สวัสดีครับ ช่วงนี้เหมือนจะฟิตเนอะ อัพเข้าไปสิ เหมือนเก็บกดมาจากไหนสักอย่าง
ขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะมาทักทายและให้กำลังใจกัน +1 นะครับ
ตอนที่ 28 มาแล้วล่ะ คำเตือนก่อนอ่าน อาจมีอาการคันไม้คันมือระหว่างอ่านก็เป็นได้ 5555
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 28คืนที่นกกลืนดาวจนหมดฟ้า แสงสีเงินลอดกายผ่านเถาไม้จนเกิดเงาทอดยาวเป็นเส้นสาย ช่อบุหงาส่าหรีสีขาวที่เหมือนโรยตัวลงมาจากปุยเมฆส่งกลิ่นหอมบางเบาในอากาศยามค่ำคืน สายลมพัดพริ้วกรีดตัวเป็นลายบรรทัด นิ้วของผมจับดินสอที่ว่างเปล่า ขีดเขียนตัวหนังสือมากมายในอากาศ พลิกสู่กระดาษหน้าใหม่ของนิทานที่แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้ตอนจบ
“แนนชอบพี่คะน้าค่ะ”คะน้าวางแขนลงบนขอบกระจกผืนบางของสระว่ายน้ำไร้ขอบ พระจันทร์สะท้อนเป็นวงกลมเหมือนเหรียญบาทขนาดใหญ่ที่หล่นอยู่ใต้สระน้ำชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียม มีเพียงแผ่นแก้วบางใสที่กั้นท้องฟ้าเหนือกรุงเทพกับผืนน้ำที่เย็นสบาย ดวงตาทั้งคู่จ้องมองแสงสีของมหานครที่ไม่เคยหลับไหลซึ่งตัดกับเส้นสีดำที่ปลายขอบฟ้า
“เรื่องวันก่อน แนนจำไม่ได้ว่าคืออะไร แต่เมื่อทบทวนดูแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้แนนแน่ใจ พี่ใจดีกับแนนมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่พี่คะน้ารักษาเกียรติของแนนไม่ให้ถูกทำลาย” ร่างบางสั่นไหวไปด้วยความประหม่า ใบหน้าของหญิงสาวระเรื่อแดงและดูปราศจากความมั่นใจผิดกับทุกครั้ง “มันน่าอายมากๆ แนนไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ความรู้สึกของแนนมันค่อยๆ เปลี่ยนไป”
“แนนก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังยืนตรงหน้าผู้ชายที่แนนรู้สึกดีๆ ด้วยแล้วขอความรักจากเขา ถึงแม้แนนจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่มันก็ไม่ง่ายเลย แนนรู้ดีว่าถ้าถูกพี่ปฏิเสธ มันก็คงทุเรศมากและไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน แต่แนน... แนนอยากลองเสี่ยงดูค่ะ”
“ถ้าพี่คะน้ายังไม่มีใคร ...จะรังเกียจไหมคะ ที่เราจะลองคบๆ กันดู”
ผมในเวลานั้นได้แต่ยืนแข็งทื่อ เหมือนกับไม่เข้าใจถ้อยคำมากมายที่ผู้หญิงตรงหน้ากำลังพูดอยู่แม้แต่น้อย หลายวันที่ผ่านมาแนนแวะมาที่ตลาดเกือบทุกวัน เธอมาเดินซื้อข้าวของและก็เลยแวะมาซื้อของที่ร้านตามโอกาส แต่มันก็เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ผมไม่รู้ว่านี่มันเรื่องตลกอะไร ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะมีใครเอามาล้อเล่นไม่ใช่หรือ แต่เธอก็ดูจริงจังกับเรื่องที่ผมไม่อยากแม้แต่จะจดจำ ...จริงจังจนผมกลัว
“ขอโทษครับ คือ... คือพี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่คือแนนเป็นผู้หญิงที่สวย แล้วก็...”
คำพูดตะกุกตะกักดูเหมือนจะมีแค่อากาศที่รับฟังเมื่อเธอหันตัวกลับแล้วเดินจากไปช้าๆ นี่คือสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในเวลานั้น แต่สายตาคู่นั้นทำให้รู้สึกใจไม่ดี ไม่ใช่แค่ความผิดหวังที่เจืออยู่ในแววตาที่กลมโตชวนมองนั้น มีความรู้สึกบางอย่างในนั้น ...สิ่งที่ทำให้ผมกลัว
เสียงวักน้ำดังขึ้นพอๆ กับจังหวะที่น้ำกระจายลงบนหัว ทิมกอบน้ำจากทั้งแขนแล้วยกขึ้นปาใส่หน้าราวกับจะให้เจ็บ ...หัวเราะซะมากมาย คะน้าหันไปต่อยกระพุ้งน้ำกลับ ต้นเรื่องเอี้ยวตัวหลบแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี ฝ่ามือกว้างขยี้ลงบนหัวแล้วเลื่อนลง วาดวงแขนกอดเหนี่ยวคอของเขาแล้วดึงเข้าหา
“หนาวเปล่า” ...หมอนี่ก็ทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งสิน่า คะน้าหันกลับไปวาดสายตาเขม่น จงใจกวนโทสะ
“ถ้าตอบว่าหนาวจะเปลี่ยนเป็นสระน้ำอุ่นให้เหรอ”
“เถียง มีเถียง” ทิมล็อคคอแล้วดึงเข้าใกล้ หอมลงบนแก้มของคะน้าฟอดใหญ่จนปัดป่ายไม่ทัน
“ไอ้นี่...” คะน้าโวยวาย แต่คราวนี้เป็นที่ริมฝีปากที่โดนจู่โจมเหมือนจงใจให้อีกฝ่ายหุบปากลงเสียที คะน้าทั้งดันทั้งถีบ พอหลุดออกมาได้ทิมก็ยักคิ้ว หัวเราะชอบใจ
“เถียงอีกไหม เอาเลย มีปากก็เถียงเข้าไป เถียงอีกสิ”
...เขาจึงง้างขาแล้วถีบลงกลางยอดอกของคนที่ยืนท้าไปหนึ่งที
แปลกไหมที่ผมจะหวาดกลัวกับการสูญเสีย ไม่รู้จริงๆ ว่าความสุขในเวลานี้ มันจะอยู่กับผมไปได้อีกนานแค่ไหน ลางสังหรณ์ประหลาดบอกว่าไม่ช้าก็เร็ว แนนจะต้องพาเรื่องปวดหัวครั้งใหญ่มาให้กับเขาแน่ๆ และถ้าโชคร้าย คือหมายถึง... ถ้าลางสังหรณ์บ้าๆ นี้มันแม่นยำพอ ในเวลาเหล่านั้น เขาจะรับมือกับมันยังไง
แรงตึงของผ้าปูเตียงที่ดูจะนิ่งจนไม่คลายขยับและเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของอีกคน ทำให้คะน้าลืมตาขึ้นในความเงียบ พลิกตัวไปอีกด้านมองทิมที่นิ่งสงบราวกับรูปปั้นของปฏิมากรชั้นเอกเบื้องหน้า เอื้อมมือออกไปจับหน้าผากของคนที่นอนอยู่ ปลายนิ้วลูบเบาๆ บนผมเส้นเล็กนุ่มละเอียดมือ
“คนแบบนายจะเลือกใครก็ได้ มันไม่ยากเลย ทำไมนะ? กลับมาเป็นคนธรรมดาแบบนี้ หึ... แถมยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก” คะน้าหัวเราะให้กับตัวเองเบาๆ ท่าทีนั้นเหมือนจะข่มความรู้สึกของความหวาดหวั่นในใจเสียมากว่าจะรู้สึกตามที่แสดงออกไป
“แล้วคนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน มันจะมั่นคงไปได้แค่ไหนนะ”
คะน้าถอนหายใจเบาๆ หลายวันมานี้ เขาไม่อาจสลัดภาพของแนนที่ได้เห็นในวันนั้นได้ แววตาที่ดูแปลกตากว่าที่เคยเห็น มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่อยากจะพูดออกไปให้คนที่นอนอยู่ต้องพลอยมาเครียดกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ความรู้สึกในตอนนี้ก้ำกึ่งระหว่างปิดบังและหวังดีจนคะน้าไม่รู้ว่ามันดีหรือเปล่า ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนแบบเขาคงทำได้เพียงสารภาพในเวลาที่อีกฝ่ายหลับไหลในความฝันที่สวยงาม
“เฮ้อออ... ทิม... กูไม่สบายใจกับผู้หญิงคนนั้นเลย บอกตามตรงว่าเขาทำให้รู้สึกแปลกๆ เขาสนิทกับครอบครัวนายใช่ไหม มันจะเป็นอะไรหรือเปล่า ถ้ากูจะไม่ดูแลใส่ใจเขา ถ้ากูจะไม่พูด จะไม่คุยอะไรกับเขาเลย”
“แล้วมันจะทำให้นายลำบากหรือเปล่า ถ้าเผื่อว่ากูเผลอแสดงออกอะไรที่อาจไม่ดีออกไป” คะน้าป่ายเส้นผมที่ไม่เป็นระเบียบบนใบหน้าที่นิ่งสงบไปด้านข้าง ดวงตาจ้องมองทิมด้วยความรู้สึกที่มีความหมายมากมาย
“ถ้ากูเผลอทำให้เขารู้... ว่ากูรักมึงแค่ไหน”แสงนวลของพระจันทร์แทรกผ่านผ้าม่านสีอ่อนชั้นนอกลงมาสัมผัสกับผิวเนื้อของชายหนุ่มที่นอนหลับตาอยู่ ร่างสูงที่ในเวลากลางวันดูกราดเกรี้ยวกลับดูอ่อนเดียงสาบนหมอนนุ่มๆ ที่นอนหนุน รอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากดูน่ามองจนคะน้าอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“กูอยากให้เบาใจนะ ไม่อยากให้นายต้องเหนื่อยหรือดูแลอะไรมากไปกว่านี้ ทุกวันนี้ ที่กูได้มา มันก็มากพอแล้ว มันมากมายจนไม่รู้จะขอบคุณยังไงไหว” คะน้าจูบเบาๆ บนสันแก้มที่โหนกสูงแล้วเลื่อนริมฝีปากไปกระซิบข้างๆ ใบหู
“ขอแค่อยู่ข้างๆ กันแบบทุกวันนี้ สำหรับกู แค่นั้นก็พอแล้ว แล้วกูจะพยายามจัดการทุกอย่างนะ กูไหว จะไม่ให้ต้องเป็นห่วง”
คะน้าหอมเบาๆ ลงที่แก้มของทิมอีกครั้ง แล้วล้มตัวลงนอน มองแสงสีเงินที่ค่อยๆ เลือนลงจนกลายเป็นสีขาวโพลน แล้วทุกอย่างก็ดำดิ่งสู่สีดำที่มืดสนิทพร้อมกับอ้อมกอดของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ที่กระชับแน่นกว่าเดิม
อาหารมื้อเช้าส่งกลิ่นหอมเตะจมูก นับจากที่สถานะเปลี่ยนแปลงไป ดูเหมือนว่าทิมจะดูแลเอาใจใส่มากขึ้นไปอีก ไม่เพียงแต่ที่ตัวของเขา หากแต่เผื่อไปที่ครอบครัวของเขาด้วย อาหารมื้อเช้าสำหรับผักกาดหรือแม้แต่ตัวคะน้าที่ปกติเป็นแค่เพียงกาแฟสำเร็จรูปเทซอง ชงง่ายๆ กลายเป็นมื้ออาหารจริงจังอุดมไปด้วยโภชนาการ
ข้าวต้มหมูใส่หม้อหิ้วขนาดใหญ่ถูกลำเลียงลงไปที่ห้องของคะน้า สภาพของชายหนุ่มเจ้าของห้องงัวเงียจับใจ แต่ผู้เป็นพี่สาวกลับแล้วกว่า ผักกาดหาวหวอดๆ เอามือเกาหัวเหมือนโดนบังคับให้มาร่วมโต๊ะอาหารอย่างไม่เต็มใจ
“ไม่ง่วง ไม่เหนื่อยเหรอ ลุกขึ้นมาทำแต่เช้าแบบนี้” คะน้าถามด้วยความเกรงใจ แม้รู้ว่าทิมจะจัดเตรียมบางส่วนไว้ตั้งแต่กลางคืนก่อนนอนก็ตาม พ่อครัวแค่เพียงหันมามองแล้วไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนเจ้าตัวจะมีความสุขเสียด้วยซ้ำ ...รอยยิ้มแบบนั้นดูคุ้นๆ ตา
“พี่ผักกาดทานเยอะๆ นะครับ” บรรจงตักใส่ชามข้าวของหญิงสาวพร้อมรอยยิ้ม เล่นเอาคนขี้เซาแบบผักกาดส่ายหัวยอมแพ้แล้วแย้มริมฝีปากตาม
“ขอบคุณค่ะ แหม... เอาใจเจ้เหลือเกินนะ กลัวเจ้เปลี่ยนใจหรือไง” ทิมยิ้มน้อยๆ เขาไม่ได้ตอบอะไรคำล้อเลียนของหญิงสาว ไม่รู้ว่านั่นคือการยอมรับโดยทีหรือเปล่า
มื้อเช้าเริ่มต้นขึ้น และเป็นการเริ่มต้นที่ดีของหลายๆ วันในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าวต้มหมูใส่เห็ดหอมง่ายๆ ของทิมยังมีรสชาติมหัศจรรย์สำหรับคะน้าและผักกาดไม่เปลี่ยนแปลง ไม่กี่นาทีหลังจากช้อนแรก ชามก็ดูว่างเปล่า หลังอาหารเช้าผักกาดแยกตัวไปทำงาน ส่วนคะน้าติดรถของทิมไปที่ตลาด เขาออกช้าลงตามเวลาทำงานของทิมแทนที่จะเป็นเวลาเช้ามืดแบบปกติ แผงของคะน้าในเวลาเช้ามืดนั้นไม่ได้วุ่นวายเหมือนแผงอื่นๆ ไอศกรีมเย็นๆ ที่ขายตอนเที่ยงไปถึงบ่ายต้นๆ ดูจะทำให้ระหว่างวันเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งเหยิงมากกว่า
ด้วยคำสั่งห้ามเหยียบไปที่ไซด์เด็ดขาด ทุกเย็น ทิมจึงเป็นฝ่ายที่มาหาถึงแผง การปรากฏตัวของเทพบุตรในตำนาน เรียกรอยยิ้มให้กับจันทูทุกครั้งด้วยที่คิดว่าของตนมีเสน่ห์ไม่ธรรมดา ก็เล่นเอาคะน้ามึนตึ๊บไปหลายครั้งและก็ยังไม่ชิน ...ไม่บ่อยที่จะเป็นแบบวันนี้
ดูเหมือนว่าทิมจะเลิกงานช้ากว่าปกติ คะน้าจึงไปรอทิมที่บริเวณที่จอดรถข้างๆ ตลาด แม้บริเวณใกล้ที่จอดรถก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกอึดอัด ของค้าของขายมีตลอดแนวให้ดูได้เพลินตา ส่วนมากจะเป็นของทานเล่นซื้อง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ลูกชิ้นเอ็นหมูปิ้งเจ้าอร่อยถูกส่งเข้าปาก น้ำจิ้มรสหวานเผ็ดที่ราดจนชุ่มให้รสชาติกลมกล่อมกำลังดี กลิ่นหอมๆ แบบที่เพิ่งออกจากเตาปิ้ง เรียกน้ำลายให้เตรียมทำหน้าที่จนเต็มปาก
อื้มมมมม... อร่อยจริงๆ
อะไรจะสุขใจไปมากกว่านี้! คะน้ายิ้มให้กับลูกชิ้นหมูปิ้งตรงหน้าอีกครั้ง โชคดีที่ความเป็นคนคุ้นกันทำให้พี่ศักดิ์แถมให้อีกไม้ฟรีๆ ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ...ลูกแล้วลูกเล่าถูกส่งเข้าปากชายหนุ่มอย่างเพลิดเลิน
“อยู่ที่นี่เองหรือคะ”
เสียงหวานดังขึ้นที่ด้านหลัง แม้ไม่ต้องหันไปมองคะน้าก็พอจะเดาได้ว่าเป็นเสียงของใคร ...ลูกชิ้นปิ้งในมือหมดอร่อยโดยไม่รู้ตัว แนนเดินอ้อมร่มไม้มาทางด้านหลัง ปัดเศษฝุ่นของม้านั่งแล้วค่อยๆ ย่อตัวลง ในมือหญิงสาวคือไอศกรีมกะทิของที่แผงคะน้า ...คงเป็นจันทูที่ขายให้กับเธอในตอนที่เขาออกมาแล้ว
“ไอศกรีมของพี่คะน้าอร่อยดีนะคะ แนนชอบมากเลย”
เกร็ดน้ำแข็งสีขาวในถ้วยดูเหมือนจะพร่องไปเพราะไอร้อนมากกว่าจะถูกทานโดยผู้ที่ซื้อมา กระนั้นชายหนุ่มก็ยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดของหญิงสาวร่างเล็ก นึกขอบคุณที่ช่วยซื้อหาของจากที่แผงเขา
“ขอบคุณครับ”
“พี่คะน้ายังไม่กลับบ้านหรือคะ”
“อ่อ... ครับ อีกเดี๋ยวก็คงกลับแล้วครับ”
“รอพี่ทิมอยู่หรือคะ?”
เป็นคำถามที่คะน้ารู้สึกถึงความอึดอัดที่เริ่มก่อต่อขึ้น ลึกๆ แล้วเขารู้ดี ไม่ใช่ว่าถ้าตอบคำถามไปแล้วอะไรๆ มันจะจบลงง่ายๆ แนนมีเจตนาบางอย่างแฝงอยู่ในคำถามนั้น เพียงแต่เขาแค่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ทำไมคะ พี่คะน้าทำเหมือนอึดอัดที่จะตอบ” ร่างบางหัวเราะน่ารักราวกับบ่งว่ามันก็แค่คำถามทั่วไป
“ตอนนี้พี่ทิมทำงานอยู่น่ะค่ะ ค่อนข้างจะยุ่งหน่อย แล้วก็คงจะอีกนานเลยล่ะค่ะกว่าจะเสร็จ แต่แนนออกมาก่อนค่ะ อยากจะมาซื้ออะไรเย็นๆ หวานๆ ทานให้ชื่นใจหน่อย แนนเลยนึกถึงพี่คะน้าก่อนใครเลยนะคะ” แนนพูดพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะเอื้อมมือที่ถือถ้วยไอศกรีมที่เริ่มละลาย ...แล้วปล่อยลงในถังขยะใกล้ๆ
“...คือแนนกลัวอ้วนน่ะค่ะ”
“ผู้หญิงนี่นะ ก็ต้องกลัวเรื่องพวกนี้บ้างล่ะค่ะ พี่คะน้าคงไม่ว่ากันนะคะ” เธอหันมายิ้มน่ารักด้วยดวงตาสดใส เสียงหวานๆ ออดอ้อนจนน่าเอ็นดู คะน้ายิ้มน้อยๆ พอจะเข้าใจเรื่องที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักกังวล หญิงสาวส่งยิ้มกลับ
“พี่คะน้าใจดีจัง เข้าใจใช่ไหมคะ ว่าแนนก็แอบเครียดๆ เหมือนกัน” หญิงสาวกระพริบตาน่ารัก “จะว่าไปแนนนี่โชคดีจังเลยนะคะ ที่พี่คะน้าไม่ถือความกับแนนในวันก่อน วันที่แนนเมาๆ น่ะค่ะ เผลอทำอะไรลงไป เผลอพูดอะไรออกไปบ้างก็ไม่รู้ แนนจำไม่ค่อยได้เลย”
“อ่อ... ไม่เป็นไรครับ อย่าคิดมากเลย” คะน้าก้มหน้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ รู้สึกหนักใจกับท่าทีและรอยยิ้มใสๆ ของหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูก แนนผ่อนลมหายใจพร้อมรอยยิ้มหวานแล้วหันมาสบตา
“แนนจำไม่ได้จริงๆ เลยค่ะ ที่ถามว่าพี่คะน้าชอบผู้หญิงหรือเปล่านี่ พี่คะน้าตอบว่าอะไรนะคะ”
คะน้ารู้สึกชาไปทั้งหน้า อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่ๆ กว่าจะตั้งสติได้ ก็เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ด้วยความตกใจราวกับถ้อยคำที่ได้ยินนั้นเป็นเขาที่หูแว่วไปเอง คะน้ากระพริบตาถี่ ตั้งรับกับคำถามที่จงใจจู่โจมนั้นไม่ทัน และที่ร้ายกาจไปกว่านั้นคือรอยยิ้มน่ารักและดวงตาใสราวกับน้ำค้างที่แวววา คล้ายกับสิ่งที่เพิ่งพูดออกมานั้นเป็นเรื่องทั่วไปที่เธอเพียงแค่อยากรู้แบบเด็กน้อยช่างสงสัย แนนหัวเราะคิก ดวงใสๆ พราวจนน่ากลัว
“ว่ายังไงนะคะ แนนลืมน่ะค่ะ จำไม่ค่อยได้ว่าตอนนั้นพี่คะน้าตอบอะไร” ร่างเล็กค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้
“หรือว่ากลัวความจริงเปิดเผยจนไม่กล้าตอบนะคะ”
คะน้ากลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น และไม่เข้าใจในท่าทางที่เปลี่ยนไปราวกับพลิกหน้ามือของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย ภาพลักษณ์ต่างๆ ที่ใครๆ ต่างชื่นชมเอ็นดู ใบหน้าที่น่ารัก และรอยยิ้มแบบใสซื่อนั้น คือเปลือกนอกที่ฉาบเอาไว้เพียงพื้นผิวเท่านั้นจริงๆ หรือ
แนนสบตาพร้อมกับรอยยิ้ม หญิงสาวเอียงใบหน้าน้อยๆ แล้วทำหน้าไม่รู้เดียงสา
“ว่ายังไงคะ พี่ไม่ตอบอีกแล้ว หรือไม่เข้าใจคำถามนะ” ร่างเล็กยกนิ้วขึ้นแตะที่ขมับแล้วเคาะเบาๆ เหมือนครุ่นคิด ริมฝีปากรั้นเหมือนคนที่คิดไม่ตก “หรือแนนพูดอ้อมค้อมไปนะ งั้นก็ถามตรงๆ เลยแล้วกันนะคะ”
“พี่คะน้าเป็นเกย์หรือเปล่าคะ เกย์น่ะค่ะ ผู้ชายที่มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน แล้วก็มีอะไรกันน่ะคะ” แนนยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วยิ้ม “...แบบนี้ชัดพอไหมคะ จะยังไม่เข้าใจอีกหรือเปล่านะคะ”
“ว่ายังไงคะ แนนสงสัย อะไรแบบนี้ ผู้หญิงแบบแนนไม่เข้าใจน่ะค่ะ”
หญิงสาวรุกหนักจนคะน้าไม่รู้จะพูดตอบไปว่าอะไร ถ้าหนทางให้เลือกมีอยู่แค่เพียงสองอย่างคือการพูดความจริง ...ความจริงที่อาจจะทำร้ายทิม หรือคำโกหกเพื่อซื้อเวลา แต่มันคงอาจทำร้ายเขาต่อไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนัก พยายามมองหาตัวเลือกอื่นๆ ที่จะดีกับทุกฝ่ายมากกว่านี้
“แค่ใช่หรือไม่ใช่เองค่ะ มีอะไรให้พี่ลังเลหรือคะ”
“พี่...”
“พี่อะไรคะ แนนรอฟังอยู่ ตอบสิคะ” แนนส่งเสียงหวาน มือเล็กค่อยๆ เอื้อมมาบีบต้นแขนของคะน้าแล้วออกน้ำหนัก “เป็นเกย์หรือเปล่า ตอบสั้นๆ ก็จบ มีอะไรให้คิดหนักคะ”
ในเสี้ยววินาทีที่ความคิดเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวาย คะน้าพยายามชั่งน้ำหนักในใจของตัวเองซ้ำมาซ้ำไป ลงท้ายแล้วเมื่อเขาหาตัวเลือกอื่นไม่เจอ บางทีการเลือกทางที่จะทำให้ตัวเองให้เจ็บปวดนั้น อาจจะดีกว่าที่เขาจะต้องทำร้ายทิม
“ช้าจังเลยค่ะ” เสียงที่เคยแว่วหวานสะบัดห้วนขึ้นด้วยความไม่พอใจจนเริ่มออกทางสีหน้า “เอาแบบนี้แล้วกันนะคะ จะว่าอะไรไหมคะ แนนถามไปรวดเดียวเลยดีกว่า ให้พี่คะน้าตอบให้จบทีเดียว”
“พี่คิดอะไรกับพี่ทิมหรือเปล่าคะ เข้ามาตีสนิท เข้ามาใกล้ชิดเพื่อที่จะทำอะไรหรือเปล่า เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ คิดว่าความสนิทจะเปลี่ยนให้พี่ทิมหันมาสนใจพี่แบบอื่นที่มากกว่าเพื่อนหรือเปล่า ว่ายังไงคะ เป็นคนเข้าใจ เห็นใจผู้หญิงไม่ใช่เหรอ แล้วเข้าใจไหมคะ แล้วว่าแนนหมายความว่าอะไร แล้วเห็นใจแนนไหมคะ ว่าแนนจะรู้สึกยังไง”
คะน้าถอนหายใจหนักกับคำถามที่ถาโถมเช่นมาราวกับพายุที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างตรงหน้าให้เป็นจุล ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าคำตอบในแต่ละคำถามนั้นคืออะไร ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหญิงสาวต้องการสิ่งใด คำตอบอาจจะไม่จำเป็นด้วยซ้ำสำหรับแนนในเวลานี้ มันมีหน้าที่เพื่อระบายความชิงชังมากกว่าจะอธิบายให้เข้าใจอะไร และดูเหมือนว่าแนนจะจงใจเลือกเวลาที่ทิมไม่อยู่มาเพื่อตั้งคำถามจู่โจมเหล่านี้ นั่นหมายความว่าลึกๆ แล้วเธอน่าจะพร้อมที่จะไม่พูดถึงทิมในแง่ร้ายๆ และถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็เบาใจไปหนึ่งเปลาะ พร้อมแล้วกับคำโกหกที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวด
“พี่...”
“พี่อะไรคะ อ้ำอึ้งอะไร”
“พี่... พี่ไม่ได้เป็น...”
“ไม่ได้เป็นอะไรคะ ไม่ได้เป็นเกย์ หรือว่าไม่ได้เป็นผู้ชายคะ? อย่ามาโกหกกันเลยดีกว่าค่ะ” ผู้ที่เอ่ยถามดูเหมือนจะไม่รับฟังถ้อยคำใดๆ อีกแล้ว ร่างเล็กลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาประจันตรงหน้าแล้ว คะน้าถอนหายใจหนัก ลำบากใจกับโทสะที่ถาโถมของคนที่ยืนประจันหน้า
“แนนเห็นพี่คะน้าจูบกับพี่ทิม”(มีต่อด้านล่างครับ)