[เรื่องสั้น]✖ ✖ มากกว่าพี่แต่ไม่ใช่ลุง ✖ ✖ [UP! แรกพบ+เปิดจอง 20/11/56 p.14]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น]✖ ✖ มากกว่าพี่แต่ไม่ใช่ลุง ✖ ✖ [UP! แรกพบ+เปิดจอง 20/11/56 p.14]  (อ่าน 211439 ครั้ง)

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น่ารักอ้ะ
อ่านไปขำไป
อัคกวนสุดๆ

Little Brother

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไปยิ้มไปเลยนะเนี่ย    :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:


ชอบๆ  เอาอีกๆ :sad4:

kapookkiizz

  • บุคคลทั่วไป
 :impress2: เราอ่านเรื่องนี้มาประมาน 5 รอบก่อนที่เราจะสมัครสมาชิก  o13 ชอบลุงชล ม๊ากมาก  :impress3:

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
สนุกมากค่ะ อ่านแล้วหิวเด็ก หุหุ

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ชอบมากๆค่ะ ลุงน่ารักกกก :-[

ออฟไลน์ uzosou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สนุกกกกกกก ตลกกกกกกกกกก น่ารักกกกกกกก

ชอบวิธีจีบน้องอัคมาก เห็นกวนๆงี้ รักเดียวใจเดียวนะ 5555

ลุงก็น่ารัก เอ๋อๆ ไม่ทันเด็กเลย 5555+

jjasu

  • บุคคลทั่วไป
เขิน
เรื่องนี้สนุกมากเลยอ่ะ

ออฟไลน์ natt lUcky

  • อะโย่ อะเย่
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ลุงน่ารักอะ ชอบๆ

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
กรี๊ดกร๊าดลุงน่ารักมากกก~
นับถือวิธีจีบของอัคจริงๆ ตั้งแต่มัธยมเนี่ย
ชอบตอนพิเศษในที่สุดลุงก็เสียตัว 55+
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้นะคะ

ออฟไลน์ ronlbb

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ประทับใจค่ามากๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
ตามมาอ่าน


ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
แรกพบ

   “อัค...มาไหว้พี่เขาเร็วลูก”
   ดวงตาใสแจ๋วของเด็กชายยังจับจ้องอยู่แต่หนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดจนมารดาอดรนทนไม่ไหวต้องเอื้อมมือไปดึงมันออกมา
“เดี๋ยวเถอะ...แม่บอกอะไรหัดฟังซะมั่ง !!” คุณนายเอ็ดเสียงแหว๋ว
   “ไม่เอาน่าแม่  ตอนกำลังสนุกเลย” อัคคีขมวดคิ้ว  เด็กชายวัย 13 ปีไม่คิดว่าการไปไหว้พี่ข้างบ้านจะเป็นเรื่องน่าสนใจกว่าการ์ตูนในมือเลยสักนิด “อีกอย่างนะ  พี่เขาไม่สนใจหรอกว่าผมจะไปไหว้รึเปล่า  ไม่เห็นเป็นไรเลย”
   “มันเป็นมารยาท  เข้าใจไหม!” คุณนายกุมขมับกับความดื้อรั้น แต่จะโทษใครได้ล่ะ....ก็เพราะเธอตามใจลูกชายคนเดียวเสียจนเคยตัว “พี่เขาเป็นพนักงานบริษัทแม่นะ....อย่าให้คนเขาเอาไปนินทาว่าเราหยิ่ง”
   “ก็เรื่องของเขา”
   “อัค....”
   “โอเค ๆ แค่ไหว้ก็จบใช่ปะครับ?” อัคคียกธงขาวยอมแพ้แม่ในที่สุด.....แม่ตอนโกรธน่ะน่ากลัวจะตาย  ทางที่ดีเลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่า  เขาไม่อยากถูกตัดค่าขนมจนต้องไปแย่งเพื่อนกินแบบคราวก่อนอีก  คุณนายแม่ยิ้มหวานแต่ยังไม่ยอมคืนการ์ตูนให้เขา  เธอเดินนำเขาออกมาหน้าบ้านเพื่อกดกริ่งเรียกเพื่อนบ้านออกมา
   บ้านจัดสรรทุกที่ก็หน้าตาเหมือนกันไปหมด  วันไหนเมา ๆ อาจเข้าผิดบ้านก็ได้  อัคคียืนล้วงกระเป๋าเงยหน้ามองบ้านชั้นเดียวตรงหน้า.....ดูจากสภาพแล้วพี่ข้างบ้านน่าจะเป็นพวกพนักงานกินเงินเดือนเฉิ่ม ๆ .....ใส่กางเกงรีดมีกลีบหน้า  ก็ดูสิ....บ้านขาว ๆ โล่ง ๆ จืดชืดชะมัดเลย
   “พี่เขาฉี่อยู่ป่ะแม่  เราค่อยมาใหม่ป๊ะ” อัคคีเสนอความเห็นแต่ถูกเหวี่ยงด้วยค้อนวงเบ้อเร่อทำให้ต้องหุบปากไป
   แต่แล้วเสียงกุกกักที่ประตูไม้ก็เรียกให้สองแม่ลูกเงยหน้ากลับขึ้นไปมอง และเมื่อมันเปิดออก
   “อ้าว....พี่....สวัสดีครับ” เพื่อนบ้านชิ่งยกมือไหว้แม่เขาเสียก่อนซะนี่
   “สวัสดีจ๊ะชล” คุณนายรับไหว้ก่อนจะใช้ศอกถองสีข้างไอ้เด็กแห้ง ๆ ข้างตัว
   “อะ.....สวัสดีครับ” อัคคีรีบยกมือไหว้ปะหลก ๆ จนชลธีอดขำไม่ได้  จะไม่ให้ตกใจได้ไง....ใครจะไปคิดว่าพี่ชายข้างบ้านเขา...
   เท่ฉิบหาย!!!!!  โคตรเท่เลย!!!
   อัคคีมองพี่ชายตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย....ใบหน้าคมสัน  ไหนจะส่วนสูงที่ทำให้เขาและแม่ต้องแหงนหน้าคุยอีกล่ะ  พี่ชายเพื่อนบ้านดูเท่สุด ๆ แม้จะใส่เพียงเสื้อยืดและกางเกงย้วย ๆ เท่านั้น  ชายหนุ่มก้มลงมาส่งยิ้มให้เด็กชาย
   “หวัดดีครับ”
   “ลูกชายพี่เองจ๊ะ  ชื่ออัคคี  เรียกว่าอัคก็ได้”
   “อ๋อ...ครับ” หนุ่มเพื่อนบ้านพยักหน้ารับรู้ “พี่ชื่อชลธีนะครับ  เรียกพี่ชลก็ได้”
   “ครับ...พี่ชล” เด็กชายพยักหน้ารับ
   “อันนี้ขนมจ๊ะ.....สำหรับชล  ถือซะว่าต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่” คุณนายยื่นถุงขนมให้พนักงานในบริษัท “มีอะไรเรียกพี่ได้นะจ๊ะชล”
   “ขอบคุณครับพี่  แหม...ไม่น่าลำบากเลย”
   “ไม่หรอกจ๊ะ....เพื่อนบ้านกันต้องมีอะไรพึ่งพากันอีกเยอะ” เธอยิ้มหวาน พลางยกมือลูบหัวลูกชายที่สูงกว่าเธอไปแล้ว “ตาอัคมีอะไรสงสัยเรื่องเรียนถามพี่ชลเขาได้นะลูก  พี่เขาจบเกียรตินิยมเชียวนะ”
   “จะไหวเหรอครับ  ผมคืนอาจารย์ไปหมดแล้วนะครับพี่ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ชลธีหัวเราะร่า  ก่อนจะก้มลงมาบอกเด็กชาย “เอาเป็นว่าถ้ามีคำถามลองถามมาก่อนแล้วกัน  ถ้าพี่ช่วยได้ก็จะช่วยแล้วกันนะ”
   “ครับ”
   หลังจากนั้นคุณหญิงก็บอกลาชลธีและขอตัวไปทำความสะอาดห้องเสียหน่อย  อัคคีชะเง้อคอมองจนกระทั่งมารดาจูงมือเขามาถึงรั้วบ้าน และชลธีก็หายไปจากสายตา
   เขาว่ากันว่าช่วงวัยรุ่นเด็กทุกคนต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย  ทุกคนล้วนต้องการมีจุดยืนที่โดดเด่นกว่าเพื่อน และหนึ่งในนั้นคือการหาต้นแบบหรือไอดอลเท่ ๆ สักคน  บางคนเลือกดนตรี  บางคนเลือกกีฬา แต่ชลธีคิดว่าบางทีเขาอาจจะไม่ต้องเลือกที่ไหนไกลเสียแล้ว...
   “อ๊ะ!” เสียงแม่เรียกให้เด็กชายหลุดออกจากภวังค์ “แม่คืนการ์ตูนให้ละ”
   “ผมนึกว่าแม่จะเก็บไปอ่านเองซะแล้ว” คนเป็นลูกยักคิ้วกวน ๆ “ขอบพระคุณคุณแม่ที่กรุณา”
   “ย่ะ! อ่านเสร็จแล้วอย่าลืมทำการบ้านก็แล้วกัน”
   “คร้าบบบบบบบ   คุณนายแม่”
   อัคคีเข้าไปกราบแทบอกมารดา ซึ่งบอกได้เลยว่าที่ทำไปนั่นเป็นความกวนประสาทล้วน ๆ  มิได้ระลึกถึงค่าน้ำนมแต่อย่างใด  คุณนายเลยประเคนสันหนังสือลงกลางหัวลูกชายสุดที่รักให้เป็นรางวัล
   เด็กชายคว้าการ์ตูนแล้ววิ่งโร่กลับขึ้นไปที่ห้องนอนของตนเอง  ฉากต่อสู้ที่อ่านค้างไว้กำลังถึงไคลแมกซ์เลยล่ะ!!  เขาอดใจรอไม่ไหวที่จะรู้ตอนต่อไปแล้ว  อัคคีทิ้งตัวลงบนที่นอนก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง  ถึงจะเป็นตอนกลางวันแต่แม่ก็กำชับให้เขาเปิดไฟอ่านหนังสือตลอดเวลา  พลันสายตาเด็กชายก็หันไปเจอบางสิ่งนอกหน้าต่างนั่น
   ด้วยระยะห่างที่ไม่ไกลกันของตัวบ้านและการออกแบบที่เอาก่อสร้างง่ายเข้าว่า.....ดีไซน์บ้านของอัคคีจึงเหมือนกับหลังข้าง ๆ รวมไปถึงตำแหน่งของหน้าต่างด้วย  สายตาคู่นั้นมองลอดออกไปที่กรอบสี่เหลี่ยม  เพื่อนบ้านของเขานั่งอยู่ตรงนั้น
ชลธีนั่งหันหลังพิงขอบหน้าต่างพลางอ่านหนังสือในมือ  นี่เป็นอีกมุมโปรดของชลธีเพราะอยู่ติดหน้าต่างอากาศเย็นสบายมีลมพัดเหมาะกับการพักผ่อน  ชายหนุ่มไม่ได้รู้เลยว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องมาจากที่ไกล ๆ
   คนอะไรโคตรเท่เลย!!!
   อัคคีมองแผ่นหลังตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย  เขาไม่รู้หรอกว่าชลธีจะเก่งกีฬา  ดนตรี  วิชาการหรืออะไรที่ไอดอลเด็กส่วนใหญ่นิยมกัน  เขารู้แต่ว่าพี่ชายข้างบ้านดูเจ๋งชะมัดเลย!!!
   นั่นเป็นครั้งแรกที่อัคคีถือการ์ตูนในมือแต่ไม่ได้ก้มไปอ่านเลยสักตัว....

……………………………………………………………………………

   อัคคีต้องสูงแน่ ๆ .....ใคร ๆ ก็บอกอย่างนั้น เพราะอย่างนั้นเด็กชายเลยไม่สนใจที่จะพยายามสูง  ไม่เล่นกีฬา  ไม่ดื่มนม  หันไปมองพ่อมองแม่แค่พันธุกรรมสองคนนี้รวมกันเขาก็น่าจะเป็นเปรตได้ไม่ยากเลย  อ๊อ...ไม่นับเรื่องเวรกรรมที่ทำกับวงศ์ตระกูลนะ  ถ้ารวมด้วยรับรองว่าอัคคีคงเป็นผีเปรตที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
   แม่น่ะเคี่ยวเข็ญให้เขาดื่มนมตลอดเวลา  ไปห้างทีก็ซื้อมากักตุนไว้เป็นแกลลอน...ซึ่งอัคคีก็ไม่ชอบดื่มนัก  ก็มันไม่อร่อยนี่นา...เขาชอบดื่มน้ำอัดลมมากกว่า  อะไรที่กินแล้วตายเร็วมักจะอร่อยอยู่เสมอ
   แม่พยายามทำทุกวิถีทางให้บุตรชายสุดที่รักได้เจริญเติบโตด้วยแคลเซียม....คุณนายแม่คิดว่าสารอาหารในนมจะส่งพลังไปต่อสู้กับโรคกระดูกพรุนในร่างกายได้ แต่อีตาลูกชายหัวดื้อก็ไม่เคยรินออกไปดื่มเลยถ้าเธอไม่บังคับ  บางทีใกล้ ๆ หมดอายุเธอยังต้องเอาไปแช่ตัวแทนเลย
   “อัค...แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ดื่มนมเยอะ ๆ จะได้สูง ๆ”
   “แค่นี้ผมก็เข้าแถวอยู่ข้างหลังแล้วแม่  สูงเกินกว่านี้ครูคงไล่ไปยืนหลังโรงเรียน” หล่อนอยากจะเป็นลมตาย  จำได้ว่าไม่เคยสั่งเคยสอนให้ลูกกวนประสาทขนาดนี้
“แม่ไม่ได้เจาะปากมาให้แกเถียงฉอด ๆ นะยะ”
   “อ๊ะ ๆ ผมดื่มเพื่อแม่เลยนะเนี่ย” เห็นท่าไม่ดีไอ้เด็กแสบเลยต้องวิ่งไปเอานมในตู้เย็นมากระดกโชว์  อัคคีกลืนมันลงคอดังอึก ๆ “ฮ๊า~....  รู้สึกสูงขึ้นมาห้าเซนเลยอะแม่  โห...สุดยอดดดดดดดดด  ไม่ต้องไปต่อกระดูกถึงเมืองจีนแล้ว”
   แม่เขกมะเหงกให้อัคคีเต็มรักก่อนจะออกเดินทางไปสังสรรค์ตามประสาแม่บ้านคุณหญิงคุณนาย  อัคคียืนถือแก้วนมแล้วโบกมือหยอย ๆ ให้บุพการีทั้งสองจนลับสายตา  ก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะ...เพราะบ้านหลังนี้กลายเป็นของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว !!!
   ฮ่า ๆ ๆ ๆ อยากจะหัวเราะให้ฟันกระเด็นอัดติดข้างฝา  อัคคีรู้สึกว่าชีวิตเป็นอิสระ !!  เขาเอาแก้วน้ำแช่ในซิงค์ล้างจานก่อนจะวิ่งโร่ขึ้นไปบนห้อง
   การทิ้งเด็กผู้ชายวัยเจริญพันธุ์ไว้ในบ้านคนเดียว....คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นได้สักกี่อย่างเชียว  ถึงจะรู้ว่าพ่อกับแม่คงไม่กลับมาเร็ว ๆ นี้ แต่อัคคีก็เซฟตี้เฟิร์สด้วยการล็อกประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา  ก่อนจะวิ่งไปรื้อแผ่นซีดีในกระเป๋านักเรียน....โชคดีจริง ๆ ที่เพื่อนเพิ่งให้ยืมมา  ไม่คิดว่าจะสบโอกาสเร็วขนาดนี้  รื้อไปนี่มือไม้สั่นเป็นเจ้าเข้าเลยทีเดียว
   สมัยอัคคียังเด็กคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตยังไม่เป็นที่แพร่หลายและมีใช้ในหมู่คนรวยเท่านั้น  ถึงบ้านเขาจะมีคอมเครื่องเบ้อเร่ออยู่แต่มันเป็นของพ่อ  ไอ้ครั้นจะไปดูหนังโป๊ในเครื่องพ่อก็เหมือนเดินแก้ผ้าอยู่กลางสี่แยกรอให้ตำรวจมาจับ  แต่ก็เป็นบุญเหลือเกินที่ในห้องนอนของอัคคีมีเครื่องเล่นแผ่น VCD ที่เขารบเร้าแม่ให้ซื้อให้  อัคคีกราบขอบพระคุณแม่ที่ส่งเครื่องนี้มาให้เขาใช้งานได้หลากหลายความต้องการ  ไม่ว่าจะบันเทิงในด้านใดก็ตาม
   เด็กชายเสียบปลั๊กเข้ากับจอทีวี  ก่อนจะคลี่ยิ้มเมื่อภาพติดขึ้นมาบนจอ......นี่ถ้าพ่อมาเห็นคงประทับใจมากในความฉลาดล้ำด้านเทคโนโลยีของลูกชาย หรือไม่นี่ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่อัคคีสนใจเรียนวิศวะก็เป็นได้....  โอ้...น้ำตาจะไหล
   ฟึ่บ!!
   ไม่รอช้าเครื่องเล่นอ่านข้อมูลแผ่นก่อนจะประมวลผลขึ้นมาเป็นภาพบนจอทีวี  จากภาพสีฟ้าก็กลายเป็นฉากของห้องเรียนแห่งหนึ่ง.....มีครูสาวทรงดินระเบิดทั้งบนและล่างเดินมาส่งภาษาญี่ปุ่นอะไรไม่รู้สองสามประโยค  แค่นั้นแหละพล็อทเรื่องทั้งหมด ซึ่งใจความสำคัญของเรื่องแม่งอยู่ต่อจากนี้แหละ !!!
   เขาจิกมือลงบนผ้าปูที่นอนเมื่อนักเรียนชายเริ่มมืออยู่ไม่สุขและกำลังวุ่นวายอยู่กับเสื้อผ้าของครูสาว...
   ถอดเลยสิวะ  ลีลาอยู่ดะ....
   “อ้าว! อัค!!”
   เฮือกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!!!!!!!!!!......  พลังทำลายล้างยิ่งกว่าถูกปิกาจูช็อตไฟฟ้าแสนโวลต์แล่นเข้าร่างจนไอ้เด็กหัวเกรียนกระเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง  พลันสายตาเหลือบไปมองสิ่งที่อยู่ข้าง ๆ จอทีวี  มันคือกรอบสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าหน้าต่าง....และในกรอบสี่เหลี่ยมนั้นก็มีกรอบสี่เหลี่ยมอีกที....และในกรอบสี่เหลี่ยมอีกทีก็มีใบหน้าของเพื่อนบ้านอยู่
   ฉิบหาย...พี่ชล....
   ชลธีเกาะขอบหน้าต่างอยู่ตรงนั้นพร้อมส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร “ไง...เพิ่งรู้นะว่าตรงนี้มองเห็นห้องนอนอัคด้วย”
   อัคคีแม่งอยากจะกัดลิ้นตาย  พ่อแม่ต้องให้รอยหยักสมองมาน้อยแน่ ๆ เขาถึงได้ลืมปิดหน้าต่าง.....โธ่เว้ย!!  กูไม่น่าหื่นขึ้นสมองเลย  ไอ้หัวเกรียนก็ได้แต่ปั้นยิ้มตอบไป
   “นั่นสิ....ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน” เวรละ....ไอ้นักเรียนนั่นล้วงเข้าไปในเสื้อเชิ้ตคุณครูแล้ว...
   “แบบนี้ก็เจอหน้ากันจนเบื่อไปข้างสิ” ชลธียิ้มเท่ ๆ “นี่มุมโปรดพี่เลยนะ”
   “อ๋อ...เหรอครับ” บนโต๊ะเรียนแล้วครับ!!....บนโต๊ะเรียนแล้ว!!!
   อัคคีสับสนในชีวิตว่าควรทำอะไรก่อนหลังดี  ไอ้ที่หวังจะคึกคักพอเจอสถานการณ์นี้เข้าไปแทบจะหดแล้วหายไปจากโลก
   “แล้วทำอะไรอยู่นั่น ?” ชลธียิงโป้งแสกกลางหน้าเด็กชาย....  โธ่!! พี่ชล  ผมรู้ว่านี่มันคำถามตามมารยาท แต่พี่ช่วยไร้มารยาทตอนนี้จะได้ไหมครับ!!
   อัคคีเลิ่กลั่ก แต่สมองไอ้เด็กนี่ก็เร็วเอาเรื่อง “ก็ดูทีวีเรื่อย ๆ แหละครับ” ทำเป็นนั่งตรงแต่มือขวาของมันเอื้อมไปควานหารีโมตด้านหลัง  อัคคีชักหน้ามืดตามัวเพราะต้องเหลือบมองคู่สนทนาสลับกับคู่...............เอ่อ...คู่นั้นแหละ!!
   “เหรอ....วันอาทิตย์ทั้งทีน่าจะออกไปเล่นนอกบ้านนะ”
   “แถวนี้ไม่มีอะไรเล่นหรอกครับพี่” อัคคีเห็นหางตาแว้บ ๆ ว่าเสื้อผ้าครูสาวไม่เหลือแล้ว......เวรละ....รีโมตไปอยู่ไหนของมึงวะ!!!
   “เฮ้ย...เราก็พูดเกินไป  วัยประมาณนี้มันต้องออกมาวิ่งเล่นกับเพื่อนสิ”
   ......ตึก..... ปลายนิ้วพบสัมผัสแข็ง ๆ ของรีโมตแล้ว.....อัคคีแสยะยิ้มในใจอย่างผู้ชนะ  หึ...ไม่ได้แอ้มกูหรอกมึง
   “เออ...พี่ก็ลืมคิดไปเนอะว่าแถวนี้ไม่มีเด็กอยู่เลย”
   อัคคีเห็นชลธีทำปากพะงาบ ๆ เพราะตอนนี้สรรพเสียงใดก็มิอาจแทรกเข้าโสตของเขาได้อีกแล้ว....นิ้วชี้คลำหาปุ่มปิดเสียงที่เขาจำได้.....เขาออกแรงกะ....
   “งั้นลงมาข้างล่างสิ  ไปเล่นกับพี่ดีกว่า”
   “อ๊า ~~~~  อิไต ๆ ...อื้อออออออออออออออ....!!!!!!!!”
   เสียงระดับร้อยเดชิเบลดังลั่นไปทั้งห้อง.....ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าชลธีจะได้ยินไหม  คือถ้าพี่เขาไม่ได้ยินอัคคีคงต้องรีบพาไปส่งโรงบาลโดยด่วน  ครูสาวในจอขยี้ใจเขาแหลกคาตีนด้วยเสียงกรีดร้องประหนึ่งใกล้ตายของเธอ.....ความเงียบโรยตัวระหว่างบทสนทนาของทั้งสอง  มีแต่เสียงสาวในจอที่ดังไม่เลิก.....แล้วแต่ละคำก็แหม.....
   อัคคีมองชลธีที่สตั๊นไปนาน  ทำไมชลจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนั้นในเมื่อเขาก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนกัน  ชายหนุ่มตั้งสติก่อนสตาร์ทด้วยประโยคที่ว่า “เสร็จแล้วก็มากดกริ่งบ้านพี่แล้วกันนะ”
   “ครับ”
   อัคคีน้ำท่วมปาก.....ใจจริงอยากจะถามว่าอะไรเสร็จครับพี่..........

...

   หลังจัดการตัวเองเรียบร้อยอัคคีก็หน้าด้านบากหน้าลงไปกดกริ่งที่หน้าบ้านชลธี  ตอนแรกก็เหมือนจะอายอยู่หรอก....แต่อัคคีเป็นพวกหัวดื้อ  เขาคิดว่าถ้าเขาหมกตัวอยู่ในห้องก็เท่ากับเขาอาย  ดังนั้นเขาจึงมาที่นี่!!  มายืนหยัดให้โลกได้รู้ว่าการช่วยตัวเองไม่ใช่เรื่องผิดและอับอายแต่อย่างใด
   เด็กหนุ่มยืนหยัดอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงปึงปังดังมาจากในตัวบ้าน  ไม่นานนักเจ้าของบ้านก็แง้มประตูโผล่หน้าหล่อ ๆ ออกมา  ชลธีอดจะแปลกใจไม่ได้ที่เห็นอัคคีมาหาที่บ้านภายหลังเกิดเหตุการณ์ทันที
   “พี่ขอหยิบรองเท้าผ้าใบแป๊บหนึ่งนะ” ชลเอ่ยบอกแล้วหายกลับเข้าไปหลังบานประตูอีกครั้ง  ทิ้งให้เด็กชายยืนรอสักพักเขาก็กลับมาพร้อมรองเท้าผ้าใบในมือ  ชลธีนั่งลงที่ประตูบ้านเพื่อสวมมัน “อัคไปเปลี่ยนรองเท้าซะนะ  ใส่ผ้าใบมาจะได้เล่นง่าย ๆ”
   “แล้วจะเล่นอะไรอะพี่ชล ?” อัคคีล่ะงงกับผู้ชายคนนี้....เขาอายุตั้งสิบสามแล้วจะไปวิ่งเล่นกลางทุ่งกว้าง....กินน้ำหวานจากดอกเข็มก็คงไม่ใช่แนวแล้ว
   “เล่นบาส หรืออยากเล่นบอล?”
   “ผมเล่นไม่เป็นนะบอกไว้ก่อนเลย”
   “เล่นเป็นแต่เกมล่ะสิเรา” ชลธีหัวเราะหึ “สายตาเสียหมดพอดี”
   “แล้วจะให้ผมเล่นอะไรล่ะ” อัคคีมองตาขวาง....พี่ชลเห็นแบบนี้ก็ขี้บ่นเหมือนแม่เขาเลยแฮะ “ทั้งซอยนี่ก็มีแต่บ้านผมกับพี่  จะให้ไปเล่นกับเด็กอีกแก๊งก็ต้องข้ามถนนใหญ่ไปนู่น  รถทับผมตายพี่ชลปั้มใหม่ให้แม่ผมไหมครับ ?”
   “โอเค...พี่ผิดก็ได้” ไอ้เด็กนี่กวนประสาทกว่าที่ชลธีคิด....อันที่จริงนี่ยังไม่ถึงหนึ่งในสามของสกิลที่อัคคีมีด้วยซ้ำ “ไปเปลี่ยนรองเท้าไปอัค”
   “ครับพี่”
   หลังจากอัคคีกลับมาพร้อมรองเท้าผ้าใบสีขาวของโรงเรียนเขาก็ถูกพี่ชายข้างบ้านลากตัวไปที่ลานอเนกประสงค์ของหมู่บ้าน  มันเป็นลานเน่า ๆ ที่มีต้นไม้ขึ้นรกครึ้ม....ไม่สิพูดให้ถูกคือมันเป็นซากต้นไม้ที่ตายแล้วแต่ไม่มีใครเอาไปทิ้ง  หมู่บ้านของพวกเขาไม่มีเด็ก  ถ้ามีก็เป็นเด็กทารกไปเลยทำให้สนามเด็กเล่นที่โครงการทำเอาไว้เสื่อมโทรม...เครื่องเล่นขึ้นสนิม  จะมีคนมาใช้งานก็คือคุณปู่คุณย่าที่มาจ๊อกกิ้งออกกำลังกายตอนเช้าเท่านั้นแหละ
   ข้าง ๆ สนามเด็กเล่นมีลานบาสผสมบอลอยู่  คือมีแป้นบาสติดตั้งอยู่ แต่ก็มีประตูบอลขนาดเล็กกองไว้ด้านข้าง  ใครอยากเล่นก็ไปลากออกมาได้....ถ้าไม่กลัวสนิมบาดมือเป็นบาดทะยักตายล่ะก็นะ....
   ชลธีเคาะลูกบาสลงกับพื้นเพื่อทดสอบลมด้านใน....ถึงจะบางไปหน่อยเพราะไม่ได้แตะนานแต่ก็ยังหอไหวอยู่ “พี่ต้องสอนเดาะลูกปะ ?”
   “ไม่ต้องครับ แค่เคาะกับพื้นมันก็เด้งขึ้นเหมือนกันแหละ” อัคคีไม่ได้กวนนะ แค่พูดตามที่คิด “ถามจริงเล่นบาสเล่นบอลกันสองคนมันจะหนุกเหรอพี่ชล”
   “เล่นเกมคนเดียวยังสนุกได้เลย  แล้วทำไมเล่นสองคนจะสนุกไม่ได้” ชลธีโยนลูกสีส้มให้อีกฝ่าย “เอ้า! ไปเลี้ยงมาจากฝั่งนู้นแล้วชู้ตผ่านพี่ให้ได้”
   “เลี้ยงแบบป้อนข้าวป้อนนมปะพี่ชล...” ชลธีมองค้อน “โอเค....ไปก็ได้”
   อัคคีถอนหายใจเซ็ง ๆ พลางคาดโทษในใจอย่างลูกคนเดียวว่าถ้าไอ้การเล่นกีฬานี่ไม่สนุกล่ะก็...พี่ชลเจอดีแน่  เด็กชายเคาะบอลลงกับพื้นเพื่อจับจังหวะ...ถึงจะบอกว่าเล่นไม่เป็นแต่ของแบบนี้ใคร ๆ ก็น่าจะทำได้  เด็กชายพุ่งตัวเข้าไปที่อีกฝั่งหนึ่ง  ชลธียืนตัวสูงโย่งอยู่ตรงนั้นกางแขนออกเตรียมบล็อกเขาเต็มที่
   อัคคียิ้มมุมปาก....  ไม่ได้กินผมหรอกพี่ชล!!
   ผัวะ!!  ยังไม่ทันได้ง้างมือลูกกลม ๆ ก็ถูกคนแก่กว่าปัดทิ้งซะแล้ว  แย่งอย่างเดียวยังไม่สาแก่ใจ!! ชลธีคว้าลูกแล้ววิ่งเลี้ยงกลับไปชู้ตที่แป้นอีกฝั่งลงไปอย่างสวยงาม
   “หึ...เป็นไงล่ะ  นี่ขนาดพี่ไม่ได้เล่นนานแล้วนะ”
   “ชนะเด็กไม่เห็นน่าดีใจเลยพี่” คนแพ้ยู่ปากทั้ง ๆ ที่ในใจแอบแค้น.....แต่ก็ยอมรับว่าพี่ชลเล่นบาสแล้วโคตรเท่เลย!!  เจ๋งชะมัด
   “แล้วไม่อยากชนะผู้ใหญ่มั่งรึไง” ชลธีฉีกยิ้มกว้าง
   “หึ....เอาใหม่เลย  รอบนี้ไม่ชนะ รอบหน้าผมก็จะชนะพี่ให้ดู!!”
   ท่ามกลางลานเก่า ๆ ที่ถูกทอดทิ้งจนรกร้าง  ความรู้สึกบางอย่างกำลังจะเริ่มต้นขึ้นที่นี่.....อัคคีเพิ่งรู้ว่าการเล่นนอกบ้านกับคนอื่นมันสนุกแบบนี้นี่เอง  เขาเป็นลูกคนเดียว....แถมอาศัยอยู่ในที่ที่ไม่มีคนวัยเดียวกันอยู่ แต่พี่ชายที่อายุห่างกันตั้งสิบเก้าปีกลับเดินเข้ามาชวนเล่นด้วย
   ตอนแรกอัคคีก็แค่คิดว่ามันสนุกดี.....

...

   “ยอมดื่มนมแล้วเหรอเราน่ะ”
   “ดื่มก็บ่น....ไม่ดื่มก็บ่น  แม่ไม่พอใจอะไรผมปะ” ไอ้ลูกตัวดียักคิ้วหนา ๆ รัว ๆ เป็นการกวนประสาทคุณแม่จนเธออยากจะดึงขนคิ้วลูกตัวเองทิ้ง
   “แม่ถามย่ะ...ไม่ได้บ่น” คุณนายจ้องหน้า “แต่ก่อนกว่าจะยอมแตะแต่ละแก้วลีลาตลอด”
   “ก็ดื่มนมจะได้สูง ๆ ไง  แล้วก็จะได้ชนะพี่ชลได้สักที”
   “นี่ไปชวนชลเขาเล่นอะไรซน ๆ อีกล่ะ  รบกวนพี่เขา” คนเป็นแม่บีบจมูกอย่างมันเขี้ยวจนอัคคีต้องดิ้นหนี
   “ผมเปล่าซะหน่อยแม่  พี่ชลเขามาชวนผมเล่นเองนะ”
   “เล่นอะไรกันมั่งล่ะ...หือ?”
   “สารพัดอะ.....บาส  บอล  วิ่งแข่ง  หมากเก็บ  เป่ากบ  โดดยาง  วิ่งกระสอบ”
   “ตาอัค...”
   พอเห็นท่าไม่ดีไอ้ตัวกวนก็เข้าไปเกาะแข้งเกาะขาแม่ทันที “โอ๋ ๆ ....ก็เห็นแม่ทำงานกลับมาเครียด ๆ เลยอยากช่วยคลาย  นี่ไม่รักจริงผมไม่ทำนะแม่”
   “ขอบใจย่ะ”
   อัคคีเฝ้ารอเวลาเย็นของทุกวัน....เวลาที่เขาเหวี่ยงกระเป๋าเข้าไปในบ้านโดยไม่เปิดรั้วแล้ววิ่งไปกดกริ่งบ้านข้าง ๆ เป็นจังหวะสามช่าเพื่อเร่งให้ชายหนุ่มที่หมกมุ่นกับงานออกมาวิ่งเล่นกับเขา  อย่างวันนี้พวกเขาก็เดินเล่นกันรอบหมู่บ้านโดยมีกฎที่ว่าใครเดินเหยียบเส้นอิฐบล็อกก่อนเป็นฝ่ายแพ้ ซึ่งชลธีเสียเปรียบกว่าเล็กน้อย
   อัคคีเป็นเด็กผู้ชายรูปร่างผอมสูงที่ชลธีมองว่าอีกไม่นานคงสูงกว่าเขาแน่ ๆ  ยิ่งมาวิ่งออกกำลังกายทุกเย็นแบบนี้จะไปไหนได้  จะว่าไปถึงจะไม่มีเพื่อนในละแวกนี้แต่ทำไมเด็กอัคคีไม่ไปหาแฟนสักที....อยู่มัธยมต้นแล้วแฟนสักคนคงไม่ยากเกินจะหาด้วยใบหน้าหล่อ ๆ แบบนี้
   “ไม่มีแฟนเหรอ”
   “ห๊ะ?” อยู่ชลธีก็ยิงคำถามแปลก ๆ มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  ทำเอาคนฟังสะดุ้งจนเกือบเหยียบเส้นไปแล้ว
   “เป็นวัยรุ่นก็ต้องมีแฟนไม่ใช่เหรอ ?” ชลธีตอบไปตามที่คิด “กินข้าว...ดูหนัง....เดินห้าง....”
   อัคคีเบ้หน้า “ไม่เห็นสนุกเลยต้องไปนั่งตามใจคนอื่น”
   ไอ้เด็กเอาแต่ใจ.....  ชลธีอดด่าในใจไม่ได้
   “อีกอย่างนะ”
   “..............”
“เล่นกับพี่ชลสนุกกว่าเยอะเลย” อัคคียิ้มจนตาปิด  น่าเอ็นดูในสายตาผู้ใหญ่จนชลเสียจังหวะไป....แต่ไม่รอดสายตาไอ้เด็กนี่หรอก “พี่ชลเหยียบเส้นแล้ว!!!!!  แพ้!!!!!!”
“ไม่  เดี๋ยวสิ....เมื่อกี้ไม่นับเว้ย!!”
   “ขี้โกง!!!  แล้วแบบนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กได้ยังไง”
   เสียงหัวเราะผสมกับเสียงโวยวายดังไปตลอดทั้งถนนเส้นนั้น  แม้จะมีช่องว่างของอายุแต่ทั้งสองคนกลับเข้ากันอย่างน่าประหลาด  อัคคีมีความสุขเวลาได้เล่นกับชลธี......มันต่างจากการเล่นหัวกับเพื่อนที่โรงเรียน  ชลธีพิเศษกว่าใคร ๆ ....เขาเปิดโลกที่เคยมีแต่โรงเรียนและเกมในห้องนอนของอัคคีออกมา  ชลธีเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้อัคคีฟังมากมายโดยไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กแต่อย่างใด
   อัคคีชอบมองใบหน้าหล่อ ๆ ยามขยับปากเล่าเรื่องสนุก ๆ .....ชอบคิ้วเรียวที่มักจะผูกกันเวลาบ่นเรื่องงานที่บริษัทให้ฟัง  ชลธีเป็นผู้ใหญ่หัวใจเด็ก....ตอนแรกอัคเคยวาดภาพพี่ชายสุดเท่ในใจเหมือนกัน แต่พอมาเจอเข้าจริง ๆ ดันคนละเรื่องเลยนี่สิ  พี่ชลทั้งเปิ่นทั้งขี้โวยวาย
   “นั่นไง!! อัคก็เหยียบเส้นเหมือนกัน!!”
   “ก็พี่ชลเหยียบไปก่อนแล้ว  ผมก็ชนะไปแล้วไง”
   “แต่อัคก็เหยียบเหมือนกัน  เจ๊ากันไป!!”
   “โกงว่ะ!! ผู้ใหญ่คอรัปชั่น!!”
   เด็กชายก็แค่อยากอยู่แบบนี้ไปนาน ๆ

...

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7

   แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
   ครบปีแล้วที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านตอนเย็น  อัคคีเลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่มัธยมปีที่สาม….เด็กชายตัวโตขึ้นแบบก้าวกระโดดและยังไม่มีทีท่าจะหยุดโต  อัคคีที่เคยรีบกลับบ้านทุก ๆ ห้าโมงเย็น แต่ตอนนี้เขากลับบ้านเกือบหนึ่งทุ่ม เพราะชลธีเป็นคนเอ่ยปากบอกเขาเมื่อหลายเดือนก่อน
   “ช่วงนี้พี่งานยุ่ง  คงไม่ว่างเล่นกับอัคนะ”
   อัคคีไม่รู้ว่า ‘ช่วงนี้’ ของพี่ชลจะลากยาวไปถึงไหน.....กี่เดือน?.....กี่ปี?... แต่ด้วยนิสัยลูกคนเดียวเมื่อเพื่อนคนสำคัญหายไปอัคคีก็แค่หาใหม่เท่านั้น  ตอนนี้เขาเริ่มมีเพื่อนเล่นเตะบอลตอนเย็นหลังเลิกเรียน หรือไม่ก็ไปเดินเหล่สาวตามห้างเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปแล้ว
   เย็นวันนี้ก็เช่นกัน...เด็กชายออกมาเตะบอลกับผองเพื่อนที่โรงเรียน  อัคคีเล่นบอลไม่ค่อยเก่ง....เขาเก่งบาสมากกว่าด้วยความเปรตจึงช่วยส่งเสริมให้เขาเหมาะกับกีฬาชนิดนี้  เล่นบอลทีไรพวกเพื่อน ๆ แม่งยัดเยียดให้เป็นโกลทุกที  มันบอกว่า ‘มึงจะได้อยู่เฉย ๆ ไม่ขัดขวางการทำงานของพวกกู’ เหอะ...รักกูมากครับเพื่อน ๆ
   “เฮ้ย! ไอ้อัคปิดซัมเมอร์นี้มึงไปทะเลกับพวกกูเปล่า” เพื่อนเขาเอ่ยถามพร้อมโยนขวดน้ำให้  ตอนนี้อัคคีนั่งพักอยู่ข้างสนามหรือเรียกให้ถูกคือโดนเพื่อนไล่ออกมาเพราะเสือกโง่รับบอลลูกง่าย ๆ ไม่ได้
   “ขอผ่านว่ะ...แม่กูส่งไปเรียนภาษาที่เมกา”
   “หูยยยยยยยยยยยยยย....กูล่ะเบื่อไอ้พวกบ้านรวย” พูดเฉย ๆ ก็ได้ทำไมมึงต้องตบหัวกูด้วยเนี่ย...
   “จะฝากกูซื้ออะไรปะล่ะ ?” อัคคีไม่รู้ตัวหรอกว่าพลาดที่ถามประโยคนั้นออกไป....พวกมันรวมหัวกันจดรายการยาวเป็นหางว่าวแทบจะเอามาพันรอบเอวได้สามรอบ  ระหว่างเดินกลับเข้ามาในซอยบ้านอัคคีก้มมองอ่านรายการไร้สาระของพวกมัน.....แต่ละอย่างพวกมึงคิดกันขึ้นมาเองใช่ไหม  หาได้หมดนี่กูลาออกจากโรงเรียนไปรับหิ้วของแล้ว
พอมาถึงรั้วบ้านอัคคีก็หันไปคุ้ยกุญแจในกระเป๋าเป้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นแสงไฟจากหน้าต่างข้างบ้าน  เขาก้มมองนาฬิกา...ทุ่มครึ่งงั้นเหรอ?  ชลธีกลับบ้านเร็วแฮะวันนี้  รู้ตัวอีกทีอัคคียืนมองกริ่งที่ฝังอยู่ที่รั้วบ้านเสียแล้ว และเขาไม่ลังเลสักนิดที่จะกดมันลงไปเป็นจังหวะสามช่าเหมือนเดิม
   “ครับ ๆ  มาแล้วครับมาแล้ววววว” เสียงไม่คุ้นเคยดังออกมาล่วงหน้าก่อนจะปรากฏร่างของผู้ชายคนหนึ่ง  ดูหน้าก็รู้แล้วว่ารำคาญเสียงกดกริ่งของอัคคี “เด็กที่ไหนวะนั่น”
   เฮ้ย!! บ่นพึมพำแต่กูได้ยินนะเว้ย!!
   “มาหาใครครับ ?” อัคคีรู้สึกไม่ถูกชะตากับคนถามเอาซะเลย
   “มาหาเจ้าของบ้านครับ” นี่ไม่ได้กวนนะ....ตอบอย่างชัดเจน
   เขาเห็นอีกฝ่ายเส้นกระตุกเล็ก ๆ  คงกำลังพึมพำในใจว่า ‘ไอ้เด็กเวร’ แน่ ๆ  คนแปลหน้าหันกลับไปตะโกน “ไอ้ชล!! มีเด็กมาหามึงอะ”
   เสียงกุกกักดังมาจากในตัวบ้านก่อนชลธีจะโผล่หน้าออกมา  ชายหนุ่มเช็ดมือเปียก ๆ ลงกับขากางเกง...คาดว่าคงกำลังล้างจานไม่ก็ซักผ้าอยู่ แต่อัคคีไม่สนใจหรอกว่าทำอะไรอยู่!!
ที่จริงแค่วิธีการกดกริ่งพี่ชลก็น่าจะรู้แล้วแท้ ๆ แต่กลับส่งคนอื่นมาเปิดประตูบ้านมันน่าน้อยใจไหมล่ะ  คนอย่างอัคคีน่ะต้องสำคัญที่สุดสิ!!
   “อ้าวอัค....ว่าไง  มีอะไรรึเปล่า”
   หึ...ถ้าไม่มีอะไรมาหาไม่ได้เลยรึไง...
   ความน้อยใจแบบเด็ก ๆ พุ่งสูงขึ้น  อัคคีไม่ชอบที่ชลทำเหมือนเป็นเพื่อนบ้านธรรมดา ๆ ทั้งที่ตัวเองเคยสนิทกับเขามากแท้ ๆ  แล้วไหนว่าทำงานจนกลับบ้านดึกทุกวัน....ไม่ว่างมาเล่นกับเขาแต่ดันมีเวลาพาเพื่อนมาบ้านได้
   “มีอะไรรึเปล่า ?” ชลธีลอบสังเกตการณ์...ปกติอัคคีเป็นเด็กพูดมาก  ทำไมวันนี้ดูเงียบ ๆ ไปก็ไม่รู้
   “ผมจะไปซัมเมอร์ที่เมกา  พี่ชลจะฝากซื้ออะไรรึเปล่า ?”
   “โธ่...นึกว่ามีเรื่องอะไร” ชลธีถอนหายใจโล่งอก...เขานึกว่าเกิดเหตุไม่ดีอะไรที่บ้านอัคคี หารู้ไม่ว่าปฏิกิริยาแบบนั้นทำให้คนมองคิดเป็นอื่นไปได้
   .....ตอนนี้พี่ชลคงไม่เห็นผมสำคัญแล้วสินะ  ที่มาหานี่คงรำคาญมากใช่ไหม!!
   “ไม่ฝากล่ะ....พี่เกรงใจ แต่ถ้าอยากซื้อมาให้ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ” ชลธีตอบพลางขยี้หัวเด็กชายอย่างเอ็นดู ที่คาดไม่ถึงคือเขาถูกปัดมือออก  อัคคีจ้องมองด้วยแววตาก้าวร้าว
   “ครับ!! งั้นผมเข้าบ้านละ!!”
   อัคไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้....ไม่ชอบให้ชลธีขยี้หัว  มันเหมือนว่าเขาเป็นเด็ก ๆ  อัคคีไม่ใช่เด็กแล้ว!!  เลิกทำเหมือนเขาเป็นเด็กสักที  ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดจนเผลอกระแทกปิดรั้วบ้านเสียงดังลั่น  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าก้าวแรกสู่บ้านจะได้รับการต้อนรับจากคุณนายแม่ขนาดไหน
   “เด็กนั่นมันเป็นอะไรของมันวะ”
   “ลูกหุ้นส่วนใหญ่บริษัทกูน่ะ”
   “มิน่าล่ะ....เด็กบ้านรวยเลยเอาแต่ใจ”
   “ฮ่า ๆ ว่าไปนั่น....บ้านมึงก็รวยนะไอ้สน”
   สนยักไหล่ “แต่กูไม่เอาแต่ใจเหมือนไอ้เด็กนั่นแล้วกัน  อะไรวะ...แค่มึงไม่ฝากซื้อของต้องปิดบ้านปึงบังด้วย  คอยดูนะ...กูจะไม่เลี้ยงลูกให้ออกมาเป็นแบบนี้เด็ดขาด”
   สนเป็นเพื่อนสนิทของชลธีตั้งแต่มหาลัย ฯ  ตัวติดกันจนกระทั่งแยกตัวออกไปแต่งงาน....และตอนนี้เมียไอ้สนกำลังท้องโตอยู่โรงพยาบาลใกล้กำหนดคลอดเต็มแก่  มันก็มาเร่งเขายิก ๆ ให้ไปนั่งเฝ้าเมียมันเป็นเพื่อนเพราะมันกลัวผีที่โรงพยาบาล  พอเถียงว่าเมียก็อยู่ด้วยจะกลัวอะไร  ไอ้สนดันตอบกลับมาหน้าตาเฉยว่า ‘คนท้องเนี่ยแหละตัวดีชอบเห็นผี...เกิดเมียกูทักขึ้นมาจะทำไงวะ’
   อ๋อ...มึงก็เลยให้กูไปซวยด้วยกันว่างั้น....
   “เร็วไอ้ชล!! ไปเก็บเสื้อผ้า  เดี๋ยวกูล้างจานต่อให้เอง”
   “มึงจะเร่งกูไปไหนเนี่ย”
   “ไม่ได้!! ถ้ากูพลาดวินาทีที่ลูกกูเกิดกูจะไม่ให้อภัยมึงเลยไอ้ชล”
   ชลธีส่ายหัวปลง ๆ กับอาการเห่อลูก  พอผลอัลตร้าซาวด์ออกมาว่าเป็นลูกสาวเท่านั้นแหละ...ไอ้สนกับภรรยาก็ไปช็อปปิ้งกันเหมือนว่าชาตินี้จะไม่ให้ลูกใส่เสื้อผ้าซ้ำกันตลอดชีวิต
   “ไอ้คนเห่อลูกเอ๊ย”
   “รอมึงมีลูกก่อนเหอะไอ้ชล  กูจะรอดูว่าอาการหนักกว่ากูไหม” สนแสยะยิ้ม..เขารู้ว่าเพื่อนเป็นคนรักเด็ก “อ๋อลืมไป...ขนาดเมียยังหาไม่ได้เลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
   “กูเลือกแต่ของดี ๆ เว้ย”
   “หึ...จะรอดู ‘ของดี’ ของมึงละกัน” สนว่าพลางเริ่มลงมือล้างจานแทนเพื่อน “ที่บริษัทกูมีสาวสวย ๆ นิสัยดีอยู่นะ  ไว้จะแนะนำให้แล้วกัน”
   “เออ...เอาไว้ก่อนเหอะ”
   .....ไม่ใช่ว่าไม่มีอยากมี....แต่ไอ้สนแนะนำมาทีไรไม่เวิร์คสักคนเลยต่างหาก....

.................................................................................................

   อัคคีลากกระเป๋าเดินทางใบโตทั้งของตัวเองและของแม่ขึ้นรถ  พ่อรอเขาอยู่ที่หลังพวงมาลัยเรียบร้อยแล้ว...พ่อแค่ไปส่งเขากับแม่ที่สนามบินเท่านั้น เพราะทิ้งบริษัทไว้นานไม่ได้  ส่วนคุณนายแม่นั่งเชิ่ดเป็นตุ๊กตาหน้ารถข้าง ๆ กำลังอี๋อ๋อกันอย่างน่าหมั่นไส้  ไอ้ลูกชายตัวแสบรู้สึกแค้นขึ้นมาตงิด ๆ ที่แม่ปล่อยให้เขาแบกกระเป๋าคนเดียวทั้ง ๆ ที่ของเขามีนิดเดียวแต่แม่นี่ขนอย่างกับจะย้ายไปอยู่ถาวรอย่างนั้นแหละ
   “ฉันไม่อยู่อย่ามีเมียน้อยนะคะคุณ”
   “โธ่....คุณก็  ดุขนาดนี้ผมจะไปกล้ามีได้ไง”

   อัคคีเบ้หน้าฟังเสียงสวีทของบุพการี  เปรตย่อส่วนที่หลังรถเสตามองออกไปนอกหน้าต่างหรือตรงไหนก็ได้ที่ไม่มีหน้าพ่อแม่  บ้านที่คุ้นตาปรากฏที่ด้านหลัง....ไม่มีแสงไฟจากหน้าต่างเลยสักบาน
ชลธีไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้ว  ครั้งสุดท้ายที่เห็นก็อยู่กับผู้ชายคนนั้นแหละ  นั่นทำให้อัคคีหงุดหงิดใจจนหมดอารมณ์อยากไปเที่ยว  พี่ชลที่เคยวิ่งเล่นกับเขาแค่คนเดียวกลับไปยืนยิ้มสนิทสนมกับคนอื่น  แค่คิดก็หงุดหงิดแล้ว!!!

………………………………………………………………………………………..
   แต่อย่างน้อยซัมเมอร์นั้นของอัคคีไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด  ถึงจะบอกว่ามาเรียนภาษา แต่เอาจริง ๆ ก็ได้เที่ยวในสัดส่วนที่ไม่แพ้กัน  คุณน้าของเขาทำธุรกิจอยู่ที่นั่นพอดี....และเธอว่างพอจะพาอัคคีกับแม่ไปเที่ยวแทบทุกอาทิตย์จนอัคคีชักงงว่าแม่ส่งมาเรียนหรือส่งมาเที่ยว แต่เห็นคุณนายมีความสุขเขาก็ดีใจ
   อัคคีเป็นเด็กฉลาดและมีไหวพริบถึงนิสัยจะนรกไปหน่อยแต่คุณครูที่โรงเรียนก็ทำอะไรเขาเรื่องนี้ไม่ได้  การเรียนภาษาที่นี่เลยเป็นเหมือนการหาเพื่อนใหม่มากกว่า  อัคคีได้เพื่อนเป็นคนในพื้นที่ห้าคน  ชาวยุโรปสาม เอเชียอีกสอง  พวกเขาแลกอีเมลติดต่อกันไว้ก่อนที่อัคคีจะกลับไทย
   เด็กหนุ่มลืมความขุ่นเคืองใจไปหมดแล้ว  เขายิ้มกว้างพลางยัดของฝากทั้งหมดลงกระเป๋าแล้วลองจินตนาการว่าถ้าเพื่อนแต่ละคนได้ของพวกมันจะทำหน้าอย่างไร เพราะซื้อมาแต่ละอย่างที่เพื่อจงใจกวนตีนชัด ๆ  เด็กชายมองช็อกโกแลตกล่องใหญ่ที่เขาตั้งใจซื้อกลับไปฝากพี่ชายข้างบ้าน  อัคยังจำได้ว่าชลธีชอบช็อกโกแลต....ยิ่งขมเท่าไหร่ยิ่งชอบ  แต่ไม่ชอบขนมรสสตอเบอร์รี่ทุกชนิด  อัคคีจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของชลธีได้ทุกเรื่องแหละ
   “ตาอัค....ตกลงจะไม่เปลี่ยนใจจริงเหรอ ?”
   “แม่ถามผมร้อยรอบแล้ว” อัคคีบ่น “นี่ถามเก็บสถิติปะเนี่ย”
   “เอ๊ะ..ลูกคนนี้” เธอฟาดป้าบเข้าที่แขนแน่น ๆ ของลูกชาย “ก็มันไม่ใช่เรื่องเล็กนะยะ  อยู่บ้านคนเดียวเนี่ย  สมัยนี้ยิ่งไว้ใจไม่ได้เกิดโจรขึ้นบ้านมาจะทำยังไง”
   “คิดมากน่าแม่  เพื่อนผมอยู่หอคนเดียวตั้งเยอะ”
   “หอกับบ้านมันคนละเรื่องย่ะ” คุณนายบ่นงึมงำ “ฉันคงต้องฝากให้น้องชลดูให้ซะแล้ว”
   .......ถ้าเขาว่างมาดูผมนะ.....
   อัคคีก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงตัดสินใจอยู่บ้านคนเดียว  คงเป็นความฝันของเด็กผู้ชายมั้ง....มีห้องส่วนตัว...อยู่บ้านคนเดียว  ขนเพื่อนมาเล่นเกมดูบอลที่บ้าน  แค่คิดก็สนุกแล้ว
   อีกอย่าง....เขายังอยากเห็นหน้าพี่ชลอยู่....ถึงอีกฝ่ายจะลืมเขาไปแล้วก็เถอะ
   นกยักษ์หันหัวกลับไปยังประเทศไทย  อัคคีมองออกไปนอกหน้าต่างพลางจินตนาการว่าถ้าชลธีเห็นดาร์คช็อกโกแลตกล่องโตที่เขาซื้อให้ฝ่ายนั้นจะยิ้มกว้างแค่ไหน  พอเครื่องแตะไทยจนมาถึงบ้านเด็กชายก็วิ่งลิงโลดออกไปข้างบ้านทันทีทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้รื้อกระเป๋าด้วยซ้ำไป
   แต่เดี๋ยวสิ....มีรถใครจอดอยู่ที่หน้าบ้านพี่ชล....
   คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแทบจะเป็นเส้นเดียวกันเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ในรถเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง  เธอกำลังเติมแป้งอย่างเมามันในอารมณ์ ซึ่งอัคคีรู้ได้ทันทีว่าเธอคงไม่ใช่เพื่อนชลธีแน่ ๆ  ผู้หญิงที่ไหนจะเติมแป้งหนาขนาดนั้นถ้าอยู่กับเพื่อน  จังหวะที่เขายืนมองอยู่รั้วประตูสีขาวก็เปิดผัวะออกมา  คนที่อัคคีอยากเจอหน้ายืนอยู่ตรงนั้น...
   พี่ชลส่งยิ้มที่มุมปากให้เธอคนนั้น.....รอยยิ้มที่อัคคีไม่เคยได้เห็น  มันเจ้าเล่ห์และทรงเสน่ห์ในแบบฉบับของชายหนุ่ม  เหมือนเสือออกล่าเหยื่อ...และเหยื่อตัวน้อยก็คงไม่พ้นแม่สาวแป้งหนาในรถเป็นแน่แท้  ชลธีเปิดประตูรถออกพลางเอ่ยถาม
   “รอนานรึเปล่าครับ ?”
   เท่านั้นแหละ....อัคคีก็เข้าใจทุกอย่าง....
   อัคคียืนขาตายอยู่ตรงนั้น  ความรู้สึกตีกันมั่วซั่วในอกไปหมด....เขาไม่เข้าใจนักว่ามันคืออะไร แต่เขาเจ็บแปล๊บขึ้นมาที่อกซ้ายอย่างน่าประหลาด  เด็กชายกุมมันไว้เป็นจังหวะเดียวกับที่ชลธีสังเกตเห็นเขา
   “อ้าว! กลับมาแล้วเหรออัค” ชายหนุ่มเดินตรงมาทางเพื่อนบ้านเด็กที่ดูจะอารมณ์บ่จอยเท่าไหร่ “ไปเรียนสนุกไหม ?”
   “ก็ดี” อัคคีตอบห้วน ๆ “ผมเข้าบ้านก่อนนะ...ไม่อยากขัดจังหวะคนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม”
   ชลธีหน้าเสียไปเล็กน้อยเมื่อถูกยิงตรง ๆ ...ก็ใช่....ชลกำลังจะออกเดทกับเธอด้วยดินเนอร์หรู ๆ สักร้านหนึ่ง  เธอเป็นผู้หญิงที่สนแนะนำให้เขาเมื่อเดือนก่อนนี้เอง  แล้วมันยังไงกันล่ะ!! ทำไมไอ้เด็กนี่ต้องมาทำหน้าบึ้งใส่เขาด้วย
   อัคคีก้าวเท้ายาว ๆ กลับเข้าไปในบ้านแม้จะแว่วเสียงของผู้หญิงในรถเอ่ยถาม
   “ใครเหรอคะ ?”
   “น้องชายข้างบ้านน่ะครับ”

   อัคคีเดินกลับเข้ารั้วบ้านของตัวเองไป  เขาเปิดตู้เย็นคว้าแกลลอนนมออกมาแล้วเดินขึ้นบันไดไป  โชคดีที่พ่อกับแม่กำลังรื้อกระเป๋าในห้องนอนอยู่  ไม่อย่างนั้นอัคคีคงตอบไม่ถูกว่าอารมณ์เสียอะไรมา
   เขาปิดประตูห้องนอนให้เบาที่สุดเท่าที่จะยั้งมืออยู่  เด็กชายโยนกล่องช็อกโกแลตที่เคยถืออย่างทะนุถนอมลงบนพื้นจนได้ยินเสียงมันกระจายจากด้านใน  อัคคีนั่งลงกับพื้นหมุนฝาแกลลอนออกแล้วโยนมันทิ้งไป  เขายกมันกระดกอึก ๆ จนแทบสำลัก...
   น้องชาย....น้องชาย.....น้องชาย...
   อัคเกลียดคำนี้!!  เขาเพิ่งรู้ว่าเกลียดมันแค่ไหนตอนที่ชลพ่นคำนี้ออกมา
   ปัง!!  แกลอนนมกระแทกกับพื้นอย่างแรงในขณะที่คนดื่มถอนหายใจดัง ๆ
เขาจะสูง.....สูงจนชลธีลูบหัวไม่ถึงให้ดู !!!!

………………………………………………………………………………………………

   อัคคีมีแฟนแล้ว....  เธอเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่เรียนสายศิลป์ และเขาก็ค้นพบว่าการต้องตามใจคนอื่นไม่ใช่เรื่องสนุกเลย....สุดท้ายพวกเขาก็เลิกกันตอนม.5อยู่ดี
   พ่อกับแม่ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ที่ใกล้ที่ทำงานกว่าเดิม  อัคคียังคงอยู่บ้านหลังเดิมคนเดียว แต่เขาก็ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าด้วยการเอาเพื่อนมาเล่นเกม  ดื่มเหล้า  เชียร์บอลที่บ้านเสมอ ๆ
   ย้อนกลับไปวันแรกที่พ่อแม่ขนข้าวของออกจากบ้าน  พี่ชายข้างบ้านก็มาช่วยยกของด้วย และเมื่อรถที่คุ้นตาแล่นออกจากบริเวณบ้านไปอัคคีก็ตัดสินใจทำสิ่งที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ของพวกเขาไปตลอดกาล
   “ขอบคุณที่ช่วยขนของให้นะลุง
   “ห๊ะ!? เมื่อกี้ว่าไงนะอัค ?” ชายหนุ่มที่ยืนปาดเหงื่อถามด้วยในหน้าซื่อ ๆ ที่ทำอัคคีแสยะยิ้มร้ายกาจที่มุมปาก
   “ผมขอบคุณลุงไง”
   “ลุง ?” ชลธีเบิกตากว้าง “....เดี๋ยวสิ....พี่ว่ามัน...”
   “พอเถอะ!! ผมไม่อยากนับลุงเป็น ‘พี่ชล’ แล้ว  มันเลี่ยนจะตายว่าไหม” ไอ้เด็กไฟเท้าคางลงกับรั้วบ้านพลางยักคิ้วให้ “ต่อจากนี้ผมจะเรียกว่าลุง”
   “ไม่เอาเว้ย!!” ชลธีแว้กลั่น...ใครจะไปยอมวะอยู่ ๆ จะมาเพิ่มอายุให้คนอื่นนี่แม่งไม่ง่ายไปหน่อยเรอะ “จู่ ๆ เป็นอะไรวะเนี่ย”
   “ไม่ได้เป็นอะไรนี่  ผมแค่อยากทำสิ่งที่อยากทำนานแล้ว” ปีนเกลียวกูคือสิ่งที่มึงอยากทำเรอะ...ชลธีด่าในใจ “ลุงจะเรียกผมว่าอะไรก็เรียกไปนะ  ถือว่าแลกเปลี่ยนกัน”
   “เฮ้ย!! ไม่เอาน่า  อัค! อัค! มาคุยกับพี่ดี ๆ ก่อน”
   “ผมว่าพูดทีเดียวก็น่าจะรู้เรื่องแล้วเชียวนะ” อัคคีล้วงกระเป๋ากวน ๆ “หูตึงรึไงลุง ?”
   “ไอ้อัค!!”
   “โอเค...ผมชอบชื่อใหม่นั่นนะ  ยอมให้เรียกก็ได้” เส้นประสาทข้างขมับชลธีกระตุก  ก็พอรู้อยู่ว่าอัคคีมันกวนประสาทแต่เด็ก แต่เพิ่งจะเล่นเจอแบบไม่เห็นหัวขนาดนี้
   “เออได้!!  จะขึ้นมึงขึ้นกูก็ได้ใช่ไหม!!”
   “ชอบเลยล่ะ  เรียกบ่อย ๆ เลยนะ”
   ไอ้เด็กโรคจิตตตตตตตตตตตตตตต!!!!  ชลธีแทบโทรแจ้งตำรวจมาจับก่อนที่มันจะคลุ้มคลั่งทำร้ายชาวบ้าน
   อัคคีเดาะลิ้นในปากทำท่าจะเดินเข้าบ้าน แต่ดันเดินย้อนกลับมาที่รั้วบ้านอีกครั้ง  ชลธีที่อยู่อีกฝั่งถึงกับตกใจจนผงะไปด้านหลัง  คนเด็กกว่าเท้าแขนลงบนกำแพง  คิ้วหนาข้างหนึ่งถูกยกขึ้น
   “ลืมบอก”
   เขาแสยะยิ้มที่ทำเอาชลธีขนลุกไปทั้งตัว

   “ผมสูงเท่าลุงแล้วนะ”



END


ไม่ได้อัพซะนานเลย  คิดถึงลุงชลกับเด็กไฟนรกมาก ///////
ตอนนี้ลุงชลเปิดจองอยู่นะคะ  เป็นโปรเจคสูงวัยร่วมกับคุณ Lucea
สามารถดูรายละเอียดการจองได้ที่  http://www.hermitandmomiji.com/ นะคะ

โดยในส่วนของเรื่องมากกว่าพี่แต่ไม่ใช่ลุงจะมีทั้งหมด120หน้า  ส่วนอีกเรื่องคือPaper Moonมี280หน้าค่ะ
ในเล่มจะมีเรื่องสั้น(3ตอน)ที่โพสลงในเล้า
ตอนพิเศษ วันเด็ก (เคยโพสลงเล้า)
ตอนพิเศษ แรกพบ (คือตอนที่เพิ่งโพสไป)
และตอนพิเศษอีก 4 ตอนที่จะไม่โพสลงเล้านะคะ  ประกอบไปด้วย
1.ครั้งแรก
2.สูงวัย...ใช่เลย
3.ทันเวลา
4.หึง
แจ้งให้ทราบจ้าาาา  ไว้ไปเจอกันในใส่ รัก ป้าย สี เมื่อเขียนเสร็จ  :katai5:







ออฟไลน์ Dark_Noah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
อ๊าย คิดถึงลุง 5555 อัคนี่กวนประสาทแต่เด็กจริงๆ จะจีบดีๆ ก็ไม่จีบ ไอ้ซึนเอ้ย

อ้างถึง
แต่ชลธีคิดว่าบางทีเขาอาจจะไม่ต้องเลือกที่ไหนไกลเสียแล้ว...

ตรงนี้พิมพ์ชื่อผิดรึป่าวคะ น่าจะเป็นอัคคีมากกว่านะ

ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
กรี๊ดๆๆๆ เราอ่านจบแล้วค่ะ
เขินมากๆๆๆ
เรื่องนี้มันก๊าวใจจริงๆ >///<
ลุงเป็นเคะ น่ารักอ่าาาา
เปิดจองถึงมกรา เราจิเอามาครอบครองเป็นแน่ๆค่ะ >< :hao7: :hao6:

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 :-[  อร้ายยย รักเด็กขึ้นมาทันทีเลยค่าา
น่ารักอะไรอย่างนี้น้าาา :impress2:
เลยรู้เหตุผลที่อัคคีชอบกวน.....พี่ชลตลอดเวลา มันเป็นอย่างนี้นี่เอง (แหมก็บางทีมันก็แอบหมั่นไส้อัคคีนี่นา ชอบล้อว่าแก่ๆ55)

ขอบคุณที่เอามาลงค่ะ เลยตัดสินใจง่ายขึ้นว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ  :katai2-1:
+1 รอพี่ภาพกับน้องเมศอยู่นะค้าาาา :กอด1:

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
น่ารักไปแล้วนะตอนนี้อ่า

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :hao7: :hao7: :hao7:
อ๊ายยยยยยยยยยย น่ารักๆๆๆ
จะรีบไปจองอย่างด่วนๆๆเลยจ้าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อัคคีเป็นเด็กกวนประสาทสุด ๆ ลุงชลจะรู้กะเอ็งไหมว่าชอบเขาเข้าแล้วน่ะ

 “ห่างกัน14ปีนี่เรียกว่าไม่แก่เหรอลุง?”

แต่พี่ชายที่อายุห่างกันตั้งสิบเก้าปีกลับเดินเข้ามาชวนเล่นด้วย

ตกลงลุงชลกับอัคห่างกันกี่ปีจ๊ะ ตอนที่หนึ่งห่างกัน 14 ปี ตอนล่าสุด 19 ปี

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
คิดถึงลุงชลกะไอ่เด็กไฟเหมือนกานนนนนนนนนนนนน
น้องอัคนี่ช่างมั่นคงเสียนี่กระไร ตั้งแต่อายุ13เลยนะเนี่ย

ขอบคุณจ้าสำหรับตอนพิเศษ

ออฟไลน์ tpaibull

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เรื่องนี้หายไปนาน ไม่คิดว่าจะมาอัพใหม่ ไอ้อัคยังน่ารักเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลย

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
นั่งอ่านไปก็ยิ้มแก้มแตกไปค่ะ  เด็กไฟนรกนี่กวน....จริงๆนะคะ  แต่จุดนั้นแหละคนอ่านเลยมองว่าน่ารัก แต่ลุงคงปวดหัวแย่5555  รอเงินเดือนอยู่ค่ะ  เดี๋ยวไปจองหนังสือนะคะ อิๆ 

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
โอ้โห ... อัคมันร้ายแต่วัยรุ่นเลย!
(จองไปแล้วค่าทั้งสองเล่ม ^^)

ออฟไลน์ miyuujung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ลุงชลกับหนูอัค น่ารักเว้ยยย ชอบมว้ากกก หนูอัคนี่กวนจริงๆ แต่ลุงชลก็น่าแกล้งซะเหลือเกิน 555

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคร้าา

ออฟไลน์ tinmai

  • ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลุงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
มะ มันน่ารักงุ้งงิ้งมากอะ โอ๊ยยย จะเอาอีกๆๆๆๆๆๆๆ
น้องอัคเกรียนอะ แกล้งคนที่ตัวเองชอบนี่มันระดับเด็กประถมไม่ใช่หรอ 55555+  :z1:
ขอบคุณคนเขียนที่เอามาลงให้โฮกค่ะ

ออฟไลน์ HaLF333

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
ช็อกไป 3 วิ  :a5:
นี่พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง  :serius2:
ลุงชลกะนายอัคออกจะน่ารักขนาดนี้  :m1:

เรื่องนี้สนุกมากคะ อ่านแล้วรื่นเริงใจเลยทีเดียว  o13

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
คะ...คือ...เค้าเพิ่งเห็นตอนพิเซษแรกพบหลังจากที่คนเขียนลงมานานหลายเดือนแล้ว  :ling1:

เพราะว่าได้ไปอ่านภคินกับไปป์แล้วอยากอ่านเรื่องอื่นๆต่อ ปรากฎว่าเคยอ่าเรื่องนี้เมื่อต้นปีที่แล้ว

และเพิ่งเห็นตอนพิเศษ  :a5:

ที่ีแท้เรื่องราวมันก็เป็นเช่นนี้ เคยญาติดีกันแบบสนิทชิดเชื่อมาก่อน มิน่าเล่า... :-[


ขอบคุณมากครับ  :pig4:

 กว่าจะได้มาอ่านตอนพิเศษ   :o8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด