โต้งแยกกับมิวได้ซักพัก เค้านั่งรถเมล์กลับบ้าน ส่วนมิวก็ไปซ้อมดนตรีต่อตามเรื่อง ทั้งคู่ดูมีความสุขกันมาก แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ที่ได้ใกล้ชิดกัน แต่มันเหมือนเป็นน้ำหยดแรกที่ได้ดื่มหลังจากกระหายมานาน ทั้งหมดนี้ ก็คงจะเพราะความเมตตาจากแม่โต้งแท้ๆ โต้งคิดในใจขณะนั่งเหม่ออยู่บนรถประจำทาง
บ่ายสี่โมง ประตูหน้าบ้านโต้งเปิดอ้าโล่ง เค้าเพิ่งสังเกตเห็นว่าแม่เค้าไม่ได้ไปทำงาน รถคันเก่งของครอบครัวยังจอดอยู่ที่หน้าบ้านอย่างดิบดี หรือแม่เค้าจะไม่สบาย หนึ่งความคิดผุดขึ้นในใจ โต้งปิดประตูหน้าบ้าน เค้าค่อยๆ เดินอาดๆ เข้าไปในบ้าน ดูมืดๆ และเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ยังไงยังงั้น
“แม่..” โต้งอุทานเบาๆ เค้าเห็นแม่นั่งเอามือกุมขมับตัวเองอยู่ในมุมมืดๆ ท้ายโซฟารับแขก โต้งกวาดตาไปอีกทาง พ่อเค้านั่งดวดเหล้าคนเดียวจนหน้าเป็นสีแดงกล่ำอยู่อีกห้อง พ่อจ้องหน้าโต้งเขม็ง โต้งพยายามคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่เค้าทะเลาะกันอีกแล้วใช่ไหม รึว่า....
โต้งก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน เค้าหยิบกรอบรูปที่คว่ำหน้าอยู่กับพื้น มีเศษกระจกล้อมรอบที่วางแยกเป็นเส้นแบ่งกลางระหว่างพ่อกับแม่ของเค้าขึ้นมา ทันทีที่โต้งเห็นภาพนั้น เค้าก็ประติดประต่อเหตุการณ์ได้อย่างไม่ยาก เค้าหันไปมองหน้าพ่อกับแม่ของเค้า ด้วยแววตาที่รู้สึกผิด ก่อนจะหยิบภาพนั้นแล้วค่อยๆ เดินขึ้นบันไดไปอย่างคนแบกทุกข์
“เดี๋ยว โต้ง” กรพูดดังลั่น โต้งหยุดชะงัก เค้าค่อยๆ หันหน้ามาหาพ่อเค้าอย่างช้าๆ ตาแดงกล่ำของพ่อเค้านั้นมองเค้าต่างไปจากเดิม โต้งเริ่มหายใจลำบากขึ้น
สุนีย์ลุกขึ้นเดินมาจากอีกฟาก เธอหยุดยืนอยู่ด้านล่างของบันได สายตาจ้องสบตากับสามีอย่างแข็งกร้าว โต้งหันมามองแม่เค้าช้าๆ
“ขึ้นไปบนห้องไป” แม่เค้าบอกอย่างลำบากใจ โต้งหันกลับไปมองพ่อเค้าอีกครั้งอย่างเกรงใจ แต่ก็เลือกที่จะทำตามที่แม่เค้าบอก กรจ้องมองสุนีย์เขม็ง ก่อนเค้าจะรินเหล้าใส่แก้วแล้วกระดกกินจนมันเปรอะเลอะเปื้อนสองแก้ม
///////////////////////