แวะมาทักทายเพื่อนๆ ทุกคนอีกครั้งแถมด้วยพูดคุยกันเล็กน้อยหลังจากที่อัพตอนจบไปครับ
ดีใจที่หลายๆ คนชอบกัน แม้ว่าจริงๆ แล้วคนแต่งจะรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่สุดก็ตาม
(อะไรบางอย่างที่ว่าคืออะไรก็ไม่รู้ นึกไม่ออก 55555) มาถึงตอนนี้แอบสารภาพจากใจจริงว่าลึกๆ แล้ว
ชอบคนบุคลิกแบบตุลมากกว่า แต่เป็นพวกชอบตามใจคนอ่าน ดันไม่ขึ้นหลังๆ ก็เลยขี้เกียจจะดันละ
หวยเลยไปลงที่ทิมแทน ง่ายๆ แบบนี้ล่ะ 555 เพิ่งมารู้ว่าจริงๆ แล้วก็มีคนชอบบุคลิกแนวตุลบ้างเหมือนกัน
ไว้โอกาสหน้าฟ้าใหม่จะวัดใจเพื่อนๆ ในเล้าด้วยตัวเอกบุคลิกแบบตุลแต่เพิ่มความขรึมขึ้นขึ้นอีกนิดดู
ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอมเมนต์ เพื่อนๆ ทุกคนที่แวะเข้ามาและทักทายกันนะครับ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แวะมาทั้งที เลยขอฝากตอนพิเศษเอาไว้ให้อ่านเล่นๆ พอหายคิดถึงกันครับ
อ้อ! ตอนพิเศษนี่แทนคำขอบคุณครับ ไม่มีเครียด ไม่มีอะไรให้หักมุมกันนะครับ วางใจได้ 55555
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนพิเศษ จุดเริ่มต้น สวัสดีครับ
ขอตอบจดหมายในเรื่องที่เร่งด่วนก่อนนะครับ
ตามที่คุณคะน้าถามไว้ในเรื่องของการหลั่งติดๆ กันในหนึ่งคืนจะมีปัญหาต่อระบบร่างกายหรือเปล่า ผมขอตอบโดยหลักพื้นฐานทางการแพทย์นะครับ ธรรมชาติของร่างกายผู้ชายนั้นสามารถผลิตสเปิร์มได้เรื่อยๆ แต่จุดที่ผมอยากให้ความสำคัญมากก็คือถ้าหากคุณคะน้ารู้สึกหลั่งโดยที่ไม่มีซีเมนออกมาอีก แนะนำให้หยุดสักสองสามวันเป็นขั้นต่ำนะครับเพราะถ้ายังฝืนต่ออาจเกิดปัญหาต่อมลูกหมากอักเสบได้ ผมซีเรียสมากเพราะฝ่ายที่ได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือคนที่เป็นฝ่ายถูกกระทำนะครับ หากคุณคะน้ามีเพศสัมพันธ์ครั้งหน้าแล้วยังรู้สึกถึงอาการผิดปกติ ผมแนะนำให้ไปพบแพทย์ระบบลำไส้ใหญ่และทวารหนักหรือ Colo-Proctologist โดยทันทีครับ ไม่ต้องอายนะครับ
ส่วนเรื่องที่กังวลว่าคุณจะเสพติดการมีเพศสัมพันธ์หรือเปล่านั้น ผมอยากให้มองในเรื่องความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ครับ จริงอยู่ที่ว่าสี่ถึงห้าครั้งในหนึ่งคืนนั้นถือว่าสูงมาก แต่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอยู่ในช่วงที่กลับมาพบเจอกันหรือเปล่าครับ ลองดูไปอีกสักพักนะครับ ช่วงนี้พยายามบอกเขาว่าอย่ารุนแรงมากนัก ตามเท่าที่คุณเล่ามาผมว่ามันค่อนข้างรุนแรงไปสักหน่อยนะครับ คุณเองก็ไม่ควรทำอะไรขนาดนั้นเช่นกันครับ ผมว่ามันทำให้ร่างกายอ่อนล้าเกินไป ช่วงนี้แนะนำให้ทานอาหารจำพวกไข่และปลาเยอะขึ้นสักหน่อย และอาจทานวิตามินพวกเหล็กและซิงค์เพิ่มร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้นครับ
สำหรับที่คุณคะน้าสงสัยว่าหลั่งออกมาเองได้เองโดยไม่ได้สัมผัสกับส่วนนั้นของตัวเลยนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ครับ และไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ในร่างกายของผู้ชาติจะมีจุดจีสปอตอยู่บริเวณต่อมลูกหมากซึ่งสามารถกระตุ้นได้โดนการผ่านทางทวารหนักเข้าไปครับ ในต่างประเทศมีงานวิจัยทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้บอกว่าการถึงโดยการกระตุ้นที่บริเวณต่อมลูกหมากนั้น ทำให้ผู้ชายมีความสุขกว่าการกระตุ้นโดยวิธีทั่วไปถึงสามเท่า ดังนั้น การที่ตอนนั้นคุณรู้สึกมากกว่าปกติ จึงไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติเช่นกันครับ
ถ้ามีอะไรก็ส่งทิ้งเรื่องไว้ในอีเมล์นะครับ ผมจะพยายามรีบเข้ามาตอบให้ไวที่สุด รักษาสุขภาพด้วยนะครับ อย่าหักโหมเรื่องพวกนั้นมากเกินไป เมล์ฉบับล่าสุด บอกตามตรงว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายผมไปไกลมาก ผมถึงกับอึ้งไปไม่น้อยจริงๆ เพลาลงบ้างนะครับ คุณทำให้ผมเป็นกังวลจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย
ช่วงนี้ที่เบอร์ลินหิมะตกหนักมาก ผมต้องเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยอีกแห่งที่อยู่ไกลออกไปเพื่อใช้หนังสืออ้างอิงที่ทางห้องสมุดไม่มี หนาวมากครับ ผมยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจใครที่นี่หรอกครับ
ขอบคุณที่สำหรับความห่วงใยครับ
ตุลกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วที่คะน้านั่งอ่านอีเมล์ฉบับล่าสุดซ้ำไปซ้ำมามากกว่าสิบรอบเหมือนไม่เข้าใจตัวหนังสือภาษาไทยที่อยู่ในจดหมายอิเลกทรอนิกส์ฉบับนั้นสักตัวอักษร หลั่งติดๆ กัน? เสพติดการมีเพศสัมพันธ์? หรือแม้แต่หลั่งได้เอง?
มันคืออะไรวะครับ?นับตั้งแต่คะน้ากลับมาทำงานออฟฟิศ เวลาว่างที่มีก็ลดลง เกือบทุกวันที่เขาต้องหอบงานหลายอย่างกลับมาทำต่อที่บ้าน ไหนจะทิมที่เกาะติดเขาเป็นหนวดปลาหมึกแบบนี้ คะน้าแทบไม่ได้เปิดอีเมล์หรือทำอะไรสักอย่างกับโซเชียลเน็ตเวิร์กของตัวเอง ใครบางคนส่งเมล์แปลกๆ ไปหาตุล และเมื่อไม่ใช่เขา มันจะเป็นใคร? ...ถึงไม่ใช่เชอร์ล็อคโฮม ไม่ได้เป็นโคนันก็รู้!
ผู้ต้องสงสัยมีเพียงคนเดียว!!!!เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากหลายวันก่อน หลังจากทนกับเสียงกวนประสาทที่พูดไม่หยุดทุกๆ สามสิบวินาทีไปสองชั่วโมงเต็มๆ ในที่สุด เขาก็ยอมเปลี่ยนรหัสผ่านทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ อีเมล์ เฟซบุค หรือสไกป์ที่ตัวเองแทบไม่เคยแตะเป็น
“I Love Tim” ตามคำเรียกร้องของชื่อคนที่อยู่ในพาสเวิร์ด นั่นเท่ากับเขาก้าวขาหนึ่งข้างลงไปสู่ห้วงอเวจีแล้วใช่ไหม
คะน้าเหล่มองคนที่นอนเป็นชีเปลือยอยู่บนเตียงซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับหนังบู๊แอ็คชั่นล้างผลาญในหน้าจอทีวี พักหลังๆ ดูมีความสุขยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นี่เพราะแบบนี้สินะ “เอาเมล์นี้ส่งอะไรไปหาตุลหรือเปล่า”
ทิมสะดุ้งตัวเล็กๆ แล้วหันมามอง ดูเหมือนจะกลืนน้ำลายอีกหนึ่งเฮือกแล้วก็รีบเฉไฉเบือนหน้ากลับไปจ้องแผ่นบลูเรย์ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานก่อนต่อ
“ไม่มี๊...”
มันจะไม่มีได้ยังไง ตัวอักษรยาวเป็นหน้ากระดาษที่มีเนื้อหาอย่างกับคอลัมน์เสพสมบ่มีสมซึ่งตุลตอบกลับมานี่ มันคงโผล่มาเองสินะ “ล็อคอินเข้ามาดูเมล์แล้วส่งจดหมายไปแกล้งตุลใช่ไหม”
“เฮ่ย!!! ไม่เค๊ยยยย...”
ทิมเบิกตากว้าง คะน้าเห็นนัยน์ตาสีดำคู่นั้นกลอกไปมาอย่างหาโฟกัสลงไม่ได้ “ไม่งั้นมันจะมาจากไหน จุดจีสปอตบ้าบออะไรเนี่ย ในเมื่อพี่ไม่ได้เป็นคนพิมพ์แล้วมันจะเป็นใคร”
“โดนแฮก! ชัวร์!!! ...รึเปล่า?”
“แกแฮกชัวร์ๆ น่ะสิ” คะน้ายังไม่เลิกสอบสวนผู้ร้าย คอยดูเถอะ เขาจะต้อนหมาป่าเอาไปเชือด
“มองโลกในแง่ร้ายมาก เสียใจเลยว่ะ” ทิมดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดท่อนบนของตัวเองแล้วบ่นเสียงเซ็ง
คะน้ามองปราด เผินๆ มันก็ดูน่าเชื่อถือดี ถ้าไม่ติดที่ใบหน้าทะเล้นนั้นกำลังแสดงออกถึงความสุขอย่างปิดไม่มิด ตาเป็นประกาย ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันครบทุกซี่ ...แกไม่ได้ทำเลยทิม!
ปรสิต เห็บ หมัด วัชพืช ปลิง แฝดสยามหรืออะไรสักอย่าง ทิมเหมือนสารพัดสิ่งที่เกาะติดเขาอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าคะน้าสถาปนาให้คนที่ทำหน้าเป็นอยู่ในตอนนี้เป็นได้ทุกอย่างที่มีพฤติกรรมเช่นที่เอ่ยมาข้างต้น ...อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่นกเอี้ยง
“อีกแล้วนะ ได้แล้วก็ไม่คิดจะแคร์ความรู้สึกกันเลย”
คะน้าสำลักอากาศทันที ผู้ชายตัวโตท่าทางแข็งกระด้างกำลังทำสะดีดสะดิ้งใส่เขา ...หมั่นไส้น่ะก็ใช่ แต่อีกใจก็นึกหมั่นเขี้ยว นับตั้งแต่ที่ทิมกลับมา ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการใช้ชีวิตประหนึ่งเหาฉลามกับเขา เริ่มจากไปออดอ้อนผักกาดให้เขาย้ายกลับมานอนที่บ้านนี้ เป็นสารถีรับส่งที่ทำงานเช้าเย็นไม่มีขาด เข้านอนและตื่นนอนพร้อมกันทุกวัน ช่างเป็นพฤติกรรมของกาฝากไม่มีผิด แย่งอากาศเขาหายใจ แย่งน้ำเขาอาบ เรียกว่าเห็นคะน้าที่ไหนก็ต้องเห็นทิมที่นั่นเสมอ บางทีเขาก็สงสัยว่าโปรแกรมบริหารจากมหาวิทยาลัยเลื่องชื่อที่ไปร่ำเรียนกลับมามันสอนอะไร ...ทำไมทิมถึงได้เจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน
คะน้ากดเข้าเฟซบุคของตัวเองหลังจากที่ไม่ได้แตะมาเป็นระยะเวลานานหลายเดือน สิ่งแรกที่กระแทกตาก็คือรูปโปรไฟล์ของตัวเองที่ถูกเปลี่ยนเป็นภาพคู่ ...ไม่ใช่ภาพคู่ปกติ แต่เป็นภาพคู่บนเตียงนอนที่คะน้าถูกบังคับถ่ายเมื่อหลายวันก่อน ที่อยู่ด้านล่างของภาพคือสถานภาพที่ขึ้นว่า In relationship with... เอาเถอะ ไม่บอกก็รู้ว่าใคร แต่สิ่งที่ทำให้ลูกตาของคะน้าแทบจะหลุดออกจากเบ้าก็คือสเตตัสที่เพิ่งอัพเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
รักพี่ทิมนะครับสาบานได้ว่าในชีวิตของคะน้า เขาไม่เคยพิมพ์อะไรแบบนั้น สิ่งที่แย่ก็คือมีคนตามกด Like หลายสิบคน ด้านล่างมีคอมเมนต์ของเจ้าตัวขึ้นตามมาพร้อมกับรูปหัวใจอีกหลายดวงพร้อมกับจำนวนคนกด Like ที่ไม่ค่อยต่างกัน
พี่ทิมก็รักน้องต่ายครับ“ไอ้บ้า! เข้ามาป่วนเฟซบุคด้วยเนี่ยนะ พิมพ์อะไรไปเนี่ย!!!”
คะน้าอุทานในขณะที่เลื่อนเมาส์ลงมาเรื่อยๆ เขาพบว่ามีในหน้าเพจของตัวเองมีการตั้งสเตตัสโต้ตอบในทำนองนี้บ่อยครั้ง ก็เรียกว่าแทบจะทุกวันนั่นล่ะ ...คิดถึงไหม กินข้าวยัง รอแป๊บนะเดี๋ยวไปรับ และอีกสารพัด ยิ่งอ่านเจอก็ยิ่งนั่งไม่ติด ในที่สุดความอดทนที่ถึงขีดจำกัดก็ดีดตัวคะน้าให้ลุกขึ้นแล้วมุ่งไปที่คนอายุน้อยกว่าที่นอนฉีกยิ้มร่าตาใสอยู่บนเตียงทันที
“อยู่ๆ ก็ง่วงนอนขึ้นมาเลย นอนก่อนนะ” พูดจบทิมก็หลับตาไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
“อย่ามาหลบตากัน ไม่ต้องมาแกล้งหลับ!” คะน้าตะคอก
“ห้ามแกล้งซ่อนในผ้าห่ม!” กระตุกผ้าห่มออก แล้วโยนทิ้ง
“อย่าแกล้งทำหน้าตาน่าสงสารด้วย!” เขาตวาดอีกครั้ง
“ห้ามแกล้งดูดีวีดี!” คะน้ากดปิดทีวี
“แกล้งหอม!” เขาตะคอกใส่
“แกล้งมีเซ็กซ์!!!” คราวนี้ คะน้าถึงกับตวาดใส่ด้วยสีหน้าจริงจังกว่าครั้งไหนๆ
“อ๊าาาาาา... ตรงนั้นมัน... ทิมมมม...”คะน้าปาดเหงื่อบนหน้าผาก หลังจากศึกหนักสองคำรบ ในที่สุดคำถามที่เคยตั้งไว้เมื่อราวๆ สองชั่วโมงก่อนก็ถูกขุดขึ้นมาสอบสวนอีกครั้ง “ว่ายังไง รับสารภาพมาดีๆ เลย อย่าต้องให้เค้น” ผู้สอบสวนกำลังนอนหอบอยู่ในวงแขนของผู้ต้องสงสัย ทิมจูบลงบนแก้มของคะน้าแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วเอื้อมมือไปจับมือขวาของเขา...ดึงลง
“เค้นเลย จะรดต้นคะน้าอีกรอบให้โตไวๆ” คะน้ารู้สึกตัวว่ามือของตัวเองกำลังจับอยู่บนอุปกรณ์รดน้ำของผู้พูด คะน้าเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเซ็ง ผิดกับทิมที่หัวเราะเสียงใส
“พอเลย พักบ้างเถอะ” คะน้าส่ายหน้าอย่างรวดเร็วแล้วตั้งท่าจะลุกหนี หากแต่วงแขนนั้นยังคงรั้งตัวเขาไว้จนแน่นชิด ลงท้ายเขาก็ได้แต่นอนอยู่แบบนั้น ทิมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
“มีแฟนน่ารักมันก็ต้องกันไว้ก่อน”
คะน้าไม่คิดว่านั่นจะเป็นคำชมที่เหมาะสำหรับผู้ชาย นับตั้งแต่ผักกาด ทิม ตุล หรือแม้กระทั่งนัท เขาไม่เข้าใจว่าทำไมใครต่อใครก็ต่างชมเขาแบบนั้นแทนที่จะเป็นหล่อ หน้าตาดี หรือนิสัยดี “น่ารักบ้าอะไรวะ”
ทิมกระตุกมุมปากขึ้นแล้วระบายยิ้ม แล้วตอบคำถามที่หน่วงเวลาไปหลายนาที “เผื่อว่ายังรออย่างมีความหวังก็จะได้เลิกรอไง รวมทั้งไอ้เด็กนั่นที่ออฟฟิศด้วย ฝากไปบอกมันเลยว่าเลิกหวังไปได้เลย” เสียงทุ้มนั้นแม้จะเอ่ยอย่างอารมณ์ดี แต่คะน้ารู้ว่านั่นถือเป็นคำเตือนชนิดที่ห้ามฝ่าฝืนของทิม
“แล้วตั้งสเตตัสเอง ตอบเองนี่เป็นอะไรมากไหม?” คะน้าซักอีกรอบ เจ้าของดวงตาที่จับจ้องมองที่เขาอยู่นั้นหัวเราะครื้นเครง ทิมดูจะไม่ได้ใส่ใจกับคำบ่นของเขา ฝ่ามือนั้นถูกยกขึ้นมาคลอเคลียใบหน้า นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของทิมบีบปลายจมูกคะน้าเล่นอย่างเบามือ
“ใกล้เที่ยงแล้ว รีบลงไปข้างล่างกันเถอะ เดี๋ยวแม่จะรอ”
แม้ว่าอยากจะแย้งใส่ว่าที่ช้าแบบนี้เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เมื่อนึกตรึกตรองดูให้ดีแล้วก็เป็นเขาเองที่ให้ความร่วมมือ(ตั้งสองยก) ตอนนี้คะน้าจึงทั้งหมดแรงและทั้งหิวจนแทบจะกินช้างได้เป็นตัวๆ เสียแล้ว หลังจากการอาบน้ำด้วยกันซึ่งนับเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ห้ามฝ่าฝืนโดยเด็ดขาด ทิมผู้สารพัดประโยชน์ก็กลายเป็นช่างผมประจำตัวที่ทำหน้าที่ทั้งเช็ดหัว ทั้งเป่าผมของเขาให้แห้ง คิดดูแล้วก็นับว่าคุ้มใช้ได้ เพราะแม้ว่าคะน้าจะต้องทำแบบเดียวกันคืนให้ แต่ผมของทิมนั้นสั้นและจัดเป็นทรงได้ง่ายกว่าเขาอยู่มากทีเดียว
ธรรมเนียมอีกอย่างที่กลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันหยุดสุดสับดาห์คือการที่ผักกาดจะแวะมาทานอาหารด้วยกันกับที่บ้านของทิม วันนั้นเป็นวันที่อากาศร้อนจัด ไม่มีแม้แต่ลมที่ปกติจะพัดบรรเทาไอร้อนจากแดดลงไปได้ สิ่งเดียวที่ทำให้บ้านหลังเล็กๆ นี้ยังร่มรื่นได้ก็คือไม้ใหญ่ที่แผ่กำแพงสีเขียวปกคลุมบ้านเกือบทั้งบริเวณให้ร่มรื่นแม้ในยามที่แสงแดดแผดเผาเช่นนี้ก็ตาม
เป็นเวลาหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่คะน้าได้รู้จักกับคุณแม่ของทิม จนแล้วจนรอดเขาก็ยังเขินและไม่รู้จะวางตัวอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้ารอยยิ้มที่แสนใจดีนั้น ยิ่งตอนที่อยู่ร่วมกันบนโต๊ะอาหาร คะน้าก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าความเขินที่มีเป็นเจ้าเรือนนั้น จะพอกพูนตัวเองขึ้นจนเขาได้แต่ก้มหน้างุดแล้วเขี่ยเม็ดข้าวราวกับจะนับเมล็ดทุกครั้งบนโต๊ะอาหาร
“คุณแม่ทานเยอะๆ นะคะ ผักนี่บำรุงดีมากเลยนะคะ” ผักกาดเป็นคนที่เข้ากับคุณแม่ของทิมได้อย่างเหลือเชื่อ และเป็นคนที่เรียกคุณแม่ของทิมว่า
‘คุณแม่’ ได้ราวกับเป็นแม่ลูกกันแท้ๆ ตามสายเลือด ผิดกับตัวเขาที่แม้จะผ่านมาเนิ่นนานแต่ก็ยังรู้สึกเขินอยู่ดี
จนมีอาหารถูกตักแล้ววางลงบนจานข้าวของเขา คะน้าค่อยๆ ไล่สายตาตามช้อนสีเงินไปจนพบกับรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติของทิม ไม่มีสักครั้งที่ทิมจะเขินอายที่จะปกปิดสถานภาพที่เป็นอยู่ น่าจะเรียกได้ว่าตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำเพราะเจ้าตัวมักจะสร้างซีนหวานจนน้ำตาลยังต้องพ่ายแบบนี้ต่อหน้าผู้เป็นแม่และผักกาดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีอะไรให้เคอะเขิน เจ้าตัวยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ปล่อยให้คะน้ารู้สึกวูบร้อนบนใบหน้าอยู่เพียงลำพัง
บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเองเพราะคุณแม่หรือแม้แต่ผักกาดก็ดูจะไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย แต่ลูกผู้ชายที่ถูกดูแลด้วยผู้ชายด้วยกัน แถมผู้ชายคนนั้นยังอายุน้อยกว่านี่มันช่างยากเหลือเกินที่คะน้าจะทำใจ
“อาหารไม่ถูกปากหรือลูก” คุณแม่ของทิมเอ่ยคะน้าถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ป..เปล่าครับ อร่อยมากๆ เลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นต้องทานเยอะๆ นะพ่อคะน้า เดี๋ยวตาทิมจะมาว่าแม่เอาว่าดูแลเราไม่ดี” คะน้ารีบเอ่ยปากขอบคุณทันทีที่คุณแม่ของทิมตักกับข้าววางจนบนจานเพิ่มให้อีกอย่าง เขาตักแกงเผ็ดเป็ดย่างขึ้นมาแล้ววางลงบนจานของคุณแม่ทิมบ้างเป็นการตอบแทน หญิงท้วมส่งยิ้มให้ คะน้าชอบรอยยิ้มนั้นมากจนไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไร
“จริงๆ แล้วต่ายชอบอาหารที่ผมทำมากกว่าที่แม่ทำยังไงล่ะ ...ใช่ไหมจ๊ะ” ใช่กับผีแกสิ! มีหน้ามายักคิ้วระรื่นได้อีก ต่อหน้าคุณแม่ก็ยังไม่เว้น! หน้าด้านที่สุด!
“แน่ะ มีทำเขิน” ...เขินบ้าอะไรวะ!!!
คะน้าหันขวับไปมองแล้วถมึงตาใส่ ทิมยกไหล่ขึ้นแล้ววางช้อนส้อมของตัวเองลงบนจาน ร่างสูงที่สุดแสนจะยียวนโน้มตัวลงต่ำแล้วช้อนตาขึ้น ...สบตาของคะน้าที่ก้มหน้างุดอยู่แล้วเอ่ยคำกระซิบที่พอได้ยินกันแค่สองคน
“วางตัวไม่ถูกใช่ไหม ...หื้มมม?”
คะน้าชะงักในเสียงทุ้มที่อ่อนโยนซึ่งดูเหมือนจะเข้าใจในความรู้สึกของเขาได้อย่างเหลือเชื่อ ทิมผ่อนลมหายใจบางๆ ทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนยิ้ม ร่างสูงค่อยๆ ทรงตัวขึ้นแล้วขยับเก้าอี้ของตัวเองมาจนชิด เขยิบตัวมาเบียดจนแนบไปกับเขา ทิมยกวงแขนขึ้นวางบนหัวไหล่ของคะน้าแล้วโอบรั้งเข้ามาใกล้
“คิดมากไปได้ ...เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วไง”
(ยังเหลืออีกครึ่งครับ ต่อด้านล่างนะ)