80
ฉลอง...ป๊อบปูล่าโหวต
[เอก...☼]
ღ
ღ
ผมนั่งขำมองไอ้มอที่กำลังถือไมค์ร้องเพลงเย้ว ๆ อยู่ตรงหน้า โดยมีคู่ขวัญเป็นไอ้โอม ที่ร้องเล่นเต้นแด่ว ๆ มึน ๆ เมา ๆ กันไปไม่ต่าง
พวกเราอยู่ในร้านกาแฟ แต่เครื่องดื่มเป็นของมึนเมาทั้งหมด วันนี้พวกเรามาฉลองรับเจ้าของร้านคนใหม่กัน มารวมกันหมดเลย ทั้งเพื่อน ๆ ของผม และพนักงานในร้านทุกคน รวมถึงพ่อแม่ไอ้ตัวเล็กมันด้วย
ผู้จัดการร้านนั่งหน้าแดงก่ำอยู่กับพนักงาน ร่ำไห้ล่ำลากันทั้งที่ยังไม่ถึงวันเดินทาง โต๊ะสำหรับรับแขกถูกลากมาชนกันหลายตัวกลายเป็นโต๊ะเหล้าเคล้าเสียงเพลงจากไอ้สองมึนหน้าห้อง ดีว่ากระจกมันกันเสียงเอาไว้บ้าง ไม่งั้นเสียงควายออกลูกของพวกมันคงดังไปรบกวนร้านรวงข้าง ๆ แน่ ๆ
“เอ้า! ฉลองวันแต่งงานให้เพื่อนเราหน่อยเร็ว!”
มันพูดหลังจากร้องจบเพลง แล้วทุกคนก็รับมุกโดยการชูแก้วขึ้นเหนือหัวมาทางผม จนผมต้องหน้าด้านชูแก้วตอบรับเช่นกัน ส่วนเจ้าสาวผมนั่งก้มหน้างุดอยู่กับพ่อแม่นู่น
คงอายน่าดู
ผมยอมรับว่าไม่เคยทุ่มให้ใครแบบนี้มาก่อน และไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ด้วย ดูเหมือนพวกอาเสี่ยหลงสาวยังไงพิกล
ผมไม่ได้ซื้อกาย แต่แค่ต้องการตอบแทนด้วยบางอย่างที่ผมพอจะให้ได้บ้าง ตอบแทนความรักและอะไรหลาย ๆ อย่างที่เขาเคยให้ผม
“เป็นเด็กดีเชื่อฟังพี่เขานะลูก”
พ่อเล่นมุกบอกลูกตัวเอง ผมนั่งขำในขณะที่ไอ้ตัวเล็กนั่งหน้าแดง
“กูไม่เคยเห็นมึงทุ่มเทให้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยนะ” ไอ้อ้อยมันว่า “ขนาดกับนกที่กูคิดว่ามึงจริงจังด้วยยังแค่สร้อยเส้นเดียวเอง”
ไอ้ตัวเล็กหันมาสนใจ
ผมยิ้ม ไม่ได้สนใจต่อความ นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ มือหนึ่งถือแก้วเหล้า อีกมือวางไว้บนโต๊ะ ก่อนชูสองนิ้วให้มันที
เพื่อน ๆ คงคิดว่าผมกำลังทำเครื่องหมายพีชอยู่ แต่ความหมายที่แท้จริงมีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ และตอนนี้มันก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่น เห็นเพียงเสี้ยวแก้มและหูแดง ๆ เท่านั้น
เจ้าสาวผมขี้อายจริงวุ้ย
ขอเพิ่มเป็นสามรอบจะได้ไหมเนี่ย
“มึง อาทิตย์นี้กูเก็บสถิติได้ 4”
ไอ้โอมมันพูดกับคู่หูมัน ไอ้มอยักคิ้ว ตอนนี้มันเปลี่ยนไมค์ไปให้สาว ๆ พนักงานในร้านร้องกันแล้ว
“แต่กูได้ 8”
ไอ้โอมทำหน้าฮึดฮัด
“งั้นอาทิตย์หน้าเอาใหม่”
“พวกมึงดวลไรกันอยู่”
ไอ้อิงถามด้วยความสงสัย ไอ้โอมหันมายิ้มรื่น
“ก็… กูกับไอ้มอแข่งกันทำสถิติเรื่องสาว ๆ น่ะ แล้วแต่ว่าจะแข่งกันเรื่องอะไร อย่างงวดที่แล้ว แข่งกันเก็บกิ๊กเป็นเด็กคอนแวนต์ ก่อนหน้านั้นเป็นเด็กศรี ก่อนหน้าไปอีกก็เด็กมศว
“เสื่อมว่ะ แข่งกันด้วยเรื่องไร้สาระ”
“ไร้สาระสำหรับมึง แต่มันคือศักดิ์ศรีสำหรับพวกกู”
ไอ้มอมันบอก
“แล้วงวดนี้ พวกมึงจะแข่งอะไรกัน”
มันถามต่อ ไอ้มอทำท่าคิด
“จริง ๆ พวกเราก็แข่งกันมาเยอะแล้วนะ แทบจะไม่เหลืออะไรไว้ให้แข่งแล้ว”
ไอ้กิ๊ฟยกยิ้มราวกับเจอเรื่องสนุก
“งั้นพวกมึงก็น่าจะแข่ง…”
ทุกคนหันไปมองมันกันหมด
“จีบกูเป็นไง”
“โหยยย ให้จีบมึงนะ จีบไอ้กายยังสนุกกว่าอีก” ไอ้มอมันลากเสียงยาว
ไอ้กิ๊ฟฉุนทันที
“กูไม่ได้ให้จีบจริง ๆ กูแค่ต้องการให้พวกมึงท้าทายความสามารถ”
ไอ้มอทำหน้าเบื่อหน่าย
“กูบอกตามตรงนะกิ๊ฟ มึงอะ สวย เซ็กซี่ หุ่นดี เป็นที่ปรารถนาของหนุ่ม ๆ”
อืม ผมเห็นด้วย
“แต่แย่หน่อย ตรงที่มึงดันเป็นคนคนเดียวกับคนที่ทำให้กูหมดอารมณ์ทันทีที่เห็นนี่สิ”
ทุกคนพากันหัวเราะร่วน
“เวลากูอยากให้อารมณ์กูสงบนะ แค่กูนึกถึงมึง น้องกูก็แฟบแล้วว่ะ ผู้หญิงอะไรวะ ห่ามฉิบ กูสงวนไว้ให้ไอ้เดวิดมันคนเดียวก็พอ”
ผมนั่งขำ จริง ๆ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก
ไอ้กิ๊ฟคิ้วกระตุก
“สรุป ถ้าให้กูเลือกจีบใครสักคน ระหว่างมึงกับกาย กูขอเลือกกายดีกว่าว่ะ”
ไอ้กิ๊ฟคิ้วกระตุกอีกที
“งั้นอาทิตย์นี้ ลองแข่งกันจีบกายดูไหม”
ทุกคนหันไปมองหน้ามัน
“มึง อย่าเอาคนของกูไปเล่น”
ผมรีบปราม
มันส่งสายตาเย็นเยือกมาให้
แม่ง ไอ้มอ ไอ้โอม พวกมึงเล่นของสูงกันซะแล้ว
“กูไม่ได้ให้จีบจริง ๆ แค่ให้พวกนี้ตามจีบเป็นเกม แค่อาทิตย์เดียว แล้วให้กายเลือกว่าชอบใครที่สุด”
ผมหันไปมองไอ้ตัวเล็กที่นั่งอึ้งไม่แพ้กัน
“ผมว่าอย่าดีกว่า เลือกเกมอื่นเล่นเถอะ”
มันพูดเกรง ๆ
“กูขอยืมเมียมึงอาทิตย์เดียว ถ้าปฏิเสธ กูจะทำให้พวกมึงเลิกกันถาวร”
มันไม่สนใจคำร้องขอของไอ้ตัวเล็ก หันมาพูดกับผมแทน
“ตกลง”
ผมรีบตอบตกลงทันที ไอ้กิ๊ฟยกยิ้ม ไอ้ตัวเล็กมองหน้าผมงง ๆ
คือผมรู้อารมณ์ไอ้กิ๊ฟมันดีครับ สายตาแบบนี้มันเอาจริงแน่ ๆ
“พี่เอก” ไอ้ตัวเล็กครางเรียก
“ไม่ต้องห่วงหรอกกาย พี่แค่ยืมตัวกายมาให้สองตัวนี้มันเล่นเกมกันแค่นั้นแหละ”
มันหันไปพูดเสียงเย็นกับกาย และไอ้ตัวเล็กมันคงรับรังสีถมึงทึงจากไอ้กิ๊ฟได้ มันถึงได้รีบพยักหน้าหงึกหงักตอบรับทันที
“เอ่อ พวกกูว่า พวกกูไม่เล่นแล้วก็ได้”
ไอ้มอกับไอ้โอมค่อย ๆ เขยิบเข้าไปยืนชิดกัน
“ไม่ได้!!”
เอาแล้วไงครับ
“เฮ้ย พวกกูแค่ล้อเล่นน่า”
“แต่กูเอาจริง” ไอ้กิ๊ฟแสยะยิ้ม
“พวกมึงต้องจีบกาย คนไหนกายเลือกคนนั้นชนะ ส่วนคนที่ไม่ถูกเลือก…”
มันชกหมัดใส่มือตัวเอง หักคอกรอบแกรบซ้ายขวา สายตาแฝงความสนุกเอาไว้เต็มสตรีม ริมฝีปากคลี่ยิ้มจนดูสยดสยอง
“กิ๊ฟอ่า กิ๊ฟสุดสวย กิ๊ฟเพื่อนร้ากกก กูก็แค่ล้อเล่น”
“แต่กูเอาจริง”
ผมนั่งขำ สมเล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับไอ้กิ๊ฟซ่ามัน
“พี่กิ๊ฟ”
ไอ้ตัวเล็กเรียกอีกที ไอ้กิ๊ฟหันไปยิ้มหวานให้
“ไม่เป็นไรหรอก ให้พวกมันมาเห่ามาหอนรอบ ๆ ตัวแค่อาทิตย์เดียว พอจบก็เลือก ๆ เอาละกัน ว่าชอบใคร ส่วนคนที่เหลือพี่จะได้ยำเล่น”
ไอ้ตัวเล็กคงลำบากใจน่าดู เพราะยังไงก็เป็นพี่มันทั้งคู่ มันพยักหน้ารับเจื่อน ๆ
“มึง… ถ้ากูตาย มึงทำศพให้กูด้วยนะ”
ไอ้มอหันไปทำหน้าเศร้าใส่ไอ้โอม
“เหมือนกันว่ะ ถ้าไง ฝากให้ข้าวให้น้ำไจ้ไจ้มันด้วยนะ”
พวกมันทำท่าล่ำลาอาลัยอาวรณ์กัน พวกคนที่เหลือพากันนั่งขำก๊าก
“เป็นไร”
ผมถามคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างผม สายตามันมองไปยังไอ้เต้ยที่นั่งอยู่กับพ่อแม่ไอ้ตัวเล็ก
“กูดีใจด้วยนะ ที่มึงตัดสินใจเรื่องกายได้”
มันยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ผมมองหน้ามัน
“มึงคิดจะทำอะไร”
มันหันมายิ้มให้
“กูแค่ตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่างให้มันจบ ๆ ไปก่อนจะถลำลึกจนถอยกลับไม่ได้มากไปกว่านี้”
ผมหันไปมองหน้ามันตรง ๆ
ตอนนี้เราคุยกันอยู่สองคนเงียบ ๆ เพราะคนอื่น ๆ ลุกขึ้นไปดิ้นกันหมดแล้ว ส่วนไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ย ซุกหัวดูรูปที่พ่อมันเอามาฝากจากต่างประเทศอยู่
“กูจะไปเรียนต่ออังกฤษ”
ผมมองมันอึ้ง ๆ มันกระดกเหล้าเข้าปาก แล้ววางแก้วลง ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาแฝงแววเจ็บปวดของมัน ก่อนหันไปมองไอ้เต้ยอีกที
ผมรู้ว่ามันไม่มีทางเลือก ถ้ายังอยู่เมืองไทย ไม่แคล้วไอ้เต้ยก็ต้องตามตัวมันอยู่ร่ำไป แต่ไปให้ไกลขึ้น เพื่อให้คนทั้งคู่ได้ตัดใจจากกัน
“ขอให้มึงทำสำเร็จ”
มันพยักหน้า แล้วเราสองคนก็กระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว สนุกให้เต็มที่ดีกว่า”
มันเลื่อนเก้าอี้ออก เดินไปลากไอ้เต้ยไปกลางฟลอร์
“ทำอะไรพี่เป้!!”
ไอ้เต้ยมันโวยวาย ยื้อตัวไว้หน่อย ๆ
“กูจะเต้น มาเต้นด้วยกันหน่อย”
“จะเต้นก็เต้นไปสิ กูไม่ชอบเต้น”
ไอ้เต้ยมันเถียงกลับ สรรพนามกลับมาห่ามเหมือนเดิมแล้ว
“ไม่เอา ไม่อยากเต้นคนเดียว”
แล้วมันก็ลากน้องมันไปยืนดิ้นแด่ว ๆ กลางฟลอร์ได้สำเร็จ สลัดคราบคนเศร้าเมื่อกี้ให้หายไปเลย
ผมลุกตามบ้าง เดินไปลากไอ้ตัวเล็กออกมาจากสองสามีภรรยาสูงวัย
“ไม่เอาพี่เอก ผมไม่ชอบเต้น”
“แล้วใครจะให้กายเต้น”
มันทำหน้าสงสัย ผมลากมันไปกลางฟลอร์แล้วจับตัวมันโยกซ้ายโยกขวาตามจังหวะของตัวเอง
“ไม่เอา พี่เอก”
“ก็ไม่ได้เอาอยู่นี่”
มันอ้าปากค้าง ผมเลยจับสองแขนมันเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาเต้นไปตามจังหวะของตัวเองต่อ
“ไม่เต้น พี่ปล้ำตรงนี้นะเออ”
มันทำหน้าตื่น พยักหน้าเร็ว ๆ ก่อนกวาดมองไปรอบ ๆ คงกำลังคิดอยู่ว่าจะเต้นท่าไหนดี
“โยก ๆ ไปเถอะ อย่าคิดมาก”
ผมบอก มันเริ่มโยกตัวตาม เรื่องแบบนี้ มันเป็นธรรมชาติครับ แป๊บ ๆ มันก็พลิ้ว รอยยิ้มเคลือบจนเต็มใบหน้าขาว ๆ นั้น
ผมยังยืนยันว่าผมโชคดีที่ได้มารักกับมัน
ยังดีกว่าอีกหลาย ๆ คู่ หลาย ๆ คนที่ไม่อาจรักกันได้ ผมยังโชคดีกว่าเยอะ และผมก็ไม่อยากจะทิ้งโชคดี ๆ นี้ของตัวเองไปด้วย
วันนี้ผมจะขอรักมันต่อไป
วันนี้วันเสาร์ ผมต้องมารับพวกทโมนที่สยาม มีเรียนกันช่วงเช้าจนถึงเที่ยง ให้นั่งรอคนเดียวก็กระไรอยู่ ผมเลยหนีบไอ้ตัวเล็กมาด้วย ซึ่งตอนนี้มันก็นั่งดูหนังสือภาพอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“พี่เอกกกกกก”
แล้วเสียงใส ๆ ทะลุทะลวงแก้วหูก็ดังเข้ามาตามด้วยสาวน้อยวัยใสในชุดกระโปรงสั้นน่ารักบวกเสื้อยืดตัวเก๋
“คิดถึงพี่กายจัง”
มันเรียกผม แต่วิ่งเข้าไปสวมกอดกายกันทั้งสามคน กายหัวเราะลูบหัวลูบหางคนละทีสองที
“เรียนเหนื่อยไหม”
มันถาม
“ไม่เลยค่ะ”
“สนุกดี”
“มีขนมกิน”
ผมสะดุดนิดหน่อย
“มีขนมกิน?” ไอ้ตัวเล็กเลิกคิ้วสงสัย
“ก็ไปเรียนพิเศษทีไร”
“ก็จะมีเพื่อน ๆ”
“ทั้งผู้หญิงผู้ชาย”
“หอบขนมมาให้เยอะแยะเต็มไปหมด”
ผมกับกายถึงบางอ้อ เสน่ห์แรงจริงวุ้ยน้องกู
“ที่โรงเรียน”
“พวกเราถูกโหวต”
“ให้เป็นสาวน้อยวัยใส ขวัญใจโรงเรียนกันด้วย”
พวกน้อง ๆ สลับกันพูดพลางซุกหาที่นั่ง ตอนแรกก็นั่งประกบกายสองผมหนึ่ง ไป ๆ มา ๆ พวกมันก็ไล่ให้กายมานั่งข้าง ๆ ผมแทน แล้วพวกมันก็นั่งเรียงกันฝั่งตรงข้ามทั้งสามคน หยิบเมนูมานั่งวี้ดว้ายจิ้ม ๆ เลือกของที่จะสั่ง
เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ แต่กินจุใช่ย่อยครับ ครอบครัวเรากินจุกันทุกคน เพียงแต่น้อง ๆ ตัวไม่ใหญ่เท่าผู้ชายบ้านเราเท่านั้นเอง
ผมนั่งไขว่ห้าง ฟังเสียงหนูแฮมทั้งสามสั่งอาหารกับพนักงาน ผมยิ้ม เบี่ยงสายตามองไปยังมอนิเตอร์ขนาดใหญ่นอกกระจกจากตึกฝั่งตรงข้าม
“กรี๊ดดด มาแล้ว ๆ”
พวกน้อง ๆ พากันวี้ดว้ายชี้ชวนให้ดูสิ่งเดียวกับที่ผมดูอยู่
“รายการอะไร” ผมถาม
“ก็…”
ยังไม่ทันได้ตอบ พิธีกรสาวน้อยวัยใสก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน จนพวกน้อง ๆ พากันหยุดฟังแทนที่จะตอบ
“ผลการโหวตจากประชาชนทั่วไป ดาราหญิงผู้มีคะแนนสูงสุดคือคุณ…”
อ๋อ พวกป๊อปปูล่าโหวต
ผมยกกาแฟขึ้นจิบ ตาก็มองภาพดาราที่เขาเอามาลง ต่อจากผู้หญิงก็เป็นผู้ชาย ความรู้รอบตัวแบบนี้ รู้ไว้บ้างก็ดี จะได้ไม่ตกเทรนด์เกินไป
“ต่อไปเป็นผลโหวตของบุคคลทั่วไปนะคะ คะแนนโหวตทั้งหมด ได้มาจากอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ และอื่น ๆ”
ปีที่แล้วดาราที่ผมชอบ ๆ อยู่ได้ ปีนี้ไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษเลยไม่ได้สนใจ ผมยกกาแฟขึ้นจิบ ตาก็จ้องอยู่ที่มอนิเตอร์ ในขณะที่ไอ้ตัวเล็ก กำลังจิ้มหยิบขนมกินสลับกับมองภาพในมอนิเตอร์ไม่ต่าง
“ฝ่ายหญิงคือ…น้องโม หรือน้อง……จากโรงเรียน….”
ผมมองคนในภาพอีกที
นั่นมัน…
“ว้าย คนนี้กิ๊กเก่าพี่เอกนี่”
ไอ้ตัวเล็กมันพ่นชาเย็นที่กำลังดูดอยู่จนเปื้อนโต๊ะ มันรีบวางแก้วชา หยิบทิชชู่มาเช็ดใหญ่
“ไม่เป็นไรนะ”
ผมหยิบทิชชู่มาช่วยมันเช็ด
“มะ ไม่เป็นไร”
มันรีบเช็ดมือเช็ดปาก เงยหน้ามองคนในมอนิเตอร์อีกที
ผมจำผู้หญิงที่อยู่บนมอมิเตอร์ได้ชัดเลย เพราะเป็นคนที่ผมเคยคบมาก่อน นานพอควร ถึงจะไม่ได้นานเท่ากับแฟนคนแรกก็เถอะ โมเป็นคนน่ารัก สดใสร่าเริง ยิ้มเก่ง แต่ที่เลิกกันไป เพราะตัวผมไม่มีเวลา ตอนนั้นรับตำแหน่งประธานนักศึกษาใหม่ ๆ ด้วย
“ตอนแรกก็คิดว่าพี่จะเลือกคนนี้ซะอีก จริง ๆ คนนี้ก็ผ่านนะ นิสัยน่ารักดี เสียแต่ความอดทนน้อยไปหน่อยเนอะ”
“ใช่ ๆ”
พวกมันพูดคุยปรึกษากันเอง
ผมเหลือบมองไอ้ตัวเล็ก มันนิ่งไป ผมโอบเอวมันนิดหน่อย บอกทางสายตาว่าโมเป็นเพียงอดีตของผมเท่านั้น
“แต่ฝ่ายชายนี่สิ ได้รับคะแนนท่วมท้น พอกับ ๆ กับคุณ…ที่เป็นดาราเลยล่ะค่ะ แหม หล่อ ๆ แบบนี้ น่าจะมาเป็นดาราซะเลยนะคะ”
พิธีกรหญิงออกแนวตบะแตก
ผมยิ้ม ไม่ได้สนใจอะไร ยกกาแฟขึ้นจิบอีกที แต่ไอ้คนข้าง ๆ ผมตัวแข็งทื่อไปแล้ว ผมเลิกคิ้วสูงมองตามสายตาวิ่งตรงไปที่มอนิเตอร์อีกที
แก้วกาแฟผมยังค้างอยู่ตรงริมฝีปาก มองคนที่อยู่ในมอนิเตอร์ให้ชัด ๆ อีกที เพราะคนคนนั้นดันมีรูปร่างและหน้าตาเหมือนผมเด๊ะ ๆ
ในภาพนั้นเป็นชายหนุ่ม ใส่เพียงกางเกงสแลคสีดำเอวต่ำมาก มีเข็มขัด แต่ถูกปลดหัวและกระดุมออก ซิปถูกแหวก และเลื่อนลงต่ำ จนเห็นขอบสีน้ำเงินของกางเกงชั้นใน ท่อนบนเปลือยเปล่า ใส่เพียงสร้อยรูปพระอาทิตย์ โชว์ซิกแพคหกห่อพร้อมกล้ามอกเน้น ๆ สองมือค้ำขอบประตู ทำหน้าโมโหสุดฤทธิ์สุดเดช
นี่กูไปถ่ายภาพพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วภาพกูไปอยู่บนมอนิเตอร์ได้ยังไง
ผมนั่งเงียบ ไอ้ตัวเล็กก็เงียบ พวกทโมนก็พากันนั่งเงียบ
“นอกจากภาพนี้แล้ว คุณเอกหรือคุณเอกภพ กิจไพศาล ยังเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ของสาว ๆ ในเน็ต ในความหล่อเหลาและเซ็กซี่เทียบชั้นดารา”
ผมตาค้าง มองภาพตัวเองในอิริยาบถต่าง ๆ ที่กายเคยถ่ายไว้
และภาพสุดท้ายที่โชว์หราจนเต็มมอนิเตอร์คือภาพตัวผมเอง ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสำหรับใส่ทำงาน เนกไทหลุดลุ่ยไร้กระดุม เผยกล้ามเนื้อท้องแน่น ๆ นอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงพร้อมใบหน้าเชิญชวนจนสาว ๆ ที่มองมอนิเตอร์อยู่ พากันกรี๊ดแตกไปตาม ๆ กัน
“กรี๊ดดดดดดดดด”
ด้านในก็ด้วย แต่มาจากพวกน้อง ๆ ผมเอง
“กรี๊ดดด พี่เอกได้จริง ๆ ด้วย”
“รีบเปิดทวิตเร็ว”
“เฟสด้วย”
“บอร์ดด้วย”
แล้วพวกน้อง ๆ ก็พากันวี้ดว้ายดูข้อมูลกันใหญ่
ผมวางถ้วยกาแฟลง แล้วใช้มือข้างนั้นเลื่อนไปปิดหน้าจอมือถือไว้ ใช้สายตาเย็น ๆ จ้องหน้าพวกมัน พวกน้อง ๆ ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเก็บมือถือลงกระเป๋า
“หมายความว่ายังไง”
ผมคงคิดไปเอง ที่เห็นหูของพวกน้อง ๆ กำลังลู่ลง หางก็ตกลงเรื่อย ๆ จนแทบจะอุดตูดอยู่แล้ว
“กะ ก็”
“เมื่อเดือนที่แล้ว”
“มีการประกวดป๊อบปูล่าโหวตกัน”
“แล้วมีอันหนึ่ง”
“เป็นแบบบุคคลทั่วไป”
“พวกเราเลย”
“ถ่ายภาพพี่”
“ตอนเพิ่งตื่นนอน”
“จริง ๆ อยากถ่ายภาพอื่น”
“แต่พี่ไม่ชอบถ่ายรูป”
“ถ้าขอตรง ๆ”
“พี่คงปฏิเสธ”
“พวกเราเลย”
“ไปปลุกพี่”
“ตอนหลับลึกสุด ๆ”
“เพื่อขอถ่ายรูป”
“พี่ก็อนุญาต”
“พวกเราเลยรีบถ่าย”
“แล้วรีบหนี”
“ก่อนพี่จะรู้สึกตัว”
“แล้วหลังจากนั้น”
“พวกเราก็ถามพี่ว่า”
“จะเอาภาพนี้ไปใช้นะ”
“พี่ก็ไม่ว่าอะไร”
“พวกเราเลยส่งเข้าประกวด”
“จริง ๆ ก็ไม่อยากทำ”
“เพราะถ้าพี่มารู้ทีหลัง”
“พวกเราคงสยอง”
“แต่พวกเราโดนพวกเพื่อน ๆ”
“บังคับมาอีกที”
“ก็แฟน ๆ พี่นั่นแหละ”
“เพราะกลัว”
“บวกรีบ”
“เลยได้มาแค่ภาพเดียวเท่านั้น”
“ตอนแรกว่าจะไม่ส่ง”
“เพราะพี่ทำหน้าโหดเป็นยักษ์วัดแจ้งขนาดนั้น”
“ถึงส่งไป”
“คงถูกตัดทิ้งตั้งแต่รอบแรกแหงม ๆ”
“แต่ไหง”
“กลายเป็นได้รางวัลก็ไม่รู้”
มันประสานกันพูดเป็นเชต ๆ ทำเอาผมกับกายมองตามแทบไม่ทัน
มีเสียงเรียกเข้าดังขัดขึ้นมาก่อน ผมชี้นิ้วคาดโทษ ด่าพวกมันทางสายตา ล้วงหยิบมือถือมากดรับ
“เฮ้ยมึง ไอ้เอก ไหงมึงกลายเป็นป๊อบปูล่าโหวตไปได้วะ”
ไอ้มอครับ ผมขี้เกียจอธิบายเลยโยนมือถือให้พวกทโมนมันจัดการ แล้วพวกน้อง ๆ ก็พากันพล่าม เล่าให้เพื่อนผมฟังแบบละเอียดยิบ ไม่ได้มีแค่สายเดียวด้วยนะ มากันให้เพียบ
ไอ้ตัวเล็กหันมามองหน้า ผมถอนหายใจเบา ๆ
“เดี๋ยวมันก็ซา”
จริง ๆ ไอ้ตัวเล็กมันเอาภาพผมออกไปหมดแล้ว แต่ก็มีแฟนคลับบางกลุ่มแอบเซฟภาพเก็บไว้ แล้วเอาไปบอกต่อ ๆ กันอีกที จนตอนนี้ ถ้าเสิร์ซชื่อผมก็คงเจอได้ง่าย ๆ ผมเคยบอกมันให้ทิ้งไปสักพัก ถ้าเราไม่อัพเดทอะไร มันก็จะซาไปเอง
แต่ถ้าผมถูกเลือกให้เป็นป๊อบปูล่าโหวตขนาดนี้ รับรองได้ว่าต้องมีคนโทรเข้ามาไม่ขาดสายแน่ ๆ ช่วงนี้เวลาไปไหนมาไหนก็ถูกมองเยอะด้วย แต่ที่มหา’ลัยไม่มีใครกล้ามายุ่งมาก เพราะผมวางตัวดี และอีกอย่าง ผมเองก็งานยุ่งมาก จนไม่มีเวลามาเดินดินให้ใครเห็นเท่าไหร่ หลังจากหมดคลาส ก็เข้าห้องสภาไปทำงาน หลังจากทำงานก็ไปที่บริษัทต่อ ไม่ก็ไปรับไอ้ตัวเล็กไปนอนกกที่คอนโด (ช่วงข้าวใหม่ปลามันครับ)
“ผมขอโทษ” ไอ้ตัวเล็กมันบอก
“ไม่เป็นไร” ผมลูบหัวมันเบา ๆ
“โอ๊ยเหนื่อย กว่าจะตอบหมด” พวกน้อง ๆ บ่น
“ทำเรื่องเองก็ต้องจัดการเอง” ผมบอกเสียงเย็น
“พี่อ่า อย่าโกรธพวกเราน้า ก็พวกเราถูกบังคับนี่ พวกเพื่อน ๆ พากันปลื้มพี่กันทั้งนั้น เพื่อนหนูนี่ปลื้มพี่กันยกห้องเลย”
“พี่ไม่อยากมีชื่อเสียง มันวุ่นวาย”
ผมบอกตรง ๆ พวกน้อง ๆ ก้มหน้าสำนึกผิด
“แล้วพวกหนูจะรีบหาทางลบทุกภาพให้ค่ะ”
แล้วพวกมันก็พากันหงอแดก
ผมเห็นไอ้ตัวเล็กนั่งจิ้มหลอดกับแก้วชาเย็นจึก ๆ
“เป็นอะไร”
“ผมไม่อยากให้พี่เป็นคนดัง”
มันพูดเสียงเบา
พวกน้อง ๆ กำลังจิ้มมือถือ สงสัยส่งทวิตหรือเฟสบุ๊คเพื่ออัพเดทข่าวสาร
มันตวัดสายตาเหมือนคนตัดพ้อ ผมเลิกคิ้วนิด ๆ แปลกใจ
“ขนาดพี่ไม่มีชื่อเสียง พี่ยังเสน่ห์แรง มีสาว ๆ เข้ามาไม่เว้นวัน นี่ถ้ามีชื่อเสียงขึ้นมา สาว ๆ คงเข้ามาเยอะกว่านี้ แล้วผม…”
มันหยุดคำพูดไว้ เม้มปากแน่น
ผมดึงมันมานั่งจนชิด
“พี่เอก!!”
มันเรียกเสียงตื่น พยายามดันตัวออก
“งั้นกายก็ต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อรักษาพี่ไว้สิ”
ผมพูดยิ้ม ๆ
“พี่ก็รู้ ผมไม่ใช่คนที่จะไปทำเรื่องอะไรพรรค์นั้น แล้วอีกอย่างผมก็เป็นผู้ชาย จะไปสู้รบปรบมืออะไรกับผู้หญิงจริง ๆ ได้”
ผมยิ้มกับความคิดมัน
ก็เพราะมันเป็นแบบนี้แหละ ผมถึงได้รักมัน
“งั้นก็เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก นายที่เป็นนายแบบนี้แหละที่พี่ชอบ”
ผมบอกมันยิ้ม ๆ มันทำหน้าไม่ไว้วางใจ ผมก้มกระซิบข้างหูมันเบา ๆ
“ถ้าอยากให้พี่หลงมาก ๆ ก็ออนท็อปพี่สักวันละสองสามรอบก็พอ”
มันรีบผลักอกผมออกไปนั่งเงียบ ๆ ทันที ผมหัวเราะหึ ๆ กลับมานั่งเหมือนเดิม ไม่ได้สนใจอะไรอีก
ชื่อเสียง มีได้ มันก็หมดได้ ถ้ามันไม่นำมาซึ่งปัญหามากมายน่ะนะ
To be C
จิบกาแฟ เคาะแป้นพิมพ์ต๊อกแต๊ก
ขอบคุณเข้ามาอ่านนะคะ : )
Book & e-book:
https://goo.gl/FSOuuM