:L2:ตอนจบมาแล้วค่ะ อันที่จริงว่าจะมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่มาวันนี้ก็ยังได้อยู่เนอะ อยากมอบตอนจบนี้เป็นของขวัญวันสงกรานต์ให้คุณผู้อ่านได้มีความสุขกันถ้วนหน้านะคะ สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
38
เทศกาลปีใหม่ทั้งอินเดียและสากลผ่านพ้นไปอย่างมีความสุข สำหรับอธิปพงศ์แล้วปีใหม่ที่ผ่านนี้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเป็นปีใหม่ที่ดีที่สุดในชีวิต หากเทียบกับปีก่อนที่เขากับนิธินต้องกล้ำกลืนความเศร้าหมองไว้ข้างในเพื่อเฉลิมฉลองกับคนรอบข้างที่ล้วนแล้วแต่ยินดีกับมาการถึงของศักราชใหม่ แต่สำหรับปีนี้แล้วคนทั้งคู่ได้ฉลองปีใหม่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากับกลุ่มเพื่อนฝูงอย่างชื่นมื่น
โดยที่ชีวิตคู่ของคนหนุ่มทั้งสองดำเนินไปอย่างปกติสุขโดยมีความรักและความเข้าใจให้แก่กัน เช่นเดียวกับวันนี้ที่นิธินในชุดทำงานมารอรับอธิปพงศ์กลับบ้านตามปกติ แม้จะอยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว แต่นิธินก็ยังรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าคนรักทุกเย็นในตอนที่มารับไม่ต่างจากวันแรกที่เขามารออธิปพงศ์อยู่หน้าร้าน
"พี่หมูคะ สามีมาค่ะ"
ป๊อกกี้ส่งเสียงบอกกับอธิปพงศ์ที่อยู่ในส่วนเตียงสระผม อธิปพงศ์เดินออกมาหาคนรักพร้อมกับส่งรอยยิ้มดีใจให้ไม่ต่างจากทุกวัน
"รออีกแป๊บนะครับ"
"ครับ"
ลักยิ้มน่ามองนั้นปรากฎอยู่บนหน้าใกล้กับแนวเคราทรงเสน่ห์ นิธินเลยหันไปช่วยหญิงกับป๊อกกี้พลางๆ สักพักก็พี่กุ้งขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระ ทำให้อธิปพงศ์กับคนรักและเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องก็ออกมาพร้อมกันโดยที่พวกเขาตั้งใจจะไปฝากท้องมื้อค่ำนี้ที่ร้าน ประจำในตลาดหลังสวน
"วันนี้คุณเหนื่อยมั๊ยครับ" นิธินเอ่ยปากถามคนรักที่ดูอ่อนล้าจาการทำงาน ขณะที่รออาหารมาเสริ์ฟ
"ครับ แต่ก็โอเค แล้วคุณล่ะ" อธิปพงศ์รู้ได้ทันทีว่าคนรักเพิ่งจะเลิกงานเหมือนกัน เขาคาดว่านิธินกำลังจะทำงานชิ้นใหญ่อีกครั้ง
"ก็โอเคครับ"
"คุณกำลังทำโปรเจกต์อยู่รึเปล่า"
"ครับ"
แม้คนทั้งสองจะคุยกันด้วยเสียงไม่ดัง แต่ก็ทำให้คนรอบข้างอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ที่เห็นคู่รักคุยกันอย่างนี้
"อะแฮ่ม!"
ป๊อกกี้กระแอมออกมาเบาๆ ให้รุ่นพี่กับคนรักรู้ว่าไม่ได้อยู่กันสองคน อธิปพงศ์เลยแกล้งถามรุ่นน้องตัวแสบว่า
"อะไรติดคอล่ะป๊อก"
"เปล่าค่ะ"
เจ้าตัวตอบนิ่งๆ เหมือนจะไม่อยากต่อคำเพราะความหิว แต่หญิงกลับบอกว่า
"ความอิจฉามันติดคอไง"
"นังหญิง!"
"ฮ่ะๆ"
ทุกคนหัวเราะกันครื้นเครงก่อนที่อาหารจะมาถึงโต๊ะ เมื่อทุกคนได้ข้าวครบแล้ว นิธินก็ค่อยพับแขนเสื้อสูงขึ้นพร้อมกับปลดกระดุมที่ลงมาอีกเม็ด ทำให้ป๊อกกี้และหญิงที่นั่งตรงข้ามอดมองกล้ามอกผึ่งผายจากชายหนุ่มผิวสีแทนตรงหน้าไม่ได้ อธิปพงศ์ที่เห็นอย่างนั้นก็หยุดมือ แม้ทั้งคู่จะเป็นน้องรักแต่อธิปพงศ์ก็แสดงความไม่พอใจออกมาทางแววตาโดยอัตโนมัติ ทำให้ป๊อกกี้กับหญิงได้แต่ส่งยิ้มเกรงใจให้และก้มหน้ากินข้าว แต่ก็ไม่ใช่แค่ป๊อกกี้คนเดียวที่เผลอมองตามแรงดึงดูดแบบผู้ชายของนิธิน ยังมีนิสิตหนุ่มหน้าหวานกับกลุ่มเพื่อนสาวที่นั่งตรงข้ามคู่รักก็ดูท่าจะหลงใหลในตัวชายหนุ่มเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนในกลุ่มมองนิธินไม่วางตาตั้งแต่มาถึง
"นังหญิงๆ"
ป๊อกกี้กระซิบกระซาบเมาท์เผาขนกับรุ่นน้อง
"หืมม"
"แกเห็นอีโต๊ะข้างหลังพวกเรามั๊ย มองคุณนิธินยังกับจะจับกินแทนข้าวงั้นแหล่ะ"
"อืมๆ"
แม้คนทั้งสองจะไม่ได้เมาท์กันออกรสให้รู้กันทั่วถึง แต่อธิปพงศ์ก็ได้ยินจนได้ เขาวางช้อนและเงยหน้าขึ้นมามองกลุ่มเด็กหนุ่มสาวในชุดนิสิตด้วยสายตาที่ทำให้หลายคนเข็ดหลาบมานับไม่ถ้วน รุ่นน้องทั้งสองได้แต่ก้มหน้ากินข้าวหลบสายตาทรงพลัง นิธินเหลือบมองคนรักแล้วหันมาอมยิ้ม ก่อนจะช้อนมืออีกฝ่ายมากุมไว้ที่ตักของเขา เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มหน้าหวานและผองเพื่อนก้มหน้ากินข้าวอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว เขาก็กลับมากินข้าวต่อและอารมณ์ดีขึ้นเพราะได้สัมผัสจากมือใหญ่ของคนรัก
"เห็นรึยังคะนังหญิง"
"อื้ม เห็นแล้ว "
รุ่นน้องทั้งสองมองหน้ากันเกรงๆ เพราะเป็นอีกครั้งที่พวกหล่อนได้เห็นอาหารหึงหวงคนรักของชายหนุ่มมาดนิ่งอย่างอธิปพงศ์
เมื่อข้าวเข้าไปไปครึ่งจานป๊อกกี้กลับมามีแรงวาดลวดลายต่อ หล่อนดูดน้ำจากแก้วและเริ่มเมาท์กับทุกคนถึงสิ่งที่คันปาก
"โอ๊ยย เซ็งค่ะ จะกุมภาฯแล้วหนูยังหาผัวไม่ได้เลย"
"งั้นพี่ป๊อกก็อดไปแข่งจูบมาราทอนอ่ะดิ"
"นั่นสิคะ เอออ เห็นอีรายการนี้มันจะมารับสมัครอยู่ที่สยามดิสฯ โอ๊ยๆๆ เซ็ง ไม่ได้โอกาสไปลุ้นเงินแสนกับเค้าบ้างเลย"
"อะไรเหรอป๊อก"
“ก็แข่งจูบมาราทอนวันวาเลนไทน์ไงคะพี่ ปีนี้มันมาจัดที่สยามดิสฯ ใครชนะได้เงินสองแสน โอ๊ย อารมณ์เสียไม่มีผัวกับเค้าเลยไปแข่งไม่ได้”
“อืม..” อธิปพงศ์รับคำอย่างนั้นและกินข้าวต่อ
“เอ่อ พี่หมูกับคุณนิธินไม่สนใจลองไปแข่งบ้างเหรอคะ”
“หืมม์...” คู่รักทั้งสองหันมามองน่ากัน ก่อนที่ป๊อกกี้จะสบทบอีกว่า
“เงินตั้งสองแสนเลยนะคะคุณพี่ เห็นว่าพวกคุณพี่หาเงินผ่อนคอนโดกันไม่ใช่เหรอคะ เป็นน้องน้องไปแล้วนะคะเนี่ย”
นิธินกับอธิปพงศ์มองหน้ากันอย่างกรุ่นคิด เพราะเขาก็อายุไม่น้อยกันทั้งคู่แล้ว จึงไม่แน่ใจว่าตัวเองจะอดทนกับการจูบกันนาน ๆ อย่างนั้นได้หรือไม่
“ก็เอาสิคะ พี่หมูจะรออะไรล่ะ”
เพื่อนสาวรุ่นน้องของอธิปพงศ์อย่างเขียวกรอกเสียงจริงจังผ่านโทรศัพท์เพื่อให้คำตอบกับความไม่แน่ใจของเพื่อนรุ่นพี่ แต่เจ้าตัวที่ถือสายรอฟังก็รู้สึกยังไม่มั่นใจอยู่ดี
“พี่กลัวไม่ไหวอ่ะ เป็นลมขึ้นมาคงแย่เลย”
“พี่หมูคะ...แค่จูบมาราทอนแค่นี้บอกไม่ไหว แล้วไอ้ที่พวกพี่ทำกันทุกคืนนี่มันเหนื่อยกว่าเยอะนะคะ อย่ามาพูดแบบนี้เลย”
“ก็มันไม่เหมือนกันนะ...นี่มันจูบกันอย่างเดียวเลย พอจบการแข่งขันพี่กับนิธินไม่เบื่อกันแย่เลยเหรอ”
“อืม...” เขียวคิดตามก็เห็นว่าที่อธิปพงศ์พูดมามีส่วนถูก
“คุณนิธินเค้าว่าไงมั่งคะ”
“ก็ยังลังเลอยู่เหมือนกันน่ะ”
“อืมม..” เขียวคิดไปคิดมาสักครู่จึงบอกกับเพื่อนรุ่นพี่ว่า
“งั้นเอางี้มั๊ยพี่หมู ก่อนแข่งสักอาทิตย์ พี่ลองแยกกันอยู่กับคุณนิธินดู”
“หะ...ยังไงล่ะ”
“ก็แบบ พี่หมูกับนิธินก็ลองแยกบ้านกันอยู่ไง ห้ามเจอหน้า ห้ามคุยโทรศัพท์ พอวันแข่งจริงพี่สองคนจะได้รู้สึกคิดถึงกันเหมือนตอนที่คุณนิธินไปทำงานที่ดูไบไง”
“อืม...” อธิปพงศ์เห็นว่าความคิดนั้นเข้าท่าอยู่ไม่น้อย “เดี๋ยวพี่ลองคุยกับคุณนิธินดูนะ”
“ค่า ยังไงก็ขอให้ชนะนะคะ”
“จ้า ขอบใจนะน้องเขียว
“ค่า”
เขากับเพื่อนรุ่นน้องพูดคุยกันต่ออีกสักพักก็วางสาย เขาเดินมายังห้องนอนและทิ้งตัวลงข้าง ๆ คนรักที่นอนดูทีวีอยู่ นิธินยิ้มให้และกางแขนเพื่อรองรับอธิปพงศ์ที่เข้ามาหนุนนอน
“ที่รัก คุณยังสนใจแข่งจูบมาราทอนอยู่มั๊ย”
“อืม..ก็น่าสนใจนะ”
อธิปพงศ์เงยหน้าถามคนรักด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
“ผมถามจริง ๆ นะ ที่คุณอยากลงแข่งเนี่ย เป็นเพราะอยากได้เงิน หรือว่าอย่างอื่นกันแน่”
“ก็...ผมก็อยากลองดูว่าตัวเองจะทำแบบนั้นได้นานแค่ไหนน่ะ”
“จริงเหรอ...”
“อื้ม...เงินหน่ะ ถ้าได้ก็ดี แต่ผมแค่อยากรู้ว่าผมกับคุณจะทำอย่างนั้นได้จริงรึเปล่า”
“งั้นพรุ่งนี้เราไปสมัครกันเลยนะ”
“ไปสิ..”
นิธินยิ้มรับ ก่อนที่อธิปพงศ์ลองบอกถึงสิ่งที่เพื่อนรุ่นน้องเพิ่งแนะนำ
“อืม ก่อนแข่งสักสัปดาห์นึง เราลองแยกกันอยู่ดีมั๊ย.. คุณว่าไง?”
“หืม....แยกกันอยู่เหรอ” นิธินทวนคำเพราะเขาก็ไม่อยากจะทำอย่างนั้น
“ทำไมเหรอ..คุณไม่เห็นด้วยใช่มั๊ย”
แต่เพียงมองตาคนรักอธิปพงศ์ก็รู้แล้วว่านิธินคิดอย่างไร
“ก็..ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนี่นา แล้วคุณว่าไงล่ะ ทำไมคุณถึงอยากทำแบบนั้น”
“ผมก็แค่คิดว่า ถ้าแข่งเสร็จแล้ว ผมกับคุณไม่เบื่อกันแย่เลยเหรอ...”
“ทำไมล่ะ ทำไมผมต้องเบื่อคุณ”
“ก็เราจูบกันนานข้ามวันเลยนะ ผมกลัวว่าหลังจากแข่งจบแล้ว เราอาจจะไม่เป็นเหมือนเดิม อีกอย่างตอนนี้เราอยู่ด้วยกัน เราจำไม่ได้หรอกว่าตอนที่เราห่างกันเรามีความรู้สึกยังไง..”
“อืม..” นิธินพยักหน้ารับฟังและคิดตาม
“ผมก็แค่อยากให้เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปน่ะ”
นิธินยิ้มรับเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากของคนรัก แม้ตอนแรกเขาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่อธิปพงศ์เสนอ แต่เขาก็ดีใจที่รู้ว่าตอนนิ้อธิปพงศ์มีความรู้สึกเดียวกันที่อยากจะมีชีวิตอย่างนี้ เขาโอบกอดคนรักแน่นขึ้นพร้อมกับคิดตามในสิ่งที่ อธิปพงศ์นึกกลัว หากแต่เขาอยากลองไปปรึกษาเพื่อนสักหน่อยกับเรื่องที่จะแยกกันอยู่ก่อนการแข่งขัน
“อืม เป็นความคิดที่ดีนะ ถ้าพวกนายจะลงแข่งจูบมาราทอนจริง ๆ” วิษณุออกความคิดเห็นเป็นคนแรกหลังจากฟังเรื่องที่นิธินเล่าให้ฟังจบ
“อย่างนั้นเหรอ...”
“อืม ใช่ ๆ วิษณุพูดถูก” เอเจสมทบ พร้อมกับแทนไทที่เห็นด้วย
“ชั้นก็ว่าดีนะ ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันทำให้พวกนายคิดถึงกันและเวลาพวกนายแข่งเนี่ยจะได้จูบกันนาน ๆ ไง”
“ใช่ ๆๆ ชั้นก็ว่างั้น” วิษณุก็พยักหน้าหงึกหงัก “ก่อนแข่งหนึ่งสัปดาห์นายมานอนที่บ้านชั้นสิ”
“เอางั้นเหรอ”
“อืม เอาอย่างนี้แหล่ะ”
นิธินมองหน้าเพื่อน ๆ ทุกคนที่เห็นตรงกันว่าให้ทำอย่างที่แนะนำ เมื่อเขาเห็นว่าทุกอย่างลงตัวแล้วจึงกดโทรศัพท์ไปหาคนรักทันที
“ที่รัก คุณไปสมัครลงแข่งมาหรือยัง”
“ยังครับ ทำไมเหรอ คุณว่าไง มีไรรึเปล่า”
“เปล่าครับ แค่อยากจะบอกว่า คุณไปสมัครเลยก็ได้ ตอนนี้ผมพร้อมแล้ว!”
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์มาถึง นิธินก็เก็บเสื้อผ้าบางส่วนลงกระเป๋าเพื่อจะไปอยู่ที่บ้านของวิษณุตามที่ตกลงกันไว้ อธิปพงศ์เดินมาส่งคนรักที่หน้าห้องจึงได้เห็นสีหน้าอิดออดของนิธินที่ดูไม่ค่อยอยากไปจากรังรักของพวกเขาซะเท่าไหร่
“อีกเจ็ดวันเจอกันนะครับ”
“ครับ”
นิธินรับคำแค่นั้นก่อนจะปิดประตู แต่อธิปพงศ์ก็รีบคว้าข้อมือเขาไว้และเข้าไปมอบจูบอ่อนหวานแทนความรู้สึกว่าเขาก็ไม่อยากอยู่ไกลจากคนรักเหมือนกัน ริมฝีปากนุ่ม ๆ กับลิ้นร้อนปลอบประโลมกันและกันโดยที่แขนแข็งแรงนั้นกอดรัดร่างสมส่วนไว้สักพักก่อนที่คนทั้งสองจะต้องห่างกันชั่วคราวเพื่อผลลัพท์ที่ดีขึ้นในการแข่งขัน
อธิปพงศ์มองตามร่างใหญ่นั้นจนลับตาและปิดประตูเข้าไปในห้อง เขาแตะริมฝีปากเบา ๆ และยิ้มเขินให้ตัวเอง ชายหนุ่มหวังว่าวันแข่งจริง ๆ เขาคงจะไม่เขินอายจนตายคาอกล่ำของคนรักไปเสียก่อนระหว่างที่จูบกัน...
และวันแข่งขันจริงก็มาถึงในวันวาเลนไทน์ คนทั้งสองเข้าไปรายงานตัวยังห้างดังตั้งแต่เช้า เขาสองคนมองหน้ากันด้วยความคิดถึง แม้จะห่างกันแค่สัปดาห์ แต่เขาก็ไม่ได้พูดคุยและติดต่อใด ๆ ซึ่งกันและกันเลย อธิปพงศ์รู้สึกดีที่มองไปก็พบว่ายังมีคู่รักชายหนุ่มแบบเขาหลายคู่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ รวมทั้งคู่รักที่เป็นผู้หญิงด้วย ชายหนุ่มทั้งสองรู้สึกดีที่ได้เห็นคู่รักไม่จำกัดเพศออกมาแสดงความรักแก่กัน เขารับหมายเลขสำหรับการเข้าแข่งกันและยืนไว้ในตำแหน่งที่กำหนด
“เอาล่ะนะคะ เรามานับถอยหลังเพื่อเข้าสู่การแข่งกันจูบมาราทอนทำลายสถิติประเทศไทยในปีนี้กันดีกว่าค่ะ นับด้วยกันนะคะ เอ้า 5...4..3..2...1 เริ่มค่า”
ผู้เข้าแข่งขันทุกคู่ต่างก็เข้าไปยังริมฝีปากของกันและกันเหมือนแม่เหล็กที่เจออีกขั้ว บ้างก็ค่อยแตะริมฝีปากของกันและกันเบา ๆ บ้างก็ประคองกอดกันอย่างดูดดื่ม หรือมีบางคู่ที่เริ่มต้นแลกลิ้นกันอย่างเร่าร้อน สำหรับคู่ของอธิปพงศ์นั้น เขาค่อย ๆ หลับตาและสัมผัสริมฝีปากของคนรักอย่างนุ่มนวล ราวกับว่าจะใช้ทุกวินาทีที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด
“เป็นที่น่าสังเกตนะคะว่าปีนี้มีคู่รักที่เป็นเพศเดียวกันเข้าร่วมการแข่งขันอยู่หลายคู่ มีทั้งคู่เกย์ และเลสเบี้ยนเลย แต่มีคู่นึงค่ะดิชั้นเห็นแล้วเสียดายมากกก หมายเลข 38 ค่ะ หล่อทั้งคู่เลย...”
พิธีกรสาวสร้างบรรยากาศโดยการบรรยาย โดยที่เธอพูดถึงคู่ของนิธินกับอธิปพงศ์ แถมยังทิ้งท้ายไว้ด้วย
“เห็นอย่างนี้แล้วเศร้าค่ะ ผู้ชายหล่อ ๆ มารักกันเอง...”
เวลาผ่านไป 12 ชั่วโมง มีคู่รักบางส่วนขอถอดใจจากการแข่งขัน แต่นิธินยังคงอยู่กับอธิปพงศ์ที่เดิม แม้จะเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งลงกับพื้นบ้าง หรือไปเข้าห้องน้ำด้วยกันมาแล้วบ้างก็ตาม เมื่อเข้าชั่วโมงที่ 24 อากาศจากเครื่องปรับอากาศค่อนข้างจะเย็นเลยทำให้อธิปพงศ์รู้สึกง่วงขึ้นมาเล็กน้อย นิธินเห็นอย่างนั้นจึงรีบสอดลิ้นร้อนเข้าไปในช่องปากของคนรักทันที ทำให้อธิปพงศ์ที่ใกล้จะปิดตาถึงกับพลันตื่นด้วยความเร่าร้อน และจูบตอบคนรักไปด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน
“ว้ายย คู่นี่มีแลกลิ้นกันด้วย แก้ง่วงนะคะ สู้ ๆ”
พิธีกรสาวคนใหม่เข้ามาสร้างบรรยากาศให้การแข่งขันที่ยังไม่จบสัพยอกและให้กำลังใจคู่รักที่ยังอยู่ในการแข่งขัน จากคู่รัก 100 คู่ ผ่านไป 1 วัน เหลือคู่รักที่ยังคงอยู่ในที่นี้เพียง 30 กว่าคู่เท่านั้น โดยยังมีคู่รักชายหนุ่มยืนหยัดอยู่อีก 5 คู่ นอกจากนั้นก็เป็นคู่รักชายหญิง และยังมีคู่รักหญิงสาวอีก 1 คู่ที่ยังคงไม่ท้อถอย
(มีต่อค่ะ)