บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก
“สอง....มึงเลิกงอนกูยังเนี่ย?”
“........”
“สอง...กูถามน่ะได้ยินหรือเปล่า?”
“..........”
“สอง....”
“..........”
“นี่มึงแดกไปถาดที่หก แล้วมึงยังไม่คิดที่จะยกโทษให้กูอีกเรอะวะ!”
“ถาดที่สิบแล้วค่อยว่ากันก็ได้”ในที่สุดนายกมลินทร์ผู้ซึ่งหมกมุ่นอยู่กับถาดพิซซ่าก็เปิดปากพูดโดยที่ไม่มองหน้าคนที่กำลังง้อด้วยซ้ำ ตอนนี้เรียกได้ว่าตรฤณแทบจะปิดร้านเลี้ยงสองเพราะตอนนี้มีเหลืออยู่โต๊ะเดียวที่ยังสั่งพิซซ่าอย่างต่อเนื่อง และดูท่าว่าจะยังไม่หมดออร์เดอร์ง่ายๆหาก ผู้ชายตัวเล็กตรงหน้าของตรฤณยังไม่เลิกยัดพิซซ่าชิ้นสุดท้ายของถาดที่หกเข้าปากแบบไม่เกรงกลัวว่าจะเสียภาพพจน์
“พี่! เอาฮาวายเอี้ยนอีกถาด”พอเคี้ยวหมดปาก สองก็หันไปสั่งพนักงานในร้านพร้อมกับชูนิ้วหนึ่งนิ้วเพื่อเป็นการสั่ง ทำเอาคนที่บอกว่า “จะพามาเลี้ยงไถ่โทษ” ต้องรีบควักกระเป๋าตังค์มานับเศษตังค์กันเลยทีเดียวว่าจะพอกับพิซซ่าถาดที่เจ็ดที่กำลังจะถูกยกมาหรือไม่
แม่งแดกอย่างกับมีสี่กระเพาะ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะกูผิดกูไม่คิดเลี้ยงมึงให้เสียกะตังค์หรอกเว้ย!
ตัวก็เล็ก แต่ยัดเข้าไปได้ยังไงหมดวะนั่น?
“สอง กูถามจริงเหอะมึงกินประชดตังค์ในกระเป๋ากูป่ะเนี่ย?”ตรฤณถามอย่างอยากรู้ในขณะที่มองสองที่กำลังดูเมนูอย่างสนอกสนใจ ราวกับว่าอยากจะสั่งอย่างอื่นกินอีกนอกเหนือจากพิซซ่าถาดที่เจ็ด
“เปล่า...มึงบอกจะเลี้ยงกูไถ่โทษ กูก็มากินตามความประสงค์ของมึง”สองยังคงพูดในขณะที่สายตาไล่ดูภาพเมนูไปเรื่อยๆ
“แต่มึงกินเยอะไปแล้วนะเว้ย...ยังไม่อิ่มอีกเหรอ? อย่างน้อยก็บอกว่าหายโกรธกูแล้วก็ยังดี” ตรฤณยื่นหน้าเข้าไปหาเพื่อนตัวเล็กพร้อมกับเอามือลดเมนูในมือสองลงเพื่อให้มองตากันได้ชัดเจน
แล้วจะเห็นว่ากูอุตส่าห์ทำตาแบ๊วอ้อนวอนมึงได้อย่างที่ไม่เคยทำเลยนะเว้ย!
“กูชอบนะคนขี้อ้อน...แต่ถ้าปัญญาอ่อนเชิญป้ายหน้าเลยมึง” สองมองตรฤณอย่างเอือมๆก่อนจะชักเมนูกลับมาดูอย่างไม่สนใจคนที่กำลังง้อตัวเอง
“สองอ่า...กูง้อมึงแล้วนะ..เลี้ยงพิซซ่าของโปรดมึงก็แล้ว...ขอโทษมึงก็แล้ว...มึงจะเอาอะไรกะกูอีก....สอง” ตรฤณเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนใจในเมื่อทำไปทุกวิถีทางแต่ดูท่าทางว่าเพื่อนซี้คนนี้จะยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมยกโทษให้ง่ายๆ ถึงตอนที่ชวนมาเลี้ยงพิซซ่าสองจะดี๊ด๊าอยากมาเป็นพิเศษ แต่พอมานั่งกินจริงๆสองกลับยังไม่ยอมพูดจาเหมือนเดิม ไม่รู้เป็นเพราะยังโกรธไม่หายหรือว่าเพราะสนใจแต่ของกินอยู่กันแน่
“มึงก็เอาเวอร์จิ้นกูคืนมาก่อนดิ”สองพูดด้วยสีหน้าเรียบๆ แต่ตรฤณรู้ดีว่าไอ้อาการแบบนี้แหล่ะที่เรียกว่ายังงอนไม่เลิก
“มึงพูดอย่างกับว่ากูปล้ำมึงอย่างนั้นแหล่ะ ไอ้เด็กนั่นต่างหากไม่ใช่เหรอที่มึงต้องไปทวงเอาน่ะ” ตรฤณรีบโยนความผิดไปให้เพราะตอนนี้เขาไม่เห็นอะไรสำคัญมากไปกว่าเพื่อนรักตัวเล็กของเขาที่อยู่ตรงหน้าอีกแล้ว
“ถึงมึงไม่ได้เอาไป แต่มึงก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด!”สองรีบตอบกลับพร้อมกับที่พิซซ่าถาดที่เจ็ดถูกยกมาเสิร์ฟตรงหน้า
ดวงตาเรียวเล็กมองพิซซ่าในถาดก่อนจะเหลือบมองหน้าตรฤณอีกครั้งด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“กูอิ่มแล้ว...”
“อ้าว?”ตอนนี้กลายเป็นตรฤณบ้างที่มองหน้าสองสลับกันกับถาดพิซซ่าหอมฉุยตรงหน้าอย่างอาลัยอาวรณ์เพราะดูท่าทางมันจะไม่ได้ถูกกินอย่างที่แล้วมา
“มึงไปจ่ายตังค์ด้วยแล้วกัน” พูดจบก็ตีหน้าตายเดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉย ทำเอาตรฤณรีบวิ่งตามไปไม่แทบทัน
มึงนะมึง! ถ้าเดือนนี้กูจนขึ้นมาจริงๆ กูจะมาเกาะมึงเป็นปลิงอยู่ที่ห้องมึงให้ดู!
ตรฤณได้แต่ค่อนขอดอยู่ในใจก่อนจะเดินไปเช็คบิลแล้วรีบวิ่งตามเพื่อนรักไปทันที
“สอง!...มึงหายงอนกูยังเนี่ย?”ตรฤณรีบวิ่งไปดักหน้าแต่ก็ถูกสองผลักออกแล้วเดินต่อไป แต่ตรฤณเองก็ไม่ละความพยายามเดินตามง้อได้อย่างไม่รู้จักคำว่าท้อถอย
“ไม่! พอใจยัง?”สองตอบลอยๆโดยมีการกระแทกเสียงใส่เล็กน้อยพอให้รู้ว่ายังโกรธอยู่
กูเจ็บปวดมากครับสอง กระเป๋ากูแบนแล้วมึงยังไม่คิดจะตอบแทนด้วยการยกโทษให้กูอีกเหรอ?!
“แล้วจะให้กูทำยังไง สองมึงบอกกูดิกูยอมทำทุกอย่างมึงก็รู้ว่าเรามีกันอยู่แค่นี้”
“เปล่า..มึงอย่าลืมว่าไอ้วินอยู่ข้างกู กูตัดมึงออกจากสารระบบไปละ”พอเมื่อสองพูดออกมาอย่างนั้นตรฤณก็พอจะเข้าใจอะไรลางๆได้ว่าที่สองยังโกรธเขาไม่เลิกเพราะมีไอ้คุณชวินให้ท้ายนี่เอง
“ไอ้วินอยู่ตั้งเมกา มันจะมาช่วยอะไรมึงได้?”
“มันจะกลับมาเดือนหน้า” สองตอบในขณะที่เดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย และตรฤณก็เดินตามไปเรื่อยๆเช่นกัน
“หา?..เดือนหน้าทำไมเร็วจัง” ตรฤณลองคำนวณเวลาในหัวคร่าวๆก่อนจะถามออกมาอย่างสงสัย แต่คำตอบคือการส่ายหัวของสองแทนคำว่า “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” ตรฤณจึงทำได้แค่เพียงคิดอยู่คนเดียวต่อไป
“คราวนี้แหล่ะ..กูคงจะได้ฤกษ์ปิดฮาเร็มตามคำสั่งมึงสักที”สองหันมาพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก ทั้งที่ตรฤณอยากจะโล่งใจที่ดูเหมือนคราวนี้สองยอมกลับมาพูดคุยกับตัวเองเหมือนเดิมแต่เพราะรอยยิ้มและคำพูดแบบนั้นของสองทำเอาตรฤณรู้สึกหนาวๆร้อนๆแทนใครบางคน..
ตายห่าล่ะครับคุณภูเบศธ์ บุญมีแต่กรรมบังแท้ๆเลยมึงเอ้ย!
ตรฤณทำได้แค่การถอนหายใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าสองแอบหลงรักเพื่อนสนิทอย่างชวินมานานหลายปี แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ต้องลงเอยด้วยคำว่าเพื่อน..เพราะมันคือมิตรภาพอันยาวนานที่สุด ต่างคนก็ไม่อยากให้มันจบลงเพราะมีคำว่า “รัก” เข้ามาขั้นกลางระหว่างความเป็นเพื่อนถึงตรฤณจะไม่เคยห้ามให้สองเปิดฮาเร็มเล็กๆเป็นของตัวเองตั้งแต่ที่วินไป ก็คงเพราะเห็นว่าเป็นความสุขของเพื่อนเลยไม่ได้อยากขัดอะไรมาก
แต่เหตุผลที่แท้จริงของสองเอง...
ก็คงเป็นเพราะหาเด็กแก้เหงาเพื่อรอใครบางคนกลับมา
ถ้าจะว่ากันตามความเป็นจริง ชวินก็เด็กกว่าพวกเขาตั้งสองปี แต่พอดีมันเสือกเกิดมาอัจฉริยะข้ามรุ่น มันถึงได้มาเรียนชั้นเดียวกันกับพวกเขา พอจบมัธยมปลายก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่อเมริกาจนจบ ป.ตรี
ถ้าคราวนี้ไอ้วินกลับมา...แล้วเด็กปากหมาจะทำยังไง?
“นี่มึงจะปิดฮาเร็มเพื่อจะมาคบกับไอ้ภูจริงๆจังๆเหรอ?” ตรฤณพยายามหาคำพูดเพื่อเลี่ยงให้ห่างออกจากเรื่องของชวินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และเพราะคำพูดของตัวเองเลยทำให้สองกันมาทำตาขวางใส่ทั้งที่เมื่อกี้ก็พูดกันดีๆแล้วแท้ๆ
“เด็กดันพรรค์นั้นกูไม่สนใจหรอก! เพราะตอนนี้กูแค่รอคนของกูกลับมา”
“สองมึงก็รู้ว่าไอ้วินคิดกับมึงแค่เพื่อน”ตรฤณเองก็ไม่อยากจะพูดประโยคที่มันทำร้ายจิตใจของสองสักเท่าไหร่ ในเมื่อเพื่อนคนนี้ยังพยายามที่จะเพ้อฝันหาทางเข้าข้างตัวเองอยู่อย่างนี้ ตรฤณก็เกิดอาการเป็นห่วงและกังวลขึ้นมา
“แล้วไง?..สี่ปีที่ห่างกันกูว่ามันน่าจะมีอะไรอะไร..ให้มันคิดถึงกูบ้างล่ะน่า”สองพูดไปก็ยิ้มไปแต่นั่นยิ่งทำให้ตรฤณยิ่งเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าชวินเพื่อนรักอีกคนคิดกับสองแค่เพื่อนอย่างที่ปากว่าจริงๆเรื่องนี้สองก็รู้อยู่เต็มอกแต่ดูเหมือนว่าไม่อยากรับความจริงเสียมากกว่า
“แต่กูว่าภูเบศธ์...”
“ถ้ามึงยังคิดที่จะยัดเยียดไอ้เด็กนั่นให้กูอีกที คราวนี้มึงกะกูขาดกันจริงๆ”สองขู่จนตรฤณต้องถอนหายใจเป็นรอบที่แปดสิบแปดของวัน สมองเองก็ขบคิดต่างๆนานาว่าจะทำอย่างไรดีถ้าหากวินกลับมา
ไม่อยากให้เพื่อนซี้อย่างสองผิดหวัง
แล้วยังไม่อยากให้เพื่อนรักชวินลำบากใจ
สุดท้ายก็คงไม่อยากให้หลานรหัสของกรอย่างภูต้องเจ็บปวด
แล้ว....ตรฤณคนนี้จะต้องทำเยี่ยงไร? ใครก็ได้ช่วยบอกกูที!
เฮ้อ! -..-
______________
“กร...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“หือ?...มีอะไรตรฤณวิ่งหน้าตั้งมาเชียว”กรที่กำลังจะเดินขึ้นไปเรียนต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกเอาไว้ ทำให้กรจำต้องเบนเส้นทางจากการเดินไปที่ห้องเรียนมาเป็นโรงอาหารของคณะแทน
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าเครียดอย่างนั้น? สองยังไม่ยอมคบกับไอ้ภูเบศธ์อีกเหรอ?”ถามด้วยความสงสัย พร้อมกับมองร่างสูงที่ค่อยๆหย่อนก้นนั่งลงตรงกันข้ามอย่างจำใจหลังจากที่ตอนแรก ทำท่าจะนั่งแหมะแปะติดกับคนที่นั่งลงก่อน แต่โดนสายตาพิฆาตเข้าให้ ตรฤณเลยจำต้องเดินอ้อมไปนั่งอีกทางอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไอ้ไม่ยอมคบน่ะ..มันยังไม่เท่าไหร่หรอก”ตรฤณว่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดประหนึ่งว่าเพิ่งออกจากห้องสอบ แล้วเตรียมมาสารภาพผิดกับพ่อแม่ว่า “ผมทำข้อสอบไม่ได้”แต่คราวนี้ไม่ใช่...เพราะเป็นการสารภาพผิดกับแม่ทูนหัวแทน...
“หมายความว่ายังไง? เมื่อวานอุตส่าห์ส่งให้มันไปเคลียร์ด้วยตัวเองแล้วยังไม่ได้ผลอีกเหรอ?”
“เรื่องนั้นยังไม่ใช่ประเด็น”ตรฤณว่าพร้อมกับเอาคางเกยโต๊ะ
“แล้วอะไรคือประเด็นที่ว่า?”
“รักแรกของสองกำลังจะกลับมาแล้วไอ้สองเองก็พร้อมที่จะปิดฮาเร็มทันที”ตรฤณเปิดการแถลงข่าวทันทีที่กรสงสัย
“ห๊ะ? รักแรก..อะไรกัน...”
“ตัวพ่อกำลังจะมา ตอนนี้ฉันบอกได้แค่ว่าให้ภูเบศธ์จงทำใจ” ตรฤณพูดอย่างคนสิ้นหวังไร้หนทางแต่กรกลับไม่คิดอย่างนั้น
“ได้ยังไงกัน รักแรกก็ส่วนรักแรกสิ...รักครั้งใหม่สดใสยิ่งกว่า...นายไม่เคยได้ยินคำนี้เหรอ?” กรเองก็เริ่มกังวลนิดๆแต่ก็ยังพยายามที่จะดันหลนรหัสต่อไปเพื่อให้ไอ้คุณภูเบศธ์มันได้สมหวังในความรัก
โฮะ! ถ้าไอ้สองมันรักภูเบศธ์อย่างที่ว่าก็ดีสิ กูจะได้เลิกกังวลสักที
“แต่เท่าที่รู้มา เพื่อนฉันยังไม่มีทีท่าว่าจะรักหลานรหัสนายสักที”
“สักนิด?”
“ก็ไม่มี”
“นิด......เดียวก็ไม่มีเหรอ?”
“ไม่มีเลย...”ตรฤณย้ำทำเอากรต้องถอนหายใจ
ตั้งแต่กูอยู่กับมันมากูไม่เคยเห็นมันทำตาหวานใสมีแต่จะเตะใส่ไอ้ภูเบศธ์ทุกที
“งั้นคราวนี้ จับสองคนนั่นขังห้องนอนเอาแบบไม่ต้องมงต้องเมาแล้ว! เดี๋ยวฉันบอกให้ภูเบศธ์มันปล้ำเพื่อนนายเลย”กรว่าอย่างมาดมั่นแต่นั่นทำเอาตรฤณตกใจจนตาเหลือก
“เฮ้ย! ไม่ได้ๆ”
แค่นี้ไอ้สอง ก็โกรธกูจนง้อยากแล้วนะครับ กรุณาอย่ามาสร้างความร้าวฉานให้กูอีกรอบเลยครับกร
“ทำไมอ่ะ เพื่อนนายจะได้เลิกคิดถึงรักแรกไง?เอาแบบให้คิดถึงแต่ไอ้ภูเบศธ์ไปเลย” ยังไงกรก็ยังเป็นนักวางแผนตัวยงที่ไม่เคยรู้เลยว่าตรฤณต้องได้รับเคราะห์กรรมกับแผนของตัวเองมาจนนับไม่ถ้วน
“แค่โดนไอ้สองมันงอนวันเดียวฉันก็จะตายอยู่แล้ว ขืนทำอย่างนั้นอีก ไอ้สองได้โกรธข้ามชาติแน่ๆ”
“แต่ถ้านายไม่ช่วยไอ้ภูเบศธ์มันก็จะอกหักนะนายไม่สงสารหลานรหัสฉันจริงๆเหรอ?”
ตอนนี้กูสงสารตัวเองมากกว่าครับคุณทิวากร
แน่ะ! อย่ามาทำสายตาแบบนั้น ไม่รู้หรือไงว่ามันทำให้กูใจอ่อน!
“เอ่อ...”ทั้งที่อยากจะปฏิเสธใจแทบขาดว่าช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ แต่พอหันไปเจอสายตาอ้อนๆของกรทำเอาตรฤณวางตัวลำบาก เลยทำได้แค่หลับหูหลับตาทำเป็นไม่อยากมอง
โรคหัวใจอ่อนแอกำเริบแน่ๆเลยครับงานนี้ !
“นะ..ตรฤณ ช่วยไอ้เด็กนั่นด้วยนะ .”ได้ทีก็อ้อนอีก มือของกรเอื้อมไปวางทาบทับบนมือใหญ่ของตรฤณพร้อมกับส่งสายตาอ้อนๆให้ ทำเอาฝ่ายที่ถูกกุมมือต้องเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากใจอ่อน
แต่ทำไงได้ครับ ตาก็หวาน มือก็นุ่ม...แค่นี้ก็คุ้มสุดคุ้มแล้วเว้ยเฮ้ย!
“เอ่อคือ....”
“ตรฤณน้า~”
ยังคงอ้อนต่อไปให้ใจกูไหวหวั่นเล่นเหรอครับ?
“คือฉันกลัวว่าไอ้สองจะกะ..โกรธ”แต่พูดยังไม่ทันจบตรฤณก็ต้องรีบสงบปากสงบคำเพื่อเจอสายตาของกร
ชะอุ้ย! ตอนนี้กูควรจะกลัวกรโกรธมากกว่าใช่มั๊ยครับ ถ้าหากกูยังไม่รับทำตามคำสั่งอีก
“โอเค..ฉันจะลองพยายามดูอีกที” ในที่สุดตรฤณก็ต้องยอมอีกจนได้ประกอบกับการที่เปลี่ยนจากการที่ให้มือนุ่มนั่นเกาะกุม มาเป็นจับมือเล็กนั่นมาแนบแก้มแทน
“ตรฤณ...มือ”
“มือ?”
ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เนียนจับเอาแนบแก้มต่อไป
เพี๊ยะ!
ถึงจะเกิดเสียงดังเล็กๆแต่ตรฤณรู้ดีว่าแรงไม่เล็กตามเสียง หลังจากที่กรสบัดมือจากการเกาะกุมจากมือใหญ่แล้วบังเอิญ (หรือว่าจงใจ) โดนแก้มของตรฤณพอดิบพอดี
“เอาเป็นว่าช่วยหน่อยแล้วกันนะตรฤณ”พูดจบก็รีบเก็บของแล้วเดินขึ้นตึกปล่อยให้ตรฤณนั่งลูบแก้มอยู่คนเดียวพร้อมด้วยสายตาละห้อย
“ได้จับนิดจับหน่อย ก็ยังดีกว่าไม่ได้จับล่ะว้า~”ตรฤณปลอบใจตัวเองอยู่คนเดียวก่อนจะเดินขึ้นตึกเพื่อไปเรียนบ้าง แต่ระหว่างทางเดินกลับเจอเด็กในฮาเร็มของสองคนใหม่เดินเคียงคู่อยู่กับเจ้าของฮาเร็ม
“เฮ้ย สองไม่เข้าเรียนเหรอ?”เมื่อเห็นว่าสองกำลังจะเดินออกจากห้องพร้อมกับเด็กคนใหม่ที่ตรฤณไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนเลยต้องถามขึ้น
“ไม่อ่ะ..พอดีจะออกไปดูหนังกับเด็กสักหน่อย”สองหันกลับมากระซิบก่อนจะยักคิ้วให้ตรฤณ ทำเอาตรฤณต้องถอนหายใจเพราะไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมารั้งให้สองไม่ไป
“โดดเรียนมากๆ..ระวังเขาจะยาวเป็นวานะครับรุ่นพี่กมลินทร์” ประหนึ่งสวรรค์มาโปรดตรฤณจริงๆ น้ำเสียงแบบนี้ คำพูดแบบนี้หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้วนอกจากปากของภูเบศธ์
“ไอ้ภู! ”
ไม่ต้องมองหน้าให้เสียเวลาสองเองก็รู้เลยทันทีว่าใครเป็นคนพูด
“ใครเหรอครับพี่สอง”
และนี่ก็เป็นคำถามยอดฮิตจากปากเด็กของสองเมื่อเจอกันกับภูเบศธ์
“เลิกยุ่งกับฉันสักทีได้มั๊ย?!” เพียงสองพูดออกมาอย่างนั้นทำเอาเด็กใหม่ของสองเข้าใจ(ไปเอง)เลยทันทีว่าคนคนนี้คงเป็นเด็กเก่าของสองที่ยังคงมาตามตอแยไม่เลิก(เหรอ?)
“พี่เขาบอกว่าอย่ามายุ่ง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง?”พอเด็กในสังกัดเริ่มออกอาการก้าวร้าวสองก็รีบรั้งแขนห้ามเอาไว้
“ต้อม.....ให้พี่จัดการเอง”
สองพูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปยืนประจันหน้ากับตัวปัญหา ที่สองเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าสายตาที่เขากำลังถูกมองอยู่นั้นพยายามจะสื่อความหมายอะไร
จะโกรธก็ไม่ใช่จะว่าน้อยใจก็ไม่เชิง..สองยอมรับว่าอ่านสายตาคู่นี้ไม่ออกจริงๆ
“ระหว่างฉันกับนายให้มันจบไปเถอะนะ”
เป็นครั้งแรกในรอบประวัติศาสตร์หรืออย่างไร ที่คนอย่างสองยอมพูดเพราะกับไอ้เด็กเวรอย่างภูเบศธ์
“จบอะไร..ในเมื่อเรื่องของเรามันยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ” ภูเบศธ์กดยิ้มที่มุมปากก่อนจะคว้าข้อมือของสองแล้วให้ออกเดินตามโดยมีเด็กใหม่อย่างน้องต้อมรีบวิ่งตามไป
เอาแล้วไงคราวนี้ ไอ้สองก่อเรื่องให้กูได้ตามเช็ดอีกแล้วครับ
ว่าแล้วตรฤณก็ต้องโดดเรียนแล้ววิ่งตามสามคนนั้นไปสมทบอีกทีอยู่ดี
“นี่ นายเป็นใคร จะพาพี่สองไปไหน!”
“นั่นก็อีกคน เขาจะงอกแล้วยังไม่รู้ตัว”ภูเบศธ์หยุดเดินแล้วหันไปบอกเด็กใหม่ของสองที่วิ่งตามมา
“หมายความว่ายังไงเขางอก? พูดมาดีๆเลยนะเว้ย”
“ก็พี่สองน่ะ...คบกับฉันอยู่ ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่กันแน่”เพียงแค่ภูเบศธ์ประกาศความเป็นเจ้าของออกไปสองถึงขั้นสะบัดมือ แล้วตบหัวไอ้คนที่เพิ่งลากตัวเองมาทันที
“คบใคร?..ใครคบกับนาย? ห๊า! ไอ้เด็กนี่”สองขึ้นคำขู่แต่ภูเบศธ์เองก็ไม่เคยคิดที่จะเกรงกลัวแถมยังรั้งรุ่นพี่ตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ แล้วรีบโอบเอวแสดงความเป็นเจ้าของโดยที่สองเองก็พยายามขัดขืนจนสุดท้ายภูเบศธ์ต้องยื่นมาตรการขั้นเด็ดขาดให้โดยการกอดรัดเอาไว้เลยจะได้ไม่ดิ้นหลุดไปหาเด็กทางไหนได้อีก
“ไม่ได้คบก็ได้แต่พี่สองเป็นของฉันแล้วเท่านั้นเอง”ภูเบศธ์พูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทใส่ต้อมพร้อมกับการรีบคว้ามือเล็กๆเอาไว้ป้องกันการโดนประทุษร้ายอีกครั้งส่วนบุคคลที่สี่ที่แอบมองอยู่ใกล้ๆ ถึงกับตบไม้ตบมืออย่างถูกอกถูกใจในคำพูดของภูเบศธ์
กูถือพู่เชียร์เด็กดันของคุณทิวากรอยู่ กรุณาอย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นนะจ๊ะ ไอ้สอง~
“ไอ้ตรฤณ! มึงมาช่วยกูเดี่ยวนี้!”ในเมื่อดิ้นไม่หลุดแถมไอ้เพื่อนตัวดีก็ยังทำท่าดีใจยกใหญ่ที่ภูเบศธ์กล้าประกาศโต้งๆว่าเป็นเจ้าของสองแล้วอย่างนั้น แต่ถึงอย่างนั้นตัวช่วยตัวสุดท้ายที่สองต้องเอ่ยปากขอร้องก็ยังคงต้องเป็นตรฤณอยู่ดี
“ก็ให้เด็กมึงช่วยสิ เด็กมึงเก่งไม่ใช่หรือไง”พอถูกวนประสาทกลับทำเอาสองไม่รู้จะพึ่งใคร พอลองหันไปมองเด็กใหม่ที่เพิ่งได้มาควง ดูก็รู้ว่ารายนั้นไม่ยอมมาช่วยแน่ๆ ในเมื่อไอ้คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของของตัวเองใช้สายตาขู่อยู่อย่างนั้น
“ต้อม..อย่าเข้าใจผิดนะ..พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับไอ้เด็กนี่จริงๆ...”สองรีบหาทางแก้ตัวเมื่อดูเหมือนว่าน้องต้อมจะทำท่าถอดใจเมื่อรู้ว่าพี่สองมีเจ้าของแล้ว
“ผมว่าผมยังไม่อยากมีเขาตอนนี้หรอกครับพี่สอง”
พูดจบก็เดินจากไปทิ้งไว้แค่รอยยิ้มร้ายของไอ้เด็กเวรภูเบศธ์
“ฮ่าฮ่า....เป็นไงล่ะมึง”ในเมื่อเหตุการณ์สงบ ตรฤณก็หัวเลาะลั่นกับภาพตรงหน้าที่เพื่อนตัวเล็กเขายังอยู่ในอ้อมกอดของภูเบศธ์ที่พยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุด แถมยังโดนเด็กใหม่ตัดเยื่อใยก่อนอีกต่างหาก
พูดตามตรงปรากฎการณ์ที่ไอ้สองถูกเด็กทิ้งหาดูได้ยากจริงๆนะครับกูขอบอก!
“ไม่ต้องมาพูดเลย อยากถูกเตะมากหรือไงไอ้ตรฤณ!”ร่างเล็กในอ้อมกอดของภูเบศธ์เดือดดาลพยายามเต็มที่ที่จะเตะเพื่อนตัวดี แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องหมดแรงเมื่อทำอย่างไรก็เตะไม่ถึงถ้าหากภูเบศธ์ยังรัดเอาไว้แบบนี้
“ก่อนจะมาเตะกู หลุดออกจากอ้อมกอดอันแสนอบอุ๊นนนนอบอุ่นของไอ้เด็กนั่นให้ได้ก่อนเหอะว่ะ! ฮ่าฮ่า”พูดทิ้งท้ายพร้อมกับส่ายตูดไปมาเพื่อล้อเพื่อนผู้ที่ไม่มีวันวิ่งมาเตะตูดของตรฤณได้
“ไอ้บ้าเอ้ย! ปล่อยสิวะบอกให้ปล่อยไงเล่า! ”ทั้งที่อยากจะวิ่งไปเตะก้นเพื่อนตรฤณใจแทบขาดแต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ในเมื่อมือปลาหมึกของไอ้เด็กปากหมารัดเอาไว้แน่นยิ่งกว่าลูกลิงเกาะแม่
“บอกมาก่อนว่าจะไม่โดดเรียน..แล้วผมจะปล่อย”ภูเบศธ์พูดเสียงเรียบแต่ทว่ากลับดูมีอำนาจต่อจิตใจของสองจนเจ้าตัวเองยังรู้สึกแปลกๆ
“ฉันจะโดดหรือไม่โดดเรียนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย...ปล่อยก่อนสิวะ!”ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่แก้มสองแก้มของสองกลับรู้สึกร้อนผ่าว เมื่อรับรู้ว่าตอนนี้หลังตัวเองอยู่ชิดติดอกแกร่งจนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย แถมด้วยแขนแกร่งที่ยังโอบรัดเอาไว้ถึงจะแน่น แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดอะไร..กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ
เฮ้ย! กูต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่รู้สึกดีที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของไอ้เด็กเวรนี่!
“อย่างน้อย..ผมก็ยังไม่อยากให้แฟนโดดเรียนแล้วไปหาแทะโลม เอ้ย! แทะเล็มหญ้าอ่อนที่อื่นหรอกนะครับ”
“ไอ้ภูเบศธ์! เมื่อไหร่จะเลิกว่าฉันเป็นควายสักที!”
“ครั้งนี้วัวครับ ไม่ใช่ควาย”
ครั้งนี้?! มึงบอกแค่ครั้งนี้? เออ ได้ทีเอาทั้งวัวทั้งควายมาหลอกด่ากูเชียวนะมึง!
กูควรจะขอบคุณมึงมั๊ยที่แถลงไขให้กูเข้าใจซะกระจ่าง..ไม่ว่าจะวัวหรือควาย มันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก!
“เออก็ทั้งสองอย่างนั่นแหล่ะ!”สองสะบัดหน้าหนีเพราะไม่รูจะสรรหาคำอะไรมาด่าทอไอ้เด็กเวรปากหมาตรงหน้า
“ก็ถ้าพี่สองยอมเข้าเรียน แล้วเลิกไปเสาะหาหญ้าอ่อนตามคณะต่างๆ บริโภคแทนอาหาร...ก็เมื่อนั้นแหล่ะที่ผมจะยอมทำตัวเป็นเด็กดีของพี่สอง” สองยืนฟังอย่างอึ้งๆในขณะที่คนพูดเองก็ชักจะเขินจนหูแดงหน้าแดงที่กล้าพูดอะไรออกมาแบบนี้
อ่า..กูชักจะมั่นใจแล้วสิว่านี่คือคำที่มันกำลังสารภาพรักกับกู!
“ถามจริง? อยากจีบฉันจริงๆเหรอ?”สองถามพร้อมกับพลิกตัวไปประชันหน้ากับคนที่เคยบอกว่าอยากจีบ
“โห่...ทำขนาดนี้..ไม่อยากจีบเลยเนอะ” ว่าพร้อมกับโอบคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น โดยที่สองเองก็ดูเหมือนจะยังไม่รู้สึกตัวที่ยืนให้เด็กมันกอดอยู่ได้นานสองนานโดยที่ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“ทำขนาดนี้! ที่ด่ากูอยู่ทุกวันนี้เนี่ยนะ แล้วบอกว่าอยากจีบ กูจะบ้าตาย”สองยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองดังแปะแต่ภูเบศธ์กลับส่ายหน้าไปมา
“อย่าพูดไม่เพราะแบบนั้นสิครับ..”
เหอะ! ที่มึงด่ากูอยู่ทุกวันถึงไม่เคยมีคำหยาบ แต่กูว่ามันคมยิ่งกว่าดาบอีกนะมึง!
พูดขึ้นมาที กูงี้เจ็บร้าวไปถึงไต!
“แล้วจะทำไม! เป็นพ่อฉันหรือไงถึงได้มาสั่งสอนฉัน”
“เปล่า..ก็แค่บอก”ภูเบศธ์ยักไหล่ประหนึ่งว่าไม่ใส่ใจเรื่องนี้ก็ได้
ถึงเป็นพ่อไม่ได้ แต่เป็นผัว ให้ได้ แล้วจะเอาไหมครับ?
ภูเบศธ์เองก็ทำได้แค่คิด..เพราะถ้าเกิดพูดออกมาจริง..ชีวิตอาจจะไม่เหลือเศษซาก
“เออ แล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว..ฉันจะกลับไปเรียน”ในเมื่อบทสนทนาดำเนินจนมาถึงทางตัน การทะเลาะกันก็ดูเหมือนว่าจะสิ้นสุดลง สองจึงต้องตัดบทสนทนาง่ายๆ แล้วภูเบศธ์ก็ยอมคลายอ้อมกอดแต่โดยดี
“แล้วอย่าแวะไปเล็มหญ้าข้างทางนะครับ!” เมื่อปล่อยให้รุ่นพี่ตัวเล็กเป็นอิสระแล้วเดินกลับไป ภูเบศธ์ก็ยังไม่ลืมที่จะพูดอะไรทิ้งท้ายไว้ให้คนบางคนได้คิดถึงเวลาจากกัน
อ๊ากกกกกก กูอยากฆ่าหั่นศพมันจริงๆเลย ไอ้ตรฤณมึงเตรียมมีดหมอให้กูที!
___________________________________