◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
CHAPTER 06 ผมอาบน้ำเสร็จก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ตอนแรกว่าจะนอนรออยู่ในห้อง ก็กลัวว่าจะหลับไปเลย เดี๋ยวเขามาเรียกจะไม่ได้ยิน ก็เลยเดินออกมานอกห้อง เห็นมีระเบียงอยู่ ก็เลยไปนั่งเล่นตรงนั้น ซึ่งตรงบริเวณนี้ผมจะเห็นโถงทางเดินของห้องพักชั้นล่าง ๆ อยู่ อากาศหนาวพอสมควรครับ แต่สำหรับผม ผมชอบอากาศหนาวก็เลยไม่ค่อยเท่าไร จำได้ว่านั่งรออยู่นานมาก เลยเที่ยงคืนไปแล้ว คิมจองฮุนก็ยังมาไม่ถึงครับ ผมก็เลยกลับเข้ามาในห้อง นอนเล่นสักพัก ก็ออกมานั่งตรงระเบียงอีกครั้ง ไม่นานนัก ที่โถงทางเดินชั้น 4 (ผมอยู่ชั้น 5) ผมก็เห็นคิมจองฮุนสะพายเป้เดินเข้ามา แล้วหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ๆ หนึ่ง แต่ผมสังเกตว่าไม่เห็นมีไก่ทอดติดมือมาด้วยเลย แต่ผมก็เข้าใจว่านี่มันก็เกือบจะตีหนึ่งแล้ว คงไม่น่าจะมีร้านไก่ทอดร้านไหนเปิดแล้วล่ะ
เขาเข้าไปในห้อง ประมาณห้านาทีก็ออกมาอีกครั้งด้วยชุดเสื้อยืดสีเทากับกางเกงขาสั้นสีดำ ในระหว่างที่เดินออกมา เขาก็โทรศัพท์หาใครสักคนหนึ่ง ไม่ได้เดินขึ้นมาหาผมโดยทันที เขาออกไปคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงของชั้นสี่ ผมได้ยินเสียงเขา และได้กลิ่นบุหรี่ลอยขึ้นมา เข้าใจว่าเขาน่าจะสูบบุหรี่ไปด้วย แม้ว่าผมจะฟังภาษาเกาหลีไม่ออก แต่จากน้ำเสียงที่ใช้ในการสนทนา ผมเข้าใจว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องงาน แต่โทรหาใครสักคนที่เขาน่าจะมีความสนิทชิดเชื้อด้วยฐานะอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมเริ่มระแวงครับว่าเขาน่าจะมีแฟนอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเท่านั้นเอง
ตอนนั้น ผมเข้าใจว่าเขาคงจะไม่ขึ้นมาหาผมแล้วล่ะ ก็เลยกลับเข้ามาในห้อง ตั้งใจจะนอนไปเลย แต่จิตใจก็ยังว้าวุ่นอยู่ ถ้าเกิดเขาไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย ทำไมเขาจึงชอบโทรมาคุยกับผมหนอ นอกจากเรื่องงานแล้ว เราก็ยังคุยกันเรื่องอื่น ๆ ด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาโทรมาหาผม คุยกันเรื่องห้องพัก แล้วจู่ ๆ เขาก็ถามผมว่า ผมยังโสดอยู่หรือเปล่า ผมก็ตอบว่ายังโสดอยู่ แล้วเขาก็พูดอะไรบางอย่างซึ่งผมจับใจความไม่ได้ ก็เลยถามเขาว่าเขาพูดว่าอะไร เขาไม่ยอมบอกครับ แต่บอกผมว่าเดี๋ยวเขาจะบอกผมตอนที่ผมมาเกาหลี ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ผมสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าเขากำลังคิดอะไรกับผมกันแน่
กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก่อนจะหลับ ก็มีเสียงคนมาเคาะประตูครับ น่าจะเป็นเขานั่นแหละ แต่ผมรู้สึกกลัวที่จะคุยกับเขาแล้วต้องรู้ความจริงที่ไม่อยากรู้เสียแล้วครับ แต่คิดไปคิดมา อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ความจริงก็คือความจริง ผมจึงไปเปิดประตูให้เขาเข้ามา คิมจองฮุนยิ้มเมื่อเจอหน้าผม
"เพื่อนรักของผม ยังไม่นอนอีกหรือครับ นึกว่าจะไม่รอผมเสียแล้ว" เขาสัพยอก พลางเดินเข้ามาข้างในห้อง ผมปิดประตูแล้วตามเขามา เขานั่งลงกับพื้นข้าง ๆ เตียงผม ส่วนผมก็ขึ้นไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง
"ยังไม่นอนครับ พอดีเมื่อกี้เพิ่งจัดกระเป๋าเสร็จ ของฝากเยอะมาก" ผมพูดพลางหัวเราะ ไม่บอกเขาไปตรง ๆ ว่าที่จริงนั่งรอเขาอยู่ข้างนอกตั้งนานแล้ว
คิมจองฮุนเปลี่ยนท่าเป็นนั่งชันเข่า
"ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ซื้อไก่ทอดมาด้วย พอดีร้านที่อยู่บนทางผ่านปิดหมดแล้ว แต่ถ้าคุณอยากกิน ผมจะโทรไปที่ร้านอีกที่ให้เขามาส่งได้นะครับ" เขาพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่หิวแล้วครับ มันดึกแล้วด้วย ว่าแต่ว่า วันนี้เป็นไงบ้างครับ ยุ่งไหม" ในระหว่างที่ถาม ผมก็ถือโอกาสสำรวจรูปร่างเขาไปด้วย เพิ่งเคยเห็นเขาใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดนี่แหละครับ น่ารักดี ผิวเขาขาว กล้ามขาก็สวยดีครับ
"นิดหน่อยครับ" เขาตอบพลางหัวเราะ แล้วพูดสืบไปว่า
"ผมขอโทษนะที่ไม่มีเวลามากินข้าวกับคุณเลย เอาไว้คราวหน้าได้ได้ไหมครับ ปีหน้าเราอาจจะจัดงานนี้อีก ผมจะเชิญคุณมาแน่นอน"
"ครับ คราวหน้าก็ได้ครับ อืม ว่าแต่ว่า คุณจำได้ไหมว่าคุณจะบอกอะไรผมที่เกาหลี" ผมลองถามเตือนความจำ เขาทำสีหน้างงแล้วตอบว่า
"จำไม่ได้เลยครับ ผมติดต่อคนเยอะมาก จนจำอะไรแทบไม่ค่อยได้แล้ว" ผมยิ้มเพื่อจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจก็รู้สึกเจ็บอย่างไรบอกไม่ถูก เริ่มกังวลแล้วครับว่าเขาไม่น่าจะคิดอะไรกับผมเกินเลยขนาดนั้น เขาพูดสืบไปว่า
"แล้วเป็นเพราะความยุ่งเหยิงนี่แหละครับ ผมทำกระเป๋าสตางค์หายในงานด้วยวันนี้ ผมจำไม่ได้เลยว่าเอาไปวางไว้ตรงไหน นึกไม่ออกจริง ๆ"
"จริงหรือครับ แล้วมีอะไรหายไปบ้างครับ"
"ก็มีเงินไม่กี่หมื่นวอน บัตรประชาชน รูปถ่ายที่เก็บไว้ในกระเป๋า แต่โชคดีที่ไม่มีบัตรเครดิตในนั้น"
"ครับ เอ คุณไม่ใช้บัตรเครดิตหรือครับ ผมว่าคนที่นี่น่าจะนิยมใช้บัตรเครดิตกันนะ" ผมสงสัย
"ใช้ครับ แต่พอดีคุณพ่อผมยึดบัตรเครดิตผมไว้ครับ ท่านบอกว่า ผมหมดเงินไปกับผับบาร์เยอะเกินไป ก็เลยยึดไว้ ไม่อย่างนั้นก็คงหายไปด้วย"
อืม ที่แท้ก็เป็นเพลย์บอยนี่เอง ผมคิดในใจ
"ผมไม่เสียดายเงินที่หายไปหรอกครับ แต่ผมเสียดายรูปมากกว่า เป็นรูปที่ผมถ่ายกับแฟน ถ่ายไว้นานแล้ว มีรูปเดียว แต่หายไปเสียแล้ว มันมีคุณค่าทางจิตใจกับผมมาก" เขาเผยมาแล้วครับว่าเขามีแฟนแล้ว คนที่เขาคุยโทรศัพท์ด้วยเมื่อสักครู่นี้ก็คงจะเป็นแฟนเขานั่นเอง ใจผมหายครับ โธ่ ที่ผ่านมา ผมเข้าใจเขาผิดมาตลอดเลยหรือนี่ว่าเขาคงคิดอะไรบางอย่างกับผม
"คุณแต่งงานหรือยังครับ" ผมถามเขา
"ยังหรอกครับ ผมเพิ่งอายุ 27 ปีเอง อายุน้อยกว่าคุณ 3 ปี อ้อ เมื่อวาน อาสาสมัครของเราบอกผมว่าเมื่อวานคุณอยากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือครับ"
"เปล่าครับ ผมไม่ดื่มและไม่สูบบุหรี่ครับ แต่เพื่อนร่วมงานของผมเขาอยากลองดื่มเบียร์เกาหลี ก็เลยว่าจะพาอาสาสมัครไปเลี้ยงข้าวแล้วดื่มด้วยกัน แต่ผมก็เตือนไปว่า อาสาสมัครที่มากับพวกเราหลายคนยังเรียนอยู่ คงไม่เหมาะสม เราก็เลยยกเลิกแผนนั้น" เขาทำสีหน้าแปลกใจครับเมื่อทราบว่าผมไม่ดื่มและไม่สูบบุหรี่
"อ๋อ จริงหรือครับ แปลกจัง แต่ผมชอบไปเที่ยวผับครับ บางทีผมก็ดื่มเยอะมาก ผมอยากมีประสบการณ์เยอะ ๆ ครับ มันจะช่วยทำให้จิตใจของผมเข้มแข็งมากขึ้น ผมก็เลยชอบทั้งไปเที่ยวผับ ฟังเสียงเพลงดัง ๆ ดื่ม สูบบุหรี่ มีเซ็กซ์ แต่บางทีผมก็ชอบฟังเพลงสงบ ๆ นะครับ บางทีก็ไปอ่านหนังสือเงียบ ๆ ในห้องสมุดด้วย ผมว่าผมเป็นคนที่สามารถทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกันอย่างมากได้ ผมอยากทำหลาย ๆ อย่างครับ" เขาเล่าด้วยน้ำเสียงปกติ คงเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนที่นี่ก็ได้ แล้วเขาถามผมว่า "คุณไม่สนใจในสิ่งเหล่านี้บ้างหรือครับ" ผมก็ส่ายศีรษะ
เขาก็ขำ
"ผมชอบชีวิตสงบ ๆ ครับ น้อยมากที่ผมจะทำแบบนั้น จะว่าไปแล้ว ผมไม่เคยทำเลยก็ว่าได้ ยิ่งอายุมากขึ้นผมก็ยิ่งชอบความสงบ" ผมตอบ แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุย
"(ชื่อผม) คุณมีอะไรให้ผมหรือเปล่า" เขาถามด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ มีเลศนัย
"ของอะไรครับ" ผมตอบด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
"ก็ของขวัญวันเกิดไงครับ วันนี้วันเกิดผม"
"อ้าวหรือครับ ผมไม่ทราบเลย"
"อืม ผมคงลืมบอกแน่ ๆ เลย แต่ไม่เป็นไรครับ ได้เจอ (ชื่อผม) ที่นี่ ได้ใช้เวลาที่มีค่าร่วมกัน มันก็เป็นของขวัญที่วิเศษสุดสำหรับผมแล้วครับ พี่ชาย" เขาบอก ดูจากสีหน้าที่เขาพูด ผมก็เชื่อว่าเขาพูดจากใจจริง รู้สึกปลื้มใจครับที่เขารู้สึกดีที่ได้ใช้เวลาคุยกันกับผม เขาเรียกผมว่าพี่ชาย เรากำลังจะเป็นพี่น้องกันใช่หรือเปล่านะ
"คำว่าพี่ในภาษาเกาหลีคือ อุปป้า หรือเปล่าครับ ผมได้ยินจากซีรี่ย์เกาหลีบ่อย ๆ" ผมถามเขา เขาก็ขำใหญ่เลยครับ
"ก็ใช่ครับ แต่ใช้กับผู้หญิงเรียกผู้ชายที่อายุมากกว่า"
"อ้าวเหรอ แล้วถ้าคิมจองฮุนจะเรียกผมว่าพี่ จะเรียกยังไงครับ"
"เรียกว่าหยอง (จำไม่ได้ว่าใช่คำนี้หรือเปล่า แต่อะไรประมาณนี้) ครับ เอาอย่างนี้ละกัน ผมจะเรียกคุณว่าจอง เป็นพี่ชาย ส่วนคุณเรียกผมว่าเจรี่ก็ได้ครับ"
"เจรี่เหรอ อ๋อ ผมเคยเห็นคุณใช้ชื่อนี้ครั้งหนึ่งในอีเมล์ ใช่ไหมครับ"
"ครับ ชื่อนี้เป็นชื่อที่เพื่อน ๆ ที่อเมริกาเรียกผมครับ"
"ไปเรียนที่อเมริกาด้วยหรือครับ" ผมถาม
"ครับ ไปเรียนที่นั่นปีหนึ่ง เรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียวเลย ไม่ได้เรียนอย่างอื่น"
"อ๋อ คุณเคยไปประเทศไทยบ้างไหม"
"ยังเลยครับ เอ ประเทศไทยมีสถานที่อะไรที่น่าไปบ้างนะ เซบูหรือเปล่า อ้อ ไม่ใช่ นั่นมันฟิลิปปินส์ หรือว่าพัทยา พัทยาอยู่ประเทศไทยใช่ไหมครับ"
"ครับ แต่ช่วงหน้าหนาว ไปเที่ยวทางเหนือแถวเชียงใหม่ดีกว่าครับ อากาศดี" ผมบอกเขา
"ครับ พอดีผมเคยเห็นโฆษณา พัทยามีบาร์เกย์เยอะเลยใช่ไหมครับ เห็นมีเซ็กซ์โชว์ด้วย ผมอยากลองไปดูบ้าง คุณเคยไปไหม"
ผมอึ้งไปเล็กน้อยครับ ไม่ได้โกรธเขา แต่ฟังแล้วก็รู้สึกอายว่าทำไมประเทศไทยจึงถูกนำไปโฆษณาในทางไม่ดีอย่างนี้ด้วย
"ไม่หรอกครับ ผมไม่เคยไป ประเทศไทยเราเป็นเมืองพุทธครับ ส่วนมากคนไทยไม่ค่อยไปสถานที่แบบนั้น มีแต่นักท่องเที่ยวมากกว่าคนไทยครับ"
เขาหน้าเสียเล็กน้อยแล้วรีบขอโทษ
"ขอโทษครับพี่ชาย จริง ๆ ผมก็อยากไปเมืองไทยอยู่นะครับ แต่ผมไม่ค่อยมีเวลา เงินก็พอมีอยู่ แต่หาเวลายากครับ อืม แต่ถ้าหากไปได้จริง ๆ ผมอยากไปหาเพื่อนผมที่อเมริกามากกว่า" เขาตอบ ผมรู้สึกว่าเขาพูดตรง พูดจากความรู้สึกจริง ๆ ของเขา เขาไม่ใช่คนเสแสร้ง บางคนอาจจะรับไม่ได้ แต่ผมเจอคนแบบนี้มาพอสมควรครับจึงไม่มีปัญหา
"คุณว่าผมเป็นคนยังไงครับ" อยู่ดี ๆ เขาก็ถามผมแบบนี้
"อืม ถ้าให้บอกตอนนี้คงบอกยากนะครับ เราเพิ่งเจอกันแค่สองครั้งเอง แต่ผมบอกได้ว่า ผมรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายมากเวลาได้คุยกับคุณ" ผมบอกเขาจากใจจริง เขายิ้มน้อย ๆ เราคุยกันไปเรื่อย ๆ ครับ เขาเล่าให้ผมฟังเรื่องแฟนของเขาด้วย แฟนเขาเป็นผู้หญิงครับ เล่าให้ฟังเรื่องครอบครัว เขาบอกว่าแม่ของเขาทำอาหารไม่ค่อยอร่อยเลย ขนาดกิมจิที่ทำง่าย ๆ ยังไม่อร่อย แล้วก็ขำ ถ้ามีโอกาส เขาจะชวนผมไปที่คอนโดที่เขาพักด้วย
คุยกันอยู่หนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ จนถึงตีสองครึ่ง เขาก็ขอตัวไปนอน เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า เขายกมือขึ้น กำเป็นรูปกำปั้น แล้วเรียกผม
"พี่ชายครับ" พร้อมกับทำสีหน้าเหมือนจะบอกว่าให้ผมทำอย่างเขา ผมก็ยกมือขึ้น กำเป็นรูปกำปั้น คิมจองฮุนเอากำปั้นของเขามาชนกับกำปั้นของผมเบา ๆ ผมเดาเอาว่านั่นเป็นการแสดงออกถึงความรักอย่างเพื่อนหรือพี่น้องนั่นเอง
"ผมคงจะคิดถึงคุณมากทีเดียวเวลาที่คุณกลับไป นอนหลับฝันดีนะครับ" เขาบอกผม ผมยิ้มระคนดีใจและเศร้าใจ ถึงตอนนี้เราคงเป็นได้แค่เพื่อนหรือพี่น้องกันเท่านั้นแล้วล่ะ ผมลุกขึ้นเดินไปส่งเขาที่ประตูแล้วบอกเขาว่า
"อัน ยอง ฮี จู มู ฮา เซ โย" ราตรีสวัสดิ์นะครับ คิมจองฮุน น้องชายของพี่
ประโยคหลังผมพูดในใจครับ รู้สึกเจ็บอย่างไรบอกไม่ถูกเหมือนกัน ใจหนึ่งก็เจ็บที่เพิ่งมารู้ว่าที่ผ่านมาทั้งหมดเขาไม่ได้คิดอะไรกับผมแบบนั้นเลย แต่ใจหนึ่งก็มีความสุขที่อย่างน้อยผมก็ได้เพื่อนหรือน้องชายที่น่ารักมาคนหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมก็รักเขาไปแล้ว I love you, Kim Jong Hoon ผมรำพึงในใจ
TBC