(ต่อเลยครับ)
“นับจากนี้ ผมจะปกป้องคุณเอง”นับว่าเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มตรงหน้าไม่อาจซุกซ่อนความรู้สึกห่วงหาอาทรไว้ภายใต้หน้ากากแห่งความเฉยชา ตุลในตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะกลับไปเป็นตุลคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก ภาพที่ซ้อนทับในตอนนี้เป็นด้านหนึ่งที่คะน้าเคยเห็นไม่มีผิดเพี้ยน เรื่องที่ตามมาก็คือความความรู้สึกของตัวเอง ยิ่งตุลดีกับเขาเท่าไหร่ คะน้าก็ยิ่งรู้สึกทุเรศกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
“ขอบคุณครับ ทั้งๆ ที่ผม... ทำแบบนั้นกับตุลแท้ๆ” เขาเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในใจ
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมเองก็ใช่จะเป็นคนดีอะไรนักหนา” แค่พริบตารอยยิ้มที่สดใสนั้นก็ทำหน้าที่ในแบบของมัน ตุลยังคงเป็นตุลที่แสนจะอ่อนโยนและอบอุ่น เป็นเจ้าของรอยยิ้มที่ปล่อยพลังงานให้กับทุกคนรอบตัว
“พักสักหน่อยเถอะ อย่าเครียด อย่ากังวลกับอะไร มีอะไรบอกผมได้นะครับ ผมนั่งทำงานอยู่ตรงนี้แหละ”
สมุดบันทึกในความทรงจำที่เคยซีดจางค่อยๆ กลับมาแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง กลับมาพร้อมกับความรู้สึกที่ปวดปร่าในใจ เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหลายวันที่ผ่านมาถูกผสมกับความเป็นจริงในอดีตบางอย่างที่เพิ่งได้รับฟังจากปากของตุล บางสิ่งบางอย่างตีตัวขึ้นเป็นเสาแข็ง ขึงและล้อมกรอบตัวของคะน้าไว้ในความกดดันแคบๆ จนกลายเป็นห้องที่ปิดตาย แม้จะชังความรู้สึกในตอนนี้แค่ไหน ก็ไม่มีทางให้ออกไปจากความรู้สึกนี้ได้เลย
“ช่วงเวลาแบบนี้ มันยากจังเลยนะครับ เหมือนกับว่าโลกมันจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไปแล้ว ทุกคืนก็ไม่อยากนอน กลางวันก็ไม่อยากเห็นอะไร ไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาพบกับความจริงอะไรทั้งนั้น ความจริงที่ว่าทุกๆ อย่างของผมมันพังทลายไปหมดแล้ว ...ตลาด สิ่งที่ป๊ากับแม่สร้างเอาไว้ ทุกๆ อย่าง ทุกๆ สิ่ง ไม่มีอะไรหลงเหลือเลย” คะน้าพูดเสียงเนือย เขาหมดแรงเหมือนกับนกที่ปีกหัก เจ็บปวด สูญสิ้นพลัง หลงเหลือเพียงแค่ลมหายใจที่บอบช้ำ
“และที่มันทำให้เจ็บจนทนไม่ไหวก็คือที่จริงแล้วโลกมันก็ยังเหมือนเดิม ยังมีวันใหม่ๆ เสมอไม่จบสิ้น พระอาทิตย์ยังขึ้นที่เดิมทุกๆ เช้า น้ำทะเลยังพัดเข้าฝั่ง นกยังร้องเพลงแบบเดิมทุกวัน พระจันทร์ก็ยังส่องแสงคู่กับดาว ใครต่อใครก็ยังใช้ชีวิตไปตามปกติ หัวเราะเฮฮา ทุกสิ่งรอบๆ ตัวถึงยังดำเนินไปเหมือนเดิมของมันทุกวัน ทำไมจึงมีแค่ตัวเราเองที่เป็นแบบนี้”
ไม่ได้ฟูมฟาย คะน้าในตอนนี้ดูเหมือนคนที่หมดเรี่ยวแรง ชายหนุ่มได้แต่พูดด้วยเสียงแผ่วคล้ายลมหายใจ ตุลละมือขึ้นจากทุกสิ่งตรงหน้า ร่างสูงเดินเข้ามาหาแล้วทิ้งตัวลงนั่งใกล้ ...ใกล้จนหัวไหล่และเข่าแนบชิด ใบหน้าที่อ่อนโยนเอียงเข้าหาและสบตาด้วยความเข้าใจ ตุลถ่ายเทพลังงานของตัวเองมาให้ด้วยถ้อยคำที่ปราศจากเสียง ไม่มีอะไรที่มากมายและท่วมท้นไปกว่าความเรียบง่ายนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างคือความพอดีที่เหมาะสมและลงตัว
“บอกผมทีได้ไหมครับ เวลาที่ตุลต้องเจอกับอะไรหนักๆ สิ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเราเองจะผ่านพ้นมันไปได้ยังไง เราจะรับมือกับมันได้ยังไง เพราะทุกอย่างมันรวดเร็ว ...เร็วจนเราปรับตัวกับมันไม่ทัน” คะน้าหันกลับไปตั้งคำถามกับร่างสูงที่อยู่ใกล้ด้วยเสียงที่อ่อนแรง
“ตอนนั้นก็ได้ ที่ตุลเจอกับปัญหาหนักๆ ข้อผิดพลาดที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น คนไข้ที่เสียชีวิตจากการผ่าตัด คราวนั้นที่มันหนักจนแทบทนไม่ไหว บอกผมได้ไหม ตุลผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาได้ยังไง”
ความนิ่งสงบนั้นเหมือนกับสายลมเย็นที่พัดผ่านผิวกายให้แช่มชื้น ตุลจ้องมองลึกไปถึงดวงตา ลึกจนเหมือนจะทะลุเข้าไปถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในใจ รอยยิ้มน้อยๆ ที่แสนอบอุ่นนั้นราวกับจะแต่งแต้มสีหม่นมัวให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
“ผมมีคุณ”คำตอบนั้นสั้นและเรียบง่าย ทว่ากลับทรงพลกำลังอย่างเหลือเชื่อ แค่คำพูดสั้นๆ ผ่านทางน้ำเสียงเรียบๆ ที่มั่นคงนั้นก็เหมือนกับจะกระชากวิญาณแห่งความโศกศัลย์ให้สิ้นสูญ ตุลเอื้อมมือออกมาสัมผัสบนฝ่ามือของคะน้าเบาๆ เป็นเพียงแค่การสัมผัสนิ่งๆ ที่ปราศจากการออกแรงกด แปลกที่คะน้ากลับรู้สึกว่าฝ่ามือที่วางนิ่งอยู่นั้นแข็งแรงราวกับจะไม่มีวันทอดทิ้งไป
...เรียบง่าย เป็นเพียงการวางที่ปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสระ ปราศจากเงื่อนไขของการผูกมัดที่เกาะกุม
“อยากให้รู้ไว้ คุณมีผม”ตุลเอียงใบหน้าลงเล็กน้อย ปรับองศาให้รับกับดวงตาของคะน้าในเวลานี้ คนสวมแว่นช้อนสายตาขึ้นมอง ส่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่างในใจทางแววตา ราวกับพระอาทิตย์ที่เปล่งแสงยามเช้า ไล่ความมืดหม่น ความเหน็บหนาวเดียวดายของค่ำคืนให้จางหายด้วยแสงอุ่นๆ นั้น
“ไม่ว่าเมื่อไหร่ หรืออะไรจะเกิดขึ้น เราจะผ่านมันไปด้วยกันครับ”หัวใจไม่ได้เต้นแรงหรือลิงโลดอย่างบ้าคลั่ง คะน้ากำลังนิ่ง ...นิ่งเหมือนจะหยุดหายใจ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ มันหลายหลาย ฉูดฉาด พร่างพรู และท่วมท้นจนยากจะสรรหาคำใดมาอธิบายความรู้สึก สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดและเขาก็รู้สึกมั่นใจนั่นคือความปิติดีใจที่ก่อตัวขึ้นมาจนล้นเอ่อ
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่าง” คะน้าค่อยๆ เอ่ยขึ้น
“...รวมทั้งคืนก่อนด้วย”ความรู้สึกที่เพิ่งได้รับมาใหม่ทำลายกำแพงที่ซุกซ่อนความจริงที่คะน้าพยายามปกปิดเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว เขาไม่ได้เผลอที่จะพูดมันออกมา เขาตั้งใจ ...ตั้งใจที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกขอบคุณ
“คืนก่อน?” ตุลทวนคำพูดแล้วชะงักไป ใบหน้าที่ดูมีชีวิตชีวาตลอดเวลาซีดเผือดเหมือนไร้สีเลือด คะน้ามองทุกอย่างตรงหน้าแล้วระบายรอยยิ้ม เขาเป็นคนเรียนรู้ไวพอสมควร ชายหนุ่มจึงยกมืออีกข้างของตัวเองขึ้นมาวางทับไปบนมือของตุล ...การวางที่ปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสระ
“ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไง ผม...รู้สึกดีขึ้นมากครับ”
แม้ว่าใบหน้าจะดูสดชื่นขึ้น หากแต่ร่องรอยแห่งความรู้สึกผิดนั้นยังฉายชัดเต็มวงหน้า “ผมขอโทษ ผมไม่ได้อยากให้คุณต้องลำบากใจ ผม...”
“ผมไม่ได้ลำบากใจอะไรครับ ขอบคุณมาก” คะน้าย้ำอีกครั้งถึงความรู้สึกในใจ ความรู้สึกที่ดีต่อกันนั้นไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย เมื่อมันอยู่ในกรอบที่เหมาะสม มันจึงมีเพียงความรู้สึกดีๆ ที่มอบให้กลับไป
“ตุลบอกว่ากลับมาสักพักแล้ว ที่น้องจิ๋วมาซื้อไอติมที่ร้านทุกวัน เวลาเดิมซ้ำๆ นั่น...” ตุลชะงักงัน ชายหนุ่มหันมามองหน้าของคะน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจจนพูดอะไรไม่ถูก
“ผมจำได้ว่าเธอไม่ได้ชอบการทานไอติมกะทิเลย ทุกครั้งที่ผมเห็น ก็อดจะคิดไม่ได้”
สิ่งที่ตามมาคือการเบือนสายตาหนีและเสียงหัวเราะเก้อๆ ของหมอหนุ่ม ร่างสูงหันมาสบตาด้วยอาการมือไม้ผิดที่ผิดทาง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเฉไฉไปอีกอย่าง
“เอ่อ... ว่าแต่ข้อเท้าไม่มีอาการแปลบแล้วใช่ไหมครับ ขยับได้ตามปกตินะ”
“ครับ ไม่แล้วครับ”
“เอ่อ... ครับ” ชายหนุ่มสวมแว่นพยักหน้าหงึกแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ “ไม่มีอะไรครับ พักผ่อนนะครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกได้นะครับ” ตุลเปิดตาราหนาแล้วกดแป้นคอมพิวเตอร์อีกครั้ง สักพักเสียงรัวนิ้วก็ดังขึ้นแบบขาดห้วงไม่เป็นจังหวะ
“คะน้าครับ” เสียงของตุลดังขึ้นอีกครั้งในเวลาไม่ห่าง คนที่ถูกเรียกชื่อเงยหน้าขึ้นมามองไปที่ต้นเสียง ท่าทางของร่างสูงที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นดูกระวนกระวายจนเก็บซ่อนไม่อยู่
“มันยังทันไหม?”“ผมหมายถึงถ้ามันสิ้นสุดแล้ว จะพอให้โอกาสผมได้ไหมครับ” ตุลสบตานิ่ง ใบหน้าดูจริงจัง คะน้าก้มหน้าลงแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมาย ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกเดียดฉันท์หรือรู้สึกไม่ดีกับชายหนุ่มตรงหน้า ตุลเป็นคนดีมากๆ คนหนึ่ง และคะน้าก็เชื่อว่ามันเป็นแบบนั้น แต่ถ้าจะให้กลับไปเหมือนเดิม ความรู้สึกในตอนนี้ของเขามันยากจะอธิบาย
ในสายตาของคนที่ตั้งคำถาม ทุกสิ่งนั้นง่ายที่จะอ่านความรู้สึกได้ชัดเจน ตุลประดับรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า เข้าใจและรู้ซึ้งถึงความลำบากใจของคะน้าได้เป็นอย่างดี แววตาที่สดใสหม่นลงอย่างห้ามความรู้สึกลำบาก
“ผมเข้าใจครับ มันคงต้องใช้เวลา” เสียงนั้นแผ่วและเบาบางจนแม้ตัวผู้พูดยังแทบไม่ได้ยิน
คะน้าเอนศีรษะ ไม่ได้ยินถ้อยคำที่พัดผ่านริมฝีปากที่เพิ่งปิดตัวสนิท หากแต่ภายในหูที่ถูกปรับให้รับน้ำเสียงของตุลอยู่มาเป็นระยะเวลาหนึ่งนั้นทำให้พอจะคาดเดาได้ว่าผู้พูดนั้นสื่อถึงสิ่งใด ในใจในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับทะเลที่แปรปรวน ไม่มีอะไรให้วางใจได้สักอย่าง ไม่มีใครรู้ว่าข้อเท็จจริงต่างๆ นั้นเป็นอย่างไร ทุกอย่างหม่นเหมือนอยู่ในคืนที่ฝนตกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด รอยสีแดงบนคอของตุลนั้นยังทิ่มแทงอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา
“ผมมีเรื่องอยากจะถามครับ มันเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากเข้าไปวุ่นวายเลย” คำถามของเขาทำให้ตุลเงยหน้าขึ้นมอง คะน้าสบตาคู่นั้นกลับด้วยแววตาที่ดูจะไม่แสดงความรู้สึก “เป็นเรื่องที่มันกัดกร่อนความรู้สึกผมมาโดยตลอด”
“อะไรหรือครับ”
“มีครั้งหนึ่ง ผมเห็นรอยแดงที่คอของตุล”
คะน้าหยุด พยายามที่จะเอาชนะอุปสรรคบางอย่างในตัวเอง ก่อนจะเอ่ยทุกถ้อยคำออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ไม่มีการเน้นพยางค์ในเนื้อเสียง ปราศจากความรู้สึก คล้ายกับเป็นถ้อยคำภาษาแปลกถิ่นที่เขาไม่เข้าใจความหมาย
“...มันเป็นรอยที่ฝากไว้จากทิมหรือเปล่าครับ”
ราวกับจะทำลายคลื่นความรู้สึกใดๆ ที่ก่อตัวขึ้นในอากาศจากการเอ่ยประโยคคำถามนั้น คะน้าแจงเหตุผลในการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวที่สั้นและกระชับในความหมายในนาทีถัดมา
“ผมไม่รู้ว่าผมควรจะไว้ใจใครได้บ้าง ผมในตอนนี้เข็ดกับความเชื่อมั่นในตัวใครสักคนไปแล้ว”
ตุลนิ่งสงบ ปล่อยให้มวลอากาศที่ลอยตัวอยู่ทั่วบริเวณดูดซับความไหวสะท้านที่ก่อตัวขึ้นในใจ ในชั่ววินาทีที่ตามมา หมอหนุ่มที่แสนสุภาพเหมือนจะดึงเปลือกนอกออกทั้งหมด แล้วกลับสู่ความลับที่ซุกซ่อนไว้ภายในส่วนที่ไม่น่าจดจำที่สุดของใจ
“ผมขอโทษครับ ...ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง”
“สุดท้าย... มันคือเรื่องจริงสินะ”
แม้จะยังสั่นไหวอยู่บ้าง กระนั้นน้ำเสียงนั้นก็ดูจะปรับความรู้สึกได้ดีจนเจ้าตัวยังนึกประหลาดใจ ภายหลังเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผลักให้คะน้าก้าวเข้าไปในตำแหน่งของผู้สูญเสียที่ไม่เหลือสิ่งใดจะเจ็บช้ำไปมากกว่านี้ สิ่งหนึ่งที่จะธำรงค์มั่นไม่สั่นคลอนคือตัวตนของเขาเอง และความเป็นจริงที่ดูจะหายากยิ่งในช่วงเวลาเหล่านี้
...น่าเกลียดและไม่น่าฟังแค่ไหน เขาก็ต้องยอมรับมันให้ได้“มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย มันเป็นเรื่องแย่ๆ ที่ผมอยากจะลบไปให้หมดจากความทรงจำ ...ให้ตายเถอะ ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากให้คุณต้องมารับรู้อะไรพวกนี้จริงๆ” ตุลถอนหายใจและขยับมือไปมา
“การปิดบัง บางทีก็ชั่วช้าไม่ต่างกับการโกหก และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดเช่นกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมอยากพูดนะ แต่ผมมันก็แค่คนขี้ขลาด ใจผมมันสั่นจนไม่กล้า ผมกลัวการสูญเสีย ไม่อยากยอมรับว่าตัวผมเองทำให้คนที่รักที่สุดต้องเสียใจ”
“บอกความจริงมาเถอะครับ” คะน้านั่งนิ่ง สูดลมหายใจเข้าเหมือนคนเล่นหมากรุกที่กำลังตัดสินใจวางหมากตัวสุดท้ายบนกระดาน
“วันนั้น ที่ห้องพักผมในโรงพยาบาล เราพูดคุยกันเรื่องความหลังที่ไม่น่าจดจำ ดื่มกันนิดหน่อย แล้วอะไรๆ มันก็เป็นไปในทางที่ไม่ควรจะเป็น ผมไม่รู้ เราอยู่ใกล้กันเกินไป และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย” เสียงของตุลสั่นเมื่อเอ่ยถึงสถานที่แห่งนั้นอีกครั้ง ร่างสูงบีบฝ่ามือตัวเองด้วยท่าทีที่กระวนกระวาย ทั้งหมดดูจะเป็นการกระทำที่ไม่รู้ตัว
“แล้วมันก็เกิดขึ้น ...ทิมทำคิสมาร์กบนคอของผม”
“ไม่ได้เมามาย ไม่ได้พลั้งเผลอ ใจที่ต่ำทรามของผมในตอนนั้นมันเต้นด้วยความฮึกเหิม เมื่อทิมไม่คิดจะหยุด ผมก็เลวพอจะปล่อยให้เกมมันดำเนินต่อไปโดยไม่ได้ขัดขืน” เสียงนั้นติดขัด ความลื่นไหลจางหายไป ทุกอย่างอยู่ในความเงียบที่น่าหวาดหวั่น
“ผมมันเหี้ย เหี้ยเองจะไปโทษใคร” คำพูดแรกถูกเค้นออกจากลำคอที่แหบแห้งและแข็งราวกับก้อนหินนั้น ไม่อาจทัดเทียมกับถ้อยคำต่อมาที่ทำเอาทุกความรู้สึกของคะน้าไหวจนสะท้าน
“เรา... เราจูบกัน”
ตุลเม้มปากแน่น ความสั่นเทาแผ่ซ่านไปทั่วกล้ามเนื้อใต้ผิวกายของตัวเอง ในช่วงสองถึงสามวินาทีนั้น คะน้าเหมือนถูกตรึงด้วยเชือดที่รัดบนลำคอ บิดและรัดแน่นขึ้นจนความรู้สึกที่เคยอยากค้นหาความจริงนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวที่จะได้รับรู้ขึ้นมาทันที
“ทุกอย่างในคืนนั้น มันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเราทั้งสองคน”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เอ่อ... อย่าเพิ่งดักซ้อม ฟาดหัว หรือเอาระเบิดมาปาหลังคาบ้านคนแต่งนะครับ
ต่ายน้อยซวยได้อีก น่าตกใจ และมีเรื่องให้เสียขวัญได้อีกไม่จบสิ้น เอาใจช่วยต่ายหน่อยนะ
ตอนนี้ ขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาสามตลบจนจนไปอีกตอน ใกล้แล้วขอเพิ่มเข้มข้นขึ้นอีกนิด
อยากให้แข็งใจอ่านกันต่ออีกหน่อยนะครับ ตอนต่อไป ทิมโผล่อีกรอบ จะเป็นยังไงลองมาลุ้นกันดู
ยังไงจะพยายามมาให้ได้เร็วๆ ในช่วงนี้นะครับ จะได้ไม่รู้สึกค้างคากับผมที่ขมวดจนเวียนหัว
สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงสอบ ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี ได้คะแนนเยอะๆ กันถ้วนหน้านะค้าบบบ