______________
“ปล่อยผมเดี่ยวนี้เลยน้า~ ผมจะกลับไปหาพี่สอง!”บอลที่ถูกสองหนุ่มกรและตรฤณร่วมมือกันล็อคตัว แล้วให้ภูเบศธ์ไปเสียบแทนที่เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้ากำลังโวยวายอย่างเต็มกำลัง แต่สุดท้ายก็สู้แรงผู้ชายสองคนไม่ได้อยู่ดี
“ไม่ได้! ถ้าปล่อยนายไปนายก็จะกลับไปเป็น กขค. ระหว่างสอง กับเด็กของมันสิ!”ตรฤณตะคอกกลับพร้อมกับล็อคแขนขวาของบอลไว้อย่างแน่นหนาโดยมีกรช่วยอีกแรงในการล็อคแขนซ้าย
“แต่ผมมากับพี่สอง ไอ้หมอนั่นไม่ใช่เด็กของพี่สองด้วยซ้ำ”บอลเถียงเสียงแข็ง
“นี่ยังไม่ตาสว่างอีกเหรอ สองน่ะเป็นของภูไปตั้งนานแล้วนะ!..ยังจะไปตามราวีสองไม่เลิกอีก”ถึงคราวกรออกโรงบ้าง
“แต่พี่สองโทรหาผมก่อนนะ!”
“เอ่อ...นั่นก็เป็นเพราะว่าสองคนนั้นทะเลาะกันน่ะสิ เลยเอานายมาเป็นตัวแทนทำประชดไงล่ะ”แล้วตรฤณก็พยายามหาทางมาแย้งบอลจนสำเร็จ
“พี่สองคบกับไอ้หัวเถิกนั่นจริงๆเหรอ?”ยังไม่ทันที่จะได้รับคำตอบ ก็หลุดคำว่า “โอ๊ย”ออกมาเสียก่อนด้วยน้ำมือของกร
“มาด่าหลานรหัสฉันอย่างนั้นได้ยังไงหา! หา! หน้าผากตัวเองแคบนักนี่~ นี่ๆ จมูกก็บานได้อีก ยังไม่รู้ตัว!”กรด่าออกมาเป็นชุดพร้อมด้วยมือที่ยกขึ้นขู่ว่าจะฟาดลงกะบาลของเด็กปากไม่ดีอีกรอบ ถึงกรจะคิดว่าภูเบศธ์นั้นหัวเถิก...แต่โทษทีหลานรหัสกูด่าได้คนเดียว คนอื่นห้ามด่า!
“ก็มันจริงนี่~”
“กล้าเถียงเหรอห๊า!”กรขึ้นเสียงใส่ทำท่าจะฟาดลงอีกรอบทำเอาบอลต้องสงบปากสงบคำไป ตรฤณที่มองภาพตรงหน้าอยู่ก็ถึงกับหัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“กร...นายชักจะเหมือนพวกมาเฟียขู่รีดไถเงินเอากับเด็กเลย รู้ตัวมะ? ฮ่าฮ่า”
หรือจะให้กูเป็นมาเฟีย..แล้วกรเป็นเมียมาเฟียดี?“นี่ก็อีกคนอยากโดนมากหรือไงห๊า! ไม่พูดขึ้นมาก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอก”
เอ่อ..กูคาดว่าถ้าเกิดมีคนอยากทำหนังเรื่อง “ขอโทษครับ เมียผมเป็นมาเฟีย” สงสัยผู้กำกับต้องมาทาบทามให้กูเป็นพระเอกแน่เลยว่ะ!
“ครับๆ...ไม่พูดก็ไม่พูด”สุดท้ายตรฤณก็ต้องยอมสงบปากสงบคำตามไอ้เด็กบอลไปติดๆ
“ไม่รู้ว่าฝั่งนู้นจะเป็นยังไงแล้ว...นี่ตรฤณโทรถามไอ้ภูเบศธ์มันหน่อยสิ”
พอเห็นกูสงบปากสงบคำดี ได้ทีก็สั่งๆๆ อย่างเนี้ยล่ะครับ เกิดเป็นสามีมาเฟียทั้งทีก็ต้องทนเอาหน่อย~
แต่อย่าได้แอบไปบอกกรเชียวนะครับ ว่าผมเรียกเขาว่า “เมีย” เพราะผมอาจโดนมาเฟียเผานั่งยางได้ง่ายๆ
ว่าแล้วมือใหญ่ก็ควักโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรออก
~เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่ค่ะ~เสียงหวานๆของระบบตอบรับอัตโนมัติ ทำให้ตรฤณมองมือถืออย่างเซ็งๆ พลางคิดไปว่าภูเบศธ์คงจะปิดมือถือตอนอยู่ในโรงหนังแล้วลืมเปิดเครื่อง
“มันปิดเครื่องอ่ะ”ตรฤณหันไปบอกกรที่นั่งคุมบอลอยู่
“ก็โทรไปอีก...โทรจนกว่าจะติด..ถ้าไม่ติดไม่ต้องหันมาบอก!”
กูขอถามสักคำถาม...อะไรมันเข้าสิงร่างของทิวากรครับ?...กรุณาออกจากร่างทีเห๊อะ กูกลัวจนน้ำตาแทบเล็ดแล้ว!“ฮัลโหลภูเบศธ์เหรอ?” เวลาผ่านไปได้สามสิบสองนาทีกับอีกสี่สิบสี่วินาทีหลังจากที่ตรฤณพยายามโทรหาภูเบศธ์ ในที่สุดก็เปิดเครื่องแล้วรับสายได้สักที
“ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”เสียงที่ตอบกลับมากดูเบากว่าปกติ ถ้าหากตรฤณเดาไม่ผิดคงแอบรับสายในขณะที่อยู่กับสอง
“กรให้โทรมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง? โอเคดีหรือเปล่า? หรือว่าโดนไอ้สองเตะผ่าหมากเข้าให้แล้ว”ตรฤณรีบถามรัวหลายคำถามทันทีที่อีกฝ่ายเปิดทางให้พูด
“ไม่ต้องอวยพรขนาดนั้นก็ได้ครับ...เอาเป็นว่าพายุไม่เข้าลมสงบก็พอแล้ว”ภูเบศธ์ตอบกลับพร้อมกับเหลือบมองร่างเล็กที่กำลังเดินไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมายตรงทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตนเองพามา
“ว่าแต่ตอนนี้อยู่ไหนล่ะ? ฉันจะปล่อยบอลได้หรือยัง”
“ปล่อยเถอะครับ..ตอนนี้ผมอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาไกลจากโรงหนังตั้งเยอะเลย”ภูเบศธ์ตอบพร้อมกับมองสองอีกครั้งแล้วตัดสายไป
“ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ?”ร่างสูงเดินเข้าไปขนาบข้างร่างเล็กที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษที่ได้มาเดินเล่นริมแม่น้ำยามกลางคืนเช่นนี้
“นายไม่ใช่เหรอที่ชอบน่ะ”สองไม่ตอบคำถามแต่กลับถามกลับเรียกรอยยิ้มจากภูเบศธ์ได้ไม่ยาก เพราะว่าตนเองเป็นคนบอกเองว่าจะพาสองไปยังสถานที่ตัวเองชอบไป
“ก็แค่คิดไว้แล้วน่ะ...ว่าพี่สองต้องชอบเหมือนกัน”ภูเบศธ์ยิ้มกับคำพูดของตัวเอง แต่ก็ต้องรีบหุมบยิ้มเมื่อเจอสายตาดุๆของสอง
เมื่อกี้ก็อารมณ์ดีอยู่แท้ๆ...แต่จู่ๆมาตีหน้ายักษ์ใส่กูอีกละ!
“อย่าสำคัญตัวเองผิด แค่ลมมันเย็นเลยทำให้อารมณ์ดีเท่านั้นแหล่ะ”สองพูดขึ้นพร้อมกับการเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นก่อนจะไปเกาะเข้ากับราวเหล็กกั้น แล้วโยกตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ได้รับลมได้เต็มที่ แต่อาจจะเพราะสบายไปหน่อยเลยทำให้สองเผลอแล้วคลายมือจากราวเหล็กจนหน้าเกือบทิ่มลงแม่น้ำ
“อ๊ะ!”
“ระวังหน่อยสิ”แต่ดีที่ร่างสูงคว้าเอามาแนบกับอกตัวเองไว้ได้ทัน ใบหน้าหวานตกใจก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่โอบตนเองเอาไว้ ทำให้ใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันเพียงแค่คืบ พร้อมกับสายตาสองคู่ที่จ้องประสานกัน ทั้งคู่ต่างก็มองตากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งใบหน้าคมเลื่อนลงไปใกล้กับร่างเล็กเรื่อยๆ....เรื่อยๆ...จนแทบจะแนบชิดติดกัน
~RRRRRRRRRRRR~ เสียงโทรศัพท์มือถือของใครสักคนดังขึ้น เรียกสติของคนทั้งสองให้ผละออกจากกัน ทั้งสองและภูเบศธ์ทำอะไรไม่ถูกจนไม่รู้ว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังนั้นเป็นของใครเพราะทั้งสองต่างก็ควานหามือถือในกระเป๋ากางเกงกันทั้งคู่
“สวัสดีครับ?”และแล้วมันก็คือโทรศัพท์ของสอง ภูเบศธ์เองก็หันหน้าออกจากสองไปมองน้ำมองฟ้าไปตามประสาของคนที่พยายามระงับความขุ่นเคือง ที่โดนขัดจังหวะเวลาโรแมนติค
“มีไร?”
‘เป็นไงบ้าง..อยู่กับไอ้เด็กปากหมานั่น..มีความสุขดีมะ? เมื่อกี้กูเห็นมึงกะมันจะจูบกันอยู่รอมร่อ ฮ่าฮ่า!’
“อ่อ! ที่ไอ้เด็กนี่ระเห็จมาดูหนังกับกูได้เพราะมึงใช่มะ? แล้วนี่มึงอยู่ไหนเนี่ย บอกกูมาเดี่ยวนี้”สองพูดไปก็หมุนตัวรอบทิศเพื่อเสาะหาเจ้าของเสียง แต่แล้วก็พบแต่ความว่างเปล่า
‘เออ กูโทรมาขัดมึงแค่นี้ล่ะ..โอ๊ย โอ๊ย...เดี๋ยวกูขอเคลียร์กับเมียเดี๋ยว
โอ๊ย!’
เสียงร้องโอ๊ยเป็นคำสุดท้ายที่สองได้ยินจากปลายสาย และกำลังคิดอยู่ว่าจะได้ยินเสียงนี้อีกมั๊ยหลังจากได้ยินเสียงกรเล็ดลอดเข้ามาบ้าง ประมาณว่า
ไปขัดๆ อะไรสักอย่าง เกรงว่าตรฤณจะจบชีวิตทันทีหลังจากที่วางสายไปก็เท่านั้น
“เอ่อ...อยากกลับแล้วล่ะ”พอวางสายไป ก็หันไปบอกกับภูเบศธ์เพราะตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว แค่นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หน้าก็แดงขึ้นมาซะแล้ว
เมื่อกี้นี้บรรยากาศพาไป...กูก็ไม่นับเหมือนเดิมเว้ย!“ให้ไปส่งมั๊ย?”
ได้ข่าวว่ามึงเป็นคนลากสังขารกูมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยามันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่จะต้องไปส่งกู!“ถ้าไม่ไปส่งจะให้ฉันเดินกลับเองหรือไง?”พูดจบก็เดินนำภูเบศธ์กลับไปที่รถของกรที่ภูเบศธ์ขับพาสองออกมา
ในที่สุด...ก็ถึงหอพักของสองโดยสวัสดิภาพ และไม่กัดกันตายคารถเสียก่อน
“ให้ขึ้นไปส่งมั๊ย?”
“ไม่จำเป็น..”
เพราะเกรงว่าถ้า “บรรยากาศ” มันพาไปอีก..จะเป็นการหาเรื่องเสียตัวอีกเปล่าๆ“งั้น..ฝันดีนะครับ...พี่สอง” ภูเบศธ์ก้มลงมองลอดหน้าต่างฝั่งขวาก่อนจะยิ้มหวานและโบกมือลา ทำเอาสองใจสั่นอีกรอบโดยที่เริ่มจะรู้ตัวว่าตนเองต้องมีอะไรผิดปกติ ตั้งแต่เห็นว่าไอ้เด็กปากหมายิ้มแล้วดูดี แล้วไหนจะคำพูดบอกว่า “ฝันดี” แค่เนี้ยใจก็เต้นโครมครามจนจะออกมาเต้นอยู่นอกอก...งานนี้สองต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
“เออ!”สองรับคำห้วนๆก่อนจะโบกมือลาทั้งที่ได้หันกลับไปมอง ภูเบศธ์ที่แอบยิ้มด้วยความสุขใจ
เข้าใกล้ได้อีกนิดนึงแล้วสินะ...หัวใจของสองน่ะ...
ภูเบศธ์ยิ้มค้างกับท่าทางของร่างเล็ก ก่อนจะออกรถไปด้วยรอยยิ้ม
___________________
“บ้าๆๆ ! สองมึงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”สองกุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อรับรู้เสียงหัวใจของตนเองที่เต้นตึกตักได้ดังเหลือเกิน
“แค่คำว่าฝันดี...เด็กมึงก็พูดออกบ่อย...อย่าหวั่นไหวสิ...อย่าหวั่นไหว..” สองพยายามพูดกับตัวเองอยู่คนเดียว เพื่อทำให้จิตใจสงบขึ้นมาพร้อมกับการหายใจเข้าออกลึกๆ แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจดวงน้อยๆก็ไม่เคยคิดจะทำตามคำสั่งอยู่ดี
~RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR~ เสียงโทรศัพท์ร้องเรียกสติอีกครั้ง ทำให้สองต้องทิ้งเรื่องหัวใจเอาไว้สักครู่แล้วมองโทรศัพท์ที่ขึ้นเบอร์แปลกๆ
“สวัสดีครับ”
‘สอง...นี่ฉันเองนะ...’
“วิน...”
“ใช่กูเอง...กูถึงไทยแล้วนะ”
ทั้งที่ดีใจจนอยากร้องออกมาดังๆ เพราะคนที่แอบรักมาตลอดได้กลับมาเสียทีแต่ทำไมตอนนี้สองถึงได้แปลกๆที่อกข้างซ้ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะว่าชวินกำลังจะกลับมา...
หรือเพราะรู้ว่าภูเบศธ์กำลังจะหายไปจากใจกันแน่TBCคราวนี้ ชวิน กลับมาออกโรงจริงๆนะคะ ฮ่าฮ่า...เห็นชื่อโผล่มาหลายตอน แต่ตัวยังไม่โผล่..
ตอนหน้าชวินโผล่แน่ค่ะ ฮ่าฮ่า เดี่ยวมาคอยดูกันว่า...ชวินจะเป็นอย่างไร อิอิ