- 2 - ยี่สิบนาทีผ่านไปยังไม่มีวี่แววของลูกแก้ว เขาเกือบตัดสินใจออกคำสั่งพาลูกน้องทั้งหมดบุกคฤหาสน์คลังสมบัติอยู่รอมร่อ ฉับพลันมีรถแล่นเข้ามาด้วยความเร็วสูง พุ่งเข้ามายังใจกลางที่พวกเขาแอบซุ่มอยู่ ก่อนจะเบรกจนฝุ่นตลบ ลูกแก้วมากับรามูนในชุดอำพรางหน้าตาพากันเปิดประตูก้าวลงมาคนละฝั่ง
“ลูกแก้ว..รามูน” เสียงครางเรียกพวกเขาดังขึ้นเกือบจะพร้อมกัน มังกรไม่รอช้ารีบออกจากที่ซ่อนทันที แต่ลูกแก้วตะโกนห้ามไว้เสียก่อน
“ซ่อนตัวไว้..เร็วววว!!” ท่าทางรามูนอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด เขาวิ่งเยาะๆหายไปในความมืด สร้างความสงสัยให้มังกรไม่น้อย ลูกแก้วไขความกระจ่างหลังวิ่งเข้ามาหลบอยู่ข้างเขาว่า
“พ่อได้รับบาดเจ็บ เราต้องรับมือพวกมันซึ่งไล่ตามผมมา” เนื้อตัวหน้าตาลูกแก้วขะมุกขะมอมเหงื่อโทรมดูไม่จืด
“แล้วเราบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” มังกรถาม เผลอเอามือไปสัมผัสร่างกายอย่างอ่อนโยนอีกต่างหาก ลูกแก้วยิ้มกว้างไม่คิดว่ามังกรจะห่วงเขาจนลืมสนใจสายตาลูกน้องที่มองกันอยู่ แม้แต่พยัคฆ์กับคงคายังแอบสบตากันเงียบๆ
“ถลอกปอกเปิกนิดหน่อยไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ผมไม่เคยวิ่งหลบกระสุนเยอะอย่างนี้มาก่อน เหนื่อยชะมัด” คำตอบที่ได้ยิน มังกรรู้สึกโล่งขึ้นมาก
“เรื่องทั้งหมดเป็นมายังไง” เขาอยากรู้ข้อเท็จจริง
“ตอนนี้ยังไม่สะดวกไว้ผมเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ” คำว่าไม่สะดวกของลูกแก้วไม่ต้องรอนาน แสงไฟจากหน้ารถร่วมสามสิบคันขับตรงเข้ามา
“เตรียมพร้อม” พยัคฆ์ตะโกนบอกให้ได้ยินกันทั่ว ก่อนเครื่องยนต์แต่ละคันจะผ่อนลงแต่ไม่ยอมดับเครื่อง แสงไฟจากหน้ารถส่องทั่วบริเวณ ยังไม่มีใครทำอะไรรอดูท่าทีนิ่งๆ พวกมันตามมาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ โชคดีที่ลูกแก้วหลุดมาถึงที่นี่ทั้งที่รามูนได้รับบาดเจ็บ คิดแล้วมังกรถึงกับวูบโหวงห่วงรามูนขึ้นมาทันที เขาลืมถามลูกแก้วเสียสนิทว่ารามูนอาการหนักหรือเปล่า หันไปสบตาลูกแก้วตรงๆ เจ้าตัวเหมือนรู้ว่าเขาต้องการจะถามอะไร กระซิบเสียงแผ่วได้ยินกันสองคนว่า
“พ่อถูกมีดบินพสุธา แต่ไม่โดนจุดสำคัญหรอกครับ” มังกรยังไม่คลายกังวล นึกโมโหอีกฝ่ายไม่รู้จะยโสไปทำไม บาดเจ็บขนาดนั้นแทนที่จะให้พวกเขาดูแลกลับหายหัวไปดื้อๆ หรือนักฆ่าไม่กลัวตาย เขากรนด่ารามูนทั้งที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“คุณมังกรถ้าไม่อยากให้เกิดการนองเลือด ผมว่าเราทั้งคู่มาตกลงเงื่อนไขกันดีกว่า” เสียงอุทัยดังก้องขึ้น ดึงเขาออกจากความคิด กลับมาหน้านิ่งสบตาพยัคฆ์และคงคาเป็นการขอความเห็น
“ผมกลัวพวกมันเล่นไม่ซื่อ” พยัคฆ์ไม่ไว้ใจบอกไปตามตรง
“คงไม่กล้า มันต้องการของบางอย่าง” ลูกแก้วพูดสั้นๆ
“เรารู้อะไรมา” มังกรถาม..รอฟังคำตอบ
“ผมไม่รู้ครับ พ่อพูดแค่นี้” รามูนคงรู้อะไรมา ทำให้แน่ได้ว่าพวกมันต้องการเจรจากับเขา จะเป็นเรื่องอะไรคงต้องหาคำตอบเอาเอง
“ผมพร้อมเจรจาแค่คุณกับผม ให้พาคนติดตามมาได้ไม่เกินสอง” มังกรตะโกนบอกกลับไป
“ตกลง” สิ้นเสียงตอบรับ สมุนคนหนึ่งลงจากรถเปิดประตูให้อุทัยพร้อมกับฝั่งตรงข้ามเปิดตามออกมาคือพสุธา พวกมันสามคนพากันเดินห่างจากหน้ารถร่วมสิบก้าว ด้วยท่าทางสบายๆ
มังกรหันไปสบตาพยัคฆ์และคงคา เป็นอันรู้กันว่าพวกเขาสองคนที่จะตามเจ้านายออกไป คำนวณฝีมือแล้วมังกรสามารถรับมืออุทัยได้สบาย ส่วนคงคากับพยัคฆ์ต่อกรพสุธาได้แน่ เหลือสมุนมันอีกคนฝีมือไม่น่าจะห่างครรชิต เชื่อว่าลูกน้องของเขาที่เหลือเตรียมระวังหลังไว้ให้แล้ว
“ระวังตัวนะครับ” ลูกแก้วยื่นมือไปรั้งแขนมังกร พร้อมถ่ายทอดความรู้สึกผ่านสายตาได้ดียิ่งกว่าคำพูดเสียอีก
“เราเองก็ด้วย..ดูแลคุณลูกแก้วให้ดี” เขาตอบรับเสียงนุ่ม ก่อนจะหันไปกำชับลูกน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตาคมสวยหันมาสบตาเข้มทิ้งท้าย ก่อนก้าวเดินไปเผชิญหน้าพวกมัน โดยมีพยัคฆ์กับคงคาประกบซ้ายขวา
“ผมมาแล้ว” มังกรพูดสั้นๆ ยืนเผชิญหน้าอุทัย เขาเว้นระยะห่างร่วมสิบเมตร เพื่อไม่ประมาทฝีมือพสุธา
“หึหึ!..คุณกับหลานชายเยี่ยมมาก” อุทัยเค้นเสียงหัวเราะเหยียดยิ้มมุมปากอย่างแค้นเคียง เขาไม่คิดว่าหนุ่มหน้าหล่อที่ขึ้นนั่งแท่นบริหารบริษัทคู่แข่ง จะรอดจากแผนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า กลายเป็นฝ่ายเขาที่บาดเจ็บล้มตาย ทั้งที่แผนแยบยล แต่มังกรกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ความจริงสองอาหลานสมควรหลับเป็นตายไปแล้วด้วยซ้ำ นอกจากจะรอดออกมาได้ ยังสร้างความเสียหายจนพ่อเขาถึงกับโกรธจนลมออกหู เกิดอาการความดันขึ้นกะทันหันน้องชายต้องรีบพาส่งโรงบาล
“ผมน้อมรับคำชมด้วยใจ” มังกรยิ้มมุมปากบอกเสียงนิ่ม ทำเอาคนฟังถึงกับหางตากระตุก
“ผมมีข้อเสนอ” อุทัยไม่รอช้า ก่อนจะรู้สึกหน้าชาไปมากกว่านี้
“เชิญครับ” สั้นๆ ไม่มีหวั่นศัตรูแม้แต่น้อย
“ผมจะไม่วุ่นวายกับคุณ หากยอมมอบของบางอย่างแลกเปลี่ยน” มังกรเลิกคิ้วท่าทางนิ่งสุขุม แม้แต่พสุธาที่ลอบมองยังนึกชม
“ของที่ว่าคืออะไร”
“จี้ที่คุณใส่รวมทั้งของหลานชายคุณด้วย” เขาไม่เข้าใจเจตนาพวกมันนึกยังไงถึงมาขอจี้ ทั้งที่พวกเขายู่ในมือพวกมันจะบังคับเอาไปตอนนั้นก็สามารถทำได้ เกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงอยากได้ตอนนี้
“ผมไม่เข้าใจ จะเอาไปทำไม”
“เรื่องนั้นคุณไม่จำเป็นต้องรู้ แค่มอบให้ผมข้อพิพาทระหว่างเราจะยุติลงทันที” ไม่ใช่ว่าให้ไม่ได้ถึงมันจะมีความผูกพันทางใจ หากมันสามารถยุติความพิพาทที่มีเขาก็ยินดี เพียงแต่อีกเส้นไม่ใช่ของเขานี่สิ
“ถ้าไม่บอกเหตุผล ผมคงต้องปฏิเสธ” อุทัยสบตาพสุธา
“เลือกเอาระหว่างจี้กับความปลอดภัยของลูกน้องที่ซุ่มอยู่และตัวคุณเอง ทั้งที่ของสิ่งนี้คุณสั่งทำอีกกี่อันย่อมได้” พสุธาเสียงกระด้าง แผ่รังสีพิฆาตกดดันเขาพอสมควร พาขวัญผวาไม่น้อยสำหรับคนจิตใจไม่เข้มแข็ง
“มันคงไม่ง่ายหรอกครับพี่ดิน ถ้าทำได้คงไม่ใช้วิธีเจรจาตั้งแต่แรก” คงคาพูดแทรกขึ้น สายตาแข็งกร้าวเหมือนฆ่าคนได้ของพสุธา หันไปจ้องรุ่นน้องหน้าสวยเขม็ง
“มึงประเมินกูต่ำไปไอ้น้ำ ที่กูเลือกเจรจาเพราะหัวหน้ากำชับมาหรอกหวะ..ลองไม่มีคำสั่งคิดหรือกูจะเสียเวลาจัดการพวกลิ่วล้อแค่หยิบมือนี้ไม่ได้” พสุธาพูดรอดไร้ฟันสะกดอารมณ์ที่คงคาแกล้งยั่วอย่างเจตนา
“มิน่าผมถึงแปลกใจ พอรู้แบบนี้ต้องรีบบอกคุณมังกรไม่สมควรให้ไปเป็นอย่างยิ่ง ฮะฮ่าๆๆ” ท่าทางกวนประสาทหัวเราะขำ สามารถทำให้พสุธาที่ควบคุมตัวเองได้ดีถึงกับหมดความอดทนลง
“กูจะทำให้เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ โดยดูมึงเป็นตัวอย่าง” พูดจบขยับท่าร่างใบมีดนับสิบก็พุ่งเข้าใส่คงคาอย่างหมายหัว
“เฟี้ยวๆๆ!..เกร้งๆๆ!” คงคาไม่ได้มีดีแค่ฝีปาก เขาก็รวดเร็วเช่นกัน ผลักมังกรเซไปหลบฝั่งพยัคฆ์ ในขณะที่ตวัดแส้ออกมาปัดใบมีดทั้งสิบเล่มร่วงกระจาย ทั้งคู่ต่างจ้องตากันเขม็งไม่มีอาการล้อเล่นแม้แต่น้อย บทจะเอาจริงรังสีอันตรายก็แผ่จากร่างคงคาได้เหมือนกัน
“ฝีมือตกไปนะพี่” คงคารู้สึกอย่างที่พูดพลังที่แฝงมากับมีดบินของพสุธาไม่รุนแรงเหมือนเก่า สาเหตุเขาไม่รู้แต่หากเป็นแบบนี้ก็ไม่ยากที่จะรับมือ ลำพังเขาคนเดียวก็เอาอยู่
“ไม่คิดว่าฝีมืออย่างมึงจะมีสิทธิ์วิจารณ์กู มึงยังไม่เข็ดสินะ คราวนี้คงไม่มีวีรบุรุษโผล่มาช่วยมึงแน่” พูดจบเคลื่อนไหวท่าร่างด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง ขณะที่ข้อมือก็สะบัดปล่อยมีดขนาดเล็กออกไปเป็นระลอก จำนวนเยอะกว่าครั้งแรก
“เฟี้ยวๆ!!..ฟิ้วๆ!..เคร้งๆ..กิ้ง!..ชิ้ว!” แต่คงคาก็พลิ้วหลบได้น่าทึ่ง สามารถตวัดแส้เป็นระลอกคลื่นเกิดกำแพงไร้สภาพเบี่ยงทิศทางของมีดให้กระจัดกระจาย มีบางส่วนย้อนกลับไปหาพสุธาอีกด้วย ฝ่ายหลังดึงมีดสั้นชนิดคู่ออกมาปัดทิ้งเช่นกัน
การต่อสู้ของพวกเขาเปิดฉากท่ามกลางสายตาที่ซุ่มดูเหตุการณ์อย่างตื่นตะลึงของลูกน้องทั้งสองฝ่าย น้อยครั้งจะได้เห็นฝีมือระดับนักฆ่าแถวหน้าปะทะกันเอง พยัคฆ์กันมังกรออกห่างรัศมีต่อสู้ ขณะที่อุทัยกับลูกน้องก็จับตาดูอย่างสนใจเช่นกัน
“เคร้ง!..เกร้งๆๆ..ฉับ!..เก้งงงๆๆ!” แส้ของคงคาเดี๋ยวก็อ่อนเป็นผ้าเดี๋ยวก็แข็งเป็นเกลียว เข้าห้ำหั่นดาบคู่ในมือพสุธาอย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ พยัคฆ์ยังแปลกใจหากเขาคิดไม่ผิดฝีมือพสุธาตกไปมากทีเดียว ก่อนหน้าต้องอาศัยเขาเข้าช่วยอีกแรงยังเอาไม่อยู่ แต่ตอนนี้คงคากับลื่นไหลรับมือได้อย่างสู่สี ฝ่ายเขาจึงไม่กังวลว่าจะแพ้หากเทียบคนที่มีอยู่
ไม่ถึงสิบนาที พสุธาก็เพลี่ยงพล้ำให้คงคาฝากรอยแผลจนได้ เห็นเป็นทางยาวที่ต้นแขนซ้ายจนเลือดซิบ
“ฉั๊วะ!..เกร้งๆ!” ฝ่ายพลาดถึงกับเบี่ยงตัวถอยหนีปลายแส้ที่คงคารุกไล่ต่อเนื่องไม่ยอมให้ตั้งตัวติด ซึ่งกำลังได้เปรียบคู่ต่อสู้ พสุธาเหงื่อผุดเต็มหน้ากัดฟันอย่างกินแรง เขายอมรับเสียเปรียบคงคานับตั้งแต่โดนเข็มวายุของรามูนในคราวนั้น
“โอย!..เฟี้ยวๆๆ!” อีกแผลก็ตามมาตรงหน้าท้อง ดีที่พสุธาสะบัดมีดปัดออกทัน ไม่อย่างนั้นคงได้แผลลึกกว่านี้ ก่อนจะโดนซ้ำด้วยลูกพัวพันตามติดไม่ปล่อย พสุธาถึงกับถอนหายใจโล่งอย่างลืมตัว เมื่อคงคากระโดดหนีอุตลุดมองยังแทบไม่ทัน จากอาวุธลับที่แค่เห็นก็พาให้หน้าซีดไปแล้ว
“พรึ่บๆๆ!!!..เฮ้ย!!” เสียงคงคาที่พยายามกระแทกลูกไฟซึ่งมาจากทางไหนไม่มีใครรู้ ลุกพรึ่บเป็นลูกไฟสว่างโล่นับสิบลูกรายล้อมกักร่างเขาไว้ แถมแส้ที่เขาใช้ป้องกันยังติดไฟไปด้วย ร้อนถึงพยัคฆ์ที่ห่วงคนรักกลัวได้รับบาดเจ็บ ความเสียเปรียบกลายเป็นของคงคาหน้าสวยที่หน้าเริ่มถอดสีหายใจทางปากช่วยแล้ว พยัคฆ์กำลังจะพุ่งเข้าไปช่วย แต่..เสียงตะโกนของคงคาทำเอาเขาชะงักไปชั่วครู่
“อย่าเข้ามาสู้ไม่ไหวหรอก..ถอยออกไป!!” ถึงจะชะงักไปชั่วครู่ แต่สิ่งที่ได้ยินกลับทำให้ร่างหนาล่ำทำตรงกันข้าม เขาถอดเสื้อนอกออกพร้อมกับใช้เป็นอาวุธกระโจนเข้าไปปัดลูกไฟแตกกระจาย ดันกลายเป็นช่วยกระพือให้มันขยายวงกว้างแตกตัวล้อมพวกเขาไว้โดยไม่สนใจคำเตือน ลูกบ้าระห่ำทนเห็นคงคาตกอยู่ในวงล้อมของลูกไฟไม่ได้ ทำให้เขาตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ลูกไฟลุกไหม้ไม่ยอมดับเผาเสื้อนอกของพยัคฆ์อย่างรวดเร็ว จนร่างกายร้อนรุ่มเหงื่อโทรมจนชุ่มไปแล้วทั้งคู่
ส่วนมังกรบัดนี้อยู่ท่ามกลางการอารักษ์ขาของลูกน้อง หลังเห็นพยัคฆ์กระโจนเข้าไปช่วยคงคา สิงขร ภูธร ครรชิต ก็พุ่งออกมาคุ้มกันแทนในวินาทีวิกฤติท่ามกลางสายตาตะลึงที่ดูอยู่รายรอบ พวกเขากำลังจะได้รับบาดเจ็บไม่ถึงเสี้ยววินาที ลูกไฟเหล่านั้นกลับร่วงสู่พื้นหน้าตาเฉย
“ตุ๊บๆๆ!!” ถึงไฟจะยังไม่ดับแต่ก็ตรึงนิ่งอยู่ที่พื้น พร้อมเสียงครางอย่างเหนื่อยหอบของทั้งคู่ ที่หลุดออกจากความร้อนแรงแทบถูกเผาได้อย่างหวุดหวิด พยัคฆ์ถึงกับทิ้งเสื้อนอกที่โดนเผาไปกว่าครึ่งลงกับพื้น ขณะที่คงคารีบตวัดแส้อย่างรวดเร็ว ซึ่งไฟกำลังลามเผาให้มันดับลงเช่นกัน จากนั้นทั้งคู่ถึงมีจังหวะถอนหายใจยาว เป็นครั้งแรก
“เฮ้ออ!!..ทักทายกันหน่อยสิพี่ไฟ” คงคาตะโกนอย่างเหนื่อยหอบ ก่อนเสียงหัวเราะหวานจะดังตามมา เรียกสายตาทุกคู่ให้มองตาม กระทั่งเห็นรูปร่างงามของหญิงสาวเอวบางอกตูม ในชุดกางเกงแดงรัดรูปเปิดร่องอกโชว์เต้าเบียดขาวอล่างฉ่าง ส่วนใบหน้าปกปิดลึกลับภายใต้หน้ากากหนังสีดำที่ปิดเพียงลูกตาครึ่งหน้า เหลือแค่ปากสีสดจากลิปสติกสีแดงแลดูเย้ายวนยั่วอารมณ์ตัณหาได้อย่างน่าทึ่ง หลายคนกลืนน้ำลายลงคออย่างอดใจไม่ไหว เธอสวมบูธยาวสีดำยืนบนหลังคารถได้อย่างเซ็กซี่สุดๆ
“ฮิฮิ..ไงจ๊ะน้ำน้องรัก ทำไมไม่ใช้น้ำจากลูกชายเธอดับไฟล่ะ หรือว่าน้ำส่วนนั้นมันหมดปัญญาไปแล้ว ฮะฮ่าๆๆ” คำพูดเหยียดหยามพร้อมเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ ทำให้ผู้หญิงคนนี้ดูน่ากลัวขึ้นมาทันตา
“ผมคงให้ไม่ได้ คนอย่างพี่น้ำเท่าไหร่ก็ดับไม่หมดหรอก เพราะพี่ไม่รู้จักพอ” วาจาคงคาก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ ยอกย้อนได้เจ็บแสบจนคนที่กำลังหัวเราะมุมปากกระตุก ก่อนจะยิ้มเหยียดสวนกลับมาว่า
“ปากเก่งเหมือนเคย ดีเลยถ้าอย่างนั้นก็รู้ไว้ด้วยนะ..หนุ่มล่ำที่กระโดดเข้ามาช่วยเธอในกองไฟ ท่าทางคงจะน้ำเยอะ พี่ชักสนใจเสียแล้วสิ” พยัคฆ์รู้ตัวว่าเขากำลังถูกพาดพิง จึงหันไปถามคงคาตรงๆ
“เธอเป็นใคร” คงคาสบตาคนรัก แล้วพูดเน้นๆให้ได้ยิน
“อัคนี..มือหนึ่งขององค์กร” หลังได้ยินชื่อ พยัคฆ์ไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไมพวกเขาถึงจัดการกับลูกไฟไม่ได้ ยิ่งโดนยิ่งโหมลุกแตกตัวเพิ่มไปใหญ่ ตัวเธอเองก็ร้อนแรงไม่ต่างจากไฟของเธอเลย
“บอกให้พี่เผยตัว ไม่เรียกพี่ชายที่ช่วยเธอไว้ออกมาด้วยหรือน้ำ” อัคนีหรือไฟ เอ่ยกับคงคาด้วยใบหน้ายิ้มพราวเสน่ห์
“ก็เรียกเขาเองสิ ทำไมมาใช้ผม” คำสนทนาของทั้งคู่สร้างความงุนงงให้กับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่น้อย แต่ก็ได้รับคำตอบเมื่อพสุธาดันเฉลยตะโกนเสียงห้วนขึ้นทันที
“รามูน แน่จริงอย่าหดหัว” ทุกคนถึงกับหันซ้ายหันขวาเหลียวมองไปรอบบริเวณ เพื่อมองหาเจ้าของชื่อที่พสุธาเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“เพิ่งรู้ว่านักฆ่าเทพพระกาฬก็มีคำว่าไม่กล้า..กลัวการเผชิญหน้าถึงไม่ยอมออกมาสินะ” คราวนี้เป็นอัคนี พูดเสียงหวานดังกังวานให้ได้ยินกันทั่วทั้งบริเวณ เสียงเธอมีพลังบางอย่างเรียกความกระชุ่มกระชวยของผู้ชายขนลุกสยิวไปทั้งร่าง ช่างมีพลังดึงดูดเพศตรงข้ามจริงๆ
ไฟที่ตกเกลื่อนกลาดบนพื้นมอดดับหมดแล้ว พร้อมความเงียบที่ทุกคนรอฟังเสียงของรามูน จ้าวแห่งสายลมจะยอมโผล่ออกมาเจอหน้าตามคำท้าหรือไม่ คำตอบคือ..ความเงียบสนิท..เป็นการยืนยันชัดว่าจะไม่โผล่หัวออกมาแน่นอน ต่อให้เรียกจนปากฉีกก็ไม่ได้ผล มังกรเข้าใจอาการบาดเจ็บของรามูน คิดว่ารามูนคิดถูกที่ไม่เสี่ยงออกมาทำให้คู่ต่อสู้ที่มีฝีมือร้ายกาจอย่างอัคนีจับจุดอ่อนเล่นงานเอาได้ ไม่อย่างนั้นหายนะจะตามมาไม่น้อย สู้หลบซุ่มอยู่ทำให้อีกฝ่ายคาดเดาไม่ออกดูน่ากลัวกว่าเยอะ
“ถ้าคิดจะหดหัวอยู่แต่ในกระดอง แอบเล่นงานทีเผลอก็ตามใจ ถือว่าวันนี้ไฟยอมถอยให้ แต่อย่าหวังว่าจะยอมทุกครั้งไปนะ..พี่ลม” พูดจบเธอพลิ้วร่างอย่างสวยงามกระโดดเหยียบหลังคารถที่จอดเรียงกันไม่กี่ทีก็หายลับไปกับความมืดอย่างไร้ร่องลอย
“กลับ..คุณอุทัย” พสุธาพูดกับอุทัย ก่อนอีกฝ่ายจะเดินมาสมทบ แอบกระซิบถามข้างหูเขาว่า
“ทำไมยอมถอย..เห็นอยู่ว่าพวกมันรับมือเราไม่ได้” คำถามของอุทัยทำให้พสุธามองอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ตอบโดยไม่มองหน้าด้วยการกดเสียงต่ำในคอให้ได้ยินเพียงสองคน
“รามูนซุ่มเล่นงานอยู่ ถ้าหากอัคนีมั่นใจคงไม่ยอมถอย” เป็นอันหมดข้อกังขา เขายกมือให้สัญญาณลูกน้อง พริบตาเดียวบรรดารถยนต์ร่วมสามสิบคันที่จอดในบริเวณก็หายออกไปกันหมด เหลือความสลัวลางของแสงจากเสาไฟฟ้าที่เห็นอยู่ไกลๆ
“พวกคุณไม่เป็นไรกันใช่ไหม” มังกรสอบถามคงคากับพยัคฆ์ ซึ่งทั้งคู่ก็ตอบมาอย่างพร้อมเพรียง แม้สีหน้าจะดูอิดโรยเหมือนใช้พลังไปไม่น้อยก็ตาม
“โชคดีพี่รามูนช่วยเอาไว้ ไม่งั้นคงแย่” คงคาบอก ลูกไฟที่ร่วงสู่พื้นเพราะเข็มวายุที่สะกดพวกมันลงไป มังกรจึงแหกปากตะโกนเสียงดังให้ได้ยินไปทั่วทั้งบริเวณ ท่ามกลางความมึนงงของลูกน้อง
“รามูนขอบคุณที่ช่วย แต่อย่าหวังให้ผมตอบแทนอีกเป็นอันขาด” แต่ละคนไม่เข้าใจประโยคที่เจ้านายพูด เรื่องขอบคุณพอทราบเหตุผล แต่การดักคอในประโยคหลัง เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกน้องมองหน้ากันเลิ่กลัก ซึ่งคนตะโกนก็ไม่คิดจะอธิบาย นอกจากหันไปเรียกพวกที่ซุ่มอยู่ออกจากที่ซ่อน
“ออกมาได้แล้ว ลูกแก้วกลับบ้าน..เรายังมีเรื่องต้องคุยกันยาว” สิ้นเสียงเรียกของเจ้านาย ลูกน้องที่เหลือเผยตัวออกมาครบทีม โดยเฉพาะคนที่ถูกเอ่ยชื่อ เดินคอตกไหล่หลู่ทำหน้าหมาหงอยเหมือนมีชะงักติดหลังพูดเสียงอ้อนๆ ดูไม่สมกับตัวที่สูงใหญ่จนคนที่ยืนอยู่ต่างเงยหน้าขึ้นฟัง
“พักผ่อนก่อนนะครับ คืนนี้เหนื่อยมากคร๊าบ..ไปหาอะไรกินดีกว่า อย่าลืมว่ามื้อเย็นผมกับอาไม่มีข้าวตกท้องเลยสักเม็ด แค่นั้นอิ่มที่ไหน” สายตาวิ้งๆ จ้องมังกรใสแจ๋ว ทำให้เขาส่ายหน้าระอาอย่างไม่จริงจัง หลานจอมแสบนับวันช่างกะล่อนซุกซ่อนความลับไว้เยอะ กลับไปครั้งนี้ต้องง้างปากให้คายออกมาเสียบ้าง อยากรู้จะแก้ตัวยังไง..?
งานนี้บวก 1 ให้กับทุกเม้นท์อีกเช่นเคยนะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ตามกันมาตลอด
ลักษ์.
