ตอนที่ 16ผมต้องมานั่งไขว่ห้างกอดอกเป็นคุณชายหน้าบูดอยู่หน้าห้องจ่ายยา รอไอ้คนบ้าอำนาจที่สั่งให้นั่งรอเฉยๆเพราะมันจะเป็นคนจัดการทุกอย่างให้เอง เดี๋ยวเถอะผมจะให้มันอุ้มไปส่งให้ถึงรถเลยชอบบริการนักนี่ครับ แต่ก็แอบกลัวว่ามันจะทำจริงๆอยู่เหมือนกันเลยได้แต่นั่งนิ่งมองไอ้หมอภีมมันจัดแจงทุกอย่างให้ สาวน้อยสาวใหญ่ที่อยู่ในห้องจ่ายยายิ้มแย้มต้อนรับไอ้หมอตัวโตกันใหญ่เลยครับ แล้ววันนี้ผมจะได้กลับบ้านมั้ยเนี่ยผมล่ะเซ็งหรือผมจะหนีกลับก่อนดีวะครับ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะลุกเดินออกไปดั่งใจคิดก็ต้องนั่งนิ่งจับตามองภาพตรงหน้าแทน เพราะมีสาวสวยในชุดกาวน์ตัวยาวผมยาวสลวยเดินไปประชิดตัวไอ้หมอภีม และส่งยิ้มหวานละลายใจไปให้มันด้วย ขนาดผมที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังแทบละลายแล้วไอ้คนที่ได้รอยยิ้มโดยตรงมันจะไม่คิดอะไรเลยเหรอครับ ผมว่าหน้าคุณหมอคนสวยนี่คุ้นๆอยู่นะหรือจะเป็นคนเดียวกับที่ผมเคยเจอว่ายืนคุยกับไอ้หมอภีมมัน ท่าทางทั้งคู่คงจะสนิทกันน่าดูเพราะถึงเนื้อถึงตัวกันท่ามกลางสายตาผู้คนรอบข้างขนาดนี้ มันคงลืมแล้วล่ะว่าต้องเอายามาให้ผมที่นั่งหัวโด่รออยู่ เอาวะครับในเมื่อมันลืมผมกลับบ้านก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนผมไม่ได้งอนนะครับอย่าเข้าใจผิดเบื่อที่จะรอต่างหาก ผมหมุนตัวเดินออกไปทางประตูและต้องชะงักกับเสียงหวานใสที่ส่งเสียงเรียกชื่อตัวเองดังลั่น
“ธี!! โอ้ยยย ดีใจจังใช่ธีจริงๆด้วย” เจ้าของเสียงใสเป็นสาวน้อยหน้าหมวยไว้ผมซอยสั้น ยิ้มตายิบหยี ยื่นมือมาเกาะแขนผมแน่นเลย และผมไม่ต้องใช้เวลานึกนานก็จำได้ทันที
“เหมย! ไปไงมาไงครับ” ด้วยความดีใจผมจึงคว้ามือนุ่มที่เกาะแขนตัวเองมากุมไว้แทน จะไม่ให้ดีใจได้ยังไงครับ ‘เหมย’ เนี่ยแฟนคนแรกของผมเลยนะครับ ผมสำรวจดวงหน้าใสที่ดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าแต่ก่อน ดูท่าทางเธอจะยังมีความสุขดีนะครับเนี่ย
“ธีล่ะเป็นอะไรไม่สบายรึเปล่า ถึงมาโรงพยาบาลได้” ใบหน้าใสของเหมยเริ่มเคร่งและมีแววตากังวลจนเห็นชัด พร้อมสำรวจทั่วใบหน้าและกวาดตามองร่างกายผมไปด้วย เหมือนต้องการหาว่าผมนั้นผิดปกติตรงไหน จนผมอดเอ็นดูไม่ได้ต้องยกมือลูบหัวทุยที่มีผมสั้นนิ่มมือของเหมย เมื่อเจ้าของแววตาติดกังวลคู่นี้เงยสบตาเข้าผมจึงส่งยิ้มปลอบใจไปให้แทน
“ธีไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ปวดหัวนิดหน่อยครับ เหมยต่างหากเป็นอะไรถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้” ผมโยกหัวเหมยไปมาจนเธอคลายกังวลและคงดูออกล่ะว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่คิด เหมยก็ส่งยิ้มหวานมาให้ผมแทนและดูเหมือนหน้าจะขึ้นสีระเรื่อด้วยครับ ในสายตาผมนั้นเหมยยังน่ารักไม่เปลี่ยนจริงๆ
“เหมยก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกธี ก็แค่มีความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายนิดหน่อยน่ะ” สาวยิ้มสวยยังคงยิ้มหวานและเอามือลูบท้องตัวเองไปมา
ผมมองท่าทางที่สื่อพร้อมคำพูดเป็นนัยของเหมย ก็ให้ตกใจปนดีใจมากที่รู้ว่าสาวยิ้มสวยของผมคนนี้เค้ากำลังจะได้ของขวัญล้ำค่าที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะพึงมีได้ ผมฉีกยิ้มกว้างและคว้าตัวสาวน้อยหน้าหมวยมากอดเต็มอ้อมแขนและโยกตัวเธอไปมาเบาๆ เราหัวเราะให้กันกับสิ่งที่น่ายินดีนี้ แต่ผมต้องผละจากเหมยเพราะเสียงห้าวดุที่ดังใกล้ตัวผม
“ธี!!” ผมหันหน้าไปพบคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไอ้หมอภีมมันทำหน้าเครียดตาดุมาทางผมก่อนหันไปมองสาวน้อยของผมด้วย
ผมเหลือบมองด้านหลังของมันก็พบว่ามีสาวสวยในชุดกาวน์ยืนอยู่ จึงตัดสินใจคว้าเอวคุณแม่ยังสาวมากอดไว้และจ้องตามันกลับไป ส่วนมันก็ส่งสายตาดุเข้มกว่าเดิมมาให้ผม เรายืนจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“เอ่อ ธีจ๊ะ ธีรู้จักคุณหมอใช่มั้ยเอ่ย สวัสดีค่ะเหมยค่ะ” ผมก้มมองหน้าเหมยและพยักหน้าให้ ก่อนที่สาวหมวยของผมเค้าจะเอ่ยแนะนำตัวเองกับคนตรงหน้า
“ครับ สวัสดีครับผมภีมยินดีที่รู้จัก คุณเหมยมาติดต่ออะไรที่โรงพยาบาลครับ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ” ไอ้หมอภีมมันยิ้มการค้าไปให้เหมย และแอบส่งสายตาดุมาทางผมด้วย ผมก็มองเมินไม่คิดจะสนสายตาของมันหรอกครับ ถ้าไม่ติดว่าผมเจอเหมยนะป่านนี้ผมคงขับรถออกไปจากที่นี่แล้ว ไม่ต้องมาโดนมันมองเหมือนโกรธผมมากมายอยู่แบบนี้ ความจริงแล้วผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายโมโหมัน
“เหมยไม่รบกวนหมอภีมหรอกค่ะ เหมยแค่มาฝากท้องและก็เรียบร้อยหมดแล้วล่ะ” รอยยิ้มสวยถูกส่งไปให้คนตรงหน้าที่ตอนนี้ยืนนิ่งและค่อยๆส่งยิ้มแหยแบบคนรู้สึกผิดออกมา
“อุ้ย!! ธีจ๊ะเหมยต้องไปแล้วตี้เอารถมาจอดหน้าโรงพยาบาลแล้วล่ะ เหมยดีใจนะที่เจอธีวันนี้แล้วโทรหาเหมยบ้างนะ” ผมก้มมองใบหน้าใสที่ผมยังคงประทับใจในความน่ารักของเธอก่อนส่งยิ้มจริงใจไปให้
“รับทราบครับผม คุณแม่คนใหม่ดูแลตัวเองดีๆนะครับ” ผมขยี้หัวทุยเบาๆจึงเรียกรอยยิ้มหวานเต็มหน้าจากเหมยได้
หลังจากล่ำลากันแล้วสาวน้อยหน้าหมวยก็เดินออกไปพร้อมโบกมือและส่งยิ้มหวานมาทางผมกับไอ้หมอบ้าข้างๆ เมื่อลับร่างเล็กของเหมยแล้วผมก็เดินเร็วๆไปอีกทางที่ผมจอดรถทิ้งไว้
“ธี!! รอพี่ด้วย / อ้าว ภีมจะไปไหนคะ ภีม” ผมได้ยินสองเสียงอยู่ด้านหลังแต่ไม่คิดจะหันไปสนใจ เร่งฝีเท้าตัวเองมาจนเกือบจะถึงรถอยู่แล้วเชียว แต่โดนมือใหญ่แรงช้างยึดไหล่ไว้ซะก่อนและถูกดึงมาหลบหลังเสาต้นใหญ่
“จะรีบไปไหนครับ ธียังไม่ได้ยาเลยนะ” คนตัวใหญ่ตรงหน้าจับตัวผมให้เอาหลังพิงเสาไว้ มือหนึ่งยึดไหล่ส่วนอีกมือก็ชูถุงยามาตรงหน้าผมด้วยใบหน้าประดับยิ้มออดอ้อน ผมที่เห็นรอยยิ้มไม่ได้ใจอ่อนอย่างที่คนส่งยิ้มมันต้องการหรอกครับ แต่อยากส่งหมัดตรงกระแทกหน้ามันมากกว่า ให้สมกับที่มันเป็นต้นเหตุของความหงุดหงิดใจของผมในขณะนี้ จึงกระชากถุงยาจากมือมันมาถือไว้เอง
“งั้นผมไปได้แล้วใช่มั้ย” ผมยื่นถุงยาที่แย่งมาได้ไปตรงหน้ามันและปัดมือใหญ่ออกจากไหล่ตัวเอง
“อย่าเพิ่งไปครับ ธีโกรธที่พี่ทำตัวแย่ๆแบบนั้นกับเพื่อนธีรึเปล่า ยกโทษให้พี่ก่อนนะครับพี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ก็แค่....... ‘หึง’ ธีมากไปหน่อย ก็เล่นมากอดผู้หญิงอื่นต่อหน้าพี่ทำไมกันล่ะ” ไอ้คนพูดมากมันยึดข้อมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อยกันไปง่ายๆ ผมที่ได้ฟังนอกจากจะหงุดหงิดไม่หายแล้วยังหมั่นไส้กับเสียงออดอ้อนของมันเพิ่มอีกด้วย ไอ้ท่าทางและคำพูดแบบนี้ของมันคงใช้กับใครเค้าไปทั่วไม่ใช่แค่กับผมแน่นอนครับ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีผู้หญิงห้อมล้อมมันมากขนาดนั้นหรอก
“ปล่อยผมเถอะ ผมเหนื่อยอยากกลับบ้านไปพักแล้ว” ผมเลือกที่จะพูดนิ่งๆเสียงเรียบๆมากกว่าจะโวยวายให้มันมาเอาเปรียบผมได้ และดูเหมือนผมจะตัดสินใจถูกเพราะมันค่อยๆคลายแรงจากข้อมือ ใบหน้านิ่งแววตาไหววูบอย่างคนรู้สึกผิด
ผมเลือกที่จะไม่มองหน้าไอ้หมอภีมต่อเพราะไม่อยากใจอ่อนตอนนี้จึงเลือกหมุนตัวเดินออกมา แต่ทำไมผมถึงรู้สึกใจหายนิดๆที่มันไม่ยอมรั้งตัวผมไว้กันครับ จนเข้ามานั่งในรถแล้วนั่นแหละจึงมีเสียงเคาะกระจกฝั่งที่ผมนั่ง และคนที่เคาะก็เป็นคนเดียวกับที่ทำให้ผมใจหาย ไอ้หมอภีมมันก้มหน้ามาระดับเดียวกับใบหน้าผม แววตาง้องอนของมันทำเอาผมใจอ่อนจนได้ซิครับจึงต้องยอมลดกระจกลง
“ขับรถดีๆนะครับพี่เป็นห่วงธีนะ เดี๋ยวพี่โทรหา ธีช่วยรับโทรศัพท์พี่ทีนะครับ” มันจ้องหน้าผมนิ่งแววตาที่รอคอยคำตอบ ทำเอาผมต้องหันหน้าหนีและพยักหน้าเพียงนิดตอบกลับ ก่อนจะรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆบริเวณแก้มและสัมผัสนุ่มของริมฝีปากก็ตามมา ผมยันใบหน้าหล่อใสของไอ้คนฉวยโอกาสออกไป
“โว้ยยย อยู่กับเฮียทีไรผมเสียเปรียบทุกที” ผมตะโกนใส่หน้าไอ้หมอภีมก่อนกดกระจกรถขึ้น และออกรถจากช่องจอดทันที ภาพจากกระจกส่องหลังทำให้ผมได้เห็นรอยยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวของไอ้คนที่มันเพิ่งขโมยหอมแก้มผมไปจนอดยิ้มกว้างตามไม่ได้ มือก็ลูบแก้มข้างที่โดนขโมยจูบไปด้วย ‘นี่ผมเคลิ้มไปกับมันรอยยิ้มแล้วเหรอครับ’
............................................................................
“ผลตรวจเป็นยังไงบ้าง เป็นอะไรมากรึเปล่า” เสียงห้าวของเฮียธัชดังขึ้นเมื่อเจ้าของเสียงเดินมาถึงห้องอาหาร ผมเงยหน้าส่งยิ้มเป็นทัพหน้าไปให้
“ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอกเฮีย แค่กะโหลกร้าวอาการปวดหัวกำเริบน่ะ” ผมใช้เสียงกวนๆตอบไปไม่อยากให้คนที่รอฟังคำตอบต้องกังวลใจ
“กะโหลกร้าวเนี่ยนะที่ไม่เป็นอะไรมาก แล้วมึงไปโดนใครฟาดมา” เฮียธัชทำเสียงตกใจและเข้ามาจับหัวผมพลิกไปมา นี่ถ้าผมเพิ่งโดนฟาดมาได้ตายคามืออาเฮียเป็นแน่แท้
“โฮ เฮียก็ ผมไม่ได้เพิ่งโดนใครฟาดหัวมาซะหน่อย น่าจะเป็นรอยที่เกิดตั้งแต่ตอนมัธยมล่ะมั้ง” ผมเอาหัวหลบมือของเฮียธัช ก่อนแจ้งรายละเอียดให้เฮียรู้ ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากเฮียธัชดังขึ้นมา ก่อนเฮียจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“แล้วไปเจอไอ้ภีมมันได้ยังไง มันถึงโทรมาบอกเฮียได้” ผมแทบปล่อยช้อนหลุดมือดีที่ตั้งสติทัน แอบมองหน้าเฮียธัชว่าแกเริ่มสงสัยอะไรรึเปล่า แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร เฮียธัชก้มหน้าตักข้าวเข้าปากไม่ได้มองมาที่ผมด้วยซ้ำค่อยยังชั่วหน่อย
“ไปเจอกันโดยบังเอิญน่ะ แล้วเฮียภีมเค้าก็อาสาตรวจให้เอง” ผมทำเป็นไม่ใส่ใจมากนักให้เหมือนว่าเราบังเอิญเจอกันจริงๆ เฮียก็แค่พยักหน้าและพึมพำว่าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ผมล่ะโล่งใจที่เฮียไม่ผิดสังเกตเรื่องของผมกับเพื่อนสนิทของเฮีย เรานั่งกินข้าวกันไปแล้วก็คุยเรื่องออเดอร์สินค้าของโรงงานอีกนิดหน่อยจนอิ่มมื้อเย็น
“เฮียธัช เฮียพอจำเรื่องที่ผมโดนฟาดหัวเมื่อมัธยมได้มั้ยอ่ะ ว่ามันเกิดตอนไหนยังไงผมลืมไปแล้ว เผื่อมีอาการปวดหัวขึ้นอีกผมจะได้ให้ประวัติได้ถูก นี่ผมก็ตอบคำถามเพื่อนเฮียไม่ได้เลยอ่ะ” ผมอยากจะรู้เรื่องอุบัติเหตุคราวนั้นเพราะยอมรับเลยว่าผมจำอะไรไม่ได้จริงๆ เหมือนความทรงจำผมหายไปช่วงหนึ่งน่ะครับ เฮียธัชมองหน้าผมแวบหนึ่งก็ทำท่านึกย้อนอดีต
“มันก็นานมาแล้วว่ะชักจะลืม ตอนนั้นที่มึงโดนตีหัวเฮียจบมอปลายพอดี เตี่ยกับหม่าม้านี่วิ่งกันให้วุ่นกลัวมึงจะตายน่ะ เพราะสลบไปนานมากตื่นมาก็ดูท่าเบลอๆแต่ก็ยังจำทุกคนได้ หม่าม้านี่วิ่งแก้บนรอบกรุงเทพเลยก็เล่นไปบนทุกที่ที่เค้าว่าศักดิ์สิทธิ์น่ะ ฮึๆๆ ไอ้อาการกะโหลกร้าวของมึงคงเกิดจากตอนนั้นนั่นแหละ ส่วนไอ้คนที่ตีหัวก็เป็นเด็กโรงเรียนเก่ามึงที่มีเรื่องกันก่อนที่จะย้ายมาโรงเรียนกูไง เตี่ยกับหม่าม้าไม่อยากเอาเรื่องเห็นว่ายังเรียนอยู่เลยปล่อยไปแต่ก็ให้คนจับตาเด็กๆพวกนั้นสักพักพอเห็นว่ามันไม่คิดจะมาอะไรกับมึงอีกก็เลิกตาม แล้วมึงไปมีเรื่องอะไรกับพวกนั้นวะถึงได้แค้นใจขนาดนั้น”
ผมไม่ได้ตอบคำถามเฮียธัชเพราะกำลังคิดถึงสิ่งที่เฮียธัชพูดมาทั้งหมด ตั้งแต่สาเหตุของกะโหลกร้าวที่ทำให้มีอาการปวดหัวรุนแรงรวมถึงไอ้คนที่เป็นคนฟาดหัวผมด้วยนั้น จะบอกว่าผมจำได้แค่ช่วงที่มีเรื่องกับไอ้นักเรียนรุ่นเดียวกันที่โรงเรียนเก่าสาเหตุเพราะแฟนมันมาชอบผมและขอเลิกกับมัน แต่ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นมันเลยเป็นเดือดเป็นแค้นมาหาเรื่องกับผม เราเลยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันจนผมต้องย้ายโรงเรียนมาเรียนที่เดียวกับเฮียธัช แต่ผมก็จำเหตุการณ์ตอนที่ชกต่อยกับไอ้นั่นไม่ได้เลยครับ ผมจะจำได้อีกทีก็ตอนที่รู้สึกตัวที่โรงพยาบาลหลังสลบไปหลายวันนั่นแหละ สรุปว่าความจำของผมมันหายไปสักสี่เดือนคือเทอมสองของช่วงมอสี่ที่ผมย้ายไปโรงเรียนเดียวกับเฮีย ดังนั้นผมจะจำบรรดาเพื่อนๆเฮียธัชไม่ได้ก็คงไม่แปลก แล้วทำไมผมถึงจำสี่เดือนนี้ไม่ได้กันครับ ที่สำคัญมันต้องเกี่ยวกับไอ้หมอภีมคนที่มีอิทธิพลกับผมมากในช่วงนี้มาเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ เพราะอยู่ๆวันนี้ที่ผมมีอาการปวดหัวรุนแรงมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นเพราะไอ้หมอมันเล่าเหตุการณ์ตอนที่ผมกับมันเจอกันครั้งแรกก่อนนั่นเอง กุญแจที่จะไขเรื่องความจำเสื่อมของผมให้กระจ่างได้คือไอ้หมอภีมคนเดียว ผมตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะต้องรู้ให้ได้ว่าสี่เดือนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้างกันแน่ และผมคงต้องให้หมอภีมเล่าเรื่องของผมที่มันรู้ช่วงสี่เดือนนั้นครับ ผมคงจะค่อยๆจำได้ขึ้นมาเอง
“เอ้า หน้าเครียดไปหมดแล้ว เออค่อยๆคิดไปแล้วกันระวังจะปวดกะโหลกขึ้นมาอีก ทำไมถึงพึ่งอยากรู้ไอ้เรื่องที่ลืมไปล่ะ แต่ก่อนไม่เห็นจะสนใจนี่หว่า” เฮียธัชเหมือนแค่บ่นออกมาไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังอะไร จึงทำให้ผมแค่ยักไหล่ให้และนิ่งเงียบเหมือนเดิม จะให้ตอบว่าเพราะเพื่อนเฮียนั่นแหละที่มันกระตุ้นให้ผมอยากรู้ก็กระไรอยู่ คงได้โดยเฮียธัชจับได้กันพอดีซิครับ
“คืนนี้ธีออกไปไหนมั้ย หน้าเครียดๆไปผ่อนคลายหน่อยไป” เรามานั่งกันที่โซฟาหน้าทีวีเปิดดูรายการทีวีเป็นเพื่อน พักเดียวเฮียธัชที่คงเห็นผมเงียบกว่าเคยเลยออกปากไล่ให้ออกเที่ยวซะอย่างนั้น
“ก็ดีเหมือนกันนะเฮีย เบื่อๆพอดีเลย งั้นขอตังค์หน่อยดิ ฮึๆๆ” ผมแบมือออกไปตรงหน้าอาเฮียที่ตอนนี้หน้าบึ้งสนิท แต่ก็ยอมควักกระเป๋าส่งเงินมาให้ผม
“โตจนหาเงินได้แล้วยังจะไถเงินกูอีก เอ้าเอาไป กูเห็นว่าวันนี้หน้ามึงไม่ค่อยดีนะเลยยอมควักให้ อย่าเครียดมากนักนะมึงเดี๋ยวหน้าจะแก่ก่อนเฮียอย่างกู ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะก้องของเฮียธัชดังขึ้นอย่างถูกใจที่ได้แกล้งหยอกน้องชายอย่างผมให้หน้าบูดได้ ผมล่ะอยากสะบัดบ๊อบงอนเฮียอย่างสาวๆสมัยนี้ซะจริง
“ชวนมนคนสวยไปเที่ยวดีกว่า ไหนๆก็ได้เงินมาเที่ยวฟรีแล้ว” ผมตบเงินเข้ากับฝ่ามือยิ้มย่องเมื่อนึกถึงเสียงเพลง และเพื่อนสาวคนสนิทที่ไม่ได้เที่ยวด้วยกันมานานแล้ว
อย่าหาว่าผมลำเอียงไม่ชวนเพื่อนสนิทคนอื่นเลยครับ ถึงชวนไปพวกมันก็ไม่ว่างมากันหรอก ‘ไอ้พวกติดเมีย’ พวกนั้นน่ะ ขอไปเที่ยวตามประสาคนโสดกับ ‘มน’ ดีกว่าครับ แต่เอ๋เหมือนผมลืมอะไรไปน้อแต่ไหนๆก็จำไม่ได้ตั้งสี่เดือนลืมๆคำพูดใครบางคนไปบ้างก็ได้ขอเที่ยวก่อนดีกว่า ว่าแล้วก็ขอโทรหาเพื่อนสาวคนสนิทก่อนครับ และมนก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังตอบรับมาอย่างง่ายดาย เราจึงนัดกันว่าผมจะขับรถไปรับมนที่บ้านก่อนออกไปเที่ยวด้วยกัน
..........................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
ตอนนี้ก็เบาๆ พ่อแง่พ่องอนกันไปเนอะ ดู๊ดูตี๋น้อยพัฒนา
ใหญ่แล้วมีการงอนเฮียอย่างโจ่งแจ้งจนเฮียต้องตามง้อด้วย
ส่วนใครที่เริ่มสงสัยอยากรู้อดีตที่ถูกลืมของอาตี๋คงต้องตาม
ต่อไปค่ะ รอก่อนๆ ^^
ตอนหน้าเมื่อตี๋น้อยหนีเที่ยวฝืนคำสั่งเฮียจะเกิดไรขึ้นน้า
ถ้าอยากรู้ต้องติดตามต่อค่ะ โฮะๆๆ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์เหมือนเดิม เจอเฮียภีมกะตี๋น้อยวันอังคารค่ะ
ปล.2 เผื่อใครที่ยังไม่ได้อ่านคู่แม็คนัท อัพ(เมื่อวานนี้)แล้วนะคะตามอ่านได้ที่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29669.0