นาที
ตอนที่ 3
กลิ่นที่เคยคุ้ย กอดที่เคยหวาน ผ่านไปเร็วหนักหนา
ทิ้งฉันไว้ลำพังกับรอยน้ำตา เธอรู้บ้างไหมว่าฉันลืมไม่ไหววางรูปในวัยเด็กไว้ข้างตัว รูปที่สองเป็นรูปผมกับเป๊กชูเหรียญทอดกอดคอกันตอนที่ทีมฟุตบอลของมหาวิทยาลัยเราชนะมหาลัยคู่แข่ง
...............................
......................
..............
.....
...
“ห่ะ เย้ดดดดดดดดดดดดดดด... ถึงขั้นกัดเหรียญเลยหรอสุดหล่อ” เจ้าเป๊กเพื่อนสนิทผมร้องแซวเมื่อมันเดินเข้ามาเห็นผมนั่งกัดเหรียญถ่ายรูปอยู่กับไอ้แชมป์ เพื่อนร่วมทีม
“นิดนึงดิวะ ชนะทั้งที” ตอบออกไปก่อนหันไปมองกล้องต่อ ไอ้เป๊กลงมานั่งเบียดข้างๆยื่นหน้าเข้ามาอยู่ในเฟรมด้วย เพราะใช้กล้องหน้าของไอโฟนถ่าย ไอ้เป๊กเลยเบียดผมแทบจะเกยขึ้นตักอยู่แล้ว
“มึงนั่งตักกูเลยไม๊สัด”
“พ่อมึง” มันส่งนิ้วกลางมาให้ผมเน้นๆ บ้าบอถ่ายรูปกันสามคนซักพัก ไอ้แชมป์ถึงเดินออกไปลากชาวบ้านเข้าเฟรมต่อ
ผมนั่งถอดถุงเท้าเตรียมอาบน้ำอยู่ข้างเพื่อนสนิท มันถอดถุงเท้าสีขาวชุมเหงื่อออกมาสะบัดๆอยู่หน้าผม แหยะ เหม็นชิบหาย หมั่นไส้เลยม้วนถุงเท้าตัวเองยัดปากมันซะเลย
“ไอ้เหี้ยยยยยยย เล่นเหี้ยไรของมึงเนี่ย เหม็นไอ้สัด”
“อะไรว๊า เมื่อก่อนมึงนอนน้ำลายยืด กูยังเอาเสื้อไปซักให้เลย ทีงี้มาทำเป็นรังเกียจกู” ไม่พูดเปล่า ผมวิ่งไปยืนซ้อนมันข้างหลัง พยายามเอื้อมมือยัดไอ้ก้อนขาวๆใส่ปากมันไปด้วย
“พ่อมึงสิ นั่นน้ำลาย นี่ถุงตีน ไอ้เหี้ยโป้ง พอเลยไอ้สัด กูไม่เล่น” ไม่พูดเปล่า เชี่ยเป๊กหยิบขวดน้ำ(ของใครก็ไม่รู้ จะอ้วก)เปิดฝาแล้วจัดการสาดใส่ผมเต็มๆ แม่มเอ๊ย ไม่ต้องรีบอาบน้ำให้กูก็ได้
“เห้ยเหี้ย พอเลยครับสัด กูเปียกอยู่แล้ว ไม่ต้องสาดอีก”
ผมวางก้อนถุงเท้าไว้บนม้านั่ง วางมือลงบนหัวไอ้เป๊กแล้วโยกเบาๆ ประกาศสงบศึก หลังจากนั้นเริ่มนวดคลายกล้ามเนื้อให้มันไปทีละส่วน ตั้งแต่บั้นเอว เรื่อยขึ้นมากลางหลัง ท่อนแขน ไหล่กว้าง ลำคอ ข้างขมับแล้วเลื่อนลงมาบริเวณหน้า
“ไอ้เหี้ยยยยยยยย... มึงเอามือสกปรกๆจับตีนแล้วมานวดหน้าให้กูเนี่ยนะ สัดดานนนนนนนนนน”
ฮ่าๆ รู้ตัวแล้วว่ะ
ไม่รอช้า ขาผมออกวิ่งไปหลบหลังไอ้แชมป์ที่ยังชวนคนนั้นคนนี้ถามรู้อยู่(มึงสามารถมาก) ส่วนไอ้เป๊กมันก็พยายามยื่นขาสั้นๆ(กว่าผม) ลอดขาแชมป์มาเตะผมให้ได้ ไม่ได้แอ้มกูหรอกมึง
ถ้าทำได้...
ผมขอช่วงเวลานั้นกลับมา...
ได้ไหม?
....................
ขอแลกทุกอย่างที่มี เพื่อวินาทีของเธอ
ขอเจอคนที่รักเหลือเกินได้ไหม
รูปใบที่สาม ภาพของเด็กหนุ่มยิ้มแป้นสองคน พร้อมเค้กอยู่ในมือ ฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีดำแซมด้วยประกายแสงไฟยามค่ำคืน
.........................
...................
..............
.........
.....
...
.
วันเกิดปีที่ 21 ของผม ฉลองด้วยการใส่บาตรตอนเช้า กลางวันไปเรียน ได้ของขวัญจากเหล่าเพื่อนๆที่ภาค ตอบแทนพวกมันไปด้วยพิซซ่าถาดใหญ่ 4 ถาด(กรอบเลยกู) ตอนเย็นพ่อพาไปเลี้ยงเจ๊ไข่ซีฟู้ดแถวบ้าน กลับมานอนพึ่งพุงดูทีวี เกือบเที่ยงคืน ไอ้เป๊กเพื่อน(ข้างบ้าน)สนิทเดินถือกล่อง 2 กล่องเข้ามาในห้องนอน คว้ากีต้าร์ แล้วลากผมขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยกัน
“อ่ะ กูให้ แฮปปี้ เบิร์ดเดย์นะมึง”
มันส่งกล่องพลาสติกที่ใส่ปากกาโคปิกอยู่เกือบ 20 แท่งให้ผม แม่งโคตรลงทุนอ่ะ ได้ข่าวปากกาแบบนี้แท่งล่ะร้อยกว่า
“เย้ดดดด ลงทุนสัดอ่ะ ขอบคุณนะมึง” ผมรับกล่องพลาสติกมากอดไว้
“เดี๋ยวมึงก็ต้องมายืมเงินกูไปซื้ออยู่ดี กูซื้อให้เลยดีกว่า มึงแม่งยืมแล้วไม่ค่อยคืน แล้วนี่เป็นเชื่ยไร ปากกาไอ้สัด ไม่ใช่ผู้หญิง” แท่งล่ะร้อยสามสิบนะโว้ยยยย(ซื้อตามห้างร้อยห้าสิบ) ถ้ากลืนโคปิกลงท้องได้กูทำไปนานแล้ว
“กูหวงของกู เดี๋ยวมึงทวงคืน”
“ทวงทำห่าอะไร ไม่อยากเห็นใครบางคนแถวนี้น้ำตาตก แต่เอามาให้กูใช้บ้างก็ดีนะ ฮ่าๆ”
“พ่องมึง เรียนบริหารแล้วจะเอาไปทำไม”
มันยักคิ้วหลิ่วตาให้ผม ข้างๆเป๊กเป็นกล่องสีขาวเล็กๆที่ยังไม่ถูกเปิดออก ไม่รอช้า ต่อมความเสือกเริ่มทำงานทันที
“อีกกล่องไรอ่ะ ของกูปะ?”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง”
“เชี่ยยยย มีความลับกับกูหรอเป๊ก กูน้อยใจนะโว้ย”
“ขำไอ้สัด” เป๊กเปิดกล่องออก เห็นเป็นเค้กช็อคโกแลตชื่อดังของโปรดผม ปักเทียนหนึ่งแท่งอยู่ตรงกลาง มันควักเอาไฟแช็คขึ้นมาจุดแล้วยื่นมาตรงหน้าผม
“อ่ะถือไว้ อย่าเพิ่งเป่านะมึง”
“เอาเขร้ มึงลงทุนมากอ่ะเพื่อนชาย”
“สัด อย่าพูดคำนี้ กูขนลุก”
ผมรับเค้กมาถือไว้เอง ไอ้เป๊กหยิบกีต้าร์ขึ้นมาเกาลองเสียง มันเงยหน้ามองผมแล้วเริ่มร้อง
“
Happy Birthday to you… Happy Birthday to you… Happy Birthday Happy Birthday… Happy Birthday to ไอ้เหี้ยโป้งงงงงงงง อธิฐานแล้วเป่าเร็วๆ กูอยากแดกเค้กแล้ว”
“สัด”
ผมก้มลงมองเค้กในมือ แล้วเงยหน้ามองไอ้เพื่อนตาตี่ใส่แว่นที่มองมาที่ผมเช่นกัน หลับตาช้าๆ อธิฐานขอให้พ่อผมสุขภาพดีไปอีกร้อยปี ขอให้จารย์แม้วไม่โขกสับแปลนบ้านผม ขอให้จารย์ถังให้แมวผมเทอมนี้(เทอมที่แล้วหมาตัวใหญ่มาก) ขอให้แมนยูเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีคปีนี้(แววรุ่งริ่งมาแต่ไกล)
คำอธิฐานสุดท้าย
ขอให้ผมได้อยู่กับไอ้ตี๋แว่นดำนี้ไปนานๆ
แต่คำขอของผม...
ไม่เป็นความจริง
.............................
ฉันแทบจะกราบอ้อนวอน ร้องไห้จนเหือดหายไป
แค่เสี้ยวนาทีเท่านั้นที่ต้องการรูปใบสุดท้าย รูปผมที่ทำหน้าบึ้งหันหน้าออกไปนอกเฟรม ส่วนเป๊กยิ้มเฉ่งใส่กล้อง
ผมจำได้ดี ทั้งวันและคนที่ถ่ายรูปใบนี้
....................
................
..............
...........
........
...
.
ผมนั่งอยู่ในโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย เขี่ยโรตีในโฟมเล่นอย่างไม่นึกอยากกิน เพื่อนสนิทผมมีแฟนแล้ว ทั้งๆที่ควรจะดีใจกับมัน ดีใจที่ในที่สุด มันก็ขายออกซักที แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างในชีวิตกำลังขาดหายไป
เหมือนกำลังโดนแย่งของสำคัญไป
“เฮ้ยโทษทีว่ะ ทำใจเจอน้องนิวได้เลย น้องเข้าห้องน้ำอยู่ เจอแล้วอย่าน้ำลายหกนะมึง”
“กูไม่ใช่มึง ไอ้เป๊ก”
“ฮ่าๆ ไปซื้อน้ำให้น้องก่อน เดี๋ยวมา เออ... มึงเข้าชมรมป่าววะ”
“ไม่อ่ะ จะกลับไปเคลียร์งาน มึงเข้าหรอ”
“เปล่า ถามดู กูลาออกจากชมรมแล้วนะ จะได้เอาเวลามาอยู่กับน้องนานๆ ฮ่าๆ ฝากเป๋าด้วยสัด”
เป๊กวางกระเป๋ากับกองชีทไว้ข้างผมแล้วเดินถือกระเป๋าสตางค์ออกไป
ถ้าเป็นเมื่อก่อน มันคงรีบมาหาผมทันทีที่เรียนเสร็จ โซ้ยข้าวคนละจานแล้วไปเข้าชมรมด้วยกัน
ถ้าเป็นเมื่อก่อน มันจะยัดเงินใส่มือผมแล้วบังคับให้ผมไปซื้อทั้งข้าวทั้งน้ำให้มันกิน ส่วนมันเองจะนั่งกระดิกตีนรออยู่ที่โต๊ะ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เข้าชมรมเสร็จจะไปเดินตลาดเป็นประจำ แล้วค่อยลากคอกันกลับบ้าน
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ยื่นเถียงกันอยู่หน้าเฟียสต้าสีดำว่าใครจะเป็นคนขับ ฝ่ารถติดกลับบ้าน ทั้งๆที่รถก็เป็นของไอ้เป๊ก
ถ้าเป็นเมื่อก่อน...
มันคงไม่มีช่วงเวลาแบบนั้นอีกแล้ว
............................
เป๊กเดินกลับมาโดยมีโอรีโอ้ปั่นกับยาคูลปั่นอยู่ในมือ ข้างกายเป็นสาวน้อยน่ารักเดินกอดหนังสือ เป๊กยักคิ้วให้ ผมฉีกปากยิ้มกว้างไปให้มัน
ทั้งๆที่ใจผมนั้นอยากร้องไห้มากก็ตามที
“เพื่อนโป้งที่รัก นี่น้องนิว แฟนกู น้องนิวคะ โป้งเพื่อนสนิทพี่ที่เคยเล่าให้ฟังไงคะ” มันแนะนำ เดินไปส่งน้องที่อีกฝั่งนึงของโต๊ะแล้วเดินกลับมานั่งข้างๆผม
“สวัสดีค่ะพี่โป้ง นิวได้ยินพี่เป๊กเล่าเรื่องพี่ให้ฟังมานานแล้ว อยากเจอตัวจริงมากค่ะ” น้องน่ารักนะครับ ผมคงยิ้มได้เต็มที่มากกว่านี้ ถ้าน้องไม่ได้เป็นแฟนของเพื่อน
เพื่อนสนิทที่ผมเผลอหลงรัก
“สวัสดีครับ” คงพูดได้เพียงเท่านี้... เท่านี้จริงๆ
“โป้งมันเขิน น้องนิวอย่าโกรธมันนะ พี่ว่า@$^$%%^*452Q@#$%*Q@34....” ผมหันไปยิ้มขอโทษให้สาวน้อยตรงหน้า หลังจากนั้นคนรักกันเค้าก็สร้างโลกสีชมพู คุยหงุงหงิงกันอยู่ 2 คน ผมที่เป็นส่วนเกินเลยได้แต่นั่งเขี่ยโรตีเย็นชืดในถาดโฟม มองเพื่อนซี้ป้อสาวข้างกาย มีความสุขในสิ่งที่มันเลือกแล้ว
แล้วผมล่ะ???
“เชี่ยโป้ง เป็นไรวะ จิตหลุดแปลกๆนะมึง” อยู่ดีๆก็สะดุ้งสุดตัว เมื่อเป๊กเอามือมาเต็มหลังผมอย่างแรง
“หา อะไร?”
“เป็นไรวะ น้องนิวเรียกตั้งนาน เหม่อไปไหนเนี่ยมึง” หรอ... ไม่ได้ยินเลยแฮะ
“อ้าวหรอ คิดๆไรนิดหน่อย น้องนิวมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมหันไปยิ้มให้น้อง
“นิวอยากถ่ายรูปพี่โป้งกับพี่เป๊กนะคะ มาๆถ่ายกัน ยิ้มๆ” น้องหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปผม ถ้าผมปฎิเสธ จะได้ไม๊นะ?
“ไอ้สัดทำหน้าดีๆ แต่อย่าดีมากจนหล่อแซงหน้ากูนะมึง ยังไงกูก็หล่อกว่า 5555”
“พ่องมึง” ผมเอ่ยเบาๆ ตามองไปที่กล้องที่อยู่ในมือน้อง ได้ยินเสียงผู้หญิงคนเดียวของโต๊ะนับถอยหลังดังอย่างชัดเจน
“สาม สอง หนึ่ง... เอ้า พี่โป้ง หันซ้ายทำไม”
“โทษทีน้องนิว เหมือนมีแมลงอะไรมาตอมน่ะ”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ยอมถ่ายรูปดีๆ
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงกันตัวเองออกจากวงสนทนา ทั้งๆที่เข้าไปคุยด้วยก็ได้
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ชอบใจที่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม...
ถึงรักเพื่อนสนิทตัวเอง
-----------------------------------
กอดรวบคนอ่านทุกคน
บอกจะมาอีกสองวัน กลายเป็น 7 วันซะงั้นเลย แหะๆ
ขอสารภาพว่าเราป่วยค่ะ เก๋ไก๋ป่วยแบบครบสูตร เจ็บคอ จาม มีน้ำมูก หายใจไม่ออก ไข้ขึ้น ปวดหัวจี๊ดๆ
เป็นตั้งแต่พฤหัสที่แล้ว วันนี้ยังเจ็บคอ+เสียงขึ้นจมูกอยู่เลยค่ะ ยังดีที่หายปวดหัวแล้ว
เทอมนี้เรามีเรียน Public Speaking หรือวิชา "การพูดสุนทรพจน์ในที่สารธณะ"
หนูพูดไม่ได้ ให้เรียนทำไม(วะ)เนี่ย
ไม่เก่งอังกฤษเลยต้องต้องซ้อมเยอะ(กว่าชาวบ้าน)
แล้วตัวเองมีโรคประจำตัวเป็นต่อมทอนซิล(ชอบ)โตอยู่แล้วด้วย สมการเลยออกมาเป็น
ซ้อมเยอะ => ใช้เสียงเยอะ => ทอนซิลบวม => ป่วย
เหลือสปีชให้พูดอีก 5 เื่รื่อง สงสัยได้ป่วยทั้งเทอมแน่เลย
คราวนี้ขอบ่น ปนๆแก้ตัวหน่อยนะคะ แหะๆ (ข้ออ้างชัดๆ)
ถ้าไม่ป่วยอีก จะพยายามให้จบภายในอาทิตย์หน้าค่ะ
แต่ถ้าป่วย ขอเ้ป็นอาทิตย์ถัดไปน้า หงุ้งหงิ้งๆ
ขอดองตอบคอมเม้นไว้ก่อนนะคะ คุณแม่ส่งยา 5 เม็ดมาดับเครื่องแล้วค่ะ พร่งนี้มาตอบคอมเม้นนะคะ