บาปรัก...บาปบริสุทธิ์♥นิยายรักหื่นเซ็กเศร้าเอาฮา ตอนพิเศษ (9) หน้า 89 (24-02-14)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บาปรัก...บาปบริสุทธิ์♥นิยายรักหื่นเซ็กเศร้าเอาฮา ตอนพิเศษ (9) หน้า 89 (24-02-14)  (อ่าน 914499 ครั้ง)

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
ไอ้แก่น่ะไอ้แก่มาทำพี่ทองของเราได้

nut28phat

  • บุคคลทั่วไป
ไหงงั้นล่ะ มว่ายยยยยนะ สงสารพี่ทอง

ออฟไลน์ momo9476

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-2

totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 40 “ทองหล่อ”
คนที่ไว้ใจ สุดท้ายร้ายที่สุด เธอคือคนที่ใจร้าย สุดท้ายคนที่ไว้ใจ ร้ายที่สุด

          ผมกลับห้องมาชำระล้างร่างกายใหม่ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เป็นเสื้อยืดแขนยาวสีส้มคอกลม เพื่อปกปิดร่องรอยบอบช้ำตามคอและแขน สวมกางเกงยีสน์ตัวเดิม แล้วไม่ลืมที่จะหยิบกล่องของขวัญที่เตรียมให้พี่แดนกับพี่แชริมออกมาด้วย ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าทั้งไอ้กฤษกับน้องพลอยโทรหาผมเป็นสิบสาย

          “ฮัลโหล...เออ กูท้องเสีย ไม่ได้หยิบโทรศัพท์เข้าห้องน้ำ กำลังจะลงไป เออ...หยิบของขวัญมาแล้ว เจอกันข้างล่างนี่ล่ะ” ผมเดินไปขึ้นลิฟต์ แม้ว่าสัญชาตญาณจะสั่งให้ชะลอเท้าเดินให้เสียงเบาที่สุด ตรงหน้าห้องไอ้แก่ตัณหากลับ ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเหตุผลที่ตัวเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

          ผมวางกล่องของขวัญรวมกลับกล่องอื่นๆ เพราะตอนนี้ว่าที่บ่าวสาวเจ้าของงานเลี้ยงสละโสดไปอยู่บนเวทีเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ยืนรอทักทายแขก และรับของขวัญอยู่ตรงหน้างานเหมือนครั้งแรกที่ผมเจอ ไอ้กฤษยืนคุยอยู่กับน้องหยกตรงมุมห้อง มันหล่อโดดเด่นเป็นสง่าจนดึงดูดสายตาคนรอบข้างได้พอสมควร

          ผมกำลังจะเดินไปสบทบกับเพื่อนรักและเมียของมัน อยู่ดีๆ ก็มีมือมาดึงแขนผมจากด้านหลังจนตกใจ หันกลับไปมองก็เจอหน้าน้องสาวส่งสัญญาณว่าให้เงียบๆ แล้วเดินตามออกมาข้างนอกงานอีกครั้ง น้องพลอยสวมชุดเดรสกระโปรงสั้นสีขาวผ้าซาตินเป็นมัน ดูเรียบหรูสวยงามมากกว่าแนวน่ารักแบบทุกที

          “เจ๊...พี่กฤษให้ช่วยรั้งน้องหยกไว้ในงานตอนช่วงท้ายก่อน เค้าไปขอพี่แชริมจัดห้องให้เป็นห้องฮันนีมูน พนักงานกำลังประดับเทียนหอม และเอาดอกไม้สดไปเพิ่มมีกุหลาบเต็มห้องเลย พนักงานกำลังช่วยแต่งห้องใหม่ให้อยู่ พี่กฤษบอกว่าจะขอพี่หยกแต่งงานคืนนี้ พี่แชริมเลยสั่งแชมเปญไปไว้ในห้องให้ด้วย โรแมนติกจังเลย” น้องสาวของผมบรรยายเสียจนเห็นภาพ ดีใจแทนเพื่อนผมจริงๆ ผิดกับชีวิตรันทดของตัวเอง

          “แล้วจะให้พี่ช่วยอะไร” ผมถามออกไปเฉยๆ เรียบๆ เพราะไม่รู้ว่าน้องสาวจะให้ช่วยอะไร ในเมื่อมีมือดีคอยช่วยเหลือเพื่อนรักของผมเต็มที่อยู่แล้ว

          “ก็ไม่ต้องทำอะไรมากค่ะ พี่กฤษบอกว่าแค่ให้พวกเราพาพี่หยกลงไปที่ชายหาด เพราะพี่แชริมเตรียมสถานที่ให้แล้ว เค้าจะขอแต่งงานกันตรงนั้นล่ะ กริ๊ด...หนูตื่นเต้นจังเลย” น้องพลอยเล่าพลางทำท่าทางดี๊ด๊าจนผมรู้สึกหมั่นไส้

          “แค่นี้เหรอ” พูดจบน้องสาวก็ยืนยิ้มหวานให้จนตาหยี ตกลงก็ไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก บทบาทหนักคงไปตกอยู่กับไอ้กฤเท่านั้น ผมกับน้องพลอยกลับเข้ามาในงาน พี่แชริมกับพี่แดนลงมาจากเวทีแล้ว เราเดินไปตักอาหารมาทาน แล้วเดินไปหาสองผัวเมียเพื่อนรักของผม

          “พี่มาร์ทล่ะคะ” น้องพลอยถามขึ้นมาจนผมต้องมองตามหาเช่นกัน ถ้าน้องสาวไม่พูดถึงผมก็ลืมไปแล้วว่ากำลังจะคั่วอยู่กับหนุ่มอิตาเลี่ยนคนนี้ นั่นไง...กำลังคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนฝรั่ง แต่...มีหนุ่มไทยหน้าหวานยืนอยู่ด้วยข้างๆ มันเป็นใครทำไมต้องเกาะแขนคุณมาร์ทเอาไว้ด้วย ผมจ้องจนคุณมาร์ทแล้วหนุ่มไทยคนนั้นหันมามอง

          “คุณทอง เป็นไงบ้างครับ คุณกฤษบอกว่าท้องเสีย หายดีแล้วเหรอครับ” คุรมาร์ทเดินเข้ามาพร้อมหนุ่มไทยที่ปล่อยมือจากแขนคุณมาร์ทไปแล้ว ถามไถ่อาการของผมด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แต่ผมไม่ประทับใจเท่าไร ทำไมไม่ขึ้นไปดูผมที่ห้องเสียหน่อยตั้งแต่ตอนที่หายไป กลับมายืนให้เก้งดำเกาะแขนอยู่ในงาน

          “นี่คุณแมนครับเป็นเพื่อนผม เจอกันตอนที่ผมมาเมืองไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว” คุณมาร์ทแนะนำให้เราทุกคนรู้จัก ผมเพียงพยักหน้าให้ ดูจากแววตาแล้วนายแมนคนนี้คงไม่แมนสมชื่อ ออกท่าทางกระตุ้งกระติ้งจนรู้ว่าเป็นเกย์สาวเปิดเผย สงสัยว่าจะเป็นคู่ขาเก่าของคุณมาร์ทหรือเปล่า ไม่น่าจะเดายาก เรียกได้ว่าผีเห็นผีแล้วกัน

          “ผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวตั้งแต่ออกจากห้องไอ้แก่นั่นแล้ว จึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าเสียหน่อย เดินออกมาไม่ไกล ในห้องน้ำไม่มีคนอยู่เลย ผมเปิดก็อกน้ำแล้วเอาฝ่ามือแบประสานติดกันรองน้ำขึ้นมาล้างใบหน้า เรียกความสดชื่นแล้วเดินไปหยิบทิชชู่เช็ดหน้า เงยหน้าอีกทีก็ต้องตกใจ เพราะคุณแมนมายืนอยู่ข้างหลัง ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

          “คุณทองเป็นแฟนพี่มาร์ทเหรอครับ” คุณแมนเปิดฉากถามทันที ผมเริ่มได้กลิ่นตุๆ ขึ้นมาแล้วสิ คุณแมนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวฉลุลายดอกไม้พาดจากตรงไหล่ลงมาเกือบถึงหน้าอก จนมองทะลุเห็นหัวนมแวบๆ ในบางครั้ง ชุดแบบนี้ต่อให้ผมมั่นใจแค่ไหนก็ไม่กล้าใส่ เพราะมันดูเหมือนเด็กขายตัว หึ...ถึงไม่แต่งตัวแบบนั้นผมก็ยังโดนเข้าใจผิดจนได้

          “เปล่าครับ เรายังไม่ได้คบกัน แค่เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานนี้เอง” ผมตอบไปตามความเป็นจริง หยิบทิชชู่มาซับใบหน้าต่อ แล้วดูความเรียบร้อยในกระจกเงาอีกนิดหน่อย กำลังจะออกไปด้านนอกโดยไม่ได้สนใจคนข้างหลังเลยแม้แต่น้อย

          “ผมเป็นแฟนเก่าพี่มาร์ทครับ ปีที่แล้วเราอยู่ด้วยกันตลอด ผมเป็นคนสอนพี่มาร์ทพูดภาษาไทยเองครับ เพิ่งมาห่างกันตอนที่พี่มาร์ทกลับอิตาลี่” เอาแล้วสิ นายแมนคนนี้ยังเดินตามมาพูดไม่หยุด ทั้งที่ผมไม่ได้ถามสักคำ วันนี้ผมต้องเจอเรื่องปวดหัวอีกกี่เรื่องกันนะนี่ คิดแล้วอยากออกไปหาที่สงบๆ ทริปนี้ผมไม่รู้สึกสนุกเอาเสียเลย

          “เหรอครับ” ผมไม่รู้จะตอบอะไรไป จึงพูดได้แค่นั้น คิดว่าพยายามทำตัวให้สุภาพที่สุดก็แล้วกัน วันนี้ไม่มีอารมณ์จะหาเรื่องกับใครอีกแล้ว ผมขอตัวคุณแมนเดินกลับเข้ามาในงาน ยืนหลบมุมอยู่ใกล้ประตูทางออกไปสระว่ายน้ำด้านนอก มุมนี้ค่อนข้างเงียบซึ่งไม่มีผู้คนอยู่ตรงนั้น คิดอะไรเพลินๆ คนเดียว รอเวลาที่นัดกับน้องพลอยเอาไว้เพื่อช่วยพาน้องหยกไปส่งให้ไอ้กฤษที่ชายหาดเพื่อพิธีขอแต่งงาน

          ผมเห็นบริกรถือถาดเครื่องดื่มเดินผ่านเข้ามา จึงร้องเรียกแล้วหยิบน้ำส้มคั้นขึ้นมา พลางกล่าวขอบคุณ กำลังดื่มอยู่ดีๆ คุณแมนก็มากระชากแก้วน้ำส้มออกไปจากมือผม แล้วราดลงบนหน้าอกตัวเองจนเสื้อซีทรูสีขาวสะอาดเปียกชุ่มไปด้วยน้ำส้มจนดูเลือะไปทั้งตัว แล้วคุณแมนก็ยัดแก้วเปล่ากลับมาใส่ไว้ในมือของผม ทำให้ผมยังยืนตะลึง และงงกับการกระทำของเค้าอยู่ตรงนั้น

          “ว๊ายยย...” อยู่ๆ คุณแมนที่ยืนยิ้มให้ผมที่กำลังงง ก็ร้องขึ้นมาเสียงดังจนคนข้างนอกต้องรีบกรูกันเข้ามาดู ทุกคนมองหน้าผมสลับกับคุณแมนที่ยืนหน้าเสีย นี่มันอะไรกัน ละครน้ำเน่าหรือไงวะ คุณแมนเริ่มบีบน้ำตาออกมานองหน้า จนทุกคนเริ่มซุบซิบนินทากล่าวหาว่าผมเป็นคนสาดน้ำส้มใส่

          “แมน...เป็นอะไร ทำไมเป็นแบบนี้” คุณมาร์ทที่วิ่งเข้ามาพร้อมน้องพลอยและไอ้กฤษกับแฟนมัน น้องพลอยเดินเข้ามาหาผมแล้วทำตาโตใส่เหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนคุณมาร์ทหันมามองหน้าผมแบบโกรธจัด ก่อนจะหันไปหยิบทิชชู่จากพนักงานมาเช็ดเสื้อผ้าให้กับคุณแมนที่ยังคงยืนร้องไห้อยู่

          “พี่ทองครับ เกิดอะไรขึ้นครับพี่” น้องหยกเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วถามขึ้นมา ผมกำลังรู้สึกโกรธ โมโห อารมณ์เสียสุดๆ ไม่มีอะไรจะพูด นี่มันอะไรกัน วันนี้เป็นวันซวยที่สุดในชีวิตผมหรือยังไง หัวสมองกำลังอื้ออึงไปด้วยความคิดหลากหลาย จึงเดินฝ่าผู้คนไม่สนใจใครกลับห้องทันที

          ผมเข้ามานั่งเงียบๆ “ก๊อก...ก็อก” ประตูเปิดออกมา ผมเห็นหน้าคุณมาร์ทโผล่เข้ามา สีหน้ายังคงมีอารมณ์คุกรุ่นอยู่อย่างเดาได้ไม่ยาก นี่คงจะโดนเป่าหู และได้ยินคำใส่ร้ายป้ายสีผมมาอย่างเต็มที่แน่ๆ ไม่อยากจะแก้ตัว เพราะดูท่าทางหนุ่มอิตาเลี่ยนคนนี้คงไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อผมอย่างแน่นอน

          “คุณมาร์ท ผมไม่ได้ทำ ถ้าคุณไม่เชื่อผมก็ไม่ต้องถามอะไร ผมไม่มีอะไรจะอธิบาย” ผมชิงพูดออกไปก่อนที่หนุ่มหล่อชาวอิตาลีจะพูดอะไรออกมา

          “ผมไม่ได้มาถามว่าคุณทำหรือเปล่า ผมจะมาบอกให้คุณไปขอโทษคุณแมนซะ” ไอ้เลี่ยนคนนี้ กล้าดียังไงมาสั่งให้ผมรับผิดในสิ่งที่ผมไม่ได้กระทำ ผมจึงลุกขึ้นยืนทันที

          “ผมไม่ขอโทษและจะบอกให้รู้ไว้ด้วย ว่าผมไม่ผิด จึงไม่คิดจะขอโทษ” ผมยืนกรานพูดออกไปเสียงดังด้วยความโมโหสุดๆ เสียแล้วในตอนนี้ ไอ้โง่นี่ทำไมมันเชื่อคนง่ายอย่างนี้

          “ผมเคยเป็นแฟนกับแมน แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ทำไมคุณต้องหึงผมรุนแรงแบบนั้น แมนเค้าแค่ตอบคำถามคุณว่าเป็นแฟนเก่าผมในห้องน้ำ คุณกลับไปด่าว่าเค้าเป็นเด็กขายตัว แมนเลยตามไปอธิบายกับคุณแต่คุณยังสาดน้ำส้มใส่เค้าอีก ผมไม่นึกว่าคุณทองจะเป็นคนมีนิสัยแย่แบบนี้” ไอ้เลี่ยนนี่มันพูดเสียยืดยาว จนผมพูดไม่ออก นี่เมียเก่ามันตอแหลได้เก่งขนาดนี้เลยเหรอ เป็นคนเขียนบทละครหรือเปล่าวะ

          “ถ้าคุณไม่ขอโทษไม่เป็นไร ผมคงร่วมห้องกับคุณไม่ได้ ผมขอร้องให้คุณไปนอนห้องน้องสาวแทนได้ไหมครับ ผมต้องการห้องให้แมนใช้เปลี่ยนเสื้อผ้า และที่พักในคืนนี้” ไอ้เลี่ยนนี่มันกล้าดีมาไล่ผม โธ่...ถ้าผมยังอยู่ในอารมณ์ปกติคงด่ากราดและเป็นฝ่ายไล่มันไปนอนกับอีเก้งดำนั่นข้างนอกแล้ว แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยล้า ผมเจ็บช้ำมามากพอแล้ว ผมขอสละตัวเองเก็บข้าวของแล้วเดินออกไปข้างนอกทันที

          “ขอบคุณนะคะ สำหรับน้ำส้ม” อีตุ๊ดแมนยืนจีบปากจีบคอพูดอยู่หน้าห้อง ทันทีที่ผมเดินออกมาพร้อมสัมภาระ มันก็รีบปิดประตูห้องไล่หลังผม ถ้ากูยังมีแรงนะ มึงโดนตบปากแตกไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมถือเสียว่าเป็นกรรมที่ต้องชดใช้ให้มันไปแล้วกัน ขอเพียงชาตินี้ผมไม่ต้องเจอพวกมันอีก ไอ้แก่ อีตุ๊ด กูอโหสิกรรมให้

          ผมเดินออกมายืนอยู่หน้าลิฟต์ ผมบอกกับตัวเองทันทีว่าวันนี้จะไม่ดราม่าอีกแล้ว ยังไม่ทันได้คิดอะไรเพิ่มเติมอีก ประตูห้องหนึ่งก็เปิดออกมา น้องพลอยกับน้องกฤษเดินออกมาหาผม คิดเอาไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่ร้องไห้ แต่น้ำตาก็ยังไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

          “ฮือ...ฮือ...พี่...พี่ไม่ได้ทำ” ผมร้องไห้พูดออกไป น้องพลอยและน้องหยกคอยปลอบประโลมพร้อมบอกผมว่าน้องสองคนเชื่อว่าผมไม่ได้เป็นคนทำแน่นอน เพียงเพราะสถานการณ์มันเป็นใจ ทุกคนเลยคิดว่าผมเป็นคนทำ เพียงแค่คนของผมเข้าใจ คนอื่นจะคิดยังไงผมก็ไม่สนใจอีกแล้ว

          “ไอ้กฤษล่ะ มันไปไหน” ผมถามทันทีที่มองหาเพื่อนรักไม่เจอ หลังจากน้องสองคนช่วยเอาสัมภาระของผมไปเก็บไว้ในห้องน้องพลอย เราเข้ามานั่งกันข้างในห้องนี้สามคน น้องพลอยเดินไปหยิบน้ำดื่มเย็นๆ มาให้ผม แล้วนั่งขนาบข้างผมลงตรงโซฟา

          “พี่กฤษ...เอ่อ...ไปคุยกับพี่แดนนี่ครับ เค้าบอกว่าไม่เชื่อว่าพี่ทองจะเป็นคนทำ ก็เลยไปอธิบายว่าพี่ทองที่เค้ารู้จักเป็นคนยังไง เพราะกลัวคนอื่นจะเข้าใจพี่ผิด” น้องหยกพูดออกมายืดยาว นั่นทำให้หัวใจผมพองโต แค่นี้จริงๆ ที่ผมต้องการ คนอื่นช่างมันเสียเถอะผมไม่สนใจ น้ำตาแห่งความภูมิใจในตัวเพื่อนรักไหลออกมาจากตาผมทันที

          “กฤษ...ฮือ...ไอ้กฤษมันเป็นเพื่อนที่ดีของพี่ มันเป็นคนดีที่สุดในชีวิตที่พี่เคยเจอมา พี่ดีใจกับน้องหยกจริงๆ น้องหยกต้องรักมันมากๆ นะรู้ไหม” ผมบอกเพื่อนสะใภ้ทันทีที่ตั้งสติได้ ผมอยากให้เพื่อนรักของผมคนนี้ เพื่อนคนดีที่สุดของผมคนนี้มีความสุขเหลือเกิน คืนนี้ผมจะช่วยให้มันได้สมหวัง

          “น้องหยก น้องพลอยไปเดินเล่นที่ชายหาดกันเถอะ พี่ไม่อยากนั่งอยู่ในห้องแล้ว” ผมลุกขึ้นยืนเดินนำไปที่ประตูห้องทันที น้องสองคนจึงเดินตามมา เราเดินไปยืนรอลิฟต์ได้สักพัก

          “พี่หยกครับ พักชั้นนี้เหมือนกันเหรอครับ” เสียงทักดังขึ้นมา จนเราทุกคนต้องหันไปมองเด็กชายอายุน่าจะพอๆ กันหรือเด็กกว่าน้องหยกนิดหน่อย เป็นหนุ่มตี๋ตาโศกหน้าตาน่ารักดี สวมแว่นสีฟ้าเข้ากับเสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายการ์ตูนกลางอก กางเกงขาสั้นสีฟ้าสะท้อนแสง หนุ่มตี๋เกาหลีอินเทรนด์เดินยิ้มหวานเข้ามาใกล้

          “คุณ...เอ่อ...” น้องหยกอ้ำอึ้งจนผมกับน้องพลอยต้องงงกับอาการของสองคนนี้ ตกลงรู้จักกันหรือเปล่านี่ แต่ดูท่าทางหนุ่มตี๋คนนี้ทักทายเสียจนสนิทสนมเชียว

          “ผมเจไงครับ พี่หยกไม่ต้องตกใจหรอก เมื่อวานผมขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้พี่ต้องตกใจ” น้องเจพูดกับน้องหยกแล้วยิ้มหวานให้อย่างน่ารัก อุ้ย...มีลักยิ้มด้วย ไม่สิ...หน้าใครบางคนลอยเข้ามาในหัวสมองผมทันที รอยยิ้มแบบนี้ช่างเหมือนกับคนใจร้ายที่ได้เจอมาไม่นาน

          “กริ๊ง...อ้าวน้องเจ อ้อ...ทุกคนอยู่กันพร้อมเลย รู้จักกันแล้วเหรอ” เสียงสัญญาณประตูลิฟต์ดังขึ้นไม่นานก็เปิดออกพี่แชริมเดินออกมาทักพวกเราทุกคน ท่าทางจะรู้จักหนุ่มเจคนนี้เป็นอย่างดีอีกด้วย เราชวนกันลงมาที่ชายหาดด้านล่างเพราะเตรียมกันไว้แล้ว ว่าจะพาหยกมาส่งให้ไอ้กฤษขอแต่งงานที่ชายหาดหลังโรงแรม

          “ผมเป็นรุ่นน้องพี่หยกที่มหาวิทยาลัยไงครับ แต่เราเคยเจอกันแล้วตอนที่พี่หยกช่วยผมที่สถานีรถไฟใต้ดินในนิวยอร์ก ผมโดนล้วงกระเป๋าพี่หยกก็ให้เงินผมมาฟรีๆ แล้วผมก็ไปเจอพี่ที่ร้านอาหารไทยถึงรู้ว่าพี่เป็นคนไทย วันนั้นพี่ยังเลี้ยงข้าวผมฟรีอีก แถมยังฝากงานให้ผมทำกับคุณป้าของพี่อีกด้วยไงครับ” น้องเจพูดขึ้นมาระหว่างที่เราลงลิฟต์

          “อ๋อ...น้องหมูอ้วนคนนั้น นี่โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย พี่จำไม่ได้แล้ว เราผอมลงไปมากแล้วก็สูงกว่าเดิมตั้งเยอะพี่ก็เลยนึกไม่ออก เมื่อวานมาแกล้งอำพี่เหรอ รู้ไหมว่าตกใจหมด” น้องหยกมีสีหน้าร่าเริงขึ้นมาทันที คงเพิ่งนึกออกว่าเป็นใคร เพราะตอนนี้หนุ่มตรงหน้าผมไม่มีเค้าของคำว่าหมูอ้วนอีกเลย

          “แฟนพี่เกือบจะไปต่อยนายแล้วรู้ไหม นี่โตแล้วหล่อขึ้นมากจนพี่จำไม่ได้เลยนะเนี่ย เจอกันครั้งแรกยังอ้วนกลมสิวเขรอะ แถมยังยืนร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่คนเดียว แล้วรู้จักกับพี่แชริมได้ยังไงครับเนี่ย” น้องหยกยังคงพูดถึงความหลังจนน้องเจหน้าแดงด้วยความอายเมื่อพูดถึงตอนร้องไห้ขี้มูกโป่ง น่ารักจริงๆ

          “ผมรู้จากพี่แชริมว่าพี่หยกมีแฟนแล้วก็เลยเข้าไปอำ คิดไว้แล้วว่าพี่หยกต้องจำไม่ได้ เพราะผมหล่อขึ้นกว่าเดิมเยอะ ฮ่าๆๆ พี่แชริมเป็นลูกสาวคุณป้าของผมเองครับ เราเป็นญาติกัน ตอนที่ผมไปทำงานที่ร้านพี่คุณป้าพี่หยกนั้น พี่แชริมกลับเกาหลีไปดูแลคุณพ่อ ผมก็เลยไม่รู้ว่าพี่สองคนสนิทกันมาก เพิ่งจะรู้จากพี่แชริมตอนที่บอกผมว่าเจอพี่หยกที่อัมพวาแล้วจะชวนมาเที่ยวที่นี่ ผมก็เลยขอคุณพ่อตามมาด้วยน่ะครับ” น้องเจเล่าให้ฟังพลางยิ้มหวานจนเห็นรอยบุ๋มเป็นลักยิ้ม ทำให้ผมนึกถึงหน้าไอ้แก่นั่นขึ้นมาตะหงิดๆ ทุกที

          ลิฟต์มาถึงชั้นล่าง พวกเราจึงเดินออกมาเพื่อจะพาน้องหยกไปที่ริมหาด น้องหยกยังคงพูดคุยกับน้องเจ เล่าถึงคนนั้นคนนี้ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอย่างสนุกสนาน น้องเจจูงมือน้องหยกลงมาจากพื้นบันไดโรงแรม ผ่านพุ่มไม้ที่ปลูกเรียงกันเป็นทางเดิน

          ต้นปาล์มที่อยู่สองข้างทางถูกประดับด้วยไฟแฟนซีสีฟ้าสลับขาวสวยงาม ตรงริมหาดมีคบเพลิงไม้ไผ่ปักวางเป็นทางเดิน ที่สุดชายหาดมีชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวยืนบนผืนทรายด้วยเท้าเปล่าถือดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งดอกท่ามกลางคบเพลิงรายรอบ ผมเห็นแล้วก็นึกอยากให้มีคนขอผมแต่งงานแบบนี้บ้างจัง

          เอ๊ะ...อยู่ดีๆ ไอ้กฤษที่อยู่ในชุดสูทก็โยนดอกกุหลาบสีแดงทิ้ง แล้ววิ่งปรี่เข้ามาหาพวกเรา พุ่งตรงไปยังน้องเจแล้วกระชากคอเสื้อน้องเจจนเซถลาหลุดออกมาจากน้องหยก มันต่อยเปรี้ยงเข้าเต็มแรงจนหน้าน้องเจลอยไปตามแรงหมัดหนักๆ ของมัน ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนเราทุกคนมัวแต่ยืนอึ้งด้วยความตกใจ เสียงร้องกรี๊ดกร๊าดไปตามๆ กัน

          “ว๊าย...พี่กฤษ อย่าค่ะ” น้องพลอยทีมีสติก่อนทุกคนรีบพุ่งตัวเข้าไปรั้งแขนไอ้กฤษเอาไว้ เพราะกลัวจะเข้าไปซ้ำน้องเจ ผมจึงรีบเข้าไปช่วยห้ามบ้าง พี่แชริมที่ยืนประสานมือปิดปากตาโต เมื่อได้สติก็รีบปรี่เข้าไปช่วยลูกพี่ลูกน้องทันที อูยยย...เลือดไหลจากปากเป็นทางเลย ท่าทางไม่ฟันหักก็ลิ้นขาดเสียแล้วกระมัง เลือดท่วมขนาดนี้

          “มึงเป็นใคร มายุ่งกับเมียกูทำไม...หา อยากตายหรือไง” พี่กฤษตวาดใส่หน้าน้องเจที่พยายามยันตัวลุกขึ้นยืน สะบัดหน้าไปมาเอาหลังมือปาดเลือดออกจากมุมปาก ท่าทางจะเจ็บไม่ใช่น้อย

          “ไอ้กฤษมึงใจเย็น เค้าเป็นน้องพี่แชริม รู้จักกับหยกที่อเมริกา” ผมพยายามอธิบายสั้นๆ ให้มันเข้าใจเบื้องต้น แต่ท่าทางของมันเหมือนพร้อมจะพุ่งเข้าไปหาน้องเจ ไม่มีทีท่าจะเย็นใจลงเสียเลย

          “โกหก เมื่อวานกูเห็นมันมาจีบเมียกู กะจะเข้าไปกระทืบแม่งอยู่แล้ว โชคดีของมันที่หยกห้ามไว้ก่อน” โชคดีบ้านมึงสิไอ้กฤษ หน้าน้องเค้าแหกหมดแล้ว มึงนะมึง ใจร้อนอะไรขนาดนี้

          “เค้ารู้จักกันโว้ย เมื่อวานน้องเจไปแกล้งหยกมัน มึงหยุดบ้าได้แล้ว” ไอ้กฤษเริ่มชะงัก หันไปมองหน้าน้องหยกที่ยืนพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็มองหน้าไอ้นองเจที่ยังมีสีหน้าเจ็บปวดจากแรงหมัดของมันอยู่

          “เอ่อ...พี่จะโทษใครดีละเนี่ย เจนะเจ ไปแกล้งน้องหยกแบบนั้น ทำให้ซวยเสียแล้วไหมล่ะ ฟันหักใช่ไหมเนี่ย เลือดออกไม่หยุดเลย” พี่แชริมพูดขึ้นบ้าง พลางล้วงเอาผ้าเช็ดหน้ามาช่วยซับเลือดที่มุมปากให้น้องเจ

          “เอ่อ...นี่มันอะไรกันแน่ครับ จริงหรือเปล่าน้องหยก” ไอ้กฤษที่สะบัดมือตัวแองออกจากการรั้งของน้องพลอยและผม เดินปรี่เข้าไปหาน้องหยกที่ดูท่าทางจะยังช็อกไม่หาย ส่วนน้องพลอยก็เข้าไปช่วยพี่แชริมดูน้องเจที่ลุกขึ้นมานั่งตรงขั้นบันไดได้แล้ว สักพักพอเข้าใจกัน ไอ้กฤษก็เข้าไปขอโทษน้องเจ ส่วนน้องเจก็ยกมือไหว้ขอโทษไอ้กฤษมัน เพราะแค่คิดจะแกล้งให้หยกมันตกใจ แต่ไม่นึกว่าแฟนของหยกมันจะหึงโหดขนาดนี้

          เราพากันเข้ามาภายในโรงแรม โดยทิ้งหยกกับกฤษเอาไว้ที่ริมหาด พี่แชริมบอกให้ผมสบายใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมภายในงาน โดยบอกว่าเข้าใจดีว่าแฟนเก่าของมาร์ทเป็นคนยังไง ครั้งก่อนที่เลิกกันเพราะมาร์ทกลับประเทศก็จับได้ว่าแมนไปมีแฟนคนใหม่ จึงขอเลิกกัน

          แล้วในวันนี้พี่แดนนี่เป็นคนเชิญแมนมา เพราะเห็นว่าแมนเคยเป็นแฟนเก่าเพื่อน ซึ่งพี่แชริมคัดค้านไปแล้วตั้งแต่แรกด้วยพอรู้ และเห็นมาบ้างว่าแมนเป็นคนนิสัยไม่ดี ชอบหลอกและขอเงินมาร์ท เวลาไปเที่ยวกันก็ชอบแอบไปแจกเบอร์โทรให้ฝรั่งคนอื่น

          ผมจึงบอกพี่แชริมว่าผมไม่สนใจว่าคุณมาร์ทจะคิดยังไง เพียงพวกพี่ๆ เข้าใจผมก็พอใจแล้ว พี่แชริมยิ้มรับแล้วขอตัวไปดูแลเพื่อนๆ ที่งานเลี้ยงต่อ ส่วนน้องพลอยก็ใช้เครื่องมือปฐมพยาบาลมาทำแผลให้กับน้องเจ ทั้งคู่พูดถึงค่ำคืนเป็นสุขของไอ้กฤษกับน้องหยกอย่างสนุกสนาน

          น้องเจเป็นชายแท้แน่นอนจากคำบอกเล่าของพี่แชริม แต่รักและเคารพในความมีน้ำใจของหยกมาตั้งแต่สมัยไปเรียนที่อเมริกา งานนี้จึงร่วมมือกับพี่แชริมช่วยจัดฉากให้กฤษได้ขอแต่งงานกับหยกได้สำเร็จ เพราะอยากให้หยกมีความสุขพอๆ กับน้องพลอยที่อยากให้กฤษที่รักเหมือนพี่ชายมีความสุขเช่นกัน

          แล้วผมล่ะ คืนนี้จะมีความสุขได้ไหม วันนี้ผมเจอแต่เรื่องราวเลวร้ายมาทั้งวัน สวรรค์ทำไมลงโทษผมแบบนี้ หวังว่าสักวัน ผมคงจะมีความสุขกับเค้าบ้างเสียที คิดแล้วก็เดินขึ้นลิฟต์กลับห้องน้องพลอยไปนอนคนเดียว เพราะดูท่าทางน้องสาวของผมจะได้เพื่อนใหม่ที่พูดคุยกันถูกคอ ราตรีนี้คงอีกยาว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2012 02:58:35 โดย AxCiO@ToToKeN »

ออฟไลน์ momo9476

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-2
พี่ทองระวังตาแก่ฉุดเข้าห้องอีกรอบนะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ taran

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 325
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: เจ๊ เจ๊ เจ๊ โอ๋ เจ๊จ้าเจ๊ เจ๊ไม่ต้องคิดมากนะ
เขาว่าฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ เขาสงสารเจ๊อะ  :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ยังไงคนดี ๆ น่ารัก ๆ อย่างเจ๊ต้องได้เจอคนที่ดีแน่นอน เจ๊ไม่ต้องคิดมากนะ เป็นห่วงเจ๊จัง  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แต่ดูเหมือนเราจะได้กลิ่นอะไร ทะแม่ง ๆ เหมือนกันนะ ตาแก่คนนั้นกับเจ๊ เอ๊ะ จะยังไง ??????
อันนี้ต้องติดตามตอนต่อไป ฮิ ๆ ๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
ไม่นะ ป้าทอง โอ้ ม่ายยยยยยยยยยยยยยย แต่ก็ดีแล้วล่ะ หล่อแต่ฉลาดน้อยแบบนั้น ไว้เคี้ยวแล้วทิ้ง

little_nok

  • บุคคลทั่วไป
โหย น้องทองน่าสงสารนะเนี่ยะ
ตกลงจะคู่กับตาแก่จริงๆ เหรอ
มันพลิกล๊อกมากเลยน่ะ
น้องเจ สงสัยว่าจะเป็นลูกชายของตาแก่ อิอิ

ออฟไลน์ charapin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ๊าคคคค  สงสารอิเจ๊ เจอไอ้แก่เลวแล้ว  ยังเจอตุ๊ดแหลอีก  เอาใจช่วยเจ๊ค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






totoken

  • บุคคลทั่วไป
คืนนี้จะกลับมาต่อในพาร์ทเดิมนะครีาบ

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
รอดไปนะนายเจๆ เกือบเกิดสงครามโลกแล้วไหมล่ะ

นังแมนนั้นเป็น..........ที่น่าตบที่สุด ณ เวลานี้เลย

ตบสักทีดีไหทเนี่ย :angry2:

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
โถๆๆๆเจ๊ทองของน้อง
 :monkeysad:
ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงจริ๊ง
เอาน่าฟ้าหลังฝนมันจะสดใสนะจ๊ะเจ๊
 :กอด1:
ขอให้เจ๊เจอเนื้อคู่เร็วๆ
แต่คนอ่านเดาว่าเจ๊น่าจะเจอแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว
 :m12:

ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
ชอบพาร์ทพี่ทองอ่า...มันส์ๆๆๆๆ...รอตอนต่อไปอย่างระทึกครับ :impress2:

totoken

  • บุคคลทั่วไป
มีแต่คนให้กำลังใจพี่ทอง อย่าลืมพี่กฤษด้วยนะค๊าบ

ออฟไลน์ bytoey

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 865
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +197/-3

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
นึกว่าเจ๊ทองจะได้คู่กับหนุ่มอิตาลี แต่ไปๆมาดันคู่กับหนุ่มเกาหลีแทน อินเทรนด์กว่าเยอะเนาะเจ๊  :laugh:
ว่าแต่คาใจอ่ะ  :confuse: เจ๊เสียตัวแล้วแน่ๆใช่มั้ย  :really2:
อ่านฉากนั้นมันเหมือนเพิ่งถึงขั้นตอนการเตรียมเสียตัวเอง คนเขียนละไว้ให้จิ้นเองเหรอ

totoken

  • บุคคลทั่วไป
นึกว่าเจ๊ทองจะได้คู่กับหนุ่มอิตาลี แต่ไปๆมาดันคู่กับหนุ่มเกาหลีแทน อินเทรนด์กว่าเยอะเนาะเจ๊  :laugh:
ว่าแต่คาใจอ่ะ  :confuse: เจ๊เสียตัวแล้วแน่ๆใช่มั้ย  :really2:
อ่านฉากนั้นมันเหมือนเพิ่งถึงขั้นตอนการเตรียมเสียตัวเอง คนเขียนละไว้ให้จิ้นเองเหรอ

อารมณ์แบบว่าเจ๊แกไม่อยากให้พูดถึงอ่ะ 555 ถ้าอยากได้แบบละเอียดเดี๋ยว edit ให้คับ กัวคนอ่านหัวใจวาย อิอิ

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
แงๆ :sad4: ตอนนี้เจ๊ทองน่าสงสารที่สุด
ซวยมันทั้งวันเลย  :a2: แต่ไม่นานจะมีวันที่เจ๊ทองสดใสแน่นอน

ปล.ตัวอักษรสีส้มมันอ่านยากจังเลย T^T

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
โหยเจ๊ทองจะซวยไปไหนเนี่ย  ทั้งวันเลยนะนั่น  :monkeysad:
แล้วตกลงว่าเจ๊จะคู่กับใครอ่ะ -.-
เจ๊ สู้ๆต่อไปน๊า ^^V (คนแต่งด้วยนะเจ้า :P)

totoken

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้ใกล้จะเฉลยความจริงแล้วนะคร๊าบ

ออฟไลน์ matilda.taon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
แงๆๆๆๆ สงสารพี่ทอง  :monkeysad: สรุปจะได้คู่กับใครเนี่ย :serius2:  ชักไม่ปลื้มคุณมาร์ทแล้ว  :angry2:

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0

loveis

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเจ๊ทอง สงสารเจ๊มาก ไอ้แก่นั่น คู่กะเจ๊แน่ๆ

totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 41 “กฤษกร”
«ตอบ #417 เมื่อ19-01-2012 01:49:39 »

บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 41 “กฤษกร”
รักฉันรักเธอ และรู้ว่าเธอรักฉัน จะมีแต่ความหวานคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ดั่งน้ำผึ้งพระจันทร์ ของสองเรา ด้วยรักที่สองเราให้กันวันนี้ จะมีสิ่งไหนมีค่ามากไปกว่านั้น รอยยิ้มและเสียงหัวใจ จากเธอบอกกับฉัน โอ้สวรรค์ ดั่งน้ำผึ้งพระจันทร์ของเรา

          ในคืนวันนั้นที่ผมกำลังเร่งรีบกับการออกมาช่วยเสิร์ฟอาหาร แขกมากมายทั้งที่พักอยู่กับเราและแวะเวียนมาจากที่อื่น ทุกต่างจองโต๊ะอาหารที่เรามีอยู่เพียงน้อยนิดจนเต็ม ป้านวลก็ดันลาหยุดงานเพราะลูกชายคนเล็กป่วยหนัก ผมทำอาหารก็เหนื่อยพอแล้วยังต้องวิ่งวุ่นออกมาช่วยไอ้ทองเสิร์ฟอีก น้องพลอยก็รับรายการอาหารที่ลูกค้าสั่งวิ่งเข้าวิ่งออกจากในครัวกันวุ่นวายไปหมด

          เพียงแค่ผมได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งในครั้งแรก ไม่ทราบเลยว่ามีอะไรมาดลใจให้ผมต้องหยุดภารกิจทุกอย่างที่ทำอยู่ ผมจ้องมองหนุ่มคนนั้นอยู่นาน หน้าตาน่ารัก ตาโต ลำตัวเพรียวได้สัดส่วน ริมฝีปากบางสีแดงอมชมพูเป็นกระจับ จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วโก่งเหมือนปีกนก เส้นผมพลิ้วเบาดูนุ่มนวล สรุปรวมแล้วสวยน่ารักกว่าผู้หญิงหลายๆ คนที่ผมเคยได้เจอมา หนุ่มคนนั้นเดินมองชั้นขนมที่ผมทำขายอยู่นาน จึงเสนอตัวเข้าไปแนะนำสินค้าแต่ดันกลายเป็นแขกคนสำคัญไปได้เสียนี่

          ไอ้เจ๊ทองตัวดีดันไปตอบรับสองสามีภรรยาชาวญี่ปุ่น ให้ได้พักที่โรงแรมอีกคืนเพราะอยากเรียนทำขนมไทยกับผม ลูกค้าคนนี้ชื่อคุณกรหยกซึ่งนัดเช็คอินเวลาบ่ายโมง แต่รอจนสี่ทุ่มแล้วก็ไม่มาลูกค้าก็เยอะทั้งวัน ห้องที่ว่างในคืนวันเสาร์นั้นที่จริงต้องเป็นของคุณกรหยก เพราะจองมาจากอเมริกานานพอควรแถมพักยาวตั้งเดือนหนึ่ง อีกทั้งยังจ่ายค่าเช่าล่วงหน้ามาให้ทั้งหมดด้วย ท่าทางจะรวยไม่ใช่น้อย

          พอได้ทราบว่าห้องถูกยกให้คนอื่นก็โวยวายหนักเอาการ ลูกค้าหน้าตาน่ารักแต่ดุเอาเรื่องคนนี้  ดึงดูดความสนใจผมจนไม่เป็นอันทำอะไรเลยทีเดียว น้องพลอยต้องพูดให้ได้สติว่าควรหาอะไรให้ลูกค้าทาน ผมจึงรีบเข้าครัวไปจัดอาหารทุกอย่างที่มีมาให้คนน่ารักทานเสียจนหมดเกลี้ยงน่าเชยชม

          “เออน่า...ถ้าเป็นผู้ชายก็ให้นอนห้องกูก็ได้ เดี๋ยวกูไปนอนกับพลอยเอง มึงไม่ต้องกลัวหรอกน่ากูเคลียร์เอง” ไอ้เจ๊ทองมันยืนยันว่าไม่มีปัญหา หากมีปัญหามันก็ชอบโยนให้ผม หรือไม่ก็ใช้น้องพลอยเป็นคนไปแก้แทนทุกครั้ง รวมถึงครั้งนี้ด้วย เอาเข้าจริงมันก็ปล่อยให้ลูกค้าต้องไปหาที่นอนที่อื่น ทำเอาลูกค้าหน้าตาน่ารักคนนี้เริ่มทำตัวไม่น่ารักเสียแล้ว แต่ถึงยังไงทางเราก็ทำผิดกับเข้าอยู่ดี ผมจึงอาสารับผิดชอบด้วยการชวนเค้าไปค้างที่บ้านผมแทน

          ผมค่อนข้างไม่พอใจกับสายตาที่ประเมินผมตั้งแต่หัวจรดเท้า หากไปเห็นสภาพบ้านผมจะมาการดูถูกสักขนาดไหนไม่อยากจะเดา แต่แล้ว...เป็นผมเสียเองที่ต้องประหลาดใจ ลูกค้าคนนี้กลับไม่มีทีท่ารังเกียจอะไร หรือดูถูกสภาพชีวิตของผมเลย กลับพูดคุยอย่างเป็นกันเอง แถมในคืนนั้นยังปลุกอารมณ์ให้ผมต้องเผลอใจ ทำตามอารมณ์ปรารถนาเข้าให้อีกต่างหาก

          เดิมผมเป็นคนอารมณ์จัดอยู่แล้ว แม้ว่าจะเหนื่อยจากงานแค่ไหน แต่ผมก็ต้องช่วยตัวเองเกือบทุกวัน ในคืนนั้นมีหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักมาลวนลาม ใครจะไปอดใจไหว ผิวขาวนวลเนียนแม้ในความมืด กลิ่นตัวก็หอมยังกับผู้หญิง รสจูบก็หวาน แถมยังเก่งกาจในเรื่องการทำรักเสียอีก ทำเอาลืมตัวไปว่าคนที่กำลังมีอะไรกันนั้นเป็นผู้ชาย ผมจึงจัดหนักเสียจนน้องหยกถึงกับจับไข้ แต่ด้วยลีลาก็ทำเอาผมหลงไปเลยทีเดียว

          วันรุ่งขึ้นผมตื่นมาแต่เช้ารีบไปทำข้าวต้มมาให้ ในตู้เย็นมีแต่ปลาทูสดที่เพิ่งซื้อมา จึงทำข้าวต้มปลาทูสูตรเด็ดไปให้ทาน คาดว่าอยู่อเมริกามานานคงไม่เคยได้ทานปลาทูสดแน่นอน ฝีมือผมนั้นเรียนรู้มาจากยายอย่างดีจึงทำได้ไม่คาว พร้อมบรรจงแกะเนื้อปลาทูอกจากก้างเพื่อจะได้ทานง่ายขึ้น ผมเอาใจใส่ในการทำอย่างเต็มความสามารถ อยากสร้างความประทับใจให้เหลือเกิน

          พอผมออกมาทำงานที่โรงแรมก็อ้างว่าคุณหยกเพลียจากการเดินทาง วันนี้จึงป่วยเลยให้นอนพักอยู่ที่บ้านผม ด้วยความเป็นห่วงผมจึงเลื่อนเวลาสอนทำขนมขึ้นมา และทำอาหารเย็นทิ้งไว้ฝากป้านวลช่วยดูแลมื้อเย็นที่โรงแรม ส่วนตัวผมขอกลับไปดูแลคุณหยกตั้งแต่บ่าย ไม่ใช่เพราะอยากดูแลในฐานะลูกค้า แต่อยากดูแลในฐานะ...คนโดนใจเสียมากกว่า

          ไม่นานเราก็สนิทกัน ด้วยหลังสูตรกระชับความสัมพันธ์ทุกค่ำคืน ผมประทับใจในตัวหยกหลายอย่าง แม้กระทั่งครั้งที่ผมโดนทวงหนี้ของพ่อ ที่ผ่านมาเพียงแค่ผมโดนข่มขู่หญิงสาวเหล่านั้นก็พร้อมปฏิเสธที่จะบอกว่ารู้จักผมทันที แต่หาใช่คนน่ารักของผมคนนี้ไม่ หยกยังคงออกปากปกป้องไม่ให้เดนนรกพวกนั้นทำร้ายผม ยังคงอยู่เคียงข้างไม่หวั่นกลัวอันตรายใดใด นั่นทำให้ผมหลงรักเด็กคนนี้ได้อย่างง่ายดาย

          พ่อของผมเป็นคนไม่ดี ติดเหล้าติดการพนันทุกรูปแบบ พ่อไม่เคยอยู่กับเรานานๆ จะมาขโมยเงินหรือของไปขายเท่านั้น วันหนึ่งพ่อเอาที่ดินของคุณตาไปขายเพื่อใช้หนี้ โชคดีที่มีคนใจดีซื้อไป เค้าให้เราเช่าอยู่ต่อในราคาที่ถูกมากโดยไม่เคยมาไล่ที่ จนกระทั้งผมโตขึ้นมาจึงช่วยคุณตาทำงานทุกอย่าง ผมรับจ้างทำสวน ถางหญ้า เก็บผลไม้ เลี้ยงสัตว์ ผมทำทุกอย่างที่มีคนว่าจ้าง แล้วก็เพียรพยายามเก็บเงินเอาไว้ เพื่อช่วยตาซื้อที่ดินคืนมา แต่เจ้าของที่ก็ไม่ยอมขายจนคิดว่าหมดหวัง

          ผมพาหยกไปหาคุณแม่ที่วัด แม่ทิพย์ของผมท่านเสียไปนานแล้ว เมื่อผมจำความได้ท่านก็เป็นคนบ้าสติไม่ดี แต่ไม่ว่าท่านจะสติไม่ดียังไง ท่านก็ยังรักผมมากคอยอยู่ใกล้ๆ ร้องเพลงกล่อมผมอยู่ไม่ห่าง ผมจึงรักแม่มาก แม่น่าสงสารเพราะท่านโดนคนอื่นรังแก ผมเฝ้าถามคุณตาว่าทำไมแม่เป็นแบบนี้ ท่านก็เอาแต่โทษพ่อของผม แล้ววันหนึ่งแม่ผมก็หายตัวไป เราพยายามตามหากันจนทั่ว จนมีคนพบศพของแม่ที่ถนนใหญ่ ตำรวจบอกว่าแม่ถูกรถชนตาย เราเอาผิดใครไม่ได้ด้วยเพราะไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ ได้แต่สันนิษฐานว่าแม่หนีออกมาจากบ้านแล้วไม่ทันได้ระวังจึงโดนรถชน

          ผมจึงบอกตัวเองว่าเป็นลูกกำพร้าตั้งแต่นั้นมา ผมไม่มีพ่อ ไม่เหลือแม่ ครอบครัวผมมีแค่คุณตาคุณยายเพียงเท่านั้น มาวันนี้ ผมมีคนรักที่อยากดูแลไปตลอดชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกคน ผมอยากให้หยกมาเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของผม หากวันที่หยกต้องกลับอเมริกา ผมจะตามไปขอหยกมาเป็นภรรยา แล้วอยู่กินกันชั่วชีวิต ตั้งใจไว้อย่างนั้น และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

          แล้วความรักก็ทำให้ผมพบโชค น้องหยกกลับกลายมาเป็นเจ้าของที่ดินที่ผมอาศัยอยู่ ด้วยมรดกที่ได้มาจากคุณหยกเทพ คนรักของผมนั้นก็ประเสริฐ มอบที่ดินให้ผมอย่างไม่มีข้อแม้ ทราบดีว่าแม้ที่ดินที่หยกได้มาจะไม่ใช่ที่ตรงนี้ก็ตาม หยกก็ตั้งใจมาเมืองไทยเพื่อมอบให้คนที่เช่าอยู่โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ อยู่แล้ว แต่พอได้มันมาง่ายดาย ผมจึงตั้งตัวรับแทบไม่ทัน

          วันหนึ่งเพื่อนน้องหยกที่ไม่ได้เจอกันมานาน มาบังเอิญเจอกันที่โรงแรมของพวกเรานั้น ทำให้เราได้มีโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนที่ทะเลหัวหินกัน เพื่อนน้องหยกแต่ละคนดูมีราศี ท่าทางจะเป็นลูกคนรวย ผมจึงต้องปรับปรุงตัวเองให้ดูเป็นผู้เป็นคนกับเค้าบ้าง ผมอยากได้โทรศัพท์ที่เหมือนกันหยก เพราะมันสามารถพูดคุยกันทางไกลแบบเห็นหน้าค่าตากันได้ และต้องการเสื้อผ้าใหม่ๆ เผื่อจะทำให้ตัวเองดูมีราศีกับเค้าบ้างก็เท่านั้น

          วันนี้เรามาพักอยู่ในโรงแรมไฮโซที่หัวหิน เพราะเป็นความเอื้ออาทรจากเพื่อนของน้องหยกที่ไม่รังเกียจพวกผม ลำพังตัวเองนั้นหากได้พาคนรักไปเที่ยว คงไม่สะดวกสบายหรูหราถึงเพียงนี้แน่ๆ แต่ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ขอให้มีหยกผมก็มีความสุข และขอให้คนรักคิดแบบเดียวกันกับผมก็พอใจแล้ว

          วันนั้นเองระหว่างที่เราไปเที่ยวที่ตลาดนัดในหัวหิน มีคนเข้ามาจีบแฟนผม ผมโกรธมาก และเริ่มเกิดความหวาดกลัว ไม่ใช่ไม่ไว้ใจคนรัก แต่...มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก กลัวว่าคนที่เข้ามาจีบจะดูเพียบพร้อมเหมาะสมกับหยกมากกว่าผม กลัวการดูถูกตัวเองของผม ที่มันทำให้เกิดความสับสนในจิตใจ

          หากน้องหยกเกิดหวั่นไหวไปกับมันขึ้นมาจริงๆ แล้วผมจะทำยังไง รูปร่างผมก็ใหญ่โตยังกับยักษ์ แถมกล้ามเนื้อเป็นมัดยังกับพวกใช้แรงงาน ไม่เหมือนหนุ่มน้อยหน้ามน ผิวขาวใสจนเห็นเส้นเลือดฝาดบนใบหน้าชัดเจน รูปร่างหน้าตาสะอาดหมดจนดูเป็นลูกคุณหนู แถมยังเข้าสไตล์หนุ่มเกาหลีที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้อีก

          ผมค่อนข้างคิดมากเมื่อเจอผู้ชายอื่นเข้ามาคุยกับหยกในครั้งแรก มัวแต่ยืนดูท่าทีอยู่นานจนไอศกรีมละลายคามือ ขาแข้งแทบจะก้าวไม่ออก คนใช้แรงงานอย่างผมจะไปสู้ราศีอะไรกับลูกคุณหนูอย่างหนุ่มคนนั้น มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือต้องใช้กำลัง ผมต้องข่มขู่ทุกคนที่บังอาจเข้ามายุ่มย่ามกับแฟนผม รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ใช่วิธีที่ดี และไม่มีความเป็นสุภาพชน เพียงแค่ผม...กลัว...กลัวว่าสักวันหากผมต้องเสียหยกไป ผมจะทำยังไง

          โชคดีที่ในคืนนั้นผมไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม แต่ในคืนที่สองขณะที่ผมเตรียมการขอน้องหยกแต่งงาน ด้วยความร่วมมือของพี่ๆ และเพื่อนๆ ผมรีบเปลี่ยนตัวเองเป็นเจ้าชายในชุดสูทสีขาวสง่าที่พี่แดนนี่เอามาให้ยืม แม้มันจะรัดไปนิดด้วยขนาดตัวที่เล็กไปหน่อย แต่ก็ทำให้ผมดูหล่อขึ้นมาเป็นกอง ไม่ได้คาดคิดว่าต้องเตรียมรองเท้าให้เข้าชุดกับสูทสีขาว เพราะรองเท้าของพี่แดนนี่มีขนาดเล็กกว่าเท้าผมมาก จึงไม่ใส่รองเท้ามันเสียเลยแล้วกัน ผมคว้าดอกกุหลาบสีแดงจากในห้องนอนมาหนึ่งดอก แล้วก็หยิบของสำคัญติดออกมาด้วย

          ผมไปยืนรอ ณ จุดนัดหมายที่พี่แชริมจัดเอาไว้ให้ รู้สึกว่าผมโชคดีมากที่พี่แชริม และพี่แดนนี่ซึ่งเป็นเพื่อนกับน้องหยก แต่กลับช่วยเหลือผมมากมายเหลือเกิน คืนนี้ล่ะ จะเป็นคืนที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม ระหว่างที่รอให้หยกเดินเข้ามาหา ผมเห็นไอ้บ้านั่นเดินมากับหยก แถมยังจับมือถือแขนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม

          จิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทันที วินาทีนั้น ผมคิดได้เพียงอย่างเดียวว่าต้องแยกหยกออกมาจากมันให้ได้ และต้องประกาศให้มันรู้เสียทีว่าหากมายุ่งกับคนของผมแล้วจะต้องเจอกับอะไร ผมจึงถลาเข้าไปชกเปรี้ยงเข้าให้เต็มแรง แต่ไม่นึกว่าจะเป็นการเข้าใจผิด โชคดีที่หลังจากผมทำความเข้าใจเรื่องไอ้เด็กบ้าที่ชื่อ เจ นั่นแล้ว ไม่มีใครต้องเสียความรู้สึกอะไรกับความผิดพลาดครั้งนี้

          ผมได้แต่เฝ้าขอโทษขอโพยน้องเจ และพี่แชริมที่ไม่ถือโทษโกรธผม ผมจึงยิ่งรู้สึกผิดมากเข้าไปอีก แต่ทำไงได้ คนมึนหึงนี่นา เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ผมจึงชวนหยกไปเดินเล่นริมทะเลกันสองคน เราเดินมาตามทางเดินที่ปราศจากผู้คน มีเพียงเสียงคลื่น สายลม แสดงดาว และความรักที่อยู่รอบตัวเรา ผมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ อยากอยู่กับคนรักในบรรยากาศแบบนี้ไปนานๆ

          “หยกยังตกใจอยู่ไหมครับ พี่ขอโทษนะ” ผมถามด้วยความเป็นห่วงคนรัก แต่หยกกลับสั่นหัวไม่พูดอะไรออกมา ในตอนแรกผมหึงมากจริงๆ นึกไม่ถึงว่าไอ้น้องเจตั้งใจแค่จะแกล้งหยกน้องของผม ดันเป็นน้องพี่แชริมแล้วสนิทกับหยกเสียด้วย เพียงแต่พอกลับเมืองไทยมาแล้วหน้าตารูปร่างเปลี่ยนไปจนจำกันไม่ได้

          “พี่กฤษทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะครับ” น้องหยกของผมที่เหมือนจะหายตกใจ และเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้วถามผมขึ้นมา ผมจึงหยุดเดิน หันไปกุมมือแล้วก็คุกเข่าซ้ายลงข้างหนึ่งกับพื้นทราย น้องหยกทำหน้าเหรอหราออกมาด้วยความงง

          “หยกครับ...ถึงชีวิตที่ผ่านมาของพี่จะลำบาก และไม่ได้สะดวกสบายอะไรมากนัก พี่เห็นแล้วว่าหยกก็สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพฐานะของพี่ได้ พี่รู้ว่าหยกมีฐานะที่ดีกว่าและเพียบพร้อมกว่าพี่หลายเท่า แต่พี่ก็อยากจะขอเป็นคนดูแลหยกนับจากนี้ไป พี่จะพยายามสร้างฐานะของพี่เองขึ้นมา หยกจะยอมใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ร่วมกันกับคนจนอย่างพี่คนนี้ได้หรือเปล่าครับ” ผมพูดจบก็ปล่อยมือจากหยกล้วงเอากล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มมาถือไว้ในมือ

          เปิดฝาออกมาข้างในเป็นแหวนทองคำหนักหนึ่งบาทประดับด้วยเม็ดหยกสีเขียวอ่อน ที่ได้มาจากคุณตาซึ่งเคยเป็นจี้ของแม่ ผมจึงนำไปทำเป็นหัวแหวนมาขอหยกแต่งงาน ผมเตรียมการเอาไว้ก่อนหน้านี้สักพักแล้ว ในวันที่ผมพาหยกไปกราบอัฐิคุณแม่ ผมก็รู้สึกมั่นใจในตัวหยกจนอยากร่วมชีวิตด้วย

          ผมแอบฝากน้องพลอยให้ไปทำตัวแหวนที่ร้านทองในห้าง แต่ไม่คิดว่าจะได้ไปรับด้วยตัวเองในวันที่ไปซื้อโทรศัพท์และเสื้อผ้า ผมหวังเพียงว่าน้องหยกที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้จะไม่ปฏิเสธผมออกมา ช่วงเวลาที่ผมรอคำตอบแม้ผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที แต่กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนรอนานเป็นชั่วโมง

          “หยกครับ...ถ้าหยกตกลง ช่วยยิ้มให้พี่สักนิดก็ได้นะครับ พี่เกร็งไปหมดแล้ว” ผมทนไม่ไหวเพราะน้องหยกยังยืนนิ่งมองผมคุกเข่าขอแต่งงานอยู่อย่างนั้น พอพูดจบผมก็รู้สึกถึงหยกน้ำหล่นลงบนข้อมือของผม น้องหยกร้องไห้ ทำไม...น้ำตาที่ไหลมันคือความดีใจ หรืออะไรกันแน่ ผมเริ่มสับสนจนต้องลุกขึ้นไปกอดหยกเอาไว้แน่น แล้วลูบหลังหยกเบาๆ เพื่อปลอบประโลม

          “ขอโทษนะครับคนดี พี่ขอโทษ ถ้าหยกยังไม่อยากตอบตอนนี้ไม่เป็นไร พี่จะไม่ถามหยกแล้วนะครับ อย่าร้องไห้นะครับคนดี นิ่งเสียนะครับ” ผมร้องปลอบไปด้วยอาการร้อนรน ไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้ ผมคงรุกหยกมากจนเกินไป ไม่รู้ว่าสร้างความลำบากใจให้คนรักขนาดไหน ตอนนี้หัวใจของผมกระตุกวูบไหวไปกับอาการสะอื้นไห้ของคนรักในอ้อมกอด

          “หยก...ฮื่อ...ฮื่อ...หยกดีใจ หยก...จะอยู่กับพี่...พี่กฤษตลอด...ฮึก...ไปครับ” หยกพูดไปสะอื้นไปจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง แต่พอผมจับใจความได้ก็ต้องรู้สึกหัวใจพองโตเต้นเร็วรัวและแรง ผมจับไหล่น้องหยกไว้สองข้างแล้วใช้แขนดันออก เพื่อก้มลงไปมองหน้าคนรักให้ชัดๆ อีกครั้ง

          “หยก...ตกลงแต่งงานกับพี่ใช่ไหมครับ” ผมถามรัวเร็ว แต่คนข้างหน้าพยักหน้าตอบช้าๆ เพียงครั้งเดียวทั้งที่น้ำตายังนองหน้า ผมดีใจจนเผลอกระโดดร้อง “วู้ววว โว้วว” ออกมาดังลั่น แล้วก็ต้องใจหายเพราะลืมตัวทำแหวนหลุดกระเด็นออกจากกล่อง หล่นลงไปในกองทราย “เฮ้ย...แหวน”

          “กระเด็นไปตรงนั้นค่ะพี่กฤษ” เสียงน้องพลอยดังออกมาจากพุ่มไม้ติดกับผนังโรงแรม ผมหันไปมองก็เจอน้องพลอยยืนอยู่ข้างนายเจ นี่สงสัยจะมาแอบดูผมขอน้องหยกแต่งงานแน่นอน เร็วเท่าความคิดน้องเจวิ่งพรวดออกจากพุ่มไม้ไปยังจุดที่แหวนกระเด็นออกมา แล้วรีบหยิบมาให้ผมพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจด้วยลักยิ้มตรงแก้มบุ๋มมาให้ทั้งที่ปากยังบวมเจ่อจากแรงหมัดของผม

          “ขอบใจนะ” ผมพูดไปพร้อมส่งยิ้มไปให้ แล้วหันกลับมามองน้องหยก ที่ตอนนี้ยืนก้มหน้าเขินจนหน้าแดงถึงใบหูที่เคยเป็นสีขาวนวลอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้ว จับมือซ้ายของหยกออกมาสวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้าย แหวนค่อนข้างใหญ่แต่ก็ทำเอาไว้ได้ขนาดพอดี

          “เย้...ดีใจด้วยนะครับพี่หยก” น้องเจร้องเฮออกมาดังลั่น ไม่นานน้องพลอยก็วิ่งมาสมทบ

          “ดีใจด้วยนะคะพี่กฤษ รักกับพี่หยกตลอดไปนะคะ พลอยรักพี่ทั้งสองคนค่ะ” น้องพลอยยืนปาดน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง ผมหันไปยิ้มให้เด็กทั้งสอง จึงแอบเห็นนายเจแอบจับมือน้องสาวผมเอาไว้ด้วย ไวไฟเหมือนกันนะเด็กสมัยนี้

          “หยกครับ เรากลับห้องกันดีกว่าไหม” ผมหันไปชวนน้องหยกที่ยังคงยืนก้มหน้าด้วยความเขินอาย น้องหยกพยักหน้าผมจึงจูงมือเดินผ่านเด็กสองคนนั้น ทั้งคู่โบกไม้โบกมือให้เราทำท่าเหมือนเหมือนมาส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอยังไงอย่างนั้น ผมกับน้องหยกจึงหันกลับไปโบกมือให้ทั้งคู่แล้วเดินกลับโรงแรมไปสู่ห้องหอของเรา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2012 03:01:40 โดย AxCiO@ToToKeN »

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
กรี๊ดกร๊าดดดดดดดดดดดดด
 :m3:
พี่กฤษเริ่ดมากค่า
ขอน้องหยกแต่งงานเรียบร้อย
ต่อไปก็เข้าหอโลดดดดดดดดดดดด
 :oo1:

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
คราวนี้ก็ได้เข้าหอแล้วสิ :z1:
ส่วนน้องพลอยจะได้มีคู่กับเค้าแล้วสิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด