ลูกแก้วมังกร
Part 21
ระบำดวงดาว! 50% “พ่อเรียกผม ธุระสำคัญหรือครับ?” พยัคฆ์ถามอาคม หลังอยู่ในห้องทำงานพร้อมคงคา
“อาการดีขึ้นหรือยัง?”อาคมไม่ตอบแต่ให้ความสนใจอาการบาดเจ็บของทั้งคู่ที่อยู่ระหว่างพักฟื้น
“ค่อยยังชั่วครับ! ใช้กำลังยังไม่ถนัด”คงคาเป็นคนตอบ พยัคฆ์เอาแต่จ้องอาคมนิ่งสายตามีคำถาม นึกสงสัยทำไม
พ่อบ้านใหญ่ครูฝึกการ์ดถึงเรียกมาถามอาการ พ่อมีจุดประสงค์เท่านี้แน่หรือ?
“ถ้าอย่างนั้น งานที่ไม่ต้องใช้กำลังพวกเราคงช่วยได้สินะ” อาคมไม่สนใจสายตาของลูกชายสีหน้าอาวุโสเรียบเฉย
ต่างกับพยัคฆ์คิ้วขมวดหลังอาคมพูดจบ แต่ปากได้รูปยังคงปิดสนิท เขารู้ว่าเดี๋ยวอาคมก็ต้องบอกรายละเอียด เพียงแต่ข้องใจ
พอสมควร งานอะไรทำให้อาคมรอพวกตนหายก่อนไม่ได้ มันคงสำคัญมากถึงรอไม่ไหว
“ช่วยไปดูหน่อยทำไมคุณดลภัทรรีบเซ็นสัญญาร่วมทุนเปิดนิคมอุตสาหกรรมกับลูกค้าหน้าใหม่จนไม่รอคุณมังกร
ข่าวนี้กำลังเป็นที่จับตามองในแวดวง เข้าใจความต้องการของพ่อใช่ไหมพยัคฆ์?” ประโยคหลังหันไปจ้องตอบพยัคฆ์
เมื่อเห็นสายตาไม่เข้าใจจากลูกชาย หนุ่มหล่อหน้าเป็นสันคมทำให้พยัคฆ์ดูสมชายชาตรี เขาพยักหน้ารับคำสั่งอาคม
เป็นอันจบการสนทนาของพ่อลูกคู่นี้ ถึงแม้คงคายังไม่แน่ใจความต้องการของอาคมสักเท่าไหร่ แต่ตนเชื่อว่าสิ่งที่มอบหมายให้
ไปทำต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่งั้นอาคมคงไม่ให้ตนกับพยัคฆ์รับหน้าที่นี้แน่ ทั้งที่การ์ดในความปกครองของอาคมมีฝีมือ
ไม่ใช่ชั่วสามารถใช้ใครก็ได้
ณ ตึกใหญ่โตอลังการฐานที่ตั้งของวิริยะทรัพย์กรุ๊ป หนุ่มคมเข้มเดินตีคู่กับหนุ่มหน้าสวยตรงไปยังลิฟท์ส่วนตัวผู้บริหาร
เป้าหมายคือห้องของรองประธาน ตามทางที่พวกเขาเดินผ่านพวกการ์ดซึ่งคอยดูแลรวมทั้งพนักงานที่คุ้นหน้าพวกเขาต่างพากัน
หยุดทักทาย ไม่มีใครไม่รู้จักพยัคฆามือขวาคู่บารมีประธานสุดหล่อของวิริยะทรัพย์กรุ๊ป มีพนักงานใหม่บางคนประหม่าเมื่อเห็น
พยัคฆ์มาดเข้มกับคงคาหน้าสวยเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะคนหลังขยันส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ทำเอาพนักงานชายหญิงใจเต้น
ไม่เป็นจังหวะ หน้าขึ้นสีเขินกันเป็นแถว
“หึ!”เสียงขึ้นจมูกของพยัคฆ์ หลังอยู่ตามลำพังในลิฟท์
“ฮ่ะฮ่าๆ” คงคาหัวเราะขำ พยัคฆ์ชำเลืองสายตาดุใส่แฟนหน้าสวยซึ่งกำลังหัวเราะโชว์ฟันขาว ไม่ติดมาทำธุระสำคัญ
ขอกำราบตัวแสบชอบยั่วประสาทให้รู้สำนึกสักที หน้าคมเข้มเบือนกลับไปมองไฟประตูลิฟท์วางหน้านิ่งไม่พูดสักคำ กระทั่งคงคา
เป็นฝ่ายทนไม่ไหวเอ่ยปากก่อนจนได้
“ไม่ต้องฉีดโบท็อกหน้าก็ตึงได้ สามารถจริงๆ” คงคาอมยิ้มเปรยขึ้นมาลอยๆ ตีหน้ามึนอย่างกวนโมโห
“มาทำงานอย่ายั่ว เดี๋ยวจะลำบาก” เสียงห้าวทุ้มสวนกลับ หางตาไม่ยอมชำเลืองด้วยซ้ำ ทำเอาคงคาหลุดขำอีกครั้ง
ยอมรับตั้งแต่อยู่กันมาตนอยากแกล้งเสือหน้าเคร่งให้มาดหลุดจนติดนิสัยกลายเป็นความบันเทิงไปแล้ว ดูอย่างตอนนี้พยัคฆ์
วางหน้าขรึมทั้งที่กำลังหงุดหงิดที่ตนโปรยเสน่ห์ส่งยิ้มให้คนไปทั่ว แค่นี้ก็สนุกมีความสุขแล้วทั้งวัน
“ที่ผ่านมาผมออมมือหรอกน่า แต่ความจริงคุณก็ออมแรงให้ผม ไม่อย่างงั้นก้นคงระบม โดนแต่ละทีนึกว่าปล้ำกับ
เสือ ฮ่าๆๆ” คงคาหัวเราะเสียงดังลั่นกลั้นขำไม่ไหว พยัคฆ์หันมาจ้องตาขวาง ก่อนจะหูแดงหน้าแดงกัดฟันบอกเสียงขุ่น
“ทะลึ่ง!” กลายเป็นโจ๊กชามโต สร้างอารมณ์ขันให้คงคาหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง ส่วนคนหน้าเข้มเดินหูแดงออกประตู
ลิฟท์ไม่เหลียวหลัง
“ตู๊ดๆๆ! ว่ามาคุณดารา?” ดลภัทรรับโฟนจากเลขาหน้าห้อง
“รบกวนค่ะเจ้านาย คุณพยัคฆ์ขอพบ” เลขาสาวรายงาน ดลภัทรชะงักชั่วครู่ ก่อนจะบอกอนุญาต
“เชิญ” สิ้นเสียงประตูห้องก็ผลักเปิด พยัคฆ์เดินนำตามด้วยคงคา คนหลังดลภัทรพอรู้ข้อมูลอยู่บ้างว่า คือการ์ดมือดีที่
มังกรเพิ่งรับเพิ่มไม่นาน
“หลานชายมีธุระสำคัญสินะ ถึงได้มาเยี่ยมอาถึงนี่?” ดลภัทรไม่รอเสียเวลา เอ่ยทักพร้อมถามเข้าเป้าทันที โดยฐานะ
พยัคฆ์ก็แค่ลูกน้องไม่จำเป็นต้องรักษามารยาท
“ผมกับคงคาผ่านมา เลยแวะขึ้นมาเยี่ยมคุณอาครับ” พยัคฆ์ตอบหน้านิ่ง ดลภัทรไม่นึกเคืองแม้แต่น้อย ตนชินแล้ว
กับฉายาเสือยิ้มยาก แม้จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ที่ต้องแทนตัวเองว่าอา เพราะอินทรีย์พี่ชายดันให้ความสำคัญอาคมกับพยัคฆ์
เสมือนครอบครัว คำเรียกนี้ใช้มาตั้งแต่นั้น
“จริงสิช่วงนี้เราได้จังหวะพักยาว ปกติแทบจะไม่มีวันหยุดโอกาสดีๆแบบนี้ไปเที่ยวต่างประเทศดีไหม อาบอกเลขา
ดูทัวร์ให้?”
“ขอบคุณครับไม่ลำบากดีกว่า อีกอย่างผมไม่ได้หยุดยาว เพียงแต่เปลี่ยนวิธีทำงานให้เหมาะสมเท่านั้น ได้ข่าวคุณอา
ทำสัญญาร่วมทุนเปิดนิคมอุตสาหกรรมกับลูกค้ารายใหม่อยู่หรือครับ?” พยัคฆ์ไม่เสียเวลาเหมือนกัน เข้าประเด็นทันที
“อาเห็นโปรเจ็คน่าสนใจ ที่สำคัญเขาเลือกเราเป็นพันธมิตร แค่ไม่ต้องการพลาดโอกาสดีๆ ว่าแต่เราถามทำไม?”
ดลภัทรยิ้มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบาย พร้อมกับถือปากกาขยับเล่นในมือไปมา
“ข่าวดังมาก ไม่ทราบบริษัทฯคู่ค้าเราเป็นใครครับ?” ทั้งคู่พยายามชิงไหวชิงพริบกันอยู่ ดลภัทรนึกเคืองบ้างแล้ว รู้สึกว่า
พยัคฆ์กำลังล้ำเส้นมากไปหรือเปล่า?
“นอกจากเป็นการ์ดแล้ว เรายังเป็นนักวิเคราะห์อีกด้วย” ดลภัทรอดแดกดันไม่ได้ ทำไมตนจะไม่รู้ที่พยัคฆ์ตีมึนตั้ง
คำถาม คงเพราะต้องการข้อมูลจากตนมากกว่า
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมบอกอาแล้วนี่ครับ ว่าไม่ได้หยุดงาน แค่เปลี่ยนวิธีทำงานก็เท่านั้น การที่ผมเสียมารยาท
มันคืองานของผมอย่างหนึ่ง หวังว่าคุณอาจะเข้าใจนะครับ” พยัคฆ์ไม่ปฏิเสธกลับยอมรับหน้าตาเฉย เล่นเอาดลภัทรถึงกับ
หูแดงทันที แต่ยังรักษาภาพลักษณ์ไม่ออกอาการหงุดหงิดทั้งที่ในใจกำลังเดือดปุดๆ ที่ถูกเด็กรุ่นลูกลูบคมเข้าให้
ตำแหน่งรักษาการณ์ประธานบริษัทฯ ที่แท้ก็ตุ๊กตาสวมหัวโขน ไม่ว่าตนจะตัดสินใจทำอะไรยังต้องมีคนตรวจสอบตลอดเวลา
คิดการใหญ่ต้องใจเย็น นึกถึงคำนี้จำต้องปรับสีหน้า ก่อนพูดกับพยัคฆ์ว่า
“อยากรู้ว่าคู่ค้าเป็นใคร เราไม่รีบกลับใช่ไหม เขากำลังมาพบอา อยู่ด้วยกันเลยสิ อาจะได้แนะนำให้รู้จัก” พยัคฆ์รู้สึก
แปลกใจไม่น้อยกับการเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน ถึงจะมีข้อสงสัยเมื่อได้รับคำเชิญตนเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องปฏิเสธ
“เป็นเกียรติมากครับที่อาแนะนำคู่ค้าสำคัญให้รู้จัก” เสือยิ้มยาก พอถึงเวลากลับยิ้มได้เช่นกัน แม้รอยยิ้มดูตลกมากกว่า
แต่ไม่ได้ลดความเข้มของใบหน้าหล่อสมชายให้ดูด้อยแม้แต่น้อย กลับดูดีจนคงคาอึ้ง ยกเว้นดลภัทรเห็นรอยยิ้มนี้แล้วรู้สึกขนลุก
เสียอย่างนั้น การที่พยัคฆ์ตอบรับคำชวนชักไม่แน่ใจว่าตนคิดผิดหรือถูก ที่ตัดสินใจชวนเพราะจะได้ลดความยุ่งยากอย่างน้อย
ถือว่าไม่มีความลับ
เวลานี้นึกอยากถอนคำพูดก็ไม่ได้ พยัคฆ์ไม่ใช่ลูกแมวน้อย ราชสีห์ตัวนี้ซ่อนเล็บจนน่ากลัว ถึงยังไงตนก็
เจนสังเวียนกระดูกคนละ พ.ศ. ไม่มีทางจะให้เสือหนุ่มลบเหลี่ยมพรานล่าเนื้อเป็นอันขาด ตนต่างหากที่จะลบลายเสือให้กลาย
เป็นแมวพิการในไม่ช้า พอคิดดังนี้รอยยิ้มอบอุ่นจึงผุดขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากเชิญพยัคฆ์รวมไปถึงคงคาด้วย
เพราะไม่ว่าจะชวนหรือไม่คนหลังคงตามติดเป็นตังเมอยู่แล้ว
“ถ้างั้นเชิญที่ห้องรับรองดีกว่า ได้เวลาเขามาพบอาแล้ว” พูดจบลุกเดินนำไปทันที พยัคฆ์สบตากับคงคา
ก่อนตามไปติดๆ
“อาชอบดูดาวไหม?” ลูกแก้วถามมังกร ขณะนั่งห้อยขาตรงชานบ้านสายตาคนถามแหงนมองท้องฟ้า คืนนี้ฟ้าเปิด
ดวงดาวต่างๆพากันส่องแสงระยิบระยับประดับผืนผ้ากำมะหยี่ยามค่ำคืน ดูกระจ่างเต็มท้องฟ้า
“ไม่รู้สิ?” มังกรแหงนมองตาม
“ทำไมถึงไม่รู้ ฟังดูแปลกๆ” ลูกแก้วเบือนสายตามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของมังกร อดยอมรับไม่ได้ไม่ว่าจะมองมุมไหน
ดูดีไปหมด
“นั่นสิ..ถามไม่ยากที่ยากคือคำตอบ อาเพิ่งดูดาวที่นี่ ไม่คิดว่าท้องฟ้าตอนกลางคืนดาวจะสวยขนาดนี้..คงชอบมั้ง”
ลูกแก้วอมยิ้มกับคำตอบแบบเด็กๆ ของมังกร ชอบก็บอกว่าชอบทำไมต้องมีมั้ง จะรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำตัวเหมือนเด็กที่เพิ่ง
เรียนรู้ธรรมชาติ
“ทำไมต้องมั้ง การที่ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเป็นคนไม่ชัดเจน สำหรับผมไม่ว่าจะรักหรือเกลียด ผมชัดเจน
ต่อความรู้สึก ‘ผมรักอา’ เห็นไหมครับ? ผมซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองแค่ไหน?” ได้โอกาสลูกแก้วไม่ปล่อยให้เปล่าประโยชน์
มังกรถึงกับนิ่งไม่คิดว่าหลานร่างยักษ์จะสารภาพรักขึ้นมาเฉยเลย
“ทำไมนิ่งครับ?” ลูกแก้วไม่ยอมให้มังกรหาทางเลี่ยงเหมือนทุกครั้ง รุกอย่างกระชันชิด จนมังกรนึกโมโหที่โดนต้อน
ในสถานการณ์และบรรยากาศแบบนี้ ไม่ตอบก็เท่ากับว่ายอมรับในสิ่งที่ลูกแก้วพูด หน้าหล่อเผลอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันมา
สบตาคมเข้มของลูกแก้ว แล้วพูดว่า
“อย่าจริงจังนัก เรื่องของเราเป็นไปไม่ได้ ที่ผ่านมาอาว่าชักเลยเถิดกันใหญ่ ถอนตัวเสียดีกว่าเชื่ออาเถอะ”
มังกรตัดสินใจพูดตามที่คิด หากถลำลึกมากกว่านี้จะยิ่งถอนตัวลำบากสู้ตัดสินใจพูดเสียตอนนี้ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
“ไม่ทันแล้วครับ” ลูกแก้วสบตามังกร ตาคมเข้มพยายามล้วงลึกเข้าไปในตาคมสวยของมังกร จนคนถูกจ้อง
เป็นฝ่ายเบือนหลบ
“ทำไม?” มังกรถาม ในสภาพที่ไม่ยอมสบตาลูกแก้วอาศัยแหงนมองฟ้าดูดาวที่ส่องแสงระยิบระยับแทน
“เพราะหัวใจไม่ได้อยู่กับผมแล้ว หัวใจผมมังกรเอาไปแล้วครับ ต่อให้คืนผมมา หัวใจลูกแก้วก็คงแตกละเอียด
แปลว่ามังกรทิ้งลูกแก้วให้ตายไปพร้อมกับหัวใจดวงนั้น มันขึ้นอยู่ว่ามังกรอยากฆ่าลูกแก้วหรือเปล่า ชีวิตของลูกแก้วคือลมหายใจ
ของมังกร ผมอยู่ไม่ได้หากไม่มีอา” มังกรถึงกับพริ้มตาปิดในสภาพที่แหงนหน้าสู้ฟ้า หมดคำพูดที่จะคัดค้านหาคำอธิบาย
เมื่อลูกแก้วยืนยันหนักแน่นถึงกับเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ยกเหตุผลอะไรมาอ้างก็เปล่าประโยชน์ สู้ทำเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
อาศัยหลับตาปิดสงบสติอารมณ์ตนเองดีกว่า หลังฟังคำพร่ำรำพันของลูกแก้วยอมรับว่าหัวใจตนเต้นผิดปกติไปเยอะ ไม่คิดว่า
ลูกแก้วจะให้ความสำคัญตนมากถึงเพียงนี้
แต่แล้วถึงกับอึ้ง กำลังจะอ้าปากประท้วงลิ้นชื้นกับแทรกเข้ามาในโพรงปาก ก่อนจะเกี่ยวกระหวัดดูดเอา
ลิ้นตนจนแทบหลุดตามไปด้วย ไม่คิดว่าพอหลับตาลงลูกแก้วจะประกบจูบเอาดื้อๆ ที่สำคัญความสามารถสุดช่ำชองของลูกแก้ว
ทำเอาสมองตนถึงกับขาวโพลนมึนไปกับรสจูบแทบไม่มีจังหวะหายใจ
ชาวบ้านเผาเหย้าพากันซุ่มมองสองหนุ่ม รีบเอามือปิดตาหน้าแดงไปตามกัน เมื่อลูกแก้วสุดหล่อจูบคนรัก
ต่อหน้าต่อตา ก่อนจะพากันดับไฟตะเกียงอย่างพร้อมใจจนทั่วบริเวณมืดลงไปทันที ไม่มีสรรพเสียงใดๆ นอกจากเสียงธรรมชาติ
ช่วยขับขานดนตรีไพร ในขณะที่ดวงดาวต่างกระพริบแสงหยอกล้อบทรักที่หวานจนน้ำตาลยังอาย ก่อนมังกรจะถูกรวบขึ้นอุ้ม
พาหายเข้าไปยังส่วนกั้นผ้าแบ่งพื้นที่ในตัวเรือน คงไม่ต้องบอกว่าคืนนี้ระบำดวงดาวกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
พร้อมกับแสงไฟตะเกียงดวงสุดท้ายดับลงเช่นกัน...???
มาลงให้ก่อน 50% ส่วนที่เหลือจะเอามาลงทีหลังนะคะ
ขอบคุณที่รอคอย พยายามหาเวลามาลงให้แน่นอนค่ะ
ช่วงนี้งานยุ่งมาก แต่ไม่เคยลืมนะคะ รักคนอ่านที่น่ารักทุกคนเสมอ
Luk.