87
ปล่อยหัวใจไปกับสายลม
[กาย...♥]
ღ
ღ
ผมนอนตะแคงข้างกึ่งคว่ำหน้ากอดหมอนใบย่อมเอาไว้ ตั้งแต่ไร้อ้อมกอดอบอุ่น ผมก็เลือกที่จะกอดหมอนกอดผ้าห่มรวมถึงตุ๊กตาตัวใหญ่ที่พี่มันเคยให้ ผมรู้ว่าควรจะทิ้งทุกอย่างที่พี่มันให้
แต่ผมทำไม่ได้
ผมกำสร้อยคอและยกมันขึ้นมาจูบเบา ๆ ผมรู้ว่าพี่เอกยังรักผมอยู่ รู้ได้จากอ้อมแขน จากสายตาและจากความห่วงใยที่พี่มันส่งถ่ายมาให้
แต่ก็รักผมน้อยกว่าที่รักพี่นก
ถ้าพี่มันไม่รักผมเลย ผมยังจะตัดใจง่ายกว่า แต่ไม่ว่าจะทางเลือกไหน สำหรับผมก็ตัดใจยากพอกัน
ก๊อก ๆ ๆ
“ตื่นได้แล้วลูก”
ได้ยินเสียงเคาะประตูพร้อมเสียงเรียกดังมาจากหน้าห้อง ผมเงยหน้ามอง สลัดผ้าห่มออกจากตัว ลุกออกจากเตียง เดินหัวฟูออกไปเปิด
“แตนแต่นแต้นแต๊นนนนนน!!”
พ่อทำซาวด์ประกอบ ยื่นบางอย่างมาไว้ตรงหน้า
“คะน้าหมูกรอบสูตรพิเศษ ฝีมือพ่อเอ้งงง!!”
“ขี้ตู่ ฝีมือแม่ย่ะ”
ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นใครอีกคนเดินออกมาจากหลังพ่อ
“แม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผมโผกอดแม่ทันที
“มาเมื่อเห็น”
“แหม่ะ ปากดีเหมือนใครเนี่ย”
ผมแซวแม่กลับ
พ่อรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ผมไม่รู้ว่าพ่อจะบอกแม่แล้วรึยัง
“แม่ทำปลาเปรี้ยวหวานให้ด้วย ช่วงนี้อ่านหนังสือสอบ ต้องกินปลาเยอะ ๆ หน่อย”
แม่บอกยิ้ม ๆ
“คุณ ผมว่าเราน่าจะฉลองกันสักหน่อยดีไหม”
พ่อออกความเห็น แม่ทำท่าคิด
“ก็ดีเหมือนกัน”
พ่อยิ้มแก้มบาน
“อ้ะ งั้นคุณถือไว้ พอดีมีไวน์ชั้นดีอยู่ในรถ”
พ่อยัดจานคะน้าหมูกรอบใส่มือแม่ แล้ววิ่งตุบตับลงบันไดไป แม่หันมามองผมอีกที
“ไม่เป็นไรนะลูก”
แม่ลูบหัวผมเบา ๆ เห็นแวววูบไหวผ่านดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นด้วย
ถ้าให้เดา พ่อคงเล่าให้แม่ฟังแล้ว
“ครับ”
แม่ยิ้มผ่านดวงตา
“กายรีบเข้าไปอาบน้ำก่อนดีกว่า จะได้ลงไปทานข้าวกัน”
แม่รุนหลังผมกลับเข้าห้อง แล้วตัวเองก็เดินไปวางจานคะน้าหมูกรอบไว้บนโต๊ะ หันไปจัดที่หลับที่นอนให้ ผมยิ้มกว้าง เดินเข้าห้องน้ำไป
“อ้าว เต้ยมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
ผมถามแขกไม่ได้รับเชิญที่นั่งหน้าสลอนอยู่ในห้องรับแขก
“มาตอนรู้ว่าแม่บินลงมา กูจะมาอยู่กับแม่ เนอะแม่เนอะ”
มันตู่เองเสร็จสรรพ คิดว่ามันคงไม่ได้มาแค่เช้าเดียวด้วย เพราะมันเล่นหิ้วกระเป๋าเดินทางมาเลย
“มึงจะเอากระเป๋าเดินทางมาด้วยทำด๋อยอะไร”
“มาอยู่กับมึงช่วงปิดเทอมไง บ้านนู้นไม่มีใครอยู่ เหงาฉิบหาย อยู่กับมึงนี่แหละดีแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้พอพวกเราสอบเสร็จ น่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันสักแห่ง ดีไหม”
มันชวน
ผมมองตามัน มันคงฟื้นตัวได้แล้วระดับหนึ่ง
“เอาสิ พ่อไปด้วย” พ่อรีบเสนอหน้าเข้ามาทันที “คุณเร่งต้นฉบับเสร็จรึยัง” ก่อนหันไปถามแม่
แม่ส่ายหัว
“แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่รีบมาก”
พ่อฉีกยิ้ม
“งั้นดีเลย ไปเดินป่ากันสักสองสามวันดีกว่า”
ผมรู้ว่าพ่อกับแม่พยายามให้ความอบอุ่นกับผมแค่ไหน โดยเฉพาะในเวลาที่ผมกำลังอ่อนแอแบบนี้
หลังจากมื้อเช้า พ่อกับแม่ก็แยกย้ายกันไปทำงาน ทิ้งผมกับไอ้เต้ยให้นั่งอ่านหนังสือด้วยกันเพียงลำพัง
“นี่ มึง”
ไอ้เต้ยมันเรียก
ผมครางรับในลำคอ ตอนนี้เรานั่งกันอยู่บนพรมในห้องรับแขก ใช้โต๊ะรับแขกเป็นโต๊ะอ่านหนังสือ บนโต๊ะมีขนมกับน้ำอัดลมคนละกระป๋อง มันนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม
“ทำไมมึงยังใส่สร้อยของพี่เอกอยู่”
ผมเงยหน้ามองคนถาม
“สร้อยกูต่างหาก กูฝากไว้กับพี่เขา พอเขาไม่อยากได้ กูก็เลยเอาคืน”
ผมตอบเรียบ ๆ
มันเบ้หน้า เท้าค้างเอาปากกาวางไว้บนร่องจมูก ทำปากจู๋ ๆ รั้งปากกาไม่ให้หล่น
“คิดถึงพี่เป้จัง พี่มันจะเป็นยังไงบ้างน้า”
มันเปรยถามกับอากาศ
“ป่านนี้คงมีเมียเป็นฝรั่งนมตูมไปแล้วล่ะ”
“ถ้าพี่มันทำได้น่ะนะ แต่ให้เดา นานแค่ไหน พี่มันก็ตัดใจจากกูไม่ได้หรอก”
ผมมองตามัน
“มึงรู้ได้ไง”
มันคลี่ยิ้มบาง ละมือจากคางไปวางไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม
“เพราะ…”
ผมเริ่มหวั่น ๆ กับสิ่งที่มันยังรู้สึก
“เพราะกูมันหล่อ กูมันน่ารัก กูมันดูดี ดูดิ ขนาดพี่ชายแท้ ๆ ของกู ยังมาหลังรักเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
ผมประเคนเท้าใส่มันไปทีข้อหากวน…น
“ไอ้เชี่ยกาย อย่าเอาขาหลังมาสะกิดตัวกู”
“หมานะมึง”
“ได้ข่าวว่ากูเป็นพันธุ์เดียวกับมึงนี่”
ผมถีบมันไปอีกที มันหัวเราะร่วน ไม่ต่างกับผม แล้วเราสองคนก็มานั่งเงียบ ๆ อ่านหนังสือกันต่อ
“โฮกกกกกก ทำไมข้อสอบมันยากขนาดนี้วะ”
ไอ้เต้ยมันเดินบ่นออกมาจากห้องสอบ ผมออกมาก่อนหน้ามันเกือบสิบห้านาทีแล้ว
“กูสงสัยมานานแล้วนะ พี่เป้ก็ออกจะเรียนเก่ง ไหงมึงถึงได้บื้อขนาดนี้วะ”
ผมด่า
มันทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้
“กูจะไปรู้ไหมล่ะ”
“เอ้อ ๆ สงสัยพี่เป้เขาจะโกยเอาความความหล่อกับความฉลาดไปหมด เหลือไว้แต่ความขี้เหร่กับความโง่ให้มึง”
“มึง เอาตีนกูไปกินหน่อยเหอะ”
แล้วมันก็ไล่เตะผมมาตลอดทั้งเส้นทาง ตั้งแต่หน้าห้องสอบลงมาถึงชั้นล่าง
ผมเบรกกึกตรงหน้าของใครบางคน ปากที่กำลังหัวเราะอยู่หุบลงทันที ไม่ต่างกับไอ้เต้ยที่วิ่งมาหยุดอยู่ข้าง ๆ กัน
“พี่นก…”
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”
“เอ่อ… งั้นกูไปเก็บของให้ เจอกันหน้ามอละกันมึง”
ไอ้เต้ยรีบขอตัว
ผมพยักหน้า เดินตามพี่นกไปยังร้านนมอันคุ้นเคย
พอมาถึง พี่นกก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ ไม่พูดไม่จา จนผมรู้สึกอึดอัด ก่อนพี่แกจะเลื่อนสายตาลงต่ำมาที่คอผม
“ถ้าพี่จำไม่ผิด สร้อยเส้นนี้ของเอกนี่นา”
ผมก้มมอง ก่อนกุมมันไว้ทั้งอัน
“แบบเหมือนกันมากกว่าครับ สร้อยแบบนี้ หาซื้อที่ไหนก็ได้”
อันนี้ผมพูดจริง เพราะตั้งแต่พี่เอกได้ออกทีวี พวกแฟนคลับต่างก็พากันสั่งทำสร้อยเลียนแบบพี่เอกกันใหญ่ จนตอนนี้สร้อยพระอาทิตย์ กลายเป็นสร้อยคอแฟชั่นไปแล้ว แต่อันที่ผมใส่อยู่พิเศษหน่อย เพราะมันเป็นงานฝีมือจากช่างเชียงใหม่ และที่สำคัญมันเป็นแบบเดียว ที่มีตัวหนังสือสลักไว้ด้านหลัง
‘15 for 19’
พี่นกพยักหน้าเข้าใจ
“ได้ข่าวเป้บ้างไหม”
“ครับ ก็สบายดี”
จริง ๆ ผมคุยเมลกับพี่เป้อยู่ ไอ้เต้ยมันไม่รู้ พี่แกก็อยู่ที่อังกฤษนั่นแหละ เพียงแต่อยู่คนละเมืองกับที่แจ้งไว้ตอนต้น
“แล้วพวกเธอยังคบกันอยู่ไหม”
พี่นกถามด้วยน้ำเสียงซีเรียส
ผมทำท่าอึดอัด เพราะจริง ๆ แล้ว เราคบกันแค่ฉาบหน้าเท่านั้น
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ก็อย่ามายุ่งกับเอกเขาสิ!!”
คำพูดมาพร้อมกับความเย็นจัดของนมเย็นที่สาดใส่หน้าผมเต็ม ๆ มันเย็นเฉียบไปถึงหัวใจและปลายเท้า ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ ดวงตาคู่สวยฉายแววเคียดแค้น
ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“ผมว่าพี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ”
ผมแกล้งบอกออกไป แม้หัวใจจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม
“พี่ไม่ได้โง่นะกาย ไม่มีใครพูดไม่ได้หมายความว่าพี่จะไม่รู้”
ไร้คำปฏิเสธใด ๆ จากผมอีก
“พี่รักเอก เลิกยุ่งกับเขาซะ”
ผมกล้ำกลืนก้อนน้ำอันใหญ่ในคอ
“เอาสร้อยเส้นนั้นคืนมาด้วย”
พี่มันลุกขึ้นยืน แบมือยื่นมาตรงหน้า
“ขอโทษครับ ผมให้ไม่ได้จริง ๆ อันนี้เป็นของสำคัญของผม”
ผมกุมจี้ไว้ ดันเก้าอี้ออก ลุกขึ้นยืนตามบ้าง
“หน้าด้าน!! มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วยังคิดจะมาแย่งแฟนของคนอื่นอีก”
พี่นกโวยวายเสียงดัง จนคนรอบด้านหันมามอง
“ขอโทษครับ อันนี้ผมให้ไม่ได้จริง ๆ”
“หน้าด้าน!!”
หน้าผมหันไปตามแรงมือ
“หึ หน้าตาก็ออกจะดี ไม่น่าเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ หนำซ้ำยังชอบแย่งแฟนชาวบ้านเขาอีก”
“ผมเปล่า”
เพี้ยะ!!
แล้วหน้าผมก็หันไปอีกด้าน
“หน้าไม่อาย!!”
“กาย!!”
ไอ้เต้ยวิ่งเข้ามาช่วย
“พี่นก! พี่จะทำอะไรน่ะ!”
มันรีบเอาตัวเข้ามากันผมไว้ทันที ในขณะที่ผมยังยืนหน้าชาอยู่กับที่ สมองขาวโพลนไปหมด
“หึ เอาเพื่อนของนายออกไปไกล ๆ อย่าปล่อยให้มาแย่งแฟนชาวบ้านเขาอีก”
มันยืนนิ่งไม่แพ้กัน
“ผมว่ากายไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าจะโทษจะด่าใคร ให้ไปหาพี่เอกดีกว่า เพราะคนที่เจ็บที่สุดงานนี้คือเพื่อนผม”
มันทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วลากผมให้เดินตามมันไป
..............................................50%..................................................
“อ้ะมึง”
มันเทน้ำคลิสตัลเย็น ๆ ใส่ผ้าเช็ดหน้ายื่นมาให้ ผมรับมาเช็ดแก้มเบา ๆ มันถอนหายใจแรง ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ
“เจ็บมากไหมมึง”
ผมส่ายหน้า
เจ็บกายไม่เท่าไหร่หรอก แต่หัวใจนี่สิ…
“สงสัยดวงความรักของเราสองคนจะจู๋ว่ะ”
มันพูดติดตลก ยกเข่าขึ้นมากอดเหม่อ ๆ ส่วนผมก็ได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรเหมือนกัน
เราสองคนนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยตัวลงต่ำและกำลังจะเลือนหายไปกับยอดไม้ด้านบน
ไม่มีพระอาทิตย์สำหรับผมอีกแล้ว
“นี่กาย!!”
ผมสะดุ้ง เมื่ออยู่ ๆ ไอ้เต้ยก็ลุกพรวดขึ้นยืน
“ป่ะมึง กูว่า พวกเราสองคนไปปลดปล่อยกันหน่อยดีกว่า”
มันหันมาชวน
ผมเงยหน้ามองมันงง ๆ
“ไปทิ้งดวงจู๋ ๆ ของพวกเราลงน้ำกันดีกว่า”
มันคว้าข้อมือผมลากให้เดินตามอีกที
ผมหันไปมองแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับ
ลาก่อนครับ…พี่เอก
“ว้ากกกกกกกก”
ผมกำลังลอยละล่องอยู่กลางอากาศ ข้อเท้าสองข้างถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกจากด้านบนลงสู่ด้านล่าง ห่างปลายเส้นผมของผมลงไปไม่กี่วา คือแม่น้ำขนาดใหญ่สีโอวัลติน พอลงไปถึงจุดต่ำสุด ตัวผมก็เด้งกลับขึ้นไปอีกครั้ง ผมได้แต่ร้องโหยหวนด้วยความหวาดเสียว
“ว้ากกกกกกก”
ผมยังคงแหกปากไม่หยุด กระทั่งทุกอย่างจบลง ผมถูกปลดพันธนาการออก เดินโซซัดโซเซกลับไปหาพ่อกับแม่และไอ้เต้ยที่ยืนลุ้นอยู่ ณ จุดปล่อยตัว
ผมก็คิดว่ามันจะชวนผมไปดื่ม ที่ไหนได้ มันชวนมาแอดเวนเจอร์ครับ พ่อกับแม่ก็ตามมาด้วย
“เสียวเป็นบ้าเลย”
ผมเปรยหัวฟู
“แต่สนุกใช่ไหมล่ะ”
แม่ยักคิ้วให้ แม่มาเล่นบ่อยครับของพวกนี้
“มึง ไม่ตายแน่นะ”
ไอ้คนต้นคิดทำท่าสั่น ๆ
“มึงเป็นคนชวนกูเองนะเต้ย”
“ก็กูอยากปลดปล่อย แต่ไม่อยากขาขาดตายนี่หว่า”
มันสารภาพ ยืดคอดูผืนน้ำด้านล่างจากหอสูงที่เรายืนอยู่
“ไม่เป็นไรหรอกเต้ย เชื่อแม่สิ” แม่ปลอบโยนมัน “แต่ถ้าขาเต้ยเกิดขาดขึ้นมาจริง ๆ เดี๋ยวแม่ช่วยเย็บให้”
“โห ได้กำลังใจจมกองเลือดเลยแม่”
มันบอก แม่หัวเราะร่วน
ไอ้เต้ยไปยืนเตรียมตัวกล้า ๆ กลัว ๆ ณ จุดปล่อยตัว
“สู้โว้ยเต้ย”
ผมกำหมัดให้กำลังใจ มันพยักหน้า ยืนทำใจอยู่นาน ก่อนตัดสินใจทิ้งตัวลงไปด้านล่าง
“ว้ากกกกกก ไอ้เชี่ยกายยยยยย เสียวฉิบหายวายวอดดดดดดด”
แม่ง ปากมึงนี่นะ
“อ้าคคคคค ไอ้บ้า ไอ้สาดกายยยยย ปล่อยกูลงงงงงง”
มันหวีดร้องโหยหวน พาเอาพวกเราด้านบนพากันขำก๊าก เราให้เขาช่วยถ่ายวีดีโอเก็บไว้ให้ด้วย จะได้เก็บเอาไว้ดูทีหลัง
ในระหว่างรอไอ้เต้ยกลับมา แม่ก็หันไปหาคนที่กำลังยืนลูบหัวใจตัวเองอยู่ด้านหลัง
“ปอดอะดิ”
“อูย.. มันก็มีบ้าง ไม่อยากหัวใจวายตายก่อนวัยอันควร”
“ทีเมื่อคืนละทำตัวหนุ่มเฟี้ยว”
แม่พูดเสียงเบาจนผมกับพ่อเกือบไม่ได้ยิน พ่อทำสายตากรุ้มกริ่มกระแซะไหล่แม่เบา ๆ
“งั้นเรามาพนันกันไหม ถ้าผมโดดลงไปโดยไม่ร้องแต๋วแตกสักแอะ คืนนี้ผมขอสี่ยก”
ผมสะอึก ส่วนแม่หน้าแดงก่ำ นี่พ่อผมอึดได้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ
“กล้ารึเปล่า”
พ่อท้าอีก แม่เชิดหน้าจนหางม้าสะบัด
“หึ ได้ ฉันรับคำท้า แต่ถ้าร้องแต๋วแตกแม้แต่แอะเดี๋ยว คุณต้องยอมเป็นม้าใช้ให้ฉัน”
พ่อทำหน้าไม่เดือดร้อน
“ได้สิ”
“หึ”
แม่ทำเสียงขึ้นจมูกเย้ยหยัน พ่อกำหมัดทำท่าฮึด
“สู้โว้ย เพื่อสี่ยก”
ผมขำกับคำพ่อ
“วู้ มันเป็นบ้าเลยว่ะ”
ไอ้เต้ยเดินหัวฟูกลับมา แล้วพ่อก็ไปเตรียมตัวให้เขามัดข้อเท้า
พวกเรามาโดดบันจี้จั๊มพ์กันครับ ไอ้เต้ยมันอยากปลดปล่อย และทำสิ่งที่มันไม่เคยทำมาก่อนเพื่อเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ไหน ๆ มันก็ไม่มีพี่มันอยู่แล้ว มันเลยอยากลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูบ้าง
“มึงว่าพ่อจะร้องแต๋วแตกไหม”
ผมตั้งประเด็นขึ้น ทุกคนหันไปมองพ่อกันหมด
“แม่ว่าพ่อร้อง ร้อยหนึ่ง”
แม่วางเงินก่อน
“ผมว่าไม่ร้องร้อยหนึ่ง”
ไอ้เต้ยเข้าข้างพ่อ
“ผมว่าไม่ร้องเหมือนกัน ห้าร้อย”
เกทับครับ พ่อยิ้มกริ่มที่ผมเข้าข้าง
“ขอบใจลูก” ก่อนทำหน้าเป็นหมาหงอยใส่แม่ “แต่คุณนี่สิ ไม่เชื่อใจผมเลย”
“เชื่อ แต่ไม่มาก”
“ไม่เป็นไร ผมจะลองดู”
พ่อทำท่าฮึดอีกที พอเตรียมตัวพร้อม พ่อไปยืนอยู่ณ จุดกระโดด หันมามองแม่ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ประหนึ่งจะลาไปกู้ชาติแถว ๆ ชายแดน เบะหน้าคล้ายคนจะร้องไห้ แต่ยกนิ้วขึ้นมาสี่นิ้ว เป็นผลทำให้แม่หน้าแดงแป๊ด แล้วแกก็กระโดดลงไปโดยไม่รอคำสั่งแอคชั่น
พวกผมรีบก้มมอง เห็นพ่อแหงนหน้ารับอากาศ กางแขนออกกว้างราวกับนกกำลังโบยบิน และที่สำคัญ พ่อไม่แหกปากร้องเลยสักแอะ พวกเรายืนมองอึ้ง ๆ โดยเฉพาะแม่ พอหยุด พ่อก็เดินหน้าหล่อกลับมา
“ว้าวว คุณพ่อเก่งจัง”
ไอ้เต้ยรีบวิ่งเข้าไปกอดแขนพ่อทันที พ่อยิ้มหน้าบาน ลูบหัวมันเบา ๆ
“ทำได้ไงเนี่ย ไม่ร้องเลยสักแอะเลย”
ผมชมบ้าง พ่อยิ่งยิ้มแก้มบานเข้าไปใหญ่
“หึ ๆ ก็คนมันเก่ง”
พ่อหันไปทางแม่
“สี่ยกตกลงนะ”
พ่อทวง
ผมกับไอ้เต้ยพากันยืนหน้าแดงไม่ต่างกับแม่
“ขอเคล็ดลับหน่อยสิพ่อ โดดครั้งหน้าจะได้ไม่แหกปากอีก”
พ่อหันมายิ้มให้ กำมือ ยกขึ้นมาทำท่ากระแอมไอเบา ๆ ที
“มันก็ไม่ยากมากมายอะไรนักหรอกนะ ก็แค่…”
พ่อยืดอกกว้าง ๆ ออก หันไปมองหน้าแม่
“โดดหลาย ๆ รอบ เดี๋ยวก็ทำได้เอง”
พวกผมอ้าปากค้าง ไม่ต่างกับแม่ พอได้สติ แม่ก็รัวมือตีอกพ่อใหญ่
“ไม่ใช่ครั้งแรกของคุณใช่ไหม นี่แน่ะ ๆ ทำไมไม่บอกกันก่อน”
“โอ๊ย ๆ คุณ!! เบา ๆ แล้วใครว่าครั้งแรกของผมเล่า”
พ่อยิ้มร่า รับมือขนมตุ๊บตั๊บเป็นพัลวัน
“งั้นที่พนันกันไว้ ยกเลิก”
“อันนั้นไม่ได้ เพราะคุณไม่ได้ถามผมก่อนนี่”
พ่อทำหน้าเจ้าเล่ห์ แม่อ้าปากพะงาบ ๆ ยังไม่ทันที่แม่จะได้พูดอะไร พ่อก็รวบเอวแม่ไปกอด ก้มหอมแก้มฟอดใหญ่
ผมกับไอ้เต้ยหัวเราะร่วน
“นี่มึง ก่อนที่พวกเราจะโดนมดมันยกโขยงมาถีบพวกเราตกฐาน เราไปโดดกันอีกรอบดีกว่า”
ไอ้เต้ยมันชวนกวน ๆ
“กูก็ว่างั้นแหละ”
ผมเห็นด้วย พวกเราไปติดต่อขอโดดกันอีกรอบ เลิกสนใจพ่อกับแม่ที่กำลังกระหงุงกระหงิงกันอยู่สองคนตรงจุดเดิม
พอจบจากบันจี้จั๊มพ์ พวกเราก็มาต่อกันที่…
“แน่ใจนะว่าคุณทำได้”
แม่เย้ย พ่อยักคิ้ว
“อย่ามาดูถูกกัน ตอนอยู่นอก ผมเคยเล่นกระทั่งมีคนติดต่อให้เข้าทีมแข่งเชียวน้า”
พ่อผมที่มีหมวกกันน็อคที่หัว สนับที่เข่าสองข้างพร้อมถุงมือคล้ายสนับสีดำสนิทตอบกลับ
“งั้นมาดูกัน”
แม่สตาร์ทเครื่อง ไม่ต่างกับพ่อ แล้วสองคนก็บิดคันเร่งพารถ ATV ซิ่งไปยังสนาม พวกผมมองกันตาค้าง
ทั้งคู่ดูสูสีกันมาก แต่แม่อ่อนกว่าหน่อย อาจเพราะสรีระ
“เอ้า ลุยได้เลยครับ”
พอเจ้าหน้าที่สั่ง ผมก็สตาร์ทเครื่องทันที แล้วออกวิ่งตามหลังพ่อกับแม่ไป ส่วนไอ้เต้ย มันเพิ่งหัดขับมอเตอร์ไซค์ กว่าจะได้ขับ ATV คงต้องรอเจ้าหน้าที่สอนหน่อย พอผมวิ่งไปได้สามรอบ ไอ้เต้ยก็ค่อย ๆ กระดื๊บออกมาจากที่สตาร์ท
ผมบิดคันเร่งเพื่อซิ่งแหลกโดยไม่มีคุณตำรวจมาตรวจจับ
เมื่อวานเจอเรื่องแย่ ๆ มา ผมอยากให้มันหยุดอยู่แค่นั้น วันนี้ผมขอมีความสุขดีกว่า
“ไม่หวั่นแม้วันมามาก!!”
ผมตะโกนก้องกลางอากาศ
“เป็นเมนรึไงมึง”
ไอ้เต้ยที่ค่อย ๆ เร่งตัวรถมาขับข้าง ๆ ตะโกนถาม
“เอ้อ มาแข่งกันหน่อยไหม”
ผมแกล้งชนมันเบา ๆ
“ไอ้เชี่ย กูขับไม่แข็ง”
“หึ ๆ งั้นกูจะทำให้มึงขับแข็งเอง”
แล้วผมก็ขับไปใกล้ ๆ มัน ตีคู่กันไปในสนาม จากช้าจนเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
ผมจะสนุกเพื่อลืมพี่เอกให้ได้
To Be Con...
(ขอบคุณรัวๆ ทุกคอมเม้นท์ค่ะ อ่านแล้วชื่นใจ)
Ps. ช่วงนี้ติดอ่านนิยายสุดๆ ไปสอยมาจากงานหนังสือรอบที่แล้วได้มาราว ๆ 150 เล่ม (ฟินเวอร์...) รวมของเก่าที่ยังอ่านไม่หมดอีกสองร้อยกว่าเล่ม) อยากไล่ให้หมดก่อนงานหนังสือรอบถัดไปจะมาถึง หิ้วหนังสือกลับบ้านหนักมาก แต่กระเป๋าเงินเบาหวิว
...แดก...แกลบ...
Book & e-book:
https://goo.gl/FSOuuM