Pretty Boy II
ตอนที่ 8
[Song-Khram talks]
“ไปจัดการตามที่สั่งด้วย เอาให้ได้เรื่องเร็วที่สุด” ผมสั่งก่อนจะโยนแฟ้มงานใส่ลูกน้องที่ทำงานพลาดอีกแล้ว
“ครับ ผมจะพยายามครับ” ไอ้ลูกน้องที่ไม่เอาไหนรีบละล่ำละลักบอก
“ว่าไงนะ” ผมถามมันเสียงนิ่ง ไม่อยากจะเชื่อว่านี่จะเป็นคำพูดที่ออกมาจากลูกน้องของพ่อ
“เอ่อ...”
“คำว่าพยายามใช่กับฉันไม่ได้ แกจะต้องทำให้ได้!”
“ครับ”
แล้วไอ้ลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องก็รีบออกจากห้องผมไป ผมหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบระบายความเครียด ช่วงนี้งานทุกอย่างไม่ราบรื่น มีเรื่องผิดพลาดตลอด และโดยส่วนมากมากจากคนที่พ่อและอาส่งมา ในขณะที่คนของผมย้ายไปทำงานกับอาแทน เรื่องนี้ผมไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่ในองค์กรเรา ผู้น้อยต้องฟังเสียงของผู้ที่ใหญ่กว่าเสมอ และแน่นอนว่าคนที่ใหญ่สุดคือพ่อของผมเอง
ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะเปิดแฟ้มประวัติของใครคนหนึ่งขึ้นดูเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ พร้อมกับรูปของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ในประวัติระบุไว้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของ “ริช”
‘คาร์เตอร์’ หนุ่มลูกครึ่งเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของริช ดูจากสายที่ไม่ได้รับในโทรศัพท์ของริชผมก็พอจะรู้ว่าทั้งคู่สนิทกันมากเพียงไหน ตั้งแต่วันที่เขาจับตัวริชมาเพื่อล่อให้คนชั่วออกมาปรากฎตัวจนถึงตอนนี้ มีสายโทรเข้าจากคนๆเดียวเกือบห้าร้อยสายได้ ผมต้องไม่เคยเห็นใครที่พยายามได้ขนาดนี้มาก่อน
“ในเมื่อฉันง้างปากนายไม่ได้ ฉันจะไปง้างเอาจากเพื่อนของนายก็แล้วกัน”
----------
----------
ผมดูรูปของคาร์เตอร์อีกครั้งพลางดูดบุหรี่เข้าปอดเฮือกสุดท้ายก่อนจะปล่อยทิ้งลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้ดับไฟ วันนี้ผมจะต้องรู้เรื่องทั้งหมดให้ได้ ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมพูดเรื่องที่ควรพูด ผมก็ต้องหาทางอื่นเอาเอง การที่ได้ชื่อว่ารังแกคนไม่มีทางสู้ก็ไม่ใช่นิสัยของผมสักเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนที่ความอดทนจำกัด และอีกฝ่ายก็กวนประสาทเป็นที่หนึ่ง จะไม่ให้ผมโหโมได้ยังไง
“คาเตอร์อยู่ไหน” ผมถามพนักงานคนหนึ่งที่กำลังซ่อมรถอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะรีบบอก สีหน้าฉายแววกลัวๆนิดๆ
เรื่องธรรมดา ผมชินเสียแล้ว ใครๆก็บอกว่าผมหน้าดุ ยิ่งถ้ากำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีแล้ว หน้าผมจะยิ่งโหดมาก แต่มันก็เป็นข้อดีล่ะ มันทำให้ผมคุมคนอยู่ เพียงแค่จ้องตา แต่ไม่รู้ทำไมไอ้เด็กบ้านั่นถึงไม่เคยกลัว แถมยังเถียงเอาๆ เถียงจนคอเป็นเอ็น ไอ้เถียงนะไม่เท่าไหร่ แต่เขาถึงขนาดกล้าลงมือทำร้ายร่างกายผม มองดูก็รู้ว่ากลัว แต่ความดื้อมีมากเกินที่คนปกติจะมี
คอยดูเถอะ ผมจะสั่งสอนเอาให้ดื้อไม่ออกเลย!
“อยู่ข้างในครับ เดี๋ยวผมไปตามให้”
“ไม่ต้อง!” ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นสำนักงานแทน
พอผลักประตูเข้าไปในห้อง คนที่ผมตามหาอยู่ก็เงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมามอง สีหน้าดูหงุดๆอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะเปลี่ยนเป็นงุงงงเมื่อเห็นผม
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาวางมือถือลงก่อนจะลุกขึ้นยืนถามผม ผมเดินไปนั่งที่โซฟารับแขกที่อยู่ภายในห้อง เขามองผมด้วยความสงสัยก่อนจะเดินมานั่งที่โซฟาเดี่ยว
“นายคือคาร์เตอร์เพื่อนของริช” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามด้วยท่าทีทีดูจะกระตือรือร้นมากกว่าเดิมทันทีที่ได้ยินชื่อเพื่อนสนิทของเขาออกจากปากผม
“ฉันต้องการรู้เรื่องของเพื่อนนาย เล่ามาให้หมดล่ะ” ผมบอกเขาเสียงเข้ม วันนี้ผมต้องได้เรื่อง
“ทำไมผมต้องเล่าด้วย คุณเป็นใคร” คาร์เตอร์มองผมอย่างไม่ไว้วางใจ
ผมไม่ตอบแต่หยิบนามบัตรของผมให้เขาแทน ก่อนจะเล่าเรื่องที่บ้านของริชเป็นหนี้ผมร่วมไปถึงเรื่องที่ตอนนี้ริชมาอยู่ในความดูแลของผมด้วย
“คุณทำอะไรมันหรือเปล่า” เขาถามผม น้ำเสียงติดจะร้อนรนด้วยความเป็นห่วง
“หึ ก็มีบ้าง ฉันคงไม่ต้องบอกหรอกมั้งว่าเพื่อนนายรั้นและดื้อแค่ไหน”
“นั่นล่ะนิสัยของมันเลยล่ะ มันปลอดภัยใช่ไหม ผมโทรหามันไม่ติด”
“ก็ปลอดภัยดี ว่ายังไง นายจะเล่าเรื่องของเพื่อนนายให้ฉันฟังได้หรือยัง” ผมถามเพราะเริ่มจะหงุดหงิด ผมไม่ได้มีเวลาว่างทั้งวันเพื่อนมาเสียเวลาที่นี่หรอกนะ
“ไอ้ริชเหรอ มันน่าสงสารนะ แต่มันไม่ชอบให้ใครสงสารหรอก ผมไม่รู้หรอกว่าคุณได้ข้อมูลมันยังไง แต่มาเฟียอย่างคุณก่อนที่จะมาหาผม คุณคงมีข้อมูลอยู่แล้ว จริงไหม”
“...” ผมไม่ตอบ นับว่าเป็นเด็กที่ฉลาดพอตัว อย่างน้อยก็รู้จักใช้คำพูดมากกว่าเด็กนั่น ที่อารมณ์ขึ้นได้ง่ายตลอด สติไม่ค่อยจะมี
“อย่างที่คุณรู้ว่ามันมีพ่อแม่และพี่ชาย แต่มันก็เหมือนมีในนาม คนพวกนี้ไม่ค่อยจะสนใจมันหรอก เหมือนจะเลี้ยงดูไปอย่างนั้น พอจะเอาอะไรจากมันถึงมาหามันที มันกลับไปบ้านก็จะถูกเรียกไปถามนู่นนี่ เรียนก็ต้องเรียนตามพี่พ่อแม่มันต้องการ พวกเขาไม่เคยด่าว่ามันหรอก แต่พวกเขาก็เก่งที่โน้วน้าวมันได้ อีกบางทีคงเป็นเพราะไอ้ริชมันเองด้วยที่ยอมตามใจ”
“ทำไมต้องตามใจ” ผมถามเพราะฟังๆดูแล้วนั่นไม่น่าจะเป็นนิสัยของริชเลยด้วยซ้ำ รายนั้นพยศจะตายไป
“เพราะมันคงอยากให้พ่อแม่เห็นมันในสายตาบ้างมั้ง เพราะใครๆก็เอาแต่ชื่นชมพี่มันจนออกนอกหน้า” คาร์เตอร์เบ้ปากไม่พอใจเมื่อพูดถึงพี่ของริช
“แล้วไงต่อ” ผมถาม
“มันออกมาอยู่คอนโดคนเดียว กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าน เงินมันก็หาใช้เอง แข่งรถบ้าง การพนันบ้าง หลายๆอย่างที่สามารถหาเงินได้ แต่ทุกอย่างนี่มันต้องแอบทำเพราะท่าที่บ้านรู้ มันเย่แน่ๆล่ะ”
“นายจะบอกว่าเด็กนั่นไม่เป็นที่ต้องการของคนที่บ้านสินะ” ผมกอดอกถาม ในรหัสมองก็คิดไปมาถึงเรื่องที่ได้รับรู้
“มันก็ดูจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วนี่น่า ถ้าพ่อแม่มันรักมันคงไม่ทำแบบนี้หรอก มันต้องกลายเป็นคนเก็บกด หลายต่อหลายครั้งที่มันแอบไปหาหมอประสาท คุณคิดว่ามันน่าพิศมัยไหมล่ะ” แววตาของคาร์เตอร์ฉายแววเจ็บปวด
“แล้วมีอะไรที่ฉันต้องรู้อีกไหม”
“ผมว่าแค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ อ่อ อย่าบอกมันล่ะกันว่ารู้เรื่องนี้มาจากผม ที่ผมบอกเพราะอยากให้คุณปราณีมันบ้าง ถ้าเป็นคุณ เรื่องราวแย่ๆแบบนี้ก็คงไม่อยากให้ใครรู้ใช่ไหมล่ะ”
“หึ นั่นไม่ใช่สิ่งที่นายควรจะมาสอนคนอยากฉันนะ หรือว่าไง” ผมเหยียดยิ้มที่มุมปาก
“ผมแค่อยากขอร้อง อย่าทำอะไรรุนแรงกับมันก็พอ สงสารมันสักนิดก็ยังดี”
“จะพยายามล่ะกัน ถ้าเพื่อนนายไม่กวนอารมณ์ฉันจนทนไม่ไหวอีก” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องนั่น
สงสารงั้นเหรอ
ฉันไม่คิดว่านายจะอยากให้ฉันสงสารนายหรอกนะ...ริช!
เมื่อผมได้รู้ในสิ่งที่ต้องการผมก็ขับรถตรงกลับบ้าน การจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯทำให้ผมมีเวลาที่จะนั่งทบทวนถึงเรื่องที่ได้ยินได้รับรู้ บางทีผมคงต้องล้มกระดาษเกมส์นี้แล้ววางหมากไหม เริ่มเกมส์ใหม่ แต่แผนการในครั้งนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเด็กน้อยร่วมมือกับผม มันอาจจะต้องใช้เวลา แต่ผมคิดว่าผมที่ได้มันยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก แต่ก็นั่นล่ะ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับริช ว่าเขาจะใจแข็งพอที่จะหักหลังครอบครัวตัวเองได้หรือเปล่า ถ้าทำได้ เขาก็จะก้าวข้ามสิ่งที่ปิดกั้นตัวของเขาอยู่
---------
---------
“พี่คราม!” เสียงเค้กตะโกนเรียกผมก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งมาหาผม ตามมาด้วยเจ้าสายไหมที่วิ่งตามตูดแม่มันมา
“เสียงดัง” ผมเอ็ดแบบไม่ใส่ใจ
“โหย เค้กเสียงดังที่ไหน ไม่เคยเหอะ มีแต่พี่ครามนั่นแหละ เอาแต่ดุพี่ริชเสียงดัง ว่าแต่ ขนมล่ะ ขนมที่เค้กฝากซื้อล่ะพี่คราม” เค้กร้องเรียกหาขนมเป็นเด็กๆ ก็อย่างว่า เขายังเด็กอยู่ โตที่ไหน ยิ่งไอ้ทราฟประคบประหงมขนาดนั้น ไม่มีทางจะโตไปมากกว่านี้หรอก
“อะเอาไป แล้วไม่ต้องแบ่งสายไหมใน มันเป็นช็อคโกแลต” ผมเตือน เพราะเวลาเค้กกินอะไรมักจะแบ่งสายไหมตลอดไม่เว้นแม้แต่ลูกอม =_=
“ทราบแล้วครับ ไปกินขนมกันสายไหม”
แล้วหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวก็วิ่งเข้าบ้านไป ตกลงแล้วเข้าใจหรือเปล่าว่าหมามันกินช็อคโกแลตไม่ได้ เพราะอาจจะทำให้เกิด อาการ อาเจียน ท้องเสีย หายใจถี่ ฉี่บ่อย กระวนกระวาย และในที่สุดก็ถึงตายได้ ทีนี่คนที่เดือนร้อยจะไม่ใช่ใครหรอก เค้กเองนั่นแหละ
ผมเดินเข้าบ้านเจอกับเฟที่นั่งคุยกับไอ้ทราฟแล้วก็เค้กอยู่ เฟไม่ได้มาที่นี่นานมาก เห็นไอ้ทราฟบอกว่าเฟไปเที่ยวพักร้อนหลังจากที่เลิกกับไอ้ทราฟ
ผมจะบอกให้นะ ไอ้รักสามเศร้าเนี่ย ผมรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องของผมที่จะสอดมือเข้าไปยุ่ง จนกว่าเรื่องมันจะหนักหนาสาหัส แล้วในที่สุดเส้นทางของรักสามเศร้าก็มาจบลงเพราะตัวแปรตัวสำคัญ ซึ่งนั่นก็คือ...เค้ก
“สวัสดีคราม ไม่ได้เจอนานเลย อ่ะนี่ของฝาก ไวน์ชื่อดังจากฝรั่งเศส น่าจะถูกใจนะ” เฟส่งถุงของฝากให้ผม ผมรับมาเปิดดูแล้วก็ต้องยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
“ขอบใจมาก” ผมบอกก่อนจะเดินเอาไวน์ไปเก็บไว้ที่ชั้นเก็บไวน์
ผมเดินไปกินน้ำในครัว เห็นข้าวของที่เตรียมไว้ทำกับข้าวมือเย็นวางเต็ม แต่คนทำไม่อยู่ ไม่รู้ไอ้เจไปไหน แต่เดี๋ยวมันก็คงกลับมาทำหน้าที่ของมันต่อนั่นแหละ
ผมเดินของจากครัว ตาก็มองหาริชเพราะตั้งแต่เข้าบ้านมาผมยังไม่เจอ ตั้งแต่ที่ออกจากโรงพยาบาลริชก็ย้ายจากโรงฝึกมานอนในบ้านหลังนี้เพราะคำสั่งจากคนที่เหมือนจะมีอำนาจมากที่สุดของบ้าน ผมคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าใครเป็นคนสั่งถ้าไม่ใช่เค้ก แต่ก็เอาเถอะ ไม่ใช่เรื่องหนักหนา ดีเสียอีก จะได้คุมง่ายๆหน่อย
ผมเดินไปที่โรงฝึกเพื่อหาไอ้เด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน อย่าบอกนะว่าหนีไปแล้ว แต่ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะผมกำชับทุกว่าให้คอยจับตาดู แถมวันนี้ทั้งเค้กทั้งไอ้ทราฟก็อยู่บ้าน ไม่น่าจะปล่อยให้ไปไหนได้
“อ้าวเฮีย วันนี้กลับเร็วนะ” ไอ้เจมส์ที่กำลังกวาดเศษใบไม้อยู่ทักผม
“เออ มึงเห็นริชไหม” ผมถามมัน
“อ่อ เห็นพี่เจใช้ให้ไปซื้อของนะ แต่ก็ไปนานแล้วนะ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ” มันคิดก่อนจะตอบ
“นานที่เท่าไหร่” ผมกอดอกถาม พยายามใจเย็น
“ก็ราวๆสี่สิบนาทีได้มั้ง หรือมากกว่านั้นก็ไม่แน่ใจอ่ะ”
“เออ แล้วนี่มึงกวาดทำไม หน้าที่มึงเหรอ”
เพราะหน้าที่ทุกอย่างผมสั่งให้ริชเป็นคนทำ แม้ว่าผลงานมันจะออกมาแย่สักแค่ไหนก็เถอะ แต่ผมก็ยังปล่อยให้เขาทำไป ถ้าไม่งั้นมันก็จะสบายเกินไปหน่อย ชีวิตคนเราไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ ก็ไม่ไปทำอะไรกินแล้วล่ะ
“ช่วยๆกันน่าเฮีย เห็นมันทำคนเดียว ตัวก็แห้งขนาดนั้น ผมสงสารมันวะ”
“มึงจะขัดคำสั่งกู”
“ผมปล่าว แค่บอกเฉยๆ แค่กวาดพื้นเองเฮีย” มันพูดเสียงอ่อยเพราะกลัวผมจะด่ามัน
“เออ อยากทำอะไรก็ทำไป”
สงสัยต้องออกไปตามหาเอง อย่าให้รู้นะว่านายคิดหนี ไม่งั้นนายจะได้เจอของจริงแน่ๆริช
“พี่คราม ไปไหน” เค้กตะโกนถามผมที่กำลังจะเดินออกจากรั้วบ้านไปตามหาคนที่หายไป
“ข้างนอก”
ไม่อยากอธิบายมาก เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่โตอีก ไม่รู้เค้กจะอะไรกับเด็กนั่นหนักหนา แต่ลึกแล้วผมก็ดีใจที่เค้กเป็นคนที่นึกถึงคนอื่น รู้จักสงสารและช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน แต่กรณีนี้ดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะมันทำให้ผมเสียการปกครอง
ผมเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆจนเกือบถึงหน้าหมู่บ้าน แดดเริ่มคล้อยตก ฝนก็ตั้งเค้าจะตกลงมา ขาทั้งสองข้างของผมหยุดกึกเมื่อเจอกับคนที่กำลังตามหา
ร่างของคนที่ตัวเล็กกว่านั่งยองๆมองกล่องใบหนึ่งอยู่ที่ริมถนน ผมเดินเข้าไปยืนข้างหลังของริช แต่เจ้าตัวดูจะไม่รับรู้ถึงการมาของผม ยังคงนั่งนิ่งมองสิ่งที่อยู่ภายในกล่อง ที่มีลูกแมวตัวเล็กเลยหน้ามองคนที่จ้องมันอยู่เช่นกัน ผมไม่เห็นว่าริชมีสีหน้ายังไง แต่สีหน้าไอ้แมวตัวน้อยนี่มองยังไงก็เหมือนมันกำลังอ้อนอยู่ นัยน์ตามีน้ำใสๆคลออยู่เหมือนจะร้องไห้ ผมอาจจะบ้าที่เห็นเป็นแบบนั้น แต่ภาพตรงหน้ากับบรรยากาศตอนนี้มันช่างดูเศร้าแบบแปลกๆ
“ไง ถูกทิ้งสินะ” จากที่เงียบมาสักพักริชก็เอ่ยถามแมวที่อยู่ตรงหน้า ผมยืนฟังเงียบๆ อยากรู้ว่าเขาจะพูดว่าอะไรต่อ
“เมี้ยววว” เจ้าแมวนั่นส่งเสียงเล็กๆนั่นก่อนจะยกขาหน้าขึ้นขาหนึ่งเหมือนจะเรียกคนตรงหน้า
“ไม่ต้องเรียก ฉันก็ถูกทิ้งเหมือนกัน เอาแกไม่เลี้ยงไม่ได้หรอกนะ”
“...” เจ้าแมวนั่นเอียงคอมองน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆเลื้อยนอนลง
“ขอโทษนะ ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในสภาพนี้ก็คงจะพาแกไปอยู่ด้วยกันอยู่หรอก”
“...”
“เดี๋ยวก็มีคนใจดีมารับแกไปเลี้ยงเองนั่นแหละ โชคดีนะ” น้ำเสียงติดจะสั่นเอ่ยขึ้นก่อนที่เด็กตรงหน้าจะลุกขึ้นยืน พอหมุนตัวกลับมาเจอผมเขาก็ผงะถอยหลังไปเหยียบกล่องนั่น ก่อนจะรีบหันกลับไปมองเพื่อดูว่าแมวนั่นถูกเหยียบตายไปหรือยัง
เมื่อโล่งใจว่าแมวไม่เป็นอะไรเขาก็หันกลับมามองผมด้วยสายตาที่นิ่งเกินจะคาดเดา ตาที่ดูจะชุ่มช่ำกว่าปกติทำผมพอเดาออกว่าเมื่อกี้คนตรงหน้าคงจะร้องไห้
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาถามผม
“ตั้งแต่ที่นายเริ่มคุยกับแมวไงเด็กถูกทิ้ง”
“นี่!” เขาขั้นเสียงใส่ผม แต่ทำไมผมกลับไม่รู้สึกรำคาญอย่างทุกครั้ง แต่กลับรู้สึกสนุกที่คนตรงหน้าโวยวายเป็นเด็กๆแบบนี้ แต่มันก็ทำให้ผมได้รู้ว่าเพื่อนของริชไมได้โกหก
“ทำไม ฉันพูดผิดเหรอไง” ผมยียวนต่อ อยากจะรู้ว่าจะปีกกล้าขาแข็งได้อีกนานแค่ไหน
“เออ คุณพูดไม่ผิดหรอก ผมมันคนที่ถูกทิ้ง แล้วยังไง พอใจไหมล่ะ” เขาเดินกระแทกไหล่ผมตรงไปทางที่จะกลับบ้าน
“เดี๋ยว!” ผมเรียกเขาเสีนงดังและหนักแน่น และก็ได้ผมเมื่อร่างเล็กหยุดเดินก่อนจะหันกลับมามองผมเหมือนกันแค้นเคืองอย่างมาก
“อะไรอีก” เขาถาม ไม่มีหรอกที่จะพูดดีๆ ดื้อขนาดนี้ผมคงไม่หวังหรอกว่าเขาจะเชื่อฟัง แต่ที่ผมรู้ก็คือ เขาต้องทำตามที่ผมสั่ง ก็แค่นั้น
“มาหิ้วไอ้ลูกแมวนี่กลับบ้านด้วย” ผมยืนกอดอกสั่ง
“ห๊ะ” สายตาเคียดแค้นแปลเปลี่ยนเป็นตกใจก่อนจำทำหน้างง
“จะยืนบื้ออีกนานไหม” ผมถาม
ริชเดินมายกกล่องในแมวขึ้นถือไว้ในอ้อมแขน แต่ดูจะทุลักทุเลเพราะในมือเขาก็ถือของที่คงออกไปซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตหน้าปากซอยมา
“เอามานี่” ผมดึงของในมือเขามาถือเองก่อนจะออกเดินนำ
ระหว่างทางนอกจากเสียงฝีเท้าแล้ว ผมและริชต่างเงียบ ผมเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนคนข้างหลังผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ จนมาถึงหน้าบ้านเขาถึงได้เอ่ยเรียกผม
“นี่คุณ...”
“...” ผมหันกลับไปมอง ก็เห็นเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว
“ขอบคุณนะ” ริชเอ่ยเสียงเบา
“เรื่องอะไร” ผมถาม
“เรื่องแมวนี่ไง” เขาบอกพลางก้มหน้าลงไปมองลูกแมวในกล่อง
“ช่างเถอะ แค่เลี้ยงมันให้ดีก็พอ”
“อืม ยังไงก็ต้องขอบใจ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างคุณก็เห็นใจคนอื่นเป็น” เขาพูดเหมือนไม่คิดอะไร แต่นั่นมันเหมือนจะด่าผมชัดๆ
“หึหึ ฉันเลือกจะกระทำมากกว่า”
แต่พอผมพูดไปแบบนั้น ริชกลับทำหน้าบูดแล้วก็เดินกระแทกเท้าเข้าบ้านไป อะไรอีกวะ ผีเข้าผีออก เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย ให้ตายสิ ไอ้เด็กนี่มันกวนประสาทผมจริงๆ
หลังจากที่ได้สมาชิกใหม่ของบ้านมาทุกคนดูจะตื่นเต้นมากโดยเฉพาะเค้กที่วิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อนหาพื้นที่ให้เจ้าแมวตัวน้อยนั่นอยู่
“พี่ริช จะตั้งชื่อว่าอะไรดี” เค้กถามอย่างตื่นเต้น ไอ้เจ้าสายไหมก็วิ่งไปมารอบๆแมวตัวเล็กที่หดตัวมองดัวความหวาดกลัว
“ไม่รู้สิ พี่ให้เค้กตั้ง”
“ไม่เอาอ่ะ พี่ริชตั้งเถอะ เดี๋ยวเค้กเป็นกำลังใจให้”
ริชมองเจ้าแมวตัวนั้นก่อนจะเงียบไปนาน กะอีแค่ตั้งชื่อแมวตัวหนึ่งมันคิดยากขนาดนั้นเลยหรือยังไง
“งั้นก็ชื่อ...ลูกหินแล้วกัน”
“ลูกหินเหรอ ดีๆพี่ริช น่ารักดี”
ริชเงยหน้าขึ้นมองผม เขายิ้มน้อยๆก่อนจะหันกลับไปเล่นกับลูกแมวต่อ เวลาไม่ดื้อก็น่ารักดีหรอก แต่ว่าดื้อนี่โครตน่าตีเลยให้ตายเถอะ แต่ว่า ไอ้แววตาเศร้าๆนั่นหมายความว่ายังไงกัน
ฉันจะต้องทำยังไงกับนายต่อไปดีเนี่ย

>>ลูกหินนนนนนนน<<
==================================
เรื่องราวความเข้มข้นมันหลังจากนี้ต่างหากล่ะ วะฮ่าๆๆ
อ่านกันแล้วเม้นหน่อยนะคะ ช่วงนี้เงียบจังเลย ไม่รู้คนอ่านหายไปไหนหมดแล้วว
เพราะเค้ามาช้าไปใช่ไหม กลับมารายงานตัวกันเดี๋ยวนี้นะ!
ไปดีกว่า รีบไปปั่นเรื่องอื่นต่อดีกว่า เดี๋ยวมาแก้คำผิดให้นะจ๊ะ
