มากขึ้นทุกที
วันแรก ที่เรา สองบังเอิญได้มาพบเจอกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ว่าเธอรู้ไหม เหมือนมีอะไร สกิดใจฉันณ หน้าร้านขายน้ำปั่น ...
ร่างโปรงนามว่าแทนคุณยืนรอต่อคิวซื้อน้ำปั่นอย่างเหนื่อยหน่าย เขาจะไม่ยืนรอก็ได้ว่างั้นเถอะ แต่คนมันอยากกิน ก็เลยต้องทน
เหลียวซ้ายก็เจอแต่ผู้คนเดินพลุกพล่านไปมา แลขวาก็คือฝั่งตรงข้ามถนนมีรถขายไอติมโบราณจอดขายแท่งละ10บาทอยู่
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น...
เพราะแทนคุณมองผ่านรถไอติมเลยไปยังเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งกำลังยืนเลียแท่งไอติมอย่างเมามันส์อยู่ข้าง ๆ ปลายลิ้นเล็กที่เลียไอติมไล่ตั้งแต่โคนจนถึงข้างบน ก่อนจะเอาเข้าปากแล้วคายออกมา ทำให้ใจของคนที่มองอยู่เริ่มเต้นแรง มีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าแดงและเขินจนต้องหันหน้าหนี
“บ้าจริง...” สบถแผ่วเบากับตัวเองก่อนจะหันกลับไปมองอีกครั้ง
เมื่อเรา สบตา เหมือนมันมีอะไรก็ไม่รู้มาทำให้ใจฉันไหวหวั่นอาจจะเป็นจังหวะที่เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากการเลียไอติมเพราะเกือบหมด แล้วมองมายังร้านน้ำปั่นฝั่งตรงข้าม ใจกำลังคิดว่าจะเดินขึ้นสะพานลอยข้ามไปซื้อดีไหม แต่ก็ต้องสะดุดกับสายตาที่มองมายังเขา เด็กหนุ่มสบตากลับหากแต่อีกฝ่ายรีบก้มหน้ามองพื้นแสร้งทำเป็นหยิบโทรศัพท์ออกมาทำท่ากด ๆ
พอเขาเห็นดังนั้นก็หัวเราะร่วนแล้วตัดสินใจเดินข้ามสะพานลอยตรงไปยังร้านขายน้ำปั่นทันที
“เอ๋...หายไปไหนแล้วหว่า?” คิดว่าพึมพ่ำเบาๆแล้วนะ แต่ก็ไม่วายคนที่ยืนอยู่ข้างหลังดันได้ยินแอบกลั้นยิ้มขำ
นิ้วเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแชทโปรแกรมสุดฮิต ตั้งสเตตัส ‘...ใจสั่น...หวั่นไหว...’ ก่อนจะเลื่อนหารายชื่อเพื่อนที่ว่างตอนนี้เพื่อคุยฆ่าเวลา
“อุก...ขอโทษครับพี่” โทรศัพท์เกือบตกพื้นเพราะแรงชนจากคนข้างหลัง มันชนซะแรงเหมือนจงใจให้แทนคุณหันกลับไปมอง
“ยืนดีๆหน่อยไม่ได้รึไง รู้ไหม...” ร่างสูงเพรียวหย่อนของในมือลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหันหน้ากลับมาด่าคนที่ชนแต่ก็ต้องชะงักเพราะสายตาที่มองมาไม่เหมือนคนที่ไม่ได้ตั้งใจชนเขาเลยสักนิด แถมไอ้เด็กนี้ยังหน้าเหมือนเด็กหนุ่มที่ยืนเลียไอติมอยู่อีกฟากถนนต่างหาก!
“รู้ไหมอะไรครับ” คนไม่ได้ตั้งใจชนถามพร้อมยิ้มล้อเลียนเต็มที
“เออ...เปล่า ช่างมันเหอะ” แทนคุณบอกพร้อมกลับหันหลังให้เด็กหนุ่ม
อยู่ๆก็รู้สึกว่าอากาศแถวนี้มันร้อนจนยืนอยู่ตรงนี้ไม่ไหว รอไม่ไหวแล้ว ไม่เอาแล้วน้ำปั่น ทั้งทีอีกแค่2คิวก็จะได้กิน
“พี่จะไปไหนครับ?” เด็กหนุ่มที่เพิ่งแกล้งชนคว้าข้อมือเรียวแล้วเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าแทนคุณกำลังจะเดินออกจากแถว
“ปะ...ไป...เออ พี่ไม่กินแล้ว มันร้อนเกิน ขี้เกียจรอแล้ว”
“หื้อ...” คนคว้าข้อมือถึงกับร้องครางออกมา อีก2คิวก็จะได้กินแล้วเนี่ยนะ ขี้เกียจรอแล้ว?
“.....” แทนคุณก้มหน้าก้มตาแกะข้อมือตัวเองให้เป็นอิสระแต่ก็ต้องชะงักเพราะประโยคถัดมาของคนที่สนทนาด้วย
“พี่โกรธที่ผมชนพี่เมื่อกี้รึเปล่า? ผมขอโทษ คือเอางี้ไหม พี่ไปนั่งรอที่ม้านั่งตรงนั้นก่อนก็ได้ มันร่ม แล้วเดี๋ยวผมซื้อน้ำไปให้”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้โกรธจริงๆ”
“พี่เอาน้ำอะไร”
“สลิ่มปั่น”
“โอเค ไปรอผมตรงนั้นนะครับ”
“อื้อ”
เด็กหนุ่มชี้ไปตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากร้านพร้อมกับปล่อยมือหันกลับ
แทนคุณมีความรู้สึกเหมือนล่องลอยเมื่อเจอสายตาตอนเขาถามว่า ‘พี่เอาน้ำอะไร’ มันไม่เชิงบังคับแต่ก็ดุดันจนไม่สามารถปฏิเสธได้
อกของซ้ายสั่นกระเพื่อมจนต้องพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ
เสียงเตือนจากโทรศัพท์ทำให้แทนคุณต้องล้วงขึ้นมาเปิดอ่านข้อความแล้วพิมพ์ตอบกลับไป
-อีห่า กว่าจะตอบ กูลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าทักมึงไป-
-ก็กูไม่ว่าง ต้องทำงาน ไม่ใช่คนว่างงานแบบมึงนี่-
-เออ เอาเข้าไป ซ้ำเติมกูเข้าไป-
-ตกลงมีอะไรทักกูมา แล้วสเตตัสของมึงนั่นมันอะไร ไปแอบปิ๊งใครเข้าอีกละ-
ก็...
แทนคุณพิมพ์ค้างไว้แค่นั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนรอน้ำอยู่ ถึงคิวของเด็กคนนั้นแล้ว...
-ก็เปล่าหรอก แต่...กูถามอะไรมึงหน่อยสิ-
-ไหนบอกว่าเปล่าอีนี่-
-เออน่า...-
-ว่ามา-
-มึงเคยเจอใครแล้วแบบสะดุดตาและหลงรักเขาในวินาทีนั้นเลยป่ะว่ะ?-
-คือมึงถามกูใช่ไหม?-
-เอ้า อินี่ -*--
-ถ้าเป็นกูนะ ไม่เคยหรอก มึงก็รู้ว่ากูรักคนยาก แต่กับคนอื่นน่ะอาจมี เยอะแยะถมแถไป คนที่เจอกันแค่แวบแรกแล้วรักกัน สปาร์คกันเลย มึงเข้าใจไหม ถ้าคนมันคู่กันแล้วมันก็ไม่แคล้วกันหรอก จะชายชาย หญิงหญิง รึ หญิงชาย-
-จริงเหรอว่ะ-
-เออ แล้วตกลงมึงไปปิ๊งใคร?-
“พี่ปิ๊งใครอยู่เหรอ?”
“เฮ้ย”
เสียงที่ดังมาจากข้างหลังทำให้แทนคุณรีบตะครุบโทรศัพท์ ตายละหว่า เด็กนี้จะทันอ่านที่เขาคุยกับเพื่อนไหมหน้อ ...
“น้ำครับ” เด็กหนุ่มยื่นน้ำให้ทั้งที่ยังอมยิ้มแล้วเดินอ้อมมานั่งลงข้างๆ
“ขอบใจ” คนรับถึงกับเสียงแผ่วก้มหน้าดูดน้ำแบบรีบๆ
“เฮ้ย พี่ไม่ต้องรีบกินขนาดนั้นก็ได้ แล้วตกลง...พี่ปิ๊งใคร?” คนข้างตัวยิ้มล้อเลียนพลางขยับเข้ามาใกล้จนไหล่สัมผัสกันเล็กน้อย
“ปะ...เปล่านี่ เด็กนิสัยไม่ดีแอบอ่านที่คนอื่นคุยกัน” คนบอกถอนปากออกจากหลอดทำตาขวางใส่แล้วก้มดูดน้ำต่อ
“ก็ผมเห็นพี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยอยากรู้ไงว่าแอบคุยกับสาวที่ไหน” คนยิ้มล้อเลียนเปลี่ยนมานั่งตัวตรงก้มหน้าดูดน้ำของตนบ้าง
“กับเพื่อนน่ะ ไม่ใช่สาวที่ไหนหรอก”
ใจจริงคนถามก็รู้อยู่แล้วหรอกน่า...ว่าท่าทางแบบนี้คงไม่ได้ชอบสาวๆหรอก แต่ก็ถามเพื่อความแน่ใจ
“พรุ่งนี้พี่มาที่นี่อีกป่ะ”
“ไม่รู้ดิ แล้วแต่อารมณ์อยากกินน้ำ”
“โรงเรียนผมอยู่ตรงข้ามนี้เอง ถ้าพรุ่งนี้พี่มา คงเจอผมยืนกินไอติมอยู่ที่เดิมอ่ะ ...หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะครับ” เด็กหนุ่มหันมายิ้มเท่ห์ให้ครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกเดินจากไป
แผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไปเรื่อยๆทำให้คนที่มองตามผุดยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วพรุ่งนี้...จะมาดีรึเปล่า?
-ที่มึงถามว่ากูปิ๊งใครน่ะ จริงๆแล้วกูว่ากูเปล่าปิ๊งว่ะ ...กูชอบน้องเค้าต่างหาก-
แต่ตั้งแต่วันนั้น ทุกคืนทุกวัน ก็เปลี่ยนไป“พี่...” เสียงเรียกจากคนที่เพิ่งมายืนข้างๆทำให้แทนคุณต้องหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้ จากเมื่อก่อนที่มาอาทิตย์ละครั้งก็เปลี่ยนไป เขากลายเป็นลูกค้าประจำร้านนี้โดยไม่รู้ตัว ร้านเปิดทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ แต่เขาก็มาร้านนี้เฉพาะจันทร์-ศุกร์เท่านั้น
เลือกมารึเปล่าหน้อ...
“ทำไมเพิ่งมาถึง” แทนคุณถามพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อตรงขมับเด็กหนุ่มสองสามเม็ด
“เพื่อนมันแกล้ง นี่ผมก็รีบวิ่งมาหาพี่แทบตาย” เขาบอกพร้อมกับจับมือที่เช็ดเหงื่อเมื่อกี้มาเช็ดที่เสื้อ
“เฮ้ย ทำอะไร” เจ้าของมือเรียวชักกลับเพราะกลัวว่าเสื้อนักเรียนสีขาวจะเปื้อน
“ก็มือพี่เช็ดเหงื่อผม เปื้อนเหงื่อ สกปรก”
“ไม่เป็นไร แต่เสื้อเรานั่นแหละจะเปื้อน เสื้อขาวมันซักยาก”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็ให้คนที่เช็ดดิ ซักให้” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างพร้อมกับเปลี่ยนตำเหน่งการยืน
“อ้าว...”
“ผมยืนตรงนี้ดีกว่า บังแดดให้พี่ด้วย”
“เห็นว่าพี่เป็นผู้หญิงรึไงกัน แดดแค่นี้เอง ไม่กลัวสักหน่อย”
“แต่ผมอยากปกป้องพี่จากทุกๆสิ่ง ดูสิ ถ้าผิวขาวๆของพี่มันคล้ำขึ้นมา ผมเสียดายแย่”
“พี่เป็นผู้ชายนะ อย่าทำเหมือนพี่เป็นผู้หญิงนักจะได้ไหมเล่า!?” แทนคุณดุเสียงแผ่วพร้อมกับยกกำปั้นขึ้นมาชกแขนเด็กหนุ่มอย่างไม่จริงจังนัก
และยิ่งมาก ขึ้นทุกที กับความรู้สึกที่ตัวฉันนั้นมีที่เรียกว่ารัก สองหนุ่มซื้อน้ำปั่นเสร็จก็เดินมานั่งที่เดิมเหมือนทุกวันที่ผ่านมา มันเหมือนเป็นกิจวัตรของทั้งสองโดยไม่รู้ตัว
ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน วันที่เด็กหนุ่มบอกกับแทนคุณไว้ว่า ‘หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก’ เขาก็เปลี่ยนจากยืนกินไอติมวันละ2แท่งเป็นแท่งเดียว เพื่อที่จะได้ข้ามสะพานลอยมาร้านน้ำปั่น และมีเวลาอยู่ที่ร้านนี้มากขึ้น แต่จนแล้วจนรอด รอจนร้านปิดทุกวันก็ไม่ยักกะเจอคนที่หวังว่าจะได้เจอเลย
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เขาก็ยังคงรอ และเริ่มแปลกใจตัวเองว่าทำไมต้องมานั่งรอคนที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว
อาทิตย์กว่าผ่านไป ... เขาก็ได้เจอคนที่รอสักที หากแต่ไม่ได้เร่งรีบพุ่งพรวดเข้าไปหา มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น หากคิดจะจีบ...คนที่ชอบตัวเอง
วันนี้เด็กหนุ่มยืนทานไอติมนานเป็นพิเศษ สายตามองมายังฝั่งตรงข้ามที่มีร่างโปรงยืนอยู่ แทนคุณแกล้งมองนู้นนี่ไปเรื่อยจนถึงรถขายไอติมโบราณ มองเลยไปยังเด็กหนุ่มพอเห็นเขามองอยู่ก่อนแล้วก็รีบหันหน้ากลับทำเชิ่ดๆ
ท่าทางดังกล่าวสร้างเสียงหัวเราะให้คนที่มองอยู่อย่างไม่ปิดบัง
“ไอ้เด็กบ้าไม่ข้ามมาสักที” แทนคุณบ่นกับตัวเองและแอบน้อยใจเบาๆ อีกคิวเดียวก็จะถึงเขาแล้ว ถ้ายังไม่มาจะกลับเลยจริงๆด้วย ชิส์ ...
“บ่นอะไรครับ?”
“เฮ้ย!” คนร้องตกใจผงะจนเกือบล้ม
“แฮ่ ~ ผมขอโทษ”
“ไอ้เด็กบ้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” แทนคุณค้อนวงใหญ่ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างนึกโกรธงอน
“รอผมนานไหม?”
“ใครรอ?” คนถูกถามตวัดเสียงตอบกลับทันที ไม่ง้อแล้วยังจะมายืนยิ้มเฉยเปลี่ยนเรื่องอยู่ได้
“แต่ผมรอพี่นานกว่านะ” จากใบหน้าที่ยิ้มเฉยก็เปลี่ยนเป็นเศร้าสลดจนชายหนุ่มตามแทบไม่ทัน มันอะไรกันว่ะเนี่ย...
“รอทำไม”
“ผมหวังว่าเราจะได้เจอกันอีก”
“ก็เจอนี่ไง”
“ทุกวัน”
“นี่!”
“พี่...”
เสียงครางจากเด็กหนุ่มทำให้คนที่ต้องขึ้นเสียงเพื่อกลบความอายก้มหน้าลง เจอหน้ากันน่ะ ทุกวันน่ะนะ เด็กนี่พูดออกมาได้ยังไง ไม่คิดจะปกปิดความรู้สึกของตัวเองมั่งเลยรึไงกัน
“เอาอะไรจ๊ะ?” เสียงป้าคนขายถามขึ้นทำลายคนที่กำลังคิดอะไรอยู่เงียบๆ
“เอาสลิ่มปั่นกับ...” เหลียวมองคนที่ยืนอยู่ข้างตัวเมื่อกี้หวังจะถามหากแต่พบเพียงความว่างเปล่า คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนจะมองไปยังม้านั่ง
“โธ่เอ๊ย เด็กน้อย...งอนสินะ” เขาพึมพ่ำกับตัวเอง ยิ้มน้อยๆแล้วสั่งน้ำ
“เอาสลิ่มกับลูกชิดปั่นครับ”
แก้วที่แตะข้างแก้มทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นจากภวังค์
“พี่...”
“แทนคุณ ...จะกินไหม?”
“ครับ?”
“พี่ชื่อแทนคุณ เรียกแทนเฉยๆก็ได้ จะกินไหม? ซื้อมาให้” ร่างโปรงบอกแนะนำชื่อตนพร้อมกับยื่นแก้วน้ำไปข้างหน้าทั้งที่ยังยืนอยู่
“ผมชื่อทานธรรม เรียกทานเฉยๆก็ได้ ...ขอบคุณครับ” ยิ้มเท่ห์แบบวันนั้นถูกส่งไปยังคนที่ยืนอยู่ ทำให้คนที่ได้รับต้องนั่งลงข้างๆแล้วหันหลังให้ทันที
“พี่หายไปไหนมาตั้งอาทิตย์กว่า พี่รู้ไหมว่าผมมารอพี่ที่นี่ทุกวัน ...พี่...อยู่กับแฟนเหรอ” เสียงถามในประโยคท้ายแผ่วเบาลง ทำให้คนที่นั่งหันหลังอยู่ต้องหันกลับมามอง และบอกว่า...
“พี่ยังไม่มีแฟน” ฉันรักเธอ ทั้งหัวใจ จากนี้เรื่อยไป จะรักเพียงเธอทั้งใจ
ฉันสัญญาว่าฉันจะยืนอยู่ตรงนี้ เพื่อเธอตลอดไป“เราเจอกันทุกวันได้ไหม?” คำถามสุดท้ายหลุดออกมาจากทานธรรมก่อนทั้งคู่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้เขาพูดออกมาแบบนั้น รู้แค่ว่า ความรู้สึกมันสั่งให้พูด แค่นั้น...
“จะจีบพี่เหรอ?”
“ได้ไหมล่ะ?”
แทนคุณส่ายหัวไปมาช้าๆ มองดูสีหน้าคนข้างๆที่สลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ในวินาทีต่อมาก็ยิ้มแฉ่งก่อนทั้งคู่จะเดินตัวลอยกลับบ้านใครบ้านมัน
“ไม่ต้องจีบหรอก ทานจีบพี่ติดตั้งแต่แกล้งชนแล้วละ”จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเจอกันแค่บริเวณร้านขายน้ำปั่นเป็นเจอกันทุกครั้งเมื่อมีโอกาส และจากแทนคุณที่ว่างงานกลายเป็นทุกๆตอนเย็นตั้งแต่บ่ายสามโมงครึ่งจะต้องแต่งตัวออกมานอกบ้าน ยืนรอซื้อน้ำปั่นเพื่อให้คนที่ยืนกินไอติมอยู่อีกฟากข้ามมาหา
“วันนี้ไปที่ไหน?” แทนคุณเงยหน้าขึ้นถามคนที่กำลังดูดน้ำอยู่ข้างๆ
“ไปคอนโดพี่”
“อื้ม” คนถามขานรับก่อนจะเดินนำไปยังห้องตัวเอง
มันไม่ใช่อะไรหรอกนะ ที่เขาถามแบบนี้ก็เพราะช่วงนี้เด็กที่เดินอยู่ข้างๆต้องการความสงบเป็นอย่างมากเพื่ออ่านหนังสือเตรียมเอ็นท์ฯ จะให้มานั่งอ่านข้างทางมันก็ยังไงอยู่ และเพราะเด็กเตรียมเอ็นท์ฯต้องการความสงบและกำลังใจไปพร้อมๆกัน เขาเลยต้องอยู่กับทานทุกเย็น บางวันก็ไปคอนโดเขาบ้าง หอทานบ้าง แล้วแต่อารมณ์เจ้าตัวอยากไป
“พี่รู้ไหมว่าทำไมผมถึงอยากอยู่ใกล้ๆพี่ รู้ไหมว่าทำไมผมถึงอยากเจอพี่ทุกวัน”
“.....” เขาไม่ตอบแต่เตรียมก้มหน้าทันที หากทานมันเกริ่นนำมาแบบนี้แล้วละก็เขาคาดว่าประโยคต่อมาจะต้องอายจนแก้มแดงแน่ๆ
“พี่จำครั้งแรกที่เราสบตากันได้ไหม?” ทานหยุดเดินนั่นทำให้แทนคุณต้องหยุดตามแต่ยังก้มหน้า “เราอยู่กันคนละฟากถนน แต่พี่เชื่อไหมทั้งๆที่กลุ่มสาว รร.หญิงล้วนก็ยืนมองผมจากฟากโน้นเหมือนกัน แต่สายตาผมกลับสะดุดให้หยุดมองที่พี่ แค่พี่คนเดียว ...แล้วรู้ไหมว่าทำไมผมถึงไปยืนอยู่ข้างหลังพี่ได้?”
“ไม่รู้...”
“เพราะเด็กที่ยืนซื้อน้ำต่อจากพี่คือเพื่อนในห้องผมไงล่ะ ตอนแรกผมก็ยืนอยู่ข้างๆมันนั่นแหละ แล้วก็ค่อยๆเนียนๆไปยืนอยู่ข้างหลังพี่” คนเล่ายิ้มแผล่ให้คนที่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง
“งี้ก็แสดงว่า...”
“ใช่ ผมได้ยิน” คนยิ้มแผล่เปลี่ยนเป็นยิ้มโชว์เหล็กจัดฟันสีส้มที่เพิ่งไปเปลี่ยนมา
“เง้อ...” แทนคุณอุทานออกมาแค่นั้นก่อนจะรีบเดินตัวปลิวทันที บอกตามตรงว่าเขาเป็นคนที่แพ้รอยยิ้มของคนจัดฟันมาก เพิ่งรู้เหมือนกันว่าทานจัดฟัน เพราะที่ผ่านมาก็เห็นแต่เด็กนี่อมยิ้มเฉยๆ ไม่เคยเห็นเต็มๆตาแบบนี้มาก่อน คือ...มันเขินมาตั้งแต่หมอนี่เล่าเรื่องข้างต้นแล้วล่ะ -///-
“พี่จะรีบไปไหนอ่า?...” ทานธรรมแกล้งทำเสียงยานคางรีบเดินตามไปคว้ามือนุ่มนิ่มมากุมไว้ พอลับตาคนก็คว้าร่างโปรงเข้ามากอดทั้งตัว
“เฮ้ย ปล่อย เดี๋ยวคนมาเห็น”
“ถ้าคนไม่เห็นแสดงว่ากอดได้ใช่ป่ะ?” เด็กหนุ่มยอมปล่อยพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไอ้เด็กบ้า!”
อยากให้ เธอรู้ ว่าฉันนั้นมีความสุขแค่ไหนเวลาที่เรานั้นชิดใกล้
และอยากให้เธอรู้ ว่าฉันดีใจ ที่ได้พบเธอ“ทาน...”
“ครับ?”
“เรารู้จักกันมากี่เดือนแล้ว?”
แทนคุณที่นั่งอ่านหนังสือข้างเด็กหนุ่มเงยมาขึ้นมาเอ่ยถาม
“อื้ม...เดือนครึ่งครับ ทำไมเหรอ?”
“ทานว่าความสัมพันธ์ของเรามันเร็วไปไหม?”
“หื้อ ไม่นะ จะเร็วหรือช้าผมก็ไม่สน ผมสนแค่ว่าขอให้ทุกวันของผมมีพี่เดินอยู่ด้วยข้างๆก็พอแล้ว” ทานธรรมขยับมานั่งซ้อนหลังแล้ววาดมือโอบเจ้าของเอวคอดให้ขึ้นมานั่งตัก
“นั่นสินะ”
“คิดอะไรอยู่ครับ?” จูบขมับของคนคิดมากย้ำๆพร้อมกับกระชับมือกอดเอว
“เปล่า... แต่ทานเคยได้ยินไหม ความรักที่มาเร็วมักจะไปเร็วเสมอ พี่กลัว...” ปากเรียวถูกประกบทันทีที่ยังพูดไม่จบ ลิ้นหนาสอดเข้าไปกวาดคำพูดต่อจากนี้และความกลัวออกมาจนหมดก่อนจะใส่ทั้งความรักและความห่วงใยลงแทนที่
“พี่ไม่ต้องกลัวนะ ความรักของเราถึงมันจะมาเร็วแต่ผมจะทำให้มันห่างไกลจากคำว่าไปเร็วที่สุด จะทำให้ไม่มีวันนั้น ไม่มีทาง” สีหน้าเด็ดเดี่ยวและคำพูดแน่วแน่ทำให้คนคิดมากก่อนหน้านี้กลับมายิ้มหวาน
“พี่มีความสุขนะ ที่ได้อยู่กับทาน”
“ผมก็มีความสุข พี่เป็นผู้ชายคนแรกที่มองผมด้วยท่าทางเขินๆ และก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมเขินเวลาอยู่ใกล้ๆ”
เธอคือ คนนั้น คนที่เคยอยู่ในฝันของฉันตลอดมา
ที่ฉันเฝ้าตามหาเฝ้ารอเวลาที่จะมาพบเธอ“พี่เคยมีแฟนมาก่อนไหม?”
“อื้ม...เคยสิ ทานล่ะ?” คนถูกถามตอบเสียงแผ่ว และไม่ลืมถามกลับเพราะอยากรู้เช่นกัน
“หงึ ไม่เคยครับ”
“จริงดิ?” แทนคุณทำตาโตหันหน้ากลับมามองคนที่ให้นั่งตักอย่างเหลือเชื่อ เด็กน้อยนี่ไม่ใช่ว่าจะขี้เหร่อะไรเลย ซ้ำยังออกหล่อๆเสียด้วย คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ตัวขาวอย่างลูกผู้ดีนี่น่ะนะ จะไม่มีใครสนใจ???
“อื้อ...จริง ผมเห็นแฟนเพื่อนแต่ละคนแล้วขออยู่เป็นโสดดีกว่า แต่ตอนนี้ก็ว่าจะไม่เป็นโสดล่ะ”
“เอาจริงๆดิ อย่าเปลี่ยนเรื่อง” คนบอกอย่าเปลี่ยนเรื่องแสร้งทำหน้าขรึมกลบความเขิน
“ก็พูดจริงๆ” ทานวางคางบนไหล่คนบนตักมองตรงไปข้างหน้าแล้วพูดต่อ “ผมก็เคยคิดนะ ว่าสักวันถ้าผมมีแฟน ผมจะเป็นยังไง แล้วคนที่ผมรักจะเป็นแบบไหน จะจู้จี้เหมือนแฟนเพื่อนผมไหม ผมเคยคิดไว้ว่าแฟนในอนาคตผมต้องไม่เป็นแบบผู้หญิงพวกนั่นแน่ จะต้องตรงข้ามทุกอย่าง และที่ผมยังเป็นโสดก่อนมาเจอพี่ เพราะผมกำลังจะเข้าหมาลัยไง ที่นั่นคงมีหญิงให้ส่องเยอะ เลยยังไม่คิดมีแฟนตอนนี้”
เพี้ยะ!
“โอ๊ย! พี่ตีผมทำไม?” คนถูกตีแกล้งทำหน้างอง้ำ
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?” คนทำเสียงดุถามอย่างคาดคั่นเอาคำตอบไม่สนหน้างอง้ำสักนิด
“ก็พี่บอกเอาจริงๆผมก็เอาจริงๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วไง ถึงสาวมหาลัยจะสวยแค่ไหนก็ไม่สน เพราะผมมีคนที่สนนั่งตรงหน้านี้แล้วไง”
ฟอดดดดด ~
ทานธรรมบอกพร้อมกับหอมแก้มนิ่มดังฟอดเพื่อย้ำคำพูดตัวเอง ทำให้คนโดนหอมหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันที
“พี่เชื่อใจผมนะ ผมจะมีพี่คนเดียว ผมไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะเป็นยังไง จะทะเลาะกันบ่อยหรือน้อยแค่ไหน แต่มือของผมจะจับมือพี่แล้วจูงผ่านจุดนั้นไปด้วยกัน มาวันนี้ผมรู้แล้ว และแน่ใจแล้วว่าพี่คือคนที่ผมต้องการและรอมาตลอด18ปี”
“เน่าเนอะ...” แทนคุณหุบยิ้มไว้แทบไม่อยู่ต้องรีบก้มหน้ามองมือใหญ่ที่กำลังจับมือตัวเองอยู่
“หึหึ นี่เป็นครั้งแรกของผมที่พูดแบบนี้เลย อภัยให้ด้วยนะครับ” เด็กน้อยรู้สึกประหม่าจนกลายเป็นเก้อเขินทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘เน่าเนอะ’ ใบหน้าคมแนบกับแผ่นหลังแทนคุณปล่อยให้เขานั่งเล่นมือต่อไปจนกว่าจะหายเขิน เพราะเขาเองก็เขินเหมือนกันที่พูดแบบนี้
และจากนี้ ไม่ต้องหวั่นไหว ไม่ต้องกลัวเพราะฉันจะยืนอยู่กับเธอ
ทางจะไกลสักแค่ไหน ขอให้เธอโปรดจงมั่นใจว่าฉันจะ...รัก
ฉันรักเธอ ทั้งหมดหัวใจ จากนี้เรื่อยไป จะรักเพียงเธอทั้งใจ
ฉันสัญญาว่าฉันจะยืนอยู่ตรงนี้“วันนี้แฟนเก่าพี่โทรมา...”
“อื้ม...ครับ”
เสียงตอบรับจากลำคอทำให้คนที่พูดอยู่หลังโซฟาต้องเดินอ้อมมานั่งลงข้างๆ ทานธรรมยังคงก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวแต่ก็ไม่ได้หันกลับมามอง แทนคุณเริ่มกังวลเมื่ออีกฝ่ายยังนั่งอ่านหนังสือนิ่งๆ อดไม่ได้ที่จะเอนหัวไปซบไหล่
“เขาถามว่าพี่สบายดีไหม... แล้วก็ถามว่าพี่มีแฟนใหม่หรือยัง”
“...ครับ” คนฟังยังคงนิ่งจนต้องเอื้อมมือมาโอบรอบเอวหลวมๆ
“พี่บอกว่ายังไม่มีแฟนใหม่หรอก แต่มีคนใช้ชีวิตร่วมกับพี่แล้ว”ฟอดดดดด ~
หอมแก้มเอาใจเขาสักหน่อยเถอะ พ่อคุณจะนิ่งไปไหน เห็นอยู่กับตาว่าอยากยิ้มแต่ทำเป็นเก๊ก ฟอร์มคนขี้หึงชัดๆ
“รู้หรอกน่า ว่าอยากยิ้ม ยิ้มมาเหอะ ไม่แซวหรอก” แทนคุณปิดหนังสือที่คิดว่าตอนนี้เด็กน้อยคงอ่านไม่รู้เรื่องแล้วย้ายขึ้นไปนั่งบนตัก วาดแขนโอบรอบคอ
“ผมหึงพี่”
“รู้” คนนั่งบนตักยิ้มล้อเลียนคนขี้หึงอย่างไม่คิดปิดบัง ก่อนจะทำหน้าจริงจัง
“ขอบคุณที่เล่าให้ผมฟัง ผมเชื่อทุกคำพูดของพี่” เด็กขี้หึงบอกก่อนจะซุกหน้าสูดกลิ่นหอมที่ซอกคอพลางแอบยิ้มกว้าง
“หนทางยังอีกไกล พี่อยากให้ทานอย่าพยามขี้หึงจนเกินไป เรายังต้องเจออุปสรรคอีกเยอะ ชีวิตมันไม่ได้ใช้ได้ง่ายๆอย่างที่คิด แต่ก็ไม่อยากเกินไปหากคิดจะใช้มัน แล้วยิ่งป็นชีวิตคู่ พี่อยากให้ทานหันหน้ามาพูดกับพี่ อย่านิ่งแบบเมื่อกี้อีก พี่ใจไม่ดี”
“ผมขอโทษ”
“อื้อ ไม่เป็นไร คราวหน้าจะได้รู้ไว้แล้วปรับปรุงตัว”
“ครับ”
“นี่พี่ก็ยังไม่รู้เล้ยว่าจะเจอสาวๆของทานตามรังควานรึเปล่า” แทนคุณพูดทีเล่นทีจริง แต่ก็คงรู้อยู่แล้วว่ามันคงไม่มีวันนั้นแน่นอน เด็กน้อยของเขาคงไม่ยอมให้มีวันนั้นเกิดขึ้นแน่ๆ เขามั่นใจ
“ผมรู้ว่าพี่ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว” ทานธรรมบอกด้วยสีหน้ามั่นใจเช่นกันพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่น
ไม่ว่าจะเกิดอะไรจากนี้ ขอสัญญาจะรักแต่เธอคนนี้ ตลอดไปฝนที่เพิ่งตกเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วทำให้อากาศในตอนบ่ายพอคลายร้อนได้บ้าง แทนคุณรีบอาบน้ำแต่งตัวออกมายืนต่อคิวซื้อน้ำรอเด็กน้อยเหมือนเคย ยืนได้ไม่นานก็มีความรู้สึกเหมือนอะไรมาสะกิดใจให้หันไปมองอีกฟากของถนน
เด็กน้อยของแทนคุณยืนกินไอติมในท่าเดิมและที่เดิมทุกวัน เหมือนวันแรกที่เจอกันไม่มีผิด
เขายิ้มให้พร้อมกวักมือเรียก ไม่นานคนที่ยืนอยู่อีกฟากก็มายืนข้างๆ
“วันนี้อากาศดี เรานั่งเล่นกันอยู่ตรงม้านั่งสักพักไหมครับ?”
“เอาสิ” แทนคุณตอบรับพร้อมกับสั่งเมนูน้ำปั่นเหมือนๆทุกวัน
พอเดินมานั่งก็ต่างคนต่างสนใจน้ำของตัวเอง วันนี้เด็กข้างๆดูเงียบขรึมผิดปรกติ อดไม่ได้ที่จะถาม
“ทานเป็นอะไรรึเปล่า?”
“เปล่าครับ”
“จริงเหรอ?”
“อื้อ”
10นาทีผ่านไป
“พี่แทน...”
“หื้ม?”
“ทานรักพี่นะครับ”“.....”
“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?”
“พี่ก็รักทาน”-THE END-
- ขอบคุณที่อ่านจนมาถึงตอนสุดท้ายครับ