
ได้บริจาคเลือดกันแต่ต้นปี เหอๆๆๆๆ ดูท่าสมาชิกเล้า หื่นกว่าหมีกินเป็ดอีกนะเนี่ย

เห็นสมาชิกชอบแบบนี้ เดี๋ยวจัดให้อีกซัก 2-3 ฉาก

จะเสียเวลาอยู่ใย ไปต่อกันเลยดีกว่า วันนี้เร็วนิดนึง เนื่องจากอยากกินบะหมี่หมูแดง เลยต้องกลับเร็ว เหอๆๆๆๆ

เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นมั่กมาก

บะหมี่ บะหมี่ :เตะ1: โอ้ว....หมีฟายใจร้ายยยยยยยยย
....................................
องก์ที่ 44
หลังจากเสร็จสิ้นจากข้าวเช้าและไข่ดาวอีก 3 ฟอง ผมเห็นว่ายังพอมีเวลาก่อนที่ทีมงานนัดรวมตัว ผมเลยชวนมันไปดูห้อง(ผีสิง) อีกรอบ เพราะผมเอาโทรศัพท์ทิ้งไว้ในนั้น ตอนวิ่งออกมาก็ไม่ได้หยิบมาด้วย
จริงๆในบ้านที่ผมนอน อีก 2 ห้องก้มีคนนอนนะมันเลยดูไม่ค่อยจะน่ากลัว ผมให้ไอ้หมีนำไปก่อน พอเปิดประตูเข้าไป ก็ไม่เห็นมีอะไร แต่ที่น่าแปลกใจคือไฟในห้องปิด แอร์ก็ปิด ทั้งๆที่เมื่อคืนผมวิ่งออกไปขนาดโทรศัพท์ยังลืม แล้วจะเอาเวลาตอนไหนไปปิดไฟปิดแอร์
“เฮ้ย มรึง” ผมดึงแขนไอ้หมีไว้ กำลังคิดว่าผีมันปิดรึเปล่าหว่า
“เมื่อคืนตอนกรูออกไป กรูไม่ได้ปิดทั้งไฟและแอร์นะ” มันหันมามองหน้าผม หน้าตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“อาจจะมีใครเข้ามาปิดให้ละมั้ง” แล้วมันก็เดินออกไปหาเพื่อนมันที่อยู่ห้องข้างๆ ปล่อยให้ผมยืนอยู่คนเดียวในห้อง ที่ผมไม่ค่อยจะแน่ใจแล้วว่า มันเป็นผีจะมาปล้ำผมจริงหรอ
“ไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้เลยว่ะมรึง” ไอ้หมีเดินเข้ามาอีกรอบ เล่นเอาผมสะดุ้งเลย กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“อาจจะไม่ใช่ผีก็ได้นะมรึง คนรึเปล่า” ได้ยินแบบนั้น คิ้วผมยิ่งขมวด เพราะถ้ามันเป็นคนจริงๆ แสดงว่ามันก็คงรู้ว่าผมเป็นอะไร เลยกล้าทำแบบนี้ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
“ถ้าไม่ใช่ผี แล้วมันจะเป็นใครวะ” ไอ้หมียิ่งทำท่าหงุดหงิด
“แล้วเมื่อวานตอนมรึงเปิดไฟ มรึงดูดีแล้วหรอว่าไม่มีใครในห้อง” ผมสั่นหน้าเล็กน้อย
“พอกรูมองไม่เห้นใครกรูก็เปิดประตูออกไปเลย”
“แสดงว่ามรึงไม่ด้เดินดูรอบๆห้องก่อนออกไป” ไอ้หมีมันยักคิ้วให้ ผมพยักหน้าแทนคำตอบ
“แม่งเอ้ย ใครวะ”
.......................................... ความเงียบเข้าครอบงำ………………….
“รูปร่างมันเป็นยังไง ผู้หญิงรึผู้ชาย” อยู่ๆไอ้หมีมันก็พูดแทรกขึ้นมา
“ก็.........ตัวใหญ่ๆมั้ง น่าจะเป้นผู้ชายนะ” ผมพยายามนึก เท่าที่พอจะจำได้
“มรึงอย่ามั้งดิวะ เอาให้ชัวร์” ไอ้หมีมันหันมาขึ้นเสียงใส่ผม
“กรูจะรู้มั้ยล่ะ ก็กรูคิดว่าเป้นมรึงนี่ กรูเลยไม่ได้สนใจอย่างอื่น” ผมเองก็คิดหนัก เพราะถ้าเป็นคนจริงๆ เรื่องมันจะไม่ง่ายเลย
“เรื่องอื่นค่อยว่ากันเหอะ ออกไปลานกิจกรรมก่อนดีกว่า” ไอ้หมีมันคงรู้ว่าผมเองเครียดไม่แพ้มัน มันเลยเอามือมาแตะบ่าผมเบาๆ ผมพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่ใต้หมอน
“เฮ้ย โทรศัพท์หายว่ะมรึง” ผมพลิกหมอนดูทั้งสองใบ เลิกผ้าห่มออกก็ไม่เจอ
“ดูข้างเตียงดิ๊ ตกลงไปรึเปล่า” ไอ้หมีมันก็มาช่วยผมหา ผมลองเอาเครื่องไอ้หมีกดเข้าดู กะให้เสียงมันดัง แต่มันกลายเป็นบริการฝากข้อความ จะว่าแบตหมดก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะผมชาร์จมาเต็มที่ แบตก็ไม่เสื่อมซักหน่อย
“ไม่มีว่ะมรึง ทำไงดีอ่ะ” หลังจากที่หาจนทั่วแล้ว ดูท่ามันคงจะไม่อยู่แล้วแน่ๆ ค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าโดนขโมยแน่ ผมนั่งลงที่ขอบเตียง เอามือกุมขมับ อะไรนักหนาเนี่ย เมื่อคืนจะโดนใครปล้ำก็ไม่รู้ แถมมือถือก็หาย อะไรมันจะซวยได้ขนาดนี้
“ใจเย็นๆนะ ค่อยๆคิด กรูอยู่กับมรึง มรึงไม่ต้องห่วงอะไร โทรศัพท์หาย เดี๋ยวกรูซื้อให้ใหม่เอง ไม่มีอะไรแก้ไม่ได้หรอก” มันยืนตรงหน้าผม ค่อยโน้มหัวผมไปแปะที่พุงมัน แล้วเรามือลูบหัวผมเบาๆ ถ้าใครเสียใจ เศร้าใจ ไม่สบายใจอยู่ ยืมท่านี้ไปใช้ได้ครับ แนะนำเลย ได้ผมดีจริงๆ คุณจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นเยอะ เชื่อผม.......
“ขอบใจ” ผมขอบใจที่มันเข้าใจผม อยู่กับผมแล้วก็ให้กำลังใจผมเสมอมา
“วันนี้ไม่ต้องไปทำกิจกรรมแล้วแหละ เด่ยวไปเที่ยวกันดีกว่า เดี๋ยวกรูไปบอกเองว่ามรึงไม่สบาย” ผมเงยหน้ามองหน้ามัน
“เอากรูเป็นไม้กันหมาทุกทีเลยนะมรึง” อย่างน้อยมันก็ทำมห้ผมยิ้มออกมาได้
ผมเก็บของเข้ารถหมดแล้ว ส่วนไอ้หมีมันไปบอกทีมงานว่าวันนี้ลาไม่เข้า จะพาผมกลับ กทม ก่อน เพราะผมไม่สบาย ดูมันดิ ช่างจะสรรหาสารพัดเหตุผล แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่ามีคนเชื่อมันทุกครั้ง (ยกเว้นผม) จริงๆ
มันกลับมาที่รถพร้อมขนมปังปิ้งในมืออีก 4 คู่ ก่อนที่ผมจะได้ถาม มันก็ยื่นขนมปังให้ผมทั้งหมด
“อะไร” ผมทำหน้า งงๆ
“อ้าว ก็ขนมปังไง” ดูมัน
“เออ กรูรู้แล้ว แล้วเอามาให้กรูทำไม”
“ให้กินไง” แล้วมันก็ไปขยับสัมภาระหลังรถให้เข้าที่
“กรูอิ่มแล้ว” ผมยังแย้งมันไม่เลิก
“ก็เผื่อหิวอีกไง คนป่วยอะไรถามมากจริง ไปขึ้นรถ” ว่าแล้วมันก็เดินไปเปิดประตูให้ผม ผมเองยัง งงๆ ก็เลยยืนอยู่งั้น
“เอ้า มาดิ จะได้ไปกัน เด่ยวเค้าจับได้นะมรึง” ดูมันดิ๊ ผมก็เลยต้องเดินไปขึ้นรถ ก่อนจะก้าวขึ้นรถมันก็พูดว่า
“เชิญคร๊าบ” แล้วพอผมขึ้นเสร็จมันก็ปิดประตูให้ งงแฮะ มันเป็นอะไรของมันเนี่ย พอมันขึ้นรถได้ ผมหันไปมองหน้ามัน
“มรึง เป็นไรป่าวเนี่ย”
“จะทำหน้ามึนอีกนานป่ะเนี่ย กรูกลัวมรึงจะหิว ก็เลยเอาขนมปังมาให้ไง เดี๋ยวโมโหหิว อาละวาดใส่กรูทำไงล่ะ”
“แล้วประตู”
“ก็กรูอยากทำให้แฟนกรู มีไรอีกมะ” แล้วมันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ พูดไม่ออกเลยผม ผมเลยบอกให้มันรีบๆออกรถก่อนที่มันจะเลี่ยนไปกว่านี้
......................

...............................................
เราขับรถมาจอดซื้อของฝากที่ตลาดบ้านเพ ทั้งหมึกแห้ง กุ้งแห้ง รวมทั้งหอยดอง เอาไปฝากป๊าไอ้หมีมันด้วย ขาดไม่ได้คือขนมจาก และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ ผมเจอพี่แหม่ม จินตหราด้วยหละ ตอนแรกไม่เห้นหรอก พอเดินกลับมาเห้นเค้ามุงๆอยู่ ด้วยความที่เราเป้นคนไทยอะนะ ก็เลยไปมุงด้วย โอ้ว ดาราขวัญใจผมอีกคนนึงพี่แหม่มมาในชุดลำลองแบบสบายค่อดๆเลย
ผิวขาวมั่ก ผมเลยเข้าไปขอถ่ายรูปกับพี่แก

พี่แกก็ใจดีนะ ถามผมว่า กล้องตัวไหนคะ แล้วแกก็หันไปทางกล้องผมตัวนั้น ดีใจมากมาย ผมถ่ายเสร็จเดินออกมา ก็มีแต่คนขอถ่ายรูปกับแก นึกๆไปก็น่าสงสารเหมือนกัน มาเที่ยวสบายๆทั้งที กลับมาเจอฝูงมหาชน เนี่ยแหละน๊า คนของประชาชน
ผมเดินไปเลือกซื้อโคมไฟที่ทำจากเปลือกหอย เห็นว่ามันสวยดี รู้ว่าเป้นการไม่อนุรักษ์ แต่มันสวยจริงๆแล้วไหนๆเค้าก็ทำมาขายแล้วด้วย
(สมาชิกคนไหนทายถูกว่าใครขโมยโทรศัพท์ผมไปจะยกให้เป้นรางวัล......พูดจริงๆหนะ)
จากนั้นก็เข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแถวๆนั้น คนเยอะมาก เด็กๆเพียบเลย ค่าเข้าแค่คนละ 20 บาทเอง เข้าในก็มีปลาเยอะแยะ แบ่งเป้นหลายโซน แล้วก็มีอุโมงปลาให้เดินลอดได้ด้วย แต่ถ่ายรูปห้ามใช้แสงแฟลตนะครับ เค้าว่าปลามันจะตื่นตกใจ
มีทั้งปลาที่เคยเห็นอยู่บ่อยๆ รวมทั้งปลาแปลกๆก็เยอะ หน้าตาน่าเกลียดก็มี ถ้ารู้ว่าน่าเกลียดขนาดไหน ต้องลองไปดูให้ได้ครับ ผมว่าคุ้มนะ เดินกันร่วมชั่วโมงได้ พอออกมา มันก็พาผมไปชมวิวที่หาดสวนสน คนเงียบมากเลย คงเพราะมันเป็นหาดที่ไม่ค่อยมีใครลงเล่นกัน แต่ทิวสนตั้งเป้นแนวตรง ขนานไปกับถนนที่ทอดยาวออกไป มอวเห็นเป็นอุโมงต้นสนที่ก้านใบกระทบหอกล้อกับแสงแดดรำไรที่ส่องผ่านเข้ามา สวยมากจริงๆครับ เงียบ สงบ อากาศก็บริสุทธิ์

ผมกับมันอาศัยช่วงที่ถนนว่าง ไม่มีรถ วิ่งไปถ่ายรูปกันกลางถนน เพื่อจะได้เห็นทิวสนที่ทอดยาว พอรถมา ก็วิ่งกลับเข้าข้างทาง

สนุกดีครับ ตื่นเต้นดี เหอๆๆๆๆ
ถ่ายรูปกันซักพัก ก็ขับเรียบหาด ปิดแอร์ เปิดกระจก รับลมทะเลกลิ่นคาวๆแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบนะ เราแวะกินข้าวกันอีกรอบที่ร้านริมทะเลแถวๆนั้น ไอ้หมีให้ผมเป้นคนสั่ง แต่ผมก็กลัวจ้เลือกไม่ถูกใจมัน มันเองก็คงอยากให้ผมกินอย่างที่ผมชอบ โดยที่มันก็ไม่รู้ว่าผมเองก็คิดแบบเดียวกับมันนั่นแหละ (มีใครเป็นแบบนี้บ้าง)
เลยตกลงว่าผมกับมันเลือกคนละอย่าง ส่วนอีก 1 อย่างเอาที่ชอบกินด้วยกันทั้งคู่ สรุปแล้วเมนูก็มี กุ้งอบวุ้นเส้น(ของไอ้หมี) ไข่เจียวหอยนางรม(ของผม) แล้วก็ที่ขาดไม่ได้ต้มยำรวมมิตรทะเลไม่เอาหอย
มัวแต่เอ้อระเหยไป-มา แวะนั่น เที่ยวนี่ไปเรื่อย กว่าจะได้กลับถึงห้องก็ทุ่มกว่าแล้ว เหนื่อยชมัด
