Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)  (อ่าน 680387 ครั้ง)

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
97
รู้สึกแปลก ๆ
[กาย...♥]


ผมเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากได้เปิดอกพูดคุยกับพี่เอกดี ๆ ข้อดีก็คือ ผมได้พี่เอกเกือบคนเดิมกลับคืน แต่ข้อเสียก็คือ…

ผมถูกพี่มันฟัดหนักเกือบเหมือนเดิม

แม่ม นิสัยมึงนี่นะ

กูจะดีใจหรือเสียใจที่มึงกลับมาเป็นคนเดิมดีวะเนี่ย นิสัยโดยรวม แทบจะเป็นเหมือนเดิม เพียงแต่จดจำเรื่องราวเก่า ๆ ไม่ได้แค่นั้นแหละ

ผมจะเดินทางไป ๆ กลับ ๆ ระหว่างบ้านและคอนโดพี่เอก เป็นห่วงน้องสากับคุณตาคุณยายครับ แต่พวกท่านก็บอกว่าอยู่กันได้ไม่เป็นไร ให้ผมทำอะไรได้ตามใจ พวกแกรู้สึกสบายใจเหมือนอยู่บ้านต่างจังหวัดนั่นแหละ แถมสภาพโดยรวมสบายกว่ากันเยอะ แกรู้เรื่องผมกับพี่เอกแล้วครับ แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก(ก็หลานสาว(ชาย)แกเป็นแบบนั้นนี่นาเนอะ)

วันไหนว่าง ๆ เราก็จะพากันไปเยี่ยมพ่อพี่เป้บ้าง ตอนนี้คุณแม่วางมือจากงานถาวรแล้วครับ แล้วเอาเวลาทั้งหมด มาดูแลคุณพ่อแทน คุณพ่อออกจากโรงพยาบาลแล้วด้วย มาพักฟื้นที่บ้านเอา โดยมีคุณหมอเดินทางมาดูความคืบหน้าและแนะนำการพักฟื้นให้สามวันครั้ง

และตอนนี้ผมก็ได้มาเหยียบบ้านไอ้เต้ยอีกครั้ง

“เป็นไงบ้างมึง วันนี้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะเลยนะ”

“มีน้ำมีนวลน่ะมันผู้หญิง”
มันค้อนผมกลับที

“มันก็เป็นความสุขบนความทุกข์ล่ะนะ กูเสียใจที่พ่อกูป่วย แต่กูก็ดีใจ ที่ครอบครัวกูได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้”
มันพูดยิ้ม ๆ เปิดฝากระป๋องน้ำองุ่นที่ผมเอามาฝากขึ้นดื่ม ส่วนพี่เอกยืนคุยกับพี่เป้อยู่ครับ

“หมอก็บอกนี่หว่า ว่าถ้าทำกายภาพบำบัดไปเรื่อย ๆ คุณลุงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้”

“กูก็หวังอย่างนั้นแหละ”

“มึง ทำตัวให้มีความหวังหน่อยดิวะ คุณลุงต้องการกำลังใจนะ”

มันหันมามองหน้าผม

“มึงเองก็เหมือนกัน พี่เอกยังจำอะไรไม่ได้เลยนี่”

ผมยิ้ม ค้ำแขนกับขอบระเบียง มองวิวตรงหน้าเคียงมัน

“คงต้องให้เวลาพี่แกเท่านั้นแหละ แต่ถึงพี่เอกจะจำอะไรไม่ได้ พี่เอกก็ยังเป็นพี่เอก เป็นคนที่กูรักอยู่ดีว่ะ”

มันไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่ยิ้ม กระดกกระป๋องน้ำอัดลมเข้าปากไปเงียบ ๆ

“กายกลับกันเถอะ”
พี่เอกเดินเข้ามาเรียก ผมพยักหน้า พากันเดินเข้าไปลาพ่อกับแม่ แล้วพากันกลับ

“ผมว่าผมจะเข้าร้านก่อน”

พี่มันพยักหน้า ผมทำท่าคิดนิดหนึ่ง

“พี่ติดงานหรือธุระอะไรที่ไหนหรือเปล่า”

พี่มันส่ายหัว

“งั้นลองไปทำงานที่ร้านดูไหม เผื่อมันจะกระตุ้นความทรงจำอะไรบางอย่างของพี่ได้บ้าง”

“พี่เคยทำด้วยเหรอ”

“ครับ ไปช่วยผมทำบ่อย ๆ และอีกอย่าง ร้านนั้นพี่เอกก็เป็นเจ้าของที่แท้จริงอีกด้วย”

พี่มันเลิกคิ้วสงสัย ผมทำท่าอึกอัก เพราะเรื่องนี้ผมยังไม่ได้เล่าให้พี่มันฟังเลย

“ร้านนั้นพี่ซื้อไว้จากผู้จัดการร้านคนเก่า และยกมันให้กับผมเพื่อ…เอ่อ…เป็นของหมั้นน่ะ”

“ของหมั้น?”

ผมพยักหน้า

“ฮะ แต่ผมต้องโอนเงินให้พี่ทุกเดือน เดือนละแสน”

“ทำไม”

ผมทำหน้างอนหน่อย ๆ

“ผมจะได้เป็นหนี้พี่ไปตลอดชีวิตไง”

พี่มันลูบคางตัวเองนิดหนึ่ง

“ไอเดียดีนี่หว่า”

“เจ้าเล่ห์น่ะสิ”
ผมค้านงอน ๆ

“เอาน่า รีบ ๆ ไปกันดีกว่า พี่อยากความจำกลับมาเร็ว ๆ แล้วล่ะ”
ลักษณะนิสัยพี่มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว รวมไปถึง ความเจ้าเล่ห์ครบสูตรด้วย
 

เนื่องจากพี่มันไว้หนวดไว้เคราบาง ๆ พี่มันเลยดูขรึมขึ้นกว่าเดิม พอมาแต่งชุดเท่ ๆ แบบนี้ เฮียแกยิ่งดูอินเตอร์เข้าไปใหญ่ หล่อลากมากมาย

พี่เอกทำได้ดีครับ ทั้งเสิร์ฟและดูแลลูกค้า แต่พี่แกก็ยังทำหน้าบูด ๆ เหมือนเดิม(พี่เอกถามผมด้วย ว่าแต่ก่อนทำงานแบบไหน ผมก็บอกไปตามตรง ที่เหลือก็ให้พี่แกทดลองทำทุกอย่างด้วยตัวเอง)

สาว ๆ ที่ไม่ได้เจอพี่มันมานานก็พากันกรี๊ดแหลก เฮียแกหน้าหงิกโดยไม่ต้องไกด์ทันที แต่ยิ่งทำหน้าโหด ยิ่งเข้ากับลุคแบดบอยเข้าไปใหญ่ ผมนี่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย

คนอะไร ทำอะไรก็หล่อไปหมด

“กายน้ำตาลหมดแน่ะ ไปหยิบให้พี่หน่อยได้ไหม”
พี่เก่งตะโกนบอก ผมรับปากเดินไปหลังร้าน

ลังน้ำตาลลังสุดท้ายมันอยู่ด้านบนสุด ข้าง ๆ เครื่องทำกาแฟที่ต้องจัดส่งให้ลูกค้า ผมหันซ้ายหันขวามองหาเก้าอี้

ใครเอาไปไว้ไหนอีกแล้วเนี่ย

ผมพ่นลมหายใจเบา ๆ ตัดสินใจเอื้อมหยิบสิ่งนั้นด้วยตัวเอง

มันหนักไม่ใช่น้อย ผมค่อย ๆ เคลื่อนที่มันออกมาจากชั้นทีละนิด ๆ จนมันโผล่ออกมาครึ่งทาง ผมยืดสองมือขึ้นไปจับ เตรียมแบก แต่เสียจังหวะทำท่าจะหล่น ผมยื้อไว้ แต่เอาไม่อยู่ครับ ผมรีบคู้ตัวรอรับความเจ็บที่จะตามมา ได้ยินเสียงอะไรมากมายหล่นลงใส่พื้นดังเคร้งคร้าง

พอทุกอย่างเงียบสงบลง ผมค่อย ๆ หันไปมองด้านข้าง เห็นลังน้ำตาลนอนสลบอยู่ที่พื้น ถุงน้ำตาลกระจายออกมานอนแหมะด้านนอก และเครื่องชงกาแฟที่นอนตะแคงอยู่ 

ซวยแล้วกู เครื่องชงกาแฟจะพังไหมน่ะ ราคาไม่ใช่ถูก ๆ

ไม่ใช่สิ ทำไมผมไม่เจ็บ มันน่าจะหล่นใส่หัวผมเต็ม ๆ นี่นา

แสงเงาจากดวงไฟที่สะท้อนกลับมาทำให้รู้ว่ามีใครบางคนยืนคร่อมร่างผมอยู่ ผมค่อย ๆ เอี้ยวหน้าไปมอง และสิ่งที่เห็นก็คือ…

พี่เอกฮะ

ผมยืนอึ้ง ถ้าให้เดา พี่แกคงใช้ร่างตัวเองกันไม่ให้กล่องน้ำตาลกับเครื่องทำกาแฟหล่นใส่ผมแน่ ๆ 

“เอ่อ ขอบคุณฮะ”
ผมยิ้มแห้ง ก่อนเบิกตากว้าง เมื่อมีน้ำสีแดง ๆ หยดแหมะลงมาใส่แก้มหลายหยด

“พี่เอก!!”
และเรือนร่างใหญ่โตของพี่มันก็ร่วงลงมาไม่ต่างกับของเล่นหมดลาน ดวงตาที่เคยมองผมเมื่อกี้ก็ค่อย ๆ ปิดตัวลง

“พี่เอก พี่เอก!!”

พี่มันหมดสติไปแล้ว ผมรีบตะโกนเรียกให้คนมาช่วย สักพัก พี่เก่งก็วิ่งเข้ามา พอเห็นเลือดก็รีบหิ้วปีกพี่เอกคนละข้างกับผมนำขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาลทันที

พวกเรายืนคอยกันอยู่หน้าห้องปฏิบัติการ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง หมอก็ออกมา

“คนไข้ปลอดภัยดีครับ เย็บไปสามเข็ม สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไร ให้พักสักวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

ผมกับพี่เก่งพากันโล่งอก พี่เก่งขอตัวกลับไปดูแลร้านต่อ ส่วนผมรีบโทรรายงานคนที่บ้านทันที ไม่นานทุกคนก็มากันครบ คุณพ่อคุณแม่พากันเป็นห่วงใหญ่ คืนนี้ ผมอาสาขออยู่เฝ้าไข้พี่มันด้วยตัวเอง ซึ่งคุณพ่อกับคุณแม่ก็ยอม

“ไม่ใช่วัยเบญจเพสซะหน่อย เจ็บตัวบ่อยจัง”

 “นั่นน่ะสิ”

“สงสัยจะอยู่ในช่วงดวงตก”

“พอพี่เขาฟื้น เราน่าจะพาพี่เขาไปทำบุญกันบ้างนะ”
คุณแม่ออกความเห็น

“นั่นน่ะสิคะ”

ผมยืนอยู่มุมห้อง เฝ้ามองทุกคนด้วยรอยยิ้ม

พ่อกับแม่และน้อง ๆ อยู่กันไม่นานก็พากันกลับ ทิ้งไว้แค่ผมกับพี่เอกเท่านั้น

ผมนั่งลงข้างเตียงจ้องมองใบหน้านิ่งเรียบของคนที่ผมรัก

“เจ็บตัวบ่อยจังน้า หายดีแล้วสงสัยต้องพาพี่ไปอาบน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์จริง ๆ ซะแล้ว”
ผมย้ายตัวเองจากเก้าอี้ขึ้นไปนั่งบนเตียงกับพี่มัน แล้วเอนตัวแนบหน้ากับซอกแขนพี่มันเบา ๆ

“ขอโทษนะฮะ เพราะผม พี่ถึงได้เจ็บตัวแบบนี้”
ผมถอนหายใจเบา ๆ กอดเอวพี่มันแน่น โชคดีแค่ไหน ที่พี่มันยังมีลมหายใจอยู่ ผมฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นและหน้าอกที่ไหวกระเพื่อมเป็นจังหวะขึ้นลง ผมวางมือไว้บนนั้น จับจังหวะลมหายใจผ่านมือ ลูบมันเบา ๆ ไล่ขึ้นไปยังปลายคางคมได้รูป ลูบไปลูบมาก็เพลินมือดีเหมือนกัน ผมไล้มือวนตามแนวริมฝีปาก แตะปลายจมูกนิดหนึ่ง ขึ้นไปถึงเปลือกตาที่ปิดสนิท แล้วละมือลงมาลูบปลายคางอีกครั้ง

ผมยืดตัวขึ้นสูง แนบริมฝีปากตัวเองเข้ากับปากพี่มันเบา ๆ

“ผมรักพี่นะฮะ”
ผมกระซิบบอก หวังให้ความรู้สึกดี ๆ ทั้งหลายส่งผ่านไปหาพี่มันบ้าง แล้วผมก็แหงนมองใบหน้าคมคายได้รูปอีกที ในขณะที่มือก็ลูบไล้ปลายคางไม่หยุด

รู้สึกเหมือนมีมือของใครบางคนมาลูบอยู่แถว ๆ บั้นเอว ผมหันไปมอง ก่อนเงยหน้ามองคนที่ยังนอนหลับสนิทอยู่

“พี่เอก”
ผมลองเรียกเบา ๆ เพราะไม่แน่ใจว่าพี่แกฟื้นแล้วรึยัง ดวงตายังปิดสนิท ลมหายใจยังเข้าออกสม่ำเสมอ แต่มือที่ผมนอนทับอยู่นิด ๆ กำลังลูบไล้อยู่ที่เอวผมไม่หยุด ผมยกตัวขึ้นมาลองเรียกดูอีกที

“พี่เอก พี่ตื่นแล้วใช่ไหม”
ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับ

“เอ่อคุณคะ อย่าไปปลุกคนไข้แบบนั้นสิคะ ปล่อยให้คนไข้พักผ่อนไปก่อน”
นางพยาบาลเดินเข้ามาพอดี ผมรีบโดดลงจากเตียง พอ ๆ กับมือปลาหมึกเมื่อกี้ก็ละออกวางสงบอยู่ที่เดิม

“คะ คือ”
ผมแค่อยากจะบอกกับคุณนางพยาบาลว่าพี่มันน่าจะฟื้นแล้ว แต่ผมไม่แน่ใจ คุณนางพยาบาลมองผมดุ ๆ จนผมหงอลงไปนั่งเจี๋ยมเจี้ยมที่โซฟารับแขก พี่นางพยาบาลปรับสายนู้นนิดเช็คสายนี่หน่อย โดยมีผมชะเง้อคอมอง

พอพี่นางพยาบาลเดินออกไป ผมก็เดินไปดูพี่มันอีกที พี่มันยังนอนหลับกรนฟี้ ๆ เหมือนเดิม ผมเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ดึกมากแล้วเหมือนกัน แค่หัวแตะหมอน สติผมก็ค่อย ๆ เลือนหายไป





“อืม…”
ผมครางด้วยความหงุดหงิด

คนกำลังหลับจะนอน อะไรมายุบยับกับคอกูวะ =*=

ผมพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่สิ่งนั้นยังคงระรานไม่หยุด ผมรีบปัดสิ่งนั้นออก แต่มันไม่ยอมหลุดสักที

หรือว่าผีจะหลอก!!

ผมค่อย ๆ ลืมตามอง และสิ่งที่เห็นก็คือ…

ผีตัวหนึ่งครับ

ตัวใหญ่มากซะด้วย กำลังซุกหน้าอยู่แถว ๆ ซอกคอผม ผีตัวนี้มีผ้าก็อตแปะไว้ที่หัวด้านบนหย่อมหนึ่งด้วย

“พี่เอก!!”
ผมรีบจับไหล่พี่แกไว้ กะดันขึ้นมาพูดกันดี ๆ

“อ๊า…”
ผมเผลอตัวครางออกมา เมื่อพี่มันเลื่อนหน้าลงไปงับหัวนมผมเบา ๆ ในขณะที่มืออีกข้าง ก็ขยี้หัวนมอีกข้างเอาไว้ 

“อืม…พี่เอก!”
ผมพยายามดันหน้าพี่มันออก ดันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่พี่มันไม่ยอมหยุดซุกหน้ากับซอกคอผมสักที

“นี่พี่ฟื้นแล้วใช่ไหม”
ผมรีบดันตัวพี่เอกออกมาพูดกันดี ๆ แต่พี่มันไม่ยอมหยุดครับ ไซ้ซอกคออยู่นั่นแหละ 

“พี่เอก!!”
ผมตะโกนเรียก กางมือปิดปากพี่แกไว้แล้วดันออกแรง ผมมองหน้าพี่แกให้ชัด ๆ อีกที

“พี่ลงมาได้ยังไง ไม่เจ็บรึไง แล้ว…” ผมมองไปยังสายน้ำเกลือ พี่มันปลดออกแล้วครับ “นี่พี่ปลดสายน้ำเกลือออกเองได้ยังไง มันยังไม่หมดกระปุกเลย”

พี่มันจับมือผมที่ปิดปากพี่แกไว้ ยิ้มผ่านดวงตามาให้ผมแล้วไล้ปลายลิ้นตวัดเลียฝ่ามือผมเบา ๆ ผมรีบชักมือกลับ

“พี่เอก!! อย่าทำแบบนี้สิ พี่ป่วยอยู่นะ”

“โธ่ กายก็ พี่คิดถึงกายจะแย่อยู่แล้ว ขอกอดหน่อยนะ”
ไอ้ลักษณะการพูดหื่น ๆ แบบนี้ มันฟังดูคุ้น ๆ แฮะ 

“แต่พี่เพิ่งฟื้นนะ เรียกหมอมาเช็คก่อนดีกว่า”
ผมพยายามดันตัวพี่มันออก

“พี่น่ะ ไม่เป็นไรหรอก แต่ตอนนี้ เอกน้อยกำลังป่วย”

เอกน้อย?

“พี่เอก นี่ความจำพี่กลับมาแล้วใช่ไหม”

“จำอะไร”
พี่มันถามกลับหน้าซื่อ

“ก็ความจำพี่ไง ที่มันหายไปช่วงหนึ่ง พี่จำได้แล้วใช่ไหม”

พี่มันมองตาผม ก่อนส่ายหัว 

“พี่คิดถึงกาย”
แล้วเสตอบไปเรื่องอื่น           
           
มือไม้ปากเปิกก็ซุกไซ้ไปทั่ว 

“พี่เอก อย่าเพิ่งสิ”
ผมรีบดันพี่มันออก แต่ยิ่งดิ้น ตัวผมยิ่งถูกดันจนแบนติดโซฟา

“ถึงไม่สงสารพี่ก็สงสารเอกน้อยบ้างสิ”
พี่มันดึงมือผมไปจับบางส่วนด้านล่างที่ตอนนี้มันชี้โด่แล้วครับ ผมชักมือกลับแต่พี่มันยึดจับไว้

“พี่ เดี๋ยวนางพยาบาลเข้ามา”

“ไม่เข้ามาหรอกจนกว่าจะครบสองชั่วโมง”

“พี่เอก!!”

“น่านะ เอกน้อยปวด”
พี่มันทำท่าขอร้องจับมือผมไปลูบ ๆ น้องมันใหญ่

สุดท้ายผมต้องยอมใช้ปากทำให้พี่มันครับ

ขอเวลานอกสิบห้านาที

 

 

 

 

ผมเงยหน้ามาเช็ดปากมองพี่มัน พี่เอกหอบหายใจแฮก ๆ 

“นี่พี่จำได้แล้วใช่ไหม”

“เปล่า”

“อ้าว”
ไอ้ผมก็คิดว่าพี่แกจำได้แล้วซะอีก เห็นพูดถึงเอกน้อย แล้วไหนจะให้ผมทำเรื่องแบบนี้อีก เพราะพี่เอกเสื่อมไม่เคยให้ผมทำ

“ถ้าจำไม่ได้ แล้วทำไม…”
ผมนิ่งไป เม้มปากแน่น มองตาพี่มัน พี่เอกมองตาผมกลับใสซื่อ

บางทีอาจเป็นแค่สัญชาตญาณก็ได้ ผมถอนหายใจเสียดายเบา ๆ

“พี่ไม่เจ็บมากก็ดีแล้ว ผมเป็นห่วง”
ผมซบอกพี่มัน พี่เอกกอดตอบผมเหมือนกัน

พอรุ่งขึ้น หมอเข้ามาตรวจดูอาการอีกที พี่เอกฟื้นตัวเร็วมาก หมอเลยปล่อยตัวกลับบ้านได้ หลังจากกลับมา ผมก็ดูแลพี่มันอย่างดีมาตลอด ทุกอย่างดูปกติดีครับ

ยกเว้น…

“กาย หิวจังเลย ทำอะไรให้พี่กินหน่อยสิ”
พี่มันอ้อน ผมพยักหน้า เดินไปทำกับข้าว โดยมีพี่มันเดินตามมานั่งมองตาหวานหยาดเยิ้มบนเคาน์เตอร์ จริง ๆ ก็อยากทำตัวให้ชินครับ แต่ช่วงหลัง ๆ มันชักจะทนไม่ไหว ผมวางผักไว้บนเขียง หันไปมองคนที่นั่งมองผมอยู่

“พี่เอก ความจำพี่กลับมาแล้วใช่ไหม”

“เปล่า”
พี่มันทำหน้าเหรอหรา ผมหรี่ตามอง

“ทำไมกายถึงคิดว่าพี่จำได้แล้วล่ะ”

ผมทำท่าอึดอัด

“ก็…พฤติกรรมหลาย ๆ อย่างของพี่มันเหมือนพี่ก่อนความจำเสื่อมไง”

“ยังไง”

ผมเม้มปากแน่น รีบหันหลังไปทำกับข้าวต่อ

จะให้บอกได้ไงว่าพี่มันดูเจ้าเล่ห์และหื่นเหมือนเดิม ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ จากด้านหลัง แต่ผมพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ

To Be Con....
คนเจ้าเล่ห์ยังไงก็เป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ  :mew5:

 

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ความหื่นกลับมาแล้ว ความจำก็ต้องกลับมา  o18

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

98 แกล้ง
[เอก...]








 





ความจำผมกลับมาตั้งแต่โดนเครื่องชงกาแฟตกใส่หัวแล้ว แต่อยากแกล้งไอ้ตัวเล็กมันเท่านั้นแหละ แล้วอีกอย่าง เวลาที่ผมจำอะไรไม่ได้ มันจะใส่ใจและดูแลผมดี ขออะไร มันทำให้หมด

อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน

“ดีมากกาย อืม อย่างนั้นแหละ”
ผมขอให้มันออนท็อปให้ครับ ตอนความจำเสื่อมไม่เคยให้มันทำ แต่ตอนนี้ขออะไรได้หมด โดยอ้างว่าทำแล้ว ความจำอาจจะกลับคืนมาก็ได้ มันอิดออดนิดหน่อย แต่ก็ยอมโดยดี

เปรมผมน่ะสิ งานนี้ หึ ๆ






 

 

มันนั่งทำโปรเจกต์ที่อาจารย์ให้มาอยู่ในห้องรับแขก โดยมันนั่งอยู่ที่พรมใช้โต๊ะรับแขกแทนโต๊ะเรียน ผมทิ้งตัวลงไปนั่งข้าง ๆ ก้มหอมแก้มมันไล่ลงมาที่ซอกคอ มันทำคอหดผลักห้ามใหญ่

“พี่เอก ผมกำลังเร่งทำโปรเจกต์อยู่”

“ก็ทำไปสิ พี่แค่หอมแก้มเท่านั้นเอง”
ผมเอาเคราตัวเองไซ้หน้ามันเบา ๆ ผิวมันขาวครับ ไซ้แรงเกินบางทีก็เป็นรอยแดง มันรีบผลักหน้าผมออก แต่ผมก็ยังหน้าด้านไซ้มันอยู่นั่นแหละ

โปรเจกต์มันคงจะเร่งจริง ๆ ถึงได้ขมวดคิ้วตั้งหน้าตั้งตาทำขนาดนั้น ผมเลยไปหยิบโน้ตบุ๊คมาทิ้งตัวลงนอนบนตักมัน มันไม่ว่าครับ ลูบหน้าลูบหัวผมเบา ๆ ก่อนจะหยุดมือไว้ที่เคราผม

ผมไว้บาง ๆ ไม่ให้ดูน่าเกลียด แต่ก็จับหรือสัมผัสแล้วรู้สึก แถมยังทำให้หน้าดูเข้มขึ้นอีก สงสัยมันจะชอบ ลูบใหญ่เลย ผมก็เพลินดี

“พี่เอก พี่ยังจำไม่ได้อีกเหรอ”
มันถามคำถามเดิม ผมก็ตีมึนปฏิเสธไป

เรื่องอะไรจะบอก อย่างน้อยผมจะได้ขอให้มันทำนู่นทำนี่ให้โดยอ้างว่าทำให้แล้ว ผมจะได้จำได้เร็วขึ้น มันจ้องผมอยู่พักเพื่อค้นหาความจริง ก่อนกลับไปนั่งทำงานเหมือนเดิม




 

“พี่เอก ช่วยผมหาของหน่อยสิ”
ไอ้ตัวเล็กมันเดินทำหน้าร้อนรนเข้ามาหา

“อะไร”

“กล่องใส่รูปถ่าย ผมหาไม่เจอ” มันบอก “จำได้ว่าแต่ก่อน ผมเคยวานให้พี่เอกเอาไปเก็บ แต่ไม่รู้พี่เอาไปไว้ตรงไหน หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ”
มันบ่นงึมงำเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าถามผมจริง ๆ

ผมนิ่งคิด ถ้าจำไม่ผิดมันน่าจะอยู่…

ผมเดินตรงดิ่งไปหยิบกล่องนั้นทันที ลองเปิดเช็คดูก็เห็นมันอยู่ในนั้นจริง ๆ ด้วย ผมยิ้ม หันหลังหวังเอาไปให้มัน

”ชะอุ้ย! กาย พี่ตกใจหมดเลย”

มันยืนกอดอกทำหน้านิ่ง ๆ อยู่ด้านหลัง

ผมชักเข้าใจความรู้สึกเวลาที่มันตกใจตอนหันมาเจอผมขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ

“พี่เอกเก่งจัง”
เหมือน ๆ น้ำเสียงมันจะไม่ได้ชื่นชมผมนะ

“พี่รู้ได้ยังไงฮะ ว่ามันวางไว้ตรงนั้น”
มันเอียงคอสี่สิบห้าองศา ท่าทางบ้องแบ๊ว

แต่สายตามันนี่…น่ากลัวสุด ๆ

“พี่ก็แค่เดา ๆ เอาน่ะ”

“เหรอฮะ แต่ผมเห็นพี่เดินดุ่ม ๆ ไปหยิบเลยนี่นา เหมือนพี่มั่นใจว่ามันวางไว้ตรงนั้นแน่ ๆ”

“พี่ก็เดา ๆ เอาไง”
ผมพยายามตีเนียน มันเดินเข้ามาจนชิด รังสีอาฆาตฟุ้งไปทั่ว

มันไปเอาวิธีรีดความจริงแบบนี้มาจากไหนวะ?

“โกหก!! พี่จำได้แล้วใช่ไหม ทำไมต้องมาแกล้งความจำเสื่อมด้วย!!”
มันตีแขนผมตุบตับ

“โอ๊ย ๆ!! กาย พี่เจ็บ”
ผมรีบปัดป้อง มันตีผมแรงกว่าเดิมอีก

โห เมียผมเริ่มโหดวุ้ย

“เจ็บเหรอ มาล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง รู้ไหมว่าคนอื่นเขาห่วงพี่กันแค่ไหน ไม่ใช่แค่ผมนะ ทั้งเพื่อน ๆ และคนในครอบครัวพี่ด้วย”

ผมรีบรวบจับมือมันสองข้าง แต่มันก็ยังใช้สองขาเตะขาผม หน้ามันแดงก่ำเลย สงสัยจะโกรธจริง

ผมยิ้มแห้ง

“ก็เวลาที่พี่ความจำเสื่อม กายจะดูแลพี่ดี แถมยังตามใจพี่ทุกอย่างเลยนี่นา”

“ที่ดูแลดีก็เพราะรักเพราะห่วง ที่ตามใจก็เพราะอยากให้พี่จำได้เร็ว ๆ ต่างหาก”

ผมรัดมันไว้ครับ ไม่ให้มันดิ้นรนได้ มันใช้สายตาด่าทอผมแทน

“พี่รักกายนะ ขอบใจที่ดูแลพี่อย่างดี”

มันหน้าง้ำจนผมอมยิ้ม เมียผมเริ่มเอามารยาหญิงมาใช้แล้วนะเนี่ย

“จำได้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
มันถามงอน ๆ

“ก็ตั้งแต่โดนกล่องเครื่องชงกาแฟหล่นใส่หัวนั่นแหละ ก่อนสลบไป”

มันทำหน้าอึ้ง ๆ 

“ที่พี่เจ็บตัว เพราะพี่ต้องการปกป้องคนที่พี่รักนั่นแหละ”

มันมองตาผม ก่อนก้มหน้า

“ขอบคุณครับ”

“เพราะงั้น กายต้องรับผิดชอบดูแลพี่ให้ดี ๆ ยอมตามใจพี่ทุกอย่างที่พี่ต้องการ โดยไม่ขัดขืน ปฏิเสธ หรือทักท้วง ตามมาตราบุญคุณแห่งชาติ”

โป๊ก!!

“โอ๊ย!!”

มันโหม่งหน้าผากใส่คางผมแรง ผมปล่อยมือมาลูบคางตัวเองป้อย ๆ

เจ็บฉิบหาย แล้วมันจะเจ็บไหมน่ะ

“พี่มันนิสัยไม่ดี เอาแต่ได้”
แล้วมันก็ตีแขนผมต่อยกใหญ่ ผมเลยรวบกอดมันไว้จากด้านหลังแทน หมดสิทธิ์ดิ้นรนครับ ผมหอมแก้มมันฟอดใหญ่

“พี่รักกายนะ”
และผมก็จัดการง้อมันเซตใหญ่

หึ ๆ

บนเตียง

 










 

ผมนั่งผิวปากอารมณ์ดีอยู่หลังโต๊ะทำงานในห้องสภา อีกชั่วโมงค่อยเข้าคลาส

“มึง ผิวปากเพลงนี้ได้นี่ แปลว่าความจำมึงกลับมาแล้วใช่ไหม”
ไอ้กิ๊ฟมันถาม ผมเงยหน้ามายิ้มผ่านดวงตาให้มัน

“ไอ้เลว!! ทำไมไม่บอกกันบ้างวะ”
พวกเพื่อน ๆ พากันเทศนาผมกันยกใหญ่ ผมได้แต่หัวเราะอารมณ์ดี

“กูชอบเวลาพวกมึงเป็นห่วงกูว่ะ ได้แกล้งพวกมึงแล้วสนุกดี”

“มึงทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ระวังไว้เหอะ ครั้งหน้าถ้าเกิดความจำเสื่อมขึ้นมา มึงจะโดนพวกกูยำมิใช่น้อย”

ผมยักไหล่

มือถือบนโต๊ะดังขึ้นเบา ๆ ผมหันไปมอง เห็นเป็นเบอร์ของคนคุ้นเคยถึงได้รีบกดรับทันที หลังจากนั้นไม่นาน ผมกับมันก็มานั่งกันอยู่ในผับที่เราสองคนชอบมานั่งดื่มด้วยกันประจำ

“แล้วตกลงมึงเอาไง”
ผมถามคนตรงหน้า มันไปอยู่เมืองนอกมาสองเดือนกว่า ๆ ทุกอย่างแทบจะเหมือนเดิม แต่มันนิ่งกว่าเดิม

“ตอนแรกว่าจะเรียนที่นู่นจนจบนั่นแหละ แต่กูต้องกลับมาดูแลกิจการแทนพ่อกับแม่”
มันถอนหายใจเฮือกใหญ่

“แล้วเรื่องไอ้เต้ย…”
ผมถามค้างไว้แค่นั้น มันถอนหายใจอีกรอบ

“กูไม่รู้ว่ะ แต่คิดว่ากูกับมันคงทำใจกันได้ทั้งคู่แล้ว เพราะตอนนี้กูก็กำลังดู ๆ ใจใครบางคนอยู่”

“ใครวะ”

“ก็คนที่เจอกันทางอินเตอร์เน็ตน่ะ”

ผมมองหน้ามัน

“ไว้ใจได้?”

“กูไม่รู้ ไม่มีอะไรให้หลอกอยู่แล้วนี่ เพราะคนในนั้นไม่รู้ว่ากูเป็นใครหรือกูมีเงินมีทองร่ำรวยอะไร บังเอิญคุยกันถูกคอเฉย ๆ”

ผมพยักหน้า

“แล้วแต่มึงละกัน อยากให้กูช่วยอะไรบอกมา”

มันพยักหน้า

“แล้วมึงจำได้หมดแล้วใช่ไหม”

ผมพยักหน้าบ้าง 

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“หลังจากโดนกล่องเครื่องชงกาแฟตกใส่หัว”

“สมองกระทบกระเทือนอีกครั้งจนความจำกลับมาว่างั้น? รู้งี้ พวกกูหาอะไรมาฟาดมึงตั้งแต่แรกก็คงจบ”

ผมหัวเราะหึ ๆ

สรุปไอ้เป้มันตัดสินใจเดินทางกลับมาเรียนต่อที่เมืองไทยเพื่อดูแลกิจการของทางบ้านร่วมกับน้องมัน และมันตัดสินใจที่จะนัดพบคนที่มันติดต่อไว้ทางอินเตอร์เน็ตด้วย ผมก็ขอให้คนคนนั้นทำให้มันลืมไอ้เต้ยได้บ้างนะ

(มีต่อ)
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-02-2018 10:39:13 โดย memew »

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

ตอนนี้ผมกำลังจู๋จี๋กับเมียอยู่ที่คอนโดครับ แต่ดันมีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาขัดจังหวะ ผมคว้ามามองเบอร์แล้วกรอกเสียงลงไปทันที

“ถ้าไม่มีเหตุผลดี ๆ มาขัดตอนกูกำลังจะฟัดเมีย มึงตาย”
ผมขู่ ไอ้ตัวเล็กมือไวครับช่วงนี้ ตีแขนผมเพี้ยะ ผมหัวเราะร่วนใส่มัน

“มาดื่มกันหน่อยไหม”
เสียงปลายสายฟังดูแย่มาก ผมเลยปล่อยไอ้ตัวเล็กให้เป็นอิสระ ลุกออกจากเตียง เดินไปยืนคุยกับมันเงียบ ๆ ริมหน้าต่างห้องนอน

“มีเรื่องอะไร”

“มึงจำคนที่กูเคยเล่าให้ฟังได้ไหม”

“อืม ทำไม”

“คนคนนั้นเป็นคนที่กูรู้จักว่ะ รู้จักดีด้วย”

“ใคร”

“ไอ้เต้ย”

ผมยืนอึ้งอยู่กับที่

“โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกมั้ง”

“แต่มันกลม”
มันย้ำเสียงเครียด

“งั้นไปเจอกันที่ร้านเดิมนะมึง สามทุ่ม”
ผมบอก เหลือบมองนาฬิกา เสียดายลูกแมวน้อยบนเตียงครับ แต่ตอนนี้ต้องไปหาไอ้เป้ก่อน พอหันไปมองไอ้ตัวเล็ก ก็เห็นมันลุกขึ้นแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว

“จะไปไหน”
ผมถามเสียงเครียด โรคเก่ากำเริบโดยไม่ทราบสาเหตุ

“ไปหาไอ้เต้ย”
มันทำเสียงอึกอัก

ผมพยักหน้า มันคงรู้เรื่องจากไอ้เต้ยแล้ว (เพราะเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงโทรศัพย์มันดัง)

“ให้พี่ไปส่งไหม” ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง น่าจะยังทันอยู่

“ไม่ต้องหรอก ผมนัดมันที่อื่น”
สีหน้ามันเต็มไปด้วยความวิตกกังวล มันยืนยันที่จะไปแท็กซี่ ผมก็ปล่อย มันไม่ใช่ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องไปห่วงอะไรมากมาย

ผมรีบรุดไปหาไอ้เป้ทันที มันเมาได้ที่แล้วล่ะ

“ทำไมวะเอก ทั้ง ๆ ที่กูคิดว่ากูจะตัดใจได้ แต่ทำไมชีวิตกูต้องวนเวียนอยู่แค่กับมันด้วยวะ”
มันเมาแอ๋บอก ผมถือแก้วเหล้านั่งฟังมันระบายอย่างเดียว

ผมก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจมันยังไงเหมือนกัน มันก็อุตส่าห์ทำทุกวิถีทางแล้ว ออกจากบ้าน น้องมันก็ตามไปได้ ไปอยู่ต่างประเทศ พ่อมันก็ดันมาป่วยจนต้องเดินทางกลับ ซ้ำยังต้องดูแลกิจการแทนพ่อกับแม่มันร่วมกับน้องมันอีกต่างหาก พอคิดว่าจะเจอคนที่ทำให้มันตัดใจได้บ้าง ก็ดันมาเจอกับคนที่ทำให้หัวใจมันเจ็บอีกต่างหาก

ผมกระดกเหล้าเข้าปากเครียดตามมัน ก่อนน้ำสีอำพันที่ดื่มเข้าไปเมื่อตะกี้จะกระฉอกออกมาจนหมด

ผมนั่งอึ้ง เพ่งสายตาไปยังสองชีวิตที่นั่งห่างจากเราไปอีกสองโต๊ะ เมื่อกี้ไม่เห็น เพราะมีคนมายืนบังไว้อยู่

ไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ย

“แม่ง โลกมันกลมจริง ๆ ว่ะ”

ไอ้เป้เงยหน้ามอง ผมพยักหน้าไปยังสองชีวิตที่หนึ่งดูท่าจะเมาหนัก กับอีกหนึ่งที่นั่งนิ่ง ๆ จิบเหล้านิด ๆ หน่อย ๆ

พวกเราจ้องมองสองชีวิตนั้นไม่ว่างตา เพราะออร่าบางอย่างที่ดึงดูดตัวผู้อย่างพวกผม

ไม่ใช่เพียงแค่ผมกับไอ้เป้เท่านั้นที่นั่งมองพวกมันอยู่ ถัดไปก็มีผู้ชายอีกกลุ่มกำลังเล็งพวกมันอยู่เหมือนกัน

กายกับเต้ยไม่ใช่เกย์ แต่ออร่าเซ็กซี่ของพวกมันสองคนกระจัดกระจาย ไอ้ตัวเล็ก คงเพราะผมเพิ่งทำมันค้างจากกิจกรรมเข้าจังหวะมาหยก ๆ และชุดที่ใส่ก็เซ็กซี่เอาการ อันนี้เป็นความผิดของผมเองครับ เพราะเสื้อผ้าที่คอนโดผมส่วนใหญ่ ผมจะเป็นคนซื้อให้มัน อยากเห็นมันใส่แบบไหนก็ซื้อแบบนั้นให้

มันใส่กางเกงยีนธรรมดา แต่เสื้อเป็นเสื้อยืดแขนยาวคลุมข้อมือ คอคว้านลึกโชว์ร่องรอยที่ผมเพิ่งทำทิ้งเอาไว้ ตัวที่ผมเพิ่งจะถอดมันไปหยก ๆ นั่นแหละ มันคงรีบ ถึงได้หยิบตัวเดิมมาใส่ เพราะปกติมันจะไม่ใส่ชุดแบบนี้ออกนอกห้องเด็ดขาด

พอกินเหล้าหน้าก็แดงหน่อย ๆ มันนั่งกินนิ่ง ๆ แต่ก็ดูน่ารักน่ามองไม่หยอก หรือไม่ก็เพราะมันเคยผ่านมือผู้ชายมาก่อน ออร่าดึงดูดผู้ชายด้วยกันมันถึงออก (ไม่งั้นไอ้โอ๊ค ไอ้คุณชรินทร์ ไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐไม่มาชอบหรอก)   

ส่วนไอ้เต้ย มันคงร้อนเลยแกะกระดุมออกจนเสื้อแหวกเห็นหัวนมโผล่รำไร มันแต่งตัวน่ารักครับ ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นมีสไตล์ แต่ตอนนี้มันลุ่ยหมดแล้ว

และไอ้กลุ่มคนที่นั่งมองกันอยู่ก็พากันเดินเข้าไปหาพวกไอ้ตัวเล็ก ทำท่าอ้อล้อ พวกมันสองคนก็พยายามปฏิเสธ แต่ไอ้พวกบ้านั่นก็ยังเข้ามาวุ่นวายไม่หยุด คนแรกฉุดไอ้ตัวเล็ก ส่วนอีกคนฉุดไอ้เต้ย

ผมกำลังจะลุก แต่ก็ช้ากว่าคนที่นั่งตรงข้ามผมที่ลุกตรงไปยังคนกลุ่มนั้นแล้ว มันง้างหมัดใส่ไอ้คนที่โอบเอวไอ้เต้ยไว้ทันที จนผู้คนพากันร้องวี้ดว้าย ผมที่ตั้งสติได้รีบเดินกึ่งวิ่งเข้าไปกระชากไอ้ตัวเล็กออกมาจากพวกนั้นทันที

พวกเราตะลุมบอนกันอยู่พัก จนพวกมันถูกยำตีนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น

“มาทำอะไรอยู่ในที่แบบนี้!!”
ไอ้เป้มันกระชากถามน้องมัน

“ทามอาราย”

ทั้งที่ไอ้เป้มันเมา แต่ดูเหมือนมันจะสร่างเมาแล้ว

“ที่แบบนี้มันไม่เหมาะกับนาย!!”

“ทำมายจาม่ายด้าย ทีพี่ยางมาด้ายเลย”

“ก็พี่ดูแลตัวเองได้”

“โผ้มก็ดูแลตัวเองด้ายเหมือน…กัน”

“ทั้งที่เกือบจะถูกฉุดเนี่ยนะ!!”
มันตะคอกเสียงดัง

“นั่นมันเรื่องของ..กู กูจะถูกครายฉุดมานก็เรื่องของ…กู มึงม้ายสนใจกูอยู่แล้วนี่ เอะอะก็หนีกูไป เคยสนใจกับชีวิตกูด้วยรึไง!!”
ไอ้เต้ยมันตะคอกกลับบ้าง

เห็นแววเจ็บปวดวิ่งผ่านดวงตาไอ้เป้มัน ผมไม่รู้ว่าไอ้เต้ยมันรู้สึกยังไงถึงพูดแบบนั้น แต่คนที่เจ็บกับคำพูดมันก็คนที่ทิ้งมันไปนั่นแหละ

“ปล่อยนะ ไอ้พี่บ้า มึงปล่อยกูเลย มึงจะไปที่ไหนก็ปาย อย่ามาใกล้กูอีก ไปไกล ๆ !!”
มันโวยวายเสียงดัง จนไอ้เป้ ตัดสินใจจับน้องมันพาดบ่าแล้วเดินดุ่ม ๆ ออกจากร้านไป

ผมหันมามองคนที่ยังยืนหน้าซีดข้าง ๆ

“เป็นอะไรมากไหม”

มันส่ายหัว

“ทำไมมาในที่แบบนี้”

เพราะกายไม่ใช่พวกชอบเที่ยวหรือดื่มในสถานที่แบบนี้อยู่แล้ว

“ไอ้เต้ยมันชวน”

ผมพยักหน้า

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

“ขอบคุณฮะ”

ผมยิ้ม จ่ายค่าเครื่องดื่มและค่าเสียหายแล้วเดินทางกลับทันที(ส่วนพวกมัน ผมไม่สนครับ พอดีผมกับไอ้เป้เป็นลูกค้าประจำ เส้นใหญ่ เลยไม่มีใครเอาเรื่อง)




 

 

 

วันและเวลายังคงดำเนินต่อไป ผมกับไอ้ตัวเล็กอยู่ด้วยกันด้วยความรักและความเข้าใจ ในขณะที่คู่ของเพื่อนสนิทผม ยังคงระส่ำเพราะหัวใจของพวกมันอีกครั้ง

ครั้งนี้ไอ้เป้จะหนีไม่ได้ เพราะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ

แม่มันวางมือจากธุรกิจมาดูพ่อเต็มเวลา งานทั้งหมดที่พ่อกับแม่มันเคยดูแลเลยตกไปที่พวกมันทั้งหมด งานบางอย่างก็ขายทิ้งเพื่อที่มันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก หรืองานบางอย่างก็หาคนมาดูแลแทน

พ่อกับแม่มันมารู้ว่าเวลามีค่าก็ตอนสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้วนั่นแหละ

To Be Con....           

           

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่เอก กาย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
พี่เอก หื่น นั่นล่ะใช่พี่เอกแน่ๆ

พี่เป้ หนียังไงก็หนีไม่พ้น
ก็หัวใจอยู่ที่เต้ย หัวใจเต้ย ก็อยู่ที่พี่เป้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ nyxca

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ที่จริงชอบเรื่องนี้ ชอบจนมาถึงบททวงหนี้ อยากอ่านต่อมากแต่อ่านต่อไม่ไหว เพราะไม่อินกับความรักของพระเอกทั้งที่เอาใจช่วยมาตลอดทั้งเรื่อง เข้าใจมาตลอด ตอนบอกเลิกกายเพราะกลับไปหาแฟนเก่าก็ยังเข้าใจ อย่างน้อยก็ยังมาพูดไม่ใช่หายไป คือช่วงนั้นก็หวังว่าเอกจะมีเหตุผลดีๆที่จะกลับมา แต่ก็ไม่มี แถมยังพูดออกมาได้ว่ารักทั้งสองคน จะบ้าเหรอ เอกก็พูดมาตลอดว่าเอกไม่ใช่คนดีแต่เราก็ไม่คิดว่าเอกจะเห้ขนาดนี้ คิดว่าแฟนเก่าเอกโครตโชคดีเลยที่ไม่ได้ลงเอยกับคนๆนี้ ซวยกายไป ขอบคุณคนเขียนมาก นิยายคุณสนุกจริงๆ เขียนดีด้วย อินกับความชั่วช้าของพระเอกจนกลับมาเข้าข้างไม่ได้เลย อิอิ ถ้ามีคำพูดที่ทำให้รู้สึกไม่ดีต้องขอโทษด้วยแต่เพราะมันอินจริงๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เป้ สู้ สู้ นะลูก หนูต้องทำได้แน่ ๆ คนแก่เชื่อมือหนู  :กอด1:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
99
ความจริงเปิดเผย
[กาย...]




 


 
   
 

วันนี้พวกเรายกโขยงกันมาเยี่ยมพ่อพี่เป้กันที่บ้านครับ มากับครบวงเลย และเนื่องจากพ่อแม่พี่เป้ต่างจากพ่อแม่พี่เอกหรือพ่อแม่ผม พวกพี่ ๆ มันเลยต้องทำตัวเรียบร้อยกันนิดหนึ่ง

“เฮ้ย!! ไอ้เชี่ย มึงโกง ไอ้สาด เอาเงินกูคืนมาเลย”

เอ่อ…

ผิดพลาดทางเทคนิคบางประการครับ

ขอเทคสอง

“เฮ้ย ๆ!! ที่ห้องไอ้เป้มีคลิปแอบถ่ายของน้องเอมี่ด้วยเว้ย พวกมึงอยากดูกันเปล่า!!”

เอ่อ…

พวกพี่ ๆ จะเสื่อมกันไปไหม

ดูแทบไม่ออกว่านี่คือกลุ่มของผู้ปกครองนักศึกษาทั้งมหา’ลัย

แต่แทนที่แม่พี่เป้จะต่อว่ากลับนั่งหัวเราะร่วนมองพวกเราด้วยสายตาเอ็นดู ส่วนคุณพ่อก็ทำได้แค่นั่งหัวเราะเบา ๆ ร่างกายของท่านยังขยับไม่ได้ แต่พอพูดได้บ้างแล้ว แม่มองมาทางพวกเรายิ้ม ๆ

“แม่กับพ่อเกือบจะลืมไปแล้ว ว่าเคยยิ้มและหัวเราะแบบนี้กันเมื่อไหร่”
แม่เปรยเสียงแผ่ว

“มันไม่สายหรอกครับ ที่พ่อกับแม่จะมีความสุข”
พี่เป้บอกกับแม่ยิ้ม ๆ 

ตอนนี้พวกเราสุมหัวกันอยู่ในห้องรับแขก พ่อพี่เป้นั่งอยู่บนเก้าอี้นวด โดยมีแม่นั่งอยู่เคียงข้าง

“คุณพ่อเล่นหน่อยไหม”
ไอ้มอมันชวน ทุกคนหันไปมอง

“มึง พ่อกูจะเล่นได้ไง”
พี่เป้ท้วง

“จะไปยากอะไร ก็ให้คุณแม่เป็นคนถือ ส่วนคุณพ่อก็แค่ส่งซิกบอกคุณแม่ก็พอว่าอันไหน เชื่อกู คุณพ่อเล่นได้แน่นอน”

ทุกคนมองไปที่พ่อราวกับจะกระตุ้นให้ท่านตอบตกลงมากกว่าปฏิเสธ ท่านเลยพยักหน้าเบา ๆ แม่เลยต้องลงไปนั่งกับพวกพี่มัน

แม่ต้องใช้วิธีชี้ครับ ว่าอันซ้ายหรืออันขวา แล้วให้พ่อพยักหน้าหรือส่ายหน้าเพื่อให้แม่วางไพ่

ช่วงแรก ๆ ติดขัดกันนิดหนึ่ง สักพักแม่กับพ่อเริ่มมันมือ ปรึกษากันยกใหญ่ คราวนี้พี่มอกับพี่โอมกำลังจะกินเหลือพ่อเป็นตาสุดท้าย พี่มันเลยกดดันพ่อใหญ่

“อันนี้เหรอคุณ”
แม่ถาม พ่อส่ายหัว แม่ชี้ไปเรื่อย ๆ จนพ่อเริ่มทนไม่ไหว

“อันนั้น”

“อันไหนคะ”

“อันนั้น”
แล้วทุกคนก็พากันตลึงเมื่ออยู่ ๆ พ่อก็ขยับมือเบา ๆ เหมือนจะยกขึ้นมาชี้

“คุณพ่อ!! คุณพ่อขยับมือได้แล้ว!!”
ไอ้เต้ยมันวิ่งเข้าไปหาพ่อมัน พ่อก้มมอง ก็เห็นว่ามือตัวเองเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิมจริง ๆ

“เห็นไหม กูว่าแล้วว่าต้องได้ผล”
พี่โอมกับพี่มอตบมือใส่กันดังป้าบ

“หมายความว่ายังไง” พี่เป้ถาม

“ก็พวกกูใช้เทคนิคคล้ายถีบคนตกน้ำนั่นแหละ ใช้วิธีกระตุ้นให้จิตใจอยากก่อน แล้วร่างกายจะทำตามเอง”
พี่โอมพูดยิ้ม ๆ

ผมก็ลืมไปเลยว่าพี่โอมเป็นหมอ อาจรู้เทคนิคบางอย่างที่พวกเราไม่รู้ก็ได้ แม่ดีใจใหญ่ หลังจากนั้นพวกพี่มันก็ใช้เทคนิคมั่ว ๆ แปลก ๆ มากระตุ้นพ่อต่อ จนผมชักไม่แน่ใจว่าพี่มันใช้ความรู้ หรือแค่มั่วแหลกอย่างเดียวกันแน่

ถึงร่างกายจะยังพัฒนาได้ไม่มาก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่พ่อกับแม่มันมีมากขึ้น ผมนั่งมองทุกคนยิ้ม ๆ บางจังหวะก็ลุกไปถ่ายรูปเก็บความทรงจำดี ๆ เอาไว้

เครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงผมดังเบา ๆ ผมล้วงหยิบมากดรับ

“มากันแล้วเหรอฮะ งั้นเดี๋ยวผมออกไปรับ”

ไอ้เต้ยหันมามอง

“พ่อกับแม่กูมา”
ผมบอก ไอ้เต้ยยิ้มแก้มบาน รีบลุกเดินไปรับพ่อแม่กับผม

หิ้วของกันมาเยอะแยะเลย หนึ่งในนั้นก็มีกระเช้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของเยี่ยมพ่อพี่เป้ ผมกับไอ้เต้ยรีบเข้าไปช่วยถือ และเชิญพวกท่านเข้าบ้าน พอพ่อแม่พี่เป้เห็นพ่อแม่ผม พวกท่านอึ้งไปเลย เพราะพวกท่านอายุใกล้เคียงกัน แต่พ่อแม่ผมดูหนุ่มดูสาวกันจนแทบจะกลายเป็นพี่ชายพี่สาวผม ในขณะที่พวกท่านดูแก่ไปเยอะ

พ่อกับแม่เดินไปยื่นของฝากให้พ่อแม่พี่เป้ คุยกันสักพักถึงได้หันมาทางพวกเรา   

“เอ้อ ลืมไป นั่นของกิน”
พ่อพยักหน้าไปยังถุงขนาดใหญ่ที่ผมหิ้วมาวางไว้ไม่ไกล

“ลาภปากเว้ย”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับ พี่มอกับพี่โอมรีบวิ่งเข้าไปคว้าถุงนั้นแล้ววิ่งลิ่วเข้าครัวไปทันที ตามติดด้วยพี่อิงกับพี่สาวพี่ปิง คงไปช่วยกันจัดของลงจาน

พ่อแม่ผมมองตามยิ้ม ๆ หันมาคุยกับพ่อแม่พี่เป้ต่อ

“ดูไม่ออกเลยนะคะ ว่าเป็นพ่อกับแม่”
แม่พี่เป้ว่าเสียงจืด

“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าไม่ทำตัวหล่อทุกวัน เดี๋ยวโดนเมียทิ้ง”

“คุณน่ะสิจะทิ้งฉัน”
พ่อโดนแม่ตีกลับ แม่พี่เป้หัวเราะ

พอจัดของลงจานเรียบร้อย พวกพี่ ๆ มันก็ยกของกินมาวางพื้น (ตอนแรกจะวางไว้บนโซฟา แต่เยอะครับไม่พอ เลยวางไว้ที่พื้นกันนั่นแหละ ดิบมาก = =) แล้วพวกเราก็แทบจะขี่กันแย่งกินของที่อยู่ตรงกลาง   

“คุณพ่อคุณแม่จะว่าอะไรไหม ถ้าพวกเราขอดีแตกกันสักวัน”
พ่อแม่พี่เป้พากันเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“ก็รีเจ้นท์พ่อมันล่อตาพวกเราสุด ๆ”
พี่มอทำตาเยิ้ม ๆ มองตรงไปยังขวดรีเจ้นท์นับสิบที่เรียงกันสวยงามบนตู้โชว์ ปกติเขาจะโชว์กันแค่ขวดสองขวด แต่บ้านนี้มีเป็นแผง

พ่อมองหน้าแม่ แม่พยักหน้าเบา ๆ น่าจะประมาณว่า ปล่อยวางของแบบนั้นไปเถอะ พอพวกท่านพยักหน้าเท่านั้นแหละ พวกพี่มันก็รีบวิ่งกันไปเปิดตู้ คว้าขวดเหล้ามาคนละสองขวดทันที

เสื่อมมาก พ่อจะสั่งให้พวกพี่มันเลิกคบกับพี่เป้กันไหมน่ะ

พ่อผมคงเปรี้ยวปากไม่แพ้กัน เลยขอตัวมาร่วมวงกับพวกผมด้วย ส่วนแม่ผมยังคุยกับแม่พี่เป้อยู่

กับแกล้มไม่พอครับ แม่ผมเลยอาสาไปทำกับแกล้มเพิ่มให้ จริง ๆ มีแม่บ้านครับ แต่แม่อยากทำเองเพราะคงถูกปากมากกว่า (โดยเฉพาะพ่อ ฮ่า ๆ) ผมรีบลุกตามไปช่วย ผมยืนช่วยแม่อยู่พัก ไอ้เต้ยมันก็เข้ามาช่วย มันเริ่มทำอาหารเป็นแล้ว ก็เรียน ๆ มาจากแม่ผมตอนช่วงที่มันหอบเสื้อผ้าไปนอนบ้านผมนั่นแหละ

สักพักแม่มันก็เดินเข้ามา แม่เลิกคิ้วใหญ่ที่เห็นไอ้เต้ยยืนใส่ผ้ากันเปื้อนค้ำสะเอวคนน้ำซุปต้มยำกุ้งในหม้อ

“ทำเป็นด้วยเหรอลูก”

“อ้อฮะ แม่สอนน่ะ”
มันพูดชิว ๆ ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งอีกที

“ผมหมายถึง แม่แก้วน่ะ”

แม่ทำหน้าสลดนิดหนึ่งจนมันรีบละมือจากหม้อต้มยำเดินไปหาแม่มัน ผมกับแม่ก็มองเหมือนกัน

“หึ ขนาดแม่เป็นแม่แท้ ๆ ยังไม่เคยจะใกล้ชิดลูก ๆ แบบนี้เลย แม่นี่ไม่ได้เรื่องเลย”
แม่มันยืนน้ำตาหยดแหมะ แกคงรู้สึกเสียใจกับหลาย ๆ เรื่อง

“ผมไม่เคยโกรธคุณแม่นะฮะ เพราะพ่อกับแม่ทำงานหนัก ผมกับพี่เป้ถึงได้มีกินมีใช้กันได้อย่างสุขสบายมาจนถึงทุกวันนี้”

แม่กอดมันไว้

“แม่รักลูกนะ”

“ผมก็รักแม่ฮะ”
แล้วสองแม่ลูกก็กอดกันแน่น

“เอ่อ…เต้ย แม่ว่าอาหารที่ลูกทำกำลังจะไหม้แล้วนะ”
แม่ท้วงเมื่อหม้อต้มยำมันเดือดปุด ๆ มันรีบละจากแม่ไปที่หม้อต้มยำทันที ผมกับแม่ก็พากันมองฉากซึ้งเพลินไปหน่อย

แล้วแม่มันก็มาช่วยพวกเราสามคนทำกับแกล้มกัน กินเป็นข้าวเย็นไปด้วยในตัว ผมเพิ่งรู้ว่าท่านทำกับข้าวเก่งครับ แต่ไม่ค่อยมีเวลาทำ

ไม่นานเราก็ยกอาหารไปเสิร์ฟ ได้ยินเสียงคุณพ่อหัวเราะร่วน ไม่รู้พวกพี่มอ แสดงตลกร้ายอะไรให้คุณพ่อดูอีก สองคนนี้เมาทีไร ป่วงทุกที
   
พี่เอกลุกเดินมาช่วยรับของจากมือผมไปวาง

“ทำอาหารหรือเอาตัวเองไปคลุกอาหารเนี่ย ดูซิ ตัวมีแต่แป้ง”
พี่มันเช็ดแป้งที่ติดหน้าผมออกให้เบา ๆ ผมยิ้มหวานให้พี่มันที

“เฮ้ย!! พวกมึง สวีทกันเห็นใจพวกโสด ๆ แบบกูบ้าง”
พี่โอมเมาได้ที่แล้วครับ พี่มันโวยวายใส่ผมกับพี่เอกใหญ่ ผมทำท่าอึกอัก เพราะเรื่องนี้พ่อแม่พี่เป้ยังไม่รู้ พวกท่านมองมาที่ผมกับพี่เอกกันแปลก ๆ

“ยุ่งไรด้วย”
พี่เอกไม่ใส่ใจ ลากผมไปนั่งข้าง ๆ พี่แก

“ไม่มีไร แค่อิจฉา”

“หึ มันเพิ่งอกหักจากน้องนุ่นมาน่ะ”

“มึง อย่ามาพูด ปากก็บอกว่ารักกู แต่ดันไปนอนกับผู้ชายคนอื่น ฮือ ๆ ผู้หญิงหลายใจ”
พี่มันเริ่มรั่วแล้วครับ

“อันนั้นคงเป็นกรรมของมึงว่ะโอม อยากเกิดมาหล่อน้อยเอง”
พี่ปิงแซว

“กูว่าเป็นกรรมที่เกิดจากความหน้าม่อของมึงมากกว่านะ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นก็คืนสนอง”
พี่อ้อยว่าต่อ

“คนม่อไม่ใช่คนเลวเว้ย แต่คนขี้โกหก ตกนารกน่า” พี่มันรั่วหนัก “ที่กูม่อไปทั่ว เพราะกูกำลังตามหาใครสักคน ที่จะรักกูคนเดียว แบบที่ไอ้เอกมันเจอไอ้กายไง”
พี่มันเพ้อต่อ ผมสะดุ้งโหยงเลย

“กาย กายมารักกับพี่ดีกว่ามะ กายรักเดียวใจเดียวดี ขนาดไอ้เอกมันหลายใจ กายก็ยังร้าก ร้าก มาดามใจพี่หน่อยเร็ว”
พี่โอมแกเริ่มไหล จะโน้มตัวมาลากผม แต่พี่เอกเอาเท้ายันหน้าพี่แกไว้ก่อน

เท้าจริง ๆ ครับ ฝ่าเท้าเต็มหน้าแกเลย ดีว่าพี่มันใส่ถุงเท้าไว้

พวกพี่ ๆ พากันหัวเราะครื้นเครง พ่อแม่พี่เป้ก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย พี่โอมหลบเท้าพี่เอก ทำท่าจะเข้ามาหาผมอีกรอบ จนพี่เอกต้องยันเท้าใส่หน้าอกพี่โอม มือก็คว้าร่างผมเข้าหาแก

“มึง อย่ามายุ่งกับเมียกู”
พี่เอกประกาศก้อง ผมนั่งหน้าชาบวกร้อนผ่าว 

มึง มาพูดอะไรต่อหน้าผู้ใหญ่วะ

หลังจากนั้น พี่เอกก็ดึงผมไปนั่งตรงหน้าพี่แกแล้วโอบเอวผมไว้หลวม ๆ เลย อยากขัดขืนอยู่หรอก แต่ดูท่าพี่โอมจะเข้ามาลากผมไปจริง ๆ ผมเลยนั่งอยู่เฉย ๆ

มาถึงขนาดนี้ คนคงรู้กันหมดแล้วล่ะ ผมนั่งดื่มกับไอ้เต้ยไปเงียบ ๆ ข้าง ๆ มันเป็นพี่เป้ พ่อคงอยากดื่มเหมือนกัน แต่หมอห้าม เลยได้แต่นั่งดูพวกเรากินเฮฮากันไป

“กายกับเอกคบกันจริง ๆ เหรอ”
แม่ตัดสินใจถาม

ผมนั่งนิ่ง ก้มหน้าไม่รู้จะตอบยังไง

“ครับ”
แล้วพี่เอกก็เป็นคนตอบแทน

“คุณพ่อคุณแม่อย่าคิดว่าพวกมันเป็นเกย์นะ” ไอ้พี่โอมมันแพล่มต่อ “ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมาน” พี่โอมชี้หน้าพี่มอ “มานเป็นคนอุตริให้สองคนนี้เล่นเกมจ๊วบ ๆ กาน”
อ้อ ไอ้คนต้นคิดก็ไอ้พี่มอนี่เอง

“หลังจากน้าน ไอ้เอกมันก็หลงรสจูบกายมาน แล้วหลังจากนั้นมันก็ลงเอ่ยกันอย่างที่เห็น”
ทุกคนนั่งฟังเงียบ ๆ

“แต่มึงรู้ไหมไอ้เอก ว่ามึงอะโชคดีขนาดไหน ขนาดมึงเลว มึงเจ้าชู้ ซ้ำยังหลายใจ แต่ไอ้กายก็ยังรักและเทิดทูนมึงคนเดียว แม่.งชาตินี้กูจะหาคนแบบไอ้กายมันได้ไหม คนที่รักกูจริง ๆ ไม่ใช่ที่หน้าตาหรือฐานะ รักกูที่เป็นกู”

ผมนั่งฟังอึ้ง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าพี่แกจะมีปมขนาดนี้ 

“มึงอ่ะโชคดี”
ผมรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย และพี่เอกก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกัน รู้สึกได้จากวงแขนที่กระชับผมแน่นขึ้น   

“มึงต้องดูแลไอ้กายดี ๆ นะ เพราะไอ้กายมันรักมึงคนเดียว รักเดียวใจเดียว เหมือนที่ไอ้เป้มันรักไอ้เต้ยไง”

เหล้าที่อยู่ในปากของแต่ละคนกระฉอกออกมา พี่มอรีบเอามืออุดปากพี่โอม ส่วนพวกพี่ผู้หญิงเอาขนมที่กินอยู่เขวี้ยงใส่พี่มันกันใหญ่ พี่มันดิ้นขลุกขลัก ผมหันไปมองพ่อกับแม่

ดูพวกท่านอึ้งไปเลย       
           
“หมายความว่ายังไง”

“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณพ่อคุณแม่ เพื่อนผมมันเมา”
พี่มอรีบแก้ต่างให้

“ก็เมื่อกี้แม่ได้ยินว่าเป้รักเต้ย”

“แหม มันเป็นพี่น้องกัน รักกันก็ไม่แปลกนี่เนอะ”
พี่ปิงรีบเสริม

แม่ท่าทางจะไม่เชื่อ รีบหันไปทางพี่เป้ทันที

“จริงเหรอเป้”

พี่เป้กรอกเหล้าเข้าปากไปเงียบ ๆ ก่อนเหลือบไปมองไอ้เต้ย แล้วเทเหล้าจนเต็มแก้วกรอกเข้าปากจนหมด ลุกพรวดเดินออกจากวงเหล้าไปเลย ทุกคนมองสิ่งที่เกิดขึ้นหน้าตื่น

“เป้!! ไปไหนลูก เป้!!”
แม่ตะโกนเรียก หันมาทางพวกเรา “นะ นี่มันหมายความว่ายังไง” แม่นั่งหน้าซีด ก่อนหันไปทางไอ้เต้ย

“เต้ย หมายความว่ายังไงลูก”

ไอ้เต้ยมันไม่พูดอะไรเหมือนกัน เอาเหล้ามาเทใส่แก้วจนเต็ม แล้วกรอกลงคอไม่ต่าง

“เฮ้ยเต้ย พอเถอะ”
ผมรีบแย่งแก้วเหล้าจากมัน แต่มันไม่ยอม แย่งกลับเอาไปกรอกอีก ผมรีบแย่งกลับ

“มึง อย่ามาห้ามกูไอ้กาย พี่มันเกลียดกูแล้ว แค่หน้ากู มันก็ยังไม่อยากจะมองเลย”
มันพูดงอน ๆ

“กูไม่ได้อยากเกิดมาเป็นน้องมันนะ”
มันก้มหน้าร้องไห้ ผมรีบปลอบใจมัน

บรรยากาศเฮฮาเมื่อกี้ กลับกลายเป็นบรรยากาศมาคุโดยบัดดล ส่วนคนก่อเรื่องหลับฟี้ ๆ ไปแล้ว พี่มอรีบขอตัวลากพี่โอมกลับบ้าน ผมให้พี่เอกตามไปดูพี่เป้ ส่วนผมอยู่ดูแลไอ้เต้ยที่ยังนั่งกรอกเหล้าเข้าปากไม่หยุดจนหลายคนต้องเข้ามาห้าม

กลัวว่าเหล้าเพรียว ๆ จะกัดกระเพาะมันตายมากกว่า

มันกินจนสลบไปผมถึงได้พามันขึ้นห้อง ส่วนพวกพี่ ๆ ก็พากันแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน

พี่เป้เป็นยังไงไม่รู้ แต่ตอนนี้ไอ้เต้ยดูแย่เอามาก ๆ ผมนั่งอยู่ข้างเตียง เอาผ้าเช็ดตัวมาลูบหน้ามันเบา ๆ พอแม่ส่งแขกหมด ถึงได้ตามผมขึ้นมาหาไอ้เต้ยมันที่ห้อง

“เต้ยเป็นยังไงบ้างลูก”

“หลับสนิทไปแล้วครับ”

“แม่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย เรื่องเป้กับเต้ย”

ผมกัดปากแน่น

“ผมจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง แต่คุณแม่สัญญาได้ไหมฮะ ว่าจะไม่โกรธพี่เป้กับไอ้เต้ยมัน”

แม่มองตาผม มองเห็นแววเจ็บปวดและผิดหวังอยู่ภายใน แต่ก็พยักหน้ารับ

“ผมอยากเล่าให้คุณพ่อฟังด้วย เพราะทั้งหลายทั้งปวงก็มาจากคุณพ่อกับคุณแม่เหมือนกัน”

แม่มองผมอึ้ง ๆ แต่ก็พยักหน้าเดินออกไปเข็นรถคุณพ่อเข้ามาภายใน ผมกำลังเช็ดตัวให้มันอยู่ แม่มาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ

“ผมรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่ทำงานกันจนให้เวลากับงานมากกว่าครอบครัวไอ้เต้ยเป็นเด็กขี้เหงา เลยกลายเป็นคนติดพี่ ไม่ต่างกับพี่เป้ที่กลายเป็นพี่ติดน้อง ไอ้เต้ยเป็นคนขี้อ้อนมันก็อ้อนแหลกจนพี่เป้หวั่นไหวพี่เป้ไม่รู้หรอกว่ารักมันแบบชู้สาว ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองเป็นโรคติดน้องธรรมดา”

“แต่ยิ่งนานวัน พี่มันก็ยิ่งเรียนรู้ว่ารักไอ้เต้ยมากกว่าพี่น้อง แล้วหลังจากนั้นพี่เป้ก็พยายามตัดใจมาตลอด ทั้งออกจากบ้านไปอยู่คนเดียว หาทำงานพิเศษทำ เพื่อจะได้ไม่มีเวลาว่าง ทำตัวเย็นชาใส่มัน ไม่พูดไม่จากับมัน แต่ไอ้เต้ยมันดื้อ มันพยายามค้นหาความจริงมาตลอด ว่าพี่เป้เมินมันเพราะอะไร”

“ถึงขนาดตามไปทำงานพิเศษด้วย และอดทนตามตื๊อพี่เป้ แม้พี่เป้จะไม่พูดไม่จากับมันก็ตาม ถึงมันจะทำตัวเข้มแข็ง แต่มันก็แอบนั่งร้องไห้ของมันคนเดียวทุกวัน ปลอบใจให้ตัวเองเข้มแข็ง และทำให้พี่เป้กลับมาเป็นคนเดิมให้ได้”

“ไม่ต่างกับพี่เป้ ที่ทรมานทุกครั้งที่เข้าใกล้มัน อย่าว่าแต่ไอ้เต้ยเลยที่ร้องไห้ พี่เป้เองก็อ่อนแอนับครั้งไม่ถ้วนเหมือนกัน ที่พี่เป้ต้องการคือตัดใจจากมัน แล้วกลับมาเป็นพี่ที่ดีของมันเหมือนเดิม พี่เป้กลัวว่ามันจะรู้ว่าพี่เป้รักมันมากกว่าน้อง เพราะกลัวมันเกลียด”

“แต่ยิ่งพี่เป้หนี มันยิ่งตามติด”

“ผมเลยโกหกมันว่า ที่พี่เป้เมินเพราะพี่เป้กำลังอกหักอยู่ ให้มันปล่อยพี่เป้ไป จนกว่าจะทำใจได้ แต่กลับกลายเป็นว่า มันพยายามค้นหาว่าใครคือคนที่ทำให้พี่เป้อกหัก จะได้ทำให้คนคนนั้นมาคบกับพี่เป้ จนมันเข้าใจผิดคิดว่าคนที่พี่เป้รักคือผม แต่ผมมีพี่เอกอยู่แล้ว มันเลยเข้าใจผิดไปใหญ่ว่าที่พี่เป้อกหักเพราะผมมีคนรักอยู่แล้ว”

“มันพยายามทำให้ผมเลิกกับพี่เอก แล้วให้ผมไปรักกับพี่เป้แทน มันทำทุกอย่างเพื่อให้พี่เป้มีความสุขและกลับมาเป็นเหมือนเดิม กระทั่งทำเรื่องสิ้นคิดเข้า”

ผมหยุดหายใจนิดหนึ่ง พอ ๆ กับที่พวกท่านพยายามหายใจหลังจากนิ่งฟังมานาน ผมกลืนน้ำลายแล้วเล่าเรื่องต่อ

“มันวางยาผมเพื่อให้ผมมีอะไรกับพี่เป้ แต่เกิดความผิดพลาด แทนที่ผมจะได้นอนกับพี่เป้อย่างที่มันวางแผน กลับกลายเป็นตัวมันเองที่โดนยา”

มันเสี่ยงมากกับเรื่องอ่อนไหวพวกนี้ แต่ผมจำใจต้องกัดฟันเล่าต่อให้จบ

“มันกับพี่เป้มีอะไรกันเพราะฤทธิ์ยา และผมก็เพิ่งรู้ในวันนั้นแหละว่ามันก็รักพี่เป้เหมือนกัน พอพวกเรารู้ว่ามันรักพี่เป้ เป้าหมายที่เราจะบอกความจริงกับมันต้องล้มเลิกไป เพราะตามนิสัยมัน ถ้ามันรู้ว่าพี่เป้ใจตรงกับมัน มันต้องไม่สนใจความเป็นพี่เป็นน้องแน่ ๆ พี่เป้ดีใจที่มันรักพี่เป้ แต่ความรู้สึกผิดนั้นมีมากกว่า พี่เป้เลยตัดสินใจ หนีไปเรียนต่อที่อังกฤษเพื่อจะได้ตัดใจจากมัน และทำให้มันตัดใจจากพี่เป้”

“แต่พี่เป้ก็ต้องบินกลับมากะทันหันเพราะคุณพ่อป่วย ระยะเวลาสองเดือนกว่า ไม่ได้ทำให้คนทั้งคู่ตัดใจจากกันได้เลย ไม่ใช่ว่าพี่เป้กับเต้ยไม่พยายามนะฮะ ไอ้เต้ยมันอุตส่าห์หาเพื่อนคุยทางอินเตอร์เน็ตไม่ต่างกับพี่เป้ จนไปเจอคนถูกใจเข้า”

“หึ แต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง คนที่ไอ้เต้ยคุยถูกคอและคิดว่าน่าจะเป็นคนที่ทำให้ตัวเองตัดใจจากพี่เป้ได้ ดันเป็นพี่เป้ไปอีกซะนี่ สรุปหนียังไงพวกพี่มันก็หนีกันไม่พ้น”

“ผมไม่รู้จะพูดยังไงดีเหมือนกัน แต่เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ ผมสงสารทั้งเพื่อนผมและพี่เป้ด้วย”

ผมสรุปใจความลงและเงียบ ไม่ต่างกับทุกคนในห้อง ผมหันไปมองไอ้เต้ยที่นอนหลับสนิทบนเตียง ลูบหัวมันนิดหนึ่ง

“จุดเริ่มต้นของความรักพี่เป้ คงเกิดจากโรคหวงน้อง แต่จุดเริ่มต้นของมัน คงเริ่มจากความเหงาที่ขาดความรักจากคุณพ่อคุณแม่ แต่ตอนนี้มันถอนตัวยากแล้วล่ะครับ ผมเคยผ่านปัญหาเรื่องความรักกับพี่เอกมาบ้าง แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับ ยังไม่ได้เศษเสี้ยวที่พี่เป้กับมันต้องเจอเลย…โดยเฉพาะพี่เป้”

ผมหันไปมองพ่อกับแม่ที่แทบจะหมดลมหายใจไปแล้ว

“ผมขอโทษแทนเพื่อนกับพี่ผมด้วยนะฮะ แต่ผมรักพี่เป้กับไอ้เต้ยเหมือนพี่เหมือนน้องผมจริง ๆ ผมอยากให้คุณพ่อกับคุณแม่เข้าใจ และช่วยกันทำให้พวกมันตัดใจจากกันให้ได้”
ผมลุกขึ้นยืน

“ผมว่าคุณพ่อกับคุณแม่ คงมีเรื่องอยากคุยกันเพียงลำพัง ถ้ามีอะไร ก็โทรหาผมได้เสมอนะครับ ใช้มือถือไอ้เต้ยโทรก็ได้ มีโปรฟรีโทรได้ไม่อั้น”
ผมทิ้งมุขไว้ ก้าวเดินออกจากห้อง แต่ก่อนจาก ผมเกาะขอบประตูไว้ หันไปมองพ่อกับแม่อีกรอบ

“ผมดีใจนะครับ พี่พ่อกับแม่หันมามองพี่เป้กับไอ้เต้ยมันบ้าง”

แล้วผมก็ก้าวเท้าข้ามประตู จนเห็นใครบางคน ยืนนิ่งอยู่หลังกำแพงพร้อมใครอีกคนที่ยืนน้ำตาไหลพรากอยู่ข้าง ๆ กัน

“พี่เป้ พี่เอก”
ผมครางเรียกหน้าซีด

“ขะ ขอโทษครับ”

“เรากลับกันเถอะ”
พี่เอกเดินมาโอบไหล่ผม ดันเบา ๆ ให้ก้าวเดินตาม

ผมหันไปมองพี่เป้ เห็นพี่แกเดินเข้าห้องนอนไอ้เต้ยไป แล้วประตูบานนั้นก็ค่อย ๆ ปิดตัวลง

ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นหลังประตูบานนั้น แต่ผมขอแค่ว่า เรื่องทุกอย่างจะจบลงด้วยดีแค่นั้นเอง

อย่างน้อยก็ขอให้พวกพี่มันตัดใจได้ 

“ผมทำผิดไปหรือเปล่า”

“ไม่หรอก กายทำดีแล้ว ถ้าเป็นพี่ พี่ก็คงจะเล่าความจริงให้พวกท่านฟังเหมือนกัน”
ผมมองตาพี่เอก

“บางที ยิ่งเราปิดบัง เรื่องราวอาจยิ่งเลวร้าย สู้เราบอกความจริงไปเลยดีกว่า น่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด”
พี่มันบอก ผมยิ้ม

“บอกไปเลยทุกความรู้สึก”

ผมเงยหน้าพี่มันอีกที

“อย่างตอนนี้…ที่พี่รู้สึก…”

ผมหน้ามองพี่มันด้วยความหวัง ผมรู้ครับ ว่าพี่มันจะพูดคำว่าอะไร ผมยิ้ม รอคอยคำนั้นที่กำลังจะออกมา

“…อยากฟัดกายที่สุด”

ผมหุบยิ้มลงฉับ ตีปุพี่มันไปทันที

“โอ๊ย กายโหดจัง อย่างนี้ต้องทำโทษข้อหาใช้กำลังเกินกว่าเหตุ”

“พี่เอกจะทำอะไรน่ะ!!”

พี่มันยกผมแบกขึ้นบ่าวิ่งลิ่ว ๆ ไปที่รถ

“จะพากลับบ้านไปทำโทษ ข้อหาทำร้ายร่างกายไง โทษหนัก ต้องถูกกักบริเวณไว้บนเตียงสถานเดียว”

ผมโวยวายไปตลอดทั้งเส้นทาง กระทั่งไปนอนครางใต้ร่างของพี่มันบนเตียง

เฮ้อ!! ชีวิตผม จะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้ายนะ

ทั้งสุขทั้งทุกข์ปะปนกันไป

ก็แฟนผมมันหื่นนี่นา


To Be Con....
เหลืออีกตอนเดียวแล้ว  TT         

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สู้ สู้ นะหลานเป้ หลานเต้ย  :กอด1:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
100
เพิ่งเริ่มเท่านั้น
[เอก...☼]



 
ผมดีใจที่ไอ้ตัวเล็กมันเล่าความจริงเรื่องไอ้เต้ยให้พ่อกับแม่ฟัง อย่างน้อยครอบครัวมันจะได้ช่วยกันหาทางออกให้กับปัญหานี้ แต่มันก็เสี่ยงเหมือนกันที่พ่อกับแม่จะต่อว่าหรือโกรธพวกมัน

ตอนสายของวัน ผมรีบโทรหาไอ้เป้ทันที แต่มันไม่รับสาย ผมรอกระทั่งเย็นแล้วโทรไปหามันใหม่ แต่มันก็ยังไม่รับสายเหมือนเดิม ลองให้ไอ้ตัวเล็กโทรหาไอ้เต้ยดู ไอ้เต้ยก็ไม่รับสายอีก ปิดเครื่องทั้งคู่ ผมกับไอ้ตัวเล็กห่วงพวกมันกันแทบตาย กลัวว่าจะเคลียร์กันไม่ได้จนทะเลาะกันกระทั่งฆ่าล้างครอบครัว

เกือบจะแจ้งตำรวจอยู่แล้ว ถ้าไม่โทรเข้าบ้านมันก่อน คนดูแลบอกว่าคนบ้านนั้นพากันไปเที่ยวยกครัว และจะไม่ติดต่อใครจนกว่าจะกลับ พวกผมถึงได้เบาใจ

วันนี้ไอ้ตัวเล็กมันพาผมมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ครับ สถานที่ก็ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่ นั่งเครื่องมาไม่เกินชั่วโมงก็ถึง

เดาซิ ที่ไหน…

ถูกต้องนะคร้าบ เชียงใหม่นั่นเอง

บ้านหลังที่สองของมันนั่นแหละ ตอนที่มันชวนมา ผมก็ดีใจใหญ่ คิดว่าจะได้มาทำบุญกับฮันนีมูนไปในตัว

แต่มันจะน่าดีใจกว่านี้ ถ้าไม่มีพวกตัวเหลือบไรยกโขยงกันตามมาด้วยแบบนี้

ผมหน้าหงิกจ้องมองฝูงห่าซาตานนับสิบตรงหน้า

“พวกมึงจะตามมาทำไมกันเยอะแยะ”

ผมด่ากราดไม่เจาะจงคนรับ

“ก็พวกกูได้ข่าวว่ามึงจะเดินทางไปล้างซวย พวกกูเลยจะไปช่วยมึงล้างด้วย หลายมือดีกว่ามือเดียว และอีกอย่าง กูแวะซื้ออุปกรณ์ล้างซวยมาให้มึงด้วย”

ไอ้มอมันยกแชมพูอาบน้ำสำหรับหมาให้ดู

“อาบให้ตัวมึงเองเหอะ เพราะก่อนมา กูให้เมียกูอาบให้แล้ว”

แล้วผมก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นเสียงโห่ฮิ้วจากพวกสิงสาราสัตว์ต่างพันธุ์แถวนี้ ส่วนเมียผม ยืนหน้าแดงก่ำอยู่ข้าง ๆ

“นับวันเลเวลความเสี่ยวมึงจะยิ่งเยอะว่ะ…กายเอาอะไรให้เพื่อนพี่กินฮึ มันถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้”

ประโยคแรกมันว่าใส่ผม ก่อนหันไปพูดทีเล่นทีจริงกับไอ้ตัวเล็ก

ไอ้ตัวเล็ก เงยหน้ามามองผมเล็กน้อย 

“ก็ปกติดีนี่ฮะ”
คำตอบมันพาเอาเพื่อน ๆ ผมต่างโห่ร้องกันอีกรอบ

“ก็เพราะมันเสี่ยวพันธุ์เดียวกันไง”

เอ้า…ฮิ้ว!! ฮากันเข้าไป

ไอ้มอมันโยนขวดแชมพูมาให้ผม แต่มันไม่ได้ให้ผมจริง ๆ หรอก มันฝากมาให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมอีกด้านมากกว่า ผมยื่นแชมพูขวดนั้นให้น้องสา น้องสายิ้มแป้นรับไปให้เจ้าหมาไซบีเรียตัวน้อยหน้าตาดุดันขัดกับนิสัยขี้เล่นใจดีสีดำสลับขาวในอ้อมแขน มันดมใหญ่

“เป็นไงชอบไหม พี่มอซื้อให้เชียวน้า”
น้องสาคุยอ้อแอ้กับน้องหมาของตัวเอง หมาตัวนี้ ผมเป็นคนซื้อให้เองเป็นของขวัญวันเกิดน้องสาน่ะ ตอนนี้มันอายุสามเดือนกว่าจะสี่เดือนแล้ว 

“ซันนี่อย่ากัดนะ กินไม่ได้ เอาไว้อาบ ตัวจะได้หอม ๆ”
น้องสารีบแย่งขวดแชมพูจากปากเจ้าซันนี่ที่กำลังใช้ปากงับกลางขวดยื้อแย่งกันใหญ่

“นั่นน่ะสิ ตัวหอม ๆ จะได้นอนด้วยกัน”
ไอ้ตัวเล็กครับ เห่อเหมือนกัน

“เอาสิ ถ้าให้ซันนี่นอนด้วย พี่จะทำให้กายมานอนครางใต้ร่างพี่ไม่หยุดสิบยกซ้อนเลยคอยดู”
มันอ้าปากค้าง รีบละมือจากหมาทันที

“ไอ้บ้า มึงนี่หึงแม้กระทั่งกับหมาเลยเหรอวะ”
ไอ้กิ๊ฟมันสรรเสริญ

“ช่วยไม่ได้ เมียกู”
เต็มปากเต็มคำครับช่วงนี้

ไอ้โอมมันยังซึมไม่หาย ที่เป็นสาเหตุให้ความจริงเรื่องไอ้เป้เปิดเผย แต่ทุกคนก็ไม่โทษมันหรอก

พวกเราทั้งหมดพากันมายืนอยู่หน้าบ้านไอ้ตัวเล็กมัน พ่อแม่ผมและน้อง ๆ ก็พากันยกทีมมาด้วย นกก็มา แถมยังมีไอ้คุณชรินทร์เพิ่มมาอีก อันนี้ไอ้ตัวเล็กเป็นคนเชิญมาด้วยตัวเอง รวมถึงเดวิดแฟนไอ้กิ๊ฟมันด้วย

พวกเรานัดทัวร์ไหว้พระเก้าวัดเพื่อความเป็นสิริมงคล เราแพลนกันไว้แล้วว่าจะเริ่มจากวัดไหนก่อน แล้วเริ่มเดินทางตามนั้น โดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ครับ

พวกเราต่างเลือกรถคันที่เราต้องการ ผมลากไอ้ตัวเล็กมานั่งหน้า ไอ้โอมทำหน้าที่เป็นคนขับโดยมีควายขี้เกียจนั่งซ้อนมาด้วย ไอ้โอ๊คขับโดยมีไอ้ปิงนั่งซ้อน ทโมนนั่งคู่กับเพื่อนผู้หญิงของผม ไอ้กิ๊ฟขับโดยมีแฟนมันนั่งซ้อน รถตัวผู้เหมือนเดิม

พ่อผมมีแม่นั่งหน้า(เลียนแบบพวกเรา) พ่อไอ้ตัวเล็กขับแม่นั่งหน้าเหมือนเดิม ไอ้อาร์ตขับโดยมีน้องสาซ้อนท้าย(เอาน้องหมาใส่กระเป๋าสำหรับใส่หมาไปด้วย) ไอ้อิฐลากนกมาด้วย แต่นั่งซ้อนด้านหลัง(สองคนนี้ยังไม่ได้ขยับฐานะตัวเองเลย) มีเพียงไอ้คุณชรินทร์เท่านั้นที่ได้ฉายเดี่ยว

พวกเราเริ่มออกเดินทางไปที่วัดแรก ตระเวนไหว้พระและขอน้ำมนต์มารดหัว คนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่ตัวผมนี่หนักหน่อย เพราะโดนน้ำมนต์จากทั้งพระและเพื่อน ๆ ที่พากันเอาน้ำมนต์มาราดจนเปียกมะลอกไปหมด

กระทั่งมาถึงวัดที่ 9

ทันทีที่กราบพระขอพรเสร็จ ผมก็ขอให้พระท่านเอาน้ำมนต์มาพรมหัว ก็เป็นอันจบพิธี หลังจากนั้น พวกเราก็ออกไปหาวิวสวย ๆ ในการถ่ายรูปกัน

วัดที่เชียงใหม่สวยทุกวัดครับ มุมถ่ายรูปก็เยอะ มากี่ทีกี่ทีก็ไม่เบื่อสักที

“หิวน้ำจัง”
ไอ้ตัวเล็กข้างผมมันบ่น ผมเลยอาสาพามันเดินไปซื้อน้ำดื่ม จะเอามาเผื่อคนอื่น ๆ ด้วย พวกมันยังบ้าปั้นท่าพิสดารถ่ายรูปกันอยู่

“โอวัลตินปั่นครับ/ โอวัลตินปั่นครับ”
เสียงสั่งเครื่องดื่มของไอ้ตัวเล็กดังขึ้นพร้อมกับเสียงสั่งของใครอีกคนที่มีขนาดตัวเท่ามัน ด้านหลังมันมีคนตัวใหญ่ ๆ ไม่ต่างกับผมยืนขนาบอยู่ พอดีพวกมันใส่หมวกแก๊ปด้วยกันทั้งคู่เลยมองไม่เห็นหน้า ไม่ต่างกับผมและไอ้ตัวเล็กเหมือนกัน

พวกเราหันไปมอง พวกมันก็หันมามองเหมือนกัน ผมเบิกตาแปลกใจ ไม่ต่างกับพวกมันและไอ้ตัวเล็ก

“ไอ้เต้ย/ไอ้กาย”

“ไอ้เป้/ไอ้เอก”
พวกเราผสานเสียงกันเรียก

“มากันได้ไง”
ไอ้เป้มันถามขึ้นมาก่อน

“แล้วพวกมึงล่ะ หายไปไหนกันมา พวกกูโทรหากันตั้งหลายรอบ”

มันยิ้ม

“พวกกูมาเที่ยว แล้วก็ต้องการมาเคลียร์อะไรหลาย ๆ อย่างด้วย”

“แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์”
ผมไล่บี้

“อยากอยู่กันเงียบ ๆ นิดหน่อย แล้วกูจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้มึงฟังอีกที”

ผมพยักหน้าเข้าใจ

“แล้วพวกมึงไปพักกันที่ไหน” ผมถามต่อ

“โรงแรมแถว ๆ นี่แหละ”

“ชวนพ่อกับแม่มึงมาเที่ยวบ้านกูไหม”
ประโยคนี้ไม่ใช่เสียงผมครับ ไอ้ตัวเล็กมันชวนเพื่อนมันอยู่

“ถ้าไม่รังเกียจที่คับแคบแล้วก็คนเยอะ ๆ ก็มานอนพักด้วยกันดีกว่า”

ไอ้เต้ยหันมามองพี่มัน ไอ้เป้ทำท่าคิดนิดหนึ่ง

“ก็เอาสิ เจอคนเยอะ พ่อจะได้อารมณ์ดี ส่วนเรื่องที่พัก ต้องลองปรึกษาพวกท่านดูก่อน”

 

ผมบอกที่นัดพบพวกมันอีกที แล้วหลังจากนั้น ผมกับกายก็เดินเอาน้ำกลับไปให้พวกที่เหลือ ไอ้ตัวเล็กปรึกษาพ่อกับแม่ว่าอาจมีสมาชิกมาเพิ่มอีกสี่คน ไม่แน่ใจว่าที่พักจะพอไหม แม่บอกสบายมาก ท่านเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว มาเยอะกว่านี้ก็ไม่หวั่น

ไม่นานพวกเราก็กลับมารวมตัวกันที่บ้านของไอ้ตัวเล็ก โดยมีสมาชิกใหม่มาเพิ่มอีกสี่คน ไอ้โอมมันขอโทษขอโพยพ่อกับแม่ใหญ่เรื่องที่มันปากพล่อย แต่ครอบครัวนั้นเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้ต่อว่าอะไรมัน

สมาชิกยี่สิบกว่าชีวิตแทบทำบ้านพัง แต่แม่เตรียมพื้นที่ให้พร้อมครับ (ช่วงหลัง ๆ มีแฟนคลับมาเที่ยวบ้านบ่อย) หลังบ้านแม่ก็เอาเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวมากางไว้ให้พวกเรานอน(ห้องไม่พอ) ดาดฟ้าก็กางเต็นท์ได้

พ่อกับแม่ผมจองเต็นท์ก่อนเป็นคู่แรกเลย (สงสัยจะติดใจ) หลังจากนั้นพวกเราก็ไปหาซื้อข้าวของสำหรับทำอาหารฉลองกันคืนนี้

ไหน ๆ ก็มาทำบุญกันแล้ว แม่ไอ้ตัวเล็กเลยชวนให้เราไปเลี้ยงอาหารเด็กดอยเหมือนเดิม แต่ผมลองเสนอดูว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พวกเราน่าจะลองไปเยี่ยมโรงเรียนที่เราเคยไปสร้างโรงเรียนให้กัน

ทุกคนเห็นด้วย

ผมโทรติดต่อกับทางโรงเรียน พอทางนั้นทราบข่าวก็ดีใจกันใหญ่ พวกผมลงขันกันเอง ได้เยอะอยู่เหมือนกัน เฉพาะของพ่อผมคนเดียวก็บริจาคไปแสนหนึ่งแล้ว พ่อไอ้เป้อีกแสน พ่อกับแม่ไอ้ตัวเล็กรวมกันอีกสี่หมื่น ไอ้คุณชรินทร์อีกแสน(หมอนี่มันรวยอยู่แล้ว) และของเพื่อน ๆ ผมอีกรวม ๆ แล้ว เราได้เกือบครึ่งล้าน

แล้วพวกเราค่อยวางแผนกันอีกทีว่าจะทำยังไงกับเงินจำนวนนั้น

พวกเราจะไม่เมากันมาก เพราะต้องตื่นแต่เช้าออกเดินทาง และอีกอย่าง ผู้ใหญ่อยู่เยอะด้วย กลัวพวกตัวประหลาดจะหลุดออกมายั้วเยี้ยกัน

หลังจากฉลองกันจบ ผมรีบดึงไอ้เป้มาคุย ในขณะที่ไอ้ตัวเล็กก็ดึงเพื่อนมันไปคุยเหมือนกัน คงจะถามเรื่องเดียวกัน

“ตกลงว่าไง”

“ก็ไม่ไง”
มันดูอารมณ์ดียังไงพิกล

“นี่มึงผิดหวังกระทั่งสติแตกเลยเหรอวะ”

“คงงั้น”
มันพูดยิ้ม ๆ

“มึงเล่ามาอย่าให้พวกกูอารมณ์เสีย”
คนพูดไม่ใช่ผมครับ แต่เป็นไอ้กิ๊ฟ และคนอื่น ๆ ก็โผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อนกันเป็นทิวแถว พวกมันคงอยากรู้ด้วยเหมือนกัน

ไอ้เป้มันทำท่าอึดอัด ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ทางออกของพวกมึงก็คือ…”
ไอ้กิ๊ฟมันค้างคำถามเพื่อรอคำตอบ

“กูกับมันได้คบกัน”

พวกผมยืนอึ้ง

“หมายความว่ายังไง”

“คืองี้ หลังจากกายเล่าความจริงให้พ่อกับแม่กูฟัง พวกท่านก็ดูอึ้ง ๆ และถามกูว่าเรื่องทุกอย่างเป็นความจริงหรือเปล่า กูก็ตอบไปตามตรง แล้วพวกท่านก็รอให้ไอ้เต้ยตื่นและถามคำถามเดียวกัน ซึ่งมันก็ตอบตามตรง”
มันหยุดคำพูดไปนิดหนึ่งเพื่อหายใจ ในขณะที่พวกผมหยุดหายใจกันไปนานแล้ว

“หลังจากนั้น กูกับไอ้เต้ยก็รอดูว่าพวกท่านจะต่อว่าหรือจับพวกกูแยกกันยังไง แต่พวกท่านกลับบอกกูกับไอ้เต้ยว่า…”
มันมองหน้าพวกเราทุกคน

ตอนนี้บรรยากาศโดยรอบเงียบเป็นเป่าสาก

“ตกลงว่าไงวะ มึงจะหยุดทำเชี่ยอะไร”
ไอ้โอมเร่ง ทุกคนพยักหน้าหงึกหงัก ไอ้เป้มันถอนหายใจเบา ๆ ตีสีหน้านิ่งเรียบพาเอาพวกผมคิดตามไปต่าง ๆ นา ๆ

“กูกับมันไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ”

“น้ำเน่าว่ะ”
ไอ้โอมมันว่าขึ้นมาทันที ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“ก็ไม่เชิงว่าเป็นคนอื่นหรอก จริง ๆ กูเป็นลูกคนเดียว ส่วนไอ้เต้ยเป็นลูกน้องสาวคนละแม่กับแม่ พอดีท่านป่วยหนักจนเลี้ยงลูกไม่ได้ เลยเอามาฝากแม่เลี้ยง ตอนนั้นกูก็แค่สามสี่ขวบ พอมีน้องก็เห่อน้องเอามาก ๆ พอน้องจะกลับก็ไม่ยอมให้กลับ ประจวบกับอาการน้ากูทรุดหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ คราวนี้หมอช่วยไม่ได้ นอนรักษาอยู่ตัวร่วมสองเดือนท่านก็สิ้นใจ หลังจากนั้น แม่กูเลยรับไอ้เต้ยมาเป็นลูกบุญธรรม”

พวกเราพากันยืนฟังแบบอึ้ง ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือ มันเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกัน

“พวกท่านบอกว่า ถ้ากูรักกันจริงก็คบกันได้”

“พวกท่านใจดีดีแฮะ”
ไอ้ปิงมันเปรย

“ถ้าเป็นแต่ก่อนก็ไม่แน่หรอก”
ไอ้อ้อยมันเสริม และทุกคนก็รู้ว่าเพราะอะไร

“ดีแล้วล่ะ ที่เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้ พวกมึงจะได้มีความสุข กูเห็นไอ้เป้มันทรมานแล้วทรมานแทนเพื่อนว่ะ”
ไอ้สาวมันบอก พวกเราต่างพากันไปตบไหล่ตบหลังให้กำลังใจมันกันใหญ่

“แล้วพวกมึงหายไปไหนกันมาวะ พวกกูตามหากันให้ว่อน ไอ้เอกมันเกือบจะโทรแจ้งตำรวจแน่ะ”

“พวกกูมาเที่ยวกัน เพราะตั้งแต่จำความได้ ครอบครัวกูมาเที่ยวด้วยกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง”

“ไอ้เลว แล้วก็ไม่บอกกันไว้บ้าง พวกกูก็เป็นห่วงกันแทบตาย กลัวว่ามึงจะฆ่าตัวตายกันยกครัว”

ไอ้เป้โดนเพื่อน ๆ รุมตบหัวตบหลังกันคนละที

วันนี้ผ่านไปด้วยดี ยังมีพรุ่งนี้ให้จัดการ
 

พอดวงตะวันขึ้นพ้นขอบฟ้า พวกเราก็มายืนรวมตัวกันอยู่หน้าบ้านอีกครั้ง โดยมีรถบัสคันใหญ่จอดรออยู่   

พอขึ้นรถได้ พวกเราก็รั่วแดก พ่อไอ้เป้หัวเราะร่วน ขยับมือได้แล้วข้างหนึ่ง (เร็วจริง ๆ) ร้องรำทำเพลงแบบโนแอลกอฮอล์ 

พอไปถึง พวกเราก็แจกจ่ายขนมนมเนย ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้เด็ก ๆ รวมถึงผู้ใหญ่บางคนด้วย 

ผมยืนมองโรงเรียนที่พวกเราสร้างขึ้น สภาพมันไม่ได้ต่างไปจากวันที่เราเห็นกันเลยสักนิด จะมีเพิ่มมาหน่อยก็คือรูปพระเจ้าอยู่หัวกรอบไม้ด้านบนของกระดานดำ กำแพงด้านนอกที่เปรอะเปื้อนจากน้ำฝนและฝุ่นผง นอกนั้นสภาพถือว่ายังดี

ผมจ้องมองอาคารสะท้อนแสงแดดตรงหน้า เพราะมันนี่แหละ ที่ทำให้ผมกับกายได้มารักและอยู่ด้วยกัน

พวกเรามากันวันธรรมดา เลยเห็นน้อง ๆ กำลังเรียนหนังสือกันอยู่ ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความปลาบปลื้ม   

เราอยู่เล่นกับพวกเด็ก ๆ กันจนดึกดื่น และตกลงจะค้างกันที่นี่แหละ (เอาเต็นท์กับถุงนอนมาด้วยครับ)

หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย พวกเราก็มารวมตัวกันอยู่รอบกองไฟ ทุกสายตามองตรงไปยังไอ้เป้ที่กำลังเปล่งเสียงเพราะพริ้งคลอเคล้าไปกับเสียงกีต้าร์ที่มันกำลังเกาอยู่ พ่อกับแม่มันดูจะภูมิใจอยู่ไม่น้อย

“ไม่รู้มาก่อน ว่าเป้จะร้องเพลงเพราะขนาดนี้”
แม่มันบอก

“เสียงกับหน้ามันเทพครับ”
ไอ้มอชม ไอ้เป้เกาคางแก้เขินนิดหน่อย ก่อนขยับเนื้อขยับตัวกระแอมไอนิดหนึ่ง

“แต่ก่อนเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้ามีคนรัก จะร้องเพลงเพลงนี้ให้คนคนนั้นฟัง ตอนแรกก็คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติ จะไม่ได้เล่นเพลงนี้ซะแล้ว แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เต้ย พี่อยากมอบเพลงนี้ให้นายนะ พี่รักเต้ยที่สุด”
สิ้นเสียงมันก็มีเสียงโห่ฮิ้วเห่าหอนของบรรดาสิงสาราสัตว์รอบกองไฟดังระงม ไอ้เต้ยนั่งหน้าแดงก่ำ

และทันทีที่ไอ้เป้เริ่มเกากีต้าร์ ทุกเสียงก็เงียบลง

น้ำเสียงเพราะ ๆ ของมันกำลังสะกดให้ทุกคนเคลิบเคลิ้ม ผมยิ้ม รั้งเอาไอ้ตัวเล็กมานั่งใกล้ ๆ แล้วโอบมันไว้ในอ้อมแขน ไม่ต่างกับพ่อและแม่ผม แม่ไอ้เป้กุมมือพ่อมันแน่น ส่งสายตาหวาน ๆ ให้แก่กัน ในขณะที่ไอ้คุณชรินทร์กำลังยกกล้องเก็บภาพและความทรงจำดี ๆ ไว้เผื่อทุกคน

ความสุขมันหาได้ไม่ยากเลย มันอยู่ใกล้ ๆ อยู่ในมือเรานี่เอง เสียงปรบมือดังสนั่นทันทีที่สิ้นเสียงเพลง

“เพราะจริง ๆ”
แม่มันชม แล้วไอ้โอมก็รีบแย่งกีตาร์ไปถือไว้ คงไม่อยากน้อยหน้า

“ให้กูร้องแบบมัน ชื่อกูคงร่วงมากกว่ารุ่ง เพราะงั้น กูขอเอาเพลงนี้ดีกว่า”
แล้วมันก็เกากีต้าร์เป็นจังหวะมัน ๆ โดยมีไอ้มอหยิบกระติกใส่น้ำมาคว่ำกับพื้น แล้วตีให้เกิดเสียง

ไอ้โอมมันคงมันเลยลุกขึ้นเกากีต้าร์พร้อมเต้นไปด้วย ไอ้มอเปลี่ยนมือจากตีกระติกน้ำด้วยมือมาเป็นกิ่งไม้ที่หาได้จากแถว ๆ นั้น ก่อนโยนให้ไอ้โอ๊ครับช่วงต่อ ไอ้นั่นก็รับไปถือไว้แบบงง ๆ พอได้สติ มันก็รีบตามน้ำ ตีตามด้วยจังหวะมัน ๆ แล้วเพื่อน ๆ ของผมก็พากันลุกขึ้นมาดิ้นกันใหญ่

ผมยิ้ม คว้าแขนไอ้ตัวเล็ก แล้วลากมันขึ้นไปแดนซ์ด้วย

มันไม่ยอมครับ แต่ผมก็ลากมันมาจนได้ ไอ้เป้มันนึกสนุกลากน้องมันมาเต้นเหมือนกัน พ่อกับแม่ไอ้ตัวเล็กนิ่งกันได้ไม่นานก็พากันลุกขึ้นมาเต้น พวกทโมนหลุดโลกกันไปนานแล้ว ซ้ำยังลากน้องสาไปดิ้นด้วยอีกต่างหาก ไอ้อิฐลากนกขึ้นมาดิ้น ไม่ต่างกับไอ้อาร์ตที่กำลังยืนท้าให้ไอ้คุณชรินทร์มันลุกขึ้นมาเต้นอยู่

ผมอมยิ้มขำ

“ไม่ลองหน่อยเหรอครับคุณพ่อคุณแม่”
ไอ้มอมันหันไปชวนพ่อกับแม่ผม

“แก่แล้วนะลูก”

“วันนี้ลืมอายุครับ เอามันอย่างเดียว”
มันบอก พ่อผมเลยกล้า ๆ อาย ๆ ดึงแขนแม่ลุกขึ้นแล้วท่านก็ดิ้นเขิน ๆ ส่วนแม่ไอ้เต้ยนั่งโยกหัวเบา ๆ ในขณะที่คุณพ่อ นั่งเคาะนิ้วใช้สายตาจ้องมองทุกคน

ดิ้นกันจนเหนื่อยหอบ เพลงต่อเพลง เครื่องดื่มแก้กระหายที่เราเตรียมไว้ไม่พอ ไอ้อ้อยมันเลยวิ่งไปเอาเพิ่มในเต็นท์ (เป็นเต็นท์รวมครับ) 

“เฮ้ย ๆ ขวดนั้นไม่ได้!”
ไอ้โอมรีบตะโกนห้าม ทุกคนพากันหยุดดิ้นหันไปมอง พักเหนื่อยด้วย หอบกันแล้ว งานนี้พ่อผมคงลดพุงไปได้เยอะ

“อ้าว ทำไม”
ไอ้อ้อยมันถาม 

“อ๋อ นั่นน่ะ เป็นน้ำมนต์พิเศษ เอาไว้พรมกับคนที่เราชอบ จะได้ครองคู่ด้วยกันไปนาน ๆ”
มันรีบเดินไปคว้าขวดน้ำ(แบบขวดใหญ่ ๆ อ้วน ๆ ราคาห้าบาทน่ะ)มาถือไว้ทันที

“มึงน่ะไม่ต้องใช้หรอก เอามานี่”
ไอ้มอมันรีบเดินเข้าไปแย่งมาถือไว้

“นี่มันของกู”
ไอ้โอมรีบแย่งกลับ แต่ไอ้มอก็แย่งคืน แย่งกันไปแย่งกันมาจนฝาขวดมันเปิดออก น้ำมนต์บางส่วนหกรดพวกมันกันเอง

“เฮ้ยมึง! เอาของกูคืนมา”
มันยังแย่งกันต่อไม่หยุด จนน้ำมนต์ที่ยังไม่ได้ถูกปิดฝาสาดไปถูกนกกับอิฐที่ยืนหัวเราะอยู่คู่กัน เลยไปถึงไอ้โอ๊คกับไอ้ปิงที่ยืนอยู่ข้างกัน

ผมยืนขำอยู่ข้างไอ้ตัวเล็ก มองสองคนที่แย่งขวดน้ำกันไปมาเหมือนเด็ก ๆ ตอนนี้ขวดน้ำอยู่ที่ไอ้มอ มันยืดขวดขึ้นสุดแขนหลบหนี ไอ้โอมกระโดดหวังคว้าขวดน้ำให้ได้จนน้ำกระฉอกออกนอกขวดไปไกลถึงคนที่หนีไปยืนถ่ายรูปอยู่ห่าง ๆ

และก่อนที่น้ำจำนวนเกือบครึ่งขวดจะถูกกล้องของไอ้คุณชรินทร์ ไอ้อาร์ตรีบคว้าคอเสื้อไอ้คุณชรินทร์ดึงให้หันไปยืนอยู่ตรงหน้ามัน

ทุกคนมองภาพตรงหน้าอึ้ง ๆ

หลังและหัวของไอ้คุณชรินทร์เปียกมะลอกไม่ต่างกับหน้าของไอ้อาร์ตที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำมนต์ ไอ้คุณชรินทร์ปลดมือไอ้อาร์ตออกจากคอเสื้อตัวเองหันกลับมาที่เดิม ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำบางส่วนที่เปียกตัวกล้อง

“ไอ้ห่ามอ มึงทำกล้องเขาพังหมดแล้ว”
ไอ้โอมโวยวาย รีบแย่งขวดน้ำจากไอ้มอคืน

“เอ่อ.. กล้อง”
ไอ้มอมันถาม

“ไม่เป็นไร มันกันน้ำ”

ไอ้สองป่วนพากันหายใจโล่งอก

“ดูดิเหลือนิดเดียวเอง”
ไอ้โอมทำหน้าเสียดายยกขวดขึ้นดู เหลือไม่ถึงหนึ่งในห้าแล้ว

“งั้นมึงก็ไม่ต้องใช้ เอามานี่”
ไอ้มอแย่งไปถือไว้ ไอ้โอมมันคงขี้เกียจแย่งคืน เลยทำหน้างอน ๆ ใส่ ไอ้คนแย่งไม่สนอะไร หันมองมาทางผมกับไอ้ตัวเล็ก รวมถึงไอ้เป้และไอ้เต้ยด้วย 

“พวกมึงสองคู่นั้นน่ะ มานี่เลย”
มันกระดิกนิ้วเรียก ผมเดินเข้าไปใกล้ มันสั่งให้ผมยืนคู่กับไอ้ตัวเล็ก ไม่ต่างกับไอ้เป้และน้องมัน แล้วมันก็จับมือผมไปวางไว้บนหลังมือไอ้ตัวเล็ก ผมกุมมือมันไว้อัตโนมัติ แล้วไอ้มอก็พรมน้ำมนต์ผ่านหลังมือของเราสองคน

“ขอให้พวกมึงรักกันให้นาน ๆ นะเว้ย”
มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมยิ้ม ส่วนไอ้ตัวเล็กหน้าแดง

“กูไม่เล่นด้วยนะ!”
ไอ้เป้รีบค้าน

“แปลว่ามึงไม่รักไอ้เต้ย”
ไอ้มอรีบดักทาง ไอ้เป้ทำหน้าอึดอัดหันไปมองไอ้เต้ยที่ดูท่าอยากได้น้ำมนต์เหมือนกัน มันเลยยื่นมือออกไปกุมมือน้องมันไว้อาย ๆ (เออวุ้ยเพื่อนกู ==) ไอ้เต้ยยิ้มแก้มบานทันที ไอ้มอมันราดน้ำบนหลังมือ แล้วให้พรแบบเดียวกัน

พ่อไอ้ตัวเล็ก เดินลากแม่มายืนอยู่ใกล้ ๆ 

“อยากได้บ้าง”
พ่อกุมมือแม่ยื่นไปตรงหน้า แก้มแม่แดงปลั่ง พวกเราหัวเราะร่วน แล้วไอ้มอมันก็รดน้ำมนต์ให้ แล้วให้พรยาวยืดยิ่งกว่าคู่เราซะอีก น้ำมนต์หมดขวดพอดี

พ่อกุมมือแม่ไว้หันหน้าเข้าหากัน พวกเรามองยิ้ม ๆ

“ผมรักคุณนะ”

แม่ก้มหน้าลงต่ำ แก้มแดงแป๊ด ปากเคลือบไปด้วยรอยยิ้มเขินอาย

“แต่ผมไม่แต่งงานกับคุณหรอก”

แม่หุบยิ้มลงฉับ เงยหน้าอย่างเขวี้ยง ดวงตาเขิน ๆ เมื่อกี้เปลี่ยนแววทันที สลับกับพ่อที่เคยทำหน้าจริงจังก่อนหน้านี้เปลี่ยนมาเป็นฉีกยิ้มกว้างแทน

“เพราะถ้าเราแต่งงานกัน บางทีเราอาจต้องหย่ากันอีกเหมือนที่ผ่านมา”

แม่นิ่งอึ้ง ทุกคนนิ่งฟัง

“แต่ผมอยากเป็นคนแรก คนปัจจุบันและคนสุดท้ายที่จะทำให้คุณมีความสุข ผมไม่อยากสัญญา เพราะคุณคงไม่ชอบคำสัญญา แต่ผมจะจีบให้คุณรักผมทุกวัน และจะเป็นผู้ชายที่ทำให้คุณมีความสุขมากที่สุด บ่อยที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ และจะเป็นสามีทางพฤตินัยที่ดีที่สุดของคุณ”
พ่อโดนแม่ตีเพี้ยะไปที พ่อหัวเราะหึ ๆ

“และผมจะเป็นพ่อเลี้ยงที่ดีของลูกชายคุณด้วย”

“ผมรักคุณ”
เป็นครั้งแรกที่พ่อจบประโยคได้สุดซึ้งโดยไม่ทำล่ม (คิดว่านะ) แม่ยืนเขินหน้าแดง ยิ้มแล้วยิ้มอีก ก่อนจะก้มหน้าอ้อมแอ้มตอบกลับ

“ฉันก็รักคุณเหมือนกันค่ะ”

พ่อยิ้มแก้มบาน ดึงแม่ไปจูบท่ามกลางเสียงปรบมือของสักขีพยานทั้งหลาย

“เฮ้ย ไอ้เป้ มึงไม่พูดอะไรซึ้ง ๆ บ้างรึไงวะ”
ไอ้มอมันกระตุ้น ไอ้เป้ยิ้ม จับมือไอ้เต้ยมาวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจมันเอง

“นายอยู่ตรงนี้ของพี่เสมอ แม้จะแสดงออกบ้าง ไม่แสดงออกบ้าง แต่อยากให้นายรู้ไว้ว่าพี่…”
ยังไม่ทันที่ไอ้เป้จะพูดจบ ไอ้เต้ยมันก็ยืดตัวขึ้นไปกดจูบพี่มันเองเลย แล้วพวกมันก็ยืนจูบกันอยู่อย่างนั้นจนพวกเราต้องเบือนหน้าหนีกันเองแทน

“แม่ง โคตรอิจฉาเลย”
ไอ้โอมมันพูดงอน ๆ

“เอาน่า สักวันมึงต้องเจอใครคนนั้น เชื่อกู”
ไอ้มอมันกอดคอคู่หูมัน แล้วหันมาทางผม

“แล้วมึงอะ จะทำซึ้งอะไรให้ไอ้โอมมันนอยด์เพิ่มไหม”

ผมส่ายหน้า

“กูไม่ทับถมเพื่อนหรอก แต่…”

ทุกคนหันมามอง

“กูอยากพาเจ้าสาวกูเข้าหอว่ะ”
แล้วผมก็ช้อนเอาไอ้ตัวเล็กขึ้นมาอุ้มจนมันร้องเหวอกอดคอผมแน่น ผมทำท่าจะเดินกลับเต็นท์จริง ๆ จนมันต้องท้วงเอาไว้ ตามติดด้วยทุกคนที่พากันลุกขึ้นมาค้าน คงคิดว่าผมจะพามันไปปล้ำจริง ๆ

ผมหยุดเท้าลง ห่างจากทุกคนประมาณสามวา ผมหันไปยักคิ้วให้ทุกคน แล้วหันกลับมามองไอ้ตัวเล็กที่ถอนหายใจทำท่าโล่งออก

“เสียดายที่พี่ไม่พาเข้าหอรึไง”
ผมพูดล้อ ๆ

“บ้ารึไง เล่นอะไร ผมตกใจหมด”

ผมหัวเราะหึ ๆ

“พี่ไม่ขอสัญญาอะไรกับกายหรอก แต่พี่จะรักกายแบบที่พี่รักกายทุกวันนั่นแหละ”

มันก้มหน้าลงต่ำ

“ขอบคุณครับ”
มันยิ้ม ก่อนเงยหน้าขึ้นมาจุ๊บผมเบา ๆ

“แบบนั้นมันผิดกฎนะ”

มันทำหน้างง ๆ

“เขาบอกให้หมายเลข 19 กับ 15 จูบแบบแลกลิ้นกันเป็นเวลาหนึ่งนาที”

มันหน้าแดงทันทีที่ผมพูดจบ

“รีบ ๆ ทำให้มันจบ ๆ ไปดีกว่าเนอะ” 
และก่อนที่มันจะตอบปฏิเสธผมก็ก้มจูบมันไปทีเบา ๆ ก่อนกดหนักและแทรกลิ้นลงไป
 
ผมเพิ่งรู้ว่าจุดจบของทุก ๆ เรื่อง มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องต่อไป

และชีวิตผมกับมัน ก็เพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น

The End

จบแล้ววว
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะคะ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนที่ได้อ่านมีความสุข  :mew1:
.
.
.
.
.
ฺBooks & e-book |► https://goo.gl/aJFpH5
อ่านต่อเรื่องอื่นๆ |►
1. Hate Love ทาสแค้น : https://goo.gl/nwWsdb
2ฺ. Kiss love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : https://goo.gl/vbdhLK
3. Boyfriends [3P] : https://goo.gl/K4JVyr
4ฺ. Brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี : https://goo.gl/93jMvE
5. Feel คนเจ้าอารมณ์ : https://goo.gl/xJFfUx
6. Love me 'จับเพื่อนทำเมีย' https://goo.gl/PBHg6K

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขอให้สุขีๆทุกคู่รักนะ  :กอด1:
คิดถึงน้องสา หวังว่าจะได้เจอน้องสาในเร็ววันนะ  :mew3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 จบแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:
ขอบคุณไรท์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ _2385yeah

  • แล้วด้วยโชคชะตา กำหนดเวลา ให้เราได้มาพบกัน เพียงฝันยามตื่นก็หายไป
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮิ้วววว ได้น้ำมนต์กันทุกคู่เลนเว้ยเห้ยย :hao3: :hao3: 5555555 :hao7: :hao7:
ขอบพระคุณมากเลยค่ะ  เป็นนิยายที่สนุกมาก :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :m16: ถึงแม้เรื่องนี้จะหมั่นไส้พระเอกมากๆ ที่ทำผิดกี่รอบๆ นายเอกก็ให้อภัย(ง่ายเหลื่อเกิ๊น) แต่เป็นเรื่องที่มีครบทุกรสค่ะ
ฟิต สนุก ดราม่า ตลก ประทับใจ ยิ่งตอนออกค่อยมันทำให้เห็นถึงบรรยากาศของการตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว อ้ายยยยเขิน :katai2-1:

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ FaX

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณนิยายเรื่องนี้มากๆเลยคะ ไม่ครบทุกอารมณ์ เนื้อหาจุใจมว๊ากกก เป็นนิยายวายเรื่องแรก(the first)ที่เราได้อ่านเลยคะ ตอนนั้นกำลังอยู่ในช่วงลองอ่านแนววายคะ เจอะเจอเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ก็ทำให้เราตกหลุมรักนิยาย กับการ์ตูนวายได้อย่างไม่ยากเย็น เป็นเรื่องที่ทำให้เราเข้ามาสู่ สาววายเลยคะ ขอบคุณจริงๆนะคะ
#กราบบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Maeo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หลากหลายอารมณ์จริงๆ ค่ะเรื่องนี้
เกือบจะรักพี่เอกอยู่แล้วเชียว
แต่มาติดเรื่องนก เกลียดค่ะ เกลียดพี่เอกมาก
น้องกายไม่น่าให้อภัยเลย คนใจโลเล  :m31:
สุดท้าย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้ค่ะ
สนุกมากค่ะ อ่านได้ไม่เบื่อเลยค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ ii.mimi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นายเอกคือง่ายชิบ แล้วอะไรคือ กินกันไปกันมาระหว่างพี่น้องวะเนี้ย พลอตเรื่องแปลกเกิ๊น นิย้ายยยยนิยาย

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 เป็นการอ่านอย่างมาราธอนที่สุด   ชอบมากเลยค่ะขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เฮ้อ สุดท้ายก็จบแบบแฮ๊ปปี้ เอ็นดิ้ง :katai2-1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เพราะรักเค้ามาก
จนต้องให้อภัยเค้าซินะ

เฮ้อออออ.....

พระเอกโคตรเหี้ยแต่โชคดีจริมๆ
ที่มาเจอนายเอกที่รักซะมากมายขนาดนี้

โชคดีนะ..อิเอก
หุหุ

ออฟไลน์ auntreory

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ่านวนน้ำเยอะข้ามเยอะมากมันสนุกนะ ถ้ามีสัก50ตอนหรือน้อยกว่านั้น เหมือนคนแต่งพยายามจะทำให้มีประเด็นให้มีเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆจนมันดูจงใจจนเกินพอดี นิสัยตัวละครทุกตัวก็ดูขัดแย้งในตัวเอง อันนี้ความคิดเรานะ แต่ส่วนดีคือเราชอบภาษาอ่านสบายดี เสียใจอ่านไม่จบ จะติดตามน่ะ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ Freezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เหนื่อยมาก 100 ตอน
ลุ้นใจหายทุกตอนจริงๆครับ
มีทุกอารมณ์  แต่อารมณ์หื่น ดูจะมากสุด
ขอบคุณ ผู้แต่งมากๆนะครับ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
กลับมาอ่านอีกครั้ง ก็ได้ครบรสจริง ๆ :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขอสารภาพว่าอ่านเรื่องนี้ไม่จบ
คือแบบไม่ชอบนิสัยพระเอกมากๆ เห็นแก่ตัวสุดๆ
กายก็ยอมเกินไปอ่ะ
แรกๆอ่านแล้วน่ารักดีนะคะ
เนื้อเรื่องให้น่าติดตาม แต่อ่านไปอ่านมา
เรารับนิสัยพระเอกไม่ได้เลยอ่านไม่จบ
แต่ยังไงก็ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด