บทที่ 14 หนัก...
“อือ....”
เสียงร่างเล็กที่นั่งหลับคอพับอยู่เบาะข้างๆครางในลำคอทำให้สายตาคมที่สนใจรถราบนท้องถนนในยามค่ำคืนต้องหันความสนใจมายังร่างเล็กแววตาของภูเบศธ์ดูอบอุ่นและดูเป็นผู้ใหญ่เวลาที่คอยแอบมองสองอยู่ห่างๆ รวมถึงครั้งนี้ด้วย ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นนิดๆอย่างมีความสุขที่เห็นรุ่นพี่ตัวเล็กที่แอบชอบมานานนอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างตัว แถมยังเป็นภาพที่น่ารักในสายตาเหลือเกิน
แต่อย่าทำให้ตื่นเชียวล่ะ!
เดี๋ยวลูกแมวจะได้กลายเป็นแม่แมวแล้วถีบกูตกรถเอา!
ใช้เวลาไม่นานนัก เล็คซัสสีดำสนิทก็จอดอยู่บริเวณลานจอดรถของหอพักที่ภูเบศธ์อาศัยอยู่ สายตาคมเหลือบมองร่างเล็กที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ก็ต้องส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบางๆให้กับความน่ารักของรุ่นพี่สองอีกครั้ง
ภูเบศธ์จัดการพาตัวเองลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมไปประประตูทางที่สองนั่งเพื่อประคองสองให้ลุกขึ้นมาแต่ทว่า...
อึ๊บ! ..
ออกแรงอีกนิดสิวะ!
อื้อ....อึ๊บ!
กูเข้าใจแล้วว่าทำไม พี่ชวินถึงต้องแบกสองมาส่งให้กูถึงประตูรถ!
กูบอกตามตรงว่ากูแบกสองไม่ไหว!
ไม่ใช่ว่าสองตัวใหญ่...แต่ก็อาจจะแค่อวบไปเท่านั้นเอง!
ร่างสูงถอนหายใจอยู่หลายครั้งเมื่อพยายามจะช้อนตัวคนตัวเล็กแต่ตรงข้ามกับน้ำหนัก จนแล้วจนรอดตัวของสองก็สูงจากเบาะรถที่นั่งอยู่ไม่เกินห้าเซนต์สักที ลำบากภูเบศธ์อีกตามเคย ร่างสูงหันซ้ายแลขวาก่อนจะตัดสินใจนั่งยองๆหันหลังให้สองก่อนจะพยายามใช้มือรั้งร่างเล็กที่หลับไหลอยู่ให้ขึ้นมาบนหลังอยากทุลักทุเล และสุดท้ายความพยายามของภูเบศธ์ก็เป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อได้ร่างเล็กมาไว้บนหลังเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าตอนจะลุกขึ้นจะเซไปบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับล้มหน้าคะมำก็ถือว่าเป็นบุญหัว
มีใครอยากทำโล่ เพื่อเป็นเกียรติยศแห่งความพยายามของกูบ้างมั๊ยครับ?
ในเมื่อการที่แบกสองขึ้นหลังได้นั้นยังไม่ถึงขั้นสุดท้ายของแผนวิธี นี่ยังเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ภูเบศธ์เงยหน้ามองห้องพักตัวเองที่อยู่บนชั้นที่เจ็ดแล้วก็ต้องถอนหายใจอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
นี่ถ้าเกิดหอกูไม่มีลิฟท์ กูคงคิดทิ้งคุณกมลินทร์ไว้ในรถจริงๆแล้วล่ะ!
ร่างสูงใหญ่กระโดดตัวเองนิดๆเพื่อกระชับคนตัวเล็กให้เข้าล็อคมากยิ่งขึ้นจะได้ง่ายต่อการแบก ก่อนจะเดินเข้าสู่บริเวณหอพักไปโดยมีคุณลุงยามหน้าหอแอบมองด้วยความเห็นใจ ที่เห็นพ่อหนุ่มหน้าตาดีแบกชายหนุ่มอีกคนขึ้นห้องด้วยความลำบาก
แค่เห็นสีหน้า ก็พอจะรู้ได้ทันที ว่าหนุ่มน้อยที่หลับอุตุอยู่บนหลังพ่อหนุ่มนั่น หนักใช่หยอก!
สุดท้ายความพยายามอย่างยากลำบากของภูเบศธ์ก็สิ้นสุดลง เมื่อตัวเองนั่งลงบนเตียงพร้อมกับปล่อยมือจากร่างเล็กให้หงายหลังทิ้งตัวลงบนเตียง โดยที่ลืมหันไปมองว่าอีฝ่ายจะมีสภาพเยี่ยงไร หลังจากที่ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นเพราะมัวแต่หอบหายใจเพราะความเหนื่อยอยู่
“อุ้ย!”พอหายเหนื่อย ภูเบศธ์ก็หันหลังกลับไปดูผลงานของตัวเองก็พบว่าหัวของคนที่เพิ่งแบกขึ้นมานั้นเลยขอบเตียงจนหงายคอพับไป ทำให้คนที่แบกขึ้นมาลนลานกระโดดข้ามเตียงไปแล้วช้อนหัวทุยๆของคนที่หลับไม่รู้เรื่องขึ้นมา แล้วจัดวางคนตัวเล็กให้นอนอยู่บนเตียงในท่าที่สบายขึ้น
“เฮ้อ~”มือแกร่งถูกยกขึ้นมาปาดเหงื่อก่อนจะมองใบหน้าหวานที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป
ปิ๊บๆ...
ยังไม่ทันได้คิดว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ เสียงข้อความก็ดังขึ้นทำให้ภูเบศธ์ต้องล้วงเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋าเพื่อเปิดอ่านข้อความ
“กร?”
ภูเบศธ์อ่านชื่อผู้ที่ส่งข้อความมาด้วยความสงสัยก่อนจะกดเปิดอ่านข้อความ
‘อย่าคิดแม้แต่จะจูบ.. เข้าใจ๊?’
แต่ข้อความที่ได้อ่านมานั้น ทำให้ภูเบศธ์รับรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่กรแน่ๆที่เป็นคนพิมพ์ข้อความแล้วส่งมา แต่ดูท่าว่าเขาเองจะคุ้นๆกับประโยคทำนองนี้..เหมือนเพิ่งได้ยินมา..จาก
พี่วิน?! แล้วพี่วินเอามือถือกรมาใช้ได้ยังไง?
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ก็รีบโทรกลับไปยังเบอร์ของกร แต่ทว่าไร้สัญญาณตอบรับทำให้ภูเบศธ์รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายชิ่งปิดเครื่องตัดหน้าไปแล้ว ถึงแม้จะยังคงสงสัยอะไรอีกหลายๆอย่างทั้งเรื่องข้อความที่ถูกส่งมา และมือถือของกรที่ปิดไป ทั้งที่ร้อยวันพันปีกรไม่เคยปิดเครื่องนอกเสียจากแบตเตอรี่จะหมด แต่นั่นก็มีโอกาสน้อยมากเพราะกรมักจะพกแบตเตอรี่สำรองเอาไว้เสมอ
“ลองโทรไปอีกสักหน่อยท่าจะดี” ภูเบศธ์บอกกับตัวเองเช่นกันก่อนจะกดโทรออกอีกครั้ง แต่เสียงตอบรับอัตโนมัติทำให้ภูเบศธ์ถอนหายใจแล้วก็โยนมือถือทิ้งไปบนโต๊ะหนังสือเมื่อมันหมดประโยชน์
ร่างสูงโปร่งเดินลากเท้าไปยังเตียงของตนเองที่มีรุ่นพี่ตัวเล็ก(แต่น้ำหนักเยอะ)นอนอยู่ ก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียงก่อนจะใช้มือเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปิดใบหน้าหวานๆนั้นออกด้วยความเอ็นดู แววตาคมฉายแววอบอุ่นอย่างที่คนที่หลับอยู่เองก็ไม่เคยได้เห็น พร้อมกับการก้มลงไปมองใบหน้าของคนที่หลับไหลใกล้ๆ ก่อนจะมีการหยุดชะงักเล็กน้อย
‘อย่าคิดแม้แต่จะจูบสอง เข้าใจ๊?’
ประโยคที่อยู่ในข้อความทำให้ภูเบศธ์หยุดคิด แต่ทว่าคิ้วเรียวกับเลิกขึ้นอย่าเจ้าเล่ห์ แล้วก้มลงไปหอมแก้มใสๆของอีกฝ่ายตามที่ใจคิด
ไม่ได้จูบ แต่แค่หอมแก้ม เพราะนั้นไม่ได้ผิดสัญญา เข้าใจ๊!
ในเมื่อได้หอมแก้มข้างซ้ายแล้วยังไม่พอใจ ภูเบศธ์ก็ทำการชะโงกหน้าไปอีกทางเพื่อหอมแก้มขวา จะได้เก็บให้มันครบทุกเม็ด แล้วเผยยิ้มอย่างพออกพอใจ โดยที่คนที่ถูกขโมยหอมแก้มก็ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราว นอนหลับอุตุให้ไอ้เด็กเวรทำอะไรได้ตามอำเภอใจ พอได้หอมแก้มอีกฝ่ายจนสาแก่ใจภูเบศธ์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วผิวปากอย่างอารมณ์ดีเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย แต่ทว่าขาเรียวยาวกลับต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อคิดบางอย่างขึ้นได้
ถ้ากูไปอาบน้ำ แล้วสองล่ะต้องอาบด้วยหรือเปล่า?
ภูเบศธ์หันไปมองร่างเล็กที่หลับอุตุอยู่บนเตียงอีกครั้ง ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ถ้าอาบไม่ได้ ผมมีบริการเช็ดตัวให้ จะเอามั๊ยครับรุ่นพี่กมลินทร์~
ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำไป และไม่นานเกินรอภูเบศธ์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยร่างกายหอมฉุย พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กและน้ำในกะลังมังใบขนาดย่อม
ปฏิบัติการเช็ดตัวให้คนเมา(ยานอนหลับ) กำลังจะเริ่มขึ้น !
ทั้งที่ตอนอาบน้ำ ร่างสูงเองก็จินตานาการไปต่างๆนาๆว่าจะเช็ดตัวให้สองอย่างไร แล้วต้องถอดอะไรออกก่อน จะเป็นเสื้อ หรือกางเกง คิดไปก็นึกครึ้มอกครึ้มใจอยู่คนเดียว แต่พอเอาเข้าจริงกลับนิ่งเป็นหินเพราะไม่กล้าแม้แต่จะถอดเสื้อผ้าออกจากกายบาง ที่ไม่กล้าก็คงเป็นเพราะ “กลัวใจตัวเอง”
มือใหญ่ถือผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นค้างเอาไว้ในมืออยู่ได้ประมาณห้านาที ก่อนที่ภูเบศธ์จะสูดอากาศหายใจเข้าปอดลึกเพื่อเรียกสติ ว่าแล้วก็เริ่มลงมือเช็ดตัวให้คนนอนหลับโดยการเริ่มจากการเช็ดใบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ แล้วต่อด้วยลำคอระหงส์ที่เริ่มทำเอาร่างสูงหายใจติดๆขัดๆ เพราะยิ่งได้จ้องมอง ภูเบศธ์รู้สึกได้เลยว่ายิ่งหลงไหลร่างเล็กตรงหน้ามากขึ้นจนยากที่จะห้ามใจ
“โถ่เว้ย!”ภูเบศธ์เขวี้ยงผ้าขนหนูทิ้งด้วยความโมโหตัวเองก่อนจะใช้มือกุมขมับเมื่อยิ่งเช็ดก็ยิ่งจะทำให้ตัวเองตบะแตก เหมือนกับเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง แล้วอาจจะทำให้ผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับพ่อทั้งสองของสอง ภูเบศธ์หันไปมองร่างเล็กที่พลิกตัวไปอีกทางอย่างคนไม่รู้เรื่องแล้วก็ถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านแปด ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าผ้าห่มแล้วห่มให้สองจนถึงคอ
เพราะถ้าเกิดว่ายังมีช่องว่างให้กูได้มองร่างกายสองเกรงว่าเวอร์จิ้นของสองจะถูกกูขโมยจริงๆล่ะคราวนี้
____________________
“อือ....” แสงแดดในยามเช้าสาดส่องเข้ามาในตัวห้องเมื่อเจ้าของห้องลืมปิดม่านเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้ร่างเล็กที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวทันทีที่มีแสงส่องตาแต่เช้า
“ฮ้าวววววววว”สองยันกายลุกขึ้นจากเตียงมานั่งแล้วหาวหวอดใหญ่ มือเล็กเหยียดออกกว้างเพื่อบิดขี้เกียขก่อนจะเอามือมาขยี้หูขยี้ตาเพื่อให้ตื่นเต็มตาในเช้าอันแสนสดใสเช่นกับวันนี้
“หือ? ” แต่พอตื่นเต็มตาสองกลับเพิ่งรู้สึกตัวว่าเตียงที่ตัวเองนอน และห้องที่อยู่ในตอนนี้ไม่ใช้องของตัวเอง แต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยมาห้องนี้แล้วหนหนึ่ง พอหันไปทางซ้ายก็เจอเจ้าของห้องนอนหลับน้ำลายยืดอยู่บนฟูกข้างเตียง สองมองร่างสูงด้วยความสงสัย และพยายามที่จะไม่โวยวาย แล้วนั่งคิดทบทวนและเรียงลำดับเหตุการณ์ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ในห้องนี้อีกครั้งแล้วก็อยู่กับไอ้เด็กเวรปากหมานี้เหมือนเดิมกับคราวก่อนที่ไปดื่มมา
เฮ้ย! อย่าบอกนะว่ากูเมาแล้วชวนไอ้เด็กปากหมานี่ขึ้นห้องอีกน่ะ!
สองสะบัดหัวไล่ความคิดที่ไม่ควรจะเป็นจริงออกจากหัว แล้วปีนลงจากเตียงแล้วไปนั่งจุมปุ๊กอยู่ข้างล่างบนฟูกของภูเบศธ์ที่ยังคงนอนหลับอยู่ สองเอียงคอมองภูเบศธ์ที่ยังคงหลับสนิท ก่อนจะลองใช้มือสะกิดเรียกให้อีกคนตื่นขึ้นมา จะได้ถามคำถามเพื่อไขข้อข้องใจให้รู้เรื่องรู้ราว
“นี่~ ภูตื่นได้แล้ว”ในเมื่อสะกิดแล้วยังไม่ตื่นสองก็เริ่มเขย่าแขนเบาพร้อมด้วยการเรียกชื่อ แต่ทว่าเปลือกตาของร่างสูงยังปิดสนิทถึงแม้ว่าถ้าได้สังเกตดีๆจะเห็นว่าริมฝีปากอิ่มนั้นแอบอมยิ้มอยู่นิดๆ
เพี๊ยะ!
มือเล็กตีเข้าให้ที่แขนแกร่งของภูเบศธ์ จนร่างสูงสะดุ้งและยอมลืมตาขึ้นมาในที่สุด แล้วก็เจอกับร่างเล็กที่นั่งจุมปุ๊กทำปากยื่นๆด้วยความที่ไม่ค่อยพอใจ ที่ต้องตื่นมาแล้วเจอว่าตัวเองอยู่ในห้องเดียวกันกับภูเบศธ์อีกแล้ว
“มาหาเรื่องตีคนอื่นอะไรแต่เช้าเล่า~” ภูเบศธ์ผุดตัวลุกขึ้นมาทำท่าหงุดหงิดใส่ร่างเล็กคืนบ้าง แต่ก็แอบลอบยิ้มอยู่ดีที่ร่างเล็กดูจะตกใจไปบ้างเล็กน้อยกับอาการหงุดหงิดของตัวเอง
“ก็...ก็ฉันมาอยู่ที่ห้องนี้กับนายได้ยังไงล่ะ? ”
สองเอ่ยปากถามทั้งที่ควรจะโวยวายแต่คราวนี้สองกลับยอมเอ่ยถามดีอาจจะเป็นเพราะว่าครั้งนี้ไม่ได้ตื่นมาแล้วเจอหน้าไอ้เด็กเวรอยู่ในระยะใกล้ชิดก็เป็นได้
“จำไม่ได้อีกแล้วเหรอ?”ภูเบศธ์ลองถามคืนแต่สองกลับเอียงคอพลางครุ่นคิด
โฮะ! นี่จงใจจะยั่วกันตั้งแต่เช้าเลยเหรอ? แค่เมื่อคืนก็แทบควมคุมอารม์ไม่ได้อยู่แล้ว
นั่น! อย่ามาทำตาแบ๊วใส่นะ ถ้าเผลอจับจูบขึ้นมาแล้วอย่ามาหาว่าไม่เตือน!
“ไม่ได้อ่ะ”สองส่ายหน้าพร้อมกับพูด แววตาของร่างเล็กบ่งบอกได้ชัดเจนว่าจำอะไรไม่ได้จริงๆ จนภูเบศธ์นึกอยากสารภาพความจริงทั้งหมด แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อร่างเล็กโพล่งออกมา
“ไม่ใช่ว่านายวางยาแล้วลากฉันขึ้นห้องหรอกนะ!”
เฮ้ย?..รู้แล้วเหรอวะ
“ไม่สิ..นายจะวางยาฉันได้ยังไง เมื่อวานทั้งกรทั้งนายไม่ได้นั่งดื่มกับพวกฉันสักหน่อย”คำพูดของสองทำเอาภูเบศธ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก
มั่นใจได้ยังไงเล่าพี่สอง ว่าจะไม่มีหนอนบ่อนไส้ในกลุ่มเพื่อนของตัวเอง!
“หรือว่าไอ้ตรฤณ!” เมื่อสองถามอย่างนี้ภูเบศธ์ก็ทำได้แค่เพียงส่ายหน้าปฏิเสธ
“แล้วฉันมาอยู่กับนายได้ยังไงละ?”
เอ...หรือว่าเวลากูเมาชอบชวนคนอื่นขึ้นห้องแบบไม่รู้ตัว?
ตายแล้ว อย่างนี้กูไม่ได้ไอ้ตรฤณเป็นสามีเป็นรอบที่ร้อยแล้วเหรอวะ? แม่งเมาทีไรตื่นมาก็เห็นไอ้นี่แหล่ะคนแรกทุกที(ถ้าไม่นับระยะหลังนี้ล่ะนะ)
“................”พอโดนจี้ถามภูเบศธ์กลับหาข้ออ้างไม่ได้
“ไง?..ฉันมาอยู่ที่นี่กับนายได้ยังไง ภู”ในเมื่ออีกฝ่ายเงียบไป สองก็ได้ใจเลยรุกไล่ถามต่อพร้อมกับกำคอเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้คล้ายกับการขู่แต่ก็ไม่ได้กระชากรุนแรงแต่อย่างใด
“งั้นผมคงต้องใช้มุกเดิมซะล่ะมั้ง”ภูเบศธ์ยกยิ้มโดยไม่ได้มีทีท่าว่าจะเรงกลัวคนตัวเล็กตรงหน้าที่หรี่ตาลงด้วยความสงสัย
“รื้อฟื้นความทรงจำกันสักหน่อยดีกว่า...”
____________
“ฮึก....ฮึก....”
“อือ............”เสียงหวานครางต่ำด้วยความรำคาญก่อนจะพลิกตัวหนีไปอีกทาง
“ฮึก...ฮึก...! O_O”ถึงกำลังร้องไห้คร่ำครวญอยู่ แต่พอลองหันไปทางที่อีกคนนอนอยู่แล้วพลิกตัวหันหลังให้จนผ้าห่มหลุดไป จนเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนก็ทำเอาเสียงสะอื้นชะงักไปได้พร้อมกับตาของคนที่กำลังร้องไห้กระซิกๆเบิกกว้าง
“อือ....เว้ย~ ตุ๊ดที่ไหนมาร้องไห้คร่ำครวญอยู่แถวนี้คนจะนอน!”ยังไม่วายส่งเสียงขู่ปิดท้าย แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่ร้องไห้เพื่อนเรียกร้องความสนใจอยู่นั้นสนใจ เพราะตายังคงจับจ้องแผ่นหลังขาวของคนขู่อย่างที่ไม่อยากจะละสายตาไปทางไหน
“หือ?..ตุ๊ด!”คนบ่นลุกพรวดขึ้นมาทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรไปทำให้ผ้าห่มร่วงไปกองบนพื้นทำให้ร่างกายที่ไร้อาภรณ์ใดๆปกปิดเผยสู่สายตาของคนที่กำลังจ้องอยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้วเต็มๆตา
ตายห่า! เลือดกำเกากูพุ่งเลยมั๊ยล่ะ?!
ตรฤณรีบใช้หลังมือเช็ดจมูกที่มีเลือดไหลออกมาโดยที่สายตายังคงจับจ้องร่างบางที่ลุกขึ้นมามองหน้าตัวเองอย่างตกใจ
“ตรฤณ!”
“หือ~”
กูบอกตามตรงครับ ใจกูสั่นจนพูดไม่เป็น...ถ้าหากยังเห็นอะไรขาวๆอยู่อย่างนี้
“นาย! อยู่ที่นี่ได้ยังไง!”กรตะโกนลั่นพร้อมกับชี้หน้าตรฤณอย่างเดือดดาลโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพไหน แต่ทว่าพอได้เห็นตรฤณเต็มสองตาแล้วพบว่าอีกฝ่ายเปลือยท่อนบนโดยมีผ้าห่มปิดแค่ช่วงล่าง ก็ถึงคราวที่กรต้องก้มลงสำรวจตัวเองบ้าง
“อ๊าก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ว่าแล้วตรฤณก็เกือบปิดหูแทบไม่ทันแน่ะ!
______________________
“รื้อฟื้นความทรงจำกันสักหน่อยดีกว่า...”
“นายว่าอะไรนะ?”ยังไม่ทันที่สองจะได้ตั้งตัว เพราะพอรู้ตัวอีกทีก็โดนเด็กปากหมาฉุดลงแล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมเป็นที่เรียบร้อย
“อยากรู้มากใช่มั๊ยครับ? ว่าเมื่อคืนทำไมพวกเราถึงอยู่ที่นี่...แล้วเมื่อคืนพวกเราทำ ‘อะไร’ กัน”
“ไอ้ภู ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”สองดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างของร่างสูงอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ทว่าข้อมือที่ถูกรัดไว้นั้น แน่นเกินกว่าที่สองจะทานแรงนั้นได้ แต่พอได้ดิ้นไปดิ้นมาก็ทำให้ร่างสูงที่อยู่ข้างบนเสียหลักแล้วล้มตัวกอดรัดตัวเองแทน
“อื้อ~ปล่อยไง ไอ้บ้านี่หาเรื่องลวนลามฉันได้ตลอดเลยนะ!”สองโวยวายพร้อมกับการดิ้นทั้งตัวทั้งขาทำให้ภูเบศธ์ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดโดยการใช้ขาของตัวเองก่ายรัดขาเล็กทั้งสองเอาไว้แน่น ราวกับกอดก้อนอะไรกลมๆอยู่ก็ไม่ปาน
“ก็อยากรู้นักไม่ใช่หรือไง ว่าเมื่อคืนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะ”ภูเบศธ์ยังคงพยายามกอดรัดอีกฝ่ายอย่างทุลักทุเลเพราะสองยังมีฤทธิ์อีกเยอะอย่างที่เคยเจอๆมา
ปึ่ก!
ขนาดมือตีนไม่ว่าง แต่ก็เอาหัวกระแทกกับคางกูจนได้!
ภูเบศธ์ยู่หน้าด้วยความเจ็บเมื่อสองดิ้นไปมา จนหัวกลมๆเล็กกระแทกเสยคางเข้าอย่างจัง ถึงแม้ว่าจะเอามือขึ้นมาลูบคางสำรวจความเสียหาย แต่ในเมื่อมือทั้งสองข้างยังคงพยายามรัดร่างเล็กเอาไว้ ประเด็นความเจ็บปวดนี้จึงตกไป
“โอ๊ย~”
สองร้องเสียงอ่อน เพราะแรงกระแทกเมื่อสักครู่ก็ทำให้สองเจ็บหัวไม่น้อยแต่ก็ไม่มีเวลามานั่งอาลัยอาวรณ์กับหัวตัวเองขนาดนั้นจึงพยายามดิ้นต่อไปอย่างสุดความสามารถ จนทั้งตัวเองและภูเบศธ์ที่กอดรัดอยู่กลิ้งไปกลิ้งมาจนดูวุ่นวายไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นมือปลาหมึกก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจเพราะยังรัดร่างเล็กเอาไว้เสียแน่น
จุ๊บ!
“หายเจ็บยัง?”
ภูเบศธ์ก้มลงจุ๊บศรีษะของอีกฝ่ายตรงบริเวณที่คาดว่าเอามากระแทกกับคางของตัวเองก่อนจะยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้กลิ่นแชมพูเด็กอ่อนๆจากผมของร่างเล็ก แล้วปล่อยให้ตัวเองกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นไปตามแรงที่สองดิ้น
“ไอ้บ้า!”เสียงแหบเล็กตะโกนด่า แต่ก็ทำได้แค่นั้นจริงๆ
“ผมจุ๊บหัวให้แล้ว...เพราะฉะนั้นพี่สองก็จุ๊บคางให้ผมบ้างสิ..จะได้เสมอกันน่ะ”น้ำเสียงของภูเบศธ์ดูออดอ้อนแต่สองไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาเคลิ้มตามน้ำเสียง
ปัญญาอ่อน! หาเรื่องให้แต่กูเสียกับเสียนะมึงหลุดออกจากอกได้เมื่อไหร่เตรียมใจไว้เลยว่าศพไม่สวยแน่!
“ใช่เรื่อง! ปล่อยนะเว้ย~”สองพยายามดิ้นด้วยแรงเฮือกสุดท้ายจนพลิกตัวเองขึ้นไปอยู่บนตัวของภูเบศธ์โดยไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่ปล่อย~”ร่างสูงที่อยู่ด้านล่างยังตีหน้าทะเล้นจนสองนึกยากจะเอาหัวโหม่งอีกสักหรอบ แต่สุดท้ายกลับโดนมือแกร่งดันหัวกลมๆให้ซุกอกตัวเองดังอั่ก!
“ฉันเจ็บนะไอ้บ้า! อกคนหรือไม้กระดานแข็งชิบ!”สองบ่นอู้อี้ในเมื่อมือแกร่งยังกดศรีษะของตนเองให้แนบชิดกับอกของอีกฝ่าย
“เขาเรียกว่ากล้ามอกหรอก...มีหรือเปล่าตัวเองน่ะ?”
“มีโว้ย!”
กูออกจะแมนอาจไม่ถึงขั้นมีซิกส์แพ็คแต่อย่างน้อยก็น่าจะมีสักสองสามแพ็คล่ะว่ะ!
“แน่ใจเหรอ?...ทำไมตัวถึงนุ๊มนุ่มล่ะ?” ภูเบศธ์ยังพูดจาลวนลามร่างเล็กที่อยู่บนอกตัวเองไม่เลิกแถมอีกมือยังคงไล้วนที่หลังของอีกฝ่ายอย่างจงใจ
“ไอ้บ้า อย่าจับก้นฉันนะ!” สองขู่ ก่อนที่อกแกร่งจะกระเพื่อมขึ้นลงเพราะหัวเราะไปกับคำพูดของสอง ทั้งที่เค้าลูบแค่หลังแต่อาจจะไล้ต่ำไปบ้างแต่ก็ยังไม่ถึงสะโพกอันงอนงามสักหน่อย แต่เจ้าตัวดันขู่เสียงแข็งไม่ยอมให้จับ
“นี่อยู่นิ่งๆสิ~”ภูเบศธ์กระซิบเบาๆ ส่วนสองเองที่ปลุกปล้ำกับภูเบศธ์อยู่ได้นานสองนานก็เริ่มหมดฤทธิ์ยอมนอนแน่นิ่งอยู่บนตัวของภูเบศธ์ จนเริ่มได้ยินเสียงตึกตักของอะไรบางอย่างที่ดังมาจากอกข้างซ้ายของคนตัวใหญ่กว่า
“ได้ยินเสียงหัวใจผมมั๊ย?”ภูเบศธ์ถามเมื่อเหตุการณ์สงบแต่สองกลับส่ายหน้าไปมาทั้งที่ใบหน้ายังแนบอยู่กับอกแกร่ง พร้อมๆกับเลือดลมเริ่มสูบฉีดเมื่อเริ่มรู้ตัวว่ากำลังจะถูกบอกรัก
“รู้มั๊ยว่ามันบอกว่าอะไร?”น้ำเสียงของภูเบศธ์ยังคงฟังดูสบายๆไม่รีบร้อนอะไร แต่น้ำเสียงแบบนี้แหล่ะที่ทำให้สองยอมนอนแน่นิ่งอยู่บนตัวภูเบศธ์ได้นานสองนาน
แล้วกูจะรู้ได้ยังไง? ในเมื่อกูไม่ใช่หัวใจของมึงนี่!
สองบ่นอยู่ในใจ
“หัวใจของผมมันบอกว่า...”
“..........”ตอนนี้สองเองก็เริ่มรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเริ่มเต้นแรงแข่งกับจังหวะหัวใจของอีกคน
เฮ้ย! จะรีบก็รีบพูด ก่อนที่หัวใจกูจะกระเด็นออกมาข้างนอก แล้วอย่าบอกมันเชียวล่ะว่ากูตื่นเต้น!
“ว่า....”
“ว่า....”สองพึมพำตามภูเบศธ์เบาๆ
“มันบอกว่าตัวพี่สองโคตรหนักเลยเหอะ!”
นี่มันหาว่ากูอ้วนเหรอ?!
“ปากหมาจริงๆนะ!”ถึงคราวสองเฮี้ยนใครก็ห้ามไม่อยู่
ชอบชมกูเป็นสัตว์กินหญ้ายังไม่พอ นี่ยังล่อเอาสายพันธุ์กินแล้วนอนมาด่ากูอีก!
มือเล็กบิดเข้าให้ที่พุงของภูเบศธ์ จนภูเบศธ์ต้องร้องอย่างเจ็บปวดแล้วยอมปล่อยมือจนสองหลุดออกจากอ้อมอก แต่ทว่าแขนยาวๆก็รั้งร่างเล็กที่เตรียมลุกหนีให้ล้มทับตัวเองได้อย่างไม่ยากนักก่อนจะกอดรัดร่างเล็กเอาไว้อีกครั้งจากทางด้านหลัง
“จะหนีไปไหนครับ~”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย! แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้อ้วน!”สองดิ้นอีกรอบ
“ก็ยังไม่ได้พูดเลย ว่าพี่สองอ้วน~”พูดยิ้มๆก่อนจะฉวยหอมแก้มยุ้ยของอีกฝ่ายเมื่อแก้มใสนั้นอยู่ใกล้ปากตัวเองมากเกินไป
“อ๊าก! มาหอมแก้มฉันทำไม!”สองร้องเสียงหลงจนภูเบศธ์ต้องเบือนหน้าออกห่าง ก่อนที่แก้วหูจะเสื่อมไปมากกว่านี้
“ก็อยากน่ารักเองช่วยไม่ได้”ภูเบศธ์พูดราวกับว่าไม่ใช่ความปิดของตัวเองแต่คนที่ผิดคือสองเองต่างหากที่บังอาจน่ารักจนคนมองห้ามใจไม่ได้
“แล้วเมื่อไหร่ที่คนน่ารัก...จะรักผมสักที” น้ำเสียงทะเล้นแปรเปลี่ยนเป็นนุ่มทุ้มทำให้สองต้องชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปทางด้านหลังเพื่อมองหน้าคนพูด แต่ทว่าพอหันกลับไป ใบหน้าคมกลับอยู่ห่างจากใบหน้าของตัวเองไม่ถึงระยะที่มดสามารถเดินผ่านได้
“จะจูบแล้วนะ”แต่แปลกที่ครั้งนี้ภูเบศธ์กลับไม่ทำอะไรตามอำเภอใจกลับเปล่งเสียงออกมาเพื่อขออนุญาติ ในเมื่ออีกฝ่ายยังคงนิ่งภูเบศธ์ก็เดินหน้ารุกต่อเต็มที่ ใบหน้าคมยื่นเข้าใกล้เพื่อประทับริมฝีปากบางของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาทำเอาหัวใจเต้นตึกตักจนเจ้าของมันรู้สึกรำคาญ เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ว่าตนเองนั้นตื่นเต้นมากเพียงใด แต่ร่างเล็กมีแต่กังวลเรื่องของตัวเอง เลยไม่ได้รับรู้ถึงเสียงหัวใจของภูเบศธ์ที่มันดูท่าว่าจะเต้นเสียงดังกว่าสองเสียอีก ริมฝีปากของคนทั้งคู่แนบชิดสนิทจนไร้ช่องว่างก่อนที่ริมฝีปากบางจะยอมเผยอขึ้นเล็กน้อยกะว่าจะตักตวงอากาศเข้าปอด แต่กลับเป็นโอกาสให้ร่างสูงส่งลิ้นร้อนชื้นเข้าไปสำรวจควานหาความวาบหวามจากภายใน ลิ้นเล็กพยายามโต้ตอบอย่างไร้เดียงสายิ่งทำให้ภูเบศธ์อดใจไม่ได้ที่จะกระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นของอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจจนทำให้อีกฝ่ายครางอื้ออึงในลำคอ
"อือ.......อะ...”เสียงแหบเล็กขาดหายไปเป็นช่วงๆ ในเมื่อคนตัวสูงยังคงปล้ำจูบคนตัวเล็กจนเผลอล้มตัวลงทาบทับอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากยังคงจูบกันอย่างต่อเนื่องแถมมือใหญ่ยังไล้วนเลื่อยลงมาตามสีข้างของร่างเล็ก ก่อนจะสอดมือเข้าใต้ชายเสื้อของร่างเล็กเพื่อสัมผัสผิวขาวนุ่มราวกับผิวเด็กแรกเกิด
“อื้อ.....”เสียงหวานทักท้วง ริมฝีปากหยักจึงจำต้องผละออกมา ใบหน้าคมก้มมองใบหน้าของร่างเล็กที่แดงซ่าน ประกอบกับริมฝีปากเล็กที่เผยอขึ้นเพื่อตักตวงอากาศเข้าปวดยิ่งทำให้ร่างสูงอดใจไม่ได้ที่จะก้มลงไปกดจูบเบาๆอีกครั้ง ก่อนจะไล้สันจมูกไปตามซอกคอหอมกรุ่นของอีกฝ่าย โดยที่มือแกร่งเองก็พยายามเลิกชายเสื้อของร่างเล็กขึ้นจนเผยให้เห็นหน้าท้องที่แบนราบ ส่วนมือเล็กนั้นก็เกาะไหล่แกร่งเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว
ก๊อก! ก๊อก!ก๊อก!
เสียงเคาะประตูทำให้สองได้สติหลังจากที่เผลอไผลไปกับรสจูบของร่างสูงข้างบน พอรู้ตัวอีกที ก็กลายเป็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่หมิ่นเหม่เสี่ยงต่อการเสียตัวอยู่มากโข เจ้าตัวจึงรีบลุกขึ้นจนหน้าผากของตนเองไปชนเข้ากับหน้าผากของภูเบศธ์
โป๊ก!
“โอ๊ย!”
ทั้งสองและภูเบศธ์ร้องออกมาพร้อมกันแต่กลับไม่มีใครใส่ใจกันเท่าไหร่ เพราะสองเองก็พยายามจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทาง ส่วนภูเบศธ์ก็ลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมาราวกับคนทำอะไรไม่ถูก
โถ่เว้ย! เกือบปล้ำสองมั๊ยล่ะ
ภูเบศธ์ก่นด่าตัวเองในใจก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าแล้วรีบเดินไปเปิดประตู โดยก่อนเปิดก็ชำเลืองมองสองเพื่อดูความเรียบร้อย
ตายห่า พ่อเขามา!
ภูเบศธ์ลนลานทันทีที่ส่องตาแมวแล้วเจอหน้าของชวินเด่นชัด จึงต้องรีบเปิดประตูให้ทันที
“ฉันมารับสอง....สองตื่นหรือยัง?”
เมื่อประตูเปิดออกชวินก็เอ่ยความประสงค์ของตัวเองทันที พร้อมกับการมองเลยไหล่ภูเบศธ์เพื่อดูว่าเพื่อนรักเขาอยู่ในห้องหรือเปล่า
“ตื่นแล้ว~~ ” สองวิ่งออกมารับชวินก่อนจะเดินไปจับมือถือแขนชวินเอาไว้ทันที
“อ้าว?” ชวินเองก็อึ้งๆที่สองดูไม่ค่อยตกใจกับการที่ตัวเองตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในห้องของภูเบศธ์ แต่ภูเบศธ์ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร ชวินจึงต้องพยักหน้ารับแกนๆ
“ไอ้เด็กนั่นโทรไปบอกให้มึงมารับกูใช่มะ?”
“เปล่า...ก็ไม่เห็นมึงกลับห้องเลยมาตามเอาถึงที่นี่...ไง? นอนกกเด็กถึงเช้าเลยมั๊ยมึง?”ชวินว่าแต่สองกลับหน้าแดงแป๊ด
“มึงพูดอะไรเนี่ย?...ไม่มี๊!ใครนอนกกนอนกอดมันไม่มีอ่ะ”สองมองหน้าภูเบศธ์เลิกลั่กราวกับเด็กแอบทำความผิดแล้วกลัวว่าพ่อจะจับได้ ซึ่งภูเบศธ์เองก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของสอง
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นะ?”ชวินใช้สายตาขู่ภูเบศธ์ ทั้งที่เอ่ยปากถามสอง
กูกลัวพ่อสองคนนี้จนหัวหดเลยล่ะครับกูขอบอก!
“ไม่มี!”
ทั้งสองและภูเบศธ์พูดขึ้นมาพร้อมกันถึงจะดูแปลกไปบ้างแต่ชวินก็ต้องพยักหน้ารับส่งๆ เพราะถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริงเด็กปากหมาภูเบศธ์คงไม่ได้ยืนยิ้มเผล่เป็นดอกทานตะวันอยู่อย่างนี้
“ป่ะงั้นกลับ...เหม็นว่ะ! ยังไม่อาบน้ำใช่มั๊ยเนี่ย กลับไปอาบน้ำเลยมึง”ชวินดันหลังสองให้ออกเดิน โดยที่สองแอบหันมาทำตาดุเพื่อเป็นการขู่ไม่ให้ภูเบศธ์พูดอะไรบ้าๆออกไป...แต่ทว่าภูเบศธ์กลับยิ้มหวานกลับคืน~
แล้วเจอกันนนะครับ...พี่สองที่น่ารักของผม~
“อุ้ย! แหะๆ....ลาก่อนครับพี่วิน”แต่ในเมื่อยิ้มหวานให้สองแล้วเจอสายตาดุๆของชวิน ภูเบศธ์จึงเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งๆแทน
พ่อใครวะ? ดุชิบหาย!
เออ..ลืมถามเลยว่ะ ว่าเมื่อคืนทำไมถึงใช้โทรศัพท์กรส่งข้อความมาหากูได้...