งานนี้ ดูท่าไอ้หมีถึกจะไม่รอดแฮะ สหบาทาเพียบ :เตะ1:
.........................................
องก์ที่ 36
พี่ป็อปแกพาผมไปผับที่ไอ้หมีชอบไปบ่อยๆ แต่ไม่เจอ พี่แกเลยโทรหาเหล่าเพื่อนๆแกว่ามีใครเห็นไอ้หมีของผมมั้ย สุดท้ายก็เจอมันอยู่ที่ผับ.................... เห็นเพื่อนพี่แกว่า มากันเป็นกลุ่มเลย ผมกับพี่ป็อปเลยรีบตามไปดู ผมเองอยากจะเห็นกับตา ว่ามันเป็นอย่างที่พี่ป็อปแกว่ารึเปล่า.........ถ้าเป็นจริง......ผมเองก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลย
ผมเปิดประตูเข้าไปก็ผงะแล้ว มันมืด เสียงดัง แล้วก็เหม็นควันบุหรี่ไปหมด รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลย (ก็ผับทั่วๆไปแหละ แต่ผมไม่ค่อยชอบเลยอคตินิดนึง)
ผมก็มองหาไอ้หมีฟายตัวดี เคยมั้ยครับ เวลาที่เราให้ความสำคัญกับใคร ไม่ว่าคนๆนั้นจะอยู่มุมลึก ซอกหลืบไหน เราก็จะสังเกตุเห็นมันได้ไม่ยากเลย แล้วผมก็เจอมันครับ มันนั่งโต๊ะแถวมุมๆด้านหน้า นั่งกันเต็มโต๊ะเลย
:เชิป2:
ผมยืนมองดูสถานะการณ์อยู่ซักพัก แต่เท่าที่เห็นก็ไม่เห็นจะมีอะไร มันก็ดูเฮฮากับเพื่อนมัน ก็มีชนแก้ว ผมเลยเดินเข้าไปหามัน อยากจะรู้นักมันจะทำหน้ายังไง แต่จังหวะที่ผมเดินใกล้ถึงโต๊ะมัน ก็มีผู้ชายอีกคน เดินมาจากไหนไม่รู้ มากอดเอวมันแล้วก็ชนแก้ว ผมจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าไอ้หมี มันไม่กอดตอบ แถมยังกอดกันกลมเชียว
ด้วยระยะที่ใกล้ขนาดนี้ ทำไมผมจะไม่เห็น ว่ามันทำอะไร มันพูดอะไร แม้มันจะมืดและเสียงเพลงจะดังก็ตาม อารมณ์ผมปรี๊ดขึ้นในทันที
ผมหันไปหาพี่ป็อป ดูพี่แกทำหน้าตื่นๆ ทำท่าจะเดินมาฉุดผมไว้ แต่ไม่ทันแล้วพี่
ผมเดินเข้าไปแล้วคว้าถังน้ำแข็งที่โต๊ะสาดเข้าหน้ามันเต็มๆ
“เฮ้ย อะไรวะ” มันตวาดแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน แน่ล่ะ เป็นใครก็คงตกใจเป็นธรรมดา ผมอาศัยจังหวะที่มันหันหน้ากลับมา
สวนหมัดเข้าไปเต็มๆ 1 ดอก เพื่อนๆมันแตกหือ คงจะงงกันใหญ่
ผมกะจะสอยมันให้หมอบจนจำทางกลับไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ ถ้าไอ้เชี่ยที่นัวเนียอยู่ไม่วิ่งมาคว้าไอ้หมีไว้ ประคองกันใหญ่เชียวนะมรึง และก่อนที่เรื่องราวมันจะลามไปกันใหญ่ พี่ป็อปก็ลากผมออกมานอกร้าน
“ใจเย็นๆดิหนุ่ม ทำไมต้องรุนแรงด้วยล่ะ” แต่อารมณ์นี้ ผมจุกจากภาพที่เห็นจนพูดไม่ออก
น้ำตาผมไหลออกมาโดยไม่มีแม้เสียงสะอื้น ซักแป๊ปไอ้หมีก็ตามออกมา
“มรึงมาได้ไงเนี่ย” มาเดินมาจับแขนผม หน้าตามันดูตกใจพอสมควร แต่ผมสะบัดออกอย่างแรง
“พี่พามาเองแหละ เค้ากะจะมาเซอร์ไพร์เธอ คุยกันเองนะ” แล้วพี่ป็อปก็แยกตัวออกไป ปล่อยให้ผมกับมันยืนคุยกันอยู่ที่ลานจอดรถด้านหน้า
“มาทำไมไม่บอกล่ะ จะได้ไปรับ” หน้ามันยิ้มเจื่อนๆ
“ไอ้ส้นตรีน กรูโทรหามรึงสายแทบไหม้” ผมชี้หน้าด่ามัน
เลือดขึ้นหน้าแล้วผม
“กรูขอโทษ กรูไม่รู้ว่ามรึงอยากมา”
“อ๋อ ถ้ามรึงรู้ มรึงจะได้สับรางได้ถูกใช่มะ” ผมเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้ว
“มันไม่ใช่อย่างที่มรึงเห็นนะ”
“ไม่ใช่ยังไง มรึงไม่ได้กอดกัน มรึงไม่ได้ไซร้กันละซิ ตากูไม่บอดนะมรึง”
“กรูไม่ได้มีอะไรกับเค้าเลยนะ”
“ก็ถ้ากรูไม่มา มรึงคงมีไปแล้วซิ ไอ้สาดดดดด”
“ฟังกรูก่อนได้มั้ย กรูขอร้อง”
“เท่าที่กรูเห็นมันก็อธิบายได้ดีอยู่แล้ว มรึงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว กรูไม่อยากฟังคำแก้ตัว” แล้วผมก็เดินหันหลังกลับ ถ้าขืนอยู่ต่อ ไม่ผมก็มันต้องแหลกกันไปข้างนึง แต่ผมนึกอะไรได้ เลยหันหลังกลับไปบอกมัน
“ขอบใจสำหรับสิ่งตอบแทนความเชื่อใจของกรูนะ กรูซึ้งมาก” แล้วผมก็หันหลังวิ่งออกมา โดยไม่สนใจว่ามันจะพูดอะไร
ผมไม่อยากคิด ไม่อยากสนใจ แต่ทำยังไงก็ห้ามความคิดไม่ได้เลย มันเจ็บมากนะ ในเมื่อผมซื่อสัตย์และเชื่อใจมันขนาดนี้ มันยังทำกับผมได้ขนาดนี้
ผมโบกแท็กซี่กลับหอด้วยใจที่แค้นสุดๆ ตอนนี้น้ำตาผมไม่มีซักหยด สภาพผมตอนนี้คงทุเรศสิ้นดี กลับถึงห้องได้ ผมอยากจะหลับให้ลืมๆเรื่องที่ไปเห็นไปเจอมาซะ แต่ทำยังไงผมก็หลับไม่ลง ซักพักก็มีคนมาเคาะประตู
ก๊อกกก.......ก๊อกกก.......ก๊อกกก.......ก๊อกกก....... เชื่อได้เลย ต้องเป็นไอ้หมีแน่ ผมไม่ตอบ ไม่หือ ไม่อืออะไรทั้งนั้น
ก๊อกกกกกกกกกกก.......ก๊อกกกกกกกกกก คราวนี้มันรัวเลย จริงๆแล้วผมไม่อยากเปิดให้หรอก แต่ผมเกรงใจห้องข้างๆ
เปิดไปก็เป็นอย่างที่คิด ไอ้หมีนั่นเอง ยืนหน้าเจื่อนๆ ผมไม่พูดอะไรซักคำ เดินมาเก็บของที่เอามาจากบ้านมันออกมากองๆๆๆๆๆๆๆ
“ทำอะไร” มันเดินตามเข้ามายืนมองผม
“.............ผมไม่ตอบ............” ตั้งหน้าตั้งตาเก็บของที่เอามา คืนมันให้หมด
“กรูถามว่ามรึงทำอะไร” มันเดินมากระชากแขนผม ของร่วงเลย
“ไอ้สาดดดดด”
ผมตะโกนใส่หน้ามัน ระยะประชิด (น้ำลายคงโดนหน้ามันแหละ เหอๆๆๆๆ)
“มรึงทำแบบนี้ทำไม มรึงไม่คิดจะถามกรูก่อนหรอ” มันดึงแขนผมไว้ทั้งสองข้าง สงสัยกลัวผมจะชกมันอีก แต่ถ้ามันสวนมา ผมคงตายแน่
“ทำไมต้องถาม กรูไม่อยากรู้ ไม่สนใจเรื่องของมรึง มรึงจะทำระยำ อัปปรีที่ไหนก็เรื่องของมรึง” ผมพยายามดึงมือออก แต่ก็อย่างที่รู้ ว่ามันแรงเยอะกว่าผม (ผมโมโหแล้วปากร้ายสุดๆ มันควบคุมตัวเองไม่ได้อ่ะ)
“ให้มันได้อย่างนี้ซิ มรึงนี่นะ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยนะ”
“กรูก็เป็นแบบนี้แหละ มรึงก็ไม่ต้องยุ่งกับกรูซิ เชิญมรึงไปหาความสุขกับคนของมรึงเหอะ”
“เราจะพูดกันดีๆไม่ได้เลยรึไง” มันพูดเสียงนิ่งๆมาเลย แต่พอได้ด่ามัน ก็เหมือนกับได้ระบายความอัดอั้นออกไป ผมเลยยอมฟังมันซักหน่อย
“มรึงจะพูดอะไร พูดมา” ผมสะบัดมือมันออก แล้วไปนั่งที่ขอบเตียง
“กรูขอโทษ วันนี้กรูโทรหามรึงแล้ว แต่โทรไม่ติด กรูจะบอกมรึงว่าวันนี้กรูจะไปเที่ยวกับเพื่อน”
“กรูโทรหามรึงตั้งแต่เช้ายันมืด มรึงอย่ามาตอแหล” ให้มันได้อย่างนี้ซิผม (ผมปิดเครื่องแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง)
“เอาเป็นว่ากรูผิดที่ไม่ได้ขออนุญาติมรึงละกัน” มันทำเป็นส่ายหน้า ทำหน้าเซ็งโลก
“มรึงอย่ามาพูดเชิงว่ากรูผิดหน่อยเลย กรูโทรไปถามแม่มรึง แม่มรึงบอกว่ามรึงมาสังสรรกับที่แผนก กรูโทรถามเพื่อนที่แผนกมรึงแล้ว ไม่เห็นจะมีใครรู้เรื่อง นี่ขนาดกับแม่มรึงยังโกหกเลย แล้วกรูล่ะ กรูมันก็แค่เป็ดโง่ๆตัวนึง กรูไม่ทันมรึงหรอก” ดูมันอึ้งไปครับ คงไม่คิดว่าผมจะโทรไปหาแม่มัน
“กรูยอมรับว่ากรูเองก็ไม่ดี กรูผิด ทั้งๆที่มรึงไว้ใจ แต่กรูกลับทำลายความไว้ใจของมรึง แต่กรูสาบานได้ กรูแค่ไปเที่ยวเฉยๆ นั่นก็น้องที่รู้จักกันแค่นั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ”
“วงจรความไว้ใจกรูสร้างได้ครั้งเดียวด้วยซิ แล้วดูเหมือนไอ้เด็กนั่นมันจะคิดอะไรกับมรึงนะ สนองมันซะหน่อยซิ๊” ปากหนอปาก
“มรึงอย่ามาหึงไร้สาระได้ป่าววะ” ดูมันเองก็เริ่มหงุดหงิด
“ใช่ซิ กรูมันไร้สาระ งั้นมรึงก็ไปหาสาระที่อื่นเหอะ ปล่อยกรูไปเหอะ เอาของมรึงกลับไปด้วย” แล้วผมก็จับของมันยัดใส่ถุง ยื่นคืนให้มัน
“เฮ้อ......วันนี้คงพูดกันไม่รู้เรื่อง กรูกลับก่อนละกัน แล้วพรุ่งนี้กรูจะมาหา อย่าไปไหนล่ะ อย่าขี้ขลาดถึงขนาดต้องหลบหน้ากรูล่ะ” ดูเหมือนมันจะรู้ไปซะหมด ว่าผมคงไม่อยู่รอมันแน่ๆ พูดดักไว้ก่อนเลย
“นี่มันห้องกรู กรูจะอยู่รึไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับมรึง เอาของมรึงไปด้วย” แล้วผมก็ยัดถุงใส่ของๆมัน (ที่ขนมาให้ผมตอนแรก จำได้กันรึเปล่าเอ่ย) คืนให้มัน ผมไม่อยากได้อะไรที่เป็นของมัน ผมไม่ได้แค่รู้สึกโกรธหรือเกลียด แต่ผมรู้สึกขยะแขยง จนไม่อยากจะอยู่ใกล้มันด้วยซ้ำ
“เอาไว้นี่แหละ เดี๋ยวพอมรึงอารมณ์ดี กรูขี้เกียจขนมาใหม่” แล้วมันก็เดินออกไป จะเอาของไปกองไว้หน้าห้องก็กลัวมันหาย เกิดมันมาเอาคืน เดี๋ยวจะซวยอีก ผมก็เลยเอายองๆไว้ข้างประตูก่อน
เฮ้อ.......ทำไมมันเหนื่อยแบบนี้น๊อ .................