วันนี้มาแล้วค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ทุกคน
31
อธิปพงศ์ตื่นเช้าอย่างอ่อนเพลีย แม้เมื่อคืนจะหลับสบายบนที่นอนหนานุ่ม แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ค่อยสบายใจเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน อธิปพงศ์นึกเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนอยู่เหมือนกัน ที่ต้องเสียใจและเจ็บตัวเพราะเขาคนเดียว แต่เขาก็เลือกที่จะไม่โทรไป เพราะอยากให้กรวัฒน์ตัดใจจากเขาได้เสียที เขาอาบน้ำแต่งตัวและเก็บที่นอน ก่อนจะเดินออกไปขอบคุณเพื่อนรุ่นน้องผู้ให้ที่พักใจแก่เขา เมื่อลองเดินไปยังโต๊ะกินข้าว ก็เห็นว่าเจ้าของบ้านกำลังจะรับประทานอาหารเช้ากัน มาร์โคผู้เป็นสามีกำลังทำอาหารเช้าอยู่หน้าเตา ส่วนเขียวกำลังดูแลลูกชายอยู่ใกล้ ๆ เมื่อหญิงสาวผู้กำลังอุ้มลูกน้อยบนตักเห็นเพื่อนรุ่นพี่เดินมาจึงกล่าวชวน
"อ่าว พี่หมู มาพอดีเลยทานข้าวกันค่ะ"
อธิปพงศ์ยิ้มให้ “พี่ว่าจะกลับเลยหน่ะ ขอบคุณน้องเขียวมากนะครับ ถ้าไม่ได้น้องเขียวพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะเป็นยังไง”
เขียวเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนรุ่นพี่เหมือนจะถามถึงสาเหตุของเรื่องเมื่อคืนนี้ อธิปพงศ์เลยเปิดปากเล่าบางส่วนให้รุ่นน้องฟัง
“ช่วงนี้พี่ไม่ได้คุยกับนิธินเลยนะ พี่เหงามาก เหงาจนพี่ไม่อยากกลับไปอยู่ที่ห้องคนเดียว...”
“เมื่อคืนพี่หมูกินเหล้าด้วยรึเปล่าคะ”
“พี่เพื่อนพี่ชวนไปกินเหล้าหน่ะ พี่ไม่มีไรทำเลยออกไปกับมัน...”
แต่เขียวรับรู้ได้ว่าเมื่อคืนอธิปพงศ์ไม่ได้เมา แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ นอกจากบอกว่า
“ถ้ายังอยู่คนเดียวไม่ได้ มาอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ค่ะ อยู่กับเซอร์จิโอ... ใช่มั๊ยครับ...ไหนบอกลุงหมูสิ”
หญิงสาวพยักพเยิดไปทางลูกน้อยที่ตบมือและส่งเสียงเอิ๊กอ๊ากชอบใจ อธิปพงศ์ยิ้มให้หลานตัวน้อยก่อนจะบอกกับเพื่อนรุ่นน้องว่า
“ไม่ได้หรอกครับ แค่นี้พี่ก็รบกวนน้องเขียวมากพอแล้ว...”
“ไม่หรอกค่ะ บางครั้งความรู้สึกของคนเรามันก็มีช่วงที่เข้มแข็งหนักแน่น แต่บางครั้งมันก็ช่างบอบบางและอ่อนไหวจนเราไม่สามารถต้านทานมันได้ ถ้าพี่หมูยังไม่ไหวจริง ๆ ก็มานอนบ้านเขียวได้ค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับ”
มาร์โค่หันมาพร้อมกับอาหารเช้าที่ทำให้ภรรยากับลูกและแขกที่มาในวันนี้ อธิปพงศ์เห็นอย่างนั้นจึงต้องร่วมรับประทานอาหารด้วยอย่างเกรงใจ ที่ต้องให้เพื่อนรุ่นน้องและครอบครัวเป็นคนดูแลเขา ก่อนจะขอตัวกลับเขาจึงบอกกับคนทั้งสองว่า
“ผมรบกวนคุณมาร์โค่มากไปจริง ๆ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เพื่อนเขียวคนอื่นก็มาค้างที่นี่บ่อย เป็นเรื่องธรรมดาของบ้านเราครับ” สามีรุ่นน้องตอบยิ้ม ๆ แบบชินเสียแล้วกับบรรดาเพื่อนสนิทเพศที่สามของภรรยา ส่วนเขียวก็ให้กำลังใจรุ่นพี่ก่อนจะไป
“พี่หมูคะ อีกแค่เดือนกว่า ๆ เท่านั้นคุณนิธินจะกลับมา เขียวว่าเดี๋ยวเค้าก็ต้องติดต่อมาเอง เข้มแข็งไว้นะคะ”
“ขอบคุณครับ” เขารับคำยิ้ม ๆ “เดี๋ยวชุดนอนนี่พี่เอาไปซักให้นะ พรุ่งนี้พี่จะเอามาคืน”
“ค่ะ….มีอะไรโทรหาเขียวนะคะ”
“จ้ะ ขอบคุณมากนะจ๊ะ”
เขาเดินออกจากบ้านเขียวและต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับที่พักของตัวเอง เขาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปทำงานตามปกติและก็นึกอะไรขึ้นมาได้ อธิปพงศ์รู้ซึ้งถึงคำว่าเหงาอย่างถ่องแท้แล้ว จากที่เมื่อก่อนเขาก็เคยไม่มีเวลาให้คนรักเก่าเหมือนกัน และก็หัวเราะขึ้นมาได้ เมื่อนึกถึงตัวเองตอนออกอาการหึงหวงนิธิน เลยพบว่ามันไม่ต่างจากตอนที่เขามองแฟนเก่าออกอาการหึงหวงเขาเสียเท่าไหร่ แต่ตอนนี้อาการทั้งหมดนั้นกลายเป็นสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบัน เขาจึงเข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมาพวกเธอรู้สึกอย่างไร
“สงสัยเป็นกรรมที่เคยทำกับคนอื่นไว้มากล่ะมั๊ง” อธิปพงศ์สรุปเองและเดินออกจากห้องเพื่อไปทำงานในวันนี้ เขาพิมข้อความส่งให้กรวัฒน์ด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อนว่า
“กูขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจ แต่มึงจะผ่านพ้นไปได้เอง ไว้มึงพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
กรวัฒน์ที่เพิ่งถึงที่ทำงาน หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูข้อความนั้นแล้วก็ยิ้มเศร้า แม้เขาจะไม่สามารถทำใจได้เพียงชั่วข้ามคืน แต่เขาก็จะพยายามไม่จมอยู่กับความรู้สึกผิดหวังและเสียใจในครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่สามารถเปลี่ยนอธิปพงศ์ให้เป็นคนรักได้อย่างที่ใจต้องการ แต่ก็ยังดีที่เหลือความเป็นเพื่อนไว้ไม่ได้ตัดขาด ชายหนุ่มคิดว่าแค่นี้ก็ดีมากแล้วสำหรับเรื่องของเขา
ด้านนิธินที่กำลังทดลองระบบกับเพื่อนร่วมงานอีกครั้ง หลังจากเคร่งเครียดกับการปรับแก้มาหลายรอบแล้ว ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ทุกคนในทีมหวังว่าระบบจะสามารถตอบสนองต่อกันได้เป็นอย่างดี และเมื่อลองทดสอบตัวระบบพบว่าระบบใช้งานได้และมีการตอบสนองต่อคำสั่งเป็นอย่างดี โปรแกรมเมอร์ทุกคนที่รอลุ้นต่างก็ส่งเสียงเฮออกมาด้วยความดีใจ เพราะพวกเขาอดตาหลับขับตานอนต่อสู้กับชิ้นงานนี้มากว่าสัปดาห์แล้ว ทุกคนเข้ามาจับมือแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน ส่วนนิธินเองก็ได้แต่โล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาไม่รอช้าที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมข้อความบนหน้า Facebook ของคนรักทันที
“วันนี้ผมทำสำเร็จแล้ว! ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อคุณเลย คิดถึงคุณมากนะครับ คืนนี้เจอกันใน skype นะ”
ชายหนุ่มมองหน้าจอมือถือและอมยิ้มอย่างมีความหวัง หากว่างานชิ้นนี้ผ่านการตรวจสอบจากฝ่ายวิเคราะห์ระบบแล้ว เขาก็จะได้ย้ายกลับไปทำงานในตำแหน่งใหม่ที่กรุงเทพฯในเดือนมิถุนายนทันที ซึ่งก็เหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมา แม้เขาจะเป็นห่วงคนรักมากเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถดูแลและพูดคุยได้อย่างที่เคย เขากลัวเหมือนกันว่าอธิปพงศ์จะมีใครเข้ามาให้หวั่นไหวหรือเปล่า แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นในตัวคนรักว่าชายหนุ่มยังคงมั่นคงต่อเขาเหมือนที่เขาตั้งใจทำงานเพื่อจะได้กลับไปอยู่ด้วยกันอย่างที่หวังไว้
อธิปพงศ์ที่ออกมาพักกินข้าวกับหญิงหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูอย่างเซ็ง ๆ เพราะก็ไม่รู้ว่าวันนี้นิธินจะติดต่อกลับมาบ้างหรือเปล่า หญิงเห็นอาการรุ่นพี่แล้วก็ได้แต่เป็นห่วง เลยได้แต่ชวนให้กินข้าวเพื่อจะได้รีบไปทำงาน
แต่พออธิปพงศ์ เปิดดูใน Facebook ก็พบกับข้อความที่คนรักส่งมาให้เมื่อครู่นี้ ชายหนุ่มดีใจมากที่ได้รับการติดต่อจากคนรักและรู้สึกชื่นใจที่อีกฝ่ายยังคงบอกว่าคิดถึง อธิปพงศ์ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขจนหญิงที่กินข้าวอยู่สงสัย
“มีอะไรอ่ะพี่หมู”
“เปล่าหรอก” อธิปพงศ์ยิ้มอย่างมีความสุข “กินข้าวกันเถอะ”
หญิงพยักหน้ารับและกินข้าวต่อ โดยมิวายมองหน้ารุ่นพี่ที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับเมื่อครู่ เด็กสาวคิดว่าคงจะเป็นเพราะอธิปพงศ์ได้รับข่าวดีจากคนรักมาแน่ ๆ จึงทำให้เป็นอย่างนี้
เมื่อเลิกงานอธิปพงศ์กลับไปถึงห้องและเปิดคอมพิวเตอร์ด้วยความตื่นเต้น พอเข้าโปรแกรมพูดคุยออนไลน์เขาก็พบว่านิธินมาออนไลน์รอเขาอยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปทักทายคนรักทันที
“ไงครับ”
เขาส่งยิ้มให้คนรักผ่านกล้องหน้าจอ เมื่อเขาเห็นหน้าคนรักก็แทบน้ำตาไหล เพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานานแล้ว เขามองดูใบหน้าอิดโรยที่เต็มไปด้วยหนวดเคราและผมที่ยาวไม่เป็นทรงของคนรักอย่างคิดถึง
“ที่รัก คุณเป็นยังไงบ้าง” นิธินถามกลับมาด้วยความเป็นห่วง เพียงเท่านั้นอธิปพงศ์ก็เริ่มน้ำตาซึม เพราะประโยคนี้เขาต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายถาม
“ผมก็..เรื่อยๆ....คิดถึงคุณหน่ะ” อธิปพงศ์พยายามตอบให้คนรักสบายใจที่สุดแต่ก็ไม่สามารถเก็บความรู้สึกที่แต่จริงได้
“อืม ผมก็เหมือนกัน ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้มาคุยกับคุณเลย”
อธิปพงศ์ส่ายหน้าทันที เขาลืมความรู้สึกเหงาและน้อยใจไปเสียสิ้น เมื่อเห็นสภาพของคนรักผ่านหน้าจอในตอนนี้
“ไม่เป็นไรครับ”
นิธินรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะร้องไห้ เขาไม่ได้พูดอะไรเพราะก็ดีใจจนแทบหลั่งน้ำตาเหมือนกัน
“ผมดีใจด้วยนะที่คุณบอกว่าคุณทำสำเร็จแล้ว คุณจะได้กลับมาแล้วใช่มั๊ย”
“ก็ แค่เริ่มต้นหน่ะครับ ต้องรอตรวจสอบอีกที แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมว่าผ่านอยู่แล้ว”
“อืม” อธิปพงศ์รับคำด้วยความดีใจ
“คุณคงเหงามากสินะ ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ”
อธิปพงศ์ส่ายหน้าอีกครั้ง ด้วยรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งที่นิธินพยายามทำงานหนักเพื่อจะได้กลับมาอยู่กับเขาแท้ ๆ
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมเข้าใจว่าคุณต้องทำงานหนักแค่ไหน ผม...” อธิปพงศ์พูดไม่ออกเพราะรู้สึกจุกที่ลำคอ “ผมจะรอคุณนะครับ”
“ครับ แล้วผมจะกลับไป”
นิธินตอบรับหน้าใส ๆ แล้วลูบหน้าคนรักผ่านกล้องเว็บแคมอย่างคิดถึง แม้เขาจะดีใจที่ได้เจอกับคนรัก แต่ก็รู้สึกอดห่วงไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าขาวใสนั้นดูมีแววแห่งความกลัดกลุ้มฉายอยู่ไม่น้อย เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้กลับไปดูแลคนรักอย่างที่เคย พวกเขาพูดคุยกันไม่นานเพราะสิ่งที่อยากจะบอกให้กันและกันรับรู้ก็คงเป็นเรื่องเดียวกันแค่นั้น เขาทั้งสองก็บอกลากันเพื่อเข้านอน
นิธินทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า เพราะไม่ได้เข้านอนในเวลานี้มานานแล้ว เขานึกถึงอธิปพงศ์และพูดออกมาอย่างคิดถึงว่า
“ที่รัก..รอผมหน่อยนะครับ อีกไม่นานแล้วเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน..ผมจะไม่ไปไหนจากคุณอีก”
สายฝนกลางพฤษภาคมเทกระหน่ำสู่กรุงเทพฯเหมือนจะไล่อากาศร้อนที่ผ่านไป ต่างกับดูไบที่ฤดูร้อนเพิ่งจะเริ่มต้น อธิปพงศ์และช่างคนอื่นต่างก็ทำงานแทบไม่ได้ว่างเว้น เพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่นักเรียนนักศึกษาเปิดภาคเรียนกันแล้วคนหนุ่มสาวทั้งหลายจึงเข้ามาใช้บริการในร้านตัดผมมากเป็นพิเศษ ส่วนนิธินเองก็กำลังนำเสนอระบบปฏิบัติการรูปแบบใหม่ที่พวกเขาทุ่มเทคิดค้นและทดลองมาแรมเดือนให้กับเจ้านายและนักวิเคราะห์ระบบฟัง โดยนักวิเคราะห์ระบบจะนำระบบปฎิบัติการนี้ไปตรวจสอบตามขั้นตอนอีกครั้ง ถ้าหากว่าใช้การได้ดี นิธินและทีมงานทั้งหมดก็ถือว่าสอบผ่านกับโครงการนี้
“ที่รัก วันนี้เป็นอะไร คุณดูเหนื่อย ๆ นะ” นิธินทักทายคนรักผ่านSkype เขาคิดว่าตอนนี้อธิปพงศ์ดูอ่อนล้ามากเป็นพิเศษ
“วันนี้ลูกค้าเยอะหน่ะ แต่ก็ดีนะ..” อธิปพงศ์ตอบยิ้ม ๆ เพราะช่วงนี้พวกเขาได้พูดคุยกันบ่อยกว่าเดือนที่แล้ว
“และคุณล่ะ เป็นไงมั่ง เห็นว่าวันนี้ส่งงานนี่นา”
“อืม” รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏบนในหน้าคร้ามเข้ม “แต่ก็ยังไม่รู้หน่ะว่าเค้าว่าไง”
“ผ่านอยู่แล้วหล่ะน่า” อธิปพงศ์ให้กำลังใจ
“ขอบคุณครับ...ว่าแต่กรุงเทพฯเป็นยังไงมั่ง ตอนนี้ฝนตกรึเปล่า”
“อืมใช่ ๆ ฝนตกทุกวันเลย แล้วคุณรู้ได้ไงเนี่ย”
“ก็ผมดูข่าวไทยในอินเตอร์เน็ทหน่ะ”
“เหรอ…” อธิปพงศ์ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น “คุณคิดถึงกรุงเทพฯมากเลยเหรอ”
“คิดถึงคุณมากกว่าหน่ะ” นิธินตอบไปตรง ๆ เพราะชายหนุ่มคิดว่าเวลานี้ไม่รู้จะอ้อมค้อมไปเพื่ออะไร
“โหย....” คนฟังอยู่เขินแทบพูดไม่ออก “ไม่คิดถึงพ่อกับแม่คุณเหรอ”
“คิดถึงสิ แต่ก็เหมือนคุณแหล่ะ หลัง ๆ มานี้ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่”
“อืมๆๆ” อธิปพงศ์พูดต่อ “แม่กับยายผมบอกว่า ถ้าคุณกลับมาแล้วให้ไปหาที่ลพบุรีด้วยนะ”
“จริงเหรอครับ”
“จริงสิ...ตอนที่ผมกลับบ้านเค้าก็บ่น ๆ นะว่าเสียดายคุณไม่ได้มาด้วย”
“อืม ผมก็เสียดาย”
“ผมอยากให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ จัง” อธิปพงศ์พูดอย่างตื่นเต้นกับวันที่จะได้อยู่ด้วยกัน
“ไม่นานหรอกครับ ห้าเดือนกว่าเรายังผ่านมาแล้ว เหลืออีกนิดเดียวเอง”
“อืม นั่นหน่ะสิ”
อธิปพงศ์รับคำคนรัก เหลืออีกไม่นานแล้วที่ความฝันของพวกเขาจะเป็นจริง แม้ว่านิธินจะส่งเงินค่าผ่อนที่พักมาไม่ขาด และเขาก็รู้ดีว่างานที่ดูไบมีเงินเดือนที่สูงกว่า แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธความต้องการของตัวเองว่าอยากให้คนรักกลับมาอยู่ด้วยกันที่นี่มากที่สุด
“คิดอะไรอยู่เหรอครับ” นิธินถามเมื่อเห็นคนรักเงียบไป
“เปล่าครับ” อธิปพงศ์นึกขึ้นได้ “ผมก็แย่นะ ไม่ได้ไปเยี่ยมบ้านคุณเอเจอีกเลยตั้งแต่คุณชะเอมคลอดลูกคราวนั้น”
เขาหมายถึงภรรยาของเอเจที่ให้กำเนิดลูกสาวเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา
“เดี๋ยวไปด้วยกันกับผมนี่แหล่ะ”
“อืม ๆ ไปเยี่ยมหลานกันเนอะ”
พวกเขายิ้มให้กันอย่างสดใสกับความหวังที่ก่อตัวในใจอีกครั้ง อีกไม่นานแล้วที่คนทั้งสองจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน อธิปพงศ์คิดว่า คราวนี้เขาจะตั้งใจดูแลนิธินให้ดีที่สุดและใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้คุ้มค่ากับสิ่งที่เขาอดทนรอคอยมาแสนนาน
นิธินและเพื่อนร่วมงานทุกคนนั่งรอฟังคำตอบจากเจ้านายและนักวิเคราะห์ระบบในห้องประชุม เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าแล้ว นักวิเคราะห์ก็ได้ให้คำตอบกับพวกเขาว่า
“ยินดีด้วย ระบบปฏิบัติการของพวกคุณมีการตอบสนองเป็นอย่างดี ยินดีกับพวกคุณทุกคนด้วย”
ทุกคนมองหน้ากันและพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ในที่สุดงานหนักที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจกันมาก็สำริดผล หลังจากรับฟังและประชุมรายละเอียดต่าง ๆ อีกเล็กน้อย พวกเขาเดินตัวปลิวออกมาจากห้องประชุมด้วยความดีใจที่สุด
“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานนี้” นิธินบอกกับเพื่อนร่วมงานทุกคน เขาจับมือยินดีกันตามมารยาท ใบหน้าทุกคนที่อิดโรยตอนนี้ปรากฏสีหน้าแห่งความแช่มชื่นขึ้นมา ในที่สุดงานใหญ่ก็จบลงด้วยความสำเร็จ เห็นทีว่างานนี้พวกเขาคงต้องไปฉลองใหญ่กันให้หายเหนื่อยเสียหน่อยแล้ว
“คุณนิธินคะ” เลขาสาวของเจ้านายเข้ามาเรียกชายหนุ่มตามคำสั่ง “บอสขอพบค่ะ”
“ขอตัวก่อนนะ” นิธินบอกกับเพื่อนร่วมงานและเดินตามหญิงสาวไปยังห้องทำงานของเจ้านาย
“นั่งลงครับ” เจ้านายกล่าวด้วยเสียงทรงอำนาจ ก่อนจะยื่นซองเอกสารให้
“คุณผ่านงานที่นี่แล้ว ยินดีด้วยกับตำแหน่งใหม่ที่กรุงเทพฯครับ”
นิธินแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะสิ่งที่เขารอคอยมาตลอดได้อยู่ตรงหน้าแล้ว
“ข..ขอบคุณครับ”
“อาทิตย์หน้าเตรียมตัวเดินทางได้ ยินดีด้วยอีกครั้งครับ”
เจ้านายกับเขาจับมือกับแสดงความยินดีกันตามมารยาท ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปรวมกลุ่มกับเพื่อนตามเดิม
“มีอะไรเหรอนิธิน”
“ผมได้ย้ายไปทำงานที่กรุงเทพฯครับ”
“เฮ้ยย จริงดิ งั้นเราต้องไปฉลองให้นิธินแล้ว จริงมั๊ยพวกเรา”
เพื่อนร่วมงานทุกคนมองเขาอย่างยินดี นิธินแบ่งรับแบ่งสู้ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์มาเปิด Facebook เพื่อรายงานผลแก่คนรักที่รอคอยทันที
“งานผมผ่านแล้ว ดีใจที่สุดเลย!”
อธิปพงศ์ดีใจจนแทบร้องออกมาเมื่อเห็นข้อความนั้นบนหน้าวอลล์ของตัวเอง ในที่สุดความฝันของเขาก็ใกล้ความจริงเข้ามาทุกทีแล้ว ชายหนุ่มที่เพิ่งจะออกจากห้องน้ำเดินกลับมาที่ร้านด้วยสีหน้าแห่งความสุข จนป๊อกกี้มองหน้างง ๆ
“มีอะไรเหรอคะคุณพี่”
อธิปพงศ์ยิ้มตอบรุ่นน้อง “เปล่า..”
“หูยย มาป่งมาเปล่า น้องไม่เชื่อ สงสัยมีข่าวดีจากสามีส่งมาใช่มั๊ยคะ”
“อืม” อธิปพงศ์ตอบรับแค่นั้น แต่กลายเป็นป๊อกกี้ที่กรี๊ดกร๊าดออกมาเสียเอง
“อร๊ายยย เริ่ดค่ะ เริ่ดๆๆๆๆ” เธอพูดต่อ “งั้นก็แสดงว่า คุณนิธินใกล้จะได้กลับมาครองคู่กับคุณพี่แล้วสิคะ”
อธิปพงศ์รับคำเขิน ๆ “ก็ทำนองนั้น”
“ตายแล้ว ยินดีด้วยนะคะคุณพี่ น้องดีใจด้วยจริง ๆ”
“ขอบใจนะ” เขาหันไปมองหญิงที่อยู่อีกมุมก็พบว่าเด็กสาวก็ส่งยิ้มดีใจมาให้เช่นกัน
“อะไรกันนังป๊อก” พี่กุ้งที่เพิ่งสระผมลูกค้าเสร็จเดินออกมาถาม เพราะได้ยินเสียงกรี๊ดของเจ้าตัว
“ถามพี่หมูเองค่ะคุณแม่ ลูกไม่เมาท์ อิอิอิ” ป๊อกกี้ขอตัวไปทำงานต่อ พี่กุ้งเลยถามอธิปพงศ์ผู้เป็นเจ้าของเรื่องเอง
“มีอะไรกันเหรอหมู”
“นิธิน เค้าบอกว่า งานที่ดูไบเรียบร้อยแล้วครับ”
“จริงเหรอ!” พี่กุ้งเองก็ดีใจและตกใจไม่แพ้กัน “พี่ดีใจด้วยนะหมู”
“ขอบคุณมากครับ” อธิปพงศ์รับคำรุ่นพี่ด้วยความยินดี เขายิ้มให้กับตัวเองอย่างมีความสุข โลกทั้งโลกดูสดใสขึ้นในพริบตาเมื่อหัวใจของเขาชุ่มชื่นเพราะคนรักที่กำลังจะกลับมาอีกครั้ง
วันนี้กรุงเทพฯก็ยังมีฝนตกในตอนเย็นและหัวค่ำ ชายหนุ่มที่เพิ่งแวะไปหาเพื่อนรุ่นน้องอย่างเขียวเลยกลับบ้านในสภาพเปียกปอนแต่ทว่าสุขใจกว่าทุกวัน เมื่อถึงห้องเขาเลยลองเปิดดูใน Whatsapp ว่าคนรักออนไลน์อยู่หรือเปล่า และก็ดีใจที่เห็นนิธินออนไลน์อยู่เขาจึงทักทาย
“ไงครับที่รัก ไปปาร์ตี้มาเหรอ”
“ใช่ครับ ผมกำลังจะกลับเนี่ย”
“เหรอ แล้วกลับเร็วเพื่อน ๆ คุณไม่ว่าเอาเหรอ”
“ไม่หรอกครับ เค้าเมากันเกือบหมดแล้ว” อธิปพงศ์ดูนาฬิกาบนโต๊ะที่ตั้งเป็นเวลาในดูไบก็แปลกใจ เพราะที่นั่นแค่สี่ทุ่ม แต่นิธินบอกว่าเพื่อน ๆ เขาเมากันแล้ว
“สี่ทุ่มเนี่ยนะ”
“อืมใช่ครับ วันนี้เค้ากินเหล้ากันอย่างเดียวหน่ะ ไม่ได้ไปผับหรอก”
“อ่าวเหรอ..” อธิปพงศ์พูดต่อ
“ดีใจด้วยนะครับที่รัก คุณเก่งมากเลย”
“ขอบคุณครับ” นิธินรับคำยิ้ม ๆ “ผมกะว่าจะเดินทางวันศุกร์นี้แล้ว”
“วันศุกร์เหรอ!!” อธิปพงศ์ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะก็อีกไม่กี่วันเขาก็จะได้พบหน้ากันแล้ว
“ใช่ครับ ผมอยากเดินทางในช่วงสุดสัปดาห์นี้เลย”
“จริงดิ...” อธิปพงศ์ตอบไปแค่นั้น แต่ในใจเขากำลังเต้นระรัวจนแทบทะลุออกมานอกอก
“ใช่ครับ จัดห้องรอผมไว้เลย ผมมีของมาฝากทุกคนด้วย”
อธิปพงศ์ไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ส่วนนิธินก็พิมต่อเมื่อเห็นคนรักเงียบไป
“ที่รัก ๆ คุณอยู่รึเปล่า”
“อยู่ครับ”
“อืม ผมก็ดีใจนะที่จะได้กลับไปกรุงเทพฯแล้ว”
“ครับ เหมือนกัน” เขาถามต่อ “ตอนนี้คุณอยู่ไหนเนี่ย”
“กำลังกลับห้องครับ”
“อ่าวเหรอ” อธิปพงศ์บอกคนรัก “งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ ผมต้องไปอาบน้ำแล้ว เพราะว่าตากฝนมา คืนนี้คุณกลับไปนอนพักผ่อนให้เต็มที่นะครับ คิดถึงนะ”
“ครับ คิดถึงเหมือนกัน ฝันดีนะครับ”
“ครับ”
อธิปพงศ์ออพไลน์ไปด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำและกลับมานั่งลงบนเตียงหกฟุตที่ยังว่าง เขาค่อยลูบผ้าปูที่นอนด้วยความหวัง อีกไม่กี่วันแล้วนะก็จะได้อยู่ด้วยกัน เขาลองนั่งแรง ๆ บนเตียงใหญ่แล้วยิ้มขำ เพราะจากนี้ไป เขาไม่ต้องนอนเหงาคนเดียวอีกแล้ว
อธิปพงศ์ไปทำงานอย่างมีความสุขพร้อมกับนับวันรอที่จะได้เจอกับคนรัก โดยยังติดต่อกันไม่ขาดหาย แต่เที่ยงวันพฤหัสบดีนี้เขาและเพื่อนร่วมงานทุกคนก็ได้ดูข่าวต่างประเทศก็พบว่า
“ขณะนี้เกิดพายุทรายขนาดใหญ่ในเมืองดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรส ทำให้ประชาชนชาวดูไบไม่สามารถออกมาจากที่พักอาศัยได้ และส่งผลให้หลายเที่ยวบินต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด..”
อธิปพงศ์ตัวชาทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น เขาจึงเปิด Whatsapp เพื่อสอบถามคนรัก
“นิธิน คุณเป็นยังไงมั่ง”
“คุณเห็นข่าวพายุทรายแล้วใช่มั๊ย”
“อืม..” เขาถามอย่างเป็นห่วง “คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่าครับ ผมสบายดี” แต่นิธินก็บอกกับคนรักอย่างเป็นห่วงเช่นกัน “พรุ่งนี้ผมคงไม่ได้กลับไปแล้วล่ะ”
“ผมเข้าใจครับ” อธิปพงศ์ปลอบใจคนรักและตัวเองไปด้วย “อดทนอีกนิด ผมไม่เป็นไรครับ…คุณก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะ มีอะไรก็ส่งข่าวมานะครับ”
“ครับ” นิธินตอบกลับ รู้สึกเสียดายเช่นกันที่จะไม่ได้เจอคนรักตามกำหนด
พี่กุ้งเห็นว่ารุ่นน้องคุยกับคนรักเสร็จแล้วจึงลองไต่ถาม
“ว่าไงหมู”
“นิธินยังกลับมาไม่ได้ครับ ก็อย่างที่ข่าวบอก คงถูกเลื่อนไฟล์ทไปก่อน”
“อืม...” พี่กุ้งตบไหล่รุ่นน้องเบา ๆ “เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วนะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน ส่วนอธิปพงศ์เองก็ถอนใจกับการรอคอยที่เข้ามาอีก เขาพยายามคิดในแง่ดีว่า อย่างน้อยคนรักก็ได้กลับมาเร็วกว่ากำหนด และคงจะเป็นสัปดาห์หน้าที่เขาและคนรักคงจะได้พบกันอย่างที่ต้องการ
เมื่ออธิปพงศ์กลับบ้านก็ได้พูดคุยออนไลน์กับคนรัก ที่ส่งข่าวมาว่าพายุในทะเลทรายยังไม่สงบเลย เขาแต่ได้ให้กำลังใจและภาวนาให้คนรักปลอดภัยจากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ เขาทิ้งตัวลงนอนและกอดหมอนต่างอกอุ่นของนิธิน ชายหนุ่มไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ ทั้งเป็นห่วงคนรักและไม่อาจรู้ได้ว่าการรอคอยครั้งนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด
อธิปพงศ์ตื่นเช้าไปทำงานตามปกติในวันศุกร์เสาร์ แต่ก็ยังติดตามสถานการณ์ต่างแดนผ่านหน้าจอไอโฟนอย่างใกล้ชิด แต่ช่างโชคร้าย เมื่อข่าวภาษาไทยและภาษาอังกฤษไม่ได้ติดตามสถานการณ์พายุทรายในดูไบเลย นอกจากสำนักข่าวอาหรับที่เขาไม่สามารถอ่านออกเท่านั้น มีเพียงแค่ข่าวภาคภาษาอังกฤษของสำนักข่าวอาหรับเท่านั้นที่เขายังสามารถติดตามได้ แต่ก็ไม่ได้รายงานอะไรให้คนต่างชาติอย่างเขารับรู้ไปมากกว่าข่าวเศรษฐกิจและสังคม และยิ่งเมื่อคืนที่ไม่สามารถติดต่อนิธินได้เลยสักช่องทางเดียว ทำให้อธิปพงศ์ยิ่งกระวนกระวายมากขึ้น จนไม่สามารถนอนหลับลงได้
“หมู..เป็นอะไร วันนี้ทำงานไหวมั๊ย” พี่กุ้งเห็นอธิปพงศ์มาทำงานในสภาพอิดโรยก็ไถ่ถามอย่างเป็นห่วง เขาทราบดีว่าตอนนี้รุ่นน้องกำลังว้าวุ่นในเรื่องอะไร
“ไหวครับพี่ ขอบคุณมากนะครับ”
อธิปพงศ์ยิ้มให้ และก็ลงมือช่วยทุกคนจัดร้านตามปกติ แม้ทุกคนจะช่วยปลอบใจว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อธิปพงศ์เองก็กระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ยังตั้งใจทำงานตามปกติ บ่ายวันนี้ฝนตกลงมาอีกแล้ว ชายหนุ่มมองไปนอกกระจกและคิดว่าถ้าฝนในกรุงเทพฯ สามารถไปดับพายุทรายที่ดูไบได้ก็คงจะดี แต่ก็ถอนใจกับสิ่งที่คิดอยู่และหันมาใส่ใจกับผมลูกค้าที่เขากำลังจะทำสีให้
“สวัสดีค่ะ ทำอะไรดีคะ มีช่างประจำรึเปล่า…อุ้ยย!” หญิงที่นั่งรับลูกค้าอยู่หน้าร้านรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่เลยต้อนรับโดยไม่ได้แหงนหน้ามอง แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเด็กสาวก็ตาค้างเมื่อพบกับร่างสูงใหญ่ที่เคยเจอในหน้าฝนปีที่แล้ว
นิธินที่ยิ้มให้เด็กสาวอย่างเป็นมิตร หญิงยิ้มให้ก่อนจะบอกว่า
“พี่หมูอยู่ข้างในค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
นิธินตอบรับก่อนจะวางกระเป๋าเดินทางและเดินเข้าไปในร้าน พี่กุ้งกับป๊อกกี้ที่หันหน้าออกมานอกร้านเห็นชายหนุ่มเดินมาพอดีก็ยิ้มออกและมองอธิปพงศ์ที่ยังไม่รู้ตัวว่ามีใครที่รอคอยกำลังเดินมาหา เขาส่งสัญญาณบอกพี่กุ้งกับป๊อกกี้ว่าอย่าเพิ่งเอ่ยปากบอกเจ้าตัว ก่อนจะเดินไปอยู่ข้างหลังเพื่อให้อธิปพงศ์สามารถเห็นเขาผ่านกระจกเงาได้
อธิปพงศ์ที่กำลังจะลงสีผมให้ลูกค้าถึงกับชะงักเมื่อเห็นเงาของคนรักที่อยู่ด้านหลังในกระจก นิธินนั้นยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่นเช่นเคย เพียงแค่นั้นช่างผมหนุ่มถึงกับตกใจจนปล่อยถ้วยน้ำยากับแปรงในมือร่วง เขารีบหันหลังไปมองก็พบว่าร่างใหญ่ในเสื้อสูทนั้น กำลังมองมาที่และยิ้มให้อย่างดีใจเช่นกัน
อธิปพงศ์มองหน้าคนรักทั้งน้ำตาและเข้าไปสวมกอดร่างใหญ่นั้นด้วยความรักและคิดถึง นิธินเองก็กอดคนรักแน่นเช่นเดียวกัน อธิปพงศ์กอดรัดร่างกายอุ่น ๆ นั้นและบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้ฝันไป ทุกคนในร้านมองภาพนั้นด้วยความปิติยินดี บางคนก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความซาบซึ้ง โดยเฉพาะป๊อกกี้กับหญิงหรือแม้แต่พี่กุ้งเองก็ตาม
“ผมกลับมาแล้ว” นิธินกระซิบข้างหูพร้อมกับโอบกอดอธิปพงศ์ไว้แน่น เขารับรู้ได้ว่าตอนนี้อธิปพงศ์ตัวสั่นมากแค่ไหนในอ้อมแขน เขาละออกมาเพื่อมองหน้าคนรักอีกครั้งพร้อมกับจรดปลายจมูกเบา ๆ บนหน้าผากอย่างแสนรัก อธิปพงศ์ยิ้มทั้งน้ำตาและสวมกอดนิธินอีกครั้งด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากคนทั้งสอง นอกจากสัมผัสอบอุ่นที่พวกเขามอบให้กัน เหมือนจะบอกว่าเขาทั้งสองรักและคิดถึงกันมากเพียงใดในช่วงที่ผ่านมา วันนี้เขาได้กลับมาเคียงคู่กันดังเดิมแล้ว
สายฝนข้างนอกยังคงโปรยปรายมาไม่ขาดสายเพื่อดับความแห้งแล้งให้พื้นดิน เช่นเดียวกับหัวใจของชายหนุ่มทั้งสองที่กลับมาชุ่มชื้นและอบอุ่นไปด้วยความรักที่พวกเขารอคอยอีกครั้ง
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ