สวัสดีครับ ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกๆ คอมเมนต์นะครับ ขอกอดหน่อยๆๆ
เฮ้อ ดีใจจัง ที่ยังมีคนตามอ่านมากขนาดนี้ (ทั้งๆ ที่หายจ๋อมไปนานเหมือนกัน)
จะว่าไปตอนนี้เพิ่งเห็นก็ไม่ยาวมากนะครับ แต่ลงรวดเดียวสงสารหมอ 555
เอาล่ะ ตอนที่ 13 ครึ่งหลังครับ แม่ยกทั้งหลาย สิ้นสุดการรอคอยกันเสียที ^ ^
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)
...ทิมนั่งอยู่บนเตียงนอนของเขา!“กลับซะดึกเลยนะ ไปไหนมา” เสียงดุดันกว่าทุกๆ ครั้ง
และแววตาคู่นั้นก็จับจ้องอย่างคาดโทษ
อันที่จริงควรจะเป็นเขาไม่ใช่หรือที่ควรจะโมโห
ที่จู่ๆ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญโผล่เข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอนของเขา
คะน้าไม่ได้ตอบอะไร มองกวาดสายตาไปที่เตียงนอนที่ยับย่น
ก่อนจะไล่สายตาขึ้นมองสภาพของชายหนุ่มที่นั่งจ่อมอยู่
ผมกระเซิงและดวงตาปรอยๆ แบบคนที่เพิ่งตื่นนอน
ทิมคงนอนบนเตียงเขามานานพอสมควรแล้วแน่ๆ
...เรื่องที่น่าประหลาดกว่าคือแทนที่เขาจะโมโห
กลับกลายเป็นขำกับสภาพเสือพยายามจะดุของทิมในตอนนี้
“มีอะไรล่ะ” คะน้าตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
“หายหัวไปไหนมา” แสดงออกถึงความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบัง
แต่พอนึกขึ้นได้ ก็ลงท้ายด้วยเสียงอ่อนแบบเด็กๆ ซะงั้น “...ยุ่งเหรอ”
“ก็... นิดหน่อย” เจ้าของห้องเบี่ยงตัวไปอีกด้านเพื่อซุกซ่อนรอยยิ้ม
“ก็แล้วทำไมไม่ไปส่งไอติม การ์ดก็ให้ไว้แล้ว”
“ไม่ได้สั่งนี่”
จริงอยู่ที่ส่วนหนึ่งมันก็เพราะว่าทิมไม่ได้บอกให้ไปส่ง
แต่แท้จริงแล้วคะน้ารู้ตัวดีว่า มันคือข้ออ้างที่ดูดีและฟังขึ้นของตัวเอง
หลายวันมานี้เขาใช้เวลาอยู่กับตุล และลึกๆ ก็รู้ตัวเองดีว่าเมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้กับทิม
อะไรบางอย่างของทิมทำให้เขาหวั่นไหวจนควบคุมตัวเองไม่ได้เสียทุกครั้ง
ไม่อยากให้เรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้นอีก บอกตามตรงว่าเขาอ่านความคิดของทิมไม่ออกเลย
...เอาเถอะ มันไม่ควรจะเกิดขึ้น เราเลือกไปแล้ว แล้วทุกวันนี้ อะไรๆ มันก็ดีอยู่แล้ว
คำตอบของคะน้า ถูกตอบรับด้วยท่าทางที่แสดงออกมาอย่างแจ่มชัดถึงความไม่พอใจของทิม
กระนั้น เจ้าตัวก็พยายามอย่างหนักที่จะสงบนิ่งอยู่ที่เดิม
และมันคงเป็นสิ่งที่ดูจะยากลำบากมากสำหรับเขา
เสียงลมหายใจเข้าออกหนักๆ นั้นเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดี
“มานี่” ทิมเอามือตบลงบนพื้นที่ว่างข้างๆ ตัว คะน้าแกล้งทำเป็นไม่เห็น
เคยระอาใจกับความอวดดีถือดีของทิม แต่บัดนี้กลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว
...บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะร้ายก็ร้ายจนน่ากลัว“...หึ” ทิมกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ เขาลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วเดินไปคะน้าที่ยืนอยู่
“ไม่ไปส่งไอติม แล้วยังขัดคำสั่ง รู้ไหมว่ามีโทษหนัก”
จู่ๆ สองมือของทิมก็รวบตัวคะน้าเข้ากอดจากทางด้านหลัง
ทันทีที่สองมือโอบรัดคนที่อยู่อยู่จนแนบแน่น
ไม่สามารถขยับไปไหนได้ เจ้าตัวก็หัวเราะร่าชอบใจ
“อย่าหือๆ”
...อีกแล้ว
...ความรู้สึกนี้อีกแล้วกลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ทิมคงฉีดไว้บนร่างกาย
สร้างกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสิ่งที่คะน้าไม่เคยเข้าใจว่า
ทำไมแค่สัมผัสถึงกลิ่นบ้าๆ นี่ ก็รู้สึกกระวนกระวายจนสุดจะทนแบบนี้
และทุกอย่างยังดูเหมือนจะเลวร้ายขึ้นได้อีก เมื่อยามที่กลิ่นกายของทิม
ผสมเข้ากับไออุ่นของเจ้าตัว เสียงกระด้างและถ้อยคำที่ฟังไม่เคยจะหวานหู
ที่ดูเหมือนมันจะยิ่งทวีความรุนแรงทบทวี ยามที่อยู่แนบชิดจนไม่มีระยะห่างแบบนี้
...ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยคะน้าพยายามออกแรงแกะวงแขนที่กอดรัดแน่นนั้นออก
แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ยากเย็นกว่าที่คิด
เอาเข้าจริงๆ ดูเหมือนเขาจะไม่มีแรงจะแกะมันเอา
...สมองสั่งให้แกะออก แต่ทำไมร่างกายไม่ค่อยจะยอมทำตาม
“ปล่อยเถอะครับ”
“หึหึ” เสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ของทิมดังขึ้นที่ข้างๆ หู
จากทางด้านหลัง ลมหายใจอุ่นๆ แผ่วรดที่ข้างลำคอ
“ป...ปล่อย” นิ้วมือตัวเองนิ่งอยู่กับที่
จู่ๆ แรงกอดแน่นนั้นก็แผ่วลง ความรู้สึกของความคึกคะนอง
ราวกับมันจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกของความทะนุถนอมในชั่วพริบตา
หากแม้คะน้าจะเห็นแววตาที่ทอแสงลง และหาก
พอจะสัมผัสรับรู้สิ่งที่เจอือยู่ในน้ำเสียงที่แปรเปลี่ยนนั้น
“...พี่ไปไหนมา”
คำถามของทิม เล่นเอาคะน้าจนปัญญาจะหาถ้อยคำ
เสียงที่มีจู่ๆ ก็แหบหายไป คะน้าได้แต่เผยอปากขึ้น แล้วค้างอยู่อย่างนั้น
ก่อนริมฝีปากที่บรรจุถ้อยคำมากมายที่อยู่ข้างในจะค่อยๆ ปิดสนิทลง
...ความรู้สึกนี้ มันคืออะไรกัน“...ไปไหนมา?”
คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามรวบรวมความคิดทั้งหมดที่มี
ชั่งน้ำหนัก และชั่งใจถึงสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ควรจะเป็น
“ไปกับแฟนมา”
รู้สึกได้ถึงความชะงักที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ด้านหลัง ความแนบชิด
ที่ค่อยๆ เว้นระยะห่างออก รวมทั้งวงแขนที่ค่อยๆ คลายตัวลง
“ไปกับแฟนมา” คะน้าย้ำคำหนักแน่น
รู้สึกโล่งใจกับน้ำหนักที่แบกอยู่ในความคิดมาเนิ่นนาน
“แฟน?”
“...คนรักน่ะเหรอ?”
เสียงทิมดูผิดปกติไป ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“อือ”
“ใครน่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เขาถอยห่างออกไป
ได้ยินเสียงทิ้งตัวแรงๆ ลงบนเตียงนอนที่หนานุ่ม
“ช่างเหอะ” คะน้าแกล้งทำไม่รับไม่รู้
“น่ารักป่ะ” ทิมเอ่ยถามเสียงทะเล้น แต่คะน้าก็นิ่งเงียบ
“สวยไหม”
“คงเป็นคนเรียบร้อยแน่ๆ ล่ะ พี่คงชอบแบบนั้นกว่า”
คะน้าแค่ยิ้มตอบน้อยๆ แล้วก้มหน้าก้มตา ไม่ได้พูดอะไร ทุกอย่างนิ่งเงียบ
นานๆ จะมีเสียงหัวเราะแปลกแปร่งของทิมดังขึ้นมา เหมือนจะพยายาม
ทำลายบรรยากาศแปลกๆ นั้น แม้จะก้มหน้าอยู่ แต่คะน้ารับรู้ได้โดยความรู้สึก
...ดวงตาสีดำคู่นั้น คงจับจ้องเขาอยู่อย่างไม่วางตา
“หึ”
จู่ๆ ทิมก็หัวเราะแปลกๆ ขึ้นมาเบาๆ
“แฟนของพี่ ...ผมเคยเห็นหน้าไหม”
คะน้าอึ้งไป ก่อนจะพยักหน้าลงช้าๆ แล้วก้มอยู่อย่างนั้น
“ไม่ใช่ผู้หญิงใช่ไหม”
เสียงลมหายใจแรงๆ ของทิม ดังขึ้นอีกครั้ง คะน้าก้มหน้าที่ก้มไว้อยู่ลงไปอีกระดับ
เสียงทุบฟูกแรงๆ ดังขึ้น คะน้าสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เกินความคิด
เมื่อเหลือบมองดูก็เห็นทิมออกอาการหัวเสียขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล
สันกรามนูนขึ้นจนเด่นชัดจากการบดของฟันที่อยู่ด้านใน
เสียงลมหายใจหนักๆ บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
ดวงตาสีทมิฬที่เคยกลอกกลิ้งซุกซน บัดนี้ แข็งกร้าวลุกวาวดุจเปลวไฟ
ที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกสรรพสิ่งให้วอดวายในชั่วพริบตา
“งั้นเหรอ”
สีดำเข้มคู่นั้นยังคงจับจ้องคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่วางตา คะน้าได้แต่นิ่งเงียบ
ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรที่ดีไปกว่าการนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น
...เนิ่นนานราวกับผ่านพ้นไปหลายชั่วโมง
“หึ”
จู่ๆ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็เค้นหัวเราะขึ้นในลำคอ
รอยยิ้มยวนๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ทิมเอนกายไปด้านหลังพิงตัวไว้กับหัวเตียง
หากแต่ในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้น ยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไป
แววตากร้าวแข็งของทิม ยังจับจ้องเขาอยู่อย่างไม่คลาดสายตา
“...หนึ่ง ...สอง ...สาม ...สี่ ...ห้า” มือกว้างยกขึ้นแล้ววาดนับตามจำนวนนิ้วบนมือ
“เท่าไหร่ถึงจะพอ เฮ้อ... ไม่เอาละ เอางี้ หนึ่งถึงสามสิบ พี่ชอบเลขไหน”
ไม่เข้าใจในความถามที่ดูเหมือนไม่มีที่มาที่ไป คะน้าได้แต่นั่งมึนงงอยู่อย่างนั้น
รอยยิ้มของทิมนั้นดูแปลก และคะน้ารู้สึกไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้นเลย
“ว่าไง เลือกมาสักอันสิ”
“ส...สิบ ...สิบห้า” เดาสุ่มๆ แบบขอไปที
“สิบหรือสิบห้า” ทิมเลิกคิ้วสูง
ริมฝีปากอิ่มแย้มขึ้นน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี
“สิบห้า”
“สิบห้า... ถ้าเริ่มนับตั้งแต่วันนี้... ก็เท่ากับอีกสองสัปดาห์สินะ ...นานจัง”
ทิมลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้านแล้วค่อยๆ เดินตรงมาหาคะน้าอย่างอ้อยอิ่ง
ดวงตาสีดำจงใจจ้องลึกลงไปในดวงตาคนที่นั่งอยู่ราวกับจะแผดเผาให้มอดไหม้ด้วยเปลวไฟ
ก่อนที่ร่างสูงจะทรุดตัวลงนั่งยองๆ ลงตรงหน้าคะน้า
ใบหน้าคมสันเอียงลงเล็กน้อย ทิมค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นมองแล้วยิ้มกริ่ม
“พี่รู้ไหม แต่ไหนแต่ไร... ตั้งแต่เกิดมาอะไรที่ผมอยากได้”
ฝ่ามือกว้างตระกองมือทั้งสองของคนที่นั่งบนโซฟา
ขึ้นมาจับเล่นอย่างเบามือแล้วเงยหน้าขึ้นจ้อง
“...ผมต้องได้”ทิมสบตาลึกด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ เป็นความรู้สึกที่น่าแปลกประหลาดและยากเกินกว่าจะคาดเดา
กระนั้น ดวงตาสีดำที่ดูลึกลับนั้นกลับดูมีบางสิ่งบางอย่างที่น่าค้นหาอย่างประหลาด
อีกทั้งรอยยิ้มบนริมฝีปากอิ่มสีสดนั้นก็ดูเย้ายวนกว่าทุกๆ ครั้งที่เคยจ้องมอง
ร่างสูงกำยำค่อยๆ โน้มเข้ามาใกล้ ...ใกล้เข้ามา กระทั่งไออุ่นของลมหายใจ
ชายหนุ่มรุ่นน้องลามไล้ไปบนใบหน้า ริมฝีปากอิ่มที่คะน้าเคยจ้องมองเมื่อชั่ววินาทีที่แล้ว
บัดนี้มันเคลื่อนเข้ามาใกล้ริมฝีปากของเขา ...ใกล้จนยากจะคาดคะเน
“สิบห้าวันนะ” มีไออุ่นๆ ปะปนมากับเสียงทุ้มที่กระทบผิวปากจนรู้สึกได้
...ใกล้เข้ามา
...ดวงตาคู่นั้นยังคงสบมองอย่างท้าทาย
...และใกล้เข้ามาอีก
...กลิ่นกายที่หอมอ่อนๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้จนอบอวลกว่าทุกที
...ใกล้ ...จนแทบจะแนบชิด
...กระทั่ง
...สีชมพูอิ่มขยับเผยอขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยๆ แนบสัมผัส
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่พร่างพรายนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในแววตา และเพียงเสี้ยวนาทีของความชิดใกล้
ริมฝีปากของทิมก็บดตัวลงบนเนื้อสีเดียวกันของคนที่นั่งอยู่สูงกว่า
...แขนขามันไร้เรี่ยวแรงปัดป้อง
เสียงคำรามเบาๆ ในลำคอบ่งบอกถึงความพึงพอใจของผู้จู่โจม
บดเบียดทุกสัมผัสอย่างเย้ายวนจนไม่อาจต้านทาน และเพียงเสี้ยววินาที
ความดื่มด่ำอ่อนหวานกลับทวีความรุนแรงขึ้น
ราวกับจะแผดเผาให้อีกฝ่ายศิโรราบในรสสัมผัสที่เร่าร้อน
พริบตาเดียวนั้น ฟันของทิมก็ขบกัดลงบนริมฝีปากล่างของคะน้าอย่างกำเริบ
เหมือนจงใจฝากร่องรอยแห่งรสสัมผัสเมื่อครู่ให้ตราตรึงนานเท่านาน
กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ กระจายในปากของคะน้า ชายหนุ่มสะดุ้งและถดตัวไปด้านหลัง
จ้องมองทิมที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าด้วยตกใจระคนกับความไม่เข้าใจ
หากแต่รอยยิ้มน้อยๆ ยังแจ่มชัดอยู่ตรงหน้า ทิมค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นมาตระกองใบหน้าคะน้าเบาๆ
นิ้วโป้งเกลี่ยปาดริมฝีปากด้านล่างของคะน้าอย่างทะนุถนอม
“โทษนะ แต่ฝากเอาไว้ก่อน”
...รอยยิ้มนั้นยังคงพร่างพราย และดวงตาคู่นั้น
ก็ยังคงจับจ้องลึกในแววตาของคะน้าอย่างไม่ลดละ
คะน้าหายใจติดขัดขึ้นมาทันที ร่างกายสั่นไหวเสียการควบคุม ไม่ใช่ความหวาดกลัว
...บางที อาจเพราะความหวาดหวั่นในความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว
และไม่อาจต้านทาน ทิมวางมือทั้งสองข้างลงบนเข่าของตัวเอง
จ้องมองคะน้าด้วยรอยยิ้มและดวงตาสีดำขลับที่วับแวว
“นับจากนี้ไปอีกสองสัปดาห์...”ยกฝ่ามือที่เคยไล้ใบหน้าของคะน้ากลับมาลูบคางตัวเอง
นิ้วโป้งที่เคยเกลี่ยริมฝีปากคนตรงข้ามนั้น
...ทิมจงใจปาดเย้าเล่นบนเรียวปากอิ่มของตนเองอย่างอวดดี
“...ผมจะเอาของที่ควรเป็นของผมคืนมา”ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ในนี้...
...ในนี้
คะน้ากุมมือยกขึ้นอย่างยากลำบาก
ฝ่ามือขยำลงเสื้อบนหน้าอกตัวเองด้วยอาการสั่นเทา
...ให้ตายเถอะ ...มันแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ แล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จบตอนแล้วครับ สาสมใจเหล่าแม่ยกทั้งหลายล่ะสิ 555555555
ไม่รู้ว่าชอบอะไร นี่มันตัวโกงชัดๆ (แต่แฟนคลับมาเพียบ!)
คิดเอาเองว่าคอมเมนต์ของตอนนี้ท่าทางจะสนุกพิลึก 5555555