Lesson 35
( Autt Part )
“มึงมีอะไร” ผมถามเจ้าของรถที่บังคับให้ผมขึ้นรถมา จริงๆผมไม่อยากขึ้นมาหรอกแต่เพราะมันขู่อะไรบ้าๆมาผมเลยต้องจำใจมากับมันจนได้
“เปล่า ไม่มีอะไร” มันตอบหน้านิ่งๆ
“อย่ามาไร้สาระกูจะกลับคอนโด” พูดจบผมเตรียมจะเปิดประตูแต่
“ถ้าเปิดลงไปล่ะก็...จะไม่ใช่แค่คำขู่” เมื่อมันพูดขึ้นผมถึงกับชะงัก
“มึงจะเอายังไงกับกูกันแน่!!!” ผมหันไปตะคอกใส่มัน
“ไปกับกูก่อน” พูดจบมันก็ออกรถทันที ตลอดระยะทางนี้ผมกับมันไม่มีใครปริปากพูดอะไรเลยสักคำเดียว สักพักก็ถึงเป้าหมาย....ร้านอาหารหรอ พาผมมาทำไม
“พากูมาทำไม” ผมถามมัน
“พามาล้างจานมั้ง” มันตอบกวนบาทาผม
“กวนตีน กูกลับก่อนล่ะ” ผมตั้งท่าจะเดินหนีมัน
“เดี๋ยวสิ....กินข้าวเป็นเพื่อนกันก่อน”
“…” มาแปลกพูดไม่ออกเลยครับ
“ไปเข้าไปเถอะ” มันดันหลังผมเข้าร้าน
“เดี๋ยวๆๆๆๆ มึงกินยาไม่เขย่าขวดหรือไงหรือว่าผีเข้า” ผมถามมันด้วยอาการงงสุดขีด
“ก็เปล่า.....ไปเถอะ” มันพาผมเดินเข้ามาในร้านแถบโซน ส่วนตัวสะด้วย
“อยากกินอะไรล่ะ” มันถามผม
“ไม่รู้มึงสั่งอะไรมากูก็กินได้หมดแหละ” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจ
“อ่ะนี่ มึงสั่งเอา” มันยื่นเมนูมาให้ผม ผมก็เปิดเมนูดู ของแต่ละอย่างแพงๆทั้งนั้นเลยเห็นราคาแล้วกระเดือกไม่ลง
“ทำไมเป็นอะไรไป อยากกินอะไรก็สั่งเลย” มันพูดซ้ำ
“ได้ทุกอย่างเลยหรอ” ผมถามมันอีกครั้ง
“อื้อได้ทุกอย่างที่มึงอยากกิน” เมื่อมันพูดจบผมก็ยิ้มออกมา สั่งอะไรก็ได้ที่อยากกินใช่ไหมเดี๋ยวอัทจัดให้ หึหึ
“พี่ครับ เอายำวุ้นเส้น ต้มข่าไก่ ปลากะพงทอดราดน้ำปลา ปลาช่อนลุยสวน ต้มยำทะเล แกงจืดหมูสับ ฉู่ฉี่ปลาทู สเต็กหมู สเต็กไก่ ยำรวมมิตร ยำเห็ด ผัดผักรวมมิตร หมูแดดเดียว ข้าวสวย 1 โถ น้ำส้มปั่น ด้วยนะครับ” ผมสั่งรายการอาหารยาวเหยียดหวังแกล้งคนจ่ายตังเพราะที่สั่งไปนี่ก็เฉียดหมื่นแล้วนะ อาหารก็ธรรมดาๆแต่ทำไมราคาสูงกว่าร้านอาหารทั่วไปหลายเท่าตัว
“สั่งไปเนี่ยกินหมดหรอ” มันถามผม
“ทำไม มึงไม่มีปัญญาจ่ายหรอ” ผมตีหน้ามึนใส่มัน
“หึหึ เปล่าแต่ถ้ากินไม่หมด...” มันพูดแล้วหยุดจ้องหน้าผม
“ทำไม” ผมจ้องหน้ามันกลับ
“เดี๋ยวก็รู้” มันพูดแค่นั้น ผมนั่งรอสักพักอาหารแทบทุกอย่างก็มาเสิร์ฟจนแทบจะล้นโต๊ะ
“กินละนะ” ผมบอกกล่าวเป็นพิธีเพราะตอนนี้ผมหิวมากเหมือนกัน
“ก็กินสิ” ผมเริ่มกินก่อนที่มันจะพูดสะอีก ผมทานอาหารทุกอย่างไปเรื่อยๆรสชาติก็ไม่เลว อร่อยเลยแหละ ในระยะเวลายี่สิบนาทีต่อมาอาหารตรงหน้าก็เรียบเป็นหน้ากอง
“เฮ้อ อิ่มชะมัดเลย” ผมทำท่าตบพุงตัวเองเพราะอิ่มจริงๆ
“ตัวแค่เนี่ยทำไมกินจุจัง” มันถาม
“ตัวแค่เนี่ยแหละกินจุใครจะทำไม” ผมทำหน้าทะเล้นใส่มัน
“ไม่ทำไมหรอก....พี่ๆเช็คบิลด้วยครับ”
“ทั้งหมด 12,430 บาทครับ” พนักงานมาเก็บเงินไวมากครับ
“อ่ะนี่ ไม่ต้องทอนนะ” มันวางตังแบงพันไว้ปึ๊งนึงแล้วเดินจูงผมออกมาจากร้านทันที
“นี่เมื่อกี้จ่ายไปเท่าไร” ผมถามมัน
“หมื่นห้า” มันตอบผมหน้านิ่งมาก
“หมื่อห้า!!!!” ผมทำเสียงตกใจสุดขีด หมื่นห้านี่ผมอยู่ได้สามเดือนเลยนะ
“ตกใจอะไรขนาดนั้นไปขึ้นรถ”
“อะไรจะไปไหนอีก” ผมถามมัน
“เอาน่าขึ้นรถเถอะ” เรื่องอะไรผมจะยอมมัน
“ไม่เอา กูจะกลับคอนโด” ผมค้านมัน
“บอกให้ขึ้นรถ นับหนึ่งถึงสาม หนึ่ง...” มันมองหน้าผมนิ่งๆ ส่งสายตาบอกว่ามันเอาจริงแน่ ผมเลยต้องขึ้นรถมันมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“จะพากูไปไหนอีก” ผมอึดอัดทนไม่ไหวแล้วเลยหันไปถามมัน
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า ถามมากจริง” มันทำหน้าหงิกใส่ผม เชอะ ไม่ถามก็ได้วะ
สักพักมันก็เลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่บ้านน่าจะเป็นคฤหาสน์มากกว่าเพราะมันใหญ่มากประตูรั้วก็เป็นรีโมท
“ที่นี่ที่ไหนอ่ะ” ผมถามมัน
“บ้านกูเอง” มันตอบจบก็จอดรถหน้าบ้านมันพอดี
“ไป ลงไปข้างล่าง” มันเปิดประตูรถลงไปก่อน ผมจึงเปิดตามลงไป
“มึงพากูมาทำไม” ผมถามมันแต่ยังเดินตามมันอยู่
“ตามมาก่อนเดี๋ยวจะบอก” ผมไม่พูดอะไรต่อแต่เดินตามมันไปจนถึงห้องๆหนึ่ง
“เข้ามาสิ” มันเรียกผมเข้าไปเพราะเห็นผมยืนเก้ๆกังๆอยู่ จะเข้าไปดีไหมเพราะมันเป็นห้องนอน
“มึงพากูมาทะ...” ผมยังพูดไม่ทันจบก็ถูกกระชากเข้าไปในห้อง มันล็อคห้องเรียบร้อย
“กูเหนื่อยอยากนอน ขอพักแปปนึงแล้วเดี๋ยวไปส่ง” มันบอกผมเล่นเอาตกใจหมดอยู่ๆก็ดึงเข้าห้องนอน จะไม่ให้คิดลึกยังไง
“เดี๋ยวกูกลับเองก็ได้” ผมบอกมัน
“ไม่ต้องเดี๋ยวไปส่งไง” มันทำหน้าหงิกใส่ผม
“ก็มึงเหนื่อยก็นอนไปสิ กูจะกลับแล้ว” ผมเดินตรงไปที่ประตูแต่ก็ถูกกระชากข้อมือไว้
“ก็บอกขอพักแปปนึงไงเดี๋ยวไปส่ง”
“กูกลับเองได้มีแขนมีขาเดินเองได้” ผมยังไม่ยอมแพ้มัน แค่ถลำตัวมาที่บ้านมันนี่ก็มากพอแล้ว ถ้าจะให้นั่งรอต่ออีกคงไม่ไหว
“ถ้าขืนเรื่องมาก เดี๋ยวก็จับปล้ำสะหรอก”