สุดขั้ว 25เหมือนย้อนกลับมาเมื่อครั้นที่เราเจอกันครั้งแรก หลังอาบน้ำเสร็จผมนั่งเอ๋อที่โซฟาสีดำตัวเดิม มองเจ้าของห้องที่เอาแต่นั่งจ้องผมตาไม่กะพริบ อะไร!? เกิดอะไรขึ้น! ทำไมเขาถึงเอาแต่จ้องผมอยู่แบบนี้ ไม่พูดอะไรเลยสักคำ กอดอกนั่งจ้องลูกเดียว ผมไปทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ ผมนั่งกระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุข ลองมีคนมาจ้องคุณในระยะเผาขนแบบนี้ดูสิครับ เป็นใครก็คงไม่ไหวล่ะมั้ง โอ๊ยยย ตาย เมื่อไรเขาจะเลิกมองผมเหมือนจับผิดแบบนี้สักที
“เอ่อ... มีอะไรเหรอครับ?”
“...”
ผมตัดสินใจถามเขา แต่ที่ได้รับมากลับไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นความเงียบ ไร้การเคลื่อนไหว ผมหันไปมองเขาที่เปลี่ยนท่านั่งเป็นเอนตัวสบายๆ แต่ไม่วายจะจ้องผมอยู่อย่างนั้น อะไรของเขา!? มีอะไรก็ไม่พูด เล่นหุบปากเงียบแบบนี้ ผมจะรู้ไหมว่าไปทำอะไรเข้าอีก ผมกับพี่เฮดีสนั่งจ้องกันไปมาอยู่นาน จู่ๆ เขาก็ยกมุมปากคล้ายยิ้มออกมา ผมที่ไม่ทันได้ตั้งรับรอยยิ้มจางๆ จากบุรุษหน้านิ่งก็เก้อไปเลย อารายยยย!? ยิ้มทำไม!? ผมพยายามนิ่งแต่อุณหภูมิของหน้ากลับร้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ามันจะแดงด้วยไหม แต่ที่แน่ๆ เขาทอดสายตานุ่มละมุนลง ผมเนี่ยหัวใจเต้นรัวแทบจะหลุดจากขั้วมานอกอก
ผมไม่ไหวจะต้านทานต้องหันหน้าหนีด้วยความอาย ขืนจ้องต่อไปมีหวังผมต้องตัวไหม้แน่ๆ แววตาแบบนั้นจะทำให้ผมชักดิ้นเสียให้ได้ เฮ้อ ไอ้รัญ เก็บอาการหน่อยได้ไหม เอ็งเป็นสาวน้อยแรกแย้มหรือไง! ผมแอบสูดอากาศพยายามทำใจให้สงบลง พี่เฮดีสเอ่ยถามขึ้นอย่างกะทันหัน
“นายเห็นหรือเปล่า?”
“คะ... ครับ!? เห็นอะไรเหรอครับ?” ผมสะดุ้งตัวโหยง เลิ่กลั่กหันมามอง
“คนที่ฉันชอบ”
เอ๊ะ... ว่าไงนะ? ผมกะพริบตาปริบๆ เอ่ยทวนสิ่งที่ได้ยินด้วยหัวใจที่สั่นไหว
“คนที่พี่ชอบอย่างนั้นเหรอครับ?”
“อืม ฉันเคยบอกนายไปแล้วว่าฉันชอบใครอยู่” พี่เฮดีสพยักหน้า ผมก็หน้าชาทันที หมายความว่าไง? หรือที่เขาพาผมมาเพราะอยากจะถามถึงคนๆ นั้น? แล้ววันนี้ผมเจอใครบ้าง มันเยอะแยะจนไม่รู้ว่าเขาหมายถึงใคร ผมก้มหน้ามองมือที่อยู่บนตัก
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอารมณ์ของผมมันจะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายเช่นนี้ ดูสิก่อนหน้านี้ผมยังอารมณ์ดีอยู่เลย แต่ตอนนี้ผมกลับมานั่งคอตกซึมเศร้า ผมเม้มปากพยายามกระตุ้นตัวเองไม่ให้ตัวเองร้องไห้ด้วยความผิดหวัง พี่เฮดีสลุกขึ้นเดินอ้อมหลังโซฟาที่ผมนั่ง เอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง
“นายเห็นหรือเปล่า?”
“เอ่อ... คือ... ผมไม่รู้ วันนี้ผมเจอคนเยอะมาก...” ผมเอ่ยตอบเสียงเบา ปากสั่น ตัวสั่นไปหมด เขาไม่ถามปากเปล่า มือลูบไล้ตามไหล่ของผมเบาๆ ไม่มีสมาธิจะคิดอะไรได้เลยจริงๆ อยากจะเศร้าแต่มันหวั่นไหวจากสัมผัสจนลืมไปหมดทุกอย่าง
“ชู่ว นายได้ส่องกระจกหรือเปล่า?”
ผมสะดุ้งโหยง รีบยกมือมาปิดหูของตัวเองแล้วหันไปมองคนข้างหลังที่จู่ๆ ก็มากระซิบเสียงแผ่วข้างหูชวนจั๊กจี้ ผมกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อพลาดหันมาเผชิญหน้ากับพี่เฮดีสที่มีท่าทีแปลกๆ จากปกติ จะว่ายังไงดีล่ะ เขาก็นิ่งและเย็นชาเหมือนเดิมแต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาดูเร่าร้อนแปลกๆ หัวใจของผมมันเต้นกระหน่ำทำงานหนักกว่าทุกครั้ง
“ส่องสิครับ ทำไมจะไม่ส่องล่ะ?”
“งั้นก็ต้องเห็นน่ะสิ”
“เห็นอะไรครับ?”
“เพอร์ซีโฟเน่”
สมองของผมประมูลข้อมูลอย่างเชื่องช้า
คนที่เขาชอบ --> เพอร์ซีโฟเน่? --> ส่องกระจก? -->
...ห๊ะ!!? ผมสมองว่าง อ้าปากเหวอ
“เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน” พี่เฮดีสยืดตัวเดินอ้อมไปอีกด้าน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก แถมยังทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนไม่พอใจอีก เขาหันขวับมามองด้วยสายตาแหลมคม
“...” ผมสะดุ้งเฮือก ได้สติเหลือบมองเขาอย่างงุนงง เคลียร์? เรื่องอะไร?
“นายกล้าดียังไงมาว่าฉันเป็นคนน่าโมโหที่สุดในโลก!”
“...” ผมหน้าแดงแปร๊ดในทันที
“ว่าไง? จะรับผิดชอบยังไงกับความผิดนี้?”
ผมอ้าปากพะงาบๆ หน้าแดงเป็นมะเขือเทศ เอ๋อจนไม่รู้จะเอ๋อยังไง ตาเบิกมองคนตรงหน้าที่จ้องมาด้วยสายคาดคั้นเอาจริงเอาจัง แถมยังเดินเข้ามาหาผม ย่นระยะห่างให้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งจมูกของเราจะชนกัน ผมกลืนน้ำลายสบตาสีเข้มคู่สวย ผมจนด้วยคำพูด ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา จับมือของตัวเองไว้แน่น รู้สึกตื่นเต้นจนหายใจแทบไม่ทัน
โอ๊ยยยย นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม!?
“พูดสิ จะรับผิดชอบยังไง?”
“...”
“ถ้าไม่พูด ฉันจะจูบแล้วนะ”
“อะ...อุ๊บ”
โกหกกกกกกกกก!
ผมกำลังอ้าปากจะพูด เขาจะจูบผมทันที ไหนบอกว่าไม่พูดแล้วจะจูบไงล่ะ นี่ผมกำลังจะพูดนะ! ผมต้องหัวหมุนกับความเอาแต่ใจของเขาที่ไม่ยอมผละจากไปสักที ผมจะหายใจไม่ออกอยู่แล้วนะ ผมสูดหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก แต่ยังไม่ทันเท่าไรเขาก็จูบผมอีกครั้ง ผมต้องประท้วงตบหลังเขาอยู่นานกว่าจะถูกปล่อยจริงๆ
“แฮกๆ เดี๋ยววว พอก่อนครับ!” ผมยกมือห้ามพร้อมเอี้ยวตัวเคลื่อนตัวหลบ พี่เฮดีสเลื่อนตัวนั่งแทนที่ผม เขาหันมามองผมด้วยสายตาขบขัน ผมถลึงตาใส่ นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ!
“ก่อนมานี่ พี่กินของแสลงอะไรมาหรือเปล่า!?” ผมมองเขาอย่างสงสัย ถอยห่าง พยายามอยู่ในระยะปลอดภัย พี่เฮดีสมองกลับมาอย่างเย็นชา อารายยย!? จะพูดอะไรก็พูดครับ อย่าเอาแต่จ้องกันแบบนี้... มันไม่ดีต่อหัวใจของผม!
“...นายชอบฉัน”
“ก็ใช่ แต่ทำแบบนี้มัน... ห๊ะ!? เดี๋ยวๆ! ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ!” ผมพยักหน้าแล้วจะต่อว่าเขา แต่เมื่อคิดย้อนประโยคที่เขาพูดก็รีบส่ายหน้าโบกมือปฏิเสธพัลวัน พี่เฮดีสจ้องมองมานิ่งๆ ไม่พูดอะไรเลย ยิ่งทำให้ผมร้อนตัวมากกว่าเดิม ฮือออ! ยิ่งปฏิเสธก็เหมือนยิ่งยอมรับ ให้ตายเถอะ
“นายชอบฉัน ยอมรับซะเถอะ”
“ไม่...”
“นายชอบฉัน”
“บอกแล้วว่า...”
“นายชอบฉัน”
“นายชอบฉัน”
“นายชอบฉัน”
“นายชอบฉัน”
เขาพูดรีไปรีมา ซ้ำซากจนผมพูดไม่ทัน ผมเม้มปาก มองคนพูดอย่างโมโห กวนประสาทกันงั้นเหรอ!!?
“พี่ก็ชอบผมเหมือนกันนั่นแหละ!!!” ผมขันติแตก ตะโกนกลับไปบ้าง พี่เฮดีสกลับพยักหน้ารับหน้าตาเฉย
“ใช่ แล้วไง”
“...” ผมเงียบ จนปัญญาจะพูดตอบ ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะช็อกหรือตกใจดี เอ่อ เคยถูกสารภาพรักแบบนี้บ้างไหมล่ะครับ ผมงงไปหมดแล้ว ปวดหัวด้วย ผมถอนหายใจเฮือก ยกมือกอดอก ทำหน้าบูด
“งอน?”
“ไม่ได้งอน”
“เหอะ” พี่เฮดีสทำเสียงขึ้นจมูก ไม่เชื่อ เขาลุกขึ้นเดินมานั่งลงข้างๆ ผมผวาจะลุกขึ้นกลับถูกดึงให้นั่งลง ผมสะดุ้งเมื่อถูกเขาโอบรอบไหล่ จับผมหันไปเผชิญหน้า ใบหน้าหล่อที่นิ่งประดุจรูปปั้นค่อยๆ ก้มลงมาหา ผมหลับตาปี๋
หยา! จะ... จะทำอะไรน่ะ ผมตัวแข็งทื่อ กลั้นหายใจ
จุ๊บ จุ๊บ
พี่เฮดีสจูบแก้มผมทั้งสองข้างและกระซิบสั่งข้างหูของผม
“หายงอนซะ”
อ๊ากกกกกก! พอแล้ว ยอมมมม!!!
ผมกลั้นยิ้มจนแก้มจะแตก ขอยกธงขาวยอมแพ้แต่โดยดี โอ๊ยยย! พี่เฮดีสสส! ผมเหลือบมองคนง้อที่สั่งให้หายงอนแล้วหลุดยิ้ม จนต้องหลบหน้าเขิน ไม่รู้จะมองหน้ายังไง นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม!? ฝันอยู่สินะ! ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเลย ผมแอบเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาซึ่งอยู่ใกล้ระยะไม่กี่คืบ พี่เฮดีสก็ดันรู้ทันก้มมอง เราสองคนสบสายตากันปิ๊งๆ ผมหลบหน้าวูบแต่ถูกเขาจับหน้าเอาไว้ พี่เฮดีสบังคับให้ผมหันไปมองเขาตรงๆ
แล้วผมก็ตาแทบบอด...
ยิ้มสว่างจ้าของพี่เฮดีสกระแทกเบ้าตาผมอย่างจัง!
“ขอบใจที่ยังไม่เปลี่ยนใจไป”
“ครับ?” ผมขยับตัวมองเขา ไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงอะไร พี่เฮดีสมองผมนิ่ง ก่อนจะใช้มือดึงแก้มของผมทั้งสองยืดแล้วยืดอีก โอ๊ย มันเจ็บนะครับ! ผมทำหน้าบูดลูบแก้มที่โดนดึง พี่เฮดีสหัวเราะเบาๆ ในคออย่างอารมณ์ดี
“หึๆ น่ารัก” เขาก้มตัวลงมากอดผมเอาไว้
“...” ผมนิ่งให้เขากอด รู้สึกทำตัวไม่ถูกที่เจอพี่เฮดีสเวอร์ชั่นในฝันแบบนี้ โอ๊ยยย นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม!? ผมกับพี่เฮดีสใจตรงกัน เราชอบกัน จริงเหรอเนี่ยยย!? เป็นไปได้ยังไงกัน ผมยินดีและงุนงงไปพร้อมๆ กัน ลองหยิกตัวเองแล้วก็เจ็บ ถ้าเจ็บแสดงว่าไม่ใช่ความฝันน่ะสิ แต่มันจะเป็นไปได้งั้นเหรอ ผมเหม่อครุ่นคิดกับตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“...เฮ้ย! นี่พี่จะทำอะไรน่ะ!?”
พอหลุดออกมาจากความคิด ผมก็พบว่าตัวเองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป แทนที่จะนั่งอยู่บนโซฟากลับมานั่งอยู่ที่เตียงนอนแทน! ผมหันไปรอบๆ ด้วยความสับสนก่อนจะเงยหน้าถามเสียงดังลั่นคล้ายตกใจ พี่เฮดีสยกคิ้วขึ้น
“ไม่เห็นจะต้องถาม”
“ไม่ถามคงไม่ได้หรอกครับ!”
“น่าจะรู้แก่ใจดี”
“รู้อะไรล่ะครับ!?” ผมตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว แทบจะร้องไห้เมื่ออีกฝ่ายไม่ฟังอะไร จ้องแต่จะตะครุบกันท่าเดียว ผมหลบเลี่ยงจากมือที่จะคว้าตัวของผม
“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนสิครับ! ผมยังงงอยู่เลย!”
“อีกหน่อยก็ไม่งง” เขาเอ่ยตอบเสียงราบเรียบแล้วดึงขาของผมพรวดเดียว หยา! ทำไมแรงควายอย่างนี้เนี่ยยย ผมใจหายวาบเมื่อค่อยๆ ถูกลากเข้าใกล้บุคคลอันตราย พี่เฮดีสจ้องผมด้วยใบหน้าราบเรียบ ดวงตาสีเข้มจ้องผมอย่างมุ่งมั่น พอผมมองสบตาของเขาแล้วต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ไม่นะ! ผมยังไม่ทันได้เข้าใจอะไรดีเลยก็จะถูกเขมือบแล้วเหรอเนี่ย!?
“เดี๋ยวๆๆๆ!”
“พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไง!?”
“...” ผมเบิกตากว้างเมื่อถูกเขาตะคอกเสียงดังใส่ เมื่อกี้เหมือนเขาหลุดเก๊กมาเต็มๆ เลยนะ ผมกะพริบตาปริบๆ แล้วลุกขึ้นถอยห่างเมื่อเขาหยุดมือลงด้วยสีหน้าไม่พอใจ ซึ่งต่างจากตอนปกติเพราะมันแสดงออกมาชัดเจนมาก ผมมองเขาด้วยความสงสัย ท่าทางจะโมโหจริงๆ ผมอึ้งจนไม่รู้จะพูดอะไรเลย คนที่ควบคุมตัวเองได้ดีจนดูเหมือนไม่ใส่ใจอะไรกลับมาหมดความอดทนเอาซะตอนนี้
“ผมขอถามเพื่อความมั่นใจก่อน ไม่ได้เหรอ?” ผมกลั้นใจแล้วถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม่ง มือยังสั่นเลยครับ คิดดู! กลัวเขาจะโกรธผมขึ้นมาจริงๆ กลัวว่าจะถูกเกลียดนี่น่า
“...” เขาเงียบ ผมก็ใจเสียทันที พี่เฮดีสถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพยักหน้า ผมก็ถอนหายใจโล่งอกที่เขาไม่ได้ปฏิเสธ พี่เฮดีสล้มตัวนอนลงบนเตียงเหมือนคนหมดแรง ท่าทางเนือยๆ ไม่กระตือรือร้นแบบตอนแรก ผมรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย ท่าทางแบบนั้นคงเลิกคิดจะโจมตีผมแล้วล่ะ ผมก้มหน้ามองใบหน้าหล่อที่หลับตานิ่งแต่หัวคิ้วกลับขมวดเข้าหากันนิดหน่อย
“พี่ชอบผมจริงๆ เหรอ?”
“เออ”
ตอบห้วนจนผมผงะตกใจ
“พี่ชอบผมตอนไหนเหรอ?” ยิ่งถามก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ว๊ากกกก! หัวใจของผมมันเต้นสูบฉีดส่งเลือดขึ้นหน้าจนแดง พี่เฮดีสขมวดคิ้วมากกว่าเดิม อ๊ะ คำถามแรกก็เป็นคำถามที่ทำให้หนักใจ ไม่อยากตอบขนาดนั้นเลยเหรอ? ผมมองเขาที่ยังหลับตาไม่ยอมตอบอย่างกะวนกะวายใจ งั้นเปลี่ยนคำถามดีไหม? เอาคำถามอะไรดีล่ะ ผมพยายามคิดหาคำถามใหม่ที่น่าจะตอบได้สะดวกใจกว่า
“ตั้งแต่แรก”
“อะไรนะครับ?” ผมหันมามองพี่เฮดีสที่พึมพำอะไรออกมาเบาๆ เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไร ผมไม่ทันได้ตั้งใจฟัง พี่เฮดีสถอนหายใจเสียงดัง เขาลุกขึ้นกะทันหัน ดวงตาสีดำสนิทจ้องแน่วมาที่ผม เอ่ยเสียงดังใส่หน้าเอ๋อๆ ของผม
“ตั้งแต่แรกที่เห็น พอใจหรือยัง!?”
“...” ผมอึ้งกิมกี่ไปเลย ห๊ะ ตั้งแต่แรกเลย!!? ช็อคกับคำตอบที่ได้ยิน งั้นแสดงว่าเขาชอบผมก่อนน่ะสิ! จะว่ายังไงล่ะ พอใจไหมเหรอ? บอกเลยว่า... เกินกว่าพอใจอีก เซอร์ไพร้ส์มากกกก! ผมค่อยๆ หน้าแดง หัวใจเต้นรัวอย่างไม่น่าให้อภัย ความร้อนเพิ่มขึ้นทุกวินาที เหมือนคนเป็นไข้
“หมดหรือยัง?”
“ครับ?”
“หมดคำถามหรือยัง!?”
“ละ... แล้วทำไมพี่ไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ?” ผมสะดุ้งตกใจ ทำไมต้องตะคอกกันด้วย ผมเม้มปากแล้วถามข้อสงสัย พี่เฮดีสส่งสายตาหงุดหงิดมาให้แล้วพูดเสียงเรียบ
“การกระทำของฉันมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว”
เหรอออออ!!?
ผมมองเขาอย่างเหลือเชื่อ พูดซะมั่นใจขนาดนั้นได้ยังไงวะ ผมทำหน้าคิดแล้วเอะใจขึ้นมา จะว่าไปแล้วตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาก็คอยมาวนๆ เวียนๆ รอบตัวผมตลอดเลยนี่ ผมชะงักหันไปมอง เขาเหลือบสายตาเหยียดมาให้แล้วเอ่ยย้ำทุกถ้อยคำจนผมต้องยิ้มเจือๆ
“ทำขนาดนี้แม้แต่ ‘เด็กอนุบาล’ ยังรู้!”
ฉึก!!!
อึก... แทงใจดำจนต้องสำลักเลือด
“ขอโทษครับ” ผมรู้สึกผิดจนต้องเอ่ยขอโทษเสียงอ่อย
“ฮึ” พี่เฮดีสทำเสียงขึ้นจมูกรับ
เราสองคนตกอยู่ในความเงียบอยู่หลายนาที ผมขยับตัวขยุบขยิบอดทนไม่ไหวจึงต้องแอบชำเหลืองมองเขา ก่อนจะสะดุ้งเฮือก พี่เฮดีสจ้องผมเขม็งเสียจนผมมือสั่นไปหมด มองกันแบบนั้นได้ยังไงกันครับ!? ขี้โกงเกินไปแล้ว!! แม้แต่ต่ำชั้นกว่าอนุบาลอย่างผมยังรู้เลยว่าหมายความว่ายังไง! ก็มันชัดยิ่งกว่าชัดเลยนี่ครับ สายตาอย่างกับจะจับกันกินทั้งตัวแบบนั้นน่ะ โอ๊ยยย พอทีเถอะ!
ผมเหลือบไปมองเขาอีกครั้งและหลบหน้ากลับมา พี่เฮดีสก็ยังคงจ้องผมเขม็งท่าเดิม สายตาร้อนจนทำให้ผมอยู่ไม่สุข ร้อนผ่าวไปด้วย ทั้งๆ ที่เขายังไม่ทันได้แตะต้องอะไรเลย แง้! แค่สายตาของเขาก็ทำให้ผมตื่นเต้นยังร้อนรุ่มไปหมดแล้ว ผมกลืนน้ำลายหันไปมองเขาเล็กน้อย หัวใจเจ้ากรรมเต้นตุบตับๆ ดังจนหนวกหู
“พี่มองอะไร?”
“นายไง”
“รู้แล้วครับ แต่ผมหมายความว่า... มองทำไมต่างหาก”
“คิดอยู่”
“...คิดอะไรครับ?” ผมชะงัก เริ่มสังหรณ์ใจกับคำตอบแปลกๆ ของเขา พี่เฮดีสมองผมแล้วยกมุมปากเล็กน้อย
“คิดถึงนายอยู่”
“...เอ่อ คงจะไม่ใช่อะไรที่แปลกๆ หรอกนะ”
“ไม่แปลกหรอก ธรรมดาฉันก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน” พี่เฮดีสเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า สายตาเข้ม แผ่รังสีบางอย่างที่เข้มข้นมาที่ผม ผมกลืนน้ำลายเอ่ยปากพะงาบๆ ไม่กล้าจะถามต่อหรือสบตาเขาเลย พี่เฮดีสขยับตัวเข้ามาใกล้ผมอย่างช้าๆ ทีละนิด ผมกลั้นหายใจเมื่อถูกมือร้อนผ่าวจับแขนแผ่วเบา
แค่นี้ก็ทำให้ผมขนลุกเกรียว!
“ฉันคิดจนหมดความอดทนแล้ว”
“อย่าคิดสิครับ จะได้ไม่หมดความอดทน” ผมกลืนน้ำลายแล้วเอ่ยตอบอย่างใจดีสู้เสือ แต่เสือดำตัวใหญ่กลับไม่ใส่ใจ มองตาผมพร้อมกับสื่อความหมายมาให้เต็มที่ ผมเม้มปากเมื่อรับรู้ถึงแรงปรารถนาอันแรงกล้าของเขา พี่เฮดีสส่ายหน้าช้าๆ จับแขนผมไว้อีกข้างดึงมาเผชิญหน้ากันตรงๆ
“ไม่ได้หรอก ฉันก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งนี่น่า”
“...”
“คนที่ชอบอยู่ตรงหน้า ใกล้ขนาดนี้ จะไม่ให้คิดก็ยาก”
พี่เฮดีสโน้มตัวเข้ามาใกล้ ปลายจมูกจรดปลายจมูก ผมเกร็งตัว เลื่อนใบหน้ามากระซิบข้างหูของผมเบาๆ
“เข้าใจฉันไหม?”
“...เข้าใจครับ” ผมก้มหน้าลงแล้วค่อยๆ พยักหน้า
ผมเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งย่อมเข้าใจดีว่า... มันเป็นยังไง ผมเม้มปากแน่น ผมเองก็ไม่ต่างอะไรจากคนอื่นนักหรอก โอ๊ยยยย ไม่งั้นจะเก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะแบบนั้นได้ยังไงเล่า ไปๆ มาๆ ผมอาจจะหมกมุ่นกว่าอีก เรื่องนี้ผมต้องเงียบเอาไว้ จะไม่ให้รู้เด็ดขาดว่าผมเอาเขาไปฝันอย่างไรบ้าง!
“ดี ถ้าอย่างนั้นตอบสิว่าฉันควรจะอดทนต่อไปหรือไม่ต้องอดทน”
อดทนต่อไป!!!
อยากตอบจะตายแต่... เห็นสายตาของเขาแล้วอ้าปากตอบแบบนั้นไม่ได้! สายตาของผู้ชายคนนี้กำลังทำให้ผมตาย มันดูน่าสงสารจัง โอเค! ผมยอมแล้ว! อย่ามองแบบออดอ้อนน่าสงสารอย่างนั้นได้ไหมครับ!? ผมยอมหมดแล้ววว! ผมถอนหายใจ รู้สึกพ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับผู้ชายเสน่ห์เหลือล้นคนนี้ ที่สำคัญสุด... ผมแพ้ใจตัวเอง!
พี่เฮดีสผลักผมนอนลงบนเตียง ผมเบิกตากว้างตกใจที่จู่ๆ ผู้ชายน่าสงสารคนนั้นก็กลายเป็นเสือดำจอมกร่างตัวเดิม ผมถูกกดทับ จะดิ้นก็ไม่ได้ เขาคร่อมผมไว้ทั้งตัว ผมเงยหน้สมองใบหน้าเจ้าเล่ห์ที่เต็มไปด้วยมาดมั่นอย่างความงุนงง ยะ... อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้นี้... เขาแค่แกล้งหลอกผมงั้นเหรอ ไม่จริงใช่ไหม!?
“พี่จะทำอะไร!?”
“ยัดเยียดทับทิมให้เพอร์ซีโฟเน่กินไงล่ะ”
ห๊ะ ทับทิมอะไร? ผมไม่กินนนนนน!!!
เป็นตอนที่แต่งยากจริงๆ ตอนหน้ายิ่งยากเข้าไปใหญ่
อาาา จะแต่งยังไงดีล่ะ สงสารเนรัญจังวุ้ย ไม่กล้าแต่งให้นางแปดเปื้อน 555
เอ๊ะ หรือข้ามช็อตกินทับทิมไปเลยดีไหมนะ หึๆ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะเฮดีส(ไม้แข็ง) : จะกินหรือไม่กิน ห๊ะ!!!? /พยายามง้างปากและยัดทับทิมใส่
เฮดีส(ไม้อ่อน) : นะ กินหน่อยสิ อร่อยมากนะ ดีต่อสุขภาพด้วย /ชูลูกทับทิม มองตาละห้อย