ตอนที่สองมาแล้วฮะทุกท่าน ม๊วฟๆ (แล้วเมื่อกี้ ตรูจะมาเม้นก่อนเพื่อ?? 555555+)ตั้บๆๆๆๆๆๆอื๊อออ อะ อ๊า อิ อิไต๊เสียงเนื้อกระทบกันดังเป็นจังหวะประกอบกับเสียงนางเอกหนังเอวีดังประสานกันช่วยเสริมความเสียวซ่านของผมได้เป็นอย่างดี โอห์... ซี้ดดดดด... หนังเรื่องนี้แม่งเจ๋งจริงๆ
ผมเร่งมือที่กำลังรูดขึ้นรูดลงอยู่ที่แท้งปรมณูขนาดมหึมาของผม (คิคิ ภูมิใจ) ร่างของผมที่เปล่าเปลือยเต็มไปด้วยเหงื่อขณะที่กำลังดูหนังโป๊ และเร่งให้เจ้ามังกรแผลงฤทธิ์
“โอออออออห์ ซี้ดดดด โอยย อาห์” ผมจะไม่ไหวแล้วครับตอนนี้ ใกล้เต็มทีแล้ว
“อะ อาห์”
อิหย๊า อื๊อออ“โอ้วววว ซี้ดดดด”
อ๊า อ๊า อื๊ออออออออ“อึก อะ อ๊า”
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเวรเอ๊ย ใครมาเคาะประตูตอนนี้วะ หมดอารมณ์กันหมด
“เฮ้อออออ” ผมถอนหายใจหลังจากหมดความรู้สึกเสียวไปแล้ว ก่อนจะรีบแต่งตัวและกด pause ไปที่หนังที่ดูค้างอยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อกโอยยยย รู้แล้วๆ เคาะอยู่ได้กำลังเดินไปแล้วน่า
ก๊อก ก๊อก...ผมรีบปลดล็อกประตูของผมก่อนที่มันจะเคาะไปมากกว่านี้ น่ารำคาญจริงๆครับ เคาะอะไรอยู่ได้ แถมเคาะก็ใช่ว่าเคาะแบบเบามือนะ
“Excuse me. I bring you some c…”
……………
……..
…
..
?????????????????????????????????????????????????????
เห้ย ไอ้ฝรั่งขี้นกนี่มายืนหน้าห้องผมได้ไงเนี่ยะ เวรกรรมจริงๆ นอกจากมังกรจะไม่ได้พ่นไฟแล้ว ยังมาเจอไอ้นี่อีกแล้วเหรอเนี่ยะ แน่ะๆๆๆ มึงยังมาทำหน้าบู้เป็นตูดหมาตามกูอีก นึกว่ามึงเซ็งคนเดียวรึไง
“What the …”
“Fuck” อะกูเติมคำให้ ไหนๆ มึงก็จะอุทานคำเดียวกับกูอยู่และนี่
Chapter 2: สวัสดีเพื่อนบ้าน“ม – มึงมาทำอะไรหน้าห้องกูเนี่ยะ” ผมถามหน้าตายังมู่ตู้อยู่
“I live in this room” มันตอบหน้าเซ็งๆ พลางชี้ไปที่ห้องฝั่งตรงข้ามผม... เอ้อออ มึงฟังภาษาไทยออกนี่หว่า ตอบกูได้เนี่ยะ... เดี๋ยวนะเห้ย เมื่อกี้บอกว่าอยู่ห้องไหนนะ
“เฮ้ย ม – มึงอยู่ห้องนี้เนี่ยนะ”ผมถามอีกอีก ซึ่งมันก็พยักหน้าตอบ “เห้ย!! อะไรวะเนี่ยะ ทำไมกูต้องมาเจอมึงบ่อยขนาดนี้เนี่ยะ”
“Like I what to! I don’t wanna be near you in 60 miles if my mom didn’t ask me to!!” เอ่ออออออ ฟังไม่รู้เรื่อง มันพูดอะไรวะ รู้แต่มีคำว่า มัม
“อะไรมึง พูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง”
“Huhhh. You’re such a pain in the ass” อ่าว อยู่ดีๆมาด่ากุอะไรแอ๊สๆ หาเรื่องกูอีก
“เห้ย อยู่ดีๆมาด่ากันงี้ได้ไงวะ อะไรแอ๊สมึง”
“Argggggh!!!! You are an idiot! I just bring this cake to you ‘cuz my mom ask me to, okay?” โอเค ฟังไม่รู้เรื่อง รู้แต่มันยื่นเค้กมา... อะไรเนี่ยะ เอามาให้ผมรึไง
“โอ๋ นึกว่าอะไร นี่มึงจะมาง้อกูใช้ม้ายเนี่ยะ” ผมยิ้มให้ แสดงออกว่า กูเหนือกว่า “โอเค้ มึงมาขอโทษกูก็ดี กูล่ะเบื่อจริงๆพวกฝรั่งอีโก้สูงเนี่ยะ”
“Huhhhh” มันถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะทำหน้าแบบเหลืออดกับผม พร้อมยกจานเค้กขึ้นมา
แพร่ด!!เต็มๆครับ ผมได้เค้กมันเต็มๆ... เต็มหน้าผมนี่แหละ มันเอาเต้กที่จะให้มาโป๊ะหน้าผม สตอเบอรี่หอมหวนเต็มหน้า คงจะช่วยรักษาสิวผมได้เป็นอย่างดี เห้ย!! จะบ้าเรอะ ผมหมายถึง ไอ้ฝรั่งนี่แม่งวอนตีนใหญ่แล้ว
“ไอ้สัด!! มึงหาเรื่องกูนี่หว่า!!!” ผมยกกำปั้นเตรียมหาเรื่องมันเต็มที่
แต่ประตูจากห้องของมันก็เปิดออกก่อน จนผมต้องชะงักมือกลับ
“Annie, why are you taking a long time?? Oh!!” หญิงฝรั่งคนหนึ่งออกมาแล้วก็ต้องอ้าปากค้างกับความหล่อของผม.... ซะเมื่อไหร่ละครับ เค้าตกใจกับภาพตรงหน้านี่แหละก่อนจะรี่เข้ามาหาไอ้ฝรั่งนั่น “Wh – What’s going on here??!!”
“Mom, I just slipped and this guy is helping me” แม่? อ่อ ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ไอ้ฝรั่งขี้นกนี่อ่ะนะ... แต่เห้ย เดี๋ยวก่อน กูฟังที่มันตอแหออกนะเว่ย ไอ้นี่นิ่
“Gosh! How come you’re so clumsy!!” หญิงคนนั้นพูดอะไรเหมือนปรามๆลูกเค้าสักอย่างก่อนจะหันมาหาผม “เอ่อ ขอโทษแทนลูกชั้นด้วยนาคะที่แกซุ่มซ่ามไปหน่อยน่ะค่ะ”
“อ – เอ่อออ ม – ไม่เป็นไรครับ” เห้ย!! แหม่มพูดไทยได้????? แถมพูดชัดกว่าผมอีก อะไรเนี่ยะ เมพขิงๆ “จริงๆก็ช่วยๆกันไปน่ะครับ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ ยังไงเพื่อเป็นการขอโทษ เชิญคุณมาทานเค้กกับเราก่อนก็ได้นะคะ”
“เอ่ออออ ไม่เป็นไรดีกว่าฮะ รบกวนเปล่าๆ” แหงล่ะครับ ใครจะอยากไปเข้าห้องไอ้ฝรั่งขี้นกนี่... ถึงแม่มันจะดูใจดีก็เหอะ
“It’s alright. ไม่ได้รบกวนอะไรเลยค่ะ มาเถอะ” คุณแหม่มพูดจบก็เข้ามาลากมือผมไปที่ห้องเค้าโดยมีหน้าไอ้ฝรั่งขี้นกมองอย่างค้านๆ เช่นเดียวกับหน้าผมที่เอ๋อรับประทานไปเช่นกัน
หลังจากผมล้างหน้าล้างตาในห้องของไอ้ฝรั่งเรียบร้อย แม่ของมันก็ให้ผมกินเค้กเพิ่ม ซึ่งดูเหมือนไอ้ฝรั่งมันจะไม่ชอบใจมากนัก คาดว่าคงจะไปแย่งของมัน ผมจึงหันไปยิ้มเยาะมันอย่างมีชัย คิคิ สะใจว่ะ
“เอ่อออ ดิชั้นชื่อ นาตาชาค่ะ นาตาช่า แมคอาดัมส์” คุณแม่ฝรั่งผมน้ำตาลบอก ก่อนจะผายมือไปที่ไอ้ฝรั่ง “ส่วนนี่ แอนนี่ค่ะ แอนนี่ แม็คอาดัมส์”
พรืด… อะแฮ่มๆๆ“ขอโทษครับ พอดีเสลดติดคอนิดหน่อย” ผมพูดเสียงอ่อยๆหลังจากพยายามเปลี่ยนจากการหัวเราะ มาเป็นกระแอม ผู้ชายบ้าอะไรชื่อแอนนี่ แต๋วชะมัด... เหมือนมันจะรู้ครับว่าผมขำ หันมาค้อนใหญ่ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจครับ ยักไหล่ยิ้มๆ (วะฮ่าๆๆๆๆๆๆ) “ผมชื่อ พริก ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
พรืด… อะแฮ่มๆๆ ไอ้ฝรั่งชื่อแต๋วหัวเราะพรืดชัดเจนกว่าผม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระแอมเช่นกัน ทั้งผมทั้งคุณนาตาชาหันไปมองมันสายตากินเลือดกินเนื้อ มันจะขำอะไรชื่อผมวะครับ?? มันโบกไม้โบกมือเชิงขอโทษ แต่หน้ามันยังคงยิ้มอยู่ ตอนนี้ผมก็แอบเห็นคุณนาตาชายิ้มเล็กๆแล้วครับ
“Sorry, I just… think of something… Prick”
พรืด… อะแฮ่มๆๆเห้ย อะไรเนี่ยะ คราวนี้เป็นคุณนาตาชาแอบขำแทน
“Ah! Sorry. รู้สึกเจ็บคอเหมือนกันนะค่ะ Anyway, คุณ – พริก ต้องขอโทษอีกทีเรื่องเมื่อกี๊นะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่แอนนี่แกพูดไทยไม่ค่อยได้น่ะค่ะ” อย่าเปลี่ยนเรื่องสิโว้ยยยยย ชื่อกูมันฮาตรงหนายยยยยย - -****
มันได้แต่คิดอย่างงั้น แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปหรอกครับ มันคงน่าเกลียดกับผู้หลักผู้ใหญ่
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ว่าคุณนาตาชานี่พูดไทยคล่องจังเลยนะครับ”
“อ่อ พอดีเมื่อก่อนดิชั้นเคยมาอยู่เมืองไทยนี่แหละค่ะ อยู่มาห้าปีก็เจอกับพ่อแอนนี่เค้า แล้วเราก็ย้ายกลับไปอเมริกาหลังจากชั้นมาอยู่ได้สิบเอ็ดปี”
“อย่างงี้ก็แสดงว่า แอนนี่เป็น...”
“Yep, I’m half-caste”
???? อะไรแคทๆของมันนะ แมวเหรอ?? ซึ่งเหมือนคุณนาตาชาแกจะเห็นผมทำหน้างงๆน่ะครับ
“แอนนี่หมายถึงว่า แกเป็นลูกครึ่งน่ะค่ะ” อ๋ออออออ อย่างงี้นี่เอง ไอ้แค้ทๆไรนี่แปลว่าลูกครึ่งสินะ แต่จะว่าไป ไอ้หมอนี่ดูไปดูมาก็หน้าโซนเอเชียได้เหมือนกันนะ บางมุมก็ฝรั่ง บางมุมก็เอเชีย เอ้ออออ ก็หล่อแบบสองภูมิภาคดีแหะ.... แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับเค้านะคุณ อย่าคิดไปไกลฮะ
“แล้วงี้ - ไมพูดไทยไม่ได้ล่ะ ….แอนนี่” ผมหันไปถามมันด้วยสีหน้าฝืนพูดสุดๆ แกล้งพูดสุภาพกะมันนี่มันกระดากปากจริงๆ แต่ทำไงได้ แม่มันอยู่ ด่าไม่ได้
ซึ่งเหมือนมันเองก็ทำหน้าฝืนรับฟังผมพูดไปนะ
“I can but….. ซำเนี๊ยงมันออกหมาร์แปลกค์หมายเล่อะห์ (สำเนียงมันออกมาแปลกมั้ยล่ะ)” ........พรืดดดดดดดดดดดดดดด วะฮ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอยยยยยยยยย
ไม่เคยได้ยินฝรั่งคนไหนพูดออกมาแล้วฮาขนาดนี้ ไม่สิ ไอ้นี่มันลูกครึ่งด้วยซ้ำ
“อะ อะแฮ่ม ขอโทษครับ” ผมรีบกลั้นหัวเราะทันที ลืมไป แม่มันอยู่
“ไม่เป็นไรหรอกค่า” คุณนาตาชาพูดกลั้วหัวเราะ “ดิชั้นเองยังขำเลย คนอื่นได้ฟังก็หัวเราะกันทั้งนั้น อ้อเดี๋ยวขอตัวไปล้างจานก่อนนะคะ”
เธอว่าพลางเก็บจานทั้งหมดแล้วหายไปในห้องครัว ทิ้งผมไว้ให้อยู่กับไอ้แอนนี่
หลังจากเธอไปได้ไม่นาน ผมก็อดไม่ได้ครับ ขอกัดมันซะหน่อย
“นี่ แอนนี่” ผมลากเสียงพลางขยับตัวไปใกล้ๆมัน พยายามทำท่าสะดี้ดสะดิ้งกวนโอ๊ยที่สุด
มันมองมาหน้าตาเหลอหลา
“……What?”
“เป็นตุ๊ดรึเปล่าเนี่ยะเทอร์ ชื่อแอนนี่เนี่ยะ น่ารักเชียวนะยะ” กัดไปได้หนึ่งดอกครับ เล่นซะไอ้ฝรั่งหน้าเสียเลย
“It’s Anthony. Annie is just my nickname”
“แล้วทำไมมึงไม่ชื่อเล่นชื่อ โทนี่ล่ะวะ แหมมมมมม เมิงอยากชื่อแอนนี่เองก็บอกมาเห๊อะ”
“Noooo! Everyone calls me Annie. I don’t know why and that’s it.” วะฮ่ะๆๆๆๆ แม่งเถียงไม่ออกครับ หน้าตาเอ๋อยิ่งกว่าเดิมอีก
“Oh – By the way, why is your name Prick?” เวรกรรม สวนคำถามมาอีก เอ๊ะ ว่าแต่ชื่อผมมันเอาไปแซวอะไรได้วะเนี่ยะ
“อะไรมึง ก็พริกไง กินแล้วเผ็ดๆ” ผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าผมแสดงความงงงวยแค่ไหน
“Really? You really don’t mean anything else?” มันถาม หรี่ตาทำหน้ามีชัย
“ม – มันมีความหมายอื่นด้วยเหรอวะ” ก็ผมไม่แน่ใจนี่ครับ
“Awwww. How naïve you are”
“ล – แล้วมันแปลว่าไรล่ะเห้ย ไม่บอกกุ”
มันหัวเราะเยาะเย้ยผมอีกรอบครับ (อายชิบเลยตรู) แล้วมันก็ชี้มาที่หว่างขาผม
“เห้ยๆๆๆๆ! ทำเหี้ยไรมึง อยู่ดีๆมาชี้เป้ากู” ผมโวยวายแล้วรีบเอามือปิดทันที
“Calm down, you idiot! I didn’t even want to point at yours” มันทำหน้าขึงขังก่อนอธิบายต่อช้าๆ “It’s a slang word means…”
“Penis” มันพูดชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะยิ้มกว้าง หน้าผมเริ่มแดงแล้วครับ
อายชะมัดเลยเห้ย!! ชื่อกูทำไมมันกลายเป็นแปลว่า โอโบ๊ะจามะ ไปได้ว้า อ๊ากกกกกก!!!
“เห้ย! เมิงอย่ามามั่วซั่วนะ!! ชื่อกุเนี่ยนะจะแปลว่า ค-ย!! เมิงจะหลอกด่ากูก็บอกมาเหอะ!!”
“I’m serious” เมิงบอกเมิงซีเรียส แต่หัวเราะไปด้วยเนี่ยนะ “You can ask my mom if you want to”
T____________________T
มีหลักฐานยืนยันอีก ฮือออออ ตอนแรกจะแกล้งมัน กลายเป็นมันแกล้งกลับเลยงานนี้ โชคดีนะเนี่ยะ คุณนาตาชากลับมาพอดี
“คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ ดูสนิทกันเร็วดีจังเลย” เข้าใจผิดแล้วครับ
“เอ่ออออ ป – เปล่าครับ พอดีทำความรู้จักแอนนี่นิดหน่อยน่ะฮะ ฮ่ะๆๆๆๆ”
“Mom, he just wondering t-“ ผมรีบกระโจนไปปิดปากมัน ทำให้คุณนาตาชาทำหน้างงๆ
“อ่อๆๆๆ ผมแค่สงสัยว่า คุณนาตาชาทำงานอะไรน่ะครับ ฮ่ะๆๆๆๆๆ” เฮ้ออออออ เกือบแถไปไม่ถูก
“เอ๊ด อี โอออออ (Let me go)” มันโวยวาย ผมเลยปล่อยมือออกจากปากมันครับ มันก็หันมาค้อนใส่ผมอีก เอ๊า ไอ้นี่! กุผิด??
“ดิชั้นทำงานให้สถาบันภาษา International Language Institute ในประเทศไทยน่าค่ะ”
“อย่างงี้คุณนาตาชาก็เป็นครูสอนภาษาเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นก็ดีเลยสิครับ พอดีผมอยากจะหาที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่พอดี ถ้ายังไงช่วยสอนให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”
“อ่อ ได้สิคะคุณ – พริก” -_-“”
“แต่ดิชั้นว่า...” หือ อะไรครับคุณนาตาชา มีแต่ดิชั้นว่าด้วยเนี่ยะ “ดิชั้นว่า ให้แอนนี่สอนให้ดีกว่ามั้ยคะ”
........................
.....................
...............
..........
.....
..
เห๊ะ?? ผมหูฝาดรึเปล่า
“อะฮ่ะๆๆๆๆ ไม่เป็นไรมั้งครับ เกรงใจแอนนี่เค้า”
“Yep, couldn’t agree more” ไอ้ฝรั่งช่วยเสริมจริงจัง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดีซะอีกนี่คะ ยังไงดิชั้นก็กะอยากจะฝากแอนนี่ให้เรียนภาษาไทยกับคุณพริกอยู่แล้ว ถ้าลูกคนนี้เกิดเข้ามหา’ลัยแล้วใช้ภาษาไทยไม่ได้ คงสื่อสารกับเค้าลำบากน่าดูเลยค่ะ” กลายเป็นงั้นไป! จะให้ผมสอนไอ้เด็กฝรั่งนี่ด้วยเนี่ยนะ “คุณพริกจะได้เรียนภาษาแบบไม่ต้องเสียเงินเลย ถ้าเรียนกับดีชั้นนี่ต้องเสียเงินนะคะ”
เอออออ ก็จริงนะได้เรียนฟรี เห้ย!! มันใช่ประเด็นซะที่ไหนล่ะครับคุณนาตาชา
“อ – เอ่อออ คุณนาตาชาครับ ผมว่า –“
Oh my pretty pretty boy I love you
Like I …โทรศัพท์คุณนาตาชาดังขึ้น ไอ้โทรศัพท์บ้า!!
“เอ่ออ งั้นตกลงตามนี้นะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะคุณพริก” เธอก้มหัวเล็กน้อยขอบคุณผม โดยมีผมกับไอ้ฝรั่งนั่งหน้าเอ๋ออยู่ “ดิชั้นขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”
แล้วเธอก็เดินออกไปพร้อมความงุนงงของผมและไอ้ฝรั่ง ไอ้ครั้นผมจะปฏิเสธคุณนาตาชาอีกก็กระไรอยู่ ก็นางเล่นคิดซะว่าผมรับปากไว้แล้วซะด้วย แต่จะว่าไป ทนๆกับไอ้ฝรั่งนี้อีกหน่อยละกัน ถ้ามันทำตัวน่ารำคาญก็ค่อยเตะโด่งมันก็ได้ เฮ้อออออ
“ฟังนะ พรุ่งนี้มึงมาที่ห้องกู แล้วเดี๋ยวกูจะเตรียมเรื่องที่จะให้มึงสอน แล้วกูจะสอนมึงด้วย เข้าใจมั้ย” ผมทำหน้าเซ็งหันไปบอกกับมัน “กูก็ไม่ได้อยากจะสอนไรมึงนักหรอก ถ้าไม่ติดว่าแม่มึงขออ่ะนะ”
“Like I want to” แม่งตอบหน้ากวนตีนมาอีกครับ - -*
“เออ!” ผมตอบเซ็งๆก่อนจะเดินไปลาคุณนาตาชา แล้วเดินกลับมาที่ห้องผม
เฮ้อออออ ความซวยของผม ทำไมมันไม่หมดซะทีวะครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากสอนกันมาสามวัน ซึ่งสุดท้ายก็มาลงที่อิหรอบเดิม... ด่ากันทุกที ด่ากันไปด่ากันมา จนผมรำคาญมากแล้ว และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมพยายามจะใช้ความอดทนกับมันจนสอนมันได้เกินครึ่งชั่วโมงเป็นครั้งแรก (เช้ดดดดดดดดดดด)
“ผม – อา – ยุ – สิบ – แปด – ปี อ่ะ ไหนมึงลองพูดดิ๊” ผมค่อยๆชี้สะกดคำทีละตัวที่เขียนในกระดาษให้ไอ้ฝรั่งดู
“พอมอายูสี่แป๊ทผี” -*-
“โอยยยย ไม่ใช่ๆๆ ผม – อา – ยุ – สิบ – แปด – ปี”
“พ้มพะยูนซี่แพทปี้”
“ปี้เหี้ยไรมึงล่ะ ปีๆ กูบอกว่าปี ก็ปีดิ่”
“I’m trying!! Okay??”
“เฮ้อออออ เออๆๆ มึงไปท่องคำนี้มาด้วยแล้วกัน” ผมตอบอย่างรำคาญ ก่อนจะเปลี่ยนมาชี้ประโยคภาษาอังกฤษที่ไอ้ฝรั่งเขียนโน้ตมาให้ผมบ้าง “มึงมาสอนคำนี้กูมั่ง”
“Okay, this sentence is used in the situations like when you apply for a job and –“
“มึงไม่ต้องอธิบายยาวหรอก สอนกูมาเหอะ” ฝรั่งขี้นก หันมาทำตาเขียวใส่ผมทันที ตากูไม่แคร์หรอก ยักไหล่ ไม่ใส่ใจ อะฮุฮุฮุ
“Huhhhh. Well, repeat after me” มันบอกก่อนจะชี้ไปที่แต่ละตัวอักษร “I would like to apply for a job and this is my resume”
“ไอวู้ดไลค์ทูแอพพายฟอร์อะจ้อบแอน... แอนอะไรนะ”
“And this is my resume”
“แอนดิ้ดอิ๊ดมายเรซูมี่”
“No, No, No, No, No. ‘Re-su-me’ (เรซูเม่) not ‘Re-su-myyyyy’ (เรซูมี่) and ‘This is’ not ‘did id’, alright. Try again… And let’s not see the note” แล้วมันก็ดึงโน้ตคำที่มันเขียนออกไป
“ไอวู้ดลายทูแอพพลีฟอร์โบลจ๊อบ...”
“Stop! Stop!... What the fuck is that blow job about??!” มันโวยวาย
“เอ๊า กูจำไม่ได้นี่หว่า จำได้ว่า จ๊อบๆ กูก็นึกออกแต่ โบลจ๊อบ นี้แหละ”
“You are such a perv!!”
“เพิ้บไรวะ เพอเฟ็ค??”
“I mean pervert เว่ย!!” แน่ะ ที่คำด่าละมึงชัดถ้อยชัดคำไทยเลยนะเห้ย!!
“เอ๊า!! ไอ้นี่ ก็คนมันจำไม่ได้จะให้กูทำไงล่ะวะ!!”
“Man!! Why don’t you try to focus on the lesson!!!”
“กูไม่ได้ใช้โฟกัสโว้ยย!! กูใช้ทรอซ!!”
“What??”
“อะไรวะ! โฟกัสไงมึง ยี่ห้อโรลออนไง เอ๊อ ไอ้นี่จวยว่ะ”
“Not that deodorant, you stupid! I mean try to listen to what I say, okay? If you don’t listen to me and speak properly I think you might speak some simple sentences like ‘I love cats’ or ‘I want to eat McDonald’ when you are 60!!!! Damn, Focus!!”
“แล้วมึงพูดมาอย่างงี้กูจะฟังรู้เรื่องม้ายย!!!”
“I already speak slowly!!! You dumb!”
“กูดำตรงไหน!! กูผิวคล้ำเฉยๆเฟ่ย!!”
“Gosh!! Why can’t you try to understand what I said?”
“พูดให้กูรู้เรื่องหน่อยสิวะ!! อย่างงี้กูจะสอนเมิงได้ม้าย!!”
“I tried every single damn method to make you understand clearly but you don’t!!”
“เมิงพูดอะไรของเมิ้งงงงงงงงงงงงง กุฟังไม่รู้เรื้องงงงงงงงงง”
“Ah, forget it. I’m tired” มันโบกมือโบกไม้หลังจากเบื่อหน่ายกับผม ซึ่งผมเองก็ไม่ต่างกัน คุยกันได้ไม่กี่คำก็ไม่รู้เรื่องแล้ว “I’m gonna leave now”
“เออ ไปเหอะมึงง่ะ ใครเค้าอยากให้มึงอยู่”
มันถอนหายใจ ก่อนจะหันมามองหน้าผม
“Bitch, be glad I walked in”
“อ่าว ไอ้เชี่ยนี่ด่ากุนี่ไอสัด” ผมรีบวิ่งจะไปกระโดดถีบนอดหน้ามัน แต่มันวิ่งเร็วกว่า ฝรั่งอะไรวะ วิ่งเร็วยังกะลิงลม ตลกจริงๆ 555555+ เอ่อออ.... แต่ก็น่ารำคาญชิบโป้งน่ะนะ
โอยยยยย แล้วอย่างงี้บทเรียนภาษาอังกฤษของผมจะไปรอดมั้ยเนี่ยะ... แล้วบทเรียนภาษาไทยของมันจะไหวมั้ย... คือผมไม่ได้ห่วงมันนะคุณ แค่คิดว่ามันจะไหวมั้ย แค่นิดนึง = =”
To be continued