◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑ ประสบการณ์รักของคนชอบคิดไปเอง ◐◑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑ ประสบการณ์รักของคนชอบคิดไปเอง ◐◑  (อ่าน 18246 ครั้ง)

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ด กรุณาอ่านทุกคน
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วย

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑




เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองเมื่อปี 2009 (ตอนนั้นยังพอเรียกว่าละอ่อนได้อยู่ คิกๆ)
เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความทรงจำดีๆ แม้ว่ามันจะไม่กลับมาอีกแล้ว แต่ผมก็มีความสุขที่ได้นึกถึงครับ
เป็นเรื่องเล่าที่ไม่ค่อยมีบทสนทนา อาจจะอ่านยากสักหน่อย แต่ไม่ยาวครับ ไม่กี่ตอนก็จบ



สารบาญ

CHAPTER 01
CHAPTER 02
CHAPTER 03
CHAPTER 04
CHAPTER 05
CHAPTER 06
CHAPTER 07

ผลงานปัจจุบันที่กำลังเขียนอยู่

≡▉≡ interstellar ∘★∘ รักหมดใจ นายต่างดาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49903.0

ผลงานที่ผ่านมา

▓ ▒ ░ ต้นสน: มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่? (V2) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32768.0

◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32450.0

▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย (V3) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.0

▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32188.0

✿✿ ธุรกิจนี้มีรัก ✿✿
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46884.0

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ▚▚▚
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2015 22:05:05 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
CHAPTER 01





เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ผมทำงานในองค์กรที่เกี่ยวกับดนตรีและศิลปะแห่งหนึ่ง และมักจะพางานที่ทำอยู่ไปแสดงตามที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศอยู่บ่อยๆ พอสมควร (ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว) แต่ปีนี้มีเรื่องแปลกๆ ก็คือประเทศเกาหลีคร้บ มีงานลักษณะคล้ายๆ กันสองงานและกำหนดจัดในเวลาไม่ต่างกันมาก งานแรกจัดในเดือนกันยายนที่เมืองซูวอน ส่วนอีกงานจัดในเดือนตุลาคมที่โซล แล้วเขาก็เชิญผมไปร่วมทั้งสองงานเลยครับ


ผมก็ถามเขาไปว่าทำไมไม่ร่วมกันจัดเสียเลย จะได้ประหยัดงบประมาณ เพราะคนไปส่วนมากต้องออกค่าใช้จ่ายเอง เขาบอกว่าพยายามแล้ว แต่เหมือนจะไม่สำเร็จ ก็เลยต้องแยกกันจัดอย่างนี้ ผมก็เลยนำงานที่มีไปแสดงทั้งสองงานเลยครับ ไม่เป็นไร พอดีงานที่สองนั้นผมสามารถติดต่อขอสนับสนุนตั๋วเครื่องบินได้


ประมาณต้นๆ เดือนกันยายนปีนี้ ผมก็ได้เดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ เพื่อไปร่วมงานเทศกาลศิลปะดนตรีงานแรกครับ ผมเคยไปเกาหลีเมื่อปี 2545 หรือราวๆ 7 ปีมาแล้ว รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการเปลี่ยนแปลงพอสมควรครับ เกาหลีเปลี่ยนไปเยอะมากภายในเวลา 7 ปีที่ผ่านมา


พวกเรา (ราวๆ สี่ห้าคน) ไปถึงตอนเช้า ลงจากเครื่อง ก็มีคนมารับไปเมืองซูวอน ผมก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของเกาหลี รู้แต่ว่าเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ๆ กับโซล คล้ายปทุมธานี อยุธยา ประมาณนี้ครับ ช่วงนั้น เกาหลีกำลังเริ่มหนาว เพราะกำลังเข้าช่วงฤดูใบไม้ร่วง (แต่ยังไม่ร่วง) ตอนเช้าเราก็ไปเช็คอินแล้วไปหาอะไรกินแถวๆ โรงแรม ตอนบ่ายก็ไปซื้อของฝาก ช่วงเย็นเราก็กลับมาโรงแรมเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปงานพิธีเปิด


งานพิธีเปิดก็จัดในโรงแรมที่เราพักครับ ผมกับเพื่อนๆ ก็ไปนั่งตรงโต๊ะที่มีป้ายปักไว้ว่า "Bangkok" กินอาหารไป ทักทายกับคนรู้จักและหาเครือข่ายใหม่ๆ ไปด้วย แล้วผมก็เหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามานั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆ กับที่ผมนั่ง ผมพอจำพวกเขาได้ครับ เป็นเจ้าหน้าที่ของอีกองค์กรหนึ่งซึ่งจะจัดงานคล้ายๆ กันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านั่นเอง คงจะส่งคนมาสังเกตการณ์ ผมก็เลยเข้าไปทักตามประสาคนรู้จักกัน แต่ก็สังเกตว่ามีอีกคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จักมาด้วย เป็นหนุ่มเกาหลี หน้าตาเกือบธรรมดา จะหล่อก็ไม่หล่อไปเลย แต่ก็ดูดีอยู่ครับ


ผมได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเขา จึงได้ทราบว่าเขาชื่อ คิมจองฮุน ครับ (ชื่อคล้ายๆ ดาราเกาหลีทีดังๆ อยู่ตอนนี้) เป็นผู้ติดต่อประสานงานเทศกาลศิลปะและดนตรีในเดือนหน้านี้ ผมก็ร้องอ๋อทันทีครับ เพราะคุยกับเขาทางอีเมล์อยู่เกือบทุกวัน (ติดต่อเรื่องมางานนี้) ผมเช็คแฮนด์กับเขา เขาบอกผมว่า เขาอยากคุยกับผมเรื่องรายละเอียดของการนำงานมาแสดงของผมในเดือนหน้า แต่เดี๋ยวเขาจะมาคุยกับผมที่โต๊ะผมเอง ผมก็ยิ้มให้เขา คุยกับโต๊ะนี้พอหอมปากหอมคอ ก็กลับมาโต๊ะของตัวเองครับ


ผมไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่หันไปที่โต๊ะนั้น ผมจะเห็นนายคิมจองฮุนจ้องมองผมอยู่ เหมือนจ้องมองดูอยู่นานแล้ว บางทีผมก็ยิ้มให้เขา บางทีผมก็ทำหน้าสงสัยว่าทำไมต้องคอยจ้องมองผมตลอดเวลา ผมก็ไม่ได้หนีไปไหนนี่นา ก็บอกไปแล้วว่าเดี๋ยวจะคุยด้วย ทำไมต้องมาคอยจับตามองว่าผมจะไปไหนหรือเปล่า หรือว่า... นายคนนี้ต้องคิดอะไรกับผมแน่ๆ เลย ไม่อย่างนั้นจะมาคอยมองผมทำไม แต่ตอนนั้นผมไม่ค่อยชอบเขาเท่าไรครับ เพราะตอนอยู่เมืองไทย เขาชอบโทรมาถามผมสารพัดอย่าง บางทีผมมีงานเยอะหรือประชุมอยู่ก็รู้สึกรำคาญบ้างอยู่หลายครั้ง บางทีก็ตัดบทไปว่าเดี๋ยวโทรกลับหรือไม่ก็ให้เขาโทรมาใหม่ แต่นายนี่ก็ขยันโทรมาเหลือเกิน


ประมาณสักครึ่งชั่วโมง คิมจองฮุนก็เดินมาหาผมครับ เขาย่อตัวลงนั่งข้างๆ เก้าอี้ที่ผมนั่ง (พอดีไม่มีเก้าอี้ว่างเลย) เขาถามผมว่าพอจะมีเวลาคุยกับเขาหรือยัง ผมก็บอกไปว่าโอเค ก็คุยกันไปเรื่อยๆ ว่าจะต้องเตรียมอะไรยังไง ใครจะไป จะเอาอะไรไปแสดง ไปยังไง ฯลฯ ในขณะที่ฟัง ผมรู้สึกว่าเสียงเขานุ่ม ทุ้มน่าฟังดี เขาบอกผมด้วยว่า เขาเตรียมงานนี้อยู่คนเดียว ต้องติดต่อหลายคน ผมก็เริ่มเห็นใจเขาขึ้นมานิดนึง เพราะผมเองก็เคยจัดงานอยู่หลายครั้ง เข้าใจหัวอกคนจัดงานว่าเวลาบางทีขอข้อมูลที่ต้องการไปแล้วไม่ได้ มันลำบากแค่ไหน ก่อนกลับ เขากำชับให้ผมส่งข้อมูลให้เขา และเขาก็จะโทรไปตามเรื่องเป็นครั้งคราว ผมก็เออออไป อ้อ ประมาณจากสายตา ผมว่าเขาน่าจะอายุมากกว่าผมสัก 4-5 ปี แต่ตอนหลังมาทราบว่าเขาอ่อนกว่าผมตั้ง 3 ปีแน่ะ แต่ที่หน้าไปก่อนอายุอาจจะเป็นเพราะว่าเขาสูบบุหรี่และกินเหล้าเยอะก็ได้ มั้ง


พอเขาไปแล้ว ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร หลังจากวันนั้น ชีวิตของผมก็ดำเนินไปตามปกติ กลับมาจากเกาหลีแล้วก็ทำงานเหมือนเดิม เช่นเคย นายคิมจองฮุนก็จะส่งอีเมล์มาถามผมหลายอย่าง ถ้าไม่ได้คำตอบในบัดนั้น ก็จะโทรมาถามทันที แต่ช่วงนั้นผมมีงานประชุมข้างนอกบ่อยมาก ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกับเขาเท่าไร โทรมาหลายครั้ง ผมก็อยู่ห้องประชุมตลอด แล้วความรู้สึกดีๆ มันเริ่มตอนไหนหรือครับ ก็ช่วงนี้แหละครับ เดี๋ยวผมจะเล่าต่อไป


✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


พอส่งอีเมล์คุยกันบ่อยเข้า คุยกันทางโทรศัพท์กันมากขึ้น ก็เริ่มสนิทกัน บางทีผมยังเคยบอกกับเพื่อนร่วมงานว่า คุยกับนายคนนี้จนจะเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว หลังๆ เวลาเขาขออะไร ผมก็หาให้ทันที อยากได้ข้อมูลอะไร เอกสารอะไร ผมจะหาให้ทันที อันไหนทำได้แค่ไหน ก็จะบอกตามตรง ถ้าไม่มีเวลาทำ ก็จะบอกว่าไม่มีเวลาทำ แต่ถ้าอันไหนทำได้ จะทำให้ทันที เขาก็คงรู้สึกขอบคุณผมอยู่พอสมควร บางทีเขาโทรมาดึกมากเพื่อตามเรื่องงาน น้ำเสียงเหนื่อยๆ ผมชอบน้ำเสียงเขาเวลาเขาโทรมายามดึกๆ น้ำเสียงจะออกแนวอ้อนๆ น่าฟัง เหมือนกับจะขอความเห็นใจว่าทำงานเหนื่อยมากเลย จริงๆ ผมก็ว่าเขาทำงานนี้หนักมากทีเดียว เขาก็บอกผมว่าเขาเหนื่อยมาก บางวันแทบไม่ได้นอน ส่วนผมเองงานก็หนักไม่ใช่เล่นเช่นกัน ก็ต้องนอนดึกเหมือนกัน ต่างคนก็เลยต่างเห็นใจกัน


หลังๆ เวลาส่งอีเมล์หาเขา ผมมักจะบอกเขาว่า อย่าลืมดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะ หาเวลาพักผ่อนบ้าง เขาเองหลังๆ ก็มักจะลงท้ายอีเมล์ว่า อยากเจอผม ถ้าผมมาเกาหลีแล้วและถ้ามีเวลา เขาจะพาผมไปกินอาหารเกาหลีและดื่มเหล้าอะไรสักอย่างของเกาหลีด้วยกัน เขาอยากเจอผมจริงๆ ผมก็ตอบเขาไปว่า ไม่ขัดข้อง แต่ไม่ได้บอกเขาไปว่าผมไม่ชอบกินเหล้า เข้าใจว่าคงเป็นวัฒนธรรมของเขาที่พอเจอเพื่อนหรือใครสักคนที่ถูกคอก็เลยอยากจะเลี้ยงเหล้า


ก่อนวันเดินทางไปเกาหลีสักสองสามวัน คิมจองฮุนโทรมาหาผมในเวลาดึกมาก คือเกือบตีสองของที่นี่ (หรือเกือบตีสี่ของที่เกาหลี) ผมก็ถามเขาไปว่ายังไม่นอนอีกเหรอ เขาบอกยังทำงานไม่เสร็จเลย ต้องเตรียมอีกหลายอย่างก่อนงานเริ่มอีกไม่กี่วันนี้ เขาโทรมาขอรายละเอียดที่ยังค้างๆ อยู่ ผมก็บอกเขาไป ผมชอบฟังเสียงเขาเวลาที่คุยยามเหนื่อยๆ ครับ มันฟังดูอบอุ่น เหมือนเขากำลังหาใครสักคนที่เข้าใจเขา


แอบสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเขาโทรหาผมบ่อยมาก ไม่รู้ว่าติดอกติดใจอะไรผมขนาดนั้น ผมเองก็เหมือนจะเริ่มชอบเขาขึ้นมาตะหงิดๆ แล้ว เขามักจะขอบคุณผมเสมอว่าผมช่วยเขาได้มากทีเดียว ขอบคุณจริงๆ อะไรประมาณนั้น บางครั้งเวลาส่งอีเมล์ เขาจะเอาตัวอักษรมาทำเป็นรูปคนร้องให้ เพื่อบอกว่าเขาเหนื่อยมาก อยากพักผ่อนแล้ว เห็นแล้วใจหนึ่งก็ขำ ใจหนึ่งก็สงสาร สงสัยจะเหนื่อยจริงๆ แต่เขาก็มีความรับผิดชอบครับ เหนื่อยแค่ไหนก็ทำ น่าชื่นชมจริงๆ


แล้ววันที่ต้องออกเดินทางก็มาถึงครับ ผมเองก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอเขา เริ่มมีความหวังอะไรบางอย่างขึ้นมาในใจเสียแล้ว อยากฟังเสียงนุ่มๆ ของเขา ฟังทีไรรู้สึกอบอุ่นในหัวใจทุกครั้ง ได้คุยกับเขาแล้วรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ไม่น่าเชื่อว่าเราจะถูกชะตากันขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันเพียงครั้งเดียว การพบกันอีกครั้งจะเป็นอย่างไรผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าน่าจะต้องมีเรื่องดีๆ มีความทรงจำดีๆ เกิดขึ้นแน่นอน รอเราก่อนนะ คิมจองฮุน เรากำลังจะได้เจอกันแล้ว


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 06:51:00 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
เหมือนจะเศร้านะ
รออ่านต่อค่ะ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
CHAPTER 02





ผมมาถึงเกาหลีใต้ในตอนตีห้าของวันที่ 16 ตุลาคม 2552 ครับ ในกลุ่มมีประมาณ 8 คนได้ เกือบทุกคนยกเว้นผมไม่เคยมีใครมาเกาหลีเลย ด้วยเหตุนี้ เมื่อมาถึงด่าน ตม. ก็เลยมีผมคนเดียวเท่านั้นที่ผ่านไปได้ ที่เหลือเขาไม่ยอมปล่อยให้ผ่าน


เขาพยายามถามหาจดหมายเชิญ แต่พอดีผมก็ลืมบอกให้คิมจองฮุนทำให้ เพราะเข้าใจว่าเมื่อไม่ต้องทำวีซ่าแล้วก็น่าจะมาในฐานะนักท่องเที่ยวได้ แต่เนื่องจากเพื่อนร่วมงานผมบางคนแบกอุปกรณ์หลายอย่างติดตัวมา ทางเกาหลีเหมือนเขาจะกลัวว่าคนไทยจะมาแล้วไม่กลับ ถือโอกาสมาทำมาหากินที่นี่ก็เลยไม่ยอมปล่อย ยืนยันจะเอาหนังสือเชิญให้ได้


ผมจึงต้องเปิดคอมพิวเตอร์ ค้นอีเมล์เก่า ๆ ที่คิมจองฮุนส่งมาแล้วเอาเบอร์โทรศัพท์มือถือของคิมจองฮุนให้เจ้าหน้าที่ไป แต่ว่ามันก็นานมากเลยครับ ผมไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างในบ้าง รอนานจนเริ่มโมโห คิมจองฮุนก็คงรอผมอยู่ข้างนอกนานแล้วเหมือนกัน จริง ๆ เขาเป็นผู้จัดงาน ไม่ต้องมารับผมเองก็ได้ แต่เขาอยากมารับพวกเราครับ และก็มาตั้งแต่เช้ามืด คิดแล้วผมก็ยิ่งโมโห


ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อนร่วมงานของผมจึงถูกปล่อยออกมา ผมก็ตรงรี่เข้าไปต่อว่าเจ้าหน้าที่ที่พาเพื่อนผมออกมาเลยครับ ประมาณว่า พวกคุณมากักเพื่อนผมไว้ทำไม เขามีพาสปอร์ต ทำไมจะไมาในฐานะนักท่องเที่ยวไม่ได้ ผมก็เห็นคนอื่นเขาก็ผ่านมาได้ ทำไมต้องมามีปัญหากับกลุ่มผม ทำไมต้องถามคำถามบ้า ๆ อย่างนั้นด้วย ฯลฯ ทุกคนก็เหวอไปเลยครับ เพราะปกติจะไม่เคยเห็นผมโมโหขนาดนี้ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ต้องรับกรรมไป เพราะจริง ๆ เขาไม่รู้เรื่องอะไร แค่พามาส่งเฉย ๆ


พอได้ต่อว่าแล้วผมก็เลยพยายามสงบสติอารมณ์ ผมไม่ควรออกไปพบคิมจองฮุนด้วยสีหน้าโกรธขึ้งแบบนี้ เขาอุตส่าห์พยายามจัดการทุกอย่างให้อย่างดี ถ้าเจ้านายเขาทราบ เขาก็อาจจะถูกต่อว่าได้


พอเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วเราก็เข็นออกมาตรงบริเวณด้านนอกที่มีคนมารออยู่ ผมเห็นคิมจองฮุนแล้ว แต่ยังไม่ไปหาเขาทันที ไปแลกเงินก่อน จะได้ถือโอกาสสงบสติอารมณ์มากขึ้นด้วย พอแลกเงินเสร็จ จึงเดินไปหาเขา เขายิ้มด้วยความดีใจ เราเช็คแฮนด์กัน เขาก็ขอโทษขอโพยผมใหญ่เลยว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เมื่อกี้เขาคุยกับเจ้าหน้าที่แล้ว และจะพยายามส่งหนังสือเชิญไปให้ภายในสิบนาที (แต่ในความเป็นจริงคงส่งไม่ได้ เพราะตอนนี้มันยังเช้ามืดอยู่ ไม่มีคนอยู่ที่สำนักงานเขา) จนเจ้าหน้าที่เขายอมปล่อยเพื่อนร่วมงานผมออกมา


เขาคงเห็นสีหน้าผมที่มีแววไม่พอใจอยู่ ก็เลยปลอบว่า อย่าโกรธเขาเลย แล้วก็เล่าให้ผมฟังว่าทำไมเจ้าหน้าที่จึงต้องทำอย่างนั้น ผมก็ยิ้มแล้วบอกเขาว่าไม่เป็นไร แต่ที่โมโหเพราะเพื่อนร่วมงานบางคนเพิ่งเคยเดินทางต่างประเทศ คงตกใจไม่น้อยที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมถามเขาว่าเขามารอนานเท่าไรแล้ว เขาบอกว่าประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า แต่ไม่เป็นไรหรอก เขารอได้ไม่มีปัญหา


เขาเอารถมินิบัสมารับพวกเราครับ เขาบอกว่าสามารถใช้ไปไหนมาไหนได้ตามใจพวกเรา ตอนขึ้นรถบัส ผมเดินขึ้นไปพร้อมกับคิมจองฮุนครับ แต่อีท่าไหนไม่ทราบเหมือนกัน ผมสะดุดอะไรบางอย่างจนเซ คิมจองฮุนก็คว้าผมไว้ แต่ผมว่ามันเหมือนกอดมากกว่า ผมขอบคุณเขาแล้วก็นั่งลง


ผมจำได้ว่าผมคุยกับเขามาตลอดทางตั้งแต่ออกจากสนามบินอิ๋นชอนเลยครับ ข้างนอกมีหมอกคลุมภูเขาสลับซับซ้อน มีดวงตะวันขึ้นตอนเช้ากำลังสวยทีเดียว เขาก็ชี้ให้ผมดูดวงตะวันแล้วถามว่าสวยไหม ผมก็ตอบว่าสวยดีครับ พร้อมหันไปยิ้มกับเขา เรานั่งติดกัน หัวไหล่กับแขนชนกัน แล้วเขาก็บอกกับผมว่า เขามีความสุขมากที่ได้เจอผม พร้อมเอามือมาแตะแขนผมเบา ๆ แล้วเราก็คุยกันไปเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องทิวทัศน์ เรื่องงาน เรื่องเกาหลีเหนือ ฯลฯ


ตอนแรกเขาว่าจะพาพวกเราไปที่พักเลย แต่รถติดมาก เขากลัวจะไปประชุมอีกที่ไม่ทัน ก็เลยพาพวกเราไปดูสถานที่จัดงานก่อน พอถึงสถานที่จัดงาน พวกเราก็ตื่นตะลึงกับความสวยงามของสถานที่ครับ จัดได้สวยมาก มีดอกไม้เมืองหนาวเต็มไปหมด พวกเราตื่นเต้นกันมากครับ ลงจากรถแล้วก็ไปถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้ คิมจองฮุนเดินมาบอกพวกเราว่า อีกประมาณ 20 นาทีจะให้รถไปส่งพวกเราที่ศูนย์ซึ่งเราอยากไปดูงาน (ผมถือโอกาสขอเขามาดูงานด้วยครับ เขาก็โอเค) อยู่ไกลพอสมควร แล้วจึงค่อยไปส่งพวกผมที่ที่พัก


พวกเรารับทราบแล้วก็หันไปสนุกกับการถ่ายรูปและวิ่งดูนั่นนี่ต่อ จนถึงเวลาพวกเราก็มาขึ้นรถ ผมนั่งบริเวณด้านหน้า มองไปนอกรถ ก็เห็นคิมจองฮุนวุ่นวายกับการโทรศัพท์อยู่ บางทีเขาก็หันมายิ้มให้ผมบ้าง พอตอนรถใกล้ออก เขาก็เดินมาตรงประตูรถ บอกพวกเราว่าเขาคงไม่ได้ไปด้วย แต่ได้จัดอาสาสมัครไว้ให้แล้วสองสามคนซึ่งจะตามเราไปตลอดเวลาที่อยู่ที่โซล (ยกเว้นตอนนอน) เขาหันมาทางผมแล้วโบกมือเหมือนกับจะบอกว่าเดี๋ยวพบกันนะ ผมก็ยิ้มรับ พอดีมีคนมาเรียกเขา เขาก็เดินออกไปคุยสักพักก็เดินกลับมาคุยกับอาสาสมัครที่จะตามพวกเราไป คล้าย ๆ กับจะฝากฝังอะไรสักอย่าง แล้วเขาก็หันมามองผมอีก พร้อมกับพูดเบา ๆ ว่า Bye (ชื่อผม) ด้วยสีหน้าที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผมโบกมือตอบ แล้วรถก็วิ่งออกไป


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 06:27:52 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
CHAPTER 03




ตลอดทั้งวันที่ไปดูงาน ผมรู้ตัวเองเลยว่าไม่ค่อยมีสมาธิจดจ่อกับอะไรเลย ใจมันอยากจะไปเจอแต่คิมจองฮุน ป่านนี้เขาจะทำอะไรอยู่หนอ คงต้องทำงานหนักมากทีเดียวเพราะตอนเย็นนี้จะมีพิธีเปิดงานแล้ว เมื่อเช้าก็มารับพวกผมตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นจะได้นอนหรือเปล่า รู้สึกเป็นห่วงเขาไปหมด


หลังจากดูงาน เราก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารเกาหลีแห่งหนึ่ง ผมว่าอาหารเกาหลีอร่อยดีครับ มีรสมีชาติ ไม่จืดชืดเหมือนอาหารญี่ปุ่น ส่วนตัวแล้วผมชอบกิมจิของเกาหลีมากเป็นพิเศษ มีให้กินทุกมื้อ และผมก็กินทุกมื้อเช่นกัน


ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เราก็มาเช็คอินที่โรงแรมครับ พอขึ้นห้องไปได้สักพัก พวกเราหลายคนก็หลับเป็นตายเลยครับ เพราะเหนื่อยจากการเดินทางนั่นเอง หลายคนไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะไม่ชินกันการนอนบนเครื่อง ผมเองก็เหนื่อยเช่นกันครับ กำลังว่าจะนอนเอาแรงสักหน่อยก่อนไปงานพิธีเปิดตอนเย็น ก็มีเสียงมาเคาะประตู ผมก็บอกไปว่าเข้ามาได้เลยครับ ไม่ได้ล็อก คนที่โผล่เข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คิมจองฮุนนั่นเอง ไม่รู้ว่าที่มานี่เป็นเพราะเจ้านายสั่งให้มาดูแลกลุ่มผมเป็นพิเศษหรือมาเพราะอย่างอื่น แต่ผมก็ดีใจครับ เรายิ้มให้กัน


"ห้องเป็นไงบ้างครับ ใช้ได้ไหม" คิมจองฮุนถาม (เราคุยกันเป็นภาษาอังกฤษนะครับ)


"โอเคครับ ดีทีเดียว ผมชอบมาก" ผมตอบแล้วพูดสืบไปว่า


"คุณคงยุ่งมากเลยนะครับ ใกล้พิธีเปิดแล้ว แต่ดูเหมือนฝนจะตกนะครับ"


เขาทำสีหน้าเป็นกังวล


"ถ้าฝนตก งานของผมคงเละไม่เป็นท่าแน่ ๆ เลย อุตส่าห์ตระเตรียมเสียอย่างดี"


ผมมองหน้าเขาด้วยสีหน้าแสดงความเห็นใจ ถ้าเป็นผมก็คงเศร้าไม่น้อยเหมือนกัน อุตส่าห์ทำงานเหนื่อยแทบตายแต่ต้องมาพังเพราะฝน แต่ผมก็แอบขำนิด ๆ ครับตรงกางเกงของเขา ผมว่าเป้ามันตุงยังไงไม่รู้ จริง ๆ สังเกตเห็นตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว แต่ไม่กล้าบอกเขาครับ สงสัยเขาจะรีบแต่งตัวเลยไม่ได้สังเกตตัวเอง


"กำลังจะนอนหรือเปล่า" เขาถาม


"ครับ พอดีผมไม่ค่อยได้นอนเกือบทั้งคืนเลย ว่าจะงีบสักหน่อย"


เขาทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง


"ถ้างั้นพักผ่อนนะครับ เดี๋ยวผมต้องไปเตรียมงานต่อ" เขาบอก


ผมยิ้มให้เขา เขาค่อย ๆ เดินออกไป ก่อนปิดประตู เขาก็บอกผมว่าเดี๋ยวพบกันนะครับ แล้วก็ปิดประตู ผมแอบยิ้มกับตัวเอง เขาเป็นคนน่ารักทีเดียวเลย ว่าไหมครับ แต่ดูเขายุ่ง ๆ แทบตลอดเวลาเลย ไม่รู้ว่าจะมีเวลาได้คุยกันบ้างหรือเปล่า จะได้ไปกินข้าวด้วยกันอย่างที่เขาปรารภไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วผมก็หลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อาสาสมัครที่ไปกับเรามาเคาะประตูห้องเพื่อให้เราเตรียมตัวลงไปขึ้นรถ


พวกเรานั่งรถออกไปจากที่พักตอนประมาณสี่โมงเย็นครับ ข้ามแม่น้ำฮันไปอีกฝั่ง แล้วก็ไปทานอาหารเย็นกันก่อน แต่คิมจองฮุนก็ไม่ได้มาทานกับเราครับ ผมก็ชักหวั่นใจว่าคงจะหาโอกาสยากแน่ ๆ เลย ทานอาหารเสร็จแล้วเราจึงเดินทางไปที่จัดงานเพื่อร่วมพิธีเปิดงาน


ภายในงาน มีคนมาเยอะพอสมควรครับ ผมกับเพื่อนร่วมงานก็ไปนั่งรวม ๆ กับคนอื่น ๆ หน้าเวทีคอนเสิร์ต งานช่วงแรก ๆ จะเป็นการแสดงดนตรีของแต่ละประเทศครับ ช่วงพิธีเปิดก็มีผู้ใหญ่มากล่าวเปิดงาน แต่ไม่มีภาษาอังกฤษเลยครับ ผมก็เลยไม่รู้ว่าเขาพูดกันว่าอย่างไรบ้าง ผมพยายามมองหาคิมจองฮุน แต่ไม่เห็นเขาเลยครับ ไม่รู้ไปอยู่ตรงไหน สักพัก ฝนก็เริ่มโปรยเม็ดลงมา เจ้าหน้าทีภายในงานวิ่งแจกเสื้อกันฝนกันใหญ่เลยครับ ผมเห็นแล้วก็ชื่นชมในใจว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ดีทีเดียว พวกเราจึงสามารถนั่งชมการแสดงบนเวทีต่อไปได้


แต่สักพัก เพื่อน ๆ ของผมเริ่มไม่ไหวครับ เพราะยังไม่เคยไปต่างประเทศ ไม่ชินกับอากาศหนาวเท่าไร ลองคิดดูละกันครับ อุณหภูมิประมาณ 11-13 องศา แล้วมีฝนตกมันจะหนาวขนาดไหน เพื่อนร่วมงานผมจึงหลบไปนั่งใต้ร่มหลังคาอาคารหลังหนึ่งใกล้ ๆ แต่ก็ไกลจากเวทีพอสมควร แต่ผมบอกว่าจะขอนั่งอยู่ตรงนี้ละกัน อยากดูการแสดงใกล้ ๆ เพราะการแสดงแต่ละอย่างก็คัดมาได้ดีทีเดียว มีศิลปินเกาหลีที่ดัง ๆ มาด้วยครับ (แต่ผมไม่ค่อยรู้จัก) อีกสาเหตุที่ผมไม่ไป เพราะผมสงสารคิมจองฮุนครับ เขาทำงานหนักมากเพื่องานนี้ แล้วถ้าคนหนีไปหมด งานมันคงกร่อยแล้วเขาคงจะเสียใจน่าดู ผมจึงต้องอยู่ดูต่อ แม้ว่าจะหนาวมาก


จนเกือบจะจบงาน ฝนเริ่มซา ตอนนี้แหละครับที่ผมเห็นคิมจองฮุนเดินมาหาผม เขายังอยู่ในชุดเดิมคือกางเกงแสล็คสีดำ เชิ๊ตขาวและสูทสีดำ เขาเดินมาหาผมด้วยรอยยิ้มแต่สีหน้าเหนื่อย ๆ


"ไปไหนมาครับ ผมไม่เห็นคุณเลย" ผมถาม


"อยู่แถว ๆ เวทีนี่แหละครับ ดูความเรียบร้อยคิวการแสดง" เขาตอบพลางทำสีหน้าสงสัย "แล้วเพื่อน ๆ คุณไปไหนล่ะครับ"


"อ๋อ เขาหนาวครับ เลยไปหลบตรงนั้นครับ" ผมบอกพลางชี้ให้เขาดู เขาก็พยักหน้าเข้าใจ เขานั่งลงตรงเก้าอี้ข้าง ๆ ผม แล้วแหงนหน้าขึ้นมองดูฟ้า ดูท่าทางเขาจะเหนื่อยจริง ๆ ผมเลยไม่ถามอะไรมาก ไม่อยากรบกวนเขา แล้วเขาก็ถามผมว่า


"คุณว่างานเป็นยังไงบ้างครับ"


"ดีมากเลยครับ ผมชอบศิลปินแต่ละคนที่คัดมาแสดงเป็นอย่างมาก เลือกมาได้ดีทีเดียว อ้อ ผมว่าคุณแก้ปัญหาได้ดีนะครับ ถ้าเป็นผม ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไร เสื้อกันฝันนี้มันช่วยได้มากทีเดียว"


"จริง ๆ ผมเตรียมไว้หลายวันแล้วล่ะครับ เพราะผมก็กลัว ๆ อยู่เหมือนกันว่าฝนจะตก"


เขาตอบ แล้วก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น เขาลุกขึ้นรับโทรศัพท์ คุยแล้วเดินไปมา เขายกมือเป็นเชิงบอกผมว่าเขาต้องไปแล้ว ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วเขาก็เดินไปแถว ๆ หลังเวที คงไปจัดการอะไรบางอย่าง ผมก็หันมาสนใจการแสดงบนเวทีต่อ จนจบ จึงขึ้นรถกลับโรงแรม ไม่ได้ล่ำลาคิมจองฮุนเลยครับ ไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน


การเดินทางกลับ ก็เกือบจะราบรื่นดีแล้วครับ แต่คนขับรถของเราวันนี้เหมือนจะกังวลกับแผนที่ GPS มากเลยครับ อาจจะเป็นเพราะเขาไม่คุ้นเส้นทางก็ได้ จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด เพราะอยู่ดี ๆ เขาก็เลี้ยวซ้ายโดยไม่ได้ดูว่ามีรถในเลนซ้ายสุดวิ่งมาหรือเปล่า (เกาหลีใต้จะขับรถทางขวา เลนรถเร็วจะอยู่ซ้าย) รถเมล์ที่เพิ่งวิ่งออกมาจากป้ายจึงชนโครมเข้ากับรถที่พวกเรานั่งมาครับ เสียงดังสนั่นพอสมควร รถของเราถูกชนตรงกลางลำ กระจกฝั่งนั้นแตกละเอียด ทุกคนร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ แต่โชคดีไม่มีใครเป็นอะไรครับ


ผมรำพึงในใจว่าทำไมวันนี้เราถึงได้ซวยกันทั้งวันหนอ เมื่อเช้าก็โดนกักที่ด่าน ตม. ตอนเย็นก็ฝนตก แล้วก็มารถชนกัน พวกเราต้องลงมาจากรถ อาสาสมัครที่ตามเรามาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี เขาคงกังวลกันพอสมควร คนขับรถเดินมาขอโทษพวกเรากันใหญ่เลยครับ เราก็บอกไปว่าไม่เป็นไร ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้ว เราเข้าใจว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่เหมือนเขาจะกลัวว่าเราจะมีประสบการณ์เชิงลบกับประเทศเขา แต่พวกเราก็ยืนยันว่าไม่เป็นไรครับ


อาสาสมัครของเราโทรไปรายงานกับหน่วยงานที่จัดงาน และคงรายงานคิมจองฮุนด้วยครับว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะหลังจากนั้นก็เดินมาบอกเราว่าเดี๋ยวคิมจองฮุนจะมา แต่เขาต้องเคลียร์งานทางนั้นให้เรียบร้อยก่อน ในระหว่างนี้ให้เรารอรถพยาบาลที่จะพาพวกเราไปตรวจร่างกายก่อนว่าฟกช้ำหรือเจ็บตรงไหนหรือเปล่า


ผมกับเพื่อนร่วมงานก็นั่งรออยู่ข้างถนน ตอนนี้อากาศหนาวมากครับ ยิ่งดึกมันยิ่งหนาวมากขึ้น รถพยาบาลก็ไม่มีวี่แววว่าจะมาเสียที แต่ตำรวจมาแล้วครับ ถ่ายรูป เก็บหลักฐานและซักถามคนขับรถของเราและของรถเมล์กันใหญ่ แต่รอนานแล้วคิมจองฮุนก็ยังไม่มาเสียที เห็นแต่เจ้านายเขามาเองครับ มาถึงก็ขอโทษขอโพยพวกเรากันใหญ่ และยืนยันว่าพวกเราต้องไปตรวจร่างกายแม้ว่าเราจะยังไม่รู้สึกเจ็บตรงไหนเลย แต่เพื่อความปลอดภัยเราต้องไปตรวจให้แน่ใจ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเขาจะจัดการเอง


รถพยาบาลมาถึงก็เกือบจะตีหนึ่งแล้วครับ พวกเราง่วงนอนกันพอสมควร แล้วก็กังวลด้วยเนื่องจากพรุ่งนี้มีคิวต้องขึ้นแสดง ถ้านอนดึกแบบนี้กลัวจะไม่มีแรงกัน แต่ก็ต้องไปครับ แล้วคิมจองฮุนของผมทำไมยังไม่มาหนอ คิดแล้วก็สงสารเขาเหมือนกัน วันนี้มีแต่เรื่องให้ต้องปวดหัวและจัดการมากมาย เจ้านายเขาจะว่าอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขอให้นายโชคดีแล้วกันนะ


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 06:28:23 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
^___^
มาติดตามค่ะ
เป็นเรื่องเล่าด้วย อ่านที่คนเขียนเกริ่นแล้้ว
แอบอยากเศร้า แต่คนเขียนบอกว่าการจากลาไม่เศร้าเสมอไป
งั้นจะพยายามห้ามตัวเองไม่ให้เศร้าค่ะ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
CHAPTER 04





ประมาณเกือบตีสอง คิมจองฮุนจึงได้มาถึงโรงพยาบาลครับ เขาตรงรี่เข้ามาหาผมก่อนใคร สีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด


"(ชื่อผม) คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ" เขาถาม


"ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เจ็บตรงไหน" ผมตอบพลางยิ้ม แล้วดูเหมือนคิมจองฮุนเพิ่งจะนึกได้ว่าเขาไม่ควรถามผมคนเดียว เนื่องจากมีเพื่อนร่วมชะตากรรมของผมอีกหลายคนที่มาด้วย เขาจึงหันไปถามเพื่อนร่วมงานของผมว่า


"แล้วพวกคุณล่ะครับ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า"


"ไม่มีใครเป็นไรครับ แต่กำลังรอให้หมอตรวจอีกทีเพื่อความแน่ใจ" ผมตอบแทนเพื่อนคนอื่น ๆ เพราะพวกเขาไม่ค่อยถนัดภาษาอังกฤษกันเท่าไร


"ผมเสียใจด้วยนะครับ (ชื่อผม) ไม่รู้ว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ตอนเช้าพวกคุณก็ถูกกักตัวที่สนามบิน แล้วผมก็ทราบว่าที่คุณไปดูงานกันนั้นก็ไม่น่าสนใจอย่างที่คิด ตอนเย็นฝนก็ตก แล้วยังมาเกิดอุบัติเหตุอีก สงสัยวันนี้จะเป็นวันไม่ดีจริง ๆ" เขารำพึง


"ไม่เป็นไรครับ แค่พวกเราปลอดภัยก็ดีแล้ว อุบัติเหตุมันเป็นสิ่งที่เราไม่ทราบล่วงหน้า เกิดที่ไหนก็ได้ พวกเราเข้าใจครับ" ผมพยายามปลอบไม่ให้เขาคิดมาก


"พวกคุณหิวกันหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมจะไปหาซื้ออะไรมาให้ทาน"


ผมยังไม่ตอบคำถามของเขา แต่หันหน้าไปมองเพื่อน ๆ เพื่อขอความเห็น แต่ดูเหมือนไม่มีใครอยากจะกินอะไรเพราะว่ามันดึกมากแล้ว คงอยากจะรีบตรวจ ๆ ให้เสร็จแล้วกลับไปนอนมากกว่า


"ไม่เป็นไรครับ พอดีเราทานอาหารเย็นกันค่อนข้างเยอะแล้ว" ผมตอบแทนเพื่อน ๆ


แต่คิมจองฮุนคงรู้สึกผิดที่พวกเราต้องมาลำบากกันแบบนี้ เขาวิ่งออกไปข้างนอก สักพักก็กลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มสารพัดอย่าง เขาเอามาให้ผม ผมก็เอาไปแจกเพื่อน ๆ ทุกคน จนสุดท้ายเหลืออยู่ประมาณ 2-3 อย่าง ผมก็เอามาให้เขาเลือกบ้าง


"ขอบคุณครับ" เขาบอกพลางหยิบน้ำอัดลมไป


สักพักคุณหมอก็เรียกพวกเราแต่ละคนเข้าไปตรวจ ผมกับคิมจองฮุนก็เข้าไปในห้องด้วยเพื่อช่วยแปล แต่ก็ไม่ได้ตรวจอะไรมากครับ เพราะไม่มีใครรู้สึกเจ็บตรงไหน แต่คิมจองฮุนได้กำชับกับผมว่า ถ้าตอนเช้ามีใครรู้สึกเจ็บตรงไหน ให้รีบบอกเขาทันที ผมก็รับปาก แล้วเราก็ค่อย ๆ ทยอยกันกลับที่พักไป มีรถของเจ้าหน้าที่ที่จัดงานมาสองสามคันที่สามารถไปส่งเราได้ แต่โชคไม่ดีเลยครับ ผมดันไม่ได้อยู่คันเดียวกับที่คิมจองฮุนนั่ง แอบเซ็งเล็กน้อย


พอมาถึงที่พัก พวกเราก็แทบจะหลับกันเป็นตายเลยครับ เพราะว่าเหนื่อยมาก ผมไม่เห็นคิมจองฮุนเพราะว่าเรามากันคนละคัน เลยไม่ได้บอกราตรีสวัสดิ์ แต่ก็แอบเป็นห่วงเขาอยู่เหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าเขาจะได้กลับบ้านกี่โมงกี่ยาม ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ไกลหรือเปล่า ไหนตอนเช้าจะต้องรีบตื่นมาเตรียมงานอีก อยากโทรไปถามเขาเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา เดี๋ยวจะรบกวนเวลานอนของเขาเพราะว่ามันก็ดึกมากแล้ว ให้เขากลับไปบ้านไปเถอะ สุดท้ายก็เลยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน หวังว่าพรุ่งนี้เราคงจะได้มีเวลาคุยกันมากกว่านี้นะ คิมจองฮุน


✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


เช้าวันที่สองในเกาหลีใต้ พวกเราตื่นนอนกันเกือบ 11 โมงเช้าครับ จากนั้นอาสาสมัครพร้อมกับรถมินิบัสคันใหม่ก็มารับพวกเราไปทานอาหารกันข้างนอก ตอนบ่ายก็พาเราไปซื้อของที่ตลาดนัมแดมุน จนถึงเวลาประมาณสี่โมงเย็น พวกเราก็เดินทางมาที่สถานที่จัดงานเพื่อเตรียมตัวขึ้นแสดง อาสาสมัครพาพวกเราเดินไปทางด้านหลังเวที ซึ่งจะมีซุ้มสำหรับคนที่จะขึ้นแสดงอยู่หลายซุ้ม ผมเจอคิมจองฮุนพอดีครับ ใส่ชุดคล้าย ๆ กับเมื่อวานคือ กางเกงแสล็คสีดำ เสื้อเชิ๊ตสีขาว ทับด้วยสูทสีดำ ดูเท่ห์ดีครับ เขาเป็นคนที่ไม่อ้วน แต่ก็ไม่ผอม (ไม่ล่ำ) และไม่มีพุง คิมจองฮุนกำลังโบกให้รถส่งของเข้ามาจอดอยู่ เขาหันมาเห็นผมพอดี แล้วเราก็ยิ้มให้กัน ผมรู้สึกดีใจเหลือเกินครับที่ได้เจอเขา ตอนที่ไปซื้อของนั้นก็แทบจะไม่มีกะจิตกะใจจะซื้ออะไรเลย คิดถึงเขาตลอดเวลา ถ้าเขามาซื้อของเป็นเพื่อนผม คงจะสนุกไม่น้อย แต่เขาก็ดูไม่มีเวลาเสียเลย


พอเขาโบกรถเสร็จ เขาก็รีบวิ่งมาหาผมครับ ช่วยถือของแล้วพาผมไปที่ซุ้มของพวกเราครับ น้ำใจดีเสียจริง ๆ พ่อหนุ่มน้อย แต่เราก็ไม่ค่อยได้คุยกันมากเท่าไร เพราะเขาก็ยังคงต้องวิ่งวุ่นเตรียมงาน และโทรศัพท์แทบจะตลอดเวลา ผมก็เลยต้องหันมาสนใจกับการซ้อมเพลงที่จะขึ้นร้องเย็นนี้แทน วันนี้ผมต้องขึ้นร้องเพลงเกาหลีเสียด้วยครับ ผมได้เตรียมมาหนึ่งเพลง จากซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง "รักนี้ชั่วนิรันดร์" เอามาเล่นแบบอคูสติก ผมหยิบกระดาษที่พิมพ์เนื้อเพลงออกมาดูด้วยในขณะที่ร้อง เพื่อน ๆ ผมก็เล่นกีตาร์ประกอบไป คิมจองฮุนแอบมายืนดูด้วยครับ มาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ พอผมหันไปเจอ เราก็ยิ้มให้กันแล้วขำ ผมบอกเขาไปว่ายังจำเนื้อร้องไม่ได้เลย เขาก็ขำอีก แล้วก็เดินไป


สักพัก ก็มีคนเดินมาที่ซุ้มเราเพื่อตามพวกเราขึ้นไปซาวด์เช็คบนเวที ผมกับเพื่อน ๆ ก็เลยต้องหยุดซ้อมแล้วตามเจ้าหน้าที่ขึ้นไปบนเวที เราต้องซ้อมเรื่องการจัดตำแหน่ง การวางไมค์ต่าง ๆ ที่นั่งของนักร้อง นักดนตรี ฯลฯ พอลงตัวแล้ว เราก็เริ่มเล่นกัน ผมก็ร้องเพลงไป แล้วคิมจองฮุนก็เดินขึ้นมาบนเวทีเพื่อมาถ่ายรูปผมครับ ไม่รู้ว่าไปเอากล้องมาจากไหน เพราะผมไม่เห็นเขาถือติดตัวเลย ร้องไปได้สักพัก ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกให้เราหยุดเนื่องจากทุกอย่างโอเคแล้ว แล้วก็ให้พวกเราลงเวทีไปเพื่อให้กลุ่มต่อไปขึ้นมาซ้อมเสียงบ้าง ผมก็เลยอดคุยกับคิมจองฮุน แต่คิดว่าถึงอย่างไรก็คงไม่ค่อยได้คุยกันอยู่ดี เพราะเขาคงไม่ว่างนั่นเอง


พอลงมาจากเวที อาสาสมัครกลับพาเรามาซุ้มใหม่ที่แคบกว่าเดิม แต่พวกเราก็ไม่อยากสร้างปัญหาครับ แค่เมื่อวานเรื่องก็เยอะมากพอแล้ว เดี๋ยวคิมจองฮุนจะปวดหัวมากว่าเดิม ก็เลยไม่บ่นอะไร สักพักเจ้าหน้าที่ก็เอาข้าวกล่องมาให้เรากินก่อนขึ้นเวที คิมจองฮุนก็เดินมาดูพวกเราอีกครับ มาบ่อยจังแฮะ ผมคิดในใจ แต่ก็ดีครับ ได้เจอหน้าเขาผมก็มีความสุขแล้วแม้จะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรนัก พอเขาเห็นว่าเรามาอยู่ในซุ้มแคบ ๆ เขาก็บ่นครับว่าทำไมต้องให้พวกเราที่มีตั้งหลายคนมาอยู่ในซุ้มแคบ ๆ แบบนี้ ผมก็บอกเขาไปว่าไม่เป็นไร แต่ดูสีหน้าเขาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนัก เขาเดินมาขอโทษผม อาจจะมีการเข้าใจอะไรกันผิดบางอย่างระหว่างเจ้าหน้าที่กับอาสาสมัคร แล้วเขาก็เดินออกไปอีก ผมจึงหันมากินข้าว เสร็จแล้วก็ซ้อมเพลงต่อ


ซ้อมอยู่นานพอสมควร พอมองออกไปข้างนอกซุ้มอีกทีก็เห็นคิมจองฮุนนั่งกินข้าวอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ แต่คิดว่าคงไม่ใช่แฟนกันหรอกครับ เพราะดูผู้หญิงมีอายุแล้ว แต่ผมก็เริ่มกังวลว่าเราจะได้มีเวลากินข้าวและคุยกันอย่างที่เราเคยคุยกันไว้หรือเปล่าหนอ รู้สึกว่านายคนนี้แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย ผมถอนหายใจแล้วก็หันกลับมาซ้อมเพลงต่อ อีกพักหนึ่ง ก็มีนักข่าวเข้ามาขอสัมภาษณ์พวกเราครับ พอดีผมพูดภาษาอังกฤษได้ก็เลยให้สัมภาษณ์ในฐานะตัวแทนของกลุ่มไป ในระหว่างที่สัมภาษณ์ นายคิมจองฮุนก็เดินมาหาผมที่ซุ้มอีกครับ เขาเรียกชื่อผมเหมือนจะคุยอะไรด้วย แต่ผมก็ทำท่าทางให้เขาดูว่าตอนนี้ไม่สะดวกคุยเนื่องจากกำลังให้สัมภาษณ์อยู่ เขาชะงักเล็กน้อยแล้วยืนรอสักพัก แต่นักข่าวก็สัมภาษณ์ไม่เสร็จเสียที สุดท้ายเขาก็เดินหายไปอีก เฮ้อ ไม่ได้คุยกันอีกแล้ว


ผมไม่ได้เจอคิมจองฮุนอีกเลยจนขึ้นเวทีไปครับ แต่ในขณะที่ร้องเพลง ผมก็เห็นเขาอยู่หน้าเวที ถือกล้องถ่ายรูป แล้วก็ถ่ายรูปผมใหญ่เลย ผมก็อดยิ้มไม่ได้ ถ้าใครเจอแบบนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องคิดเหมือนกันว่านายคนนี้ต้องคิดอะไรกับเราแน่ ๆ เลยใช่ไหมครับ ผมก็คิดอย่างนั้น ไม่อย่างนั้น เขาจะมาใส่ใจอะไรเราขนาดนี้ใช่ไหมครับ


พอลงจากเวทีแล้ว มีชายกับหญิงคู่หนึ่งวิ่งมาหาผม พอเห็นหน้าผมก็จำได้ครับว่าเคยเจอกันเมื่องานเทศกาลเดือนที่แล้วนั่นเอง ผู้หญิงเป็นชาวญี่ปุ่นแต่ได้สามีเป็นคนเกาหลี ส่วนผู้ชายเป็นชาวเกาหลีแท้ ๆ ใส่แว่น หน้าตาหล่อเหลายังกับพระเอกหนังเกาหลีเลยครับ จะว่าไปแล้วก็หล่อกว่าคิมจองฮุนด้วยซ้ำ แต่ผมไม่ได้สนใจเขาหรอก เขาเข้ามาแสดงความชื่นชมว่าผมร้องเพลงได้ดีมากเลย แล้วถามผมว่าผมพอจะมีเวลาว่างไปกินข้าวกับพวกเขาบ้างไหม เขาอยากชวนไปกินข้าวกลางวันหรือเย็นด้วยกัน แต่ผมก็ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ไปครับว่า ตอนกลางวันพรุ่งนี้ผมจะต้องไปทานอาหารกลางวันกับผู้ใหญ่ขององค์กรที่จัดงานนี้ ส่วนตอนเย็น ผมนัดกับคิมจองฮุนไว้ (จริง ๆ ยังไม่ได้นัดเลย) แต่จะขอเช็คกับเขาดูก่อน ถ้าเขาไม่ว่าง ผมก็จะไปกับทางนี้ พวกเขาก็โอเคครับ แล้วผมก็กลับซุ้ม เก็บของเตรียมกลับที่พัก ในระหว่างที่เดินกลับ ผมก็พยายามมองหาคิมจองฮุน แต่ก็ไม่เจอครับ ไม่รู้ว่าไปไหนอีกแล้ว อยากจะถามเขาด้วยว่าเราจะพอมีเวลาไปกินข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อก่อนที่ผมจะกลับหรือเปล่า ผมก็แอบเซ็งอีกแล้วครับ อุตส่าห์มาหาทั้งที ทำไมจึงไม่ค่อยได้คุยกันเลย


ก่อนที่รถจะออก ผมหันไปถามอาสาสมัครผู้หญิงที่คอยดูแลกลุ่มเราอยู่ว่าเขามีเบอร์คิมจองฮุนหรือเปล่า เขาก็บอกว่ามี ผมก็เลยขอให้เขาต่อเบอร์ให้หน่อย ผมอยากคุยกับเขา เขาก็ต่อให้ครับ ผมรับโทรศัพท์มา ดังตื้ด ๆ อยู่สองสามครั้ง คิมจองฮุนก็รับสาย


"คิมจองฮุน (ชื่อผม) นะครับ" ผมบอกเขาก่อน เพื่อเขาจะได้ไม่งง


"ครับ (ชื่อผม) กลับถึงที่พักแล้วหรือครับ" เสียงตามสายตอบมา ผมรู้สึกว่าเขาดีใจที่ได้คุยกับผมเช่นกัน ผมเองก็ชักจะเป็นเอามาก แค่ได้ยินเสียงของเขาก็ดีใจเหลือหลาย


"ยังครับ ยังไม่ออกจากที่นี่เลยครับ พอดีผมจะโทรมาบอกว่า ผมลืมเอาใบเสร็จค่าตั๋วเครื่องบินให้คุณครับ พรุ่งนี้คุณจะไปทานอาหารกลางวันกับเราหรือเปล่าครับ" (เจ้านายของเขาขอนัดกินอาหารกลางวันกับพวกผม)


"ผมคงไม่ได้ไปครับ ต้องไปดูแลงานอีกที่ครับ"


"อืม แล้วผมจะเอาใบเสร็จนี้ให้คุณยังไงดีครับ"


"อืม เอาอย่างนี้ละกันครับ ที่ ๆ คุณจะไปกินข้าวพรุ่งนี้อยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงานผม คุณเอาใบเสร็จไปวางไว้บนโต๊ะผมก็ได้ครับ ถามคนในนั้นก็ได้ว่าโต๊ะผมอยู่ตรงไหน เอาไปวางไว้เลยครับเดี๋ยวผมจะไปจัดการเอง"


"อย่างนั้นหรือครับ ก็ได้ครับ อืม ว่าแต่ว่า พรุ่งนี้เราจะได้เจอกันไหมครับ"


"ได้เจอสิครับ พรุ่งนี้คุณจะต้องไปงานภาพยนต์ที่เราจัด คงได้เจอกันที่นั่น"


"ครับ แต่ผมหมายถึงว่า เราจะมีเวลาได้กินข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อก่อนที่ผมจะกลับไหมครับ"


พอเจอคำถามนี้ เขาเงียบไปสักพักแล้วตอบด้วยเสียงที่เบาลงเหมือนไม่ค่อยมั่นใจว่า


"มันคงจะวิเศษมากทีเดียว ผมก็อยากทำอย่างนั้นครับ เอาเป็นว่าผมจะพยายามหาเวลามาทานข้าวเย็นกับคุณให้ได้ละกันนะครับ"


"ครับ ผมจะรอนะครับ" แล้วผมก็บอกราตรีสวัสดิ์เขาเป็นภาษาเกาหลีว่า


"อัน ยอง ฮี จู มู ฮา เซ โย" เขาหัวเราะแล้วก็ตอบกลับมาด้วยประโยคเดียวกัน ผมวางสายแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้น้องคนนั้น แล้วคืนนี้ก็ผ่านไป ใจผมว้าวุ่นเหลือเกินครับ กลัวว่าเขาจะไม่ว่างแล้วไม่ได้มากินข้าวด้วยกันจังเลย แต่ก็หวังว่าเขาน่าจะหาเวลาได้บ้างแหละน่า


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 06:29:28 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
เรื่องมันกำลังค่อยเป็นค่อยไปใช่ไหมค่ะเนี้ย ^___^
แอบลุ้นตามนะคะ แต่เผื่อใจเอาไว้ด้วยเหมือนกัน พยายามจะไม่ลุ้นมาก แหะๆ
เพราะมันต้องจากกันใช่ป่าวคะ...

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเห็นว่ามาเปิดเรื่องใหม่

ตามมาอ่านแล้วค่ะ

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ...

 :กอด1:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
CHAPTER 05




เช้าวันที่สามในเกาหลีใต้ครับ วันนี้พวกเราก็ตื่นสายกันเช่นเคย เพราะเมื่อคืนวานกลับมาถึงที่พักค่อนข้างดึกพอสมควร พออาบน้ำเสร็จแล้วผมก็รีบมาค้นกระเป๋าเพื่อหาใบเสร็จตั๋วเครื่องบินที่จะต้องให้คิมจองฮุนครับ พอเจอแล้วผมก็หาซองมาใส่ พร้อมเขียนโน๊ตด้วยกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ไว้ว่า "คิมจองฮุน ไม่รู้ว่าวันนี้เราจะได้เจอกันหรือเปล่า แต่ผมเอาใบเสร็จค่าตั๋วเครื่องบินมาให้แล้วนะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ" ผมลงท้ายด้วยคำที่ผมมักจะเขียนลงท้ายในอีเมล์ก่อนหน้านี้เสมอ ๆ


รถมารับพวกเราไปทานอาหารกลางวันตอน 11 โมงเช้าเช่นเคย วันนี้เราไปกิน "บิบิมบับ" กันครับ เป็นอาหารเกาหลีสุดโปรดของผมเลย กินกับกิมจิที่ออกเปรี้ยวหน่อย อร่อยอย่าบอกใครเชียว เจ้าภาพในวันนี้ก็เป็นคนจัดงานนั่นเองครับ มีประธานขององค์กรมาร่วมรับประทานอาหารด้วย พวกเราได้รับคำชมว่าแสดงได้ดีมากเมื่อคืนนี้ ผมถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่รู้จักกันว่า ที่ทำงานอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้หรือเปล่า พอดีผมจะเอาใบเสร็จตั๋วเครื่องบินไปวางไว้บนโต๊ะของคิมจองฮุน ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ไกลมาก แต่วันนี้เป็นวันหยุด ไม่มีใครอยู่ ฝากเขาไว้ก็ได้ ผมจึงฝากใบเสร็จไว้กับเจ้าหน้าที่คนนั้น


หลังจากทานอาหารแล้ว เขาก็พาเราไปดูภาพถ่ายในแกลเลอรี่แห่งหนึ่งครับ ด้วยความที่เป็นคนรักศิลปะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมชอบกิจกรรมวันนี้เป็นพิเศษเลยครับ (แล้วเพิ่งมารู้ทีหลังว่าคิมจองฮุนเป็นคนจัดแกลเลอรี่นี้เอง) ภาพที่นำมาแสดงนั้นแสดงถึงความมีศิลปะจริง ๆ เป็นงานที่มืออาชีพทีเดียวครับ หลังจากเดินดูแกลเลอรี่ เราก็ออกไปซื้อของฝากกัน ซึ่งอยู่ในตลาดใกล้ ๆ กับที่จัดแสดงแกลเลอรี่นั่นเอง เพื่อนผมบางคนดูจะเป็นกังวลกับการหาซื้อ Skin Food กันน่าดู แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ อาสาสมัครที่มาด้วยบอกว่าน่าจะมีขายใกล้ ๆ กับสถานที่ที่เราจะไปดูนิทรรศการภาพยนต์ตอนเย็นนี้ พวกเขาจึงเลิกเดินหา


สี่โมงเย็น เราก็ขึ้นรถไปยังสถานที่จัดนิทรรศการภาพยนต์ครับ กว่าจะไปถึงก็เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเกาหลีก็รถติดเหมือนกัน แม้ว่าจะมีระบบขนส่งมวลชน (รถไฟ) ค่อนข้างดีแล้วก็ตาม เพื่อนผมบางส่วนออกไปกับอาสาสมัครเพื่อไปซื้อ Skin Food เพราะว่าพรุ่งนี้จะต้องกลับแล้ว ถ้าซื้อไม่ได้เดี๋ยวคนที่ฝากซื้อจะต่อว่าเอา แต่ผมไม่ไปครับ ผมอยากเจอคิมจองฮุน อยากคุยกับเขา อยากกินข้าวเย็นกับเขามากกว่าอย่างอื่น แต่ไปถึงบริเวณงาน ก็ไม่เห็นคิมจองฮุนเลย เขาไปไหนก็ไม่รู้ ผมจึงไปถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มาด้วยกันว่าคิมจองฮุนไปไหน พอดีวันนี้ผมนัดทานอาหารเย็นกับเขาไว้ ก็ได้รับคำตอบว่าเดี๋ยวเขาจะมา ผมก็เลยค่อยใจชื้นหน่อย


ผู้หญิงญี่ปุ่นคนนั้นกับเพื่อนผู้ชายใส่แว่นมางานนี้ด้วยครับ ผมก็เข้าไปทักทายพวกเขา คุยกันสักพัก เขาก็ถามผมว่าจะไปกินข้าวเย็นกับพวกเขาได้ไหม ผมก็ต้องปฏิเสธอย่างนุ่มนวลไปว่านัดกับคิมจองฮุนไว้แล้ว เอาไว้โอกาสหน้าละกันนะครับ แต่ในใจนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่าคิมจองฮุนจะมีเวลาไปกินข้าวกับผมหรือเปล่า อ้อ ผมเพิ่งทราบครับว่าผู้ชายที่ใส่แว่นนั้นชอบทำภาพยนต์และเรียนด้านนี้มาโดยเฉพาะ ก็เลยอยากมาดูภาพยนต์สั้นที่ชนะการประกวดครั้งนี้


พอหกโมงเย็น ผมก็เข้าไปในห้องฉายภาพยนต์กับเพื่อนที่เหลืออยู่เพื่อดูภาพยนต์สั้นที่ชนะการประกวด ผมนั่งดูจนจบ คิมจองฮุนก็มาพอดี แต่ผมไม่รู้ตัวครับ รู้ตัวก็ตอนที่มีใครบางคนมาจับที่ไหล่ ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มดีใจ คิมจองฮุนย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ กับที่นั่งของผม


"My friend (เพื่อนรักของผม) ขอโทษนะที่ให้รอนาน"


"ไม่เป็นไรครับ วันนี้งานยุ่งมากไหมครับ" ผมถาม


"ก็ยุ่งนิดหน่อยครับ พอดีวันนี้มีพิธีเปิดงานเทศกาลภาพยนต์" เขาพูดพลางเอาศีรษะมาแตะที่ไหล่ผม ทำตัวน่ารักแบบนี้ ผมจะไม่รักอย่างไรไหวล่ะครับ


"คุณรู้ไหมว่าวันนี้ผมไปดูภาพที่แกลเลอรี่มา ผมชอบมากเลย ภาพสวยและเป็นศิลปะมาก" ผมบอกเขา


"ที่ไหนครับ"


"อืม จำชื่อไม่ได้ครับ รู้แต่ว่าอยู่ใกล้ ๆ กับตลาดอะไรสักอย่าง"


"อ้อ ผมรู้ละ แถวตลาดดงแดมุนใช่ไหมครับ เป็นแกลเลอรี่ของงานเราเองครับ"


"ครับ อันนั้นแหละ"


"แล้วคุณรู้ไหมว่าผมเป็นคนจัดแกลเลอรี่นั้นเองเลยนะ" เขาถือโอกาสคุยโว


"จริงหรือครับ คุณนี่ก็เก่งไม่ใช่เล่นนะครับ นอกจากจะบริหารเก่งแล้ว ยังเก่งเรื่องศิลปะด้วย" ผมชม เขาก็ขำ


"ถ้ามีโอกาส ผมอยากจะเอาภาพพวกนี้ไปแสดงที่ประเทศไทยบ้างจะได้ไหม" ผมถามอีก


"น่าจะได้นะครับ ติดต่อผมมาละกัน เดี๋ยวผมจะลองคุยกับเจ้านายผมให้" เขาตอบพลางยิ้ม แล้วก็มาถึงคำถามสำคัญที่ผมกำลังอยากรู้


"ตกลง วันนี้คิมจองฮุนว่างจะไปทานอาหารเย็นกับพวกเราไหมครับ"


พอได้ยินคำถามนี้ สีหน้าเขาก็เริ่มเจื่อน


"ขอโทษนะครับ (ชื่อผม) เย็นนี้ผมไม่ว่างจริง ๆ ครับ ผมอยากไปนะ แต่ผมต้องเคลียร์งานหลายอย่าง แล้วก็ จริง ๆ แล้วผมก็เพิ่งทานอาหารกับแขกคนหนึ่งมาแล้วด้วย"


ได้ยินแล้วผมก็อดใจห่อเหี่ยวไม่ได้ สรุปว่าตั้งแต่วันมาจนกระทั่งถึงวันกลับ เราก็ไม่ได้กินข้าวเย็น หรือไม่แม้แต่ข้าวมื้อไหน ๆ ด้วยกันสักมื้อเลย เขาคงเห็นสีหน้าผมไม่ค่อยดี ก็เลยปลอบว่า


"คืนนี้ ผมจะไปนอนที่เดียวกับพวกคุณ เดี๋ยวผมจะซื้อไก่ทอดไปกินด้วยกันนะ" เขาหยุดเพื่อดูปฏิกิริยาของผม ผมเริ่มใจชื้นขึ้นมาพอสมควร อย่างน้อย เขาก็เห็นความสำคัญของเรา แล้วเขาก็พูดต่อว่า


"ผมได้รับใบเสร็จตั๋วเครื่องบินแล้วนะครับ ขอบคุณมาก คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้วล่ะ" (หมายถึงไม่ต้องมีเอกสารอะไรเพิ่มเติมอีก)


"คุณจะไปนอนพักที่เดียวกับพวกเราคืนนี้หรือครับ" ผมถามย้ำ


"ครับ เดี๋ยวผมจะซื้อไก่ทอดไปให้นะ รอผมด้วยล่ะ"


"ครับ" ผมตอบพลางยิ้ม เขาเดินออกมาส่งผมที่นอกอาคาร เพื่อน ๆ ผมทั้งหมดมารออยู่แล้วเพื่อที่จะไปทานอาหารเย็นพร้อมกัน แล้วเขาก็กลับเข้าไปข้างในเพื่อจัดการงานของเขาต่อ


พวกเราเดินไปตามทางเท้าไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ประมาณห้านาทีก็มาถึง เย็นนี้เราจะกินหมูย่างเกาหลีกันครับ เป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบพอสมควร แต่น่าเสียดายที่คิมจองฮุนไม่ได้มากินด้วย พวกเราใช้เวลากับอาหารเย็นไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็เดินทางกลับที่พัก


พอถึงห้อง หลาย ๆ คนก็เก็บของเตรียมตัวเดินทางพรุ่งนี้เช้า เที่ยวบินของเราค่อนข้างเช้าทีเดียวครับ ต้องออกจากโรงแรมตั้งแต่หกโมงเช้าเลย อาสาสมัครผู้ชายคนหนึ่งที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะมานอนที่โรงแรมเดียวกันกับพวกเราเพื่อจะไปส่งพวกเราตอนเช้ามาบอกผมว่า เขาจะไม่นอนแล้ว เพราะว่าเดี๋ยวคิมจองฮุนมา จะมาถึงก่อนเที่ยงคืน แล้วพรุ่งนี้เช้าเขาจะไปส่งพวกเราเอง ผมแอบยิ้มดีใจ อย่างน้อย คืนนี้ผมก็น่าจะได้คุยกับเขาบ้าง ตอนเช้าระหว่างเดินทางก็คงได้คุยกันอีก คิมจองฮุน เรารอนายอยู่นะ รีบมาเร็ว ๆ ล่ะ ไม่ได้กินข้าวเย็นด้วยกัน ก็กินไก่ทอดรอบดึกด้วยกันก็ยังดี


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 06:29:49 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
เพิ่งเห็นว่าเอาตอนใหม่มาลง ^__^
รอจองฮุนด้วยคนค่ะ ลุ้นๆๆๆ ชักอยากกินไก่ทอด

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
คุณคิมจองฮุนน่ารัก.....จริงๆด้วย
มีเอาศีรษะมาแตะที่ไหล่ด้วย (มันคล้ายๆพิงไหล่ใช่มั้ยคะ) ดูเหมือนจะอ้อนๆนิดๆ :m1:  :m3:
 
แถมจะตามมาที่ที่พักตอนดึกอีก ทั้งๆที่แค่เคลียร์งานตัวเองก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว 

รอลุ้นตอนคุณคิมมานะคะ จะมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า  ??
 :L2: :L2: ขอบคุณค่ะ +1 และ+เป็ดน้อยค่ะ

       


ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
CHAPTER 06




ผมอาบน้ำเสร็จก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ตอนแรกว่าจะนอนรออยู่ในห้อง ก็กลัวว่าจะหลับไปเลย เดี๋ยวเขามาเรียกจะไม่ได้ยิน ก็เลยเดินออกมานอกห้อง เห็นมีระเบียงอยู่ ก็เลยไปนั่งเล่นตรงนั้น ซึ่งตรงบริเวณนี้ผมจะเห็นโถงทางเดินของห้องพักชั้นล่าง ๆ อยู่ อากาศหนาวพอสมควรครับ แต่สำหรับผม ผมชอบอากาศหนาวก็เลยไม่ค่อยเท่าไร จำได้ว่านั่งรออยู่นานมาก เลยเที่ยงคืนไปแล้ว คิมจองฮุนก็ยังมาไม่ถึงครับ ผมก็เลยกลับเข้ามาในห้อง นอนเล่นสักพัก ก็ออกมานั่งตรงระเบียงอีกครั้ง ไม่นานนัก ที่โถงทางเดินชั้น 4 (ผมอยู่ชั้น 5) ผมก็เห็นคิมจองฮุนสะพายเป้เดินเข้ามา แล้วหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ๆ หนึ่ง แต่ผมสังเกตว่าไม่เห็นมีไก่ทอดติดมือมาด้วยเลย แต่ผมก็เข้าใจว่านี่มันก็เกือบจะตีหนึ่งแล้ว คงไม่น่าจะมีร้านไก่ทอดร้านไหนเปิดแล้วล่ะ


เขาเข้าไปในห้อง ประมาณห้านาทีก็ออกมาอีกครั้งด้วยชุดเสื้อยืดสีเทากับกางเกงขาสั้นสีดำ ในระหว่างที่เดินออกมา เขาก็โทรศัพท์หาใครสักคนหนึ่ง ไม่ได้เดินขึ้นมาหาผมโดยทันที เขาออกไปคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงของชั้นสี่ ผมได้ยินเสียงเขา และได้กลิ่นบุหรี่ลอยขึ้นมา เข้าใจว่าเขาน่าจะสูบบุหรี่ไปด้วย แม้ว่าผมจะฟังภาษาเกาหลีไม่ออก แต่จากน้ำเสียงที่ใช้ในการสนทนา ผมเข้าใจว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องงาน แต่โทรหาใครสักคนที่เขาน่าจะมีความสนิทชิดเชื้อด้วยฐานะอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมเริ่มระแวงครับว่าเขาน่าจะมีแฟนอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเท่านั้นเอง


ตอนนั้น ผมเข้าใจว่าเขาคงจะไม่ขึ้นมาหาผมแล้วล่ะ ก็เลยกลับเข้ามาในห้อง ตั้งใจจะนอนไปเลย แต่จิตใจก็ยังว้าวุ่นอยู่ ถ้าเกิดเขาไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย ทำไมเขาจึงชอบโทรมาคุยกับผมหนอ นอกจากเรื่องงานแล้ว เราก็ยังคุยกันเรื่องอื่น ๆ ด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาโทรมาหาผม คุยกันเรื่องห้องพัก แล้วจู่ ๆ เขาก็ถามผมว่า ผมยังโสดอยู่หรือเปล่า ผมก็ตอบว่ายังโสดอยู่ แล้วเขาก็พูดอะไรบางอย่างซึ่งผมจับใจความไม่ได้ ก็เลยถามเขาว่าเขาพูดว่าอะไร เขาไม่ยอมบอกครับ แต่บอกผมว่าเดี๋ยวเขาจะบอกผมตอนที่ผมมาเกาหลี ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ผมสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าเขากำลังคิดอะไรกับผมกันแน่


กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก่อนจะหลับ ก็มีเสียงคนมาเคาะประตูครับ น่าจะเป็นเขานั่นแหละ แต่ผมรู้สึกกลัวที่จะคุยกับเขาแล้วต้องรู้ความจริงที่ไม่อยากรู้เสียแล้วครับ แต่คิดไปคิดมา อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ความจริงก็คือความจริง ผมจึงไปเปิดประตูให้เขาเข้ามา คิมจองฮุนยิ้มเมื่อเจอหน้าผม


"เพื่อนรักของผม ยังไม่นอนอีกหรือครับ นึกว่าจะไม่รอผมเสียแล้ว" เขาสัพยอก พลางเดินเข้ามาข้างในห้อง ผมปิดประตูแล้วตามเขามา เขานั่งลงกับพื้นข้าง ๆ เตียงผม ส่วนผมก็ขึ้นไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง


"ยังไม่นอนครับ พอดีเมื่อกี้เพิ่งจัดกระเป๋าเสร็จ ของฝากเยอะมาก" ผมพูดพลางหัวเราะ ไม่บอกเขาไปตรง ๆ ว่าที่จริงนั่งรอเขาอยู่ข้างนอกตั้งนานแล้ว


คิมจองฮุนเปลี่ยนท่าเป็นนั่งชันเข่า


"ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ซื้อไก่ทอดมาด้วย พอดีร้านที่อยู่บนทางผ่านปิดหมดแล้ว แต่ถ้าคุณอยากกิน ผมจะโทรไปที่ร้านอีกที่ให้เขามาส่งได้นะครับ" เขาพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด


"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่หิวแล้วครับ มันดึกแล้วด้วย ว่าแต่ว่า วันนี้เป็นไงบ้างครับ ยุ่งไหม" ในระหว่างที่ถาม ผมก็ถือโอกาสสำรวจรูปร่างเขาไปด้วย เพิ่งเคยเห็นเขาใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดนี่แหละครับ น่ารักดี ผิวเขาขาว กล้ามขาก็สวยดีครับ


"นิดหน่อยครับ" เขาตอบพลางหัวเราะ แล้วพูดสืบไปว่า


"ผมขอโทษนะที่ไม่มีเวลามากินข้าวกับคุณเลย เอาไว้คราวหน้าได้ได้ไหมครับ ปีหน้าเราอาจจะจัดงานนี้อีก ผมจะเชิญคุณมาแน่นอน"


"ครับ คราวหน้าก็ได้ครับ อืม ว่าแต่ว่า คุณจำได้ไหมว่าคุณจะบอกอะไรผมที่เกาหลี" ผมลองถามเตือนความจำ เขาทำสีหน้างงแล้วตอบว่า


"จำไม่ได้เลยครับ ผมติดต่อคนเยอะมาก จนจำอะไรแทบไม่ค่อยได้แล้ว" ผมยิ้มเพื่อจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจก็รู้สึกเจ็บอย่างไรบอกไม่ถูก เริ่มกังวลแล้วครับว่าเขาไม่น่าจะคิดอะไรกับผมเกินเลยขนาดนั้น เขาพูดสืบไปว่า


"แล้วเป็นเพราะความยุ่งเหยิงนี่แหละครับ ผมทำกระเป๋าสตางค์หายในงานด้วยวันนี้ ผมจำไม่ได้เลยว่าเอาไปวางไว้ตรงไหน นึกไม่ออกจริง ๆ"


"จริงหรือครับ แล้วมีอะไรหายไปบ้างครับ"


"ก็มีเงินไม่กี่หมื่นวอน บัตรประชาชน รูปถ่ายที่เก็บไว้ในกระเป๋า แต่โชคดีที่ไม่มีบัตรเครดิตในนั้น"


"ครับ เอ คุณไม่ใช้บัตรเครดิตหรือครับ ผมว่าคนที่นี่น่าจะนิยมใช้บัตรเครดิตกันนะ" ผมสงสัย


"ใช้ครับ แต่พอดีคุณพ่อผมยึดบัตรเครดิตผมไว้ครับ ท่านบอกว่า ผมหมดเงินไปกับผับบาร์เยอะเกินไป ก็เลยยึดไว้ ไม่อย่างนั้นก็คงหายไปด้วย"


อืม ที่แท้ก็เป็นเพลย์บอยนี่เอง ผมคิดในใจ


"ผมไม่เสียดายเงินที่หายไปหรอกครับ แต่ผมเสียดายรูปมากกว่า เป็นรูปที่ผมถ่ายกับแฟน ถ่ายไว้นานแล้ว มีรูปเดียว แต่หายไปเสียแล้ว มันมีคุณค่าทางจิตใจกับผมมาก" เขาเผยมาแล้วครับว่าเขามีแฟนแล้ว คนที่เขาคุยโทรศัพท์ด้วยเมื่อสักครู่นี้ก็คงจะเป็นแฟนเขานั่นเอง ใจผมหายครับ โธ่ ที่ผ่านมา ผมเข้าใจเขาผิดมาตลอดเลยหรือนี่ว่าเขาคงคิดอะไรบางอย่างกับผม


"คุณแต่งงานหรือยังครับ" ผมถามเขา


"ยังหรอกครับ ผมเพิ่งอายุ 27 ปีเอง อายุน้อยกว่าคุณ 3 ปี อ้อ เมื่อวาน อาสาสมัครของเราบอกผมว่าเมื่อวานคุณอยากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือครับ"


"เปล่าครับ ผมไม่ดื่มและไม่สูบบุหรี่ครับ แต่เพื่อนร่วมงานของผมเขาอยากลองดื่มเบียร์เกาหลี ก็เลยว่าจะพาอาสาสมัครไปเลี้ยงข้าวแล้วดื่มด้วยกัน แต่ผมก็เตือนไปว่า อาสาสมัครที่มากับพวกเราหลายคนยังเรียนอยู่ คงไม่เหมาะสม เราก็เลยยกเลิกแผนนั้น" เขาทำสีหน้าแปลกใจครับเมื่อทราบว่าผมไม่ดื่มและไม่สูบบุหรี่


"อ๋อ จริงหรือครับ แปลกจัง แต่ผมชอบไปเที่ยวผับครับ บางทีผมก็ดื่มเยอะมาก ผมอยากมีประสบการณ์เยอะ ๆ ครับ มันจะช่วยทำให้จิตใจของผมเข้มแข็งมากขึ้น ผมก็เลยชอบทั้งไปเที่ยวผับ ฟังเสียงเพลงดัง ๆ ดื่ม สูบบุหรี่ มีเซ็กซ์ แต่บางทีผมก็ชอบฟังเพลงสงบ ๆ นะครับ บางทีก็ไปอ่านหนังสือเงียบ ๆ ในห้องสมุดด้วย ผมว่าผมเป็นคนที่สามารถทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกันอย่างมากได้ ผมอยากทำหลาย ๆ อย่างครับ" เขาเล่าด้วยน้ำเสียงปกติ คงเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนที่นี่ก็ได้ แล้วเขาถามผมว่า "คุณไม่สนใจในสิ่งเหล่านี้บ้างหรือครับ" ผมก็ส่ายศีรษะ


เขาก็ขำ


"ผมชอบชีวิตสงบ ๆ ครับ น้อยมากที่ผมจะทำแบบนั้น จะว่าไปแล้ว ผมไม่เคยทำเลยก็ว่าได้ ยิ่งอายุมากขึ้นผมก็ยิ่งชอบความสงบ" ผมตอบ แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุย


"(ชื่อผม) คุณมีอะไรให้ผมหรือเปล่า" เขาถามด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ มีเลศนัย


"ของอะไรครับ" ผมตอบด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ


"ก็ของขวัญวันเกิดไงครับ วันนี้วันเกิดผม"


"อ้าวหรือครับ ผมไม่ทราบเลย"


"อืม ผมคงลืมบอกแน่ ๆ เลย แต่ไม่เป็นไรครับ ได้เจอ (ชื่อผม) ที่นี่ ได้ใช้เวลาที่มีค่าร่วมกัน มันก็เป็นของขวัญที่วิเศษสุดสำหรับผมแล้วครับ พี่ชาย" เขาบอก ดูจากสีหน้าที่เขาพูด ผมก็เชื่อว่าเขาพูดจากใจจริง รู้สึกปลื้มใจครับที่เขารู้สึกดีที่ได้ใช้เวลาคุยกันกับผม เขาเรียกผมว่าพี่ชาย เรากำลังจะเป็นพี่น้องกันใช่หรือเปล่านะ


"คำว่าพี่ในภาษาเกาหลีคือ อุปป้า หรือเปล่าครับ ผมได้ยินจากซีรี่ย์เกาหลีบ่อย ๆ" ผมถามเขา เขาก็ขำใหญ่เลยครับ


"ก็ใช่ครับ แต่ใช้กับผู้หญิงเรียกผู้ชายที่อายุมากกว่า"


"อ้าวเหรอ แล้วถ้าคิมจองฮุนจะเรียกผมว่าพี่ จะเรียกยังไงครับ"


"เรียกว่าหยอง (จำไม่ได้ว่าใช่คำนี้หรือเปล่า แต่อะไรประมาณนี้) ครับ เอาอย่างนี้ละกัน ผมจะเรียกคุณว่าจอง เป็นพี่ชาย ส่วนคุณเรียกผมว่าเจรี่ก็ได้ครับ"


"เจรี่เหรอ อ๋อ ผมเคยเห็นคุณใช้ชื่อนี้ครั้งหนึ่งในอีเมล์ ใช่ไหมครับ"


"ครับ ชื่อนี้เป็นชื่อที่เพื่อน ๆ ที่อเมริกาเรียกผมครับ"


"ไปเรียนที่อเมริกาด้วยหรือครับ" ผมถาม


"ครับ ไปเรียนที่นั่นปีหนึ่ง เรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียวเลย ไม่ได้เรียนอย่างอื่น"


"อ๋อ คุณเคยไปประเทศไทยบ้างไหม"


"ยังเลยครับ เอ ประเทศไทยมีสถานที่อะไรที่น่าไปบ้างนะ เซบูหรือเปล่า อ้อ ไม่ใช่ นั่นมันฟิลิปปินส์ หรือว่าพัทยา พัทยาอยู่ประเทศไทยใช่ไหมครับ"


"ครับ แต่ช่วงหน้าหนาว ไปเที่ยวทางเหนือแถวเชียงใหม่ดีกว่าครับ อากาศดี" ผมบอกเขา


"ครับ พอดีผมเคยเห็นโฆษณา พัทยามีบาร์เกย์เยอะเลยใช่ไหมครับ เห็นมีเซ็กซ์โชว์ด้วย ผมอยากลองไปดูบ้าง คุณเคยไปไหม"


ผมอึ้งไปเล็กน้อยครับ ไม่ได้โกรธเขา แต่ฟังแล้วก็รู้สึกอายว่าทำไมประเทศไทยจึงถูกนำไปโฆษณาในทางไม่ดีอย่างนี้ด้วย


"ไม่หรอกครับ ผมไม่เคยไป ประเทศไทยเราเป็นเมืองพุทธครับ ส่วนมากคนไทยไม่ค่อยไปสถานที่แบบนั้น มีแต่นักท่องเที่ยวมากกว่าคนไทยครับ"


เขาหน้าเสียเล็กน้อยแล้วรีบขอโทษ


"ขอโทษครับพี่ชาย จริง ๆ ผมก็อยากไปเมืองไทยอยู่นะครับ แต่ผมไม่ค่อยมีเวลา เงินก็พอมีอยู่ แต่หาเวลายากครับ อืม แต่ถ้าหากไปได้จริง ๆ ผมอยากไปหาเพื่อนผมที่อเมริกามากกว่า" เขาตอบ ผมรู้สึกว่าเขาพูดตรง พูดจากความรู้สึกจริง ๆ ของเขา เขาไม่ใช่คนเสแสร้ง บางคนอาจจะรับไม่ได้ แต่ผมเจอคนแบบนี้มาพอสมควรครับจึงไม่มีปัญหา


"คุณว่าผมเป็นคนยังไงครับ" อยู่ดี ๆ เขาก็ถามผมแบบนี้


"อืม ถ้าให้บอกตอนนี้คงบอกยากนะครับ เราเพิ่งเจอกันแค่สองครั้งเอง แต่ผมบอกได้ว่า ผมรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายมากเวลาได้คุยกับคุณ" ผมบอกเขาจากใจจริง เขายิ้มน้อย ๆ เราคุยกันไปเรื่อย ๆ ครับ เขาเล่าให้ผมฟังเรื่องแฟนของเขาด้วย แฟนเขาเป็นผู้หญิงครับ เล่าให้ฟังเรื่องครอบครัว เขาบอกว่าแม่ของเขาทำอาหารไม่ค่อยอร่อยเลย ขนาดกิมจิที่ทำง่าย ๆ ยังไม่อร่อย แล้วก็ขำ ถ้ามีโอกาส เขาจะชวนผมไปที่คอนโดที่เขาพักด้วย


คุยกันอยู่หนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ จนถึงตีสองครึ่ง เขาก็ขอตัวไปนอน เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า เขายกมือขึ้น กำเป็นรูปกำปั้น แล้วเรียกผม


"พี่ชายครับ" พร้อมกับทำสีหน้าเหมือนจะบอกว่าให้ผมทำอย่างเขา ผมก็ยกมือขึ้น กำเป็นรูปกำปั้น คิมจองฮุนเอากำปั้นของเขามาชนกับกำปั้นของผมเบา ๆ ผมเดาเอาว่านั่นเป็นการแสดงออกถึงความรักอย่างเพื่อนหรือพี่น้องนั่นเอง


"ผมคงจะคิดถึงคุณมากทีเดียวเวลาที่คุณกลับไป นอนหลับฝันดีนะครับ" เขาบอกผม ผมยิ้มระคนดีใจและเศร้าใจ ถึงตอนนี้เราคงเป็นได้แค่เพื่อนหรือพี่น้องกันเท่านั้นแล้วล่ะ ผมลุกขึ้นเดินไปส่งเขาที่ประตูแล้วบอกเขาว่า


"อัน ยอง ฮี จู มู ฮา เซ โย" ราตรีสวัสดิ์นะครับ คิมจองฮุน น้องชายของพี่


ประโยคหลังผมพูดในใจครับ รู้สึกเจ็บอย่างไรบอกไม่ถูกเหมือนกัน ใจหนึ่งก็เจ็บที่เพิ่งมารู้ว่าที่ผ่านมาทั้งหมดเขาไม่ได้คิดอะไรกับผมแบบนั้นเลย แต่ใจหนึ่งก็มีความสุขที่อย่างน้อยผมก็ได้เพื่อนหรือน้องชายที่น่ารักมาคนหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมก็รักเขาไปแล้ว I love you, Kim Jong Hoon ผมรำพึงในใจ


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 06:30:19 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
CHAPTER 07




เช้าวันสุดท้ายที่เกาหลี ผมตื่นมาตอนประมาณตีห้า แล้วลุกไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็มาเก็บของที่เหลือใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเดินไปเคาะตามห้องของเพื่อน ๆ เพื่อเตือนให้เตรียมพร้อม ผมลงไปเรียกเพื่อน ๆ ที่ชั้นสาม แล้วก็ขึ้นมาที่ชั้นสี่ มาที่หน้าห้องคิมจองฮุน ตั้งใจจะมาปลุกเขาครับ กลัวเขาจะเหนื่อยจนลืมตื่นไปส่งพวกเรา กำลังจะเคาะประตู ผมก็ได้ยินเสียงเขาเรียกมาจากที่ไหนสักแห่ง


"(ชื่อผม) สวัดสีตอนเช้าครับ"


ผมมองไปยังต้นเสียง ก็เห็นคิมจองฮุนเดินออกมาจากระเบียงตรงมาหาผม เข้าใจว่าน่าจะมาสูบบุหรี่ เฮ้อ น้องชายผม เป็นเพลย์บอยเต็มตัวเสียแล้วกระมัง วิถีชีวิตของเรามันต่างกันจริง ๆ


"อัน ยอง ฮา เซ โย" ผมทักเขาเป็นภาษาเกาหลีพร้อมกับค้อมศีรษะให้


"อัน ยอง ฮา เซ โย" เขาทักกลับแล้วถามด้วยความสงสัยว่า "พี่มาทำอะไรหรือครับ เมื่อกี้เห็นพี่ลงไปที่ชั้นสามด้วย"


"อ๋อ ลงไปเคาะประตูเรียกเพื่อน ๆ ครับ กลัวเขาจะตื่นไม่ทัน แล้วก็เลยแวะมาดูว่าคิมจองฮุนตื่นแล้วหรือยัง"


เขาคงจะงงอยู่เหมือนกันว่าทำไมผมจึงรู้ว่าเขาอยู่ชั้นนี้ ห้องนี้ เพราะเขาไม่ได้บอกผมว่าพักอยู่ห้องไหนเลย แต่เขาก็ไม่ได้สงสัยอะไรครับ


"พี่นี่เป็นผู้จัดการที่ดีจริง ๆ (Good manager) ผมตื่นได้สักพักแล้วครับ แล้วก็ออกมาสูบบุหรี่ วันนี้ถือว่าผมได้นอนมากกว่าทุกวันเลยนะครับ" เขาพูดพลางขำตัวเอง ผมก็ขำไปด้วย


"โอเค เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเก็บของและตามเพื่อน ๆ ลงไปขึ้นรถก่อน" ผมบอกเขา


"เดี๋ยวผมตามไปช่วยครับ"


ว่าแล้วเขาก็เข้าไปในห้อง ส่วนผมก็ขึ้นมาเก็บกระเป๋า เพื่อน ๆ ทุกคนพร้อมแล้ว ถึงแม้จะสนุกกับการอยู่เกาหลีแค่ไหน แต่ทุกคนก็อยากกลับบ้าน ผมไม่รู้ว่าเพื่อน ๆ เขาสงสัยความสัมพันธ์ของผมกับคิมจองฮุนหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรให้ใครสงสัยว่าผมเป็นเกย์แม้ว่าผมจะไม่มีแฟนและอยู่คนเดียวมานานแล้ว เพราะเคยมีแฟนคนหนึ่ง รักเขามาก แล้วก็เจ็บมากเช่นกัน มากจนไม่อยากรักใคร และคิดว่าจะไม่รักใครอีก จนกระทั่งมาเจอนายคนนี้นี่แหละครับ ที่ทำให้หัวใจของผมกลับมาชุ่มชื้น สดใส อยากมีความรักเหมือนเมื่อก่อน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ


สักพักคิมจองฮุนก็เดินขึ้นมาช่วยพวกเราขนของตามที่รับปาก เขายิ้มให้ทุกคนและยิ้มให้ผม เฮ้อ แล้วนายจะรู้ไหมหนอว่ารอยยิ้มของนายจะทำให้พี่ชายคนนี้ของนายเจ็บแค่ไหนที่รู้ว่าเราคงรักกันอย่างนั้นไม่ได้


เช่นเคย ขากลับ ผมก็นั่งข้างกับเขาเหมือนเดิม และก็คุยกันไปตลอดทางเช่นเดิม (ตอนกลับมาถึงกรุงเทพ เพื่อนผมแอบมาบ่นให้ฟังด้วยครับว่าผมคุยกับคิมจองฮุนเสียงดังมาก พวกเขานอน (บนรถ) ไม่ได้เลย แล้วก็ค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมกับคนอื่น ๆ ผมไม่ค่อยคุยด้วย แต่กับคิมจองฮุนคุยกันได้ไม่มีหยุด)


"วันพิธีเปิด พี่อยู่ดูงานจนเลิกเลยหรือครับ" คิมจองฮุนหมายถึงวันพิธีเปิดที่มีฝนตก


"ใช่ ก็พี่รู้ไงว่าเราทำงานหนักเพื่องานนี้มาก พี่ก็ต้องอยู่ดูเป็นกำลังใจให้อยู่แล้ว" ผมตอบยิ้ม ๆ พลางหันไปมองหน้าเขา


"ขอบคุณครับ อ้อ เวลากลับไป พี่อย่าลืมเขียนความคิดเห็นเกี่ยวกับงานนี้ส่งมาให้ผมด้วยนะครับ ผมจะเอามาใส่ในรายงาน พี่เขียนตามความเป็นจริงเลยก็ได้ แต่ก็อยากให้เขียนให้เจ้านายผมเขาอยากจัดงานนี้อีกด้วยนะครับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ถ้าผลลัพธ์ออกมาดี ปีหน้าเขาจะจัดอีก อันนี้เป็นคำสั่งนะครับ คำสั่งครั้งสุดท้าย (Final order)" ตอนท้ายเขาพูดเชิงสัพยอก ผมก็ขำ


"ได้ครับ ยินดีครับ ผมจะทำตามคำสั่งครั้งสุดท้ายของคิมจองฮุนครับ" ผมก็หยอกคืนกลับไปบ้าง แล้วก็ขำพร้อมกัน


"ตอนนั้นที่ผมโทรไปหาพี่ รู้สึกพี่จะไม่ค่อยว่างเลยนะครับ ประชุมตลอด"


"ใช่ รู้ไหมว่าคนในที่ทำงานเขาเรียกพี่ว่า Mr. ประชุม โดยเฉพาะช่วงก่อนที่จะมา ประชุมมันแทบทุกวันเลย บางวันกว่าจะได้กลับบ้านก็ดึกมาก"


"ใช่ ผมจำได้ บางทีโทรไปดึก ๆ แล้วพี่ก็ยังประชุมอยู่เลย ตอนพักกลางวันก็ยังประชุมอยู่ ประชุมตลอดเวลา" เขาพูดพลางขำ


เราคุยกันไปเรื่อย ๆ ครับจนมาถึงสนามบิน เขาช่วยเราเก็บกระเป๋า หารถเข็นมาขนกระเป๋าให้ แล้วพาเรามาส่งตรงที่เช็คอิน จัดการเป็นธุระให้เราแทบทุกอย่าง แต่พอใกล้จะเช็คอินเสร็จ น้องชายผมก็เกิดอยากสูบบุหรี่ขึ้นมาซะอย่างนั้น เขาจึงขอตัวไปสูบบุหรี่ พวกเราเช็คอินเสร็จแล้วก็ยืนรอเขาอยู่ใกล้ ๆ ทางเข้าด่านตรวจ สักพักนายคิมจองฮุนก็วิ่งกระหืดกระหอบมา จริง ๆ ก็หายไปไม่นาน อาจจะยังสูบไม่หมดมวนด้วยซ้ำ แต่กลัวเรารอนานก็เลยรีบมาก่อน


"มาถ่ายรูปกันก่อนดีกว่า" เพื่อนร่วมงานผมคนหนึ่งออกความเห็น พวกเราก็เห็นด้วย ตั้งแต่มานี่ ยังไม่ได้ถ่ายรูปกับคิมจองฮุนเลยแม้แต่รูปเดียว พวกเราก็มายืนรวมกลุ่มกัน แล้วให้เจ้าหน้าที่แถวนั้นช่วยถ่ายรูปให้ ผมอยู่ด้านหน้า ย่อตัวลง ส่วนคิมจองฮุนอยู่ด้านหลังผม มือทั้งสองจับไหล่ผมไว้ พอถ่ายรูปเสร็จแล้ว เพื่อน ๆ ผมก็ทยอยเดินมาขอบคุณคิมจองฮุนพร้อมบอกลาเขา ผมรอบอกเขาเป็นคนสุดท้ายครับ พอถึงคราวของผม ผมก็ยื่นมือไปเช็คแฮนด์กับเขาด้วยสีหน้าอาวรณ์


"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะครับพี่ชาย" เขาบอกผมก่อน


"สุขสันต์วันเกิดครับ ขอบคุณเช่นกันครับสำหรับการจัดการทุกอย่างสำหรับการมาแสดงของพวกเรา พี่รู้สึกพิเศษมากที่ได้รู้จักกับนาย (I feel so privileged to know you)" ผมบอกเขาด้วยใจจริง คิมจองฮุนยิ้ม สีหน้าเขาก็ดูเหมือนไม่อยากให้ผมไปสักเท่าไร ไม่รู้ว่านี่คือครั้งแรกหรือเปล่าที่มีคนบอกเขาเช่นนี้ แต่คำพูดนี้ ผมไม่เคยใช้พร่ำเพรื่อกับใคร


"แล้วพบกันใหม่นะครับ"


"ครับ"


ผมตอบรับ รู้สึกใจหายอย่างไรไม่รู้ อยากกอดเขาสักครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำ ผมกลัวมันจะยิ่งทำให้ผมฟุ้งซ่านมากยิ่งขึ้น


ผมปล่อยมือจากเขาแล้วเดินเข้าไปในด่าน เขาก็เดินตามมาอีก ผมหันไปมอง เขายกมือขึ้นทำเป็นรูปกำปั้น ก็รู้ทันทีว่าเขาจะทำอะไร เราเอากำปั้นแตะกันเบา ๆ อีกครั้ง น้องชายผมเป็นคนน่ารักเหลือเกิน ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยทำอย่างนี้กับใครที่ไหนมาก่อนเลย ผมรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก แต่ผมไม่ร้องให้หรอกครับ ไม่เคยร้องให้นานแล้ว

บางคนบอกว่าผมเหมือนคนไม่มีหัวใจ แต่จริง ๆ ผมก็มีหัวใจเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละครับ โดยเฉพาะครั้งนี้ หัวใจผมทั้งเจ็บ ทั้งใจหาย ทั้งมีความสุขระคนกันไป ผมเดินเข้าไปในด่านตรวจ เอากระเป๋าที่ติดตัวทุกอย่างใส่ถาดเพื่อแสกน แล้วเดินไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นร่างกาย คิมจองฮุนยังมองดูอยู่ ไม่ไปไหน แต่ผมพยายามข่มใจไม่หันไปมอง ก่อนที่ผมจะผ่านด่านไป คิมจองฮุนก็เรียกชื่อผมอีกครั้ง


"(ชื่อผม) แล้วเจอกันอีกนะครับ" เขาพูดพร้อมโบกมือ ผมยิ้ม โบกมือให้เขา แล้วก็เก็บกระเป๋าเดินจากไป แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันอีก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เทคโนโลยีสมัยนี้จะทำให้เราพบกันได้ แม้ผมจะไม่รู้ว่าต่อไปความสัมพันธ์ของเราจะพัฒนาไปในทางไหน แต่ผมก็รู้ว่า ผมโชคดีมากที่ได้เจอเขา เราคงจะเป็นมิตรแท้ที่ดีต่อกันได้ไม่ยากนัก


ในระหว่างเดินทางกลับ ผมไม่ได้ทำตัวให้เศร้าซึมมากนัก เพราะเดี๋ยวใคร ๆ จะสงสัย พวกเรามาถึงฮ่องกงตอนเกือบเที่ยง และต้องรอเปลี่ยนเครื่องกลับกรุงเทพอีกประมาณสี่ชั่วโมงข้างหน้า (พอดีไม่ได้ใช้การบินไทยเนื่องจากราคาแพง)


ในระหว่างที่รอเปลี่ยนเครื่อง ผมไม่มีกะจิตกะใจจะซื้อของเลยแม้แต่น้อย จึงหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาเปิด ตั้งใจจะส่งอีเมล์ถึงเขาครับ ผมเขียนไปประมาณว่า "ขอบคุณมากสำหรับการจัดการทุกอย่างและการต้อนรับที่อบอุ่น พวกเราสนุกมากกับ 4 วัน 3 คืนที่เกาหลี แม้ว่าจะมีปัญหาบ้าง แต่พวกเราก็เข้าใจว่าไม่มีงานใดที่สมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง ผมอยากจะย้ำว่าที่ผมพูดที่สนามบินว่าผมรู้สึกพิเศษมากที่ได้รู้จักเขา อยากให้เขารู้ว่าผมหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ ในชีวิตนี้ ผมพูดคำนี้กับคนเพียงสองคนเท่านั้น คนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ผมรู้จักที่คอยช่วยเหลือมาตลอด คนที่สองก็คือเขา แล้วผมจะเขียนอีเมล์มาอีกเมื่อถึงกรุงเทพแล้ว สุขสันต์วันเกิดครับ น้องชายของพี่" แล้วผมก็ลงท้ายอีเมล์ไปว่า Bo Go Ship Da แล้วก็แกล้งถามเขาไปว่าอันนี้มันแปลว่าเจอกันอีกครั้งหรือเปล่า แต่จริง ๆ ผมรู้ว่ามันหมายถึงว่า "ฉันคิดถึงเธอ" เพราะมันคือความรู้สึกของผมจริง ๆ ณ ขณะนี้


กลับถึงกรุงเทพแล้ว ชีวิตก็หวนเข้าสู่การทำงานเช่นเดิม ช่วงเช้าวันแรกที่กลับมาทำงาน ผมใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการเขียนความคิดเห็นเกี่ยวกับงานแล้วส่งไปให้เขา อยากทำให้เขาประทับใจว่าเราใส่ใจและรักษาคำพูดที่ให้กับเขาไว้ สักพัก เขาก็ตอบอีเมล์ที่ผมเขียนถึงเขาตอนที่อยู่ที่ฮ่องกง (ไม่ใช่อันที่เขียนความคิดเห็น) กลับมาว่า


"เพื่อนรักของผม ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างเช่นกัน ผมดีใจที่คุณกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ถ้าคุณประทับใจในตัวผม ผมก็รู้สึกยินดี ขอบคุณหลาย ๆ ล้านเท่าครับ ผมกำลังจะเสร็จงานแล้ว หลังจากเสร็จงานนี้ผมหวังว่าเราจะได้เป็นเพื่อนกัน ได้คุยกันมากขึ้น พอเสร็จงานพิธีปิดแล้วผมจะโทรมาหา พบกันใหม่นะครับเพื่อนซี้ของผม (See you my buddy) อ้อ Bo Go Ship Da แปลว่า I miss you ครับ DDo Bo Ja ถึงจะแปลว่า See you again ลาก่อน แล้วพบกันอีกครั้งครับ"


นั่นเป็นอีเมล์ฉบับล่าสุดที่เขาส่งถึงผมครับ จนป่านนี้ ผ่านมาหลายวันแล้ว ก็ไม่มีอีเมล์จากเขาเลย และเขาก็ยังไม่ได้โทรมาหา คงจะยุ่ง ๆ อยู่นั่นเอง


คิมจองฮุนเอ๋ย ทำไมพี่จะไม่รู้ว่า Bo Go Ship Da แปลว่าอะไร พี่คิดถึงนาย พี่อยากบอกอย่างนั้นจริง ๆ ขอเวลาพี่สักนิดเถอะนะ ให้พี่ทำใจให้ได้ก่อน แล้วเราจะมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แม้ว่าวิถีชีวิตเราจะต่างกันมาก ผมก็เชื่อว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้โดยการเคารพความแตกต่างของเรา ผมอาจจะเตือนเขาเรื่องกินเหล้าหรือสูบบุหรี่บ้าง แต่จะไม่ก้าวก่ายชีวิตของเขา จะไม่บังคับให้เขาเป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็น ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ว่าผมไม่ต้องการไปเปลี่ยนอะไรใครอีกแล้ว ผมมีบทเรียนมาแล้ว ผมจะไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นซ้ำสองอีก เราจะรักนายอย่างที่นายเป็นอยู่


เดี๋ยวพี่จะไปซื้อของขวัญวันเกิดแล้วส่งไปให้นายนะคิมจองฮุน และหวังว่าเราจะยังคงติดต่อกันเรื่อยไป เป็นเพื่อนและเป็นพี่น้องทีดีต่อกันตลอดไปนะครับน้องรักของพี่


ผมไปซื้อเนคไทลายช้างที่เซ็นทรัลเวิร์ลด์ที่ร้านจิม ทอมสัน จากนั้นก็แพ็คส่งไปให้คิมจองฮุนโดยไม่บอกกล่าวเขาล่วงหน้า ส่งไปพร้อมกับเพลงๆ หนึ่งที่ผมแต่งให้เขา ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดจากพี่ชายคนนี้ และถือเป็นคำขอบคุณที่นายช่วยดูแลพวกพี่ๆ เป็นอย่างดี


Bo Go Ship Da คิม จอง ฮุน ผู้ชายที่เปรียบเหมือนแสงแรกแห่งดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ปลุกหัวใจที่หลับใหลของผมให้ตื่นขึ้น น่าเสียดายที่ตื่นมาได้ไม่นานมันก็คงต้องหลับต่อไปอีก และไม่รู้ว่าจะต้องหลับใหลอย่างนี้ไปนานอีกแค่ไหน


เนคไทส่งไปถึงคิมจองฮุนแล้ว เขาโทรมาหาผมพร้อมกับกล่าวขอบคุณอย่างดีใจ


"เพื่อนๆ ผมถามใหญ่เลยครับพี่ว่าได้เนคไทสวยๆ แบบนี้มาจากไหน ขอบคุณสำหรับของขวัญที่มีค่าชิ้นนี้มากนะครับพี่ชาย"


และนั่นก็คือครั้งสุดท้ายที่ผมได้คุยกับคิม จอง ฮุน เราขาดการติดต่อไปเลย แม้ผมจะมีเบอร์โทรศัพท์ของเขาแต่ความยุ่งวุ่นวายในชีวิตก็ทำให้เราค่อยๆ ห่างกันไป ลืมกันไป แต่ผมไม่เคยลืมเขาหรอกนะครับ นี่คือประสบการณ์ (มโน) รักที่ผมยังจำได้ไม่เคยลืมเลย


I Love Kim Jong Hoon.  Bo Go Ship Da!


จบ


https://www.youtube.com/v/-ckJjICJSV4

https://www.youtube.com/v/Y3DuHiT-C5g

ปลุก

ไม่รู้ว่าหลับใหล มานานแค่ไหนหัวใจเรา
อ่อนล้าและเหี่ยวเฉา เจ็บจากรักที่พ้นไป
คล้ายว่าคน ๆ นี้ นั้นไม่เคยมีหัวใจ
ไม่เคยรักใคร ตั้งแต่วันนั้น

แต่แล้ววันนี้ วันที่เธอนั้นเข้ามา
ก็เปลี่ยนฟ้าที่มืดครึ้ม ให้สดใสขึ้นทันตา
รักของเธอสดใส ค่อย ๆ ซึมแทรกเข้ามา
อยู่ในหัวใจ ที่ใหลหลับ

*เธอเป็นดังแสงตะวัน ส่องเข้ามาที่ในใจ
ปลุกใจฉัน ให้ตื่นฟื้นอีกครั้ง
อุุ่นในใจขึ้นทันใด หมดสิ้นความมืดมัวบัง
เกิดความหวัง ฉันคงได้เจอรักจริง

ความรักสดใส จากไปนานเสียหลายปี
ไม่คิดว่าจะพบ เจอกับคนที่แสนดี
เหมือนเป็นพรจากฟ้า ให้รักมารักษาที
ช่างเป็นโชคดี เหลือเกิน
ซ้ำ *
ขออย่า ให้เป็นรักหลอก เจ็บคราวนั้นฉันพูดไม่ออก
ไม่อยากเป็นเหมือนเดิม
หวังว่า จะไม่มาซ้ำเติม ช่วยดูแลหัวใจฉันหน่อย
อยากมีความรักดูอีกครั้ง

ดนตรี...

ซ้ำ *

หัวใจที่ตื่นขึ้นใหม่ ต้องการรักเธอคนเดียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 06:30:56 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
เข้ามาอ่านสองตอนรวดเลย (เมื่อวานไม่ได้อ่าน)
สรุปคือเป็นการแอบรักใช่ไหมค่ะ
ความทรงจำดีๆ ครั้งหนึ่งอะเนอะ
พักผ่อนแล้วกลับมาใหม่นะคะ  :bye2:

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399



 :z3: :z3: :z3:


จะกลับมาอ่านนะค่ะ

ต้องไปเรียนซะแล้ว เซง  :t3: o13

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เฮ้อ ถึงจะแอบเศร้าอยู่เล็กๆ แต่ชีวิตของคนเรามันก็เป็นแบบนี้ล่ะเน๊อะ
ไม่มีใครได้อะไรสมใจไปเสียทุกอย่าง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น
เมื่อเวลาที่เราผ่านมันไปได้แล้วย้อนกลับมาคิดอีกครั้ง มันก็จะเป็นความทรงจำที่ดีเชียวล่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ
สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
รักเอง เจ็บเอง คิดไปเองจะโทษใครได้ แต่ก็เป็นความทรงจำดีๆนะ
ต่อไปก็ขอให้เจอคนที่เรารัก และรักเราตอบละกันจ้ะ

ออฟไลน์ londoneye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
แอบเศร้าเนอะ

ไม่ไ้ด้เป็นเพื่อนกัน

แต่ก็ยังคงมีความทรงจำที่ดีๆหลงเหลืออยู่ล่ะนะ o13


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






snoywishes

  • บุคคลทั่วไป
ชอบมากๆเลย อย่างน้อยก็ได้มีเค้ามาเป็นความทรงจำดีๆในชีวิตเนอะ  o13

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
ดีแล้วล่ะค่ะ อย่างน้อยก็เคยรู้สึกดีๆต่อกันนะ

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
ถึงแม้ว่าสุดท้ายอาจจะไม่ได้รู้สึกตรงกัน แต่อย่างน้อยก็เป็นความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้น
เชื่อว่าคุณคิมจองฮุน ก็คงรู้สึกดีๆด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม.....

เก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ ที่พอนึกถึงทีไรก็ยิ้มได้...  :กอด1: :กอด1:

 :L2: :L2: :L2: ขอบคุณค่ะที่นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันนะคะ +1 และ+ เป็ดน้อยให้ค่ะ


icyblue

  • บุคคลทั่วไป
Re: I Love Kim Jong Hoon - จบและจากไปแบบเงียบๆ
«ตอบ #23 เมื่อ16-04-2012 10:18:45 »

เพิ่งเห็นเรื่องนี้ของผู้แต่ง

ก็เนอะ เล่นมานัวเนีย ตีซี้ ซะอย่างนี้ ก็ต้องคิดกันบ้างแหละ

แต่ถึงยังงัยก็เป็นคนๆหนึ่งที่เค้ามาในชีวิตช่วงหนึ่ง ก็ทำให้ใจชุ่มๆกันบ้าง

แถมยังเป็นแบบโกอินเตอร์ซะด้วย  :z2: 

ก็ขอให้ผู้แต่งเจอคนที่ใช่จริงๆนะค่ะ  :กอด1: :pig4:

ปล. ไปตามอ่านนิยายต่อก่อนนะ

wichaiP

  • บุคคลทั่วไป
Re: I Love Kim Jong Hoon - จบและจากไปแบบเงียบๆ
«ตอบ #24 เมื่อ16-04-2012 11:12:35 »

อ่านเเล้ว คล้ายความทรงจำสีจาง เลยครับ เเม้จะไม่ได้สุขใจ แต่เราก็ยังคงระลึกในความทรงจำ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ความเห็นจากผู้อ่านกลุ่มใหม่ - ตอนที่ 1

อ่านไปยิ้มตามไปด้วยเลยค่าา :-[ โดยเฉพาะประโยคนี้เลยค่ะ ชวนฝันมากๆ ^^ อมยิ้ม~

อ้างถึง
รอเราก่อนนะ คิมจองฮุน เรากำลังจะได้เจอกันแล้ว

ชักตื่นเต้นตามไปด้วยแล้วสิคะเนี่ย >.< รอตอนต่อไปนะค้าา..

ไม่รู้จะเม้นอะไร รู้สึกจะไม่มีแบบนี้เลย ฮ่าๆๆ เป็นเป็นพวกความสัมพันธ์แย่ เลยไม่ค่อยมีเพื่อนเยอะเท่าไหร่ ขอบใจอีกครั้งที่เอาเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน เดียวจะเข้ามาติดตามบ่อยๆครับ

:hao3: นำมาเขียนแบบนี้มันต้องเป็นความทรงจำที่ดีแน่ๆ รออ่านต่อไปค่ะ

:hao6: :hao6: น้ำลายหกเลยคะ 555555

รินเป็นติ่งเกาหลีนะ มีเพื่อนเกาหลีเยอะมาก และต้องไปเที่ยวเกาหลีปีละอย่างน้อย 1 ครั้ง ไปทีก็ 2-3 อาทิตย์ เพราะงั้นพอได้อ่านเรื่องนี้แล้วแบบน้ำลายหก เขินอ่า 55555555555 เพราะภาพต่างๆ มากมายเกี่ยวกับผู้ชายเกาหลีลอยเข้าหัวมาเต็มไปหมด

ตื่นเต้นจังเลยคะ มันต้องมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นแน่ๆ  :hao5: :hao5: :impress2:

รอติดตามคะ o13

:katai2-1:   รอติดตามนะคะ

ความเห็นจากผู้อ่านกลุ่มใหม่ - ตอนที่ 2

:-[

ความเห็นจากผู้อ่านกลุ่มใหม่ - ตอนที่ 3

เราชอบตอนที่ 'สะดุดฝุ่น..(ให้ได้ใจเธอ)' มากเลยค่ะ ^^ แอร๊ย~ นี่มันฉากในตำนานเลยนะคะเนี่ย :laugh: น่ารักจังเลยน้าา..

ส่วนตอนนี้โชคดีนะคะที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ฤกษ์ไม่ดีตั้งแต่ลงเครื่องเลยนี่น้าา.. ถือเสียว่าฟาดเคราะห์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าก็แล้วกันค่ะ - ^________^ - ชีสสสส~

o13

อืมรู้สึกจะตกหลุมรักนะ เพ้อถึงเขาไม่หยุดเลย ดูต่อไปว่าพวกเขาจะยังไงต่อไป รู้สึกจะซวยจริงๆนั้นแหละ

ความเห็นจากผู้อ่านกลุ่มใหม่ - ตอนที่ 4

:o8:

อ่านไปก็ใจแป้วไปเหมือนกันนะคะเนี่ย ตั้งแต่มาถึงได้เจอหน้ากันรวมๆ แล้วน่าจะยังไม่ถึง 5 ชั่วโมงดีเลยน้าา เพราะว่าคิมจองฮุนใช้ชีวิตอย่างกับเครื่องจักรเลย :laugh:

ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นดีนะครับ อ่านแล้วใจสั่นด้วยคน 555+

อยากรู้จะได้ทานข้าวเย็นด้วยกันไหม..

:serius2: ลุ้นเลยจะได้เจอกันมั๊ย

ความเห็นจากผู้อ่านกลุ่มใหม่ - ตอนที่ 5

คิมจองฮุนอย่ามาหลอกให้ความหวังกัน
เชียวน้าา  ̄ε  ̄ อย่าฝากแต่ไก่มาให้นะคะ แต่ต้องพาตัวมาด้วย~ :-[

:hao3:  ลุ้นตามอ่า หุหุ
ขอบคุณค่ะ

รู้สึกแบบเขินเบาๆในบางที การติดต่อกันอยู่อย่างต่อเนื่องไม่ขาดช่วง ใช้เวลาเป็นปีแบบนี้ก็ให้ความสึกดีอ่า  ไม่รู้ดิ

ความเห็นจากผู้อ่านกลุ่มใหม่ - ตอนที่ 6

:hao5: เศร้าแทนเลยค่ะ แต่ได้รู้ความจริงตั้งแต่เนิ่นๆ แบบนี้ดีแล้วนะคะ ตัวเราจะได้ไม่ยิ่งถลำลึกไปมากกว่านี้

ปล. ได้ฟังตอนที่เขาอยากมาเที่ยวเมืองไทยเพราะมีบาร์เยอะ เรานี่ถึงกับสะอึกเลยนะคะเนี่ย ที่สวยๆ กว่าบาร์ยังมีอีกเพียบนะคะขอบอก~ :teach:

:hao5:  ก็เก็บเป็นความทรงจำที่ดีแล้วกันเนอะ

อ้าว มีแฟนแล้ว เศร้าอ่ะ เฮ้อ แต่อย่างน้อยก็ดีที่ได้รู้ก่อนจะไปไกลมากกว่านี้

ได้เป็นพี่น้องกันก็ดีแล้วเนอะ อย่างน้อยก็มีความรู้สึกดีๆ ระหว่างกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 06:57:57 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ความเห็นจากผู้อ่านกลุ่มใหม่ - ตอนที่ 7

:กอด1:

ขอเพียงแค่ได้รักและชื่นชมก้อเป็นความทรงจำที่ดีในช่วงหนึ่งของชีวิตแล้ว ไม่สำคัญที่ว่าปลายทางนั้นจะเป็นเช่นไร แต่เราก้อสับสนกับท่าทีของอีตาคนนี้จริง ๆ น่ะ เป็นเรา ๆ ก้อคิดแบบคนเขียนแหละ แต่คงไม่กล้าแสดงออกอะไรมากและถ้าเป็นไปได้ก่อนจากกันก้ออยากคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวน่ะ เพราะเราจะได้ไม่ติดอยู่ในใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรกับความรักครั้งนี้ที่เข้ามา คนเกาหลีนี่บ้างานจริง ๆ เนอะ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาก้าวไกลเร็วมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่จำได้ว่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเขาก้อเป็นนิกส์พร้อมกับเราแต่เรายังอยู่ที่เดิม 5555 รักษาระดับได้ดีมาก  :hao5:

:L2: อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็เคยได้พบกันนะคะ ^^

เศร้า..อ่ะ อย่างน้อบก็มีความทรงจำดีๆ นะครับ

เพลงนั้นผมเคยเพลง เพราะเคยดูซีรี่ย์เรื่องนึง
ผมฟังแล้วเศร้า เป็นเพลงเกาหลีที่เพราะมาก

:mew2: :monkeysad: :sad11:

เรากำลังประสบพบเจอเหตุการณ์คล้ายๆกันอยู่ครับ จขกท .
ผมก็อยู่ในวัยทำงานเช่นกัน อายุผมน้อยกว่าคุณ 3 ปี
ไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นเกย์ หรือเป็น ชายรักชาย ทุกคนมองว่าทำไมผมไม่มีแฟนสักที
มัวแต่วุ่นวายกับการหาเงิน ทำงานงกๆๆๆ แต่จริงๆแล้วผมก็มีคนที่พิเศษสำหรับผมเช่นเดียวกัน

เรื่องของผมมันประมาณว่า ผมทำธุรกิจส่วนตัว แล้วผมขายของ ผมต้องเดินทางผ่านทางนี้ทุกวัน แล้วต้องเจอ
กับวินมอเตอร์ไซค์คันนี้ในเกือบๆทุกวัน เนื่องจากผมกลับดึก ผมจะนั่งน้องเค้าประจำ
จากแรกๆ แค่นั่งโดยสารปกติไม่คุยกันเลย จนทุกวันนี้เริ่มคุยกัน ระหว่างโดยสารก็จะคุยจะถามไถ่กันตลอด

แต่ผมก็รู้นะว่าน่าจะเป็นได้แค่พี่ชายน้องชาย ผมทำใจเผื่อไว้ละ
แถมแต่ละวันมีโอกาสเจอกันแค่ไม่กี่นาที ระหว่างการโดยสารนั่นละ
มันเหมือนเรื่องตลกนะ ที่เจอกันแค่นี้ก็คิดถึง ก็รู้สึกดีดีและรักได้
แต่ยังไงสุดท้ายผมว่าความรักมันคือสิ่งที่ดี ไม่ว่ามันจะเกิดเวลาไหน สถานที่ใดมันก็คือ"รัก"

ให้เวลา ให้ปาฎิหาริย์ช่วยตัดสินครับ ผมจะไม่คาดหวังอะไรมาก ถึงแม้จะแอบมีหวังบ้างก็ตาม

Bo Go Ship Da ! 555

คนเราผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

:mew2: :monkeysad: :sad11:

เรากำลังประสบพบเจอเหตุการณ์คล้ายๆกันอยู่ครับ จขกท .
ผมก็อยู่ในวัยทำงานเช่นกัน อายุผมน้อยกว่าคุณ 3 ปี
ไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นเกย์ หรือเป็น ชายรักชาย ทุกคนมองว่าทำไมผมไม่มีแฟนสักที
มัวแต่วุ่นวายกับการหาเงิน ทำงานงกๆๆๆ แต่จริงๆแล้วผมก็มีคนที่พิเศษสำหรับผมเช่นเดียวกัน

เรื่องของผมมันประมาณว่า ผมทำธุรกิจส่วนตัว แล้วผมขายของ ผมต้องเดินทางผ่านทางนี้ทุกวัน แล้วต้องเจอ
กับวินมอเตอร์ไซค์คันนี้ในเกือบๆทุกวัน เนื่องจากผมกลับดึก ผมจะนั่งน้องเค้าประจำ
จากแรกๆ แค่นั่งโดยสารปกติไม่คุยกันเลย จนทุกวันนี้เริ่มคุยกัน ระหว่างโดยสารก็จะคุยจะถามไถ่กันตลอด

แต่ผมก็รู้นะว่าน่าจะเป็นได้แค่พี่ชายน้องชาย ผมทำใจเผื่อไว้ละ
แถมแต่ละวันมีโอกาสเจอกันแค่ไม่กี่นาที ระหว่างการโดยสารนั่นละ
มันเหมือนเรื่องตลกนะ ที่เจอกันแค่นี้ก็คิดถึง ก็รู้สึกดีดีและรักได้
แต่ยังไงสุดท้ายผมว่าความรักมันคือสิ่งที่ดี ไม่ว่ามันจะเกิดเวลาไหน สถานที่ใดมันก็คือ"รัก"

ให้เวลา ให้ปาฎิหาริย์ช่วยตัดสินครับ ผมจะไม่คาดหวังอะไรมาก ถึงแม้จะแอบมีหวังบ้างก็ตาม

Bo Go Ship Da ! 555

ผมเขียนนิยายอยู่เรื่องหนึ่ง (ต้น-สน) แล้วพระเอกของเรื่องพูดถึงความรักได้น่าสนใจทีเดียวครับ

อ้างถึง
"เราไม่อยากให้นายรู้สึกผิดที่เรามีความรัก ไม่ว่ามันจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมในสายตาของใคร ไม่ว่ามันจะควรหรือไม่ควร ความรักก็ไม่ผิดนะต้น ความรักถูกเสมอ ไม่ว่าจะเกิดกับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ หัวใจของเรามันจะวิ่งไปหาคนที่มันรักเสมอ เพราะหัวใจของเรามันไม่รู้หรอกว่าโลกนี้ตั้งกฎเกณฑ์อะไรไว้ มันก็แค่รักใครสักคนที่มันพอใจเท่านั้นเอง เชื่อเราสิต้น ความรักจะนำทางเราไป ถ้านายมีความรักแต่ไม่เชื่อความรักของนาย แล้วนายจะไปเชื่อใครล่ะต้น"

ถ้าสนเชื่อมั่นในความรักขนาดนั้น ต้นก็คงต้องเชื่อมั่นบ้างล่ะนะ ต้นจะรอปาฏิหาริย์ครั้งที่สาม วันที่ต้นจะได้รู้ความจริงจากปากของคนที่ต้นรัก ต้นเห็นด้วยตามที่สนบอกทั้งหมด ความรักไม่มีความผิดใดๆ หัวใจของคนมันไม่รู้หรอกว่าโลกนี้สร้างเงื่อนไขไว้ยังไง หรือเรามีกฎเกณฑ์ ประเพณี ความเชื่อและค่านิยมเกี่ยวกับความรักอย่างไร ความรักก็แค่เกิดขึ้นมาโดยไม่เคยสนใจกฎเกณฑ์สมมติใดๆ เลย รักก็คือรัก ง่ายๆ แค่นั้น เพราะความรักไม่ใช่หรือโลกนี้ถึงน่าอยู่ แล้วทำไมเราถึงต้องทำให้มันผิดด้วยล่ะ

:กอด1: เป็นความรู้สึกที่ดีดีว่าครั้งหนึ่งเราได้รักใครสักคน

ขอบคุณมากครับ ที่แนะนำเรื่องที่น่าสนใจมากๆทีเดียว ผมจะตามไปอ่านแน่นอนครับ
ยังไงเจอกันในกระทู้นิยายเรื่อง"ต้น สน" นะครับ
และอีกอย่างขอบคุณที่เข้าใจกันครับ ประโยคที่อ้างอิงมานั้น ใช้กับชีวิตผมได้มากเลยทีเดียว
ชีวิตเราต้องมีจุดยืนต่างกัน หลายๆคนอาจจะเปิดเผยตัวตนได้ และในอีกหลายๆคนเค้าก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องปิดบัง
เพราะหน้าที่การงาน สังคม ครอบครัว คนรอบข้างของเค้า รวมถึงผม ผมเลยจุดที่อึดอัดที่จะต้องปิดบังใครหลายๆคนมาละ
มันรู้สึกปลง และเฉยชา มุ่งไปที่เงิน และ งานมากกว่า แต่"ไอความรัก"นี่นะ..มันมักจะเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวจริงๆ
ถึงแม้ว่าวันๆจะพบผู้คนมากหน้าหลายตา หน้าตาก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่เราก็ไม่เคยคิดจะชอบใครเลย
แต่อยู่ๆก็ดันมาชอบและรู้สึกพิเศษกับแค่คนๆนึงที่เจอกันไม่กี่นาที....

คำพูดบางคำ การกระทำบางอย่าง
มันก็ชวนให้คิด ให้รู้สึกไปในทางนั้นอยู่นะ
ถึงจะเศร้า แต่ก็เศร้าแบบมีคุณค่าให้จดจำ

ไม่รู้ว่าปัจจุบันมีคนปลดล็อคหัวใจคนเขียนยังนะ

เพิ่งได้มาอ่าน
เรื่องแบบนี้เกิดได้ทุกที่ทุกเพศทุกวัย ไม่ใช่ว่าคนที่รู้สึกคิดหรือมโนไปเอง  บางทีเส้นที่ขีดกั้นความรู้สึกดีๆกับความรู้สึกพิเศษมันจางมากๆค่ะ   หัวใจคนเขียนทำให้เรานึกถึงเจ้าหญิงนิทราที่หลับใหลมานานปี   แล้วมาโดนคุณคิมกระตุ้นให้กลับมาเต้นอีกรอบ  อยากให้เก็บความรู้สึกดีๆนั้นไว้ค่ะจนกว่าที่วันหนึ่งคุณจะเจอความรู้สึกพิเศษจากคนที่ใช่  อาจจะต้องมองไกลบ้านนิดหนึ่ง เอาใจช่วยค่ะ

เราชอบงานเขียนเรื่องสั้นของคุณมากๆค่ะ  สื่อความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวดีมากๆอาจจะเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ Up close and personal ก็ได้  คือความรู้สึกการบรรยายมันต่อเนื่อง คือเป็นมาจากมุมมองของคนๆเดียวที่สื่อได้เต็มที่ แม้ว่าคุณจะไม่ได้เขียนถึงความผิดหวังมากนักแต่คนอ่านอ่านได้จากระหว่างบรรทัดได้แบบเจือจางแนบมากับคำบรรยาย   

คำว่าพี่ชายในภาษาเกาหลีที่น้องชายใช้เรียกรู้สึกจะออกว่า Hyong - ฮิยอง(รัวเร็วๆ)  น้องสาวเรียก อปป้า   

พี่สาว - น้องสาวเรียก อ๋นนี่   น้องชายเรียก นู๋น่า

เราเคยสอนภาษาอังกฤษและภาษาไทยให้กับคนเกาหลีเมื่อ 20 กว่าปีก่อนย้ายไปยุโรป  ยุคบุกเบิกของคนเกาหลีในไทยเลยค่ะ

ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ  :กอด1: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 06:55:44 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ gatenutcha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อ่า คือไงดี ความรู้สึกเหมือนเรากำลังชอบใครคนนึงอยู่ มีโอกาสได้เจอ แต่ลืมทิ้งเบอร์ -เมล เพื่ออยากสานต่อ
เหมือนเคยเกิดขึ้นในชีวิตเราเลย   แต่มันก็เป็นความทรงจำที่ดี ทุกวันนี้เราก็นึกถึงเหมือนกัน
 :mew3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด