[จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ตัวละครในเรื่อง "ปีนเกลียว" คุณชอบใครมากที่สุด

ภู ภูเบศธ์ - หญ้าอ่อนแพ้วัวแก่ ที่จีบไม่เก่ง แถมยังปากหมา
สอง กมลินทร์ - วัวแก่แพ้หญ้าอ่อน แล้วดันชอบแต่คนปากหมา
ตรฤณ - วันๆไม่ทำอะไรนอกจากหาทางประเคนวัวแก่ใส่ปากหญ้าอ่อน
กร ทิวากร - แกนนำผู้ก่อการร้ายของสอง แต่เป็นผู้ก่อการรักของตรฤณ
วิน ชวิน - ชอบทำตัวเป็นพ่อหวงลูกชาย แถมฉลาดร้ายยิ่งกว่ากร

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]  (อ่าน 114867 ครั้ง)

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
เข้ามารอพี่สองกับน้องภู แอนด์แอบดูคู่ชู้ชื่นตรฤณกับกร   :L2:  :L2:  :L2:

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 16 บอกรัก


“ท่าทางจะไม่ได้เรื่อง...สงสัยชวินคนนี้ต้องลงพื้นที่เองซะล่ะมั้ง”

_________________________

“ไอ้สองล่ะ?”
เมื่อย่างก้าวเข้ามาภายในคณะของเพื่อนรัก ชวินก็เอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อพบเจอหน้าเพื่อนตัวใหญ่ที่ยอมลงทุนเสียค่าโทรเพื่อโทรตามคนไม่ค่อยจะว่างงาน  ให้บุกมาถึงที่เพียงเพราะบอกว่า ‘ไอ้คุณสองกำลังแย่’ ชวินก็พร้อมที่จะทิ้งงานเอกสารตรงหน้าแล้วรีบคว้ากุญแจรถบึ่งมายังมหาวิทยาลัยด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่ทว่าพอมาถึงจุดหมายคนที่ทำให้เป็นห่วงกลับไม่ได้นั่งอยู่ข้างๆตรฤณอย่างที่ควรจะเป็น

“นู่น~”ตรฤณใช้สายตามองเพื่อให้ชวินมองตามไปยังเป้าหมาย

กูก็นึกว่ากำลังแย่เพราะเรื่องหัวใจ แต่ที่ไหนได้ กูว่ามันกำลังจะแย่เพราะน้ำหนักที่ขึ้นพรวดพราดซะล่ะมั้ง!

ชวินมองเพื่อนตัวเล็กที่กำลังถือถุงอะไรต่อมิอะไรมาเต็มไม้เต็มมือ แล้วยังไม่รวมไอ้ที่เต็มปากอยู่ด้วย นี่ถ้าไม่ติดว่าบ้านไอ้สองเข้าขั้นคนมีจะกิน ชวินจะคิดว่าเด็กหลงที่ไหนที่เพิ่งได้ของกินยามหิวโซ

“มันแย่ตรงไหน?”ชวินเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

เพราะเท่าที่เห็นมันก็ยังดูเหมือนคนกินอิ่มนอนหลับครบแปดชั่วโมงไม่เห็นทำท่าอยากจะตายโหงตรงไหน!

“แย่.. ก็เพราะมันกินไม่หยุดตั้งแต่เช้านั่นแหล่ะ กูบอกให้เข้าเรียนก็ไม่ยอมเข้า เอาแต่กินกับกิน” ตรฤณพูดด้วยน้ำเสียงที่ยากจะคาดถึง ไม่รู้ว่าหนักใจที่เพื่อนรักเกิดกระเพาะรั่วถึงกินไม่ยอมหยุด หรือเป็นเพราะขำกับท่าทางการยัดนู่นยัดนี่เข้าปากราวกับเด็กๆที่ไม่ได้กินขนมที่ชอบมานานแสนนาน

“แล้วใครทำมันน็อตหลุด? ถึงได้กินไม่สงสารกระเพาะขนาดนั้น”ชวินพูดเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปหาสองที่กำลังเดินตรงมาหาตนเอง

“อ้าวไอ้วิน? มึงมารับกูกลับแล้วเหรอ?  ”เมื่อเห็นว่าใครเดินเข้าไปหาริมฝีปากเล็กก็เลิกยุ่งกับของกินชั่วคราว เพื่อให้ปากได้ว่างมาพูดคุยทักทายคนที่มาใหม่สะดวก แต่ถึงกระนั้นไอ้ที่ยังเคี้ยวไม่หมดก็มีหลุดออกมาบ้างตามประสาคนไม่ค่อยระวัง ลำบากชวินที่ต้องควักผ้าเช็ดหน้ามาให้เพื่อนตัวเล็กเช็ดปากที่เลอะเต็มไปหมด

“กระเพาะใกล้แตกยังมึง?    เห็นไอ้ตรฤณบอกว่ามึงแดกตั้งแต่เช้ายังไม่ยอมหยุด”ชวินพูดก่อนจะแย่งถุงขนมต่างๆที่อยู่ในมือของสองมาถือเอาไว้เองทั้งหมดพร้อมกับเอาไปซ่อนไว้ทางด้านหลังเพื่อไม่ให้เพื่อนตัวเล็กแย่งคืนได้

“มึงจะมาแย่งกูทำไมเนี่ยไอ้วิน! อยากกินก็ไปซื้อเองดิ นี่ของกู กูจะกิน!”สองโวยวายทันทีที่ถูกแย่งขนม

“แล้วมึงเป็นบ้าอะไร สอง!”แต่ทว่าชวินกลับตะคอกใส่สองเสียงดังแถมยังไม่ยอมคืนถุงขนมคืนให้สองด้วย
“.........”เพียงแค่ชวินขึ้นเสียงก็ทำเอาสองเงียบลงไปทันตา ก่อนจะพึมพัมขึ้นมาเบาๆว่า

“มึงไม่เคยตะคอกกูเลยนะ..วิน”

“แล้วมึงล่ะ? มีอะไรทำไมไม่บอกพวกกู....เวลามึงมีอะไรก็บอกพวกกูตลอด แล้วตอนนี้มึงเป็นอะไร ทำไมถึงไม่ยอมบอกไอ้ตรฤณ ไม่ยอมบอกกู เอาแต่กินกับกิน..มันไม่ได้ช่วยอะไรมึงหรอกนะ”ชวินลดเสียงลงหลังจากที่ขึ้นเสียงเมื่อกี้ทำให้สายตาหลายคู่เริ่มหันมาสนใจพวกเขามากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น สองก็ยังเงียบจนตรฤณที่เห็นทีท่าว่าไม่ค่อยดีจึงรีบมาดึงชวินและสองกลับไปที่โต๊ะเคลียร์กันดีๆ

“มึงไปด่าไอ้สองทำไมวะ วิน”พอกลับมานั่งที่โต๊ะกลับมีแต่ความเงียบ สองก็ยังไม่ยอมตอบ ส่วนชวินก็ไม่ยอมถามอะไรขึ้นมาอีกหากสองยังไม่กล้าเอ่ยปากที่จะตอบคำถาม ทำเอาคนที่นั่งอยู่ตรงกลางเริ่มรู้สึกอึดอัดเลยต้องหันไปถามชวินที่ทำหน้าเคร่งใส่สองทั้งที่ไม่เคยเห็นทำมาก่อน ปกติมีแต่โอ๋ มีแต่เข้าข้างตลอด

“มึงก็อีกคน....เอาใจกันเข้าไป..เพื่อนมึงเสียนิสัยแล้ว!”ชวินหันกลับไปด่าตรฤณแทนทำเอาตรฤณต้องสงบปากสงบคำ

   เวลาไอ้ชวินโมโหกูแทบไม่อยากจะโผล่หัวออกจากกระดองเลยว่ะ! น่ากลัวชิบ

“ได้ข่าวว่า...ส่วนใหญ่ก็มึงนั่นตามใจมัน”แต่ก็ยังไม่วายพึมพัมทั้งที่อยู่ในกระดอง จนชวินต้องหันมาทำสายตาดุๆปรามเอาไว้

“มึงบอกกูมาสิ ว่ามึงเป็นอะไร...”น้ำเสียงของชวินดูสงบลงเล็กน้อยไม่มีแววโมโห หรือแม้แต่ความไม่พอใจ เหมือนคราวก่อนทำให้สองต้องเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเพื่อนหลังจากที่ก้มหน้าก้มตาอยู่นาน

“ไม่รู้....กูไม่รู้ว่ากูเป็นอะไร” น้ำเสียงอ้อมแอ้มของสองทำให้ชวินสนใจก่อนจะมองตาเพื่อค้นหาความจริง ซึ่งชวินเองก็คงไม่เชื่อในคำพูดนั้นเท่าไหร่หากไม่ได้เห็นแววตาที่ฉายแววสับสนของสองด้วยตาของตัวเอง ก่อนจะหันหน้าไปมองตรฤณเพื่อขอความคิดเห็น

“ตอนกูถาม..มันก็ตอบอย่างนี้”ตรฤณรีบตอบทันทีเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง

ถ้าตอบอย่างนี้ไม่ต้องตอบก็ได้ว่ะครฤณ เพราะเมื่อกี้ไอ้สองก็เพิ่งบอกกับกู!

“มึงคืนถุงขนมให้กูได้ยังอ่ะ?”      แววตาน่าสงสารของสองถูกส่งมาให้ชวินพร้อมกับทำท่ายื่นมือมาแบตรงหน้าชวินเพื่อขอขนมคืน

เฮ้อ! ให้ตาย เห็นสายตาแบบนี้ทีไร ใจกูอ่อนทุกที!

มือใหญ่คว้าถุงขนมที่วางไว้ข้างตัว ส่งคืนให้สอง จนฝ่ายที่รับขนมต้องยิ้มกว้าง

“หมดถุงนี้ก็พอได้แล้วนะเว้ย! กูไม่อยากเห็นวัวแก่แถวนี้ท้องแตกตาย”ถึงจะหายโกรธสองแล้วแต่ก็ยังไม่วายขู่สอง แต่ฝ่ายที่ถูกขู่กลับรีบพยักหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะลงมือหยิบนู่นหยิบนี่เข้าปากไม่หยุด

“กินมะ?  ” แถมยังมีอารมณ์ใจกว้างอยากเผื่อแผ่เพื่อนฝูงตอนขนมเหลือชิ้นสุดท้ายในถุงด้วยล่ะ
ไม่กินให้หมด แล้วค่อยถามพวกกูล่ะ?

“พวกกูไม่หิว มึงกินไปเถอะ”ตรฤณว่าก่อนจะมองหน้าชวินด้วยรอยยิ้มขำๆ
ถึงสองจะแปลกไป...แต่ความเป็นเพื่อน..ยังไงยังไง ก็มีให้กันเหมือนเดิม

ถ้าหากให้สองกินขนมแล้วลืมเรื่องเศร้าๆได้ ตรฤณและชวินก็พร้อมที่จะไปเหมาร้านขนมมาถวายให้แด่สองเพื่อนผู้น่ารัก
“เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”หลังจากที่สวาปามทุกอย่างหมดเรียบร้อย มือเล็กก็ปัดไปมาราวกับอยากให้เศษขนมหลุดออกจากมือให้หมด ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วบอกเพื่อนๆว่าอยากไปเข้าห้องน้ำ

“บอกแล้วทำไมไม่ไป?”ชวินถามอย่างสงสัยเพราะคนที่บอกว่าจะไปแต่กลับยังนั่งหยั่งรากลึกตรงเก้าอี้ดังเดิม

“ไปเป็นเพื่อนหน่อย ”
น้ำเสียงของสองดูน่ารักเป็นพิเศษเนื่องจากกำลังอ้อนเพื่อน

“ไปเองเลยมึง...ขาไม่ได้ผูกติดกัน”ชวินพูดเสียงเข้ม ทำเอาเพื่อนตัวเล็กหน้าบูด  ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดไปเข้าห้องน้ำ

“แล้วมึงจะไปไหนน่ะ?”ชวินถามทันทีเมื่อตรฤณทำท่าจะลุกขึ้น

“ตามไอ้สองไป เดี๋ยวมันงอน”

“ไม่ต้องเลยมึง นั่งอยู่นี่แหล่ะ ให้มันไปเอง....พอดีกูมีเรื่องต้องคุยกับมึง”ชวินรั้งคอเสื้อตรฤณเอาไว้ก่อนจะกดให้ตรฤณนั่งลงกับที่ดังเดิม

“เรื่องอะไร?”เสียงทุ้มเอ่ยถาม

“เรื่องเด็กของไอ้สองยังไงล่ะ”



_________________________


“ไม่ตามมาจริงเหรอวะ?”ริมฝีปากบางเชิดขึ้นด้วยความงอนเมื่อหันไปแล้วไม่เห็นว่าจะมีเพื่อนตัวไหนเดิมตามมาสักคน

อั่ก!!
ในเมื่อมัวแต่หันไปมองทางด้านหลังพอหันกลับมาก็ชนเข้ากับใครบางคนที่เหมือนจะวิ่งมาใส่สองด้วยความเร็วเหนือแสงแบบไร้การเบรค

“โอ๊ย~”เสียงหวานโอดครวญทันที

“ขอโทษ..คะ......ครับ” อีกฝ่ายเหมือนรู้ตัวว่าผิดก็รีบเอ่ยขอโทษแต่ทว่าปลายน้ำเสียงอาจจะดูตะกุกตะกักไปบ้างหลังจากที่เห็นว่าตัวเองวิ่งชนใคร
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นวะ?  กูยิ่งกำลังวิ่งหนีคำสั่งแม่อยู่เชียว!

“ไอ้ภูเบศธ์!”
ส่วนทางสองเองเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายก็จำได้ทันทีแบบไม่ต้องมองหน้าให้เสียเวลา ปากบางเอ่ยชื่ออีกฝ่ายขึ้นโดยอัตโนมัติแบบไม่ต้องรอให้สมองสั่งการ

“คือ......”

“ไอ้ภูเบศธ์! อย่าหนีสิวะ? แค่บอกให้แกไปสารภาพรักกับสองแค่นี้ทำเป็นเขิน วิ่งหนีเป็นลิงลมเชียว ไอ้เด็กบ้า! ”และนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูเบศธ์วิ่งแบบไม่คิดชีวิตจนชนเข้าให้กับบุคคลที่สามที่ กรกำลังพูดถึง

“..........”แต่พอกรวิ่งมาถึงตัวภูเบศธ์กลับเจอแต่ความเงียบและคงรวมถึงตัวคนพูดเองด้วย

ถือว่าช่วยได้แค่นี้...ต่อจากนี้ไปลุยเองเลยน้องรัก!

 
    ว่าแล้วกรค่อยๆถอยตัวออกจากคู่กรณีที่กำลังยืนมองหน้ากันนิ่งๆโดยไม่มีทีท่าว่าฝ่ายไหนจะเริ่มพูดก่อน

____________________



“ช้าไปซะแล้วล่ะมั้ง?”

“เฮ้ย?!”

เสียงสองหนุ่มร้องขึ้นมาพร้อมกันหลังจากที่นั่งกระซิบกระซาบถึงแผนการลับอยู่นานก็ดันมีหัวกลมๆของใครบางคนโผล่ขึ้นมาแทรกกลางพร้อมกับรอยยิ้มอย่างภาคภูมิ

“กร? มาตั้งแต่เมื่อไหร่? ตกใจหมด”ตรฤณพูดพร้อมกับคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนจะชวนให้กรนั่งลงตามแรงดึง

“ตัวก็ใหญ่ทำเป็นขวัญอ่อนไปได้~”
กรพูดยิ้มๆก่อนจะหันไปทักทายชวินบ้าง

“ไม่เจอนานเลยนะ..วิน...กำลังวางแผนอะไรอีกล่ะ?” ถึงจะดูเหมือนเป็นคำถามทั่วไป แต่คนอย่างชวินกลับคิดมากเกินไปว่าคำถามนั้นจะมีความหมายอื่นที่แฝงมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามควบคุมตัวเองให้แสดงออกอย่างปกติและพยายามคิดว่า...ทิวากรคงไม่ได้รู้อะไรหรอก(มั้ง?)

“เรื่องของสอง กับภูน่ะ...”ตรฤณตอบแทนชวิน

“เรื่องนั้นน่ะเหรอ?”กรยิ้มที่มุมปาก

“ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ งานนี้ไม่ต้องลำบากไปถึงคุณชวินหรอก”กรส่งยิ้มให้ชวินโดยที่ชวินก็เหมือนจะรู้ความหมาย แต่ทว่าตรฤณกลับไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว

งานนี้แค่แผนของทิวากร...ก็พอแล้ว~
ไม่ต้องใช้ชวินเข้ามาช่วย เหมือนคราวนั้นหรอก



_______________________


“แฮ่ก....แฮ่ก....”

“อีกนิดเดียวเองพี่สอง....”

“ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ.....”

“อีกนิดเดียวเอง...แฮ่ก...”

“เว้ย!!!! ฉันเหนื่อยแล้วนะ นายจะลากฉันไปถึงไหนเนี่ย!!!”

จะลากกูขึ้นบันไดไปถึงชั้นไหน ดูอายุไขกูหน่อยได้มั๊ย เห็นใจสักนิดนึงก็ยังดี!

“ดาดฟ้า”ภูเบศธ์หันมาตอบสั้นๆก่อนจะออกแรงดึงแขนเล็กๆให้เดินหอบอยู่ด้านหลังเดินตาม

ถ้าไม่ติดว่าเคยมีประสบการณ์ ภูเบศธ์ก็อยากให้สองขี่หลังแล้วพาขึ้นไปอยู่หร๊อก!

“ดาดฟ้า?...ขึ้นไปทำบ้าอะไรบนนั้นวะ?”สองพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด

“ไปบอกรัก”

“ หา?”ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้าง

“ก็บอกอยู่นี่ไง...ว่าจะขึ้นไปบอกรัก...วัวแก่นี่หูตึงใช้ได้เลยนะเนี่ย~”

ไอ้เด็กปากหมา! หาเรื่องด่ากูเป็นวัวแก่หูตึงได้อีกนะมึง ทั้งที่กูกำลังอึ้งกับเรื่องที่มึงจะบอกรักกู!

“ถึงแล้ว”
เสียงเปิดประตูชั้นดาดฟ้าดังขึ้น      พร้อมๆกับการที่ภูเบศธ์เอ่ยปากพูดหลังจากเงียบกันมาได้สักพัก ร่างสูงคลายมือออกจากข้อมือเล็กก่อนจะเดินนำไปยังลานกว้าง ในยามบ่ายคล้อยถึงพระอาทิตย์จะยังคงเด่นอยู่คล้อยไปทางด้านทิศตะวันตกของท้องฟ้า แต่ก็ยังพอมีก้อนเมฆก้อนใหญ่ที่เข้ามาบดบังแสงแดดเอาไว้ เลยไม่ร้อนอย่างตอนกลางวันที่ภูเบศธ์ขึ้นมานอนอาบแดดดวงตาเรียวเล็กกวาดสายตาไปทั่วลานกว้างอย่างตื่นเต้น เพราะตั้งแต่ทีใช้ตึกนี้เป็นสถานที่ศึกษามานานนับเกือบจะสี่ปี แต่เจ้าตัวกลับไม่เคยขึ้นมาสถานที่แห่งนี้

แล้วนี่อะไร เรียนปีหนึ่งยังไม่ทันจบดีก็ดันอุตริ ริอาจขึ้นมาบนดาดฟ้าซะแล้ว!

“ไม่เคยขึ้นมาเหรอ?”ภูเบศธ์เดาจากอาการของสองได้ไม่ยากนักจึงเอ่ยถามขึ้น

“ใครจะอุตริเหมือนนายล่ะ!” สองพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจก่อนจะเดินไปเกาะราวกั้นเอาไว้เพื่อหวังจะดูวิว พร้อมกับลมเย็นๆปะทะกับใบหน้ายิ่งทำให้ร่างเล็กรู้สึกผ่อนคลายจนเผลอเผยยิ้มบางๆอย่างสบายใจ จะว่าไปเวลาหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน แถมด้วยลมเย็นๆอีกต่างหาก น่าหาอะไรมาปูนอนจริงๆ~ สองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนไม่ได้รับรู้ว่าใครบางคนเข้ามายืนข้างๆเป็นที่เรียบร้อย

“คิดอะไรอยู่?”เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามเบาๆ

“กำลังคิดว่าบรรยากาศแบบนี้มันน่านอน”ร่างเล็กพูดพร้อมกับหันไปมองคนถามที่ตอนนี้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เกินความจำเป็นนิดหน่อย มือเล็กจึงยกขึ้นมาดันคางอีกฝ่ายให้ออกไปจากหน้าของตัวเอง ก่อนจะเดินหลบไปอีกทาง ทำราวกับว่าสถานที่บนดาดฟ้าแห่งนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวอยากจะทำอะไร อยากจะเดินไปทางไหนก็สามารถทำได้ทุกอย่าง ลำบากภูเบศธ์ต้องเดินตามไปทุกที่อีกเช่นกัน

“อยากนอนมั๊ยล่ะ? จะให้ยืมตัก”ภูเบศธ์เอ่ยลอยๆ แต่ก็ทำเอาสองหันมาสนใจได้อีกครั้ง

“จริงเหรอ?”แววตาของสองดูเปล่งประกายขึ้นมาทันทีทำเอาคนถามต้องยิ้มตามได้ไม่ยาก

“จริงสิ...”ภูเบศธ์พูดก่อนจะนั่งลงเอาหลังพิงตรงขอบระเบียงกั้น ที่มีร่มเงาของอีกตึกบดบังแสงเอาไว้ ทำให้สองต้องยกยิ้มก่อนจะเดินกลับไปหาภูเบศธ์อย่างว่าง่าย แถมไม่ต้องรอให้พูดอะไรอีก เมื่อคนตัวเล็กเดินมาถึงร่างสูงที่นั่งเหยียดขารออยู่ สองก็ทิ้งตัวลงกับพื้นแล้วใช้หัวตัวเองหนุนกับต้นขาของอีกฝ่ายด้วยความสบายพร้อมด้วยรอยยิ้ม

“นี่!”
เมื่อล้มตัวลงนอน คนตัวเล็กก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีคราม

“หืม?...”

“ไหนบอกว่า.....”เสียงเล็กขาดหายไปทั้งที่ยังพูดไม่จบ

จะบอกรัก...อย่างนั้นเหรอ?”

“ไม่รู้สิ..หมาตัวไหนพูดเอาไว้ล่ะ”สองยื่นปากด้วยความงอนแต่ทว่ากลับโดนเด็กที่ให้ยืมตักตำหนิกลับด้วยสายตา

“หมาอีกแล้ว~”

“ก็นายอยากว่าฉันเป็นวัวแก่ก่อน..ช่วยไม่ได้!”สองยังคงพูดประหนึ่งว่าตัวเองไม่เคยผิด ภูเบศธ์ได้แต่ส่ายหน้าไปมา

“นี่~”

“อะไรอีก?”ภูเบศธ์เลิกคิ้วถามหลังจากที่เงียบไป

“นายหลบหน้าฉันทำไม?”สองเลิกมองท้องฟ้าแล้วหันมาสบตากับเจ้าของตักที่ตนเองกำลังหนุนอยู่แทน

“งั้นผมขอถามก่อน...พี่สองยังรักพี่ชวนอยู่ใช่มั๊ย?”

“ฉันถามนายก่อนไม่ใช่ให้นายมาถามฉัน! ฉันถามว่านายหลบหน้าฉันทำไม?!”สองรู้สึกยัวะขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุเมื่อเด็กปากดีตรงหน้าไม่ยอมตอบคำถามแถมยังถามคำถามกลับอีกต่างหาก

“ถ้าพี่สองไม่ตอบว่ายังรักพี่ชวินอยู่หรือเปล่า ผมก็ไม่ตอบคำถามพี่สอง”

ภูเบศธ์เองก็ยังยึดคติเอาแต่ใจไว้เหมือนกันเลยดูว่างานนี้จะไม่มีใครยอมใคร สองจึงคิดที่จะลุกพรวดพราดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ แต่ทว่าดันโดนมือใหญ่ๆของเด็กไม่รู้จักสัมมาคารวะ กดหัวให้นอนลงบนตักเหมือนเดิม

“ไอ้บ้า!  มากดหัวฉันไว้ทำไม!” สองดิ้นพล่านแต่ภูเบศธ์กลับหัวเราะกับท่าทางตลกๆของสองที่พยายามลุกขึ้นทั้งที่โดนจับหัวเอาไว้

“ก็ตอบมาก่อนสิว่ายังรักพี่ชวินอยู่หรือเปล่า?”

“ไม่! นายต้องตอบฉันก่อนว่าหลบหน้าฉันทำไม?!”
สรุปชาตินี้ใครจะได้คำตอบก่อนใคร...ลองทายดูเล่นๆกันมั๊ยครับ?

“นายอายุน้อยกว่าฉันหัดมีสัมมาคาระวะบ้างเซ่! ตอบคำถามฉันมาก่อนเลยนะ”เสียงหวานติดจะหงุดหงิดแต่ภูเบศธ์กลับไม่ใส่ใจ

“คนจะเป็นแฟนกันน่ะเขาไม่คิดเรื่องอายุกันหรอกรู้มั๊ย?” สายตาคมฉายแววกรุ้มกริ่ม จนคนมองรู้สึกหมั่นไส้คนที่ไม่ค่อยจะรู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักลำดับขั้นทางอายุ

อายุอานามก็ห่างถึงสามปี ไม่ทันไรคิดจะตีซี้กูแล้วเหรอ?

“นายว่าอะไรนะ ภูเบศธ์! ใครจะเป็นแฟนกับนาย”

“ก็ยังไม่ได้พูดชื่อสักหน่อย ทำไมต้องร้อนตัว? หรือว่าอยากเป็นแฟนกับผมล่ะ?”   ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“ภูเบศธ์ นายนี่มัน!”

“มันรักพี่สองน่ะสิ”

“........”
ทำไม๊...กูถึงไม่เคยถามคำถามให้ตรงคำตอบมันสักที เจอเข้าไปอย่างนี้ อึ้งแดกอีกที คงไม่เสียหายเท่าไหร่ล่ะมั้ง!

“บอกไปแล้วนะ”
มือแกร่งยกขึ้นมาเกาท้ายทอยแก้เขิน แถมสายตายังเสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบสายตากับคู่กรณีที่ยังคงนอนอึ้งอยู่บนตักของภูเบศธ์ ให้หัวใจได้ทำงานอย่างเต็มที่
หยุดเต้นแรงสักทีได้มั๊ย กูรำคาญ!
ใบหน้าหวานพลันขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างที่เจ้าตัวก็ไม่สามารถห้ามได้ ก่อนจะเสมองไปทางอื่นบ้างเผื่ออะไรๆจะทำให้ความเขินของคนทั้งสองลดลงได้บ้าง โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยเช่นกันว่าใบหน้าคมของภูเบศธ์จะแดงซ่านจนลามไปถึงใบหูไม่แพ้กันกับร่างเล็กที่นอนหนุนตักอยู่

“ถ้าให้ตัดใจ...คงจะไม่ไหวแล้วล่ะตอนนี้”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆหลังจากสภาวะเขินเข้าแทรกอยู่นาน แต่ทว่าสองก็ยังคงเงียบนิ่งจนร่างสูงรู้สึกใจหาย

“จะ...ไม่พูด......อะ.......”

อะ...อึ้ง สิครับ...สอง กำลังจูบกู!!!

“แล้วใครจะให้นายตัดใจล่ะ?...ไอ้บ้า!”ริมฝีปากบางผละออกมาก่อนจะมองหน้าเด็กปากหมา แล้วด่าปิดท้าย ทั้งที่ใบหน้าของสองยังคงแดงไม่จางหาย หลังจากที่ร่างสูงตกใจกับการกระทำของร่างเล็กได้เพียงเสี้ยวนาที มือแกร่งก็คว้าท้ายทอยของคนที่เพิ่งลุกขึ้นมา เข้ามาประกบจูบอีกครั้ง

คราวนี้จะไม่ให้มันเป็นแค่จูบธรรมดา...แต่มันจะเป็นจูบที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าความรักที่มีให้เลย

“รู้อะไรมั๊ย?..ฉันน่ะรักไอ้วินนะ”เพียงแค่ริมฝีปากอิ่มผละออกจากริมฝีปากสีสดของอีกฝ่าย ร่างเล็กก็เอื้อนเอ่ยออกมาเบาๆเกี่ยวกับคำถามที่ภูเบศธ์อยากได้คำตอบถึงแม้ว่าคำตอบของร่างเล็กจะทำให้ภูเบศธ์รู้สึกใจกระตุก แต่ทว่ารอยยิ้มที่ส่งกลับมาให้นั้น ภูเบศธ์กลับนึกอยากคว้าร่างเล็กเข้ามาจูบอีกสักรอบ

ไม่เคยรู้เลยใช่มั๊ย ว่ายิ้มแบบนี้แถวบ้านเขาเรียกว่ายิ้มยั่ว นะครับ~

“แต่แบบเพื่อนน่ะ...ดำๆ แถมยังปากหมาแบบนั้นให้เป็นแฟนฟรีๆ ยังต้องคิดดูอีกทีเลยล่ะ ฮ่าฮ่า”สองหัวเราะเสียงใสทั้งๆที่ใบหน้ายังคงห่างจากใบหน้าคมเพียงแค่คืบทำให้คนบางคนอดใจไม่ไหวยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บริมฝีปากสีสดนั่นอีกสักครั้ง แต่เพียงแค่ริมฝีปากสัมผัสกัน มือเล็กก็กลับผลักอกแกร่งออก

“ลามปาม! แค่ถูกจูบก่อนล่ะได้ใจใหญ่ หาเรื่องจูบฉันอยู่นั่นแหล่ะไอ้เด็กบ้า!”สองเปิดปากต่อว่าทันที แต่ทว่าคนถูกด่ากลับไม่สะทกสะท้านหัวเราะได้อย่างหน้าตาเฉย

รู้ทันอีกแล้วนะ..

“ว่าแต่...เด็กบ้าๆแถมปากยังหมาเป็นของแถมแบบนี้...พี่สองยังอยากจะได้เป็นแฟนอยู่หรือเปล่า?” มือแกร่งคว้าเอวของคนที่นั่งอยู่ใกล้ให้เข้ามาแนบชิดแต่กระนั้นสองก็ยังพยายามที่จะดันตัวเองให้ออกห่าง

“ไม่!”พูดเสียงดังฟังชัดจนคนฟังรู้สึกหัวใจห่อเหี่ยว

“จริงอ่ะ?”ลองถามย้ำเผื่อว่าสองอยากจะเปลี่ยนใจ

“แน่น๊อน~ ”
สองลอยหน้าลอยตาตอบทั้งๆที่ภูเบศธ์ทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“ใจร้ายจัง ”
ร่างสูงก้มหน้าก้มตาตอบในขณะที่ริมฝีปากบางเผยยิ้มอย่างอ่อนหวาน

“นายไม่คิดเหรอว่าเรามาไกลเกินกว่าคำว่าแฟนแล้วนะ”สองพูดเบาๆราวกับว่าไม่อยากให้คนอื่นได้ยินเรื่องนีอีกทั้งๆที่บนดาดฟ้าแห่งนี้ก็มีกันอยู่เพียงแค่สองคน ภูเบศธ์เลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะร้องอ๋อออกมาเบาๆเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้
ออ! กูลืมไปเลยว่าเคยมีเรื่องราวที่เรา “เคยได้กันในวันที่เมา” มาแล้วถึงสองครั้ง


“ฮ่าฮ่า..นั่นสิ”ถึงปากจะหัวเราะแต่สีหน้าดูไม่แปรผันตรงกับคำพูดเอาเสียเลย
ทางที่ดี หาเรื่องให้กูได้เป็นสามีจริงๆสักที ท่าจะดีไม่น้อย~

“นายเล่นมาขอฉันเป็นแฟนเอาหลังจากที่ได้ฉันไปตั้งนายแล้วเนี่ยนะ...เฮ้อ...น่าน้อยใจชะมัด”

   งั้นกูขอถามกลับสักคำ วันนั้นคุณกมลินทร์มีอารมณ์มาฟังกูขอเป็นแฟนหรือเปล่าล่ะครับ?

เอะอะก็เตะ เอะอะก็ถีบ ตกเตียงไปไม่รู้กี่รอบ แถมยังปิดท้ายด้วยการลอบสังหารน้องภูน้อย..รอดมาได้ถือว่าบุญหัวกูมากครับ!


“ช่างมันเถอะ...”สองพูดอย่างไม่ใส่ใจนักเมื่อภูเบศธ์ไม่ยอมแก้ตัวอะไรก่อนจะลุกขึ้นยืนปัดเสื้อผ้า

“นั่นสิ เพราะต่อจากนี้เราก็จะเป็นแฟนกันแล้วนี่นา”ภูเบศธ์ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นตาม

“ใครบอกว่าฉันจะเป็นแฟนนาย?”พูดขึ้นมาราวกับไม่รู้เรื่องทำเอาภูเบศธ์อยากลงไปดิ้นพราดๆอีกสักรอบ
ทำไมการทำให้สอง ยอมรับกูเป็นแฟนมันช่างยากเย็นได้ถึงเพียงเน้!

“ไม่อยากเป็นแฟน แต่อยากเป็น ‘เมีย’ผมหรือไง?”ภูเบศธ์ประชดด้วยอารมณ์เซ็งๆ แต่ทว่าสองกลับพนักหน้าหงึกหงัก ทำเอาภูเบศธ์ต้องหันไปมองด้วยความงุนงง

“อ้าว?..ก็ทีตอนไอ้ตรฤณมันนอนกับกรมันยังเรียกกรว่าเมียเลยอ่ะ..แล้วฉันกับนายอ่ะ? จะเป็นแค่แฟนเหรอ? ไม่ได้ๆ น้อยหน้าไอ้ตรฤณมันแย่~”พูดไปเรื่อยเหมือนไม่รู้ความหมาย จนภูเบศธ์ต้องกุมขมับ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆด้วยความไร้เดียงสาของรุ่นพี่ตัวเล็กที่อายุห่างถึงสามปี

เออ! อยากเป็นเมียใช่มั๊ย เดี๋ยวภูเบศธ์จะจัดให้สมใจอยากเลยคอยดู!

“มองอะไร?”สองหันกลับมามองภูเบศธ์ที่ยังยืนอยู่กับที่แถมรอยยิ้มแปลกๆที่สองเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก

“เปล่า...แค่คิดว่าคืนนี้จะจัดการยังไงกับเมียดี”ภูเบศธ์อมยิ้ม แต่ทว่าสองกลับไม่ใส่ใจแล้วก็เดินนำภูเบศธ์ไป

“แล้วนั่นจะไปไหนน่ะ?”

“ไม่เห็นหรือไง ว่าแดดมันออก จะยืนโง่ตากแดดอยู่คนเดียวก็ตามใจนะ”พูดจบก็เดินเข้าไปข้างในโดยที่ภูเบศธ์เองก็ต้องทำหน้าที่วิ่งตาม

เดี๋ยวนี้ชักจะปากจัดเกินไปแล้วนะ...คอยดูเหอะจะจูบล้างปากให้หายจัดเลย!



ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
_______________________


“อยู่ไหนของมันวะ? หาจนทั่วแล้วนะเนี่ย”เพื่อนหันไปทางซ้าย เพื่อนหันไปทางขวา ก่อนที่เพื่อนจะเดินมาแทรกตรงกลาง

“หาอะไร?”

“ก็มึงไง...เฮ้ย!”ทั้งชวินและตรฤณร้องขึ้นมาพร้อมกันเมื่อเห็นสองมาอยู่ระหว่างกลางพวกเขาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง

“อะไร? ทำหน้าอย่างกับเห็นผี”สองพูดขึ้นก่อนจะชกไหล่เพื่อนตัวใหญ่เบาๆ

“เปล่าๆ..มึงไปไหนมาอ่ะ? พวกกูหาตั้งนาน”ตรฤณเปิดคำถามทันที

“ดาดฟ้า”สองตอบสั้นๆ

“ดาดฟ้า? ไปกับใคร”

“เด็ก!  ” สองตอบยิ้มๆก่อนจะเดินนำสองเพื่อนเกลอที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่เพราะสงสัยในคำพูดของเพื่อนรักตัวเล็ก

“เด็กไหนวะครับ ไอ้สองกรุณาพูดให้กูเคลียร์”ตรฤณรีบเดินตามก่อนจะคว้าแขนสองเพื่อให้คนตัวเล็กหยุดเดินแล้วกหันมาตอบคำถามแต่ทว่าสองกลับทำแค่เพียงส่งยิ้มให้

“อย่าบอกนะว่ามึงคิดจะเปิดฮาเร็มใหม่น่ะ”

“ก็คง..จะประมาณนั้นมั้ง”สองยิ้มจนตาปิด

“เฮ้ย! แล้วภูเบศธ์ล่ะวะมันจะทำยังไงอ่ะ?”ตรฤณรีบถามกลับโดยที่มีชวินเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ก็มันนั่นแหล่ะตัวตั้งตัวตีให้กูเปิดฮาเร็มอีกครั้ง..แต่คราวนี้ฮาเร็มกูอาจจะพิเศษหน่อย”

“พิเศษตรงไหน?”ชวินและตรฤณถามขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

“ก็ตรงที่ฮาเร็มกูจะมีเด็กแค่คนเดียวยังไงล่ะ...ฮ่าฮ่า” พูดจบก็เดินหัวเราะจากไป ทิ้งไว้ให้ชวินและตรฤณได้ขบคิด

ถ้ามีเด็กคนเดียว เขาไม่เรียกว่าฮาเร็มหรอกเว้ย ไอ้สอง!
สงสัยเมื่อกี้คงไปจู๋จี๋กันมาล่ะสิท่า ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมมาเชียวนะมึง


_____________________


“เป็นยังไงบ้างเจอสองมั๊ย?” ไม่นานนักกรก็เดินเข้ามาสมทบหลังจากที่ชวินกลับไปแล้ว แถมเจ้าตัวปัญหาก็ยังไม่รู้อีกเช่นเดิมว่าหายหัวไปไหน จะเหลือก็แต่ตรฤณที่ต้องนั่งประจำถิ่นเพื่อให้กรเดินมาหาถึงที่

“เจอ..แต่ตอนนี้ไม่รู้ไปกับเด็กถึงที่ไหน”ตรฤณพูดพร้อมกับคว้ากระเป๋าของกรมาไว้ข้างตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรฤณต้องทำอันดับแรกเวลาที่กรเดินมาถึง

เพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดี โดนทิวากรโมโห กูจะโดนหลุยส์นี่แหล่ะเป็นอาวุธดักตีหัว เพราะฉะนั้น ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นอันว่าดี!

“เด็กไหน? นี่สองแอบไปมีเด็กอีกแล้วเหรอ?. ฉันล่ะสงสารไอ้ภูเบศธ์มันจริงๆ”กรพูดพร้อมกับทำท่าคิดหนัก แต่ตรฤณกลับยิ้มร่าเริง

“ก็เด็กที่ชื่อภูเบศธ์นั่นแหล่ะนายจะคิดมากอะไรเดี๋ยวหน้าแก่ก่อนวัยหรอก”ตรฤณกระแซะไหล่กรแต่กรกลับทำตาเขียวใส่

นั่นไง! ดีเท่าไหร่ที่กูเอาหลุยส์มาแนบข้างตัว ไม่งั้นกูโดนหลุยส์หวดหัวไปแล้วครับ!

“ชักจะมากไปแล้วนะตรฤณ! นายว่าฉันหน้าแก่หรือไง?”กรเริ่มขึ้นเสียง กวาดสายตามองหาอาวุธประจำกาย แต่ทว่ามันกลับโดนคนที่ทำมห้โมหั้นหนีบเอาไว้แน่น

รู้ทันกูดีจริงๆเชียวนะไอ้หน้าหมี!

“ไม่ได้ว่าสักหน่อย..แค่เตือนด้วยความหวังดีน่า ~ อย่าโมโหสิจ๊ะที่รัก ”ตรฤณโน้มตัวเข้าไปใกล้ แถมยังเอนหัวลงซบไหล่ของกรก่อนจะพูดออดอ้อนถึงแม้ว่ากรจะมีท่าทีไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ห้ามหรือหาอะไรมาตีหัวตรฤณ

แล้วอย่าเงยหน้าขึ้นมาเชียวล่ะ..เดี๋ยวได้เห็นว่าคนอย่างทิวากรกำลังยิ้มแก้มปริอยู่!

ถ้าวันนั้นไม่ใช่เพราะแผนของชวินก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่กรจะได้คนหน้าหมีมานั่งออเซาะอยู่อย่างนี้ล่ะว้า~
สงสัยต้องหาเรื่องเลี้ยงชวินสักหน่อย คงจะดีไม่น้อย~

_____________________.


“จะกลับเลยหรือเปล่า?”
หลังจากที่นั่งคุยกันอยู่นานร่างสูงก็ก้มมองดูนาฬิกาก่อนจะถามขึ้น

“นี่! ยังเถียงกันไม่จบเลยนะ นายจะกลับได้ยังไง”

สรุปที่บอกว่าคุยกันเมื่อกี้คงไม่ใช่สินะ...เถียงกันอยู่เหรอ?

“ก็บอกแล้วไงว่าหมอเขมน่ะรุกแน่ๆ”ภูเบศธ์ตอบหน่ายๆ เพราะตอบคำตอบนี้มาเป็นร้อย แต่ก็ยังหาทางจบไม่ได้

“ฉันว่าไอ้วินนะ”สองเองก็แย้งขึ้นมาทันควัน

“นั่นไง? ต่อให้เถียงกันอีกเป็นชาติก็ไม่จบหรอกในเมื่อพี่สองก็บอกว่าพี่ชวิน ส่วนผมก็บอกว่าเป็นไอ้หมอเขมน่ะ”

“ไม่ไง..ก็ฉันอยากได้คำตอบอ่ะ”สองว่า

“งั้นก็ไปถามเองเลยสิ...เพื่อนพี่สองไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมัน..แต่ว่าลองถามสักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง”สองทำท่าเหมือนหนักใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม

“ทำเหมือนจะเกรงใจเลยเนอะ~”ภูเบศธ์พูดขึ้นลอยๆแต่ทำเอาสองมองตวัดสายตามองด้วยความขุ่นเคือง

“ปากดีจริงๆ...จะว่าฉันก็ว่ามาตรงๆเลยดีกว่าอย่าประชดไม่ชอบ!”สองขึ้นเสียง แต่ภูเบศธ์กลับอมยิ้ม

“ยังไม่ลองเลยรู้ได้ยังไงว่าปากดี”พูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนใบหน้าหวานต้องผงะออกด้วยความรวดเร็วด้วยความตกใจ

“เอาอีกแล้ว นายนี่ชอบเอาหน้ายื่นเข้ามาใกล้ๆ ฉันตกใจนะ!”
เผลอเมื่อไหร่ กูจะเสยคางเข้าให้แล้วอย่าหาว่ากูไม่เตือน! ไอ้เด็กบ้านี่

“ก็อยากทำหน้าน่ารักทำไมล่ะ?”

แล้วกูก็ใจอ่อนยวบกับคำมันทุกทีสิน้า...
ก็ว่าจะเสยคางเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นจูบหวานๆซะเลยนี่!


“เออ! ขอโทษที่คนมันน่ารักไม่เกรงใจใคร ฮ่าฮ่า” พูดเองหัวเราะเองท่าทางสองโหมดนี้จะไม่ค่อยปกติเท่าที่ควร แต่ก็เพราสองเป็นอย่างนี้ล่ะน้า ถึงทำให้ภูเบศธ์หลงจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่ทุกวันนี้

“กลับเหอะ เดี๋ยวไปส่ง”ภูเบศธ์ว่าก่อนจะเอากระเป๋าเป้สองมาถือไว้ แต่ทว่ากลับโดนสองแย่งกลับคืน

“ฉันไม่ใช่พวกผู้หญิงที่ต้องให้นายช่วยถือของ เดินไปสิจะไปส่งไม่ใช่หรือไง?”สองว่าก่อนจะบอกให้ภูเบศธ์เดินต่อหลังจากที่ภูเบศธ์ยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่ทว่าจากนิ่งก็ต้องกลับกลายเป็นรอยยิ้ม

พี่สองเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น ถึงแม้ตอนนี้จะเปลี่ยนสถานะไปแต่สองก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

_________________



“อ้าว..แล้วพี่ชวินไม่ต้องไปรับพี่สองเหรอครับ?”เสียงจากปลายเสียงบ่งบอกถึงความไม่ค่อยแน่ใจจนฟังออก

“ไม่ต้องแล้วเดี๋ยวนี้มันมีสารถีส่วนตัวคนใหม่แล้ว~ ว่าแต่วันนี้น้องเขมเอารถมาเหรอ?”ชวินถามผ่านทางเครื่องมือสื่อสารรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งวางขายเมื่อสัปดาห์ก่อน

“ครับ ผมเอารถมาเอง...เอางี้ให้ผมไปรับพี่ชวินที่บริษัทดีกว่ามั๊ยครับ?”หมอเขมตอบกลับ ซึ่งชวินเองก็เหมือนจะพยักหน้าเออออเห็นด้วย ...ก็ดีทำงานเหนื่อยมาทั้งวันจะได้ไม่ต้องขับรถ ให้เด็กขับรถมารับท่าจะดีกว่าเยอะ

“ถ้างั้นรบกวนน้องเขมด้วยนะ ”
ตอบพร้อมรอยยิ้มถึงแม้ว่าหมอเขมจะเห็นก็ตาม

“ได้เสมอครับ ”

ขอบคุณมากนะไอ้สอง ที่โละเด็กในฮาเร็มมาให้กูเซ้งต่ออีกที!

:: TBC ::


มาต่ออีกตอนแล้วนะคะ.ตอนนี้เหมือนจะหวานแล้ววววววววว ฮิ้วววว

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอดนะค้า

vi2212

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Gemm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
หมอเขม VS. ชวิน เค้าอยากอ่านบ้างอ่า

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
เหลือกินเหลือใช้แบ่งมาแถวนี้บ้างก็ได้พี่สอง



 :m20: :m20:

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อะฮุ....ชักอยากเห็นคู่ หนุ่มวินกะหมอเขม แล้วล่ะ  :z1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ในที่สุดก้อสมหวังจนได้สิน้า

รอรอต่อไปน้อ อย่าลืมมาต่ออีกนะคับ^^!!

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไร3คู่นี้จะเป็นของกันและกันสักที

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เชียร์ ชวิน + หมอเขม ...
+1 คืนให้นะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ในที่สุดดดดดดดดดด เค้าก็เป็นแควนกันนนนนน!!!~ สมหวังซะทีเว๊ยเฮ้ย!!  :laugh:  :laugh:   :laugh:   :laugh: 

ปลื้มเป็นที่สุด ....แต่หาความหวานกันไม่เจอเลยนะคู่นี้ เอ้ย!! ต้องสองคู่สินะ ...จะมีหวานๆ มาให้คนอ่านชิมกันบ้างไม๊คร๊าาาาาา  :-[   :-[   :-[

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
ถ้าสองรุ้ความจริงว่ายังไม่ได้เป็นเมียภูจะว่าไงล่ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
ฮิ้วววว ลงเอย กันสักที

ว่าแต่จะได้กันจริงๆๆเมื่อไหร่ละเนี่ยยยย 555555   :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
โอ๊ย ฮ่าๆๆ

แปะไว้ก่อน เพิ่งอ่านได้ต้นตอน4 (ไม่น่าเล้ย ฮ่าๆๆ ขำไส้แตก :jul3:)

ที่จริงแอบติดนิดเดียว ตอนภูเรียกตัวเองว่าฉันกับกร... มันดูตุ๊ดๆ ยังไงพิกล (แต่สองกับกรนี่กระเทยแม่นบ่<<โดนเตะ)

ไม่รู้ว่าคุณRyokochanเขียนนิยายด้วย (ว่าแล้วว่ามันต้องตลก ฮ่าๆๆ :m20:)

ปล. วันหลังขอเกลียวใหญ่กว่านี้อีกสิคะ สัก..40-50<<เชิญหล่อนหลงใหลร่องแกมไปคนเดียวเถอะยะ!!!!!!!!!

วันนี้ต้องออกไปธุระ ไว้ว่างๆ (จะอู้)มาอ่านต่อนะคะ ฮ่าๆๆๆ รักน้องภูอ๊าาา  :impress2:

ปล.2 ที่จริงอิฉันเป็นคนคลั่งนิยายตลก มากถึงมากที่สุด (ประเด็นคือ ความตลกของอิฉันมักไม่ตรงกับของชาวบ้านน่ะสิ=[]=!!)

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ย ฮ่าๆๆ

แปะไว้ก่อน เพิ่งอ่านได้ต้นตอน4 (ไม่น่าเล้ย ฮ่าๆๆ ขำไส้แตก :jul3:)

ที่จริงแอบติดนิดเดียว ตอนภูเรียกตัวเองว่าฉันกับกร... มันดูตุ๊ดๆ ยังไงพิกล (แต่สองกับกรนี่กระเทยแม่นบ่<<โดนเตะ)

ไม่รู้ว่าคุณRyokochanเขียนนิยายด้วย (ว่าแล้วว่ามันต้องตลก ฮ่าๆๆ :m20:)

ปล. วันหลังขอเกลียวใหญ่กว่านี้อีกสิคะ สัก..40-50<<เชิญหล่อนหลงใหลร่องแกมไปคนเดียวเถอะยะ!!!!!!!!!

วันนี้ต้องออกไปธุระ ไว้ว่างๆ (จะอู้)มาอ่านต่อนะคะ ฮ่าๆๆๆ รักน้องภูอ๊าาา  :impress2:

ปล.2 ที่จริงอิฉันเป็นคนคลั่งนิยายตลก มากถึงมากที่สุด (ประเด็นคือ ความตลกของอิฉันมักไม่ตรงกับของชาวบ้านน่ะสิ=[]=!!)

เรื่องนี้ถ้าจะว่ากันตามจริง ก็จะเป็นตุ๊ดกันหมดอยู่แล้วล่ะค่ะ วุ่นวาย ขี้น้อยใจ คำพูด ฮ่าาา (หรือเพราะเรามีเพื่อนเป็นตุ๊ดมากเกินไป?)

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 17 เมาแดด!


“ถามจริง...คิดไงถึงจูบผมก่อน?”





พรืดดดดด~

ร่างเล็กที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับรถถึงกับสำลักน้ำส้มที่ใช้ปากดื่มจากขวดทันทีที่ได้ยินคำถามจากภูเบศธ์

“แค่กๆ..ไอ้บ้าถามอะไรของนาย!  ” สองวางขวดน้ำลงโดยใช้ขาหนีบเอาไว้เพราะเกรงว่ามันจะหกอีกพร้อมกับมองซ้ายขวา หากระดาษทิชชู่มาเช็ดคอนโซลรถตรงหน้าที่เปรอะน้ำส้มเต็มไปหมดโดยมีภูเบศธ์แอบเหลือบมองท่าทางลุกรี้ลุกรนของสองเป็นระยะเนื่องจากยังขับรถอยู่

“ก็อยากรู้~ ไม่งั้นจะถามทำไม”   ภูเบศธ์เผยยิ้มกรุ้มกริ่มทั้งทางสายตาและมุมปากแต่สองคงไม่สามารถมองทะลุแว่นตากันแดดสีดำสนิทนั้นได้จะเห็นก็แต่ริมฝีปากอีกคนที่ยกยิ้มขึ้นจนสองนึกอยากหาเอาอะไรไปตีด้วยความหมั่นไส้

“ไม่รู้!” สองกอดอกก่อนจะสะบัดหน้าไปทางกระจกด้านข้างทำเป็นสนใจสิ่งต่างๆนอกรถ

“ไม่รู้แล้วจูบทำไม?”ภูเบศธ์ยังคงรุกถามให้อีกฝ่ายจนมุมสองหันหน้ามามองอีกฝ่ายด้วยแววตาขุ่นเคือง

กรุณาอย่าถามว่าทำไม เพราะกูก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน!

“เมาแดด!”

“หา?” ภูเบศธ์ถึงขั้นเลิกสนใจรถราบนท้องถนนชั่วครู่แล้วหันมามองหน้าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆแถมยังตอบคำถามหน้าตาย

ถ้าเมาแดดแล้วจูบกูสงสัยคงต้องจับสองตากแดดวันละหลายรอบซะแล้วล่ะมั้ง!

“ก็บอกว่าเมาแดด คิดอะไรมากเนี่ย!” ในเมื่ออีกฝ่ายยังคงทำท่าสงสัยสองก็เลยทำเป็นโมโหเพื่อปกปิดความเขินของตัวเอง

“เปล๊า~ เมาแดด ก็เมาแดด”ภูเบศธ์พยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่เชื่อในคำพูดของสองก่อนจะผิวปากขับรถอย่างสบายอกสบายใจ จะมีก็แต่คนตัวเล็กที่นั่งข้างทำท่าฮึดฮัด อย่างกับเด็กหงุดหงิดเวลาคับข้องใจ

   จะเชื่อไม่เชื่อกูไม่อยากรู้...
   รู้แต่ว่าหลังจากนี้คงต้องให้กูรูอย่างไอ้ตรฤณมาสอนให้กูแถเป็น!


“อย่ามาอมยิ้มนะ!” สองขึ้นเสียงใส่ทันทีเมื่อภูยังคงยิ้มที่มุมปากไม่เลิก ทำเอาความโมโหหรือไม่ก็ความเขินของสองพุ่งปรี๊ดจนใบหน้าหวานแดงไม่หยุด

“อมยิ้มก็ไม่ได้เหรอ?”ภูเบศธ์ตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองร่างเล็กด้วยซ้ำ

“ไม่ได้! ”
เสียงเล็กออกคำสั่งอย่างเอาแต่ใจแต่ภูเบศธ์กลับเผยยิ้มกว้างกว่าเดิม

“เขินหรือไง?”ภูเบศธ์ถามยิ้มๆอีกครั้ง

“ไม่ได้เขิน!”สองตอบเสียงดังฟังชัด ในขณะที่ภูเบศธ์หักพวงมาลัยรถเข้าใต้ตึกของหอพักที่สองพักอาศัยอยู่ ก่อนที่รถเล็คซัสสีดำจะจอดนิ่งสนิท

“ไม่ได้เขินก็ไม่ได้เขินครับ~ วัวแก่ปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ~”ภูเบศธ์ถอดแว่นกันแดดสีดำสนิทออกก่อนจะส่งยิ้มละลายโลกให้แก่สอง พร้อมด้วยคำหยอกล้อแกมประชดประชัน

“นายก็ปากหมาเหมือนกันนั่นแหล่ะ!”

“ปากหมาแล้วรักมั๊ยล่ะ?   ” ภูเบศธ์ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อในตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดเข้าข้างตัวเองอย่างไรมันก็คงไม่ดูเป็นการเข้าข้างตัวเอง เพราะตอนนี้..สองยอมรับรักภูเบศธ์แล้ว

“ไม่รู้!”
ใบหน้าหวานแดงซ่านขึ้นมาอีกครั้งจนยากที่จะบังคับให้ใบหน้าของตัวเองกลับคืนสู่สภาพปกติ

   ก็ตั้งแต่เมาแดดแล้วจูบมันก่อน ไอ้ภูเบศธ์ก็คอยแต่จะหาเรื่องให้กูบอกรักมัน!


จุ๊บ! 

นั่น จุ๊บแก้มกูอีกแล้ว ไอ้เด็กปากหมาสันดานเสีย! 


“ให้ลงไปส่งมั๊ย?”

“ไม่ต้อง!” เพราะถ้าขึ้นห้อง มันคงไม่หาเรื่องจูบกูอย่างเดียวแน่นอน!

“แต่อยากไปส่งอ่ะ...นะ..เดี๋ยวเดินขึ้นไปส่ง”เสียงทุ้มออดอ้อนแต่สองทำใจแข็ง

“ก็บอกว่าไม่ต้อง ไม่ต้องไง กลับไปเลย!”สองทำเป็นโมโหก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วรีบคว้ากระเป๋าลงจากรถทันที โดยมีภูเบศธ์ได้แต่หัวเราะขำๆกับท่าทางของรุ่นพี่ตัวเล็กอยู่คนเดียว

“ไอ้เด็กบ้า! วันนี้โดนมันจูบไปกี่รอบแล้ววะเนี่ย~”

รู้งี้ไม่น่าไปเสียทีจูบมันก่อนเล้ย~
คิดแล้วก็โมโหตัวเองทั้งๆที่เผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว


ปิ๊บ ปิ๊บ... 
เสียงเตือนจากมือถือบอกให้เจ้าของเครื่องรู้ว่ามีข้อความใหม่เข้ามา มือเล็กจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาดู เบอร์ที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอเป็นเบอร์แปลกที่สองไม่เคยเมมโมรี่เอาไว้ในตัวเครื่อง จึงทำให้ร่างเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยก่อนจะเปิดอ่านข้อความ

‘พรุ่งนี้อย่าลืมตากแดดอีกนะ..เผื่อจะเมาแดดแล้วจูบผมก่อนอีก ’

“ไอ้เด็กบ้า!”
ไม่ต้องรอให้สมองประมวลผลความคิด ปากเล็กก็ก่นด่าออกมาทันทีเพราะเพียงแค่อ่านข้อความ ก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของเบอร์นี้มันเป็นของใคร

ปิ๊บ ปิ๊บ...
ยังไม่ทันจะได้นึกโมโห ก่นด่าอะไรต่ออีก ข้อความก็เข้าอีกครั้ง พร้อมกับโชว์เบอร์เดียวกันกับเบอร์ที่ส่งข้อวามมาก่อนหน้านี้

‘ถ้ารู้ว่าด่าผมว่า ปากหมา อีก จะตามไปจูบถึงที่เลย ’

“โทษที ฉันไม่ได้ด่าว่านายปากหมา ฮ่าฮ่า”
สองเยาะเย้ยกับข้อความในมือถืออยู่คนเดียว จนรู้สึกว่าตัวเองแปลกๆก่อนจะหันซ้ายขวาพอไม่เห็นใคร ร่างเล็กก็เผยยิ้มขึ้นมาอย่างโล่งอก

“แต่จะว่าไป..ถ้ากูด่ามันตอนนี้มันจะมารู้ได้ไงว่าวะว่ากูด่ามันฮ่าฮ่า ”สองพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอาเครื่องมือสื่อสารเก็บลงกระเป๋าก่อนจะเดินไปกดลิฟท์ โดยรู้สึกเหมือนว่ามีอีกคนที่มายืนข้างๆตัวเองเพื่อรอขึ้นลิฟท์ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าหากคนที่ยืนอยู่ข้างๆสอง คือ ภูเบศธ์...มันจะยังปกติอยู่หรือเปล่านะ?

“ชั้น 3 เองอ่ะทำไมต้องขึ้นลิฟท์ให้เปลืองไฟ?”   

“ภูเบศธ์! ”สองหันขวับไปทางด้านซ้ายทันทีตามสัญชาติญาณเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู แล้วก็เห็นว่าเด็กของตัวเองยืนยิ้มหวานเป็นดอกทานตะวันเบิกบานยามเช้า

“อ๋อ..ลืมไปว่าแก่แล้วเนอะ” ภูเบศธ์ยกยิ้มกวนอวัยวะเบื้องล่างทำเอาสองต้องชี้นิ้วไปที่หน้าอีกฝ่ายเตรียมตัวด่าด้วยความโมโห

“ปาก....”

“อย่าพูดต่อเชียวนะ จำไม่ได้เหรอว่าผมบอกว่าอะไร?” เพียงแค่เสียงเล็กหลุดออกจากปาก ร่างสูงก็รีบพูดขัดพร้อมกับเดินไปประชิดร่างเล็กทันที
‘ถ้ารู้ว่าด่าผมว่า ปากหมา อีก จะตามไปจูบถึงที่เลย^^’

“ปาก.....เสีย!”
กูไม่ได้ด่ามึงว่าปากหมา..เพราะฉะนั้นอย่าหาเรื่องมาจูบกู!

ภูเบศธ์หัวเราะกับคำด่าของอีกฝ่าย พร้อมกับลิฟท์เปิดออกสองจึงต้องรีบวิ่งเข้าลิฟท์ แล้วกดปุ่มปิดประตูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สองกลับรู้สึกว่าประตูลิฟท์นั้นมันช่างปิดได้ช้าเหลือเกิน ช้าถึงขนาดที่ว่าภูเบศธ์เดินตามเข้ามาได้อย่างไม่เร่งรีบอะไร

สุดท้ายมึงก็หาเรื่องไปส่งกูถึงห้องจนได้!
สองเหล่มองเด็กตัวสูงโย่งที่ยืนอยู่ข้างๆตัวเองด้วยความโมโหแต่จะให้ทำอะไรได้นอกเสียจกยืนยิ่งๆอยู่กับที่ เพราะในสถานที่แบบนี้ไม่ควรแหย่หมาป่า เพราะจะตายห่าเอาได้ง่ายๆ สัญชาติญาณบอกไว้อย่างนั้น

ติ๊ง
สัญญาณของลิฟท์ดังขึ้นเมื่อลิฟท์ขึ้นมาถึงชั้นสาม โดยที่ร่างสูงเองก็รอให้คนตัวเล็กเดินออกก่อนแล้วตัวเองค่อยเดินตาม

“กลับไปได้แล้ว..จะตามมาทำไม?” สองหันไปไล่เด็กหนุ่มที่เดินตามติดตัวเองทุกฝีก้าวราวกับเป็นเงาตามตัว

“ก็ตามมาส่ง...เป็นห่วงก็ไม่ได้เหรอ?”
เหตุผลของภูเบศธ์ทำเอาสองใจอ่อน ถึงจะมีข้อโต้เถียงอยู่ในใจก็ตามที
กูก็กลับของกูอย่างนี้จนถึงปีสี่ ไม่เห็นว่ากูจะโดนฉุดสักที จะตามติดกูเป็นผีมีห่วงทำไม๊!

“เออๆ! ฉันถึงแล้วนายก็กลับไปสิ”

“จะไม่ชวนเข้าห้องหน่อยเหรอ ขับรถมาส่งเหนื่อยนะ ไม่ให้ไปพักบ้างเหรอ?”ภูเบศธ์ถามต่อพร้อมกับทำท่าอิดออดไม่ยอมไป

นั่นไง!  กูว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไรแอบแฝง ไม่งั้นมันจะง้องแง้งหาเรื่องมาส่งกูถึงห้องหร๊อ?!

“กลับไปได้แล้ว! ห้องฉันรกอย่าเข้ามาเลย”

“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ ห้องผมก็รก”ภูเบศธ์ว่าพร้อมด้วยสายตาออดอ้อน 
ปัญหามากจริงเลยเว้ย! รู้งี้ไม่น่าโละเด็กในสังกัดซะก็ดีพอมีไอ้นี่คนเดียวหนักใจกว่ามีเด็กในฮาเร็มเป็นสิบอีก!

“เออ! เรื่องมากจริงนายนี่”สองบ่นไปตามเรื่องตามราวเพราะสุดท้ายก็ยอมเปิดห้องแล้วรับเด็กปากหมาเข้าห้องไปพ้อมตัวเองอยู่ดี พอร่างสูงเดินเข้าไปในห้องก็ต้องยิ้มกว้าง เมื่อสภาพของห้องไม่ได้รกอย่างที่ใครบางคนว่าเอาไว้ ออกจะเรียบร้อย ถึงบางมุมจะมีกองหนังสือระเกะระกะบ้าง แต่รวมๆแล้วก็ถือว่าโอเค

“ไหนบอกว่าห้องรกไง?” ภูเบศธ์ถามพร้อมกับย้ายตัวเองไปนั่งลงบนเตียงของเจ้าของห้องอย่างถือวิสาสะ แต่ถึงอย่างนั้นสองกลับไม่ใส่ใจแล้วเดินเอาเป้ตัวเองไปพาดไว้กับเก้าอี้ก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียงตามอีกที

“ก็มันรกจริงๆนี่นา”สองบ่นอุบอิบไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร

“ไม่เห็นรกเลย....” ภูเบศธ์พูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนให้รุ่นพี่ตัวเล็กที่เพิ่งเลื่อนสถานะเป็นแฟนกันเมื่อบ่ายนี้เองพอหมดคำจะพูด ทั้งสองก็ต่างนั่งเงียบโดยที่ไม่มีใครคิดจะหาเรื่องมาชวนพูดก่อน
ห้องมันเงียบ หรือเป็นเพราะพวกกูเงียบวะ?

สองมองรอบๆห้องแก้เขิน ก่อนจะสบตาเข้ากับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ

“หายเหนื่อยหรือยัง? ถ้าหายก็กลับไปได้แล้ว”

“ทำไมชอบไล่ผมนัก...ทีเมื่อก่อนล่ะไม่เห็นจะเคยไล่เด็กในฮาเร็มตัวเองอย่างนี้เลย”ภูเบศธ์พูดด้วยความงอน

“ก็นายไม่ใช่เด็กในฮาเร็มของฉันนี่  กลับไปได้แล้วอยากอาบน้ำ”สองเริ่มหาข้ออ้าง

“ถ้าผมไม่ได้เป็นเด็กในฮาเร็มพี่สองแล้วผมเป็นอะไร?”สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในแก้วตาสีน้ำตาลเข็มของร่างเล็กตรงหน้าราวกับต้องการค้นหาคำตอบ แต่ทว่าร่างเล็กกลับหลบสายตา

“ขอไม่ตอบได้มั๊ยอ่ะ”สองลุกพรวดขึ้นทันที ทำเอาร่างสูงที่กำลังโน้มตัวกะจะหอมแก้มร่างเล็กต้องล้มตัวลงไปเกือบจูบกับเตียงแทนแก้มใสๆนั่น ร่างสูงกรอกตาไปมาด้วยความเซ็งในอารมณ์ก่อนจะลุกขึ้นตามรุ่นพี่ตัวเล็กอีกที

“ได้ยังไง...บอกมาสิว่าถ้าผมไม่ใช่เด็กในฮาเร็มของพี่สองแล้วผมเป็นอะไร”ร่างสูงเดินตามสองเพื่อไปคาดคั้นเอาคำตอบราวกับเด็กเอาแต่ใจ

“ก็บอกไปแล้วนี่!”

“ตอนไหนล่ะ?”

“ก็บนดาดฟ้าไงล่ะ”

“บอกว่าอะไรล่ะ?”
ภูเบศธ์ยังคงถามอย่างต่อเนื่องเมื่อคนตัวเล็กไม่ยอมตอบคำถามตรงๆ

“.........”สองไม่ยอมตอบ

“เรียกว่าเป็น ‘คนรัก’ ได้หรือเปล่า?”ภูเบศธ์ลองถาม แต่ทว่าร่างเล็กที่ยืนหันหลังให้กลับอมยิ้มด้วยความเขินอาย ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อหันกลับไปหาร่างสูง

“ก็รู้อยู่แล้วจะถามทำไมให้มากความ..กลับไปได้แล้วไป ฉันอยากพัก”สองดันร่างสูงให้ไปที่หน้าประตูโดยที่ร่างสูงก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะมัวแต่ดีใจที่สองยอมรับว่าตัวเองเป็น “คนรัก”

“โอเคๆ..กลับก็กลับ”ในเมื่อได้คำตอบที่อยากรู้ร่างสูงก็ขี้เกียจที่จะหาเรื่องแกล้งอะไรคนตัวเล็กตรงหน้าอีก

“ล็อคห้องดีๆนะ...แล้วก็....ฝันดีครับ”ภูเบศธ์ออกไปยืนหน้าห้องเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“อือ! ไปได้แล้ว..ไม่ต้องมายิ้ม!”สองว่าก่อนจะปิดประตูทันทีเมื่อรู้สึกตัวเองกลั้นรอยยิ้มไม่ไหว

ไม่เคยคิดเลยนะว่าไอ้เด็กปากหมา...จะน่ารักได้ขนาดนี้
ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาบอกว่า...สองไม่ได้รักภูเบศธ์อีกต่อไป
เพราะตอนนี้ตกหลุมรักไอ้เด็กปากหมาไปหมดใจ...ทำไงได้!

_______________


“กรมองอะไรอยู่?”ตรฤณที่เพิ่งลงมาจากชั้นบนหลังเรียนเสร็จก็เดินเข้ามาถามกรที่กำลังจดจ้องกับบางสิ่งบางอย่างอยู่นานสองนาน

“ภูเบศธ์กับใครน่ะ?”ในเมื่อกรไม่ยอมตอบตรฤณเลยต้องใช้สายตาตัวเองมองไปตามทิศทางที่กรมองบ้าง แล้วก็พบว่าภูเบศธ์กำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“อาจารย์สุรีพรไง...กำลังสงสัยว่ามันไปคุยกับอาจารย์ทำไม” กรยังคงย่นคิ้วด้วยความสงสัย จนตรฤณต้องเอานิ้วมาจิ้มหว่างคิ้วของกรด้วยความเอ็นดู

“เดี๋ยวพอภูเบศธ์กลับมาค่อยถามก็ได้นี่นา.....คิดมากทำไม?” กรปัดมือตรฤณออกอย่างนึกรำคาญก่อนจะมองหน้าตรฤณด้วยแววตาที่ยากจะสื่อความหมาย

“เคยได้ยินมันพูดนะ..ว่ามันสอบชิงทุน.....กำลังคิดว่ามันคงสอบติด”

“เฮ้ยจริงดิ? อย่างนี้ต้องฉลองสักหน่อยว่ามั๊ย?”ตรฤณตื่นเต้นจนออกนอกหน้า มือใหญ่เลื่อนไปโอบไหล่บางด้วยความเนียน แต่แสดงออกประหนึ่งว่าดีอกดีใจจนลืมตัวแต่ถึงอย่างนั้นกรกลับไม่มีทีท่าว่าจะกระทุ้งศอกใส่ หรือไม่ก็แผ่รังสีอำมหิตทางสายตาจนตรฤณนึกแปลกใจ

เฮ้ย ใครเอาอะไรให้ทิวากรกินวะ...ถึงได้หายดุเป็นล็อตไวเลอร์ป่วย!

แหม่ๆ! อย่าได้หาว่าคนอย่างตรฤณ กล้าเอากรไปเทียบเรื่องความดุกลับล็อตไวเลอร์ เพราะความเป็นจริง กรดุกว่านั้นเยอะ ล็อตไวเลอร์ยังเทียบไม่ติด คิดดู! พอไม่ดุ เลยลดดีกรีเหลือเพียงล็อตไวเลอร์ คงเหมาะสมกันขึ้นมาหน่อย

“อย่างนี้ฉันก็คิดถึงมันแย่ดิ ฉันอยู่กับมันมาตั้งแต่จำความได้นะ~”กรห่อไหล่แก้วตาใสดูหม่นไปจนตรฤณนึกเป็นห่วง
“หมายความว่ายังไง?”ตรฤณถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“เพราะทุนที่มันสอบ...มันสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษน่ะสิ”

“นายว่าอะไรนะ?”ตรฤณเบิกตากว้างมากที่สุดเท่าที่กรเคยเห็นมาก็ได้

ตายห่า!  ไอ้สองเป็นหม้ายขันหมากก็งานนี้ล่ะวะ!

_______________


“ภู..ดีใจด้วยนะ”เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในบรรดากลุ่มเพื่อนของภูเบศธ์เอ่ยขึ้น ในขณะที่เดินลงไปชั้นล่างด้วยกันหลังเรียนเสร็จแววตาของเด็กสาวดูเป็นประกายเวลาได้อยู่ใกล้กับภูเบศธ์อย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่เพื่อนในกลุ่มก็รู้กันหมดว่า มายด์ชอบภูเบศธ์ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่า ภูเบศธ์ วิ่งตามจีบรุ่นพี่ปีสี่อยู่

“ขอบใจนะมายด์...ไม่คิดว่าจะได้ ข้อสอบยากโคตรๆ”ภูเบศธ์ยิ้มพร้อมกับตบไหล่หญิงสาวเบาๆอย่างเป็นกันเอง

“นี่ภู...ว่างหรือเปล่า...พอมีเวลาให้เรามั๊ย?”

“ทำไมล่ะ? ว่างสิ..”ภูเบศธ์ก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือก่อน เมื่อนึกได้ว่ายังไม่ใช่เวลาที่สองเลิกเรียน ภูเบศธ์ก็ว่างเสมอ

“เรามีเรื่องอยากคุยด้วย”

“ได้สิ”
ภูเบศธ์ยิ้มรับก่อนจะเดินเคียงคู่กับหญิงสาวไป โดยไม่รู้เลยว่า คนที่ภูเบศธ์คิดว่าเรียนอยู่ในห้อง จะออกมาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้







“ภู...คือเรา...”
บนชั้นสี่ไม่ค่อยมีใครเดินพลุกพล่านอย่างชั้นหนึ่งกับชั้นสอง หญิงสาวที่ภูเบศธ์เดินมาด้วยก็หยุดเดินเมื่อไม่เห็นว่ามีใคร

“มีอะไรเหรอ?”เสียงทุ้มถามราวกับคนไม่รู้เรื่อง
แต่ภูเบศธ์เองไม่ใช่คนโง่ที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะเดาไม่ออกว่าหญิงสาวกำลังสารภาพรักแต่ตัวเองก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร อย่างน้อยก็ต้องอยู่รับฟังแล้วจะหาทางปฏิเสธให้เธอเจ็บปวดน้อยที่สุด

“ที่จริง...เราก็พอรู้นะว่าภู..กำลังจีบรุ่นพี่ปีสี่อยู่”



ไม่ใช่กำลังจีบเว้ย...แต่เป็นคนรักแล้ว...กรุณาพูดใหม่ด้วย! 
สองแอบหลบอยู่ตามเสาตึกเพื่อมองดูภูเบศธ์อยู่ห่างๆ เนื่องจากชั้นนี้เงียบ จึงทำให้สองได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่อย่างชัดเจน แต่ก็ทำได้แค่เพียงเถียงอยู่ในใจ

“แต่เราก็ยังอยากจะบอก...”

“................”ภูเบศธ์ไม่ตอบอะไรเพียงแต่ให้หญิงสาวพูดอยู่คนเดียว

“ฉันชอบภูนะ....”

“................”เจ้าของชื่อทำได้แค่เพียงนิ่งเงียบ

“เฮ้อ โล่งชะมัดเลยฉันได้พูดแล้วนะ”เธอพูดก่อนจะถอนหายใจระบายความเครียด เธอรู้อยู่แล้วว่าภูเบศธ์คงไม่มีทางหันมาชอบเธอ แต่เธอก็เลือกที่จะบอก

“ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆนะ....” ภูเบศธ์ยิ้มให้อย่างอบอุ่นซึ่งเป็นรอยยิ้มที่สองคิดว่าเคยได้มันอยู่คนเดียว แต่วันนี้ภูเบศธ์กำลังส่งยิ้มแบบนี้ให้คนอื่น แค่คิดก็เจ็บแปลกๆที่อกด้านซ้ายจนรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมาเอง

“แต่ว่า....”ภูเบศธ์อ้ำอึ้ง

“แต่ว่า....ตอนนี้ภูเบศธ์ชอบพี่ ขอโทษนะที่ต้องทำให้เสียใจ”สองเดินออกจากเสาที่หลบซ่อนตัวอยู่นาน พร้อมกับประกาศเสียงดังพร้อมกับการเดินไปเคียงข้างภูเบศธ์

จะได้รู้กันไปเลย ว่าไอ้นี่น่ะเด็กใคร...กมลินทร์น่ะใหญ่รู้ไว้ซะด้วย!

“พี่สอง?”
คนที่กำลังเพิ่งถูกสารภาพรักหันไปมองคนที่เพิ่งมาใหม่อย่างตกใจ  ซึ่งฝ่ายหยิงเองก็คงจะตกใจไม่แพ้กัน

“ทำไม? กลัวโดนจับได้หรือไงว่านายนอกใจฉันน่ะ หา! ภูเบศธ์ กำลังจะนอกใจฉันใช่มั๊ย!”สองตะคอกเสียงใส่ภูเบศธ์ทันทีทำเอาภูเบศธ์วางตัวไม่ถูก

“คือไม่ใช่อย่างนั้น ผมกับมายด์ไม่ได้มีอะไรกันจริง”
แล้วคนที่แอบมีชู้ที่ไหนเขายอมรับว่าตัวเองนอกใจเมียตัวเองน่ะหา!

“ไม่มีอะไรได้ยังไง? ที่กับน้องมายด์อะไรนี่ทำเป็นพูดเพราะ แต่กับฉันไม่ด่าว่าวัวก็สัตว์สปีชี่คล้ายวัวแต่ตัวสีดำ!”

“พี่สอง....”
ภูเบศธ์อ่อนใจในเมื่อถึงคราวสองจะเฮี้ยน หมอผีที่ไหนก็ปราบไม่อยู่

“คือพี่สองคะ....คือมายด์ไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่ทะเลาะกันกับภูนะคะ... ภูเขาบอกกับเพื่อนทุกคนว่าเขาชอบพี่สอง แต่มายด์ก็ยังชอบภูเ...พอดีวันนี้ภูเขาสอบชิงทุนได้ มายด์เลยอยากบอกความในใจน่ะค่ะ”มายด์พยายามอธิบายให้สองได้เข้าใจ

เพล้ง!~
คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเสียงของใบหน้าใครบางคนแตกออกเป็นเสี่ยงๆจนหมอไม่อยากรับเย็บ
แต่ว่า...สอบชิงทุน...ชิงทุนอะไร?

“มายด์ขอโทษนะคะที่ทำให้ต้องเข้าใจผิดกัน....ภู....มายด์ขอโทษนะต่อจากนี้เราจะยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อใช่มั๊ย?”

“อืม...”ภูเบศธ์ตอบก่อนที่มายด์จะเดินจากไป เหลือแต่สองที่ยืนทำหน้าเหรอหราเพราะไปต่อไม่ถูกหลังจากวีนแตกเพราะเข้ใจผิด


“อะไรกัน...หึงผมขนาดนั้นเลยเหรอ?”ภูเบศธ์กระแซะไหล่ถามรุ่นพี่ตัวเล็กที่ทำตัวน่ารักจนอยากจับมาจูบ
คนอะไร~ ขนาดหึงยังน่ารักขนาดนี้!

“ไม่ได้หึง!”สองปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ภูเบศธ์กลับไม่ใส่ใจในคำปฏิเสธ
คนปากแข็ง สงสัยต้องจูบบ่อยๆเผื่อมันจะหายแข็งบ้าง

“แน่ใจหรอว่าไม่ได้หึง?”

“ไม่แน่ใจเว้ย!”
สองทำหน้างอพร้อมตอบคำถามทำเอาภูเบศธ์ต้องอมยิ้มก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปฉวยจูบริมฝีปากแดงเบาๆ โดยที่เจ้าของริมฝีปากเล็กก็หลับตาลงรับสัมผัสอุ่นชื้นที่ริมฝีปากก่อนที่ลิ้นร้อนจะละเลียดฝีปากบางอีกฝ่ายอย่างพอใจมือใหญ่ก็ค่อยๆดันท้ายทอยของคนตัวเล็กให้รับจูบของตนเองได้แนบแน่นยิ่งขึ้น

“อะ....อือ.......”เสียงหวานครางในลำคอแผ่วเบามือลิ้มร้อนกวาดความหวานพร้อมกับเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างเอาแต่ใจ โดยที่สองเองก็พยายามที่จะตอบสนองจูบของร่างสูง  แต่ยิ่งทำก็ยิ่งทำให้ร่างสูงได้ใจจนค่อยๆดันร่างเล็กติดกำแพง
“อื้อ....อะ..”ลิ้นร้อนยังคงรุกล้ำอยู่ภายในโพรงปากเล็กจนคนตัวเล็กเริ่มครางอื้ออึงไม่เป็นภาษาทั้งที่รู้สึกดี  แต่ก็เหมือนกับว่าตัวเองจะขาดใจตายได้ง่ายๆ


“เฮ้ย! สองมึงอยู่ที่นี่มั๊ยวะ?”
เพียงแค่เสียงเรียกที่คุ้นเคย ทำให้ภูเบศธ์ต้องผละตัวออกจากร่างเล็กโดยอัตโนมัติก่อนจะหันหลังให้สองเพื่อดูว่าใครมา ร่างเล็กรีบใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากตัวเองลวกๆก่อนจะเดินนำหน้าภูเบศธ์ไปหาต้นเสียง

“มีอะไรมึง...เรียกกูซะเสียงดัง”สองเดินออกมารับหน้าทันทีที่ตรฤณเดินพ้นขั้นบันไดขั้นสุดท้าย

“คือว่ากูจะมาบอกว่าภูเบศธ์ อ้าวภูเบศธ์ก็อยู่เหรอ?”ตรฤณที่อุตส่าห์เดินตามหาเพื่อนตัวเล็กจนถึงชั้นสี่ เพื่อจะบอกข่าวด่วน แต่ทว่าเจ้าของข่าวดันอยู่กับสองอยู่แล้ว

“มีอะไรเหรอมึง...ภูมันทำไม?”  สองหันไปถามตรฤณก่อนจะหันกลับไปมองภูเบศธ์อีกครั้งด้วยแววตาสงสัย

“ภูเบศธ์มันสอบทุนได้...”ตรฤณว่า

“อ้าว..เฮ้ยจริงดิภู อย่างนี้ต้องฉลองสักหน่อยว่ามั๊ย?”สองเผยยิ้มกว้างให้ภูเบศธ์ ซึ่งภูเบศธ์เองก็ยิ้มตอบกลับ

เป็นไงล่ะ เด็กกูเก่งครับเด็กกูเก่ง...
กูเองก็ไม่ค่อยอยากจะอวดเท่าไหร่เลยนะเนี่ย~


“ไปฉลองกันนะคืนนี้ ”สองเดินเข้าไปควงแขนภูเบศธ์ทันที โดยที่ภูเบศธ์ก็พยักหน้ารับก่อนจะชวนกันเดินลงไปข้างล่าง โดยที่ไม่ได้ทันสังเกตสีหน้าของตรฤณเลยสักคน

“ถ้ามึงรู้ว่าเด็กมึงสอบชิงทุนไปอังกฤษมึงจะยังยิ้มอยู่อย่างนี้หรือเปล่าวะสอง~”
ตรฤณส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเดินตามสองคนนั้นลงไปเช่นกัน

________________


“ทำไมภูเบศธ์ไม่บอกฉันล่ะว่าภูเบศธ์สอบทุนได้?”สองถามอย่างตื่นเต้นในขณะที่เดินลงมาพร้อมกันกับภูเบศธ์ และตรฤณที่เดินตามมาทัน

“ก็รอพี่สองเลิกเรียนค่อยบอก..แล้วนี่อะไรเล่นตามไปหึงถึงชั้นสี่”ภูเบศธ์ว่าขำๆทำเอาตรฤณนึกสนใจ

“เฮ้ย..ภู ไอ้สองมันไปเฮี้ยนอะไรไว้อีกล่ะ”ตรฤณถามขึ้น

“กูไม่ใช่ผีไอ้นี่! ”สองมองตาขวางแต่สองหนุ่มกลับหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

“ก็พี่สองน่ะ ตามไปหึงผมเพราะมีคนมาสารภาพรักกับผมน่ะสิ”ภูเบศธ์รีบอวด แต่สองกลับเขินจนหน้าแดง

“ว่าแต่ไปหึงกันอีท่าไหนวะ? ปากมึงถึงได้เจ่อกลับมาอย่างนี้อ่ะ?”ตรฤณทำเป็นถามทั้งที่รู้ๆอยู่แล้วว่า…..
สองคงไปหาเรื่องกัดปากกันกับภูเบศธ์แน่นอน!

“ไม่รู้โว้ย! มึงจะถามทำซากอะไรวะ?..กลับไปหาเมียมึงเลยไป!”คราวนี้ไม่ใช่แต่สองที่หน้าแดง เพราะภูเบศธ์ก็หน้าแดงจนลามไปถึงใบหูจนตรฤณนึกขำ

“ไม่ต้องบอกกูก็จะไปหาอยู่แล้วเว้ย~”ตรฤณพูดพร้อมกับยักคิ้วให้เพื่อนตัวเล็ก

“หมั่นไส้! จะไปไหนก็ไปเลยไป ไอ้หมีกระแดะ!”สองว่าเข้าให้ก่อนที่ตรฤณจะรีบหลบหนีฝ่าเท้าของสองไปหลบข้างหลังกร


 “มาหลบอะไรอยู่หลังฉันตรฤณ น่ารำคาญ!”ตรฤณน้ำตาตกใน เพราะไม่ว่าจะหนีไปทางไหนก็โดนรุมทำร้ายร่างกายและจิตใจ!

“เจอตัวพอดีเลยภูเบศธ์”กรเลิกสนใจตรฤณก่อนจะสนใจบุคคลที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่

“มีอะไรกร?”ภูเบศธ์ถามกลับ

“ได้ข่าวว่าสอบทุนได้...”กรเข้าประเด็นทันทีโดยที่ภูเบศธ์ก็พยักหน้าหงึกหงักเป็นอันว่าข่าวที่กรได้ยินมาคือเรื่องจริง

“ทำไมจะพาไปเลี้ยงเหรอ?”ภูเบศธ์ยักคิ้วกวนๆ

“แน่นอนหลานรหัสฉันทั้งคน”กรยิ้ม...ซึ่งเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างที่ภูเบศธ์ไม่เคยได้รับมานานมาก จนนึกแปลกใจ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2012 22:38:54 โดย ryoko_chan »

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
_____________________


“สองไม่รู้ใช่มั๊ยว่า ภูเบศธ์มันสอบได้ทุนไปอังกฤษ”กรถามเบาๆหลังจากที่ออกมาจากคณะพร้อมกับตรฤณ

“คิดว่าไม่นะ...ฉันว่าภูเบศธ์คงไม่อยากบอกสองหรอก”ตรฤณถอนหายใจให้กับความรักของสองและภู ทั้งที่เพิ่งรักกันได้แต่ก็ตั้งจากกันไกลซะแล้ว!

กว่าจะรักกันได้  กูต้องถูกไอ้สองเตะถูกไอ้สองมันงอนไปไม่รู้กี่รอบ
แล้วนี่อะไรจะหาเรื่องตีจากสองเพื่อนที่น่ารักของกูอีกละ
กูชักจะเคืองน้องเมียตะหงิดๆแฮะ~

“แล้วถ้าเกิดภูเบศธ์...ไปอังกฤษจริง...สองจะทำยังไงล่ะ?”กรเริ่มเป็นกังวล

ไม่รู้สิ....ขนาดตัวสองเอง...ยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง

“อังกฤษอย่างนั้นเหรอ?” สองพึมพัมเบาๆหลังจากที่เพิ่งเดินตามตรฤณกับกรออกมาคนเดียวเพราะว่าภูเบศธ์โดนอาจารย์เรียกตัวไปคุยเรื่องทุนที่สอบได้

__________


“อ้าว? สองไม่ได้อยู่กับนายเหรอภู?” กรกรอกเสียงไปตามเครื่องมือสื่อสารทันทีเมื่อภูเบศธ์โทรมาถามว่าสองอยู่ที่ไหน

“ไม่นี่..เห็นเดินตามกรกับพี่ตรฤณออกมาแล้วนี่นา ฉันโดนอาจารย์เรียกน่ะ สองเลยบอกว่าจะตามพวกนายไปก่อน”   คำพูดของภูเบศธ์ทำเอากรต้องเบนหน้าไปหาตรฤณที่กำลังขับรถอยู่ทันที

“หรือว่า....สองจะได้ยินที่พวกฉันพูดกัน”กรเอ่ยขึ้นอย่างวิตกพอตรฤณได้ยินเรื่องที่กรพูดก็ถึงขั้นเลี้ยวรถจอดข้างทางทันทีเพื่อรอดูสถานการณ์ กรจึงต้องกดเปิดลำโพงเพื่อให้ตรฤณได้ยินด้วย

“เรื่องอะไร?”ภูเบศธ์ถามกลับอย่างสงสัย

“ก็เรื่องที่นายสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษน่ะสิ”

_________________


“วิน....กูจะทำยังไงดี ”สองนั่งอยู่ในรถของวินเป็นที่เรียบร้อยหลังจากเพียงโทรหากริ๊กเดียว วินก็รีบบึ่งรถมารับสองที่มหาวิทยาลัยทันที

“มึงก็ตามมันไปดิ คิดไรมาก”วินก็เป็นกังวลที่เห็นเพื่อนรักดูแปลกตาไปจนน่าใจหาย แววตาที่เคยสดใสกลับหม่นจนรู้สึกสงสาร รอยยิ้มสดใสที่เคยอยู่บนใบหน้าของสอง ก็หายไปจนวินไม่รู้ว่าจะกลับมาได้หรือเปล่า แต่ที่พูดออกไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้สองคิดมาก

“มึงหนีกูไปแล้วคนนึง..แล้วนี่อะไร ไอ้เด็กนี่จะหนีกูไปอีกคนงั้นเหรอ?!”สองพูดอย่างโมโห

“กูไม่อยากรอแล้วนะ!” น้ำตาใสไหลอาบแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวและไม่คิดจะเช็ดมันออกด้วย

“สอง...กูรู้ว่าถ้ามึงได้รัก..แล้วมึงรอได้”วินว่าก่อนจะยกมือขึ้นไปลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆเพื่อปลอบโยน

“แล้วเด็กนั่นมันไปกี่ปี?”

“ไม่รู้! ฮึก..จะไปกี่ปีหรือกี่ชาติ...กูก็จะไม่รอ!”สองพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ ทั้งที่ถ้าว่ากันตามความเป็นจริง สองคงไม่สามารถทำได้อย่างที่พูดเอาไว้


____________

“หา?!! กรว่าอะไรนะ?”ภูเบศธ์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นจนกรต้องดึงโทรศัพท์ให้ไกลตัวจากเดิม

แต่มันก็ช่วยแต่แก้วหูของกร เพราะรายนั้นยื่นโทรศัพท์ใส่หน้าหมีๆ อย่างไอ้ตรฤณคนนี้เต็มๆเลยครับ!
“ก็นายสอบชิงทุนไปอังกฤษไม่ใช่หรือไง? นายคิดจะทิ้งสองไปเรียนต่อที่นู่นจริงๆเหรอ?”

“นายพูดอะไรของกร ใครสอบชิงทุนไปอังกฤษ?”น้ำเสียงของภูเบศธ์บ่งบอกเต็มที่เลยว่าไม่รู้เรื่อง

“ก็นายไง นายเคยบอกว่านายจะสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษ”กรรีบถามกลับทันที

“ก็ใช่...แต่ครั้งนี้ฉันสอบชิงทุนเรียนฟรีจนจบป.ตรี ฮึ้ย~ ป่านนี้สองไปร้องไห้ขี้มูกโป่งที่ไหนแล้วก็ไม่รู้”น้ำเสียงของภูเบศธ์ดูหงุดหงิดราวกับคนทำอะไรไม่ถูก

ฮึ๊ย~ กูชักหมั่นไส้ไอ้หลานรหัส ไอ้ฉลาดไอ้รูปหล่อแถมไอ้พ่อรวย...แต่มึงจะสอบชิงทุนเรียนฟรีทำไม แค่ทุน พ.ก.ยังไม่พอใช้อีกเหรอวะ? *(พ.ก. = พ่อกู)

“หรือว่าอยู่กับวิน?”กรว่า

ก็วินนั่นแหล่ะ..คือคำตอบสุดท้ายของสอง


:: TBC ::

อย่าได้คิดว่าเรื่องนี้จะดราม่านะคะ....ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :laugh:


ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้ค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2012 20:22:25 โดย ryoko_chan »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ทำไมมี "จุนซุ"  โผล่มาด้วย  จะทักตั้งแต่ตอนที่แล้วแหละ  ลองเช็คดูนะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
เอ่อ!พี่กรกับแฟนเมากาวหรือเปล่า

คิดได้เป็นตุเป็นตะ คิดไปเองทั้งนั้น ดูดิเขาเข้าใจผิดกันหมดเลย


 :m16: :m16:

vi2212

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
อ้าวกะลังจะเศร้าหักมุมซะงั้นแต่ก็ดี

ออฟไลน์ AllRiseApril

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
แล้วไป  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
แต่พี่สองมันโวยวายไปแล้ววววววววววววววว  ภูตามด่วนจ้า

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมมี "จุนซุ"  โผล่มาด้วย  จะทักตั้งแต่ตอนที่แล้วแหละ  ลองเช็คดูนะ

ขอบคุณมากๆเลยนะค้า แก้แล้วค่ะ
(พอดีเรื่องนี้เป็นฟิคชั่น แล้วเราเอามารีไรท์ให้เป็นชื่อไทยน่ะค้าาา)

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
อ๊ายยย  พลิกล็อคอ่ะ

คิดว่าจะดราม่าจริงๆซะอีก  5555

+1 จ้า

ออฟไลน์ omyim_jjj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อร๊ากกก.........เกลียดประเทศอังกฤษ เกลียดๆ ดีนะที่ภูไม่ได้สอบไปจิงๆ

แต่งานงอกแน่ละน้อ 555++

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกนะค๊าฟ

รอรอน้อ^^

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
คิดมาก แก้ยาก เรื่องเยอะ คิดแยะ

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
สองรอไม่ไหวแล้วเน่อออออออ ภูรวบหัวรวบหางเลยเร๊ววววว สงสารสองจริงๆ  :sad4:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
สะใจค่า ที่คนเขียนบอกว่าอย่าคิดว่าเรื่องนี้จะดราม่า
ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆ o18

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด