[เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance  (อ่าน 20610 ครั้ง)

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #1 เมื่อ20-03-2012 22:30:47 »

คือ...เขียนนิยายไม่ออก ไม่มีอะไรจะทำน่ะครับ ลงเรื่องสั้นแล้วกันเนาะ

...

Dark side Romance

โลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากมนุษย์อาศัยอยู่อีกมาก  นอกจากสิ่งที่มนุษย์รู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้ว  ยังมีสิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าไม่มีอยู่จริงและเรียกพวกมันว่า  “สัตว์ในจินตนาการ”  หรือ  “สิ่งมีชีวิตในเทพนิยาย”  แต่มนุษย์ไม่รู้หรอกว่า  บางครั้งสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์เหล่านั้นยังคงอยู่ในโลกนี้โดยหลบซ่อนตัวจากสายตาของมนุษย์ผู้โง่เขลา...และแม้แต่ปะปนอยู่ในหมู่มนุษย์นั่นเอง

...

ในค่ำคืนที่จันทร์เสี้ยวส่องแสงอย่างล้าแรงอยู่หลังม่านหมอกของเมืองใหญ่ของเหล่ามนุษย์  ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินปะปนไปกับฝูงชนที่เดินขวั่กไขว่กันอยู่ตามถนนหนทาง  บ้างก็มุ่งหน้ากลับบ้าน  บ้างก็หาร้านที่จะไปดื่มกินกันต่อ  เขามองรอบตัวผ่านแว่นสีชา...นอกเหนือจากสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตตอนกลางคืนแล้ว  คงมีแต่เพียงมนุษย์เท่านั้นกระมังที่ยังคงใช้ชีวิตหลังตะวันตกดิน

แต่นั่นมันก็ทำให้สิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตก้ำกึ่งระหว่างกลางคืนกับกลางวันอย่างเขาได้มีเรื่องสนุกอยู่บ้าง

พลันจมูกที่ไวเกินกว่าจมูกมนุษย์นับร้อยเท่าก็กระสากลิ่นอายแปลกประหลาดบางอย่าง  เมื่อแรกเขาไม่แน่ใจ  มันเป็นกลิ่นที่เขาเคยรู้จักคุ้นเคยแต่ได้สูญหายไปจากความทรงจำนานแล้ว  จนเมื่อลมอ่อน ๆ หอบกลิ่นอายนั้นมาอีก  ชายหนุ่มก็เลือกที่จะเชื่อประสาทสัมผัสของตัวเองมุ่งหน้าไปยังที่มาของกลิ่นทันที  พร้อมด้วยหัวใจที่เต้นแรง

...ใครคือที่มาของกลิ่นที่ควรจะสาบสูญไปแล้วนี่กัน...

ไม่ช้า  สองขาก็พาเขามาสู่ตรอกมืด ๆ แห่งหนึ่ง  ชายหนุ่มถอดแว่นออกแล้วกวาดตามอง  ดวงตาเฉียบคมที่มองเห็นได้แม้ในความมืดค้นพบร่างหนึ่งซุกอยู่ในมุมมืดข้างข้าวของที่เจ้าของไม่ต้องการแล้วซึ่งกองระเกะระกะอยู่  กลิ่นอายที่เขาจับได้คลุ้งไปหมดทั้งตรอกนั้น...ใช่แน่  ใครคนนั้นคือต้นกลิ่นไม่ผิดแน่

ร่างสูงก้าวพรวด ๆ ไปยังร่างนั้น...มนุษย์...เขาบอกกับตัวเองเมื่อแรกเห็นด้วยตา  แต่ไม่ใช่หรอก...มนุษย์ก็ต้องมีกลิ่นแบบมนุษย์  แต่คนตรงหน้าเขานี่ไม่ใช่...ชายหนุ่มเลือกที่จะเชื่อจมูกของตัวเองมากกว่าดวงตาตามลักษณะเฉพาะของเผ่าพันธุ์  เขาเอื้อมมือไปแตะแขนของใครคนนั้นเบา ๆ  ยังผลให้อีกฝ่ายสะดุ้งสุดตัว

“อย่า!  อย่าแตะต้องผมนะ!!”  ฝ่ายนั้นร้องลั่นพร้อมกับปัดมือของร่างสูงอย่างแรง

“ใจเย็น ๆ  เกิดอะไรขึ้น  ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?”  ชายหนุ่มพยายามถาม  แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจฟัง

“ไม่เอา!  อย่าเข้ามาใกล้ผม  ถอยไป!”  เสียงตะโกนไล่แหบโหยอย่างน่าประหลาด

“เย็นไว้  ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก  บอกมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น  ทำไม –คนอย่างนาย- ถึงมาอยู่ที่นี่”

ร่างที่นั่งอยู่กับพื้นเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง  เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน  เรือนผมสีน้ำตาลออกปรกลงมาบังใบหน้าหวานราวกับผู้หญิงนั้น  ดวงตากลมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว...ดูยังไงนี่ก็เป็นแค่มนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น  ทั้งรูปลักษณ์  สีตา  และสีผิว...ไม่ได้มีลักษณะพิเศษของเผ่าพันธุ์พิเศษใด ๆ ทั้งสิ้น...ทว่าเมื่อมองให้ดี  เบื้องหลังริมฝีปากอิ่มที่เผยอหอบนั้น...เขี้ยวสีขาวยาวและแหลมคมซ่อนตัวอยู่ในนั้น

...ไม่ผิดแน่  ผีดูดเลือด...

คนตัวเล็กกว่ายกมือขึ้นผลักไสร่างสูงอย่างล้าแรง

“ไป...อย่ามายุ่งกับผม...ไปซะ...”  เสียงกระซิบไล่สั่นพร่าเหมือนพยายามจะสะกดกลั้นอะไรบางอย่างไว้

...กำลังกระหายเลือดงั้นหรือ...ชายหนุ่มตั้งคำถามกับตัวเอง  แต่ก็น่าแปลกที่คนตรงหน้าเขาพยายามฝืนเอาไว้อย่างสุดกำลัง  หากเป็นผีดูดเลือดจริง  ถ้าต้องการเลือดมากขนาดนี้จะต้องจู่โจมทันทีที่เห็นเหยื่อแล้ว  ทั้งยังรูปลักษณ์ที่เป็นมนุษย์ทุกกระเบียดนิ้วนี่อีก...ที่สำคัญคือ...เท่าที่เขาได้ยินมา  ผีดูดเลือดสูญพันธุ์ไปจากโลกมนุษย์นี่นานมากแล้ว

ปริศนาที่ไขไม่ออกมีมากเกินไป  เขาต้องการคนช่วย...ชายหนุ่มตัดสินใจรวบร่างนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด  อีกฝ่ายดิ้นด้วยความตกใจ

“เย็นไว้  ฉันจะช่วยนาย  ไม่ต้องกลัว”  เขากระซิบปลอบ

“อย่า...ผม...ทนไม่ไหว...”  กลิ่นเลือดที่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก  ทำให้เขาเจียนคลั่ง  คมเขี้ยวเคลื่อนเข้าหาลำคอที่อยู่ห่างไปแค่คืบ

“อย่านะ!”  เสียงห้าวตวาด  “ฉันไม่ใช่มนุษย์  ถ้ากินเข้าไปแล้วตายขึ้นมาจะว่ายังไง  อดทนหน่อย”

คนในอ้อมกอดชะงักนิ่ง...ไม่ใช่มนุษย์  หมายความว่ายังไง  คนที่อุ้มเขาไว้ดูยังไงก็ไม่ผิดอะไรกับมนุษย์แท้ ๆ...หรือว่า...คนคนนี้จะเป็นเหมือนเขา

“ข้าแต่แสงจันทร์ที่สาดส่อง  ด้วยอำนาจของสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาแต่ปางบรรพ์  โปรดเปิดประตูให้ข้าได้เข้าไปสู่ดินแดนแห่งพันธะสัญญาของพวกเรา...”

สิ้นเสียงท่องมนต์  ก็ปรากฏจุดสีเงินเล็ก ๆ ขึ้นกลางอากาศ  ก่อนที่มันจะขยายตัวกว้างขึ้นเป็นรูปร่างของประตูสีเงินส่องประกายเหมือนดวงดาว  ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มแทบจะไม่เชื่อสายตา...หรือบางทีเขาอาจจะอ่อนแรงเกินไปจนเห็นภาพหลอนของความฝันก็ได้กระมัง...

“อดทนอีกนิด  ตอนผ่านประตูอาจจะรู้สึกแย่หน่อย  แต่เดี๋ยวจะดีขึ้นเอง”

ร่างสูงบอกแล้วก็ก้าวข้ามบานประตูเข้าไป...อากาศราวกับจะบีบอัดเข้ามารอบด้าน  เหมือนจะบดขยี้ร่างของพวกเขาให้กลายเป็นจุล  แต่ในพริบตาที่คิดว่าจะขาดใจตาย  ก็รู้สึกเบาวูบ  แรงกดดันทั้งหมดสลายไปสิ้น

“เอาละ  ถึงแล้ว...อ้าว...เฮ้ย  เป็นอะไรหรือเปล่า?”  ชายหนุ่มเขย่าตัวคนในอ้อมแขนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งพับไป...คงไม่ใช่ถูกแรงกดบรรยากาศเล่นงานเอาจนตายหรอกนะ

ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านั้น  เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลัง

“เจ!!  นายไปไหนมา  หาตัวตั้งนาน”

“นายจะหาฉันไปทำไม  เทลลู?”  ร่างสูงหมุนตัวกลับไปมองคนที่กำลังเดินลุยสุมทุมพุ่มไม้เข้ามาหา

ทันทีที่ก้าวพ้นประตูมายามา  รอบกายก็คือป่าใหญ่รกทึบ  มีอาคารหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า  คนที่เดินเข้ามาใกล้มีผมสีน้ำตาลทอง  หากที่แปลกตาคือหูขนาดใหญ่กับหางยาวเป็นพวงหนาอันเป็นลักษณะเฉพาะของเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่า

“ก็เนื้อย่างสูตรใหม่ที่นายบอกอยากกิน...นั่นอะไรน่ะ?”  เทลลูเพิ่งเห็นว่ามีใครบางคนอยู่ในอ้อมแขนของเจ  พอกระสากลิ่นก็ถอยกรูด  “อะ...อะไรน่ะ!?  นายไปเอาหมอนั่นมาจากไหน?  ไอ้ของพรรค์นั้นมันไม่...!!”

“อย่าโวยวายไปนักเลยน่า”  เจส่ายหัวที่มีผมสั้นสีทองยุ่ง ๆ  รูปลักษณ์ของเขาคืนสู่ลักษณะดั้งเดิมของเผ่านับแต่ก้าวข้ามประตูมายามา  “ฉันก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน  ยังไงก็ไปตามทาร์คหรือเฟซีลมาที  เราเจอปริศนาที่ไขไม่ออกแล้วหละ”

...

ทั้งอาคารหลังใหญ่และป่ารกทึบแห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในโลกมนุษย์  แต่ตั้งอยู่ ณ ช่องว่างระหว่างมิติที่สามารถเชื่อมต่อไปยังภพภูมิต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้  อาคารแห่งนี้คือศูนย์รวมความรู้ของเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ และยังคอยควบคุมดูแลความเรียบร้อยระหว่างพิภพอีกด้วย  ผู้ที่จะเปิดประตูมายังช่องว่างระหว่างมิติแห่งนี้ได้จำเป็นจะต้องมีกุญแจและอำนาจเวทมนต์ประจำเผ่าพันธุ์  ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่มีหลากหลายเผ่า  ทั้งที่มนุษย์เรียกกว่าสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ไปจนถึงเผ่าพันธุ์ที่เรียกว่าปีศาจอย่างมนุษย์หมาป่าเป็นต้น  และที่แห่งนี้ก็ยังทำหน้าที่เหมือนโรงแรมแวะพักสำหรับนักเดินทางระหว่างภพและผู้ที่ไม่ปรารถนาจะอยู่ในภพใดเป็นหลักแหล่ง  ซึ่งต้องแลกด้วยการทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ  เช่นการดูแลเหล่าเด็กกำพร้าเป็นต้น

ทาร์คคือเงือก  ส่วนเฟซีลคือเอลฟ์  สองเผ่าพันธุ์ที่ทรงภูมิปัญญาจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นครูและหมอของทุกเผ่าพันธุ์  แต่ตอนนี้ทั้งสองกำลังหนักใจกับชายที่เจนำกลับมาจากโลกมนุษย์

“มันแปลก  หมอนี่ดูยังไงก็เป็นมนุษย์ตั้งแต่หัวจรดเท้า  แต่เจกับเทลลูกลับยืนยันว่ากลิ่นอายของเขาเป็นผีดูดเลือด”  เฟซีลบ่นพลางยกมือขึ้นเสยผมสีแดงยาวของตน

“พวกนั้นได้กลิ่นที่พวกเราไม่มีวันสัมผัสได้น่ะนะ”  ทาร์คบอกพลางแตะลงบนแขนของหนุ่มนิรนาม  เขาอยู่ในร่างของมนุษย์เมื่ออยู่ที่ช่องว่างแห่งมิตินี้

“สีผิวก็เป็นมนุษย์  ถ้าผีดูดเลือดจะต้องซีดกว่านี้  สีตาก็เป็นมนุษย์  พวกนั้นต้องตาเหลือบแดง  อุณหภูมิร่างกาย  ลมหายใจ...อะไรต่อมิอะไรก็เป็นมนุษย์หมด  แล้วบอกว่าเป็นผีดูดเลือดนี่มันก็...”  เฟซีลบ่น  เขาออกจะใจร้อนกว่าเอลฟ์คนอื่นนิดหน่อย

“แถมเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด  ก็สูญพันธุ์ไปจากโลกมนุษย์ตั้งนานแล้ว...ไม่สิ...ภพภูมิของพวกนั้นล่มสลายไปแล้วด้วยซ้ำ”  ทาร์คถอนใจยาวแล้วเดินไปหยิบเหยือกหินบรรจุน้ำทะเลมาเทดื่ม  เพราะเป็นเงือกจึงต้องการน้ำมากกว่าคนอื่น  แม้ว่าที่ช่องว่างระหว่างมิตินี้จะเอื้อต่อการดำรงอยู่ของทุกเผ่าก็ตาม

“บางทีเราอาจจะต้องปรึกษาสภาสูง”

“คงไม่บางทีหละ  เราต้องปรึกษาสภาสูง  นี่มันเรื่องใหญ่เกินกว่าที่เราจะรับมือได้  เพราะงั้น...เดี๋ยวฉันจะเขียนหนังสือขอพบคุณไฮเดล...”  พูดยังไม่ทันจบประโยค  ประตูห้องก็เปิดผลัวะออก

“ได้ยินว่าเก็บของแปลกมาได้เหรอ?”

“คุณไฮเดล?”  คนที่กำลังพูดถึงเมื่อกี้เข้ามาในห้อง  เขาเป็นเอลฟ์เหมือนกับเฟซีล  แถมยังดูคล้ายกันมากจนแทบจะเรียกได้ว่าพี่น้อง...ถ้าเพียงแต่เผ่าเอลฟ์จะไม่มีพี่น้องท้องเดียวกันน่ะนะ

“เจ้าเทลลูมันแจ้นไปบอกเมื่อกี้น่ะ  บอกว่าเจเก็บผีดูดเลือดมาได้จากโลกมนุษย์  ก็เลยมาดูเสียหน่อย...คนนี้น่ะเหรอ?”  พูดพลางก็พิจารณาร่างที่นอนนิ่งอยู่บนแท่น  “หน้าตาน่ารักดีนี่  แถมดูยังไงก็มนุษย์ชัด ๆ  แต่เจ้าเจมันคงไม่จมูกบอดขนาดดมมนุษย์เป็นผีดูดเลือดไปได้หรอกเนอะ”

“ถ้าเป็นแบบนั้น  ฉันยอมเปลี่ยนตัวเองไปเป็นพิกซี่เลย”  คนถูกนินทาก้าวอาด ๆ ตามเข้ามา

“หน้าอย่างนายเป็นหมาป่าแหละดีแล้ว  อย่าไปเป็นอะไรน่ารัก ๆ แบบนั้นเลย”  ทาร์คส่ายหน้า  นึกไม่ออกเอาจริง ๆ ว่าอย่างเจจะไปติดปีกวิบ ๆ สีเงินนั่นได้ยังไง

“ว่าแต่...มันก็แปลกจริง ๆ นั่นแหละ”  ไฮเดลพึมพำเบา ๆ  สีหน้าที่มักจะมีแววซุกซนตลอดเวลาเคร่งขรึมลง  “สายเลือดของผีดูดเลือดที่สาบสูญไปแล้ว  มาปรากฏในตัวเด็กนี่ได้ยังไง”

“อาจจะเป็นการย้อนเผ่าก็ได้นะครับ”

“อ้าว  ฮีธ  มาพอดี  กำลังว่าจะให้ใครไปตามมาช่วยดูพอดีเลย”  ไฮเดลหันไปพูดกับผู้มาใหม่ซึ่งเป็นชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำยาว  ทั้งเครื่องแต่งกายก็เป็นสีดำล้วนราวกับจะหยิบเศษเสี้ยวของราตรีมาครอบคลุมไว้ทั้งร่าง  เขาเป็นเผ่าผู้วิเศษที่มีทั้งภูมิปัญญาและอำนาจเวทมนต์สูงส่ง  เพียงแต่เผ่าพันธุ์นี้ออกจะรักสันโดษไม่ค่อยยุ่งกับใครเท่านั้น  คนเผ่านี้ที่อยู่ในช่องว่างมิติมีน้อยจนนับคนได้

“ว่าแต่เมื่อกี้คุณฮีธบอกว่าย้อนเผ่า  หมายความว่ายังไงครับ?”  ทาร์คถามขึ้น

“หมายถึงการที่ใครสักคนมีบรรพบุรุษเป็นอะไรบางอย่าง  แล้วสายเลือดที่ควรจะเจือจางนั้นกลับเข้มข้นขึ้น  จะด้วยการที่พ่อแม่แต่งงานกับคนที่เคยมีบรรพบุรุษเผ่าเดียวกันหรืออะไรก็แล้วแต่  เรียกภาษามนุษย์ก็เหมือนการกลายพันธุ์ละนะ”  ฮีธอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เหมือนอย่างที่...บางครั้งมนุษย์ก็กลายร่างเป็นหมาป่าออกทำร้ายคนในประวัติศาสตร์มนุษย์น่ะเหรอ?”  พูดเสร็จเฟซีลก็สบตาเจเป็นเชิงขอโทษ...เพราะนั่นเกี่ยวข้องกับพวกมนุษย์หมาป่าโดยตรง  แต่เป็นตัวอย่างที่หยิบยกง่ายที่สุดแล้ว

“ใช่  แล้วก็เหมือนกับมนุษย์บางคนเกิดกระหายเลือดขึ้นมา  โดยที่แพทย์ชาวมนุษย์บอกว่าเป็นโรคเลือดอย่างหนึ่งด้วย”

“งั้นหมอนี่ก็เป็นพวกย้อนเผ่า?”  ทาร์คมองร่างที่ยังคงหลับนิ่งอย่างพิจารณา

“คิดว่าใช่  แต่ยังสรุปไม่ได้  ถ้าเจ้าตัวได้สติแล้วเราอาจจะถามอะไรได้มากกว่านี้...ลักษณะของผีดูดเลือดไม่ได้มีแค่อาการกระหายเลือด  แต่ยังมีลักษณะอื่นอีกที่จะทำให้เราแน่ใจได้ว่านี่เป็นการย้อนเผ่า  ไม่ใช่แค่อาการผิดปกติด้านพันธุกรรมมนุษย์”  ผู้วิเศษในชุดดำอธิบายยืดยาว  แต่เจยกมือขึ้นแคะหู...สมองหมาป่าอย่างเขาไม่ค่อยกระดิกกับเรื่องยาก ๆ แบบนี้สักเท่าไรนัก

“อ๊ะ  ลืมตาแล้ว”  ไฮเดลที่ยังยืนอยู่ข้างแท่นร้องขึ้น  ทุกคนหันไปให้ความสนใจทันที  โดยเฉพาะเจที่รีบปราดเข้าไปหาทันที

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหรี่ปรืออยู่ครึ่ง ๆ อย่างอ่อนล้า  หากริมฝีปากขมุบขมิบเอ่ยคำออกมาเบา ๆ...เบาเสียจนเจต้องเงี่ยหูฟัง

“...น้ำ...”

เจรีบคว้าเอาขวดน้ำแถวนั้นมา  ค่อย ๆ ประคองร่างขึ้นแล้วจรดปากขวดเข้ากับริมฝีปากให้  ชายหนุ่มนิรนามดื่มน้ำเข้าไปนิดหน่อยก็กระอักกระไอ

“เฮ้ย  ไม่เป็นไรนะ”

“...ไม่...”  แม้จะพูดอย่างนั้นแต่สีหน้าไม่ได้บอกเลยว่ารู้สึกสบายขึ้น  คิ้วเรียวขมวดมุ่นและดูท่าทางทรมาน

ผีดูดเลือดไม่อาจดับกระหายได้ด้วยน้ำ...คือสิ่งที่ทุกคนรู้ดี  แม้จะยังบอกไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นผีดูดเลือดหรือเปล่า  แต่อาการที่แสดงออกมาให้เห็นมันชวนให้คิดไปในแง่นั้น

“พ่อหนุ่ม  เธอชื่ออะไร?”  เป็นไฮเดลที่เอ่ยถามขึ้น

ชายหนุ่มมองไปรอบห้องอย่างงุนงง  ผู้คนที่รายล้อมเขาอยู่หน้าตาแปลก ๆ  สวมเสื้อผ้าแปลก ๆ  แถมยังมีบรรยากาศอันแปลกประหลาดห่อหุ้มอยู่ด้วย  แต่กระนั้น  เขากลับรู้สึกไว้ใจคนพวกนี้

“...อาเดีย”  คำตอบแหบโหย  แล้วเจ้าตัวก็ไอแห้ง ๆ ออกมาอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นกับนาย  ทำไมนายถึงไปอยู่ที่ตรอกนั่นในเวลาแบบนั้น?”  เจถามคำถามที่คาใจมานานนับตั้งแต่เจอผู้ชายคนนี้

“...ฉัน...”  อาเดียกรอกตาอย่างพยายามค้นเข้าไปในความทรงจำของตน  “พวกมันเข้ามาในบ้าน...พวกอันธพาลที่มีเรื่องกับน้องชายฉัน...พวกมัน...ฆ่าพ่อกับแม่..”

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้าง  ใช่...เขาจำได้...เรื่องที่เกิดขึ้นนั่น...

“ฉันพยายามพาน้องหนี  แต่ไม่พ้น  พวกมัน...เอามีดแทงเขา...”  เสียงแหบแห้งสั่นพร่าด้วยความแค้นเคือง  “เลือด...เต็มไปหมด  ตอนนั้น...เหมือนในหัวถูกสาดด้วยสีแดง  ฉันคว้าคอไอ้คนที่อยู่ใกล้ที่สุด  แล้วก็...หักมัน...”

อาเดียก้มลงมองมือตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะพูดออกไปเมื่อกี้  แต่นั่นเป็นความจริง...เขาหักคอมันคนนั้นด้วยมือเปล่าหลังจากที่เห็นน้องชายล้มลง  แล้วก็จัดการคนอื่นอย่างไม่ลังเล...ฆ่าพวกมันทั้งหมดด้วยมือเปล่า!!

เจกุมมือที่สั่นระริกไว้แน่น  ไม่มีใครพูดอะไร  ชายคนนี้เป็นผีดูดเลือดไม่ผิดแน่  นอกจากอาการกระหายเลือดที่ควบคุมไม่ได้ถ้าไม่อยู่ในภพภูมิของตัวเองแล้ว  พละกำลังมหาศาลยังเป็นอีกลักษณะเด่นของเผ่าพันธุ์นี้

“...จากนั้น...ก็รู้สึกคอแห้งมาตลอด  ร้อนเหมือนโดนไฟเผา...พอเห็นเลือด  ก็อยาก...”  พูดได้แค่นี้ก็กัดฟันแน่น  เขาไม่อาจยอมรับความต้องการที่ผิดปกติของตนได้

“ไม่เป็นไรแล้ว  อาเดีย”  ผู้วิเศษชุดดำเดินเข้ามาข้างเตียงแล้ววางมือลงบนเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มมือเบา ๆ  “นั่นเป็นแค่ธรรมชาติอย่างหนึ่งของผีดูดเลือดเท่านั้น  ไม่ต้องกังวลไป”

“อะไรนะ...?”  ดวงตาของอาเดียเต็มไปด้วยความงุนงง  ผู้ชายคนนี้พูดอะไร...ใครเป็นผีดูดเลือด...

“มีเรื่องต้องอธิบายอีกมาก  ตอนนี้เธอพักเสียก่อน  ตื่นมาแล้วเราค่อยคุยกัน”  เสียงนั้นกล่าวนุ่มหู

พลันก็ปรากฏลำแสงสีฟ้าอ่อนเรืองออกมาจากฝ่ามือของฮีธ  ความง่วงงุนเข้าครอบงำอาเดียอย่างรวดเร็ว  แล้วชายหนุ่มก็ผล็อยหลับไป

“เตรียมประชุมเถอะ...”  ไฮเดลบอกกับฮีธ  “เราต้องหาวิธีรับมือกับผีดูดเลือดคนใหม่คนนี้ให้รัดกุมแล้วหละ”

...

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #2 เมื่อ20-03-2012 22:39:02 »

ผีดูดเลือด  เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอันตรายอย่างมากต่อมนุษย์  แม้จะมีความคล้ายคลึงกันมากแต่ก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่จะอาศัยอยู่ร่วมกันได้  มีผีดูดเลือดจำนวนไม่น้อยเข้าไปอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ด้วยคิดว่าจะสามารถดำรงชีพอยู่อย่างสงบได้  แต่ด้วยสภาพสิ่งแวดล้อมของโลกมนุษย์แตกต่างจากภพของผีดูดเลือดไม่น้อย  พวกเขาจึงมีความกระหายเลือดมากกว่าปกติ  และบางครั้งก็หน้ามืดเข้าจู่โจมมนุษย์จนเกิดการล่าผีดูดเลือดในยุคกลาง  ประชากรผีดูดเลือดในโลกมนุษย์หมดสิ้นไปในที่สุด  รวมไปถึงเหตุประหลาดที่ทำให้ภพของผีดูดเลือดล่มสลาย  ประตูมายาที่เชื่อมต่อไปยังพิภพนั้นถูกปิดลงด้วยอำนาจเวทมนต์อันทรงพลัง  แต่ยังมีเชื้อสายของพวกเขาหลงเหลืออยู่ในหมู่มนุษย์  กรณีการย้อนเผ่าไม่ใช่เรื่องแปลก  แต่ค่อนข้างจะน้อย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่ผีดูดเลือดถูกระบุว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่สาบสูญไปนานแล้ว

“โดยมากแล้วการย้อนเผ่ามักจะเกิดกับพวกมนุษย์หมาป่า  ซึ่งทิ้งเชื้อสายไว้บนโลกมนุษย์มากที่สุด”  เฟซีลรินน้ำยาสีน้ำเงินเข้มใส่แก้วแล้วส่งให้อาเดีย

ชายหนุ่มเคราะห์ร้ายที่ดันเกิดการย้อนเผ่าขึ้นกะทันหันทำใจรับฟังและพยายามทำความเข้าใจเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาอย่างสงบเยือกเย็น

สภาสูงที่ควบคุมดูแลความเป็นไปของพิภพต่าง ๆ ลงมติให้ผีดูดเลือดตนสุดท้ายที่ใหม่ล่าสุดนี้อาศัยอยู่ที่ช่องว่างระหว่างมิติ  ระหว่างนั้นทั้งเอลฟ์  เงือก  ผู้วิเศษ  และเผ่าพันธุ์ผู้ทรงปัญญาทั้งหลายจะช่วยกันหาทางสะกัดกั้นสัญชาตญาณดิบของผีดูดเลือดทุกวิถีทาง  ทั้งนี้เพราะหากไม่ใช่ในพิภพของตนแล้ว  ผีดูดเลือดจะมีความกระหายเลือดอย่างแรงกล้าจนสูญเสียความควบคุมตัวเองและจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อทุกชีวิต  ดังนั้น  อาเดียจึงอยู่ภายใต้การดูแลเป็นพิเศษของสภาสูงในห้องที่ถูกนำตัวมาพักแต่แรก

“ยาของพวกเงือกจะให้ความชุ่มชื่นมากที่สุด  แล้วก็เป็นยาที่เย็นที่สุดด้วย”  เฟซีลบอก  ในระหว่างที่ยังไม่มีใครรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะสะกัดกั้นสัญชาตญาณผีดูดเลือดของอาเดียได้  เขากับทาร์คก็มีหน้าที่ปรุงยาที่จะบรรเทาอาการคอแห้งและกระหายน้ำของอาเดียมาให้

“ขอบคุณ”  ชายหนุ่มยิ้มอย่างซีดเซียวแล้วยกน้ำยาขึ้นจิบ  วูบแรกที่มันสัมผัสลิ้น  นำมาซึ่งความเย็นชื่นเหมือนอมก้อนน้ำแข็ง  ทว่าเมื่อมันล่วงพ้นลำคอไปแล้ว  ก็ไม่บังเกิดผลอะไร

“พอไหวมั้ย?”

“ก็ดี...”

เฟซีลรู้ดีว่าอาเดียตอบไปอย่างนั้นเองเพื่อไม่ให้พวกเขาเสียกำลังใจ  เพราะเท่าที่ดูอาการด้วยตาแล้ว  ไม่ว่าตัวยาใด ๆ ก็ไม่ช่วยให้อาเดียดีขึ้นได้  ริมฝีปากของชายหนุ่มแห้งผากและเผยอหอบอยู่ตลอดเวลา  ตัวร้อนจัดเหมือนมีไข้สูง  มีเพียงเวทมนต์ของฮีธเท่านั้นที่พอจะทำให้เขาหลับลงได้บ้าง  แต่อาเดียก็อึดเหลือเชื่อ  เขาต่อสู้กับความทรมานที่เกิดขึ้นโดยไม่ปริปากมาตลอดหลายวันนี้...แต่จะทนไปได้อีกนานสักเท่าไร...เฟซีลได้แต่นึกกังวลอยู่ในใจ

“เป็นไง  ได้นอนบ้างมั้ย?”  ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีทองและหางยาวเป็นพวงหนาเปิดประตูเข้ามาในห้อง

อาเดียไม่ตอบ  เพียงแต่ยิ้มให้...เขาเป็นหนี้ชีวิตเจ  ถ้าคืนนั้นเจไม่ไปพบเขาในตรอกนั่น  ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้  บางทีอาจจะกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องไปแล้วก็ได้...ไม่เพียงแต่พาเขามาที่นี่  เจยังคอยดูแลเขาไม่ได้ห่าง  นอกเสียจากเวลาที่ต้องไปทำงานตามหน้าที่ของตน  งานของพวกมนุษย์หมาป่าไม่ค่อยมีอะไรมากไปกว่าการไปสังเกตการณ์ในโลกมนุษย์เพราะสามารถแฝงกายเข้ากับมนุษย์ได้แนบเนียนกว่าเผ่าพันธุ์อื่น

“ยาทะเลของทาร์คอีกแล้วเหรอ?”  เจมองน้ำยาที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วในมืออาเดียพลางทำจมูกฟุดฟิด  “กลิ่นมันเค็ม ๆ”

“นี่...ถ้าอยากวิจารณ์ละก็  ช่วยทำอะไรให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ได้มั้ย”  เฟซีลว่า

“โฮ้ย  โง่ ๆ อย่างฉันจะไปทำอะไรได้  แค่ไปเก็บสมุนไพรตามที่คุณเพอร์ซีอุสสั่งยังเก็บผิด”  เจโบกมืออย่างเซ็ง ๆ แล้วก็นั่งลงตรงเก้าอี้ประจำที่ข้างเตียง

“ทีหลังเอาตาแยกไม่ได้ก็เอาจมูกที่นายภูมิใจนักหนาดมเอาสิ”

“ยังกับกลิ่นมันน่าดมนักนี่  นายนั่นแหละ  ไปค้นเวทมนต์ในห้องสมุดไป  เดี๋ยวฉันดูแลหมอนี่ให้เอง”  เจออกปากไล่  แต่นั่นเป็นการบอกให้ไปพักผ่อนตามแบบของเขา  ซึ่งอาเดียดูจะชินแล้วระหว่างที่ได้ยินมานับร้อยหนในช่วงหลายวันนี้

“เฮอะ...ไปก็ได้  มีอะไรก็เรียกแล้วกัน  แล้วยาที่ฉันปรุงวางอยู่นั่น  ถ้าอาเดียหิวน้ำขึ้นมาก็เอาให้ดื่มซะด้วยล่ะ”  พูดแล้วเอลฟ์ผมแดงก็ออกจากห้องไป

“พูดมาก  น่ารำคาญ”  เจบ่น  แล้วก็ได้ยินเสียงคนบนเตียงหัวเราะคิก  “หัวเราะอะไรเล่า?”

“ทะเลาะกันทุกวัน  ไม่เบื่อเหรอ?”  รอยยิ้มทำให้สีหน้าของอาเดียดูดีขึ้นมาบ้าง

“ตั้งแต่เจอหน้ากันวันแรกก็เป็นแบบนี้มาตลอดแหละ  ใคร ๆ เขาก็เบื่อกันแล้วทั้งนั้น  แต่พวกฉันกลับไม่เบื่อแฮะ”  ร่างสูงยักไหล่

“ดูแล้วก็...สนุกดี”  พูดแล้วก็ไอค่อกแค่ก

“เป็นไงบ้าง?”  เจรีบประคองด้วยความเป็นห่วง

“ก็เหมือนเดิม...แสบคอ...”

“ยาพวกนี้ไม่ช่วยอะไรเลยเหรอ?”

อาเดียส่ายหน้าน้อย ๆ  ไม่มีอะไรช่วยได้เลย  มีเพียงเวทมนต์ของฮีธเท่านั้นที่พอจะทำให้เขาได้พักผ่อนโดยไม่ต้องทรมานกับอาการกระหายน้ำนี่ได้บ้าง  ทว่า...แม้แต่ในความฝันก็ราวกับถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ  แต่ทุกครั้งที่สะดุ้งตื่นมา  เขาจะพบเจอยู่ข้างเตียง  นั่งอ่านหนังสือบ้าง  หรือหลับบ้างไปตามเรื่อง  แต่อย่างน้อย...เจก็อยู่ตรงนั้น  ไม่ได้ปล่อยเขาไว้ตามลำพังคนเดียว

“อาบน้ำสักนิดดีมั้ย?”

“ก็ดี”

น้ำยาสมุนไพรเซนทอร์และน้ำยาจากเงือกและเหล่าพรายน้ำคือตัวยาที่ถูกนำมาสับเปลี่ยนกันผสมน้ำอาบของอาเดีย  ถ้าตัวเย็นลงอาจจะลดอาการกระหายลงได้บ้าง  แต่ยังไม่มีตัวยาไหนได้ผลโดยสมบูรณ์  อาเดียยังคงตัวร้อนเหมือนมีไข้  แม้แต่ลมหายใจก็ยังร้อนผ่าว  แต่ก็ดีกว่าไม่พยายามทำอะไรเลย

ตอนที่อาเดียสวมเสื้อเรียบร้อยแล้ว  เทลลูก็เปิดประตูผลัวะเข้ามาแบบไม่บอกล่วงหน้า

“อาเดีย!  พระจันทร์ขึ้นแล้ว  ออกไปเดินเล่นกันมั้ย?  คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วยนะ”  น้ำเสียงกระดี๊กระด๊าร่าเริงเต็มที่ตามประสาเทลลู  แต่แล้วก็หน้ามุ่ย  “อะไรกัน  เจอยู่ด้วยเหรอเนี่ย?”

“ฉันอยู่ที่นี่น่ะถูกแล้ว  แกนั่นแหละ  มาทำไม?”  เจ้าหมาป่าตัวโตกว่าแสยะเขี้ยวใส่

“เอ๊ะ  ก็บอกอยู่แหม็บ ๆ นี่ว่าไปเดินเล่นกัน  หูหนวกหรือไง”  ว่าแล้วก็ทำเป็นไม่สนใจเจ  เดินไปคว้ามืออาเดียเอาดื้อ ๆ  “ไปกันเถอะ  อากาศตอนกลางคืนเย็นสบายนะ  แล้วแสงจันทร์ก็ดีต่อพลังเวทย์ในตัวด้วย  แถมตอนนี้ทาร์คก็ลงเล่นน้ำ  นายยังไม่เคยเห็นร่างเงือกของทาร์คใช่มั้ยล่ะ”

“...ยังหรอก”  อาเดียส่ายหน้า  เทลลูใส่มาเป็นชุดจนเขาฟังแทบไม่ทันทีเดียว

“งั้นไปกันเหอะ”  เทลลูดึงอาเดียลากหลุน ๆ ออกไปจากห้องอย่างไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ

เจเพียงแต่ส่ายหน้าอย่างระอาใจแล้วก็ตามออกไป

แสงจันทร์มีผลต่อพลังเวทมนต์ในร่างของเหล่าชีวิตนอกพิภพโลกอย่างสูง  มันจะช่วยเพิ่มพูนพลังให้สูงขึ้นและสามารถเก็บไว้ใช้ได้เหมือนพลังงานสำรอง  ดังนั้น  ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง  ทุกคนจึงไม่มีใครอยู่ในห้องพัก  ต่างก็ออกมาซึมซับแสงจันทร์อย่างเต็มที่  รวมทั้งเหล่าชีวิตที่ดำรงอยู่ใต้ผิวน้ำก็พากันลงสู่บึงขนาดใหญ่และคืนสู่ร่างเดิมของเผ่าพันธุ์

“อยู่นั่นไง”  เทลลูชี้ไปยังริมฝั่งน้ำที่เต็มไปด้วยก้อนหินเรียบ ๆ ขนาดต่าง ๆ กันไปหลายก้อน

จากตรงที่ยืนอยู่  อาเดียเห็นหางปลาสีเงินเหลือบม่วงเคลื่อนไหวอยู่เรี่ยผิวน้ำสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย  ทาร์คเอนกายพิงหินก้อนหนึ่งอย่างสบายเหมือนนั่งอยู่บนโซฟาหรู  ผมสีน้ำตาลแดงของเขายาวสยายลงสู่ผิวน้ำ  และยาวกว่าทุกครั้งที่อาเดียเคยเห็นมาก

“มากันแล้วเหรอ  ฉันนึกว่านายจะไม่ยอมออกจากห้องของอาเดียเสียอีกนะ  เจ”  ทาร์คหันมาทักทาย  ผมที่ยาวอย่างยิ่งและหูที่กลายสภาพเป็นครีบทำให้ใบหน้าของเขาดูแปลกตาไป

“กำลังว่าจะออกมา  ไอ้ลูกหมานี่ก็วิ่งยั้น ๆ เข้าไปเรียกพอดี”  เจใช้หัวแม่มือโบ้ยไปทางเทลลู

“ไม่ใช่ลูกหมานะ  ไอ้เจบ้า”  เทลลูหน้ามุ่ย  กระทืบเท้าตุบ ๆ อย่างขัดใจ  “ถ้าลูกหมาก็ต้องเจ้าจิโร่โน่น”

“อย่าเสียงดังหนวกหูน่า  เทลลู  ทำลายบรรยากาศดี ๆ หมด”  เสียงเรียบ ๆ ดังมาจากกิ่งไม้ใหญ่ที่ทอดยื่นลงไปใกล้ผิวน้ำ  เฟซีลนั่งอยู่บนนั้น  เรือนผมสีแดงยาวเคลียไปกับชุดผ้าคลุมยาวเนื้อบาง  ในมือมีจอกเล็ก ๆ ที่คงจะเป็นเหล้าเอลฟ์อยู่

...เทพนิยาย...อาเดียบอกกับตัวเองพลางจ้องภาพตรงหน้า  เหล่าเอลฟ์  เงือก  ผู้วิเศษ  และสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ทั้งหลายรวมตัวกันอยู่ที่ริมบึงใหญ่แห่งนี้ท่ามกลางแสงจันทร์  เป็นภาพแบบเดียวกันกับที่เขาเคยนึกวาดขึ้นมาในหัวเมื่อตอนยังเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ  เพียงแต่ภาพตรงหน้านี้เป็นจริงและจับต้องได้  แปลกตาไปนิดหน่อยที่นอกจากสิ่งมีชีวิตที่งดงามแล้วยังสาวงามที่ท่อนล่างเป็นงู  และหนุ่มน้อยที่มีเขาโค้งยาวกับปีกค้างคาวอยู่บนหลัง...โลกทั้งโลกดูช่างสงบสุข

“แสงจันทร์ดีต่อสุขภาพมากนะ  อาเดีย”  เป็นทาร์คที่ดึงชายหนุ่มออกจากภวังค์  “ฉันเคยอธิบายเรื่องนี้ไปแล้วครั้งนึงใช่มั้ย?”
อาเดียพยักหน้าน้อย ๆ  “...แต่...จะดีเหรอ  ที่ให้ฉันออกมาแบบนี้  ถ้าพลังเวทย์ในตัวฉันสูงขึ้น  แล้วฉันจะไม่...”

“แต่เดิมผีดูดเลือดไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มุ่งจะผลาญชีวิตใครหรอกนะ”  ทาร์คพูดพร้อมกับยิ้มเหมือนจะเดาได้ว่าอาเดียนึกอะไรอยู่ในใจ  “เมื่ออยู่ในพิภพของตัวเอง  ผีดูดเลือดก็เหมือนมนุษย์ธรรมดานี่แหละ  เพราะทุกคนก็เท่าเทียมกันหมด  แล้วก็เหมือนกับที่พวกเราดื่มกินกันตามปกตินั่นแหละ  เพียงแต่เมื่อไปอยู่ในต่างพิภพ  สภาพอากาศหรืออะไรก็ดี  ทำให้เกิดอาการผิดปกติขึ้นกับร่างกายและจิตใจ  อาหารและน้ำในโลกมนุษย์ไม่อาจทดแทนอาหารและน้ำในภพของผีดูดเลือดได้  สิ่งเดียวที่จะทำให้ดำรงชีพอยู่ได้มีเพียงเลือดเท่านั้น  อาการกระหายเลือดและออกล่ามนุษย์จึงเกิดขึ้น  จนกลายเป็นเรื่องสยองขวัญที่น่าเศร้าไป”

“หมายความว่าถ้าฉันไปที่ภพของผีดูดเลือด  ฉันจะพ้นจากสภาพนี้งั้นสิ”  ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายอย่างมีความหวัง

“ก็ใช่...แต่พิภพนั้นล่มสลายไปแล้ว  และประตูก็ถูกธรรมชาติปิดตายไปแล้วด้วย”  น้ำเสียงของเงือกหนุ่มสลดเศร้าเมื่อต้องทำลายความฝันเพียงน้อยนิดของอาเดีย

ชายหนุ่มผู้กลายมาเป็นผีดูดเลือดนิ่งเงียบ  เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำบาปทำกรรมอะไรไว้หนักหนาถึงได้ต้องมีชะตากรรมแบบนี้...สูญเสียทั้งครอบครัวและสูญเสียกระทั่งตัวเอง...แต่ก็คิดได้ว่าดีแล้วที่น้องชายของเขาตายไปเสีย  ไม่อย่างนั้น  ถ้าต้องเป็นอย่างเขาละก็  เด็กคนนั้นจะทนได้อย่างไร  น้องชายไม่ใช่คนที่จะอดทนต่อความเจ็บปวดอะไรได้ขนาดนั้น...ให้เขาเป็นแบบนี้คนเดียวแหละ...ดีแล้ว

มือใหญ่วางลงไหล่บางแล้วบีบเบา ๆ  เมื่อหันไปดูก็พบเจยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วโอบเขาเข้าไปแนบชิด  สายตาของหมาป่าหนุ่มเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ตอนนี้พักที่นี่ให้สบายเถอะ  อากาศที่นี่ดีกว่าบนโลกมาก  และไม่กระตุ้นความกระหายเท่าบนโลกด้วย  ทาร์คกับเฟซีลจะพยายามเต็มที่เพื่อรักษานายเอง”

อาเดียยิ้มออกมาบาง ๆ  “แล้วนายไม่ทำอะไรเหรอ  เจ?”

“หมาป่าโง่ ๆ อย่างฉันจะไปทำอะไรได้”  เจว่าพลางนั่งลงบนพื้นหญ้าและดึงอาเดียให้นั่งลงด้วย  “แต่ถ้านายเป็นแผล  ฉันจะเลียให้  รับรองว่าชะงัดกว่ายาของเจ้าพวกนี้เยอะ  รับประกันต่อพระจันทร์เต็มดวงเลย”

“พระจันทร์เต็มดวง...”  อาเดียเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์กลมโตที่ส่องแสงอยู่เหนือยอดไม้  “...ทำไมพระจันทร์เต็มดวงแล้ว  มนุษย์หมาป่าถึงไม่กลายร่างล่ะ?”

เจเลิกคิ้วอย่างฉงนกับคำถามลอย ๆ ที่เหมือนจะพูดกับลมกับฟ้านั้น  “มีแต่พวกย้อนเผ่าเท่านั้นแหละที่ควบคุมการแปลงร่างไม่ได้  พอโดนแสงจันทร์เต็มที่เข้าไป  พลังเวทย์ในตัวก็พลุ่งพล่าน  ก็เลยกลายร่างเป็นหมาป่าไป  พวกฉันน่ะโดนฝึกมาตั้งแต่เกิดให้ควบคุมทั้งการแปลงร่างและควบคุมไม่ให้หมาป่าในหัวใจมันออกมา”

“หมาป่าในหัวใจ?”

“ความโหดร้ายกระหายเลือดน่ะ  สมัยก่อนต้องดิ้นรนสู้รบกันตลอดเวลา  มีไว้มันก็ดี  แต่ตอนนี้ไม่ต้องใช้แล้ว  ก็ต้องควบคุมมันให้ได้”

“แบบนี้...มนุษย์หมาป่าแท้ ๆ ก็ไม่กลายร่างตอนพระจันทร์เต็มดวงแล้วสิ”  ดวงตากลมโตสีช็อกโกแลตดูสลดนิด ๆ  ดูท่าจะตั้งความหวังกับหมาป่ากลายร่างไว้ไม่น้อยทีเดียว

เจพ่นลมออกจมูกเหมือนจะหัวเราะ  “หึ...มนุษย์เอ๊ย...”

เจเป็นคนเดียวที่ยังคงหลุดปากเรียกอาเดียแบบนี้อยู่บ่อย ๆ  ค่าที่ว่าชายหนุ่มไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพิภพอื่นเลยแม้แต่นิด  ถ้าเทียบด้วยมาตรฐานความรู้ของพวกเขาที่อยู่ในช่องว่างระหว่างมิตินี่แล้ว  แม้แต่พวกพิกซี่ตัวจิ๋ว ๆ สมองเล็ก ๆ ก็ยังรู้มากกว่าอาเดีย...มนุษย์ปฏิเสธสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของตัวเอง  ไม่กล้าเข้าใกล้และไม่กล้าสัมผัสเสียจนโง่เขลา...แต่อดีตมนุษย์มักจะจ้องมองเขาและรอบ ๆ ตัวด้วยดวงตาใสซื่อที่แฝงแววตื่นเต้นตลอดเวลาเหมือนเด็ก ๆ

“อยากเห็นหมาป่ากลายร่างรึ?”  แค่ลองถามดู  อีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น  แบบนี้ก็คงไม่มีทางเลือกละนะ

“งั้นก็...ดูไว้ซะ...”

ร่างสูงลุกขึ้นยืน  หลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก  เพียงไม่กี่ครั้ง  อาเดียก็เห็นเขี้ยวสีขาววาววับโผล่พ้นริมฝีปากที่เผยอขึ้นสูดอากาศ  รูปร่างของมือและแขนค่อย ๆ เปลี่ยนไป  ขนสีเงินยาวค่อยงอกขึ้นมาคลุมร่าง  ในตอนที่อาเดียตะลึงมอง  พลันก็มีหมาป่าสีเงินตัวมหึมายืนอยู่แทนที่คนตรงหน้าเมื่อครู่

“เท่ใช่มั้ยล่ะ?”  เสียงของเจดังออกมาจากปากของหมาป่าตัวนั้น

“เอ๊ะ...เอ่อ...เท่มาก”  อาเดียยกมือขยี้ตา  ทั้งที่จ้องมองอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองอยู่ดี  ถ้าได้เห็นทาร์คแปลงร่างก็คงรู้สึกแบบเดียวกันนี่ละ

“หมาป่าสีเงินอย่างเจหายากนะ  ถ้าเป็นเทลลูจะออกมาคล้าย ๆ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์”  เฟซีลบอกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงใส

“ฉันก็เป็นหมาป่านะ”  เทลลูแว้ดให้

“แล้ว...ผมสีทอง  ทำไมได้หมาป่าสีเงินล่ะ?”  อาเดียยังไม่วายสงสัย

“ทองเพราะย้อมไง”  เจหมอบลงแล้วใช้ปากดึงเสื้ออาเดียให้พิงลงมาที่ตัวเขา  “ถ้าไปเดินในโลกมนุษย์ทั้งผมสีเงินมันคงสะดุดตาเกินไป  จริงมั้ย”

“อื้ม...”  ขนสีเงินหนานั้นนุ่มกว่าที่คิด  ชายหนุ่มจึงทอดกายเหยียดยาวบนพื้นหญ้าพลางเอนพิงหมาป่าตัวใหญ่มหึมาเหมือนโซฟามีชีวิต

“พักซะ  หลับไปเลยก็ได้  แสงจันทร์จะทำหน้าที่ของมันเองแหละ”

อาเดียพยักหน้าแต่ยังไม่หลับตาลง  เขาอยากเก็บภาพบรรยากาศอันเงียบสงบและเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังนี้ไว้ในหัวใจอีกสักนิด  ดวงจันทร์กลมโตกว่าที่เคยเห็นมาตลอดชีวิตสาดแสงลงมาย้อมทุกสรรพสิ่งเป็นสีเงินงาม  ทุกชีวิตสงบนิ่งอยู่บนพื้นหญ้า  ในน้ำ  และบนคาคบไม้  มีเพียงแสงเรือง ๆ ของพวกภูตตัวเล็ก ๆ และพิกซี่วับแวมอยู่ตรงนั้นตรงนี้เหมือนแสงของหิ่งห้อย  ทั้งโลกเงียบสงัดและดูราวกับจะเป็นเช่นนั้นไปชั่วนิรันดร์

มีเพียงเสียงหนึ่งที่สะท้อนเบา ๆ อยู่ข้างหู  แม้จะไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของอะไร  แต่อาเดียรู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างบอกไม่ถูก  เสียงนั้นเป็นจังหวะเนิบช้า  ทว่าหนักแน่นและแสนอ่อนโยน  ชายหนุ่มค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง  ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดลงบนใบหน้าอย่างนุ่มนวล

...เสียงหัวใจของเจ...

บอกกับตัวเองได้แค่นั้นแล้วก็จมลงสู่ห้วงนิทรา  โดยปราศจากมนต์ของฮีธเป็นครั้งแรก

...

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #3 เมื่อ20-03-2012 22:43:00 »

ตื่นเต้น แฟนตาซีมากกก

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #4 เมื่อ20-03-2012 22:50:53 »

อาการของอาเดียแย่ลงเป็นลำดับ  ความหิวกระหายทำให้ร่างกายอ่อนแรงลงทุกขณะ  ไม่มีน้ำหรืออาหารใด ๆ ช่วยได้  แม้แต่ยาที่ทุกคนช่วยกันปรุงมาก็ได้ผลน้อยลงทุกที  บ่อยครั้งที่ทุรนทุรายแม้กระทั่งในยามหลับ

“นี่  จะให้เลือดกับอาเดียสักนิดไม่ได้เหรอครับ  เขาทรมานมากเลยนะ”  เทลลูถามฮีธที่กำลังเก็บสมุนไพรเพื่อนำไปปรุงน้ำยาให้กับอาเดียด้วยเสียงร้อนรน

“เราจะให้เขาลิ้มรสเลือดไม่ได้”  ฮีธบอกด้วยเสียงเรียบ ๆ พลางเด็ดดอกไม้สีฟ้าใสดอกเล็ก ๆ ใส่ตะกร้าที่เทลลูหิ้วตามมา  “ถ้าได้กินเลือดสักครั้ง  เขาจะจำกลิ่นและรสของมันได้  แล้วสัญาชาตญาณจะบอกให้เขาแสวงหามันมาเพื่อดำรงชีพ...แล้วทุกอย่างจะจบลงแบบเดียวกับผีดูดเลือดบนโลกมนุษย์”

“แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้  อาเดียจะตายนะ”  เทลลูทำเสียงเหมือนอยากจะร้องไห้

“พวกเราจะทำให้ดีที่สุด  เทลลู”  ฮีธพูดเบา ๆ  แต่นั่นยิ่งทำให้เทลลูขัดใจ  เจ้าหมาป่าหนุ่มทิ้งตะกร้าแล้ววิ่งปึงปังจากไป

ฮีธเพียงแค่มองตามไปแล้วก็ถอนใจ  พวกมนุษย์หมาป่าก็แบบนี้...ใจร้อนวู่วาม  แต่ถ้ารักใครแล้วจะมอบความภักดีให้จนหมดหัวใจไม่ต่างอะไรกับหมาบ้าน  แต่ถ้าถูกทรยศหักหลัง  พวกนี้จะตามเอาคืนจนถึงที่สุด...และดูเหมือนผีดูดเลือดหน้าใหม่ตนนี้จะครองหัวใจใครต่อใครได้อย่างแปลก ๆ  มีเจ้าหมาป่าสองตัวที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง  ทาร์คที่ค้นห้องสมุดจนแทบเกลี้ยงชั้นเพื่อหาสูตรยาที่พอจะช่วยบรรเทาความกระหายได้  ขนาดเอลฟ์ที่เย่อหยิ่งไว้ตัวเป็นลักษณะประจำเผ่าอย่างเฟซีลก็ยังทุ่มสุดฝีมือในการค้นคว้าน้ำยาใหม่ ๆ เท่าที่จะทำได้...แม้แต่เขาที่มักจะปลีกตัวไม่ยุ่งกับใครยังรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนั้นไม่ได้...อาจเพราะในช่วงชีวิตอันยาวนานของเขา  เขาได้เห็นการตายของผีดูดเลือดมามากเกินไป  ทั้งคนแปลกหน้าและคนรู้จัก  ทั้งเด็กและผู้ใหญ่  พวกเขาไม่ได้ผิดอะไรเลย  เพียงแค่อยู่ผิดที่ผิดทางเท่านั้นเอง  ในตอนที่พิภพผีดูดเลือดล่มสลาย  ท่ามกลางความเศร้าโศกมีความโล่งใจซ่อนอยู่  อย่างน้อยเขาก็จะไม่ต้องเห็นความตายเช่นนั้นอีกต่อไป...กระทั่งเจ้าเด็กย้อนเผ่าคนนี้มาถึง...เขาจึงทำทุกอย่างที่จะรักษาชีวิตของเด็กคนนี้ไว้  แต่ดูเหมือนว่าอะไรก็จะไม่เป็นใจ...

“เจ  อาการของอาเดียเป็นไง...บ้าง...”  เทลลูเปิดประตูผลัวะเข้าไปพร้อมกับร้องถาม  แต่แล้วก็ต้องค่อย ๆ เงียบเสียงลง

เจประคองอาเดียไว้ในอ้อมแขน  โดยมีทาร์คกับเฟซีลยืนอยู่คนละด้านของเตียงด้วยสีหน้าลำบากใจ  บนพื้นมีน้ำยาสีเขียวเข้มเหมือนมรกตหกสาดกระจายอยู่  เทลลูมองหน้าเพื่อน ๆ อย่างงุนงง...เกิดอะไรขึ้นกับอาเดียอย่างงั้นหรือ...คิดแล้วหัวใจก็กระตุกวูบ  รีบปราดเข้าไปใกล้...อาเดียยังมีชีวิตอยู่  ทว่าหอบหายใจจนตัวโยน  เขี้ยวสีขาวตัดกับลิ้นและริมฝีปากที่กลายเป็นสีแดงจัด  มือที่จิกยึดเสื้อของเจไว้แน่นปรากฏเล็บยาวที่คั่งไปด้วยสีเลือด  และถ้าเทลลูไม่ได้คิดไปเอง  ผิวของอาเดียซีดเผือดลงกว่าที่เคยเห็น

...ร่างของอาเดียแสดงลักษณะของผีดูดเลือดเต็มตัว...

“...นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”  เทลลูกระซิบถาม  เอื้อมมือไปแตะแขนของอาเดีย...ร่างนั้นร้อนอย่างกับไฟ

“พวกเราเอายาให้ดื่ม  แต่ดื่มเข้าไปได้แค่นิดหน่อยก็ปัดแก้วทิ้งแล้วก็เป็นอย่างที่เห็น”  เฟซีลบอก

“ยาของพวกนายกระตุ้นเขาเหรอ?”  เทลลูเบิกตากว้าง  เขาไม่มีความรู้ด้านยา  แต่สิ่งที่เฟซีลพูดมันตีความไปได้แบบนั้น

“เปล่า...เขาแค่ฝืนทนต่อไปไม่ไหวแล้วเท่านั้นเอง”  คำตอบมาจากทาร์คที่ยืนเอามือกุมขมับอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“ฝืน...?”

“นายคิดว่านายจะทนปล่อยไอ้มนุษย์ที่หักหลังนายเมื่อ 50 ปีก่อนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกกี่ปี?”

“ปล่อยบ้าอะไร  ฉันฆ่ามันไปแล้ว”  จู่ ๆ ดวงตาของเทลลูก็เรืองวาบเมื่อคิดถึงความแค้นเมื่อกาลก่อน

“เห็นไหม...แล้วนายฆ่าหมอนั่นเพราะอะไร?  เพราะสัญชาตญาณบอกให้ทำใช่มั้ย?  นายไม่อาจทนปล่อยคนที่หักหลังตัวเองให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้เพราะนี่คือธรรมชาติของมนุษย์หมาป่า”  ทาร์คสบตาเทลลู  “ผีดูดเลือดก็เหมือนกัน  พวกเขาไม่อาจขาดเลือดได้เมื่ออยู่นอกพิภพของตัวเอง”

“แต่อาเดียทำได้  แล้วทำไม...?”

“ไม่หรอก  ไม่ใช่ทำได้”  เจเอ่ยขึ้นเบา ๆ  “หมอนี่แค่พยายามกดความต้องการของตัวเองไว้เพราะเห็นแก่พวกเราที่พยายามหาทางช่วยสุดความสามารถ...และเห็นแก่ตัวเองที่เป็นมนุษย์...แต่ถึงขีดสุดแล้วหละ”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ  มีแต่เสียงหายใจหอบถี่และเสียงครางด้วยความทรมานที่พยายามกดกลั้นเอาไว้ของอาเดีย...ต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนกันที่จะห้ามตัวเองไม่ให้ฝังเขี้ยวลงกับลำคอของคนรอบข้าง  ทั้งที่กระหายอยากจนเจียนคลั่ง...ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการยิ้มให้กับพวกเขา  ทั้งที่ในกายร้อนราวกับถูกแผดเผาด้วยไฟนรก...ผู้ชายคนนี้เป็นมนุษย์โง่เขลาที่น่านับถือที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยพบมาในชีวิต

“พวกนายออกไปก่อนเถอะ”  เจทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด

“คิดจะทำอะไรน่ะ  เจ?”  เฟซีลถาม

“ไม่ทำอะไรหรอก  แต่ให้ฉันอยู่กับหมอนี่ตามลำพังสักพักเถอะ”

“อย่าได้คิดจะให้เลือดกับอาเดียเชียวนะ  นายก็รู้ว่าไม่เคยมีผีดูดเลือดตนไหน...”  พูดยังไม่ทันจบก็ถูกตวาดลั่น

“ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรน่า!!  อย่าพูดมาก  เฟซีล  ออกไปซะ!  ถ้าพวกนายทำอะไรไม่ได้แล้วก็ออกไปซะ  ฉันมีวิธีของฉัน  ไม่ว่ามันจะได้ผลหรือไม่  อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ทำ!”

เฟซีลนิ่งอั้น  เขาไม่เคยเห็นเจโกรธขนาดนี้มาก่อน  แม้จะทะเลาะทุ่มเถียงกันอยู่ทุกวี่วัน  แต่เจก็ไม่เคยตวาดเขาด้วยเสียงกร้าวขนาดนี้...อาเดียคงจะมีความหมายอะไรบางอย่างกับเจมากทีเดียว

“เหอะ!  กล้าหันเขี้ยวใส่ฉันนะ  จำไว้แล้วกัน  ไอ้หมาบ้า”  พูดแค่นั้นแล้วเอลฟ์ผมแดงผู้งดงามก็ปึงปังออกจากห้องไป  ปล่อยให้ทาร์คกับเทลลูมองตามตาปริบ ๆ

“พวกนายด้วย...”

“เอ้อ...งั้น...เดี๋ยวฉันไปดูเฟซีลหน่อยนะ  แล้ว...เสร็จแล้วเรียกนะ”  เทลลูรีบเผ่นออกไปทันที  เขาไม่อยากมีปัญหากับเจนักหรอก  ถึงจะเป็นเผ่าเดียวกันแต่เขาก็ตัวเล็กกว่าเจเยอะ

“...งั้นฝากด้วยนะ  เจ”  ทาร์คพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็ออกจากห้องไป

หลังจากประตูปิด  ทั้งห้องก็เงียบลงอีกครั้ง

“...เจ...”  เสียงแหบโหยกระซิบเรียก

“หือ?”

“ไม่เอา...เลือด...นะ”  อาเดียเอ่ยคำว่าเลือดออกมาอย่างยากเย็นราวกับมันเป็นคำต้องห้าม

“...ไม่ให้หรอก”  ถึงขนาดนี้แล้วอาเดียยังฝืนทนได้  แล้วเขาจะทำลายความตั้งใจนั้นทำไม  “ไม่เคยมีผีดูดเลือดตนไหนดื่มเลือดมนุษย์หมาป่า  เพราะงั้นไม่ให้หรอก”

“ถ้า...ดื่มแล้ว...จะเป็นยังไง?”  มือเรียวสั่นระริก

“ไม่รู้สิ”

“จะเป็น...ผีดูดเลือด...ที่มีหูกับหาง...งอกออกมามั้ย?”  ถามแล้วก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะไอแห้ง ๆ ออกมา

“บ้า...หน้าตาคงน่าเกลียดพิลึก”  เจลูบผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มมือแผ่วเบา

“แค่...หมาป่า...ผิวซีด ๆ เอง”  ดวงตากลมที่ตอนนี้เป็นประกายสีแดงเหลือบมองหน้าเจ  “ถ้า...ฉันเป็น...มนุษย์หมาป่า...ก็ดีสิ...”

“ถ้าแบบนั้น  เราก็ไม่ได้เจอกันน่ะสิ”

“...นั่นสินะ...”

พูดจบอาเดียก็ขยุ้มเสื้อของเจแน่น  ยกมือขึ้นปิดปากแล้วเกร็งสะท้านไปทั้งตัว  เจกอดร่างนั้นไว้แน่น

“ไม่...เจ...ออกไป...”

“จะให้ไปไหนเล่า  นายทรมานขนาดนี้”

“ฉัน...ไม่...อยาก...”

“นายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก  ใจเย็น ๆ ไว้  อาเดีย...ฟังฉัน...ยังได้ยินใช่มั้ย?”  หมาป่าหนุ่มเขย่าคนในอ้อมแขนเบา ๆ  แล้วก็ได้รับการพยักหน้าน้อย ๆ แทนคำตอบ  “หลับตาซะ”

“ทำไม...?”

“เอาเถอะน่า  หลับตา”

อาเดียหลับตาลงอย่างว่าง่าย  แล้วก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเจกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู...แต่ในความรู้สึกของเขา  เสียงนั้นราวกับลอยมาจากที่ไกลแสนไกล

“หลับตาซะ  แล้วคิดถึงสถานที่ที่ทำให้หัวใจของนายชุ่มเย็น  ที่ซึ่งแสงจันทร์สาดส่องลงมาจับร่างของนายอย่างอ่อนโยน  แล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ...พร้อม ๆ กับลมหายใจของฉัน  ใจเย็น ๆ...ค่อย ๆ ปรับให้มันเข้ากัน...ช้า ๆ...”

เริ่มแรกก็ลำบากหน่อย  ด้วยลมหายใจของอาเดียเอาแต่จะหอบถี่ด้วยร้อนรุมอยู่ในร่าง  แต่ผ่านไปสักครู่ก็เริ่มทำได้ง่ายขึ้น  ในขณะที่ปรับจังหวะการหายใจให้เข้ากับเจ  โลกรอบตัวดูสงบนิ่ง  ลมหายใจของเจอุ่น  ทว่าทำให้ความรุมร้อนในร่างลดลงได้อย่างน่าแปลก  หูแว่วเสียงหัวใจที่เคยได้ยินเมื่อคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งที่แล้ว...แล้วความทุรนทุรายทั้งมวลก็ค่อย ๆ สงบลง...

เทลลูค่อย ๆ แง้มประตูห้องแล้วโผล่หน้าเข้ามาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  พอเจเงยหน้าขึ้นมาสบตาก็สะดุ้งแล้วรีบหดหัวกลับออกไป

“จะเข้ามาก็เข้ามาเถอะ  หมอนี่หลับไปแล้วหละ”  เจบอกพลางวางอาเดียลงนอน

“ได้เหรอ?”  เทลลูโผล่หน้ากลับมาอีก  พอเห็นเจพยักหน้าให้ก็รีบเข้ามาในห้อง

“นายทำยังไงน่ะ?”  เฟซีลที่รีบตามเข้ามาติด ๆ ถาม  อาเดียทรมานจนแทบจะนอนไม่ได้เลยมาหลายวันแล้วแท้ ๆ

“ก็แค่วิธีกล่อมเด็กหมาป่า”  เจยักไหล่

“อ๋อ  ไอ้วิธีนั่น...ตอนเด็ก ๆ พ่อทำให้บ่อย ๆ”  เทลลูทำหน้าแบบเพิ่งจะนึกออก  “ทำไมคนไม่เคยมีลูกอย่างนายถึงทำเป็นวะ  เจ?”

“แกคิดว่าฉันอายุเท่าไหร่กัน  เลี้ยงลูกเพื่อนมาหลายครอกแล้วเฟ้ย”

“แล้ว...มันจะได้ผลนานแค่ไหน?”  ทาร์คถามพลางดูอาการของอาเดีย...ดูท่าจะหลับสนิทดีทีเดียว

“ไม่รู้หรอก  แค่คิดว่ามันน่าจะทำได้เหมือน ๆ กัน  ก็ลองทำดู...แต่คิดว่าคงไม่นานนัก”

“ก็ดีกว่าทำอะไรไม่ได้เลย...”  เงือกหนุ่มถอนใจเบา ๆ  “ยังไงซะ  ระหว่างนี้ก็ฝากอาเดียด้วยนะ  เจ”

...

“ดูท่าจะยื้อต่อไปไม่ไหวแล้วสินะ”  เอลฟ์ผู้คุมหนึ่งในอำนาจของสภาสูงเดินเข้าไปในห้องที่ผู้วิเศษในชุดดำกำลังโปรยฝุ่นผงบางอย่างลงในหม้อน้ำยาสีม่วงเข้ม

“คงแบบนั้นแหละครับ”  ฮีธเพียงเหลือบมามองเล็กน้อยแล้วกลับไปง่วนอยู่กับน้ำยาต่อ

“หรือพวกเราตัดสินใจผิดไปเอง...”  ไฮเดลรำพึงเบา ๆ

“พวกเราแค่เห็นใจเด็กคนนั้นครับ  เพราะเขาไม่ได้มีความผิดอะไรเลย  แต่จะส่งเขากลับไปโลกมนุษย์ก็ไม่ได้  แถมภพของผีดูดเลือดก็ล่มสลายไปแล้ว”  มือที่คนน้ำยาหยุดนิ่งลง  “ทั้งที่เรารู้ดีว่าสัญชาตญาณไม่ใช่สิ่งที่จะสะกดหรือลบให้หายไปได้  แต่เราก็ลองทำ...เพื่อที่จะไม่ต้องฆ่าเขาทิ้ง”

“แต่นั่นกลับทำให้เขาทรมานกว่าที่ควรจะเป็นมากมายนัก”  ไฮเดลถอนใจเมื่อคิดถึงอาการของอาเดียที่ผ่านมา

“และคงถึงเวลาที่เราจะปล่อยเขาไปจากความทรมานนั้นเสียที”  ผู้วิเศษดำเป่าลมหายใจลงไปในน้ำยา  สภาพของมันแปรเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีดำสนิทหากทอประกายแสงประหนึ่งฟ้าประดับดาว

“น้ำยานั่น...”

“หวังว่าจะทำให้เขาหลับอย่างสงบ  และไม่ทรมานอีกต่อไป”

เสียงกึกกักดังขึ้นที่หน้าประตู  ฮีธรีบหันไปร่ายเวทย์แล้วกระชากมือไปด้านหลังเหมือนเวลาดึงเชือก  และเชือกที่มองไม่เห็นนั้นก็กระชากเอาเจ้าคนที่แอบฟังอยู่เมื่อครู่เข้าห้องมาด้วย

“คิดจะไปบอกใครเหรอ  เทลลู?”

“ก็ไปบอกพวกทาร์คน่ะสิ!”  หมาป่าหนุ่มดิ้นอยู่บนพื้น  พยายามสลัดเชือกล่องหนให้พ้นตัว  “นี่มันอะไรกัน?  พวกคุณคิดจะวางยาพิษอาเดียงั้นเหรอ?”

“มันควรจะจบได้แล้ว  เทลลู”  ไฮเดลเอ่ยอย่างเคร่งขรึมผิดไปจากทุกที

“ไม่!  มันเรื่องอะไรกัน  พวกคุณบอกว่าจะรักษาเขา  แล้วตอนนี้มาบอกว่าเป็นไปไม่ได้แล้วจะฆ่าเขาทิ้งงั้นเหรอ  มักง่ายไปหน่อยแล้ว”  เทลลูโวยวาย

“เทลลู  เธอก็เห็นว่าเขาทรมานมากแค่ไหน”

“มันต้องมีวิธีซี่!  เฟซีลกับทาร์คพยายามเต็มที่แล้ว  แล้วคนอื่น ๆ อีกด้วย  ทุกคนกำลังพยายามอยู่”

“ทุกคนพยายามทุกวิถีทางแล้วต่างหาก  และรู้แล้วว่าเราหมดหนทางแล้ว”  ฮีธตักน้ำยากรอกใส่ขวด  “และเธอเองก็รู้ดี”

“แต่แบบนี้มัน...”  เทลลูกัดริมฝีปากแน่น  เขาไม่อยากยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นนี้ได้

“อย่ารั้งเขาไว้ให้ทรมานมากไปกว่านี้เลย  ตัวเขาเองก็รู้ดี  ว่าสักวันวันนี้จะต้องมาถึง  เพียงแต่เขารอที่จะไปอย่างมีศักดิ์ศรีเท่านั้น...ด้วยศักดิ์ศรีของมนุษย์  ที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อสัตว์ร้ายกระหายเลือดในจิตใจของตน”

เทลลูหลับตา  ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาเงียบ ๆ...เขาทำเพื่ออาเดียได้เท่านี้จริง ๆ


“...เจ”  แทบไม่มีเสียงลอดจากริมฝีปากที่แห้งกรังนั้น  หากเจ้าของชื่อก็ได้ยิน

เจกระชับอ้อมกอดแน่น  ร่างในอ้อมแขนของเขาอ่อนปวกเปียกไปหมด  เล็บยาวที่เคยเป็นสีแดงระเรื่อกลับดำคล้ำ  ผิวกายซีดขาวจนแทบจะเห็นเส้นเลือดใต้ผิว  ดวงตาแดงก่ำจนดูราวกับว่าน้ำตาจะหยดออกมาเป็นเลือดได้  ความกระหายที่รุมร้อนเหมือนพิษไข้ทำให้ลำคอแห้งผากจนแทบไม่มีเสียง...กระนั้น  อาเดียก็ยังกระซิบเรียกเจ

“พอเถอะ...อย่าพูดอีกเลย...”

“เจ...ขอบคุณ...”

“ขอบคุณเรื่องอะไร  ฉันทำอะไรให้นายไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”  ใช่...เขาทำได้แค่กอดเอาไว้เท่านั้นเอง

“ถ้านาย...ไม่ไปเจอฉัน...ป่านนี้...ฉันคง...”  ชายหนุ่มพยายามสูดลมหายใจลึก  “...ขอบคุณ...นะ...”

“บ้าเอ๊ย...”  คำสบถนั้นฟังดูรวดร้าว  “ฉันทำเพื่อนายไม่ได้เลย...ฉัน...อะไรจะไร้ประโยชน์ขนาดนี้วะ!!”

“เจ...ดีแล้ว...เท่านี้...”  รอยยิ้มบาง ๆ จุดขึ้นที่ริมฝีปาก  “เพียงแต่...เสียดาย...ฉัน...อยากอยู่กับ...นาย...”

ถ้าอยากอยู่...ก็อยู่กับเขาสิ  มันเรื่องอะไรที่จะต้องจากเขาไปแบบนี้ด้วย...ไม่เอาแล้ว...จะกฎพันธุกรรมบ้าบออะไรเขาไม่สนอีกแล้ว  ผีดูดเลือดก็เป็นผีดูดเลือด  จะเลือดคนหรือเลือดหมาป่ามันก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ  ยังไงซะชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่ามนุษย์หมาป่า  แปลว่าต้องมีความเป็นมนุษย์อยู่ครึ่งหนึ่งละ...ขอให้เป็นเลือดที่จะรักษาชีวิตของอาเดียได้เถอะ  เขาให้ได้ทั้งนั้นแหละ...

หมาป่าหนุ่มกัดริมฝีปากของตัวเองเต็มแรง  แล้วประกบจูบป้อนเลือดที่หลั่งรินออกมาให้กับคนในอ้อมแขน  ครั้งแรก  อาเดียผวาดิ้น  แต่แล้วความฉ่ำเย็นที่โลหิตสีแดงนำพามาให้ทำให้เขาลืมหมดทุกอย่าง  แต่ยังไม่ทันได้ดื่มกินจนอิ่มหนำ  เจก็ถอนริมฝีปากออก

“เอาที่คอแทนมั้ย?”

“เจ...ทำไม...?”

“ดื่มเข้าไปเถอะ  ถ้านายกลายเป็นหมาป่าประหลาด  ฉันจะดูแลนายเอง  หรือถ้านายจะต้องการเลือดไม่สิ้นสุด  ฉันก็จะให้นายเอง  เพราะงั้นดื่มเข้าไปซะ  แล้วอยู่ข้าง ๆ ฉัน  ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น  จะโลกมนุษย์หรือภพภูมิไหน ๆ ก็ไม่ต้องไปทั้งนั้น  อยู่ข้าง ๆ ฉันตรงนี้  เข้าใจมั้ย?”

“เจ...?”  ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“ดื่มซะ...แต่ค่อย ๆ นะ  ถ้าฉันตายขึ้นมา  ต้องอยู่คนเดียวนะ”

“อะ...อื้ม...จะพยายาม...”


“ดูท่ายาจะเป็นหมันแล้วนะ  ฮีธ”

“ครับ...แต่แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

“จะว่าดีก็ดีหรอกน้า...แต่ถ้าวันไหนเจ้าเจมันโลหิตจางขึ้นมาจะทำยังไง?”

“ยาเพิ่มเลือดปรุงง่ายกว่ายาสะกดสัญชาตญาณครับ”

“งั้น...ก็วานหน่อยนะ”

“บอกทาร์คกับเฟซีลเถอะครับ  สองคนนั้นก็ทำเป็น”

“งั้นเตรียมเทลลูไว้เป็นตัวสำรองหน่อยก็ดี...เผื่อปรุงยาไม่ทัน...”

“ไหงงั้นล่ะครับ  คุณไฮเดล!!!!”




แนวคิดด้านชาติพันธุ์และโลกหลายจักรภพจาก  “ผจญภัยในแดนเงือก”  ของ  Pieretta Dawn
15 – 5 – 2553
HAKURO

ปล. ถามว่า...ถ้าหากเรื่องสั้นของผมจะเป็นตัวละครที่ชื่อซ้ำๆกันไปหมดทุกเรื่อง คนอ่านจะว่ายังไงครับ?
คือส่วนมากผมเขียนเป็นฟิคเจร็อคก่อนแล้วมาแปลงชื่อเอาน่ะครับ มันก็เหมือนใช้ดาราชุดเดิมแต่เปลี่ยนบทบาทเท่านั้นเอง

ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #5 เมื่อ20-03-2012 22:52:52 »

น่าติดตามค่ะ บางจุดใช้คําผิดนิดหน่อย

เรารอตอนต่อไปนะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #6 เมื่อ20-03-2012 23:05:24 »

ชอบอ่ะ จะมีต่อไหมครับ สักนิดก็ยังดี แอบนึกถึงอันเดอร์เวิลร์ o18

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #7 เมื่อ20-03-2012 23:11:50 »

ชอบบบบบบบบบบบบบบบ เจิมรอตอนต่อไปค่า

LUCKY STAR

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #8 เมื่อ21-03-2012 10:27:33 »


THANK  YOU


ออฟไลน์ loveooo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #9 เมื่อ21-03-2012 10:54:39 »

ชอบอ่ะ  เรื่องน่ารักมากๆ  เจกะอาเดียน่ารักเวอร์
แต่น่าจะมีตอนพิเศษนะคะ  จะรอเรื่องอื่นๆด้วยนะคะ  ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
« ตอบ #9 เมื่อ: 21-03-2012 10:54:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #10 เมื่อ21-03-2012 12:04:52 »

ดีจัง นึกว่าจะจบเศร้าซะแล้ว

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #11 เมื่อ21-03-2012 12:09:15 »

แปลกใหม่ และสนุก น่าสนใจดีจัง
แต่แหม หวานน้อยไปหน่อยอ่ะ เรื่องหน้าขอเติมน้ำเชื่อมเยอะหน่อยนะจ๊ะ
+1+เป็ดจ้า

ออฟไลน์ DeJavu~ ★

  • มาเฟียแสนซน กะชีคผู้เคร่งขรึม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-9
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #12 เมื่อ21-03-2012 13:20:47 »

ชอบมากอ่าน แนวแฟนตาซี

ไม่มีต่ออีกเลยเหรอ

แนะนำให้ทำเป็นเรื่องยาว

ชอบมากๆๆ แต่น่าจะมีฉากหวานๆเยอะกว่านี้หน่อย

ขอบคุนครับ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #13 เมื่อ21-03-2012 14:37:26 »

เรื่องน่ารักจัง :pig4:

ออฟไลน์ ratrirattikan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #14 เมื่อ21-03-2012 15:17:59 »

อันที่จริงเอาที่เป็นฟิคมาลงเลยก็ได้นะคะ ชื่อซ้ำก็ไม่เป็นไรหรอกเน้อ
เราชอบอ่านเรื่องสั้นของท่านนา มีหลายอารมณ์ดี...

ออฟไลน์ maiouar

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #15 เมื่อ21-03-2012 17:38:32 »

ชอบเรือ่งแนวๆนี้จัง ขอบคุณมากเลย น่ารักสุดๆ~

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #16 เมื่อ21-03-2012 19:43:57 »

ชอบแนวนี้มาก ๆ ค่ะ ซึ้ง

Beast12honey

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #17 เมื่อ25-03-2012 01:34:38 »

แฟนตาซีคร่อดๆ ชอบเว่อร์ๆ หึหึหึ

ออฟไลน์ beebutta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #18 เมื่อ22-05-2012 00:16:14 »

 o13
สนุกมากชอบแนวนี้จร้า

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #19 เมื่อ22-05-2012 02:56:09 »

น่ารักดีอะ ตลกเทลลูตอนท้ายนี่แระ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
« ตอบ #19 เมื่อ: 22-05-2012 02:56:09 »





tippy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #20 เมื่อ22-05-2012 07:04:13 »

ชอบบบบบบบบบบบบบบ สนุกอ่ะ ขอตอนพิเศษหน่อยสิคะ o13

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #22 เมื่อ22-05-2012 19:59:06 »

ผีดูดเลือดมีหูกับหาง  :a5:  เอิ่ม ถ้างั้นคงได้มีการอนุรักษ์พันธุ์หาอยากกันแล้วล่ะ   :jul3:
                        :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #23 เมื่อ22-05-2012 20:27:16 »

จะชื่อซ้ำหรือไม่ซ้ำไม่เป็นปัญหาเลย
เพราะเนื้อเรื่องของคุณไม่ได้ซ้ำกับใคร
ชอบครับ บวกเป็ด บวกคะแนนแล้วคนับ
ไจฟ์

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #24 เมื่อ22-05-2012 21:53:25 »

ชอบมากเลยครับ แต่ต่อเรื่องนี้อีกนิดนะครับ ส่วนชื่อซ้ำไม่เป็นไรครับขอแค่เรื่องน่าอ่านแบบนี้ก็พอครับ

Tasaitatsu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #25 เมื่อ29-05-2012 20:58:54 »

แนวนี้มันเป็นแนวที่ผมชอบมาก
พวกเทพนิยาย ผีดูดเลือด มนุษย์หมาป่า
และแนวนี้เป็นอะไรที่เขียนยากเช่นกัน
ตอนแรกนึกว่าจะจบเศณ้าเสียอีก
เพราะไลเคนท์กับแวมไพร์มักจะมีจุดจบที่เศร้าโศกเสมอ
ดีใจที่มันไม่จบแบบเศร้าๆ

ขอบคุณครับผม ^______^

ออฟไลน์ Salome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 343
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #26 เมื่อ29-05-2012 21:19:18 »

ไม่ต่ออีกสักหน่อยเหรอคะ เนื้อเรื่องแปลกแหวกแนวดีค่ะ
อยากอ่านต่อ ว่าจะดูดเลือดกันเพลินละเปล่า ชอบค่ะ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #27 เมื่อ30-05-2012 09:12:44 »

คนเขียนเขา "อ่อน"หวาน...ไปหน่อย เพราะกำลังลดความอ้วน...(เกี่ยวไหม)
และเพราะเป็นแฟนตาซีไม่หวานมากคงไม่เป็นไร แต่จบแบบแฮปปี้ก็ "น่าจะ" โอเคนะ
ภาคต่อ...คาดว่าน่าจะยาว...วไกล (คนเขียนไม่มีเวลา+อารมณ์จินตนาการที่ต้องบิ้วมาก)



ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #28 เมื่อ01-06-2012 23:22:16 »

^
^
^
ผมแค่กำลังเขียนเรื่องยาวเท่านั้นเองน่า

ไม่สัญญาเรื่องภาคต่อครับ เพราะตอนวางพล็อตคิดไว้แค่นี้  แหะๆ

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
«ตอบ #29 เมื่อ24-06-2012 23:36:11 »

ชอบอ่ะ  ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด