผลอถอนหายใจ
เดินเอากีตาร์ไปวางไว้กับแท่นข้างผนัง
เสร็จสิ้นภารกิจการสอนประจำวันเสาร์ไปอีกวัน
...ไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าตัวเองจะมาเป็นครู
ความฝันของเขาคือการได้แต่งเพลงและเดินทางหาแรงบันดาลใจไปทั่วโลก
ตามรอยศิลปินยิ่งใหญ่หลาย ๆ คน
แต่พอเรียนจบมาก็รู้ว่าอุดมการณ์มันใช้เลี้ยงปากท้องไม่ได้
ลงท้ายก็เลยใช้ความรู้ของตัวเองมาเป็นครูสอนกีตาร์
ตามคำชวนของเพื่อนสนิทที่ให้มาทำงานในร้านของมันที่ต่างจังหวัด
ค่าจ้างที่มีให้ก็ถือว่าไม่เลว พอรวมกับเงินที่ได้จากการเล่นวงตอนกลางคืน
ก็พอมีใช้จ่ายและเก็บเป็นทุนทำตามความฝันของตัวเองอยู่บ้าง
สอนแค่สองชั่วโมงไม่หนักหนาเท่าไร
อันที่จริงมีนัดซ้อมกับวงต่อแต่ถูกเลื่อนไปแล้ว
เพราะมือกลองกับมือเบสติดธุระ
เหลือแต่นักร้องนำกับมือกีตาร์จะไปทำอะไรได้
เออใช่...
พูดถึงมือกีตาร์ก็เกือบลืม
เขามีเรื่องต้องเคลียร์กับไอ้เผือกนี่หว่า...
บินกำลังจะเดินออกนอกห้อง
แต่ยังไม่ทันจะเอื้อมมือจับลูกบิด
บานประตูก็เปิดผลั๊วะออก
พร้อมกับร่างหนาคุ้นตายืนนิ่งอยู่ตรงหน้า
“มึงมาทำไม”
ไม่เหลือความสุภาพใด ๆ อีกต่อไปที่บินจะให้กับคนคนนี้
ยิ่งมันพูดอะไรบ้า ๆ ออกไปให้เพื่อนของเขาฟัง
ก็ยิ่งทำให้นึกโมโห
อีกฝ่ายตีสีหน้านิ่งตอบกลับไปสั้น ๆ
“พี่ก็เข้ามาเรียนน่ะสิ”
มือข้างหนึ่งถือกีตาร์ที่เจ้าตัวเพิ่งถอยออกมาสด ๆ ร้อน ๆ
อีกข้างหนึ่งโบกใบเสร็จจ่ายเงินค่าคอร์สให้คุณครูดูเป็นหลักฐานว่า
จำเป็นจะต้องรับลูกศิษย์คนใหม่สอนทุกวัน วันละสองชั่วโมง ตามเวลาที่สับเปลี่ยน
ซึ่งวันเสาร์จะตรงกับช่วงเที่ยงจนถึงบ่ายสองโมง
โดยด้านล่างมีลายเซ็นประทับตราจากเจ้าของสถาบันอย่างเรียบร้อย
ด้วยลายมือที่บินหลาสุดแสนจะคุ้นตา
ไอ้ควายเผือกกกกก!!!!!!
...นี่มันกะขายกูกันซึ่ง ๆ หน้าเลยนี่หว่า
แม่งเอ้ยยย!! ไอ้เพื่อนชั่ว!!
อย่าอยู่เลยมึง!!!!
เขาทำท่าจะหุนหันออกไปนอกห้อง
แต่เสียงของใครอีกคนกลับรั้งไว้
“จะไปไหนล่ะ พี่จ่ายค่าสอนแล้วนะ
เออ แล้วเผือกก็ฝากบอกว่า
ถ้าบินไม่ยอมสอนเขาจะไม่จ่ายเงินเดือนงวดนี้ให้
แล้วจะเอาเรื่องที่เราคบกันไปโพสในเฟซบุ๊คบอกเพื่อนทั้งหมดด้วย”
...ขู่...มึงมีขู่
นึกว่าจะทำได้แต่หน้าโง่ ๆ มึน ๆ
เดี๋ยวนี้มีพัฒนาการกล้าขู่กูด้วยเหรอวะ
แล้วถามจริง ทำไมมึงถึงต้องมายุ่งยากกับกูนักห่ะ
“นี่คิดจะเกาะติดกันไปตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเหรอวะ
ไม่มีการมีงานทำหรือไง”
“มีสิ ตอนนี้ก็กำลังทำอยู่”
คำตอบที่ได้ยินทำให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น
“อะไรวะ ไม่เห็นทำตรงไหน”
“พี่ใช้เงินทำงานน่ะ”
ยิ่งพูดก็ยิ่งงง
สรุปแล้วมึงจะพูดอะไรให้กูเข้าใจบ้างได้มั้ย
ใช้เงินทำงาน
อาชีพอะไร ปล่อยกู้รึเปล่าวะ
ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายสงสัยนาน
เจ้าตัวก็เป็นฝ่ายเฉลยออกมาเอง
“พี่เล่นหุ้น”
“อ๋อ...ตอบแบบนี้ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง
นึกว่าทำงานพวกกู้นอกระบบซะอีก”
เขาพูดออกไปตามที่ตัวเองคิดก็เพราะบุคลิกมันเหมือน
แค่โชว์กล้ามลูกหนี้ก็คงรีบจ่ายกันอุตลุต
เพราะกลัวจะถูกหักคอด้วยมือเปล่า
มาดมันไม่เห็นว่าจะให้เป็นนักธุรกิจเล่นหุ้นอะไรเลย
หุ่นอย่างเนี่ยไปเป็นอาชีพมวยปล้ำอาจจะรุ่งมากกว่า
กำลังคิดพิจารณาเพลิน ๆ
เสียงของร่างใหญ่ก็ร้องขัด
“บินร้องเพลงให้ฟังหน่อยสิ”
ถ้อยคำที่ได้ยินทำเอาคนถูกขอหันขวับ
บอกปฏิเสธทันควัน
“ทำไมต้องร้อง กูมาสอนมึงเล่นกีตาร์นะ ไม่ได้มาสอนร้องเพลง”
“ก็พี่อยากฟังคุณครูบินร้อง”
น่าน....มีอ้อน มีอ้อน
ตัวใหญ่เป็นควายแบบนี้ยังจะมาอ้อนอีก
น่ารักตายห่าเล๊ยยยยยย
มึงอยากจะฟังนักใช่มั้ย
ได้เดี๋ยวกูจัดให้
บินหยิบกีตาร์โปร่งที่ผิงอยู่ขึ้นมา
แล้วจัดการลีดสายลงไปไม่ยั้ง
ปากก็ตะโกนร้องเพลงดังลั่นห้อง
“ไปลงนรกซะเถอะที่รักฉันจะลงโทษเธอ
ไปลงนรกซะเถอะที่รักฉันจะลงโทษเธอ
เวลาของเธอหมดแล้วววว....
ไป ไป!!
ไป ไป!!...
โอ้เย้!!......
ไปไกลๆ.....ไปเลย.....
....ชิ่วววๆ วู้ววววว!!!!!”
ที่ถืออยู่นะเป็นกีตาร์โฟล์ก
แต่คนร้องกลับรัวนิ้ววาดลวดลายประหนึ่งกีตาร์ไฟฟ้า
แถมเนื้อหายังมีการเสริมเติมแต่งขึ้นมาเองอีก
คนฟังเผลอยิ้มขำไปกับท่าทางเมามันในอารมณ์ของคนร้อง
อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชมขึ้นมา
“ร้องเพราะดีเนอะ”
“ไม่เพราะได้ไง ก็กูร้องจากอินเนอร์
ร้องให้มึงโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย
เท่ล่ะสิ มึงทำได้เหมือนกูเปล่า”
บินเอ่ยกัดแถมด้วยการคุยข่มทับอย่างสะใจ
พลางยักคิ้วท้าทายให้อย่างกวน ๆ
ไกรศรจึงหยิบกีตาร์โปร่งของตัวเองขึ้นมา
นั่งลงจับคอร์ดเกาเบา ๆ ให้ชินมือสองสามที
ก่อนจะค่อย ๆ ดีดเป็นท่วงทำนอง
พร้อมเสียงทุ้มซึ่งร้องออกมาเป็นเพลง
“มีบางคำที่อยากบอกกับเธอ จิตใจบางคนที่เหม่อเพราะคิดถึงเธอ
แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง และไม่รู้ว่าเธอจะรังเกียจไหม
ก็ยังเดาใจไม่ถูกอยากจะรู้ แต่ใครคนหนึ่งรักเธอหมดทั้งหัวใจ
อยากให้เขาคนนั้นทำอะไร เพื่อให้เธอได้พอเข้าใจว่าฉันรักเธอ
พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ ถ้ารู้ว่าชอบอะไรจะหาให้เธอ
พูดไม่ค่อยเก่งแต่ฉันรักเธอ อย่าปล่อยให้เผลอให้รักเธอข้างเดียว
อย่าปล่อยให้เผลอให้ฉันรักเธอข้างเดียว”
อะ....อ้าว....
มันเล่นกีตาร์เป็นแล้วนี่หว่า
แถมยังเสือกร้องเพลงเพราะด้วย
ทำมาเป็นร้องไปมองตากูไป
คิดว่าเท่น่ะหรือมึง
“หึ เล่นได้แค่นี้ถือว่าเด็ก ๆ ว่ะ ลีลายังอ่อนหัด
เดี๋ยวกูจะสอนของจริงให้มึงดูเป็นบุญตา
เวลาเขาร้องเพลงรักให้กัน มันต้องร้องแบบนี้”
บินไม่พูดพล่าม แต่รีบทำเพลงทันที
ด้วยการยกกีตาร์ขึ้นมาเตรียมพร้อม
มือจับคอร์ดดีดสายพริ้วออกมาเป็นท่วงทำนองเพลงหวาน
แล้วบรรจงตั้งใจเปล่งเสียงนุ่มหากยังกังวานใสเป็นเอกลักษณ์ชวนฟัง
“ตั้งแต่วันที่ฉันได้คุยเคียงคู่สองคนกับเธอครั้งก่อน
กลับมานอนครวญครางละเมอ
คอยพร่ำหาเธอเหมือนจะอ้อนวอน
เกิดอะไรขึ้นมาละเออ มันอยากรู้นัก
เปลี่ยนฉันไปจากเดิม โอ๊ย
จะเป็นเพียงแววตาของเธอ ทั้งคู่ฉายมาสะกดรึเปล่า
อาจเป็นดาวดวงใด ใช้เธอมาหลอกเล่นกล เป็นไปไม่ได้
ออกจะงง คงเป็นเพราะเธอทำสับสน
โอ๊ย เดี๋ยวอยากรัก เดี๋ยวอยากลืม
โอ๊ย โอ๊ย ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเพราะเธอ
เธอทำให้ฉันรักเธอก่อน ไม่อาจถอน
หัวใจมันคอยแอบๆ มองแบบซึ้งๆ
เธอทำให้ฉันหลงใจอ่อน นอนกอดหมอนทุกคืน
จะทนได้นานสักเท่าไร หากคิดถึง โอ๊ย โอ๊ย
โอ่ย โอ๊ย คิดถึงจังเธอ”
เสียงกีตาร์ท่อนสุดท้ายจบลง
พร้อมกับที่คนร้องเอ่ยถามอย่างโชว์พาว
“เป็นไง เพลงรักมันต้องร้องออกมาจากใจแบบนี้ถึงจะเพราะ
คนละชั้นกับเพลงที่ร้องไปส่งๆ เหมือนมึง
“อือ เพราะมาก ขอบคุณนะที่ร้องเพลงนี้ให้พี่”
เกี่ยวเหรอวะ
กูไม่ได้ร้องให้มึง กูร้องโชว์เฉย ๆ
มาขอบคุณทำไม
ถึงกูจะบอกว่าร้องเพลงรักออกมาจากใจให้มึงก็เถอะ
เอ๊ะ...ยังไงวะ
นี่กูชักเริ่มงงกับตัวเองอีกแล้ว
“บินสอนเล่นเพลงนี้ให้พี่หน่อยสิ”
คำขอเอ่ยขัดความคิดของคนสับสน
เขาจึงได้แต่พยักหน้างง ๆ ให้กับคนที่จับกีตาร์เตรียมพร้อมในมือ
สรุปในวันนั้น...
...คุณครูบินจึงเริ่มต้นคลาสแรกของการสอนนักเรียนคนใหม่ด้วยเพลงรัก ‘โอ๊ย โอ๊ย’ นั่นเอง
------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
แปะเพลงที่คุณครูบินสอนจ้า
http://www.youtube.com/v/trU28uKleSo?