บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 53 “กฤษกร”
แม้จะต้องเจอความจริงที่ปวดใจ อาจต้องทนเหงา ที่มันไม่เหลือใคร ดีกว่าอยู่แล้วช้ำใจ ที่ไม่ได้ ความรักจากเธอ
เสียงรถยนต์ของไอ้ทองมาจอดีหน้าบ้าน ผมจึงอุ้มคุณตาขึ้นมาเพื่อจะพาลงไปขึ้นรถ คิดว่าวันนี้คงต้องให้คุณตานอนที่โรงพยาบาลเผื่อว่าจะมีไข้ขึ้นมาอีก การรักษาต่างๆ จะได้ดำเนินได้สะดวก คุณตาออกจะแข็งแรงมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ตั้งแต่ผมจำความได้ก็นับครั้งได้เรื่องเรื่องอาการป่วยของคุณตา ไม่นึกว่าเวลาป่วยจะมีอาการหนักถึงขนาดเพ้อแบบนี้ได้
“กฤษ...ลูกไปกับหยกเถอะ ยายขอนอนพักอยู่บ้านนะ” คุณยายก้มหน้าก้มตาพูด ท่าทางเหมือนยังคงร้องไห้อยู่ ปกติคุณยายจะไม่ยอมห่างจากคุณตาเลย ยิ่งสถานการณ์แบบนี้ผมคิดว่ามีความแปลกประหลาดเกิดขึ้น แม้คุณตาไม่สบายคุณยายยังยอมอยู่บ้านไม่ตามไปโรงพยาบาล
“ยายครับ ไม่ได้หรอกครับ เกิดยายเป็นลมเป็นอะไรขึ้นมาผมจะทำยังไง จะให้น้องหยกอยู่ด้วยก็คงไม่พอหรอกครับ หยกจะดูแลคุณยายคนเดียวได้ยังไง ไปด้วยกันนี่ล่ะครับ กฤษว่ายายก็ควรให้หมอตรวจดูด้วยนะครับ อาการยายดูไม่ค่อยดีเท่าไรเลยนะครับ ไปเถอะครับ หยกพายายตามพี่มาเร็ว” ผมหันไปสั่งน้องหยกให้พยุงคุณยายที่ทำท่าทางจะไม่ยอมลุกตามมา
ผมอุ้มคุณตาเข้าไปนั่งในรถด้านหลังแล้วให้พิงผมไว้ ส่วนคุณยายให้นั่งด้านหน้าข้างคนขับ ปรับเก้าอี้เอนให้คุณยายได้เอนตัวนอนพักจะได้สบายขึ้น น้องหยกส่งคุณยายเข้าไปนั่งเรียบร้อยก็วิ่งกลับมานั่งประกบข้างคุณตาด้านหลังเหมือนผม ไอ้ทองมองหน้าผมผ่านกระจกหลังเหมือนจะถามอะไร แต่เห็นสีหน้าผมไม่สู้ดีนักก็รีบขับรถออกไปอย่างเงียบๆ
เรามาถึงโรงพยาบาลจอดรถที่หน้าตึกใหญ่ พอเจ้าหน้าที่เห็นผมทำท่าอุ้มคุณตาก็รีบนำเตียงมารับคุณตา ส่วนคุณยายก็นั่งรถเข็นเข้าไปด้านใน ผมแจ้งอาการกับพยาบาลว่าคุณตามีไข้จนเพ้อ ส่วนคุณยายอ่อนเพลียหน้ามืด พยาบาลบอกให้เรารอด้านนอกไม่ยอมให้เข้าไปด้านใน ผมจึงไปยืนหน้าประตูชะโงกหน้าดูข้างในผ่านกระจกด้วยความเป็นกังวล
“ไอ้กฤษมึงนั่งรอได้ไหม กูเห็นแล้วปวดหัว จะเดินไปเดินมาทำไมวะ” ไอ้ทองมันหันมาด่าผมเข้าให้ คิดอยู่แล้วเหมือนกันว่าเดินมาดูบ่อยๆ ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่มันอดไม่ได้ที่จะคอยดินมาดูหน้าประตูด้วยความเป็นห่วง ผมไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับไอ้ทองมันเท่าไร จึงเดินกลับมานั่งข้างนอกหยกเงียบๆ
“พี่กฤษครับ ตาไม่เป็นอะไรหรอก แค่ไข้ขึ้นหนักเท่านั้นเองครับ” น้องหยกบีบมือผมเอาไว้ทำให้จิตใจเริ่มอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง มาถึงตอนนี้ผมคิดว่าหยกก็คงกังวลกับเรื่องที่คุณตาเพ้อออกมา คิดในใจตอนนี้ว่าคงเป็นอาการเพ้อจากพิษไข้ทำให้คุณตาพูดอะไรแปลกจากความจริงออกมาเท่านั้น
“หยก พี่อยากให้หยกโทรไปถามคุณป้าให้พี่หน่อยได้ไหม เรื่องที่คุณตาพูดออกมา อย่างน้อยหากคุณป้าของหยกยืนยันได้ว่ามันไม่มีมูลพี่จะได้สบายใจ” ผมพยายามสงบใจกับเรื่องนี้แล้ว แต่มันอดไม่ได้จิตใจมันไม่ยอมสงบตาม ไอ้ทองพยายามยื่นหน้ามาฟังบทสนทนาอย่างสนใจ ผมจึงถลึงตามองมันว่าอย่ายุ่งมันจึงเบะปากแล้วหันไปเล่นโทรศัพท์ของมันต่อ
“พี่กฤษครับ หยกกลัว หยกไม่กล้าถาม” น้องหยกมองหน้าผมนิ่ง ดวงตาสั่นระริกจนเห็นน้ำตาคลอหน่วยอยู่ตรงหัวตา เห็นแล้วให้รู้สึกใจหาย ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แต่เรื่องนี้ผมทนเก็บงำไว้ไม่ได้หรอก ผมอยากรู้มากจริงๆ สองวันนี้มีแต่เรื่องแปลกๆ เข้ามาในชีวิต มันทำให้จิตใจผมว้าวุ่นไปหมด
“หยก...ตามพี่ออกมาข้างนอกดีกว่า ไอ้ทองมึงเฝ้าไว้นะ ถ้าหมออกมาแล้วมึงไปตามกูด้วย” ผมแตะแขนน้องหยกให้ออกมาคุยข้างนอก แล้วจึงหันไปสั่งให้ไอ้ทองรับช่วงเป็นธุระเรื่องอาการป่วยของคุณตาและคุณยายต่อจากผม
“หยกโทรไปหาคุณป้านะ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ที่นั่นคงเพิ่งหัวค่ำ น้องหยกเปิดเสียงให้พี่ได้ยินด้วยแล้วกันนะ พี่จะฟังเป็นเพื่อน” ผมพาน้องหยกมาในมุมหนึ่งที่ค่อนข้างปลอดคน แล้วรอให้น้องหยกหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาคุณป้าที่อเมริกา
“แหม...ไปเที่ยวมาสนุกจนลืมป้าเลยสินะ หายไปตั้งสามวันกว่าจะโทรหาป้าได้” เสียงคุณป้าน้องหยกดังมาทันทีหลังจากที่รับสาย
“สวัสดีครับคุณป้า หยกไม่ได้ลืมคุณป้านะครับ หยกแค่...” น้องหยกอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
“เอาเถอะจ้ะ ป้าล้อเล่นเท่านั้นล่ะ ไปเที่ยวสนุกกับแฟนแล้วมีความสุขป้าก็ดีใจแล้ว เอ้อ...ลุงชัยส่งอีเมล์มาบอกป้าว่าลูกหยกไปโอนที่เรียบร้อยแล้ว ป้าอยากรู้ว่ากฤษกรคือใครเหรอลูก ทางนั้นเค้าเปลี่ยนผู้เช่าไปแล้วเหรอ” น้ำเสียงคุณป้าดูสบายๆ ไม่ได้เป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“พี่กฤษแฟนหยกครับ ชื่อกฤษกร เป้นหลานชายของตายายที่เช่าอยู่น่ะครับป้า แล้วหยกก็พักอยู่ที่บ้านหลังนั้นด้วยครับ” น้องหยกอธิบายให้คุณป้าฟัง
“อะ...อะไรนะ...กฤษ คือกฤษกรเป็นหลานใครนะลูก หลานฝั่งไหน แล้วลูกหมายความว่าพี่กฤษของลูก คือคนเดียวกับเจ้าของที่ดินตอนนี้เหรอ” คุณป้าตกใจเหมือนกำลังเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ไม่ถูก
“ครับ พี่กฤษแฟนหยก คือเจ้าของที่ดินตอนนี้ พี่กฤษเป็นลูกชายของคุณพรทิพย์ที่เป็นลูกสาวที่เสียชีวิตไปแล้วของคุณตาและคุณยายครับ” น้องหยกพยายามอธิบายให้คุณป้าทำความเข้าใจ
“ไม่จริง ทิพย์จะมีลูกอีกได้ยังไง หยกเรียกกฤษว่าพี่ไม่ใช่เหรอ ทิพย์จะมีลูกอีกคนที่แก่กว่าหยกได้ยังไงกัน เป็นไปไม่ได้” คุณป้าโพล่งออกมาอย่างรวดเร็ว หมายความว่ายังไงกัน ทำเอาผมเริ่มงง คุณป้าของน้องหยกก็รู้จักกับแม่ของผมด้วยสินะ ตอนนี้มือผมสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ จิตใจเริ่มเต้นแรง
“คุณป้าครับ หยกไม่เข้าใจ คุณป้ารู้จักแม่ทิพย์ด้วยเหรอครับ” น้องหยกก็มีอาการร้อนรนไม่ต่างจากผมเสียเท่าไร มองหน้าผมสลับกับหน้าจอโทรศัพท์ที่ถืออยู่
“อะ...เอ่อ...ป้า คือลูก ป้าจะพูดยังไงดี หยกฟังป้านะ ป้ารู้จักกับทิพย์จ้ะ แต่ว่าเรื่องของกฤษนั้นป้าไม่รู้เรื่อง แต่ที่แน่ๆ คือป้ามั่นใจว่ากฤษไม่ใช่ลูกของทิพย์หรอกจ้ะ หยกเข้าใจผิดแล้วล่ะลูก” คุณป้าพูดจบทำเอาผมเข่าแทบทรุด ตอนนี้น้ำตาไหลหยดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ หัวใจผมเหมือนจะหยุดเต้น เสียแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน คุณป้าของน้องหยกจะมารู้ดีได้ยังไง ไม่จริงหรอกที่คนนอกจะมารู้เรื่องราวในครอบครัวของผม
“คุณป้าหมายความว่ายังไงครับ แล้วเอ่อ...คุณตาบอกหยกมาครับว่าเป็นคนยกลูกของแม่ทิพย์ให้ป๊าเทพไป มันคือเรื่องอะไรครับคุณป้า” น้องหยกเห็นอาการผมที่ยืนแทบไม่อยู่ น้ำตาผมไหลพรากแบบนั้นก็มีสีหน้าเป็นกังวลมาก ผมจึงส่ายหน้าให้เพียงเบาๆ ว่าไม่เป็นอะไร แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนร่วงลงเหว ทัศนียภาพข้างหน้าพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตา
“คุณป้าครับ คุณป้าได้ยินหรือเปล่าครับ” น้องหยกเห็นปลายสายเงียบไปแต่สายโทรศัพท์นั้นยังไม่ขาด จึงร้องเรียกเสียงดังขึ้น ผมปาดน้ำตาออกด้วยหลังมือ แล้วก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ตามคนรัก
“หยก...ฮือ...ฮือ...หยกเอาอะไรมาพูด โฮ...” เสียงคุณป้าร้องไห้โฮออกมาในสาย ทำเอาพวกผมตกใจเหมือนกัน เรามองหน้ากันอย่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่าทางจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ใจสั่นไปหมดแล้วในตอนนี้
“คุณป้าเป็นอะไรไปครับ” น้องหยกร้องถามอย่างตื่นเต้น มืออีกข้างที่ไม่ได้จับโทรศัพท์หันม้าคว้าแขนหนาของผมยึดเอาไว้ เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง ผมจึงโอบมือบีบไหล่น้องหยกเพียงเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจให้สงบลงบ้าง
“ป้า...ฮือ...ป้าบอกหยกแล้ว ว่าไม่ควรไปที่นั่น ฮือ...ฮือ...หยกไม่ฟังป้าเลย” คุณป้าร้องไห้ออกมาไม่หยุด แถมยังตัดพ้อน้องหยกของผมอีก
“ป้าครับอย่าร้องไห้สิครับ หยกใจไม่ดีเลย แต่ป้าบอกว่าทางนั้นเค้าอาจจะทำร้ายหยกได้ มันไม่เห็นจะเป็นแบบนั้นเลยนี่ครับ” น้องหยกพูดเรื่องอะไร ใครจะไปทำร้ายใครกัน ผมเริ่มงงบ้างแล้ว
“ป้า...แค่...ไม่อยากให้ลูกไปที่นั่นน่ะ ป้าขอโทษ...ป้าไม่อยากให้ลูกไปรู้ความจริงที่นั่น ความจริงที่ป้าไม่กล้าบอกลูกด้วยตัวเอง ฮือ...ฮือ...ป้าสัญญากับป๊าของลูกไว้ ลูกต้องเข้าใจป้านะ ฮือ...หยก หยกยังจะกลับมาหาป้าอีกไหม ป้าไม่ได้โกหกลูกจริงๆ ป้าติดสัญญากับพ่อของหนูเท่านั้น...ฮือ...ฮือ” คุณป้าร้องไห้ปานจะขาดใจ พูดจาแทบไม่รู้เรื่อง แต่ทำเอาผมกับหยกต้องอ้าปากค้าง
“หยก...เอ่อ...ความจริงเรื่องอะไรครับ ป้าบอกหยกมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นหยกไม่กลับไปหาคุณป้าจริงๆ ด้วย” น้องหยกพูดจาเหมือนคนไม่มีแรง น้ำตาไหลหยดออกมาจนผมต้องเข้าไปโอบคนรักเอาไว้ในอ้อมกอดแน่น
“ลูกอย่าทำแบบนั้นเลยนะ หยกรู้มาแค่ไหนล่ะลูก ป้า...เอ่อ...ป้าเล่าไม่ถูกจริง” คุณป้ามีน้ำเสียงเป้นกังวลร้อนรนทันทีที่น้องหยกขู่กลับไป
“ป้าเล่ามาทั้งหมดล่ะครับ ทั้งหมดเลยที่คุณป้ารู้ ยังไงตอนนี้หยกก็เป็นลูกบุญธรรมป้าแล้ว ป้าอย่าปิดบีงหยกอีกเลยครับ หยกโตแล้วอยากรู้ความจริงทั้งหมดครับ” น้องหยกพยายามครองสติในการโต้ตอบ ทั้งที่ตอนนี้มือที่กอดผมอยู่เกร็งจนผมรู้สึกเหมือนโดนจิกเนื้อ จนต้องลูบแขนลูบไหล่เบาๆ ให้คลายกังวลลงบ้าง
“ป้า...จะเล่าเท่าที่รู้นะจ้ะ ฮือ...ฮือ...แต่หยกต้องสัญญากับป้าก่อนว่าจะไม่ทิ้งป้า ต้องกลับมาหาป้าที่นี่นะลูก ป้ารักหยกมากนะ หยกสัญญากับป้าได้ไหมลูก ฮือ...” คุณป้ายังคงต่อรอง และมีเสียงสะอื้นออกมาเป็นพักๆ
“ได้ครับ หยกสัญญากับคุณป้า ขอเพียงคุณป้าบอกความจริงให้หยกรู้เถอะนะครับ หยกกำลังสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วนะครับ ป้าสงสารหยกเถอะนะครับ” น้องหยกกลั้นน้ำตาไว้ แล้วพูดออกไปให้มีน้ำเสียงเป็นปกติที่สุด
“ไอ้กฤษ...ตามึงฟื้นแล้วหมอบอกว่าต้องดูอาการก่อน ยายมึงเป็นลม หมอเลยให้แอดมิดทั้งคู่ เอาไงดีล่ะมึง กูให้เค้ารอก่อนว่ามึงจะยอมให้แอดมิดไหม ตากับยายกำลังป่วยเสือกมาพลอดรักกันอยู่ตรงนี้ หื่นไม่เลือกที่จริงๆ นะมึง” ไอ้ทองยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างตะโกนใส่ผมกับน้องหยกที่กอดกันอยู่จนตกใจ อยากจะลากมันมากระทืบจริงๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย
“เออ...บอกหมอให้พาไปแอดมิดได้เลย ขอห้องเตียงคู่ได้ไหม เดี๋ยวกูตามไป” ผมอยากรู้ความจริงทั้งหมดเหมือนกัน จึงส่งสัญญาณให้น้องหยกค่อยโทรหาคุณป้าอีกที ยังไงตอนนี้ผมต้องดูแลคุณตากับคุณยายก่อน อย่างน้อยตอนนี้ผมต้องครองสติให้อยู่ในฐานะผู้นำครอบครัว แม้ว่าผมจะเริ่มไม่มั่นใจในสถานะตัวเองกับครอบครัวของผมแล้วก็ตาม