บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ ตอนพิเศษ (4) “เราสองสามคน”
ตั้งแต่พบกันวันนั้น ใจก็รู้ว่าเราจะมีกันวันนี้ เธอเติมเต็มสิ่งดีๆ ให้ทุกวันที่มี กลายเป็นวันที่มีความหมาย ไม่ใช่แค่วันพรุ่งนี้ แต่จากนี้แม้นานเท่านานสักเพียงไหน จะมีเธอ เธอมีฉันมีกันตลอดไป ยิ่งพบเจอยิ่งได้รู้จักยิ่งรักเธอหมดใจ
พิธีแต่งงานของคุณแชริม กับคุณแดนนี่ดูสวยงามยิ่งใหญ่ แขกที่มาร่วมงานมากกว่าหลักพันจนกลายเป็นงานยักษ์แห่งปี คนที่ไม่ใช่แขกพิเศษพร้อมสื่อมวลชนจะได้นั่งที่เต๊นท์นอกโบสถ์เท่านั้น และภายในโบสถ์พิธีประดับไปด้วยดอกไม้สีขาวแพงๆ หลากหลายชนิดไปทั่วบริเวณ บริเวณงานปูพื้นด้วยหญ้าที่เหมือนจัดทำใหม่ มีดอกไม้สีขาววางประดับอยู่ประปรายเช่นกัน และบนที่นั่งของแขกที่มาร่วมงานนั้นใช้ริบบิ้นผ้าสีทองผูกเป็นโบว์ และนำดอกไม้สีขาวเป็นช่อมาประดับตรงกลาง
บนเวทีประกอบด้วยบาทหลวง เจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาวผ้ามันวาว เพื่อนเจ้าบ่าวในชุดสูทสีเทาสามคน และทางด้านข้างก็มีนักดนตรีออร์เคสตร้าวงใหญ่บรรเลงเพลงคลาสสิคซึ้งๆ คลอเบาๆ ในงาน เมื่อใกล้ถึงเวลาที่เจ้าสาวจะเดินเข้ามาในพิธีนั้น ก็มีเสียงเครื่องดนตรีบรรเลงเพลงดังขึ้นสั้นๆ เป็นสัญญาณ แขกทุกคนจึงยืนขึ้นเพื่อเป็นการให้เกียรติกับขบวนเจ้าสาวที่กำลังจะเดินเข้ามาในพิธี
เริ่มจากนักบวชหนุ่มผู้จุดเทียนถือเทียนเดินเข้าโบสถ์ เพื่อจุดเทียนที่อยู่ตรงกลางด้านหน้าของโบสถ์ จากนั้นนำเทียนที่ถือไปจุดต่อยังเชิงเทียนด้านซ้าย และด้านขวา เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไป จากนั้นนักดนตรีในโบสถ์จึงเริ่มบรรเลงเพลง ขบวนเจ้าสาวก็จะเคลื่อนเข้าสู่โบสถ์ นำโดยเด็กน้อยน่ารักในชุดกระโปรงสีขาวฟูฟ่องสองคนโปรยดอกไม้ตามทางเดิน
งานนี้ดูแปลกตาตรงที่มีเพื่อนเจ้าสาวเป็นผู้ชายหน้าตาน่ารัก ซึ่งปกติจะเห็นผู้หญิงเท่านั้นที่เป้นเพื่อนเจ้าสาว น้องหยกในชุดสูทสีครีมมันวาวเดินนำเข้ามา ในมือถือช่อดอกไม้สีขาวเล็กๆ เดินมาตามทางเดินที่ปูพรมสีแดงสดเอาไว้ นำเด็กชายตัวเล็กในชุดสูทสีเทาเป็นเด็กถือแหวนแต่งงาน ตามด้วยพี่แชริมเจ้าสาวในงานนี้ สวมชุดเกาะอกผ้าไหมถักสีขาวประดับคริสตัลระยิบระยับหรูหรา แต่ที่สะดุดตาคือ ตัวระโปรงยาวมากทำด้วยเนื้อผ้าโปร่งที่คลุมชุดผ้าไหม
ทั้งชุดประดับลวดลายฉลุทอมือไปด้วยคริสตัลด้วยเนื้องานละเอียด ล้อแสงไฟระยิบระยับเป็นประกาย เล่นลายไปจนถึงชายกระโปรงยาวเป็นเมตร และมีผ้าคลุมผมบางๆ ที่อยู่บนผมที่เกล้ามวยสวมมงกุฎเพชรเล็กๆ ไว้ นำมาปิดหน้าให้เห็นใบหน้าเลือนลางดูสง่าราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ในมือถือช่อดอกไม้สีขาวขนาดช่อปานกลางไม่ใหญ่โตมากไว้ในมือที่เดินคล้องแขนมาพร้อมกับคุณพ่อ
สายตาของแขกในงานทุกคู่ จับจ้องที่เจ้าสาวอย่างไม่วางตา พร้อมกับชื่นชมความงามสง่าของเธออย่างไม่ขาดปาก เธอเดินออกมาพร้อมกับคุณพ่อชาวเกาหลีของเธอ เธอก้าวเป็นจังหวะสอดคล้องกับบทเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ เจ้าบ่าวสวมชุดสูทสีขาวยืนอย่างมั่นคงกำลังมองมาที่เจ้าสาวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มชื่นชม เมื่อเธอเดินมาถึงบริเวณที่เจ้าบ่าวยืนอยู่ พ่อของเธอก็จับมือของเธอวางลงบนมือของเจ้าบ่าว ซึ่งเจ้าบ่าวก็ได้จับมือนั้นไว้อย่างแนบแน่น ก่อนจะหันหน้าเข้ากันเพื่อกล่าวคำสาบานร่วมกัน
"ใครเป็นผู้มอบเจ้าสาวมิสซอง แชริม ให้กับเจ้าบ่าวมิสเตอร์แดเนียล เวล บาร์ตเลตต์ในวันนี้" บาทหลวงเอ่ยถามคุณพ่อของพี่แชริม
"ข้าพเจ้ามิสเตอร์ซอง จินวุก บิดาของนางสาวซอง แชริม เป็นผู้มอบ" คุณพ่อของพี่แชริมตอบจบ ก็ถอยออกมาเพื่อให้เจ้าบ่าวไปยืนคู่กับเจ้าสาวบนแท่นพิธีแทน แล้วเดินกลับไปนั่งที่นั่งข้างคุณแม่พี่แชริม
“เอาล่ะ เชิญแขกทุกท่านนั่งลง ทุกท่านที่มาเป็นสักขีพยานในวันนี้ขอให้ท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานแต่งงานของมิสเตอร์แดเนียล เวล บาร์ตเลตต์ และมิสซอง แชริม” บาทหลวงหันหน้าไปหาพี่แดนนี่ และพี่แชริม แขกมองเห็นเพียงด้านข้างของเจ้าบ่าว และเจ้าสาว
“มิสเตอร์แดเนียล ท่านจะรับมิสซอง แชริม เป็นภรรยา ไม่ว่าจะยามสุข หรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย และสัญญาว่าจะรัก เคารพ เชิดชูดูแลกันและกัน จนกว่าทั้งคู่จะตายจากกันไปหรือไม่” บาทหลวงถามพี่แดนนี่
“รับครับ” ยามที่พี่แดนนี่ได้เอ่ยคำสาบานนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าอันสวยงามของพี่แชริมไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย แววตาดูมั่นคง เสมือนกับว่านี่คือคำสัญญาจากปากลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ตั้งใจมอบให้เธอเพียงผู้เดียว
“มิสซอง แชริม ท่านจะรับมิสเตอร์แดเนียล เป็นสามี ไม่ว่าจะยามสุข หรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย และสัญญาว่าจะรัก เคารพ เชิดชูดูแลกันและกัน จนกว่าทั้งคู่จะตายจากกันไปหรือไม่” บาทหลวงเอ่ยคำสาบานให้พี่แชริมได้ตอบบ้าง
“รับค่ะ” พี่แชริมตอบออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ เมื่อเธอเอ่ยจบคุณพ่อ และคุณแม่ของทั้งคู่ก็ได้ปล่อยน้ำตาแห่งความดีใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอและเขาได้ให้สัญญากับตัวแทนของพระเจ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พ่อขอถามอีกครั้ง มีใครจะคัดค้านงานแต่งครั้งนี้หรือไม่” บาทหลวงเอ่ยถามสักขีพยานทุกคนที่นั่งอยู่เป็นจำนวนสามครั้งด้วยกัน
“ท่านทั้งคู่มีสิ่งใดเป็นเครื่องยืนยันในความรักของท่านหรือไม่” เมื่อไม่มีคนคัดค้านใดๆ บาทหลวงจึงกลับมาถามทั้งคู่อีกครั้ง
“ข้าพเจ้ามีแหวน ผมสัญญาว่า ผมจะรักแชริม จะร่วมทุกข์ร่วมสุข อยู่เคียงข้างกัน ในทุกโมงยามของชีวิต” พี่แดนนี่กล่าวก่อนหยิบกล่องแหวนจากหนูน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้างแท่นพิธี มาสวมแหวนเพชรลงนิ้วนางข้างซ้ายให้พี่แชริม
“ท่านมีสิ่งใดยืนยันความรักของท่านหรือไม่” บาทหลวงหันไปทางพี่แชริม
“ข้าพเจ้ามีแหวน ฉันสัญญาว่าจะดูแลพี่แดน และรักพี่แดนตลอดเวลา ทั้งเวลาที่เราตื่น และเวลาที่เราฝัน แล้วความรักของเราก็จะเติบโต และก็จะดูแลกันตลอดไป จะแก่เฒ่าไปด้วยกันนะคะ” พี่แชริมกล่าวก่อนหยิบกล่องแหวนจากหนูน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้างแท่นพิธี พลางสวมแหวนลงนิ้วนางข้างซ้ายให้พี่แดนนี่
“ด้วยอนุภาพแห่งความรัก และคำมั่นสัญญา ข้าพเจ้าขอประกาศให้ คนทั้งสองเป็นสามี และภรรยากันนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” หลังจากที่บาทหลวงเอ่ยข้อความเสร็จ เสียงปรบมือก็ดั่งกระหึ่มขึ้น
เจ้าบ่าวเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก และประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากคู่นั้นอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่น และทุกๆ คนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับปรบมืออย่างยินดีอีกครั้ง ครอบครัวของบ่าวสาวก็โอบกอดกันอย่างรักใคร่ เจ้าสาวที่ในตอนนี้กำลังเขินอายแขกในงานเป็นอย่างมาก หลังจากที่เจ้าบ่าวละริมฝีปากออกแล้ว เธอก็ซุกหน้าอยู่ที่อกเจ้าบ่าวนิ่ง เจ้าบ่าวยิ้มกริ่มใช้ปลายนิ้วซับน้ำตาให้กับเจ้าสาวช้าๆ อย่างเบามือดูน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด
หลังจากเสร็จพิธีเราทุกคนก็ออกไปถ่ายรูปคู่กับบ่าวสาว พูดคุยทักทายกันอย่างสนุกสนาน ร่วมทานของว่างที่ทางออแกไนซ์จัดมาให้ ผมมองหาโตโต้ไม่เจออีกแล้ว มีเพียงสิงห์ที่อยู่เคียงข้างผมอยู่ตลอดเวลา จนถึงช่วงเวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมและครอบครัวจึงกลับบ้านมาพักผ่อน อาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อเตรียมตัวไปงานเลี้ยงฉลองสมรสที่โรงแรมในตอนกลางคืน
ในค่ำคืนนี้ เป็นการเลี้ยงแขกทั้งหมดที่มาร่วมงาน การจัดตกแต่งภายในงานดูยิ่งใหญ่อลังการ และหรูหราอีกตามเคย เนื่องจากจำนวนแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้มีเยอะกว่าพิธีตอนกลางวันมากมายนัก งานเลี้ยงแต่งงาน เชิญนักร้องที่มีชื่อเสียงมาเป็นแขกรับเชิญบนเวที สลับกันขับร้องเพลงหวานซึ้งไพเราะกล่อมแขกในงาน อาหาร ขนม และเครื่องดื่มในงานจัดตกแต่งแบบค็อกเทลบุฟเฟห์ มีหลากหลายซุ้มจนละลานตาไปหมด
“เฮ้ย...พีทนั่นใครวะ เอาแต่จ้องคุณทองกับอาหนึ่งเขม็งเลย ดูดิ” สิงห์ชี้ชวนให้ผมดูฝรั่งที่มองตามทองหล่อไปทั่วงาน ผมไม่ได้สนใจนัก กลับมองหาแต่ไอ้เพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อกับผม ป่านนี้ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปอยู่ไหนกัน เจอที่งานตอนเช้าก็ได้คุยกันเพียงนิดเดียวเอง
“ไม่ต้องไปสนใจหรอกค่ะพี่สิงห์ แค่ฝรั่งหน้าโง่คนหนึ่ง เคยจีบพี่ทองหล่อเท่านั้นล่ะ แต่โชคดีของพี่ทองที่สุดท้ายไม่ได้ไปคบกับตานั่น” น้องพลอยสวยตอบอย่างรวดเร็วให้สิงห์ฟัง พลางจูงมือน้องเจให้ไปเดินดูอาหารมาเพิ่ม ผมจึงชวนสิงห์ไปตักอาหารมาเพิ่มบ้าง
“ทำไมอาหารมันต้องเสียบไม้มาเป็นคำๆ ด้วยเนี่ย ไม่มีแบบมาเป็นจานๆ บ้างเหรอ กินกี่ถาดถึงจะอิ่มกันวะ” คนรักของผมบ่นไปจิ้มอาหารที่จัดเรียงตกแต่งอย่างสวยงามวางเป็นถาดอยู่ตรงหน้า มาใส่ในจานเล็กในมือตัวเอง สิงห์หยิบมาเยอะจนเกือบล้นออกมานอกจานจนสะดุดตา
“สิงห์ครับ ถ้าไม่อิ่มเดี๋ยวเราไปหาข้าวทานหลังเลิกงานก็ได้ อย่าหยิบเยอะแบบนั้นสิครับ ทานไม่พอเราค่อยมาเอาเพิ่ม ดูคนอื่นจ้องใหญ่แล้วเห็นหรือปล่า” ผมบอกคนรักเบาๆ พยายามแบ่งอาหารจากจานเล็กในมือสิงห์ มาใส่ในจานของผมบ้าง และพาตัวสิงห์ไปหาที่นั่งว่างทานกันสองคน
“เป็นผู้ดีนี่ยุ่งยากเนาะ ทำอะไรก็ต้องคอยระวังคนว่าคนนินทา” สิงห์บ่นแบบไม่ใส่ใจนัก มือก็หยิบอาหารใส่ปากเคี้ยวอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่ขำท่าทีของคนรัก เมื่อเห็นบริกรถือถาดเครื่องดื่มมาใกล้ ผมจึงเดินไปหยิบน้ำผลไม้มาสองแก้ว สิงห์กล่าวขอบคุณพลางดื่มน้ำที่ผมวางให้รวดเดียวจนหมด
“ไม่อิ่มแน่ๆ พีท ถ้าจะให้อิ่มผมต้องไปเอามาสักสองสามถาดโน่นล่ะ มีแต่อาหารกระจุ๋มกระจิ๋ม ไม่เหมือนงานแต่งแถวบ้านผมเลยนะ ต้มแกงแจกกันเป็นหม้อๆ เลี้ยงขันโตกกันให้หนักท้องไปเลย รับรองว่าอิ่มไปสามวันแปดวัน” สิงห์ยังบ่นเรื่องปริมาณอาหารไม่หยุด ก็ตัวใหญ่ขนาดนี้ ทานข้าวมื้อละสองจาน สามจาน มาทานค็อกเทลแบบนี้จะไปอยู่ท้องได้ยังไงกัน
“เอาน่า...เดี๋ยวงานเลิกเราไปหาข้าวทานกันสองคนต่อก็ได้นี่ ผมจะพานายไปทานอาหารทะเลที่นายชอบไงดีไหม เปิดถึงดึกด้วยไม่ต้องรีบร้อน ทานอาหารพวกนี้รองท้องไปก่อนก็พอ” ผมบอกคนรักให้สบายใจ ว่าคืนนี้ไม่ต้องทนหิวจนถึงเช้าแน่ๆ
“พีท...นายดีกับผมมากเลย ทำไมนายถึงน่ารักแบบนี้นะ” สิงห์ชมจนผมเขิน แค่พาไปหาของกินแค่นี้เอง ไม่เห็นต้องชมกันด้วยสีหน้าจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ผมเพียงยิ้มตอบน้อยๆ สิงห์จับมือผมเอาไว้แน่นใต้โต๊ะ คงกลัวคนเห็น เพราะสิงห์ยังอายคนทั่วไปอยู่ หากใครจะมองว่าสิงห์กำลังคบกับผู้ชาย