Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)  (อ่าน 681145 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอก เลวววววววววววววววววววววววววววววววววววววว  :fire: :fire: :fire:
สนับสนุนให้พี่โอม พี่เชน มาจีบกายเลย  :hao3:
พี่อาร์ต พี่อิฐ มาจีบยิ่งดี  o18

กาย ยังมีคนรักกายอีกมากมาย
อย่าอาลัยอาวรณ์ คนสองใจ
ใช้ชีวิตของตัวเอง รักตัวเองให้มากๆ
ไม่มีใครรักเราเท่าตัวเราเองหรอก

ยังสงสัย ได้ปริญญาสองใบแทบรากเลือด
แล้วมีใครช่วยนะ อยู่โน่นมีคนทางโน้น
พอกลับมาก็มาหาคนเก่าหรือเปล่า

รอดูคนสองใจ นอกใจกาย พอรู้ตัวว่ารักกาย
แล้วกายก็รักตัวเองอย่างจริงใจไม่วอกแวก
แต่กายก็ไม่อยู่ให้เจอแล้ว  :angry2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอกกกกก...จะด่าว่ายังไงดีนี่

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ที่ผ่านมาสรุปเอกรักกายจริงๆ ที่เปล่าเนีย เลวถึงขั้วเลย  :z6:

ออฟไลน์ Dark_Sky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เข้มแข็งไว้นะกาย หนีไปอยุ่เชียงใหม่กับแม่ก็ได้ ใครไม่รักก็ชั่งมันแต่ยังมีพ่อมีแม่มีคนอื่นๆที่รักเราอยุ่นะ สู้ๆ  :กอด1:  :กอด1:  :z6:  :z6: ถีบนี้สำหรับพี่เอกคนเลว

ออฟไลน์ ศตรัศมี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรอ อ่านตอนล่าสุดแล้วสะเทือนใจพอสมควรทีเดียว บอกตรงๆว่าเราแทบมองไม่เห็นทางที่เอกกับกายจะกลับมาคบกันใหม่ได้เลย มันเลวร้ายเกินกว่าจะรับได้จริงๆ เอกไม่คู่ควร เอกทำร้ายน้อง ทำลายความรักของน้อง ทำลายเกียรติยศของตัวเองได้อย่างย่อยยับที่สุด นำพาตัวเองไปสู่จุดตกต่ำจะกลับก็กลับไม่ได้ จะไปต่อก็ไปไม่ถึง พอมาคิดได้ในภายหลังก็คงสายเกินกว่าจะกู้อะไรกลับมาได้อีก และอีกอย่างเราคิดว่ามันไม่แฟร์กับกายเท่าไหร่นักถ้าจะให้ผู้ชายคนนี้กลับมามีบทบาทในชีวิตอีกครั้ง

ออฟไลน์ jpjiraporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เจ็บวันนี้เพื่อไปพบความสุขในวันข้างหน้าค่ะ
กายสู้ๆ :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
83
ตัดใจ...แฟนใหม่
[กาย...♥]





 
ผมนอนยิ้มทั้งน้ำตาอยู่บนเตียง ผมดีใจ ที่พี่เอกให้ร้านกาแฟกับผม แต่มันจะมีค่าอะไร ถ้าคนให้ไม่ต้องการผมแล้ว
 
ผมนอนหงาย ปล่อยน้ำตาให้ไหลร่วงจากหางตาลงสู่หมอน
 
ผมรู้ว่าพี่เอกรักผม
 
แต่ก็น้อยกว่าพี่นก
 
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมเฝ้ามอง และรอคอยพี่มันมาตลอด แต่พี่เอกไม่เคยปฏิเสธพี่นกเลย ตั้งแต่จูบกันหน้าห้องสภา กลางทางเดินตอนที่ผมเดินเหม่อไปชนพี่นกเข้า หรือแม้กระทั่งตอนที่พี่นกไปหาพี่มันที่คอนโด
 
และผมยังอยู่ตรงนั้น
 
แค่ปลายสายตา
 
ถ้าพี่เอกเงยหน้ามองสักนิด ก็จะเห็นผมยืนอยู่ตรงนั้น
 
ผมรู้ และรอเวลาให้พี่นกออกมาจากคอนโด แล้วผมจะได้กลับเข้าไปหาพี่เอกอีกครั้ง แต่ความหวังผมก็เป็นเพียงความหวัง เมื่อพวกเขาออกมาและกลับเข้าไปอีกครั้ง พร้อมจูบที่เต็มไปด้วยความรักและความเสน่หา
 
และพวกเขาทั้งคู่ ก็ไม่กลับออกมาอีกเลย จนผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ และเดินจากมาเงียบ ๆ
 
พี่เอกรู้ว่าบ้านผมอยู่ไหน พี่เอกรู้ว่าคณะผมคืออะไร แต่พี่เอกไม่คิดจะมาหา และผมรู้ว่าเพราะอะไร
 
คนมาทีหลัง หรือจะสู้คนที่รักกันมายาวนานอย่างพี่นกได้
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ผมมานั่งทอดอารมณ์อยู่ริมบึง จ้องมองท้องฟ้าสีครามยามเย็น วันนี้ไม่ได้เข้าร้าน ไม่ค่อยอยากเข้าเท่าไหร่ด้วย เพราะร้านนั้นเจ้าของที่แท้จริงคือพี่เอก เป็นร้านที่พี่เอกใช้หมั้นผม
 
หึ เป็นหม้ายขันหมากเร็วจังกู
 
ผมกำลังทำเรื่องโอนร้านคืนให้พี่เอกมัน เมื่อพี่มันไม่คิดจะรักผม ผมก็ไม่อยากได้อะไรจากพี่มันทั้งนั้น
 
“กาย”
 
ผมหันไปตามเสียงเรียก
 
“พี่เป้”
พอรู้ว่าเป็นใคร ผมก็หันกลับไปมองแม่น้ำเงียบสงบด้านหน้าอีกที
 
พี่เป้ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ 
 
“พี่กำลังจะไปอังกฤษ”
หลังจากต่างคนต่างเงียบกันมานาน พี่มันก็พูดตัดความเงียบขึ้นมา
 
ผมค่อย ๆ หันไปมอง แต่ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป ดวงตายังคงเฉยเมย ไม่ได้ตกใจ ตื่นเต้น หรือดีใจอะไรกับสิ่งที่ได้ยิน
 
พี่มันจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ เช่นกัน
 
“ไม่มีแรงจะปลอบพี่แล้วใช่ไหม”
พี่มันเอื้อมมาดึงตัวผมไปซุกอกแกเบา ๆ
 
ผมรู้ว่าผมร้องไห้มาหลายรอบแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาอีกรอบในอ้อมแขนอบอุ่นนี้
 
“ถ้าไม่ติดว่ากายยังเรียนอยู่ พี่ก็อยากชวนกายไปด้วยเหมือนกัน”
พี่มันเสยคางผมขึ้นมอง
 
“พี่จะไม่ได้อยู่ดูแลกายแล้วนะ กายต้องเข้มแข็ง เพื่ออนาคตของกายเอง พี่เองก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะเอกมันก็รักนก จนพี่คิดว่า…”
 
“รักมากกว่าผม”
 
พี่เป้เม้มปากแน่น
 
“ผมรู้แล้วล่ะครับ”
 
รู้ดีด้วย
 
ผมค่อย ๆ รั้งตัวเองออกมานั่งตรง ๆ ทอดมองท้องน้ำที่กำลังไหวกระเพื่อมเพราะแรงโหมของสายลมอีกที 
 
พี่เป้เลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ ไม่ต่างกับผมที่ไร้คำพูด ผมยกเข่าขึ้นมากอด ไม่ต่างกับคนข้างกายที่ทำแบบเดียวกันบ้าง แล้วเราสองคนก็ทอดดวงตาเหม่อมองไปยังท้องน้ำสีสวยด้วยกันเงียบ ๆ
 
“นี่กาย”
พี่มันเรียกตัดความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง
 
ผมหันไปมอง
 
“ไปขี่จักรยานกับพี่ไหม”
พี่มันยิ้มให้นิดหนึ่ง
 
“ไปปั่นจักรยานเล่นกัน ที่สวนลุม”
 
ผมนั่งนิ่งอยู่พัก ก่อนพยักหน้าตกลง
 
ไม่เกินชั่วโมง ผมก็มานั่งอยู่บนจักรยานคันเดียวกับพี่เป้ ตอนแรกก็ว่าจะปั่นกันคนละคันนั่นแหละ แต่พี่เป้เห็นผมเหม่อเกิน แกคงกลัวว่าผมจะปั่นไปชนคนอื่นเข้า เลยให้ผมนั่งหน้า เบาะเดียวกับพี่แกนั่นแหละ แล้วพี่แกก็เป็นคนปั่นเอง ผมนั่งเงียบมาตลอดทั้งเส้นทาง ฟังพี่เป้ร้องเพลงคลอไปเบา ๆ
 
“เพราะจัง”
ผมชมทันทีที่เนื้อหาเพราะ ๆ ไร้เสียงดนตรีประกอบจบลง พี่เป้ก้มมอง
 
“กายชอบเหรอ”
 
“ผมชอบฟังเสียงพี่ เพราะดี”
 
“อืม เต้ยก็ชอบ”
พี่เป้เริ่มร้องอีกเพลง

ผมทอดดวงตาเหม่อมองทิวไม้จากริมทาง คอนกรีตบนท้องถนน และสัตว์เจ้าถิ่นญาติสนิทของจระเข้ที่มานอนเกยตื้นอยู่บนฝั่ง
 
“กาย”
 
“ครับ”
 
พี่มันเรียก แต่นิ่งเงียบไปนาน
 
“คบกับพี่ไหม”
 
ผมหย่อนขา เบรกรถที่กำลังวิ่งช้า ๆ ด้วยเท้า เงยหน้ามองพี่เป้ พี่มันมองตอบ
 
“พี่เคยบอกแล้ว ว่าถ้าไม่มีเอก กายจะเป็นคนที่พี่อยากคบด้วยมากที่สุด พี่ไม่สัญญาว่าจะรักกายได้ไหม แต่พี่สัญญา ว่าจะดูแลกายให้ดี อย่างน้อยก็ช่วงเวลาก่อนที่พี่จะเดินทางไปเรียนต่อ พี่ไม่อยากถลำลึกมากไปกว่านี้แล้ว แค่นี้พี่ก็จะบ้าอยู่แล้ว”
 
ผมตัดสินใจ ก้าวลงจากรถไปยืนอยู่ข้าง ๆ
 
“พี่แน่ใจนะ”
ผมถามย้ำ พี่มันพยักหน้า
 
“งั้นเรามาคบกัน แต่ผมคงไม่รับปากว่าจะรักพี่ได้ไหม ผมอยากคบเพื่อช่วยให้พี่ตัดใจจากเต้ย อย่างน้อยก็จนกว่าพี่เป้จะเดินทาง และทำให้หัวใจของผม… อยู่ห่างจากพี่เอกบ้าง”
 
พี่เป้ยิ้ม รั้งตัวผมให้ขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วตั้งต้นปั่นอีกที
 
 
 
 
 
 
 
 
 
พ่อกับแม่ยังไม่รู้ว่าผมเลิกกับพี่เอกแล้ว พ่อยังวุ่นวายกับที่ทำงานใหม่อยู่ ในขณะที่แม่กำลังเร่งปั่นต้นฉบับ
 
พี่เอกดังขึ้นเรื่อย ๆ ควบคู่กับน้องโมที่มีคนติดต่อให้ไปเล่นหนังเล่นโฆษณาจนมีชื่อเสียง ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้นน้องโมติดต่อกลับมาหาพี่เอกบ้างรึเปล่า เพราะผมไม่ได้ใส่ใจ
 
แต่เท่าที่รู้ พวกโมเดลลิ่งต่างพากันติดต่อเพื่อให้พี่เอกไปเป็นนายแบบ แต่พี่เอกยืนยันปฏิเสธ
 
ผมไม่ได้เข้าใกล้ห้องสภาอีกเลยนับตั้งแต่เลิกกับพี่เอก พอเลิกเรียน ก็ไปทำงาน กว่าจะเคลียร์ร้านก็เกือบสี่ทุ่ม กลับบ้านนอน (รายงาน การบ้าน หรือโปรเจคทำที่ทำงานครับ กลับบ้านอาบน้ำนอนอย่างเดียว)
 
แม่อยู่เชียงใหม่เป็นหลัก โดยมีพ่อบินไปหาบ่อย ๆ พ่อแอบหาข้อมูลเพื่อเปิดสาขาที่เชียงใหม่ด้วย คงหาหนทางอยู่ใกล้แม่นั่นแหละ
 
ผมดีใจที่พ่อกับแม่เข้าใจกัน แม้จะมีพ่อแง่แม่งอนกันบ้าง แต่ก็ดูมีความสุขดี 
 
 
 
 
 
 
 
ผมวิ่งตุบตับไปตามทางเดิน สายแล้วครับ ต้องรีบเข้าคลาส แต่เพราะวิ่งไม่ดูทาง ผมเลยชนกับใครบางคนเข้าเต็ม ๆ จนล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้า ไม่แน่ใจว่าตัวเองตัวเบา หรือคนที่ชนตัวใหญ่กันแน่
 
เจ็บตูดเลยกู
 
ผมเงยหน้ามองคนชน พอรู้ว่าเป็นใครก็รีบลุกขึ้นก่อนที่คนคนนั้นจะเข้ามาช่วยพยุง ผมรีบก้มหัวแทนคำขอโทษ แล้ววิ่งหนีไป
 
วิ่งหนีจากคนคนนั้น
 
คนที่ผมยังรัก..สุดหัวใจ
 
 
 
 
 
ตั้งแต่ไอ้เต้ยรู้ว่าผมคบกับพี่เป้ เราสองคนก็ไม่ค่อยได้คุยกันอีก มันไม่ได้เลิกคบผม ไม่ได้โกรธหรืองอนด้วย เพียงแต่มันกำลังเสียใจ และขอเวลาอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพังก่อน
 
ผมรู้ว่ามันคงเจ็บ แต่ผมยอมเป็นคนเลว เพื่อให้มันและพี่เป้ได้ตัดใจจากกัน
 
กำหนดเดินทางของพี่เป้เป็นอาทิตย์หน้า พี่เป้เตรียมเรื่องทุกอย่างเงียบ ๆ และมีผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้
 
วันนี้ผมมานั่งเหม่ออยู่หน้าร้านนมปั่นของมหา’ลัย ที่ผมกับพี่เอกเคยมานั่งด้วยกันนั่นแหละ
 
“นี่ ๆ นกอยากกินร้านนี้ เอาร้านนี้นะ”

                ผมหันไปมองเจ้าของเสียง เห็นพี่เอกถูกลากแขนตรงมาที่ร้าน ผมรีบล้วงหยิบเงินขึ้นมาจ่ายทันที
 
“นั่นเป้นี่ เฮ้เป้ทางนี้ ๆ!!”
พี่นกโบกมือไหว ๆ ให้พี่เป้ พี่แกเดินตรงมา โดยมีใครอีกคนเดิมตามมาติด ๆ พี่เอกเห็นผมแล้วและมีสีหน้าลำบากใจไม่ต่าง ผมกำลังจะเดินออกจากร้านไป
 
“กาย” พี่เป้เดินมาฉุดข้อมือผมไว้ “อย่าเพิ่งไป นั่งเป็นเพื่อนพี่ก่อน”
 
ผมรู้ว่าพี่เป้ต้องการอะไร พี่เป้ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ผมเพิ่งลุกเมื่อกี้ โดยมีไอ้เต้ยเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมทำท่าอึดอัด พี่เป้คงรู้ เลยจับผมนั่งบนตักพี่แก แล้วหันหน้าหนีไปยังฝั่งที่ไม่มีพี่เอก
 
แต่ว่า…
 
นั่งแบบนี้ เดี๋ยวชาวบ้านเขาก็รู้กันหมดหรอก
 
“เอ่อ ดูเป้สนิทกับน้องเขาจัง”
พี่นกถามไม่เต็มเสียงนัก
 
“อืม เราคบกันอยู่น่ะ”
พี่เป้บอกตรง ๆ
 
พี่นกตาโต อ้าปากค้าง ก่อนยิ้มหน้าแหยง แต่ไม่ได้ทำท่ารังเกียจอะไร สำหรับพี่เอกผมไม่รู้ เพราะไม่ได้มอง
 
“ไม่รู้มาก่อนว่าเป้จะเป็น…”
 
พี่เป้ยิ้ม
 
“ไม่ได้เป็นหรอก กายเขาก็ไม่ได้เป็น”
 
“อ้าว…”
พี่นกถึงบางเอ๋อ มองพวกเราสองคนสลับกันไปมา
 
พี่เป้ยิ้มบาง กระชับอ้อมแขนที่กอดผมแน่นขึ้น
 
“กินอะไรมาแล้วใช่ไหม จะเอาอะไรเพิ่มรึเปล่า”
พี่เป้ถาม ผมส่ายหน้า
 
“มึงล่ะเต้ย จะเอาด้วยไหม กูสั่งให้”
ผมหันไปถามเพื่อน มันพยักหน้าขึ้นลงเหงา ๆ ผมเลยหันไปสั่งเครื่องดื่มของโปรดมันให้
 
“แล้วพี่ล่ะ เอาอะไรด้วยไหม”
ผมถามพี่เป้ต่อ พี่มันยิ้มทีเดียวเป็นการอนุญาต ผมเลยสั่งให้พี่เป้ด้วย หลังจากนั้น ผมก็ได้แต่นั่งมองไปยังที่ไกล ๆ ไม่สนใจใครอีกเลย ไม่ต่างกับพี่เป้ที่ซุกหน้ากับไหล่ผมหลบสายตาไอ้เต้ยที่มองมาตรง ๆ
 
พี่นกชวนคนนู้นคนนี้คุยไปเรื่อยตามนิสัยเฟรนด์ลี่ของเธอ บางทีเธอก็ถามผมเหมือนกัน ผมตอบเพียงสั้น ๆ ไม่ต่างกับพี่เป้และไอ้เต้ย รวมถึงพี่เอกอีกคน
 
“กาย ไปดูหนังกับพี่ไหม”
พี่เป้ชวน คงอยากหาทางหลบออกไปจากสถานการณ์นี้ ผมรีบพยักหน้ารับทันที
 
“ว้าย ดีเลย งั้นเราไปดูด้วยกันดีกว่า เต้ยไปด้วยกันนะ พี่เลี้ยงเอง ฉลองที่พี่เรียนจบได้งานทำ”
 
“อย่าดีกว่า นกจะได้มีเวลาอยู่กับไอ้เอกมัน”
พี่เป้ค้าน
 
“แหมเพื่อนกัน เวลาสองต่อสองมีอีกเยอะ พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี สังสรรค์กันหน่อยสิ”
 
“แต่…”
พี่เป้พยายามหาหนทางเลี่ยง
 
“ห้ามปฏิเสธนะ”
พี่นกชี้นิ้วขู่
 
พี่เป้จำต้องพยักหน้า ในขณะที่ผมนั่งกัดริมฝีปากแน่นจำยอมตามไป
 
เรามาถึงโรงหนังกันช่วงเย็น พี่เป้คล้องเอวผมไว้แทบจะตลอดเวลา ผมรู้ว่าพี่เป้ไม่อยากทำ แต่คงอยากกันไอ้เต้ยออก และดูแลผมจากพี่เอกไปในตัว
 
“นี่ เดี๋ยวนกไปซื้อตั๋วเอง รอกันอยู่ที่นี่นะ”
พี่นกวิ่งลิ่ว ๆ หายไป ทิ้งพวกเราเอาไว้ด้วยกัน
 
“อยากกินอะไรรึเปล่า”
 
พี่เป้ถาม ผมส่ายหน้า
 
“กินสักหน่อยดีกว่า เข้าไปในโรงหนัง เดี๋ยวจะหิวเอา”
พี่มันรั้งเอวผมให้เดินไปกับพี่แกที่ร้านขนม
 
“พี่ขอโทษนะ”
พี่เป้ลูบหัวผมเบา ๆ
 
“ผมไม่เป็นไรมากหรอก แค่นี้ชิว ๆ”
 
พี่เป้ยิ้มหล่อ ดันตัวผมเข้าไปยืนในอ้อมแขนตัวเอง
 
“อยากได้อันไหนหยิบเอาได้เลย พี่เลี้ยงไม่อั้น”
 
ผมอมยิ้ม
 
“คบกับพี่จริง ๆ จัง ๆ เลยดีไหมเนี่ย”
 
พี่มันยิ้ม ลูบหัวผมเบา ๆ
 
“ถ้าเราทำได้น่ะนะ”
พี่เป้ยิ้มเอ็นดู พยักหน้าให้ผมเลือกขนมต่อ ผมจิ้มเอาสองสามอย่าง เป็นของโปรดของพี่เป้กับไอ้เต้ย ส่วนของตัวเองเอาเลย์ห่อเดียวพอ ซื้อไปเผื่อพี่นกกับพี่เอกด้วย เรายืนเลือกกันอยู่นานมาก เพราะไม่อยากกลับไปที่ตรงนั้น จนเห็นว่าพี่นกเดินกลับมาแล้ว เราถึงได้จ่ายเงินและเดินกลับไป
 
เพราะพี่นกเป็นคนเลือกตั๋วเอง แกจึงเลือกนั่งก่อน ต่อด้วยพี่เอก ตามด้วยผม พี่เป้และไอ้เต้ย ให้ผมนั่งคู่กับพี่เป้เพราะเห็นว่าเป็นคนรักกัน ให้พี่เป้นั่งคู่กับเต้ยเพราะเป็นพี่น้องกัน และให้ผมนั่งคู่กับพี่เอก เพราะพี่นกชอบนั่งริม
 
ผมนั่งหายใจแทบไม่ทั่วท้อง เพราะคนที่ผมไม่อยากอยู่ใกล้มากที่สุด มานั่งแทบหัวไหล่ชนกัน ได้ยินเสียงพี่นกพูดคุยออดอ้อนกับพี่เอกและอะไรอีกสารพัด แถมยังพิงหัวไว้กับไหล่พี่เอกด้วย ในขณะที่ผม พยายามเบี่ยงตัวหนีให้ห่างพี่เอกให้มากที่สุด ผมโน้มตัวไปทางด้านพี่เป้ พี่แกหันมามอง ขยับเกี่ยวเอวผมดึงเบา ๆ ไปชิดตัวแก 
 
ผมดูหนังแทบไม่รู้เรื่อง มีอยู่หลายครั้ง ที่สายตาผมแอบมองพี่เอก ทั้งที่ไม่ควร แต่ก็ละสายตาไม่ได้ พี่เป้ก็เรียกความสนใจผมคืนตลอด
 
พอออกจากโรงหนัง ตอนแรกก็คิดว่าจะจบแค่นั้น แต่พี่นกชวนพวกเราไปเลี้ยงกันต่อที่ร้านหมูกระทะ
 
ผมพยายามไม่ใส่ใจพี่เอก แล้วหันมาดูแลพี่เป้ดี ๆ แทน ไม่ต่างกับพี่เป้ที่ทำเป็นเมินไอ้เต้ย แล้วดูแลผมอย่างดี ในขณะที่ไอ้เต้ยเพียงนั่งเงียบ ๆ
 
ผมรู้ว่ามันคงเจ็บกับภาพผมกับพี่เป้ไม่ต่างกับผมมองพี่เอกสวีทกับพี่นก แต่ต่างกันตรงที่มันเลือกที่จะมองให้เต็ม ๆ ตา ในขณะที่ผมเลือกที่จะหลบหนี
 
“ทำไมเต้ยเงียบจัง ไม่สบายหรือเปล่า”
พี่นกถาม
 
ไอ้เต้ยส่ายหัว
 
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะฮะ”
 
“งั้นต้องกินเยอะ ๆ นะ จะได้หายเครียด”
แล้วพี่นกก็มีน้ำใจคีบอาหารให้
 
“กายด้วย”
 
ผมยิ้มรับ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เอกถึงได้ชอบผู้หญิงคนนี้ นอกจากจะสวยแล้วยังมีน้ำใจอีกต่างหาก ผมก้มหน้าก้มตาคีบอาหารกิน มันคงเลอะ พี่เป้ถึงได้หยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้ ผมยิ้มรับ แล้วคีบอาหารกินต่อ
 
“พวกนายสองคนนี่น่ารักกันดีเนอะ ปกตินกไม่ชอบเกย์หรอก แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว แอบชื่นชมยังไงบอกไม่ถูก ว่าแต่ถึงขั้นไหนกันแล้วล่ะ”
 
ผมรู้ละ ว่าทำไมพี่นกถึงร่วมก๊วนกับพวกพี่เอกได้
 
หื่นพอกัน
 
“ลึกซึ้ง”
พี่เป้เป็นคนตอบ
 
“แน่ะ ๆ ๆ ๆ หึ ๆ ๆ ขั้น C ใช่ม๊า กิ้ว ๆ ๆ”
 
ผมนั่งหน้าร้อน
 
คำว่าลึกซึ้งหมายถึง รู้ใจกันจนไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูดต่างหาก
 
ครืด!!
 
เสียงเลื่อนเก้าอี้ดึงความสนใจพวกเราให้หันไปมอง
 
“อ้าว เอก”
 
“จะไปห้องน้ำ”
พี่มันบอกแค่นั้นแล้วเดินดุ่ม ๆ ออกไป ผมทำเป็นไม่ใส่ใจ คีบหมูกระทะให้พี่เป้ ไอ้เต้ย แล้วเผื่อแผ่ไปให้พี่นกด้วย พี่นกยิ้ม ขอบอกขอบใจผมใหญ่
 
ตอนนี้พี่เป้โอบสองแขนไว้ที่เอวผม ผมเลยทำหน้าที่ป้อนอาหารให้พี่เป้ โดยมีไอ้เต้ย นั่งกินเงียบ ๆ
 
อยากให้วันนี้ ผ่านพ้นไปเร็ว ๆ จัง
 


To Be Con...
                 
 เป็นกำลังใจให้น้องกายสู้ๆ ต่อไป ส่วนอิพี่เอก เชอะ!!!







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2017 19:15:12 โดย memew »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
กาย ไม่น่ายอมคบเป็นแฟนพี่เป้  :mew2:
แม้จะช่วยพี่เป้ แต่ก็เป็นการทำร้ายเต้ย
ถึงช่วยยังไง พี่เป้ก็ไม่เลิกรักเต้ยได้หรอก
เต้ย ก็ไม่เลิกรักพี่เป้เหมือนกัน

ท่าทางพี่เอก จะหวั่นไหวเรื่องที่กายคบกับเป้
แต่จะอะไร ยังไง ก็ทำตัวเองทั้งสิ้น
อยากให้คนที่ชอบกายทั้งหมด ดาหน้ามาจีบกาย
โอ๊ยๆ......คงมันน่าดู มีความสุขปลื้มปริ่ม  :heaven
จะบนความทุกข์ใครไม่รู้ แต่สะจายยยยยย  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ่านถึงตอนนี้กี่รอบ ก็อยากเอาประทัดยัดหูอดจมูกกาย แล้วจุด

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สงสารทั้งกาย เป้ และเต้ยเลย สู้ ๆ นะหลาน ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ศตรัศมี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หวงก้างทำสากกะเบือไรยะนังเอก อ่านฉากที่ตัวโกงในคราบพระเอกโผ่ลมาทีไรอารมณ์ขึ้นทุกที สับสนมึนงงอะไรมากป่ะ? ทิ้งคนนี้ไปเอาคนนั้น ไปๆมาๆเดี๋ยวไม่นานก็คงทิ้งคนนั้นกลับมาเอาคนนี้ คนแบบนี้เจ็บไม่เป็นเพราะไม่ยอมให้ตัวเองเจ็บ มักง่ายเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการมากที่สุดแม้ว่าจะต้องทำลายใครก็ตามแต่ แล้วไอ้ที่ยกนั่นยกนี่ให้น้องหลังจากเลิกกับเค้านั่นก็เข้าใจว่าอาจจะอยากชดเชย แต่น้องมันไม่ใช่อีตัวนะจำใจสมองไว้ วิงวอนผู้เขียนนะฮะ ถ้าจะให้คู่นี้ลงเอยกันก็ช่วยให้เจ็บกันอย่างเสมอภาคหน่อย ให้เอกมันเสียผู้เสียคนไปเลยยิ่งดี กฏแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ สาธุ! โอมเพี้ยง!

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เลววววววววววววววววววววววววววววววววว
ไอ่สึด

ต่อให้กาดอเลี่ยมทอง
ก็ไปที่เลวๆ เหอะ
นรกมาก..เอกสึด

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
 84
สายใยตัดไม่ขาด
[เอก...☼]



 





“โธ่เว้ย!!!”
ผมยืนหัวเสีย ชกหมัดใส่กำแพงไปทีอย่างห้ามไม่อยู่ ผมไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้ เพราะนกคือคนที่ผมเลือกแล้ว
 
แต่ทำไม…
 
ทำไมผมถึงยังหึงกายไม่หยุด
 
ผมวักน้ำใส่หน้าใส่หัวจนเปียกชุ่มดับความร้อนที่กรุ่นในหัวใจลง มันทั้งหงุดหงิด ทั้งโมโห จนอยากจะฆ่าใครสักคน
 
และคนคนนั้นก็คือไอ้เป้ ไอ้คนที่มากอดเอวเล็กนั้นไว้
 
ผมไม่รู้ว่าพวกมันเริ่มคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ และเพื่ออะไร
 
ผมไม่อยากรู้
 
เพราะยิ่งรับรู้ ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิด อยากลุกขึ้นไปดึงมือนั้นออก แล้วกระชากมันมาไว้ในอ้อมแขน อยากให้คนที่มันอ้อนมันกอดเป็นผม
 
ไม่ใช่ไอ้เป้!
 
ผมก้มหน้าวักน้ำใส่หัวจนชุ่มโชกแล้วเสยไปด้านหลังอย่างเคยชิน ผมเดินออกจากห้องน้ำกลับไปนั่งที่เดิม พยายามทำตัวให้เหมือนเดิม นกไม่ได้สนใจหัวที่เปียกชุ่มของผม แต่ใครคนหนึ่ง กำลังมองมาด้วยสายตานิ่งค้าง ก่อนจะเสหน้าหลบไปทางอื่น
 
ผมรู้ว่ามันเผลอมองผมหลายครั้ง เหมือนที่ผมเองก็เผลอมองมันหลายครั้งเหมือนกัน ผมพยายามละความสนใจจากมันไปหานก โอบมือไว้ที่เอวบางหลวม ๆ
 
นกหันมามอง ยิ้ม แล้วคีบอาหารมาป้อนผมบ้าง
 
“โอ๊ย ร้อน ๆ!!”
ไอ้เป้มันคีบหมูย่างจากเตาขึ้นมากินโดยไม่ระวัง
 
“ระวัง ๆ หน่อยสิฮะ เอ้าน้ำ ๆ ๆ”
ไอ้ตัวเล็กรีบจัดแจงคว้าแก้วน้ำไปป้อน ดูแลกันจนแทบจะกรอกปากอยู่แล้ว
 
“ร้อนจัง พองหรือเปล่าเนี่ย”
ไอ้เป้มันอ้าปากให้ดูลิ้น ไอ้ตัวเล็กส่องดู
 
“ไม่หรอก แค่แดง ๆ พี่เป้กินอันนี้ดีกว่า ไม่ร้อนแล้ว”
มันคีบหมูย่างในจานมันให้ไอ้เป้แทน
 
“ไม่กินรึไง ให้พี่เยอะแล้วนะ”
 
“ผมอิ่มแล้ว”
 
ไอ้เป้ยิ้ม รับเข้าปากไปเคี้ยว
 
ยิ่งมองยิ่งหงุดหงิด เพราะตอนที่ผมคบมัน มันไม่เคยออดอ้อนหรือดูแลผมเหมือนที่มันทำกับไอ้เป้ขนาดนี้มาก่อน
 
“แหม น่าอิจฉาจัง นกป้อนเอกบ้างดีกว่า”
นกคีบหมูย่างมาจ่อไว้ที่ปาก ผมอ้าปากรับ ใครบางคนเหลียวมามอง ก่อนเสหลบไปทางอื่น
 
 
“นี่ ๆ พวกเราไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งกันไหม น่านะ”
นกยังไม่ยอมจบทริป
 
“ถ้างั้น…”
 
“อ๊ะ ห้ามปฏิเสธ ไปด้วยกันเลย”
นกรีบดักทางไอ้เป้ที่จะตอบปฏิเสธ ไอ้เป้เลยจำต้องเดินทางไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
 
ไม่นานพวกเราก็มานั่งใส่รองเท้าสเก็ตอยู่ข้างลานน้ำแข็ง นกเคยเล่นที่อเมริกาบ่อย ๆ พอมาเมืองไทยเลยติดต้องมาเล่นเป็นประจำ
 
“กายมึงเล่นเป็นด้วยเหรอ”
ไอ้เต้ยถามเพื่อนมันหลังจากเงียบมานาน
 
“อืม พี่เชนเคยพากูมาเล่น ที่นี่แหละ”
 
ผมคิ้วกระตุกกับคำมัน
 
“แล้วมึงล่ะ”
 
“กูเล่นเป็น กูเคยมาเล่นกับพี่กูบ่อย ๆ”
ไอ้เต้ยมันตอบเสียงเหงา
 
พอใส่รองเท้าเรียบร้อย พวกเราก็พากันเดินเข้าไปในลานน้ำแข็ง ไอ้เต้ยกับไอ้เป้เคยเล่นบ่อย เลยดูชิว ๆ แต่ไอ้ตัวเล็กยังเก้ ๆ กัง ๆ เกาะรั้วไว้แน่นเป็นหลักยึด อาจจะเพราะเคยมาเล่นแค่รอบเดียว ยังไม่ชินเท้าและพื้นที่ 
 
“กาย จับมือพี่ไว้ดีกว่า”
ไอ้เป้ยื่นมือไปจับมือไอ้ตัวเล็กไว้ พากันเดินไปรอบ ๆ ในขณะที่ผม มีนกอยู่เคียงข้าง สักพัก นกก็แล่นลิ่วโลดโผนไปตามประสา ปล่อยผมให้วิ่งช้า ๆ ไปตามสไตล์
 
ไอ้เต้ยวิ่งช้า ๆ ตามหลังไอ้เป้และไอ้ตัวเล็ก
 
ผมไม่เข้าใจมันเลยสักนิด ว่าทำไมมันถึงยังฝืนมองภาพไอ้เป้กับไอ้ตัวเล็กอยู่แบบนั้น ทั้ง ๆ ที่มันกำลังเจ็บปวดกับภาพที่เห็น
 
ไม่นานนักไอ้เป้ก็ปล่อยให้ไอ้ตัวเล็กวิ่งเอง ส่วนมันก็วิ่งเคียงไปด้วยกัน
 
“เขายังไม่ได้เกลี่ยน้ำแข็ง ระวัง ๆ ไว้หน่อยละกัน”
ไอ้เป้มันเตือน ไอ้ตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักรับรู้
 
“โอ๊ย!!”
ไอ้เต้ยที่วิ่งเหม่อ ๆ ตามสองคนนั้น ถูกเด็กเฮ้วแต่งตัวแนวบีบอยวิ่งตัดหน้าจนล้ม ไอ้เป้กับไอ้ตัวเล็กหันกลับมามอง ไอ้เต้ยนั่งกุมเท้าเบ้หน้าครางด้วยความเจ็บปวด ไอ้เป้กับไอ้ตัวเล็กวิ่งกลับมาหามันทันทีไม่ต่างกับผมและนก
 
“กาย อยู่ที่นี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาเต้ยไปเช็กก่อน”
ดูท่าจะไม่ได้เจ็บธรรมดา ไอ้เป้รีบพยุงไอ้เต้ยออกไปนอกลานน้ำแข็งทันที โดยมีเจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามาช่วย
 
“นกเป็นห่วงจัง เดี๋ยวนกไปช่วยดูอีกแรงดีกว่า”
นกเคยเป็นอาสาสมัครมาก่อน เห็นคนบาดเจ็บเป็นไม่ได้ ต้องวิ่งเข้าไปช่วยตลอด พอนกไปก็เหลือแค่ผมกับกายเพียงสองคน
 
“ผมขอตัวไปดูไอ้เต้ยก่อนดีกว่า”
มันเลี่ยงที่จะอยู่กับผมเพียงลำพัง มันรีบเดินไปยังประตูทางออก แต่ยังไม่ทันจะถึงดี ไอ้เด็กเฮ้วคนเมื่อกี้ก็วิ่งตัดหน้าไปอีกรอบ ไอ้ตัวเล็กเสียหลักล้ม ผมรีบเข้าไปประคองทันที
 
“ขะ ขอบคุณครับ”
มันพยุงตัวยืนดี ๆ ก้มหน้าเดินออกไปจากลานน้ำแข็ง ตามติดด้วยผม แต่พวกไอ้เต้ยไม่ได้อยู่แถวนี้แล้ว พวกเราเดินไปถามเจ้าหน้าที่
 
“อ้อ น้องเขาถูกพาไปเช็กอาการที่ห้องพยาบาลน่ะ”
เจ้าหน้าที่รายงาน ผมพยักหน้า ไอ้ตัวเล็กเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนแสตนด์ข้าง ๆ ก้มหน้าถอดรองเท้าออก เห็นมันทำหน้าเหมือนเจ็บ ๆ ผมรีบตามไปดู
 
“ไม่เป็นไรฮะ”
ปฏิเสธทั้ง ๆ ที่พอผมจับหน้าก็เบี้ยวซะขนาดนั้น ผมถอดถุงเท้ามันออก ข้อเท้ามันดูบวมหน่อย ๆ ด้วย
 
ผมเดินไปหาเจ้าหน้าที่อีกรอบ
 
“ฝากดูแลเด็กคนนั้นด้วยนะ เตือนได้เตือน เพราะวิ่งเล่นไม่ระวังจนทำคนบาดเจ็บมาสองคนแล้ว อย่าให้รู้ว่าเด็กคนนั้นไปทำใครบาดเจ็บอีก ไม่งั้น ผมจะเอาเรื่องพวกคุณทั้งหมด”
ผมบอกแค่นั้น แล้วเดินกลับไปหาไอ้ตัวเล็กต่อ เห็นเจ้าหน้าที่พากันลนลาน รีบไปเรียกเด็กคนนั้นพร้อมผู้ปกครองมากล่าวตักเตือนทันที
 
ไอ้ตัวเล็กยังนั่งคลำข้อเท้าตัวเองอยู่ มันถอดรองเท้าอีกข้างออกแล้ว
 
“เจ็บมากไหม”
ผมย่อตัวลงไปถาม
 
“ไม่ครับ”
ปากแข็งจริง ๆ
 
ผมถอดรองเท้าสเก็ตตัวเองออก เปลี่ยนเป็นรองเท้าธรรมดาแทน
 
“ไปเช็กก่อนดีกว่า เผื่อซ้นหรือแพลง”
 
“ไม่หรอก”
มันยังเถียง ผมมองหน้าเอาเรื่อง มันหุบปากลงฉับ ลุกขึ้นเดินเขย่ง ๆ มือหนึ่งหิ้วรองเท้าสเก็ต อีกมือหิ้วรองเท้าตัวเอง ผมรวบเอาของทุกอย่างของมันมาถือเอง แล้วโอบเอวมันไว้เพื่อพยุง
 
“ไม่เป็นไร ผมเดินเองได้”
 
“ถ้าไม่อยากถูกอุ้มก็เงียบ ๆ ไปเลย”
 
มันเม้มปากแน่น ปล่อยให้ผมพยุง
 
ผมเจ็บแปลบที่หน้าอก
 
ตั้งแต่ผมบอกเลิกมัน มันก็ไม่เคยต่อว่าหรือด่าทอในความเลวทรามของผมเลยแม้แต่คำเดียว
 
จะกี่ครั้งแล้ว ที่มันต้องเจ็บตัวเพราะผม
 
และกี่ครั้งแล้ว ที่ผมไม่เคยปกป้องมันได้ อย่างที่ผมเคยสัญญาเอาไว้
 

 
“อ้าว กายเป็นอะไร” นกทักทันทีที่เห็น
 
“โดนไอ้เด็กเวรนั่นมันโฉบเอาด้วยอีกคนน่ะ”
 
นกปรี้ดแตกทันที เดินออกไปโวยวายกับเจ้าหน้าที่ ซ้ำยังวีนผู้ปกครองเด็กนั่นเสียงดัง ผมไม่ได้สนใจอะไรมาก นั่งดูข้อเท้าที่เริ่มขึ้นสีช้ำหน่อย ๆ
 
ข้อเท้าคงแพลงจริง ๆ
 
“อ๊ะ พี่เอกเบา ๆ”
ผมสะดุดเสียงร้องแบบนั้นนิดหน่อย แต่พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ
 
“แม่ง ไอ้ผู้ปกครองเวรนี่”
นกเดินบ่นกลับมา คนดูแลยื่นชุดปฐมพยาบาลมาให้ เพราะตัวเธอเองกำลังดูแลคนสองคนก่อนหน้าอยู่ นกเลยอาสาพันข้อเท้าให้ไอ้เต้ยแทน
 
“ของกายขาแพลงนิดหน่อย แต่ของเต้ยนี่สิ สงสัยจะเดินไม่ได้ไปสักพัก”
นกบอก ไอ้เป้มีสีหน้ากังวล มองน้องมันทีสลับกับกายที คงกำลังชั่งใจว่าจะดูแลใครดี
 
เพราะนั่นก็น้อง นี่ก็แฟน
 
“กูดูแลกายให้ก็ได้ มึงพาเต้ยกลับบ้านไปก่อนเถอะ”
ผมอาสา
 
“ไม่เป็นไรฮะ ผมกลับเองได้”
ไอ้ตัวเล็กรีบปฏิเสธ ผมเลยแกล้งบีบข้อเท้ามันไปเบา ๆ จนมันร้องโอ๊ย
 
“สภาพแบบนี้เนี่ยนะ”
 
มันหุบปากลงฉับ ไม่มองหน้าผมเลยสักนิด
 
หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้น ผมขับรถไปส่งนกที่คอนโดนก แล้วขับต่อไปที่บ้านกายอีกที
 
มันนั่งเงียบมาตลอดทั้งเส้นทาง พอถึงบ้านก็รีบเปิดประตูก้าวลงจากรถเดินเขย่ง ๆ ไปเปิดประตูรั้วบ้าน ผมรีบตามไปช้อนอุ้มมันไว้ในอ้อมแขน
 
“ไม่เป็นไร ผมเดินเองได้”
 
“ที่นายทำ เขาเรียกกระโดดไม่ใช่เดิน”
มันเม้มปากแน่น ยอมอยู่นิ่ง ๆ ผมอุ้มมันก้าวผ่านประตูรั้วเดินตรงไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
 
“กุญแจ”
ประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงออกคำสั่ง มันรีบล้วงหยิบอย่างไว แต่ผมเปิดไม่ถนัด มันเลยไขเปิดเอง
 
ทุกอย่างภายในยังคงเหมือนเดิม แม้กระทั่งภาพ ‘ดั่งดวงอาทิตย์’ ที่ข้างฝา
 
ตอนแรกก็คิดว่ามันจะเอาไปทิ้งซะอีก เพราะรูปและข้าวของทั้งหมดของมัน ผมเก็บลงลังหมดแล้ว เก็บเพื่อไม่ให้นกเห็น
 
และเพื่อให้ผมลืมมัน
 
ตอนแรกว่าจะวางมันไว้บนโซฟา แต่ดูท่าจะขึ้นบันไดลำบาก ผมเลยอุ้มมันขึ้นห้องแทน
 
“ไปอาบน้ำก่อน พี่จะไปเตรียมยามาทาให้”
 
“ไม่เป็นไร พี่รีบ..”
มันเบรกคำพูดลง เมื่อผมจ้องตามันเอาเรื่อง
 
ผมปล่อยให้มันอาบน้ำ สักพักมันก็เดินออกมาในชุดเรียบร้อย เป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหนือเข่า ชุดเก่งของมันนั่นแหละ
 
“นั่งสิ”
ผมสั่ง มันเดินเขย่ง ๆ มาทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียง ผมหยิบยามานั่งที่พื้นตรงหน้ามัน แล้วลงมือนวดข้อเท้าให้
 
ไร้คำพูดใด ๆ จากเราทั้งคู่ มันเงียบ เงียบเอามาก ๆ จนได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกของเราทั้งคู่ด้วยซ้ำ
 
ผมก้มหน้านวดเท้ามันไปเรื่อย ๆ
 
กระทั่ง…
 
มีเม็ดน้ำปริศนาร่วงแหมะลงมาบนหลังมือ
 
และอีกหลายแหมะต่อจากนั้น
 
ผมเงยหน้ามอง ก็เห็นมันนั่งก้มหน้ามองเท้าตัวเองโดยมีน้ำตาร่วงไหลเป็นทาง ผมเจ็บแปลบไปทั่วทั้งอก
 
มันคงพยายามอดทนมาตลอด…
 
จนถึงตอนนี้
 
มันนั่งร้องไห้เงียบ ๆ อย่างที่เคยเป็น ผมวางยาไว้ที่พื้น ลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ แล้วรวบตัวมันมากอด
 
ผมผิดที่ทำร้ายจิตใจมัน
 
ผมผิดที่โลเล
 
ผมผิดที่ทำให้มันเจ็บ
 
หรือพูดให้ถูก
 
ผมผิดที่มารักมัน และทำให้มันรัก
 
ผมผิดมาตลอด ตั้งแต่ต้น
 
“พี่ขอโทษ”
สำหรับทุกความเลวร้ายที่ทำไป
 
“พี่ขอโทษ”
ที่ทำให้นายต้องร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า
 
น้ำตามันเปียกไปทั่วทั้งอก ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น จูบซับที่หัวมันเบา ๆ
 
“พี่ขอโทษ”
คงเป็นคำเดียวที่ผมพอจะพูดได้ในตอนนี้
 
ผมเสยคางมันให้เงยขึ้น ดวงตามันคลอไปด้วยหยาดน้ำ ไหลรินลงมาเป็นทาง ราวกับมีใครสักคนมาเปิดก๊อกให้น้ำไหล

ผมก้มลงไปจูบมันเบา ๆ ที แล้วนิ่งค้างไว้อย่างนั้น
 
ผมรู้ว่าผมผิดที่จูบมัน แต่ผมต้องการปลอบประโลมมัน และอยากให้มันรับรู้ ว่าผมยังอยากปกป้องและดูแลมันเสมอ
 
แม้จะทำได้ไม่ดีนักก็เถอะ
 
ผมขยับริมฝีปากบดเบียดปากมันมากขึ้น ส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างไปให้ มันเองก็ไม่ได้ขัดขืน ซ้ำยังขยับปากตอบรับรสจูบนุ่มนวลจากผมอีกด้วย
 
มันยังคงร้องไห้
 
ร้องไห้ให้กับผู้ชายเลว ๆ อย่างผม
 
ผมโน้มวางมันลงบนเตียง ถอนริมฝีปากมาจูบซับน้ำตาให้เบา ๆ แล้วเคลื่อนไปทั่วทั้งหน้า
 
“พี่ขอโทษ”
ผมบอกมันอีกครั้ง จูบซับไปที่ต้นคอไล่ต่ำลงไปที่ยอดอก ลงมาถึงติ่งไตที่ผมแสนคิดถึง แม้มันจะเล็ก แม้มันจะไม่มีเสน่ห์มากมายเหมือนอกตูม ๆ ที่ผมเคยสัมผัส
 
แต่เมื่อผมลงลิ้นหรืองับมันเบา ๆ ร่างที่นอนอยู่ ก็จะผวารับแทบจะทันที แค่นั้นก็ทำให้ผมร้อนจนไม่อาจถอนตัวได้แล้ว 
 
 











ผมกะพริบตาอีกครั้งเมื่อตะวันยามเช้าสาดแสง ผมหันไปมองข้างเตียง คนที่ผมกอดไว้ทั้งคืนหายไปแล้ว ผมลุกออกจากเตียงเดินไปอาบน้ำ แล้วเดินไปหามันข้างล่าง
 
ทั่วทั้งบ้านว่างเปล่า…
 
มีเพียงอาหารเช้าวางไว้บนโต๊ะและกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ สีขาวแปะไว้
 
‘อาหารเช้าตอบแทนสำหรับความใจดีที่มอบให้ และผมขอโทษที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเรื่องเมื่อคืน ฝากล็อกบ้านด้วยนะฮะ ซ่อนกุญแจไว้ใต้กระถางต้นเฟื้องฟ้าอันที่สาม ขอบคุณครับ’
 
ผมยืนมองอาหารมากมายตรงหน้า แม้ของทุกอย่างจะเป็นของโปรดของผม แต่คิดว่าผมจะกินลงรึไง
 
ถึงจะอย่างนั้น ผมก็เลือกที่จะทิ้งตัวลงนั่ง และกินทุกอย่างจนหมด มันอุตส่าห์ทำให้ ผมไม่อยากทำร้ายน้ำใจมันอีก 
 
ผมออกจากบ้านล็อกกุญแจ แต่ไม่ได้ซ่อนไว้อย่างที่มันบอก เพราะผมอยากเอาไปให้มันกับมือตัวเอง
 
 
 
 
 
 
 
 
“แหม มึงกับนกนี่ร้อนแรงเป็นบ้าเลยว่ะ”
ไอ้โอมมันแซว ผมเงยหน้ามองมันด้วยความแปลกใจ มันชี้มายังหน้าอกผม ผมก้มมองแผงอกที่เกือบเปลือยเปล่าของตัวเอง
 
พอดีวันนี้แอร์ที่ห้องสภาเสีย เรียกช่างแล้ว กำลังจะมา พัดลมสำรองก็ไม่มี เราต้องเปิดหน้าต่างเพื่อให้ลมโกรก แต่มันก็ยังร้อนอยู่ดี พวกผู้ชายเลยพากันปลดกระดุมเสื้อกันคนละเม็ดสองเม็ด
 
ส่วนผมเกือบทั้งตัว
 
สิ่งที่เห็นคือรอยข่วนแดง ๆ นกไม่มีทางมาทำรอยแบบนี้แน่ ๆ
 
นอกจาก…
 
ผมร้างไปไม่ถึงเดือน ร่างกายของกายแทบจะเหมือนครั้งแรกที่มีอะไรกัน ผมแน่ใจว่ากายไม่ได้มีอะไรกับเป้แน่ ๆ
 
พอพักเที่ยง ผมรีบเดินลิ่ว ๆ ไปที่คณะไอ้ตัวเล็กทันทีเพื่อคืนกุญแจ ถ้าไม่เจอก็คงเป็นโรงอาหารร้านประจำที่มันชอบ พอไปถึง เห็นแค่ไอ้เต้ยนั่งเหม่อพิงหลังไว้กับเสา ข้าง ๆ มีไม้ค้ำยันพิงไว้
 
“เต้ย”
 
คนที่กำลังนั่งเหม่อหันมามอง
 
“กายล่ะ”
 
มันพยักหน้าไปยังริมบึง แล้วหันไปนั่งเหม่อต่อ ผมปล่อยมันไว้อย่างนั้น ก้าวตรงไปยังริมบึง มองหาไม่นานก็สะดุดเข้ากับร่างของใครบางคน ที่นั่งซบหน้ากอดเข่าไว้
 
แม้เพียงแผ่นหลัง ผมก็จำได้แล้วว่าเป็นใคร
 
ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ไอ้ตัวเล็กไม่ได้สนใจการมาของผมแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะผมย่องเบาแบบที่ผ่านมา เพราะผมเดินเหยียบมาทั้งเศษใบไม้ และกิ่งไม้แห้งจนดังกรอบแกรบมาตลอดทั้งเส้นทาง
 
แต่ที่กายไม่ได้ยิน เพราะกายกำลังเหม่อ
 
ผมนั่งมองมันเงียบ ๆ

ดวงตาคู่นั้น ทอดมองไปยังเวิ้งน้ำเบื้องหน้า ดวงตาที่เคลือบไปด้วยความเศร้า
 
และผม…
คือคนที่ทำให้มันมีดวงตาแบบนั้น
 
ไม่รู้ว่าผมนั่งมองมันอยู่นานแค่ไหน ผมแค่อยากมอง
 
มองคนที่ผมรักเท่านั้น
 
มันขยับตัวถอนหายใจทิ้งไว้กลางอากาศ ละมือจากหัวเข่าหันมามอง มันทำหน้าแปลกใจที่เห็นผม
 
“พี่เอก…”
ไม่ได้ยินเสียงเรียกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
 
ผมมองหน้ามัน ก่อนเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่คอมัน มันรวบจับแล้วรั้งไปด้านหลัง แต่ผมก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
 
สร้อยพระอาทิตย์
 
สิ่งที่มันเคยให้ผม ผมไม่รู้ว่ามันเอามาใส่เพราะอะไร เพราะมันยังคิดถึงผม หรือเพื่อเป็นตัวแทนผม หรือเพื่ออะไร แต่มันไม่เจ็บรึไง ที่เอามาใส่ไว้แบบนั้น
 
“พี่เอากุญแจมาให้”
ผมยื่นกุญแจคืน มันรับไปถือไว้
 
“ขอบคุณครับ ผมขอตัว”
มันลุกขึ้นยืน ผมรั้งข้อมือมันไว้
 
“พี่ขอโทษนะ สำหรับทุกอย่าง”
 
มันยืนนิ่ง ก่อนค่อย ๆ บิดข้อมือออก
 
“คิดซะว่า พี่กำลังเมายาคลายกล้ามเนื้อที่ทาให้ผมละกัน”
มันพูดแค่นั้นแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ผมนั่งนิ่ง ใช้สายตาทอดมองเวิ้งน้ำด้านหน้าแทนมัน


To Be Con...
 
อ่านคอมเม้นท์ของแต่ละคนแล้วสะใจพิลึก  :z6:






Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   

ออฟไลน์ ศตรัศมี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮึ่ยยยยยย! หมั่นไส้หมั่นพุงอีตาเอกนี่เหลือเกิน ถ้าเราหายตัวเข้าไปในนิยายได้อันดับแรกคือขอกระโดดถีบอีเอกให้หัวทิมตกบ่อ จากนั้นปล่อยตัวเงินตัวทองให้ว่ายตามไปกินมัน!

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แล้วเอก กาย ก็มีไรกันใหม่ ทั้งที่เลิกกันไปแล้ว
แถมมีร่องรอยบนตัวเอกซะด้วย
ร้อนแรงซะขนาดนี้ โอมยังทัก
แล้วนกจะไม่เห็นรึ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
รู้สึกเอียนกับคำว่า..ขอโทษ..
พะอืดพะอม จนอยากจะอ้วกแตก

ขอโทษ..ขอโทษ และก็ขอโทษ
ไม่เข้าใจว่าจะพร่ำพูดทำไมให้มากมาย

ทั้งๆที่ใจของคนที่พูด ไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดอะไรด้วยเลย
มันก็แค่ลมเน่าๆ ออกจากปากของคนสันดานเหี้ยๆ

ถ้าอยากจะให้อีกคนยกโทษให้จริงๆ เรื่องนั้นต้องเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำผิด
แต่นี่มันเจตนาชัดๆ โจ่งแจ้งแบบไม่มียางอาย จะมาขอโทษทำไมกัน เพื่ออะไร

...?????...
กรูม่ายเข้าจายยยยยยยย
ไอ่ห่านจิก

อิเอกเมิงนรกแตกมาก สึดเอ๊ยยยยยยย

 :L2:
+1 ให้ครับ คุณนักแต่ง
คุณแต่งได้ เยี่ยมมากกกกกกกก
เพราะชอบเสพดราม่าเป็นอาหารหลัก
อิอิ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คนแก่ละหน่ายจริง ๆ I้พระเอกเรื่องนี้  :fcuk:

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มันเกินไป ออกไปแล้วไม่ควรกลับมา

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
สุดจะบรรยาย เราได้อ่านเรื่องนี้มานานมากแล้ว ตอนนั้นก็ไม่ต่างจากตอนนี้ พระเอกยังคงทำร้ายนายเอกไปเรื่อยๆ ทั้งที่ผ่านอะไรมาด้วยกันมากมายแท้ๆ เราว่าพอเถอะ ออกจากวังวนนี้เสียที

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

85
เยื่อใย
[กาย...♥]





ผมกำกุญแจในมือแน่น สัมผัสจากปลายนิ้วเมื่อกี้แล่นวาบไปทั่วทั้งร่าง ผมผิดที่ไม่คิดจะห้ามใจ ผมรู้ว่าพี่เอกต้องการปลอบใจผม เลยทำเรื่องแบบเมื่อคืนลงไป ถ้าจะผิดก็ผิดที่ผม ที่ไม่คิดจะห้ามใจตัวเอง
 
ผมกลับมาที่คณะ ก็เห็นไอ้เต้ยนั่งเหม่ออยู่ข้างไม้เท้า ผมเดินเดี้ยง ๆ ไปหามัน
 
“เต้ย”
มันหันมามอง แล้วกลับไปนั่งเหม่อต่อ
 
“เต้ย…พี่เป้จะเดินทางพรุ่งนี้แล้วนะ”
 
มันหันขวับมามอง
 
“ไปไหน”
 
“อังกฤษ”
 
“หมายความว่ายังไง!!”
มันตาโต สลัดอาการเหม่อเมื่อกี้ทิ้งไปเลย
 
“พี่เป้จะไปเรียนต่อ”
 
มันนั่งอึ้ง
 
“เพราะอะไรกาย กูถามจริง ๆ เถอะ เพราะอะไร ทำไมพี่เป้ต้องทำแบบนี้ด้วย”
 
ผมนั่งนิ่งไม่ได้ตอบคำถามมัน
 
“กาย กูขอร้องมึงเหอะ มึงช่วยบอกให้กูหายโง่ที พี่กูเป็นอะไร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวเอ็นดูเดี๋ยวเย็นชาใส่กู ทำไม มีความลับอะไรกันนักกันหนา ทำไมถึงบอกกันไม่ได้!!”
มันกระชากคอเสื้อผมหันไปเผชิญหน้ากับมัน ผมค่อย ๆ ดึงเสื้อตัวเองออก
 
“ทันทีที่พี่เป้เดินทาง กูจะบอกความจริงกับมึงเอง”
 
มันมองหน้าผมอึ้ง ๆ
 
“กาย มึงก็รู้ว่ากูรักพี่กู แล้วทำไมมึง…”
 
“กูจำเป็นเต้ย เอาไว้ให้พี่มันเดินทางเมื่อไหร่ กูจะบอกมึงทันที แต่สัญญากับกูได้ไหม ว่ามึงจะไม่ตามพี่มึงไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหนก็ตาม ให้เรื่องมันจบอยู่แค่มึงเพียงรับรู้ไว้เท่านั้น”
 
มันมองหน้าผมน้ำตาไหลพราก มันไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ผมไม่สน เพราะตัวผมเอง ก็จะจบเกมรักครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน ผมเลื่อนจี้พระอาทิตย์มาไว้ด้านหน้าอีกครั้ง
 
แม้ร่างกายพี่จะไกลห่าง แต่หัวใจพี่จะยังอยู่กับผมเสมอ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ตอนแรกก็คิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องที่พี่เป้จะไปอังกฤษ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับรู้กันยกยวง
 
“กูไม่อยากถูกฆ่าทีหลัง ข้อหาสมรู้ร่วมคิดว่ะ”
พี่เอกให้เหตุผล ตอนนี้พวกเรามารวมตัวกันอยู่ในสนามบินครับ รอส่งพี่เป้อยู่
 
“แม่ง ทำเรื่องจบก่อนก็ไม่บอก ไอ้เชี่ยนี่”
พี่อ้อยประทานพรให้ ตามด้วยเพื่อนคนอื่น แต่ก็ยังมีน้ำใจยื่นของขวัญชิ้นเล็ก ๆ มาให้ เพราะทุกคนรู้ว่าที่พี่เป้ทำแบบนี้เพื่ออะไร
 
“มึง กูจะยัดใส่กระเป๋าได้ยังไง เขาตรวจนะโว้ย”
 
“พวกกูรู้น่า ใส่ได้สบาย ๆ”

พี่เป้จำต้องรับมายัดใส่กระเป๋าเดินทางติดตัว
 
ผมบอกพี่เป้แล้ว ว่าวันนี้ผมจะบอกความจริงกับไอ้เต้ย แต่หลังจากพี่เป้เดินทางแล้วเท่านั้น ซึ่งพี่เป้ก็ไม่ว่าอะไร 
 
“ดูแลตัวเองด้วยนะ”
พี่เป้ก้มหอมแก้มผมเบา ๆ ที
 
“พี่ก็เหมือนกันนะฮะ”
 
พี่มันลูบหัวผม ก่อนหันไปทางไอ้เต้ย มันยืนร้องไห้แบบไม่อาย สายตาพี่เป้มองมันด้วยความเจ็บปวด ทุกคนมองภาพตรงหน้าด้วยความเห็นใจ
 
“ดูแลตัวเองดี ๆ นะ แล้วพี่จะติดต่อกลับมาหา”
พี่มันก้มหอมแก้มไอ้เต้ย
 
พี่เป้ไปต่อโท กว่าจะจบ พี่แกคงตัดใจจากไอ้เต้ยได้แล้ว และคงเป็นเวลานานมากพอที่จะทำให้ไอ้เต้ยตัดใจจากพี่เป้ได้เหมือนกัน
 
และทันทีที่พี่เป้หายเข้าไปภายใน ไอ้เต้ยก็หันใบหน้าเปื้อนน้ำตามาทางผม ผมเลยชวนมันกลับไปคุยกันที่บ้าน
 
ตอนนี้ผมอยู่บ้านคนเดียวแล้วครับ เพราะแม่อยู่เชียงใหม่เป็นหลัก (เห็นบอกว่าอยู่บ้านนู้นทีไรไอเดียบรรเจิดทุกที) เลยไม่ค่อยเข้ากรุงเทพเท่าไหร่ ส่วนพ่อยังอยู่ที่คอนโด เพราะใกล้ที่ทำงาน แล้วอีกอย่าง ช่วงนี้งานเยอะ กลับดึก จะกลับมาค้างก็ต่อเมื่อแม่ลงมาหาผมเท่านั้น
 
“บอกกูได้รึยัง ว่าเกิดอะไรขึ้น”
มันรีบถามทันทีที่ก้าวเข้าบ้าน ผมดึงมันไปนั่งบนโซฟา
 
“มึงเจ็บมากไหมเต้ย”
ผมถาม
 
“เจ็บ เจ็บมากด้วย”
มันตอบด้วยน้ำเสียงสะท้อนความรู้สึก
 
“พี่เป้เองก็เจ็บเหมือนกัน”
 
“แล้ว…”
มันหยุดคำถามไว้ ผมยิ้มให้มันที
 
“พี่เป้เขา…รักมึง”
 
มันนั่งนิ่ง นิ่งไปนานเอามาก ๆ
 
“มะ หมายความว่ายังไง”
 
“พี่เป้เขารักมึง รักมานานมากแล้วด้วย ที่เขาพยายามหนี ก็หนีจากมึงนั่นแหละ”
มันอึ้งยิ่งกว่าเดิม
 
“กะ กูไม่รู้”
 
“กูรู้ว่ามึงไม่รู้ พวกกูถึงได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกันให้มึงออกห่างจากพี่เป้ แต่มึงก็ยังพยายามค้นหาความจริงอีก”
 
“แล้วทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรก”
 
“ที่ไม่บอก เพราะพี่เป้เขากลัวมึงจะรังเกียจพี่มัน พี่เป้แค่ต้องการตัดใจ แล้วกลับมาเป็นพี่ที่ดีของมึงเท่านั้น”
 
“ไม่มีทางที่กูจะรังเกียจพี่มัน ก็กูรักพี่มัน”
 
“มึงมารักพี่มันทีหลัง พอพวกเรารู้ว่ามึงรักพี่เป้ พวกเราเลยพากันปิดเงียบ เพราะกลัวว่ามึงจะไม่ยอมให้อะไรมาขวางทางรักของมึงกับพี่เป้แน่ ๆ แม้แต่ความเป็นพี่น้องก็ตาม”
 
“แน่นอนสิ รักก็คือรัก กูไม่สนอะไรทั้งนั้น แล้วอีกอย่าง กูเคยนอนกับพี่เป้แล้วด้วย”
 
“แล้วมึงไม่รู้สึกผิดรึไง!!”
ผมตะคอกถามกลับ
 
“มึงไม่แคร์ แต่พี่มันแคร์ ยังไงพวกมึงก็เป็นพี่น้องกัน ทำอะไร หัดใช้สติซะบ้าง พี่มันเป็นผู้ใหญ่ มันต้องมองความเป็นจริงมากกว่ามึงอยู่แล้ว”
 
ไอ้เต้ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สายตายังเต็มไปด้วยความสับสน
 
“ยังไงกูก็จะไปตามหาพี่มัน ไปบอกว่ากูก็รักพี่มันเหมือนกัน”
มันถลึงตัวลุกขึ้นยืน
 
“พี่เป้เขารู้แล้ว ว่ามึงรักพี่เป้เกินกว่าคนเป็นน้อง”
 
มันมองผมหน้าตื่น
 
“ระ รู้แล้ว”
 
“ใช่ กูบอกพี่มันเอง”
 
“แล้วทำไม…”
 
“ก็อย่างที่กูบอก รักแค่ไหน ยังไงพวกมึงก็เป็นพี่น้องกัน”
 
“แต่กูไม่สน”
 
“แต่พี่มันสน!!”
ผมเถียงกลับ มันยืนอึ้ง ๆ
 
“ถึงยังไง กูก็จะไปตามพี่เป้ ถ้าใจเราตรงกัน มันต้องมีสักทางให้เราคบกันได้สิ”
 
“ยังไง”
 
“กูไม่รู้”
 
ผมถอนหายใจในความดื้อรั้นของเพื่อนตัวเอง
 
“ตัดใจดีกว่านะเต้ย”
 
“ไม่!! กูจะไปตามหาพี่เป้”
 
“แล้วมึงจะไปตามที่ไหน”
 
“ก็อังกฤษไง”
 
“พี่มันไม่ได้อยู่อังกฤษ”
 
“ก็ไหนมึงบอกว่าพี่กูไปอังกฤษ”
 
“ใช่ไปอังกฤษ แต่ใช้เป็นเส้นทางผ่าน แล้วบินจากอังกฤษไปที่อื่นอีกที ส่วนที่ไหน อันนั้นกูไม่รู้ พี่มันไม่ได้บอก เพราะพี่มันกลัวกูโดนมึงคาดคั้นให้บอกความจริง”
 
มันยืนนิ่ง ก่อนค่อย ๆ ทิ้งร่างไร้แรงลงนั่งที่เดิม
 
“ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย”
น้ำตามันค่อย ๆ ไหลรินลงมาอีกรอบ ผมนั่งนิ่ง แหงนหน้ามองเพดานด้านบน
 
“กูไม่รู้ว่ะเต้ย บางที เรื่องของความรักมันก็ยากที่จะเข้าใจเหมือนกัน”
 
“กูขอโทษ กูรู้ว่ามึงก็เจ็บเรื่องพี่เอกเหมือนกัน แต่กูก็ยัง…”
 
“อืม ไม่เป็นไร”
ผมยิ้มให้มันที รู้สึกเหมือนหน้าตัวเองจะเปียก ๆ เหมือนกัน
 
“มึงอย่าคิดอะไรมากเลยว่ะ เราก็แค่กลับมาเป็นคนเดิม กลับมาเป็นคนโสด เหมือนก่อนที่เราจะไปค่ายกันไง”
 
มันเงยหน้าเปื้อนน้ำตามอง ผมไม่รู้ว่าชีวิตไอ้เต้ยมันเป็นยังไงก่อนหน้านั้น แต่สำหรับผม ผมมีความสุขดีอยู่แล้ว
 
สุขแบบทุกข์ ๆ
 
ผมแหงนหน้ายิ้มให้กับเพดานอีกครั้ง
 
“กลับไปเป็นพวกเราอีกครั้ง”
ผมทวนให้มันฟัง
 
“แต่กูไม่เคยไม่มีพี่กูนะกาย”
 
ผมละสายตาจากเพดานมองมัน
 
“แต่มึงยังมีกู…”
 
มันมองหน้าผม ผมก็มองหน้ามัน ก่อนที่ผมจะย้ายไปนั่งบนโซฟาเดียวกับมัน แล้วดึงมันเข้ามากอด ผมรู้ว่ามันเจ็บ และผมเองก็เจ็บไม่ต่าง
 
“เริ่มกันใหม่นะ ยังมีอะไรดี ๆ รอพวกเราอยู่นะเต้ย ปล่อยพี่มันไป ปล่อยตัวมึงเองด้วย พวกมึงเจ็บวันนี้ เพื่อให้วันพรุ่งนี้มีความสุขมากกว่า”
 
มันพยักหน้ากับคอผม
 
ใช่…
 
แล้วเราจะเริ่มกันใหม่อีกครั้ง


......................................
:pig4: (มีต่อ)
         












Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่น้อง เป้ เต้ย ตลกร้ายยยยยย
พี่รักน้อง น้องไม่รู้ พี่เศร้า

พอน้องรักพี่ พี่พยายามเลิกรักน้อง
น้อง วางยาพี่จนได้พี่
พี่รู้ว่าน้องรัก พี่หนีไปเรียนต่างประเทศ ตลกจริงๆ  :monkeysad: :m15: :sad11:
        :L1: :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สู้ ๆ นะ หลาน ๆ ทุกคน เว้นเอก  :กอด1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
รักก็คือรัก
แต่พี่กับน้อง มันก็เข้าใจอะไรได้ยากจริงๆ

อ่านตอนนี้แล้วเศร้าแท้ ไม่มีความหมั่นไส้เจือปน
เพราะตอนนี้อิเอก(ไม่มา) ฮาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เต้ยด้วยตัวเองด้วย พากันเศร้าทั้งคู่

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
(ต่อ)





“กรี๊ดดดด พี่มอ!! พี่โอม!!”
 
ไม่ต้องแปลกใจถ้าได้ยินเสียงแบบนี้ในร้านผม สาว ๆ เดี๋ยวนี้ไม่แน่ใจว่ามากินกาแฟหรือมาเพื่อกรี๊ดหนุ่ม ๆ กันแน่
 
พวกพี่ ๆ มันก็ขยันสร้างเรตติ้งให้ตัวเองกันจริง ปกติจะขี้เล่น แต่พอใส่ชุดเสิร์ฟจะกลายร่างมาเป็นพ่อยอดชายนายสุดหล่อกันทันที สาว ๆ ก็พากันมายืนกรี๊ดล้อมหน้าล้อมหลัง (ที่ร้านอื่นเป็นแบบนี้ไหมฮึ?)
 
ผมอมยิ้มขำ ตั้งแต่พี่กิ๊ฟให้พวกพี่ ๆ สองคนมาแข่งกันจีบผม พวกพี่ ๆ แกก็ยังไม่เลิกมาช่วยเสิร์ฟ เห็นบอกว่าสนุกดี ได้ม่อสาวเยอะด้วย (ได้ค่าขนมด้วย แต่น่าจะน้อยกว่าที่พวกพี่มันได้จากครอบครัวนะ)
 
พี่กิ๊ฟไม่ได้ถามผมแล้ว ว่าจะให้ใครชนะ คงเพราะลำบากใจเรื่องผมกับพี่เอก
 
หรือไม่พี่แกก็คงลืมไปแล้ว
 
ตอนนี้ร้านผมเลยกลายเป็นแหล่งรวมของเหล่าคนดังและหน้าตาดีไปแล้ว พวกหนู ๆ น้อง ๆ ก็ใช้ที่นี่เป็นที่ติวหนังสือหรือเรียนพิเศษกัน พวกดารานักร้องหรือคนมีชื่อเสียงบางคน ก็พากันแวะเวียนเข้ามากิน (พลังทวิตเตอร์กับเฟสบุ๊คครับ มากินกันทีก็โพสต์กันที ร้านผมเลยมีชื่อเสียงขึ้นทุกวัน ๆ)
 
ผมเองก็เริ่มจะชิน ๆ กับบรรดาสาว ๆ ที่พากันมายืนถ่ายรูป หรือไม่ก็พวกช่างภาพจากนิตยสารต่าง ๆ มาถ่ายกันบ้าง บางคนก็ขนนายแบบนางแบบมาถ่ายกันเลยก็มี ซ้ำบางวันยังมีรายการทีวีมาถ่ายทำกันอีกต่างหาก
 
แหะ ๆ

ผมกับพ่อแม่ช่วยกันแต่งร้านกันใหม่น่ะฮะ ก็เอาของที่บ้านนั่นแหละมาแต่ง มันเลยดูสวยงาม น่าถ่ายรูปมากขึ้น มีแยกสัดส่วนไว้สองแนว แนวคลาสสิกกับแนวสดใส แล้วแต่ว่าใครชอบมุมไหน

คนทำงานส่วนมากจะชอบแนวคลาสสิก ก็ไปด้านนู้น ส่วนพวกหนู ๆ น้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาหรือสาวออฟฟิศฝึกหัด จะชอบแนวสดใสมากกว่า ก็จะแยกไปอีกทาง
 
เสียงกรี๊ดเลยกลายเป็นเสียงประจำที่ได้ยินกันบ่อย ยิ่งช่วงไหนที่พวกดารานักร้องหรือคนดัง ๆ มากินนะ โอ้โห คนแน่นร้านสุด ๆ ทำงานกันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต
 
เหตุผลหนึ่งที่ร้านเราดัง คงเพราะพี่เอกได้รับรางวัลป๊อบปูล่าโหวต และคนก็รู้กันว่าพี่เอกมักจะมาที่นี่เป็นประจำ
 
และอีกส่วน คงเป็นเพราะเครื่องดื่มและอาหารของที่นี่อร่อยจริง ๆ ถึงขนาดมีนิตยสารหลายฉบับเอาไปลงโปรโมตให้
 
ที่สำคัญมากไปกว่านั้น เขาบอกว่าพนักงานเสิร์ฟของที่นี่หล่อมากครับ = = (อย่างหลังนี่น่าจะมีผลต่อสาว ๆ มากที่สุด)
 
ลูกค้าแน่นมาก แน่นไม่แน่นก็ถึงขนาดมีคนมายืนต่อคิวเพื่อนั่งทาน (ขนาดสั่งเก้าอี้แบบม้านั่งมาเพิ่มแล้วก็ยังไม่พออีก) หรือไม่ก็สั่งกลับบ้าน ช่วงหลัง ๆ สงสารคนรอครับ ผมเลยเปิดให้มีการสั่งแบบส่งถึงบ้านให้แทน โดยจ้างพนักงานส่งเพิ่ม ค่าส่งแพงหน่อย (คิดตามระยะทาง) แต่คนก็ยังสั่งกันมาเยอะแยะจนทำแทบไม่ทัน
 
สั่งมาที ก็ไม่ใช่แค่แก้วสองแก้ว เล่นมากันเป็นสิบ ส่วนมากก็สาว ๆ ในออฟฟิศนั่นแหละ หรือไม่ก็พวกที่เข้าประชุมอะไรทำนองนั้น (คล้าย ๆ จะเป็นแฟชั่นน่ะฮะ ประชุมเมื่อไหร่ ต้องสั่ง Coffee Hug ไปนั่งกินกัน)
 
เห็นยอดขายในร้านแล้วผมแทบลมจับ ก่อนมาบริหารที่นี่ได้กำไรเดือนละไม่ต่ำกว่าสองแสน พอผมมาดูแลมันได้มากกว่าเดิมอีกแสนกว่า ๆ (ไม่ได้อวดว่าตัวเองเก่งครับ แต่แค่ตกใจ)
 
ที่นี่นอกจากจะได้กำไรจากค่าขนมและค่าเครื่องดื่มแล้ว เรายังได้จากค่าโฆษณาที่คนเอามาแปะไว้ที่บอร์ดหน้าร้าน คล้ายตามห้างน่ะ แต่เล็กกว่า แล้วก็ตามริมกำแพงด้วย อันนี้เป็นความคิดของผู้จัดการเขาครับ ฉลาดจริง ๆ
 
แล้วยังได้จากการขายส่งเมล็ดกาแฟ ผงชา และเครื่องไม้เครื่องมือบางอย่างด้วย เรียกได้ว่า ได้เงินทั้งขึ้นทั้งร่อง ผู้จัดการบอกว่า ถ้าไม่คิดจะเดินทางไปอยู่ญี่ปุ่นเสียก่อน แกว่าจะเปิดแฟรนไซส์ขยายสาขา
 
และถ้าผมสนใจ เขาจะสอนงานให้ ผมสนใจนะ แต่อยากให้เรียนจบซะก่อน จะได้มีเวลาดูแลเยอะ ๆ
 
เพราะผมยังต้องเรียน ต้องถ่ายภาพ กินและเที่ยว ไม่อยากหักโหมมากไป
 
จริง ๆ ผมเคยคืนร้านนี้ให้พี่เอกไปแล้ว แต่พี่แกไม่รับ บอกว่าเป็นค่าทำขวัญและขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา หนำซ้ำยังไม่ยอมรับเงินที่ผมต้องโอนให้ทุกเดือนอีกต่างหาก แต่ผมก็ยังโอนให้อยู่ดี
 
ไม่รู้พี่เอกจะรู้ไหม ว่าที่ร้านมีรายได้มากมายขนาดนี้ ถ้ารู้ แล้วทำไมยังเอากับผมแค่แสนเดียว
 
ผมไม่คิดจะหาคำตอบ และถ้าพี่มันต้องการร้านคืน ผมก็พร้อมที่จะส่งคืนให้เหมือนกัน ผมจะถือว่า ตัวเองเป็นเพียงผู้ดูแลคนหนึ่งเท่านั้น (แต่ค่าจ้างแพงนิด เพราะผมเก็บเงินที่เกินจากแสนเข้าบัญชีตัวเองหมดเลย ฮ่า ๆ ๆ งกครับ) 
 
ช่วงนี้สอบกลางภาคค่อนข้างหนัก ทำให้มีเวลาดูแลร้านน้อยลง ยังดีที่มีพี่เก่งคอยช่วยเหลืออยู่ ผมเลื่อนตำแหน่งให้พี่แกมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านแล้ว
 
พี่เก่งเรียนจบแค่ม.6 เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี แต่แกเป็นคนขยันครับ ชอบที่จะขวนขวายหาความรู้ด้วยตัวเอง ผมไม่สนใบปริญญาจากพี่แกหรอก แค่เห็นความสามารถในการทำงาน ผมก็เลื่อนตำแหน่งให้แล้ว
 
ผมสนุกและมีความสุขกับทุก ๆ วัน แม้จะยังนึกถึงคนที่มอบร้านนี้ให้ผมอยู่ก็ตาม
 
“พี่กายคะ”
ผมหันไปตามเสียงเรียกคุ้นเคย
 
“อ้าว สาว ๆ”
ผมเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พวกน้อง ๆ ยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ก่อนเบะหน้าลงเหมือนคนจะร้องไห้
 
“เป็นอะไรกันรึเปล่าฮึ”
ผมรีบเดินเข้าไปลูบหัวจับหน้าจับตาดู
 
“อึก..พี่กาย..อึก..”
 
“ไม่โกรธพวกหนูเหรอคะ..”
 
“ก็ อึก พี่เอก”
 
“เขา อึก ฮือ ๆ”
พวกน้อง ๆ พากันพูดแทบไม่เป็นภาษา ผมพอจะรู้แล้วว่าน้อง ๆ ต้องการจะสื่ออะไร ผมจับมือพวกน้อง ๆ ทั้งสามคนลากเข้าไปในห้องทำงาน
 
“ทำไมพี่ต้องโกรธด้วยล่ะ”
 
“ก็พี่เอก…”
น้องหยุดคำพูดไว้แค่นั้น
 
“พี่ไม่เคยโกรธใครนะ พี่เอกเขามีหัวใจ จะรักจะชอบใครก็ไม่ใช่เรื่องผิด”
 
“ก็พวกหนูรักพี่กาย แต่พวกหนูก็รักพี่นกเหมือนกัน”
 
ผมยิ้ม
 
“พี่นกเขาเป็นคนดีนะ ไม่ผิดที่จะรักนี่”
ผมจับมือสามสาวมาถือไว้รวมกัน
 
“พี่มาทีหลัง พี่ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ เหมือน ๆ เวลาที่เราไปซื้อของนั่นแหละ คนมาก่อนย่อมมีสิทธิ์ก่อน แล้วอีกอย่าง ถ้าพี่เอกมีความสุข พี่เองก็พลอยมีความสุขไปด้วย”
 
“พี่กายอ่า ทำไมเป็นคนดีแบบนี้อ่า อึก ฮือ ๆ”
 
“หนูขอโทษ พี่เอกเป็นคนดี”
 
“ใช่ ๆ แต่ก็แค่โลเล รักมั่น แต่คนรักคนแรกดันเป็นพี่นกแค่นั้นเอง”
คำพูดมันดูขัด ๆ กันยังไงพิกล
 
“พวกหนูขอโทษ อึก”
 
“ถ้าไง เลือกพี่อิฐแทนได้ไหมคะ”
 
“ใช่ ๆ พี่อิฐก็เป็นคนดีเหมือนกัน”
 
“พี่อาร์ตก็ได้ เลวนิดแต่ก็เร้าใจ”
พวกน้อง ๆ พากันเสนอ ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า
 
“หัวใจพี่มีดวงเดียวนะ แล้วพี่ก็ให้พี่เอกไปแล้วด้วย”
 
“อึก…พี่กายอ่า…”
พวกน้อง ๆ พากันร้องไห้จ้ายิ่งกว่าเดิม ส่วนผมก็ทำได้แค่ยืนปลอบใจไปเรื่อย ๆ แค่นั้นเอง
 
พอร้องกันจนหนำใจ ตาปูดตาบวมกันได้ที่ ผมก็ให้พวกน้อง ๆ ไปนั่งทำการบ้านกันโต๊ะในสุดภายในร้าน น้อง ๆ อยากช่วยงานครับ แต่ร้องไห้กันตาแดงเชียว
 
เห็นแล้วสงสาร
 
ช่วงนี้ผมแอบเหงานิดหน่อย เพราะพ่อติดงาน แม่เร่งปั่นต้นฉบับ พี่เชนก็เดินทางไป ๆ กลับ ๆ ต่างประเทศ ยิ่งไม่มีพี่เป้ยิ่งเหงา ส่วนไอ้เต้ยมันก็ดูหงอย ๆ ผมไม่อยากยุ่งกับมันเท่าไหร่ อยากให้มันทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง แล้วกลับมาสดใสเหมือนเดิม   
 
ผมกำจี้ที่คอไว้ ตอนนี้มันเป็นทั้งเพื่อนและกำลังใจให้ผม ในวันและเวลาที่ไม่มีพี่เอก ผมถอนลมหายใจเบา ๆ หันหลังหวังจะเดินกลับไปทำงานต่อ แต่ตัวผมชนเข้ากับใครบางคนจนเซไปด้านข้าง ดีที่ตั้งตัวทัน ผมเงยหน้ามอง
 
“พี่เอก…”

พี่มันจ้องหน้าผมกลับ
 
“พี่ไม่มีสร้อยแล้ว ทำไมกายถึงรู้ว่าเป็นพี่”

ผมมองไปทั่วใบหน้าหล่อเหลา
 
ทำไมผมถึงรู้ว่าเป็นพี่เอกงั้นเหรอ

ก็เพราะทุกครั้งที่ผมเข้าใกล้พี่ หัวใจผมจะเจ็บขึ้นมาทันทียังไงล่ะ
 
“มาทานกาแฟหรือมีธุระอะไรรึเปล่าครับ พวกทโมนนั่งทำการบ้านอยู่ข้างใน”
ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถาม
 
ดวงตาสีนิลจ้องมาที่ผมไม่เคลื่อนไปไหน จนเป็นผมเองที่หลุบเปลือกตาลงต่ำ หลบหนีดวงตาร้อนแรงดั่งเปลวเพลิงอันนั้น
 
“ขอบใจที่ดูแลพวกน้อง ๆ ให้”
 
“ไม่เป็นไรครับ เพราะถึงยังไงที่นี่ก็เป็นร้านของพี่อยู่แล้ว”
ผมบอก

“เชิญพี่ตามสบายนะฮะ อยากได้อะไรก็สั่งเอาได้เลย ผมขอตัวก่อน”
ผมรีบเดินเลี่ยง แต่ไปได้ไม่ไกลเพราะข้อมือผมถูกจับเอาไว้ ผมหันไปมอง เหมือนพี่เอกจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เงียบลง แล้วปล่อยมือผมออกอย่างรวดเร็ว
 
“เอก!! รอนานไหม โทษที งานเยอะมากเลย”
เสียงพี่นกดังแว่วมาแต่ไกล ผมรีบเดินเลี่ยงไปทางอื่นทันที
 
เพราะผมไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ใกล้ ๆ พี่เอกอีกต่อไปแล้ว
 
 
 
 
ผมออกไปทำงานตามปกติ หลีกเลี่ยงที่จะเดินไปใกล้ ๆ โต๊ะของพี่เอก พยายามทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนปูนปลาสเตอร์ที่พี่เป้เคยทำ
 
“ร้านน่ารักดีเนอะ เคยเห็นลงในนิตยสารด้วย”
ได้ยินเสียงพี่นกชื่นชม โต๊ะพี่เอก มีพี่ไนท์เป็นคนคอยดูแลอยู่
 
“ทางนี้ ๆ!!”
พี่นกโบกมือไหว ๆ เรียกเพื่อนอีกสามคนให้มานั่งด้วยกัน
 
ผมไม่ได้อยากมอง แต่มันละสายตาไม่ได้ แม้พยายามหักห้ามใจ แต่หัวใจผม กลับพาร่างกายเบี่ยงเบนไปหาพี่เอกอยู่เรื่อย ผมทำงานอยู่ได้ไม่นาน ก็รีบเดินหลบเข้ามาในห้องทำงาน
 
เพราะที่นี่คงเป็นที่เดียวที่ผมจะมีอิสระและมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
 
ผมกำสร้อยที่คอแน่น ไม่ได้อยากอ่อนแอ แต่หน้าผมกำลังเปียกปอนไปด้วยเม็ดน้ำใส ๆ ผมยืนนิ่งก้มหน้าปล่อยน้ำตาให้ไหลริน ก่อนสะดุ้งเฮือก เพราะมีวงแขนใหญ่มาโอบไว้จากด้านหลัง ผมหันไปมอง
 
แต่ไม่เห็นอะไร…
 
เพราะมีบางสิ่งเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ และปากผมกำลังไร้อิสระจากผู้รุกราน
 
และผมรู้ว่าคนคนนั้นคือใคร
 
รู้ได้จากวงแขนอบอุ่นที่โอบกอดผมไว้…
 
รู้ได้จากลิ่นน้ำหอมอันคุ้นเคย…
 
และรู้ได้จากรสจูบอันนุ่มนวลอ่อนโยน…แต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อนดั่งเปลวเพลิงอันนั้น
 
เขาคือคนคนนั้น
 
คนที่ผมรักที่สุด…
 
พี่เอก
 
ผมหลับตาลง กรีดเม็ดน้ำสีใสให้ร่วงหล่น
 
พี่มันถอนริมฝีปากออกช้า ๆ จับผมพลิกให้หันหน้าไปเผชิญกับพี่แก และกดจูบลงมาอีกครั้ง ผมดันอกกว้างออกห่าง ครางฮือท้วงห้ามในลำคอ พี่เอกเบียดผมจนถอยหลังไปชิดโต๊ะทำงาน ก่อนพี่มันจะยกผมขึ้นไปนั่ง
 
“อย่าพี่เอก”
ผมรีบปรามเมื่อปากเป็นอิสระ ถึงผมจะคิดถึงพี่มันมากแค่ไหน อยากให้พี่เอกสัมผัสร่างกายนี้มากขนาดไหน แต่มันไม่ควร พี่เอกมีคนที่พี่เอกรักอยู่แล้ว
 
และคนคนนั้นก็รอพี่เอกอยู่ด้านนอก
 
และผมเองก็กำลังทำงานอยู่
 
ลูกค้าก็ยังอยู่เต็มร้าน
 
และ และ…
 
และผม…
 
ก็แพ้ใจตัวเองอีกครั้ง
 
 
 
 
 
ผมหายใจหอบถี่โดยมีบางสิ่งเชื่อมอยู่ภายใน แม้จะเจ็บเสียดเพราะความฝืดเคืองร้างรามานาน แต่ความเสียวซ่านและอบอุ่นยังคละคลุ้ง พี่มันไม่พูดอะไรสักคำไม่ต่างกับผมที่ไร้คำพูดเช่นกัน ผมผลักอกพี่มันออกห่าง
 
“พอเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย ผมไม่อยากเป็นคนเลวมากไปกว่านี้แล้ว”
 
“กายไม่เลวหรอก คนที่เลวคือพี่ต่างหาก”
แล้วพี่มันก็ปิดปากผมลงอีกครั้งด้วยปากพี่มันเอง
           



To Be Con...

ขอบคุณทุกรีค่ะ  :pig4:

             












Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM                             

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไอ่---เฮี่ยยยย


 :z6:
ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าเมิงแล้ว


นรกส่งมา

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ไอ่---เฮี่ยยยย


 :z6:
ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าเมิงแล้ว


นรกส่งมา


เห็นด้วยอย่างยิ่ง หมดคำจะพูดแล้ว

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :ling1:อ๊ากกกก ชั่วร้ายอ่ะ พี่เอกเลวมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด